พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    กำลังหาอีกสองเสือครับ

    จะได้เป็นห้าเสือ ทบ.ครับ

    .
     
  2. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
  3. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    พี่หนุ่มครับ ขอข้อมูลด้วยคนครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่อหลายปีก่อน เคยนำพระผงรูปเหมือนหลวงปู่แสง วัดมณีชลขันธ์ออกให้เพื่อนๆเวปพลังจิตทำบุญช่วยเวปมาก่อนตามข้อมูลนี้ครับ...


    เมื่อปี๒๕๑๐ เศษๆเจดีย์ที่หลวงปู่แสง(ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังในอดีตซึ่งท่านก็เป็นหนึ่งในพระอาจารย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมฺรังสี)นั้นได้ชำรุดทรุดโทรมลงทางคณะสงฆ์ได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่และได้พบว่าที่คอระฆังมีร่องรอยคนร้ายลอบมาเจาะเพื่อเอาของมีค่าออกไปซึ่งในโพรงดังกล่าวได้พบผงซึ่งบรรจุอยู่ในโถดินเผาจึงได้นำเอาผงดังกล่าวมาใช้เป็นมวลสารในการสร้างพระผงรูปเหมือนหลวงปู่แสงขึ้นเป็นครั้งแรกโดยมีมวลสารอื่นๆที่สำคัญคือว่านต่างๆเป็นจำนวนมาก

    พระชุดนี้ได้สร้างขึ้นที่วัดมณีชลขันธ์โดยอาศัยพระภิกษุและสามเณรช่วยกันตำผงและกดพิมพ์กันเองแล้วนำเข้าพิธีที่พระอุโบสถวัดมณีชลขันธ์เมื่อปี๒๕๑๘ โดยมีพระเถราจารย์ที่เข้าร่วมพิธีบางส่วนดังนี้

    <O:p</O:p
    หลวงพ่อพริ้งวัดโบสถ์โก่งธนู<O:p</O:p
    หลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง<O:p</O:p
    หลวงพ่ออุตตมะวัดวังวิเวการราม<O:p</O:p
    หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี<O:p</O:p
    หลวงพ่อบุญมีวัดเขาสมอคอน<O:p</O:p
    หลวงพ่อมังวัดเทพกุญชร<O:p</O:p
    หลวงปู่สิมวัดถ้ำผาป่อง<O:p</O:p
    หลวงปู่ครูบาธรรมชัย<O:p</O:p
    หลวงพ่อบางวัดหนองพลับ
    <O:p</O:pเป็นต้น

    <O:p</O:p
    ต่อมาได้นำเข้าพิธีอีกครั้งในปี๒๕๑๙ โดยสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชที่ศูนย์สงครามพิเศษและครั้งที่สามที่วัดมณีชลขันธ์ในคราวหล่อรูปเหมือนหลวงปู่แสง<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    พระกริ่งพุทโธจอมจักรพรรดิ หลวงปู่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์

    คอลัมน์ หลังเลนส์ส่องพระ

    เอกอุ




    [​IMG]



    สิ่งมงคลดลผลเลิศ "พระกริ่ง" นามประเสริฐองค์ "พุทโธ" โตไพศาลจอมเจ้าแจ้งโลกชั่วกัปกาล ยิ่งใหญ่ปาน "จักรพรรดิ" วัฒนา พระกริ่งสำคัญของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศาราม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ซึ่งท่านได้นำพระกริ่งสมัยราชวงศ์ถัง กริ่งเก่าโบราณอายุกว่า 1,000 ปี เป็นต้นแบบ พระกริ่งลักษณะนี้ตำราจีน "ลัก จั๊บ กะ จื้อ" ท่านว่าเป็นกริ่งที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องความเป็นโภคทรัพย์ ความเป็นมหาเศรษฐี การเงินการทอง การทำมาค้าขายร่ำรวย เพราะในสมัยราชวงศ์ถัง

    กษัตริย์ "ถังไท่จง" ได้ส่งราชทูตไปเจรจาค้าขาย เจริญสัมพันธไมตรี จนทำให้ราชวงศ์นี้ เจริญรุ่งเรือง การค้าการขายงอกงาม บริหารประเทศอย่างแข็งขันทำให้ราชวงศ์ถังเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่เคยมีมาก่อน มีคำกล่าวไว้ว่า "มีเงินล้นท้องพระคลัง" พระกริ่งที่สร้างในสมัยราชวงศ์ถัง จึงนิยมบูชากันมากเพราะ เรียกว่า "พระกริ่งเจ้าทรัพย์" หรือ "พระกริ่งแห่งความเจริญรุ่งเรือง ใครได้ไว้บูชา ร่ำรวยขึ้นทันตา


    <DL class="wp-caption "><DT class=wp-caption-dt>
    </DT><DT class=wp-caption-dt>[​IMG]</DT></DL>​


    ปัจจุบัน พระกริ่งราชวงศ์ถังแท้ๆ สนนราคาเล่นหาในหมู่นักสะสมตกองค์ละเป็นล้าน และอยู่ในหมู่เศรษฐีหมดทุกองค์ หาชมยังยาก ครั้งนี้จึงเป็นครั้งประวัติศาสตร์ ที่วัดสัมพันธวงศาราม ได้นำพระกริ่งราชวงศ์ถังแท้ๆ ที่เป็นของเจ้าสัวร้อยล้านมาเป็นองค์ต้นแบบ สร้างพระกริ่งถวายให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อธิษฐานจิต ภายในบรรจุเส้นเกศาท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ใสเป็นแก้ว ซึ่ง "เจ้าคุณโก มินทร์" วัดสัมพันธวงศาราม เก็บรักษาใส่ไว้ในผอบเบญจรงค์อย่างดี เมื่อนำออกมาดูปรากฏว่าเกศานั้นจับกันเป็นก้อน และมีเม็ดของแข็งสีขาว เกิดขึ้นหนึ่งเม็ด แต่ที่สำคัญมากว่านั้นคือ เกศาที่มีวรรณะสีขาวแสดงความใสสว่างให้เห็นอย่างชัดเจน ส่วนเกศาที่อมดำกลับเป็นประกายเงางามเหมือนนิล นับเป็นเรื่องมงคลไม่น้อย เส้นเกศาทั้งหมดได้นำบรรจุอยู่ในองค์พระกริ่งทุกองค์ เพื่อเผยแพร่สิ่งมงคลอันประเสริฐให้สาธุชนได้บูชา ตามพุทธพจน์ที่ว่า "ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมังฯ" การบูชาชนที่ควรบูชาเป็นมงคลอันสูงสุด


    และที่สำคัญมีส่วนผสมของ "ศิลาน้ำเจ้าทรัพย์" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ของเก่าเก็บกว่าครึ่งศตวรรษ เกิดจากคราว "พระครูชินเทพ" ผู้ที่ครอบครอง ตึกบำเพ็ญบุญ (ตึกเหลือง) ต่อจากท่านเจ้าประคุณพระมหารัชมังคลาจารย์ (เทศ นิทเทสโก) อาจารย์ใหญ่ของคุณแม่บุญเรือน ซึ่งท่านมรณภาพ เมื่อปี 2510 ท่านเห็นความสำคัญกับของเก่าอย่างนี้มาก จึงเก็บรวบรวมของที่กระจัดกระจายอยู่เข้าไว้ในกุฏิของท่านด้วย

    เมื่อคราวที่ พระครูชินเทพมรณภาพลง มีการสำรวจพระเครื่องรุ่นต่างๆ จึงมีของเก่าปรากฏให้เราเห็นอย่างทุกวันนี้ คราวนั้นที่เปิดห้องสำรวจพบ "ศิลาน้ำ" ของเก่าที่คุณแม่บุญเรือนอธิษฐานธรรมไว้ ก่อนปี 2499 ซึ่งคาดว่า คุณแม่บุญเรือนได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องครั้งแรกที่วัดสัมพันธวงศ์ และพิธีโสฬสมหาพรหม ที่วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง ทำพิธีถึง 18 วัน 18 คืน ด้วยพระสายระยอง ซึ่งมีหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง, หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เป็นต้น พร้อมสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่นอีก 100 กว่าองค์ นำโดย พระอาจารย์สิงห์, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, ท่านพ่อลี ธัมมธโร และยอดพระเกจิอาจารย์จากส่วนกลาง ที่เป็นอริยะ อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นต้น


    [​IMG]


    พระกริ่งพุทโธจอมจักรพรรดิ ทุกองค์มีโค้ดและหมายเลขกำกับ พระกริ่งพุทโธจอมจักรพรรดิ บรรจุศิลาน้ำเจ้าทรัพย์ และเกศาแก้วสมเด็จฯ เนื้อเงิน ปิดฝากริ่ง ทองคำ สร้างจำนวน 593 องค์ บูชาองค์ละ 4,999 บาท, เนื้อเงิน ปิดฝากริ่งเงิน สร้างจำนวน 993 องค์ บูชาองค์ละ 2,599 บาท, เนื้อนวะปิดฝากริ่งนวะ สร้างจำนวน 2,993 องค์ บูชาองค์ละ 999 บาท, เนื้อฝาบาตรปิดฝากริ่งฝาบาตร สร้างจำนวน 3,993 องค์ บูชาองค์ละ 399 บาท

     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อรุณสวัสดิ์วันอาทิตย์หรรษาครับ

    เบอร์บาตอฟยิง5 ผีเผากุหลาบเกรียม7-1

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="295"><tbody><tr><td width="100%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="3" width="100%"><tbody><tr><td align="left" valign="top">
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table> </td> <td background="images/line_right.gif">
    </td></tr></tbody></table>
    [​IMG]


    ขึ้นจ่าฝูง


    <style>p { margin: 0px; }</style> ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ชิพ วันเสาร์ที่ 27 พ.ย. "ผีแดง"แมนฯ ยู เปิดรังโอล์ด แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ"กุหลาบไฟ"แบล็กเบิร์น เริ่มเกมเพียงแค่ 2 นาที แมนฯยู ขึ้นนำจากจังหวะที่เวย์น รูนีย์ โหม่งเช็ดไปให้ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ซัดจ่อๆ ในกรอบเขตโทษ แมนฯยูขึ้นนำ 1-0 นาที 23 กองเชียร์เจ้าถิ่นเฮลั่น เมื่อ รูนีย์ เจ้าเก่า แทงบอลให้ ปาร์ค จี ซุง หลุดเข้าไปยิงเผาขน แมนฯยูหนี 2-0 ถัดมาอีกแค่ 4 นาทีแมนฯยูนำโด่ง 3-0 จากจังหวะที่กองหลังแบล็กเบิร์น โดน รูนีย์ เข้าไปกดดัน ทำให้จ่ายบอลคืนหลัง แต่ว่าเบอร์บาตอฟ ไปยืนดักไว้แล้ว จึงยิงสบายๆ ครึ่งแรก แมนฯยูนำห่าง 3-0

    ครึ่งหลังเริ่มแค่นาทีเดียว แมนฯยูได้ประตูเพิ่มจากจังหวะที่เบอร์บาตอฟ ที่อยู่ในกรอบเขตโทษ ซัดไม่เหลือซาก แมนฯยูนำ 4-0 และ เป็นการทำแฮตทริกของเบอร์บาตอฟ ถัดมาอีกหนึ่งนาที นานี่ ใช้ความสามารถหลุดเข้าไปยิงเอง แมนฯยูนำโด่ง 5-0 นาที 62 เบอร์บาตอฟ ซัดประตูที่ 4 ของตัวเอง จากลูกขลุกขลิกหน้าประตูแบล๊กเบิร์น แมนฯยู นำ 6-0 นาที70 เบอร์บาตอฟ ยิงประตูที่ 5 ให้ตัวเอง แมนฯยูหนีห่าง 7-0 ก่อนหมดเวลา8นาที แบล็กเบิร์นไล่มา 1-7 จาก คริสโตเฟอร์ แซมบ้า หมดเวลาแมนฯยูชนะ7-1 มี 31 แต้ม แซงเชลซีที่มี 28 แต้ม ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง


    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-1 แบล๊กเบิร์น
    <table class="livescores" border="1" cellpadding="1" cellspacing="0"> <tbody> <tr valign="top"> <td class="c1"> เบอร์บาตอฟ นาที2
    ปาร์กจีซุง นาที 22
    เบอร์บาตอฟ นาที 26
    เบอร์บาตอฟ นาที 46
    นานี่ นาที 47
    เบอร์บาตอฟ นาที 62
    เบอร์บาตอฟ นาที 70
    </td> <td class="c2"> </td> <td class="c3"> แซมบา นาที 82

    </td></tr></tbody></table>

    ที่มา ข่าวสดออนไลน์

     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    สังเกต 9 สัญญาณอันตรายของอาการปวดศีรษะ! <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">26 พฤศจิกายน 2553 12:27 น.</td></tr></tbody></table>
    อาการ "ปวดศีรษะ" นับเป็นหนึ่งในอาการพื้นฐานของทุกคนในบ้านที่เป็นกันได้บ่อย ไม่ว่าจะปวดศีรษะจากความเครียด เช่น ลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง ปัญหาด้านการเงิน รวมไปถึงปัญหาอื่น ๆ แต่ยังมีอาการปวดศีรษะบางประเภทที่เป็นอันตรายจนอาจทำให้คนในบ้านถึงแก่ ชีวิตได้

    สุดสัปดาห์นี้ ทีมงาน Life and Family มี ข้อมูลที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์จากศูนย์สมอง และระบบประสาท โรงพยาบาลเวชธานีเกี่ยวกับสัญญาณอันตรายของอาการปวดศีรษะมาส่งต่อกัน สำหรับใครที่ปวดหัวบ่อย ๆ ลองสังเกต 9 สัญญาณอันตรายที่จะกล่าวต่อไปนี้กันดู เริ่มจาก

    1. โรค และอาการเจ็บป่วยทางกายอื่นๆ ที่เกิดร่วมกับอาการปวดศีรษะ เช่น มีไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักลด มีประวัติโรคมะเร็ง การติดเชื้อ หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เอชไอวี ผู้ที่รับประทานยาบางประเภท เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาละลายลิ่มเลือด ยาลดภูมิคุ้มกัน ประวัติเหล่านี้บ่งบอกถึงโรคติดเชื้อ การอักเสบ และการแพร่กระจายของมะเร็ง

    2. อาการแสดงผิดปกติทางระบบประสาท ได้แก่ พฤติกรรม หรือบุคลิกภาพเปลี่ยนจากเดิม แขนขาอ่อนแรง ชา หรือการรับรู้ประสาทสัมผัสผิดปกติ การมองเห็นหรือการได้ยินผิดปกติ

    3. อาการปวดศีรษะที่เริ่มต้นหลังตื่นนอน มักบ่งบอกถึงภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงกว่าปกติ

    4. อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นรุนแรงอย่างเฉียบพลัน ซึ่งมักใช้เวลาเป็นเสี้ยววินาที บ่งบอกถึงภาวะวิกฤตของหลอดเลือดสมอง ทั้งเส้นเลือดสมองตีบ และแตก

    5. อาการปวดศีรษะครั้งแรกหลังอายุ 50 ปี แม้ว่าโรคปวดศีรษะปฐมภูมิหลาย ๆ ชนิดอาจเริ่มต้นครั้งแรกหลังอายุ 40-50 ปี แต่อายุที่มากขึ้นมักสัมพันธ์กับโรคอื่นๆ ที่อาจจะเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะได้ เช่น ก้อนเนื้องอก การติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลาง การอักเสบของหลอดเลือด ดังนั้นใครที่มีอาการปวดศีรษะครั้งแรกหลังอายุ 50 ปี จึงควรได้รับการเอกซเรย์สมองทุกราย ถึงแม้ว่าจะไม่พบความผิดปกติจากการตรวจร่างกายทางระบบประสาท

    *โรคปวดศีรษะปฐมภูมิ นั้น ไม่ใช่อาการปวดศีรษะที่มีผลจากการรับยา แต่เป็นการปวดศีรษะจากความเครียด ไมเกรน อาการปวดหัวแบบผสม และปวดแบบชุด ๆ

    6. ลักษณะอาการปวดศีรษะต่างจากอาการปวดศีรษะที่เป็นประจำ โดยเฉพาะอาการปวดศีรษะที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีช่วงเวลาหายปวด หรือมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้น

    7. อาการปวดศีรษะที่แย่ลงเมื่อไอจามหรือเบ่ง มักสัมพันธ์กับความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้นเช่นกัน

    8. อาการปวดศีรษะที่แย่ลง เมื่อมีการเปลี่ยนท่าทาง เช่น ปวดมากขึ้นเมื่อยืน นอน หรือเมื่อมีการเคลื่อนไหวของศีรษะและคอ อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบน้ำในโพรงสมองและไขสันหลัง หรือกระดูกต้นคอ

    9. อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นข้างเดียวตลอดเวลา หรือมักปวดบริเวณด้านหลังของศีรษะ แสดงถึงพยาธิสภาพที่อาจเกิดอยู่บริเวณนั้นของศีรษะ หากเป็นอาการปวดศีรษะทั่วไปมักมีการสลับข้างซ้ายขวาบ้าง แต่มักพบว่า จะปวดข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง

    ท่านใดที่มีอาการปวด ศีรษะอยู่แล้ว หรือปวดศีรษะครั้งแรกแล้วมีสัญญาณอันตรายดังที่ได้กล่าวข้างต้น ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ถึงแม้อาการของโรคปวดศีรษะจะไม่เป็นอันตราย แต่การรักษาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ ทางที่ดีควรหมั่นสังเกตสัญญาณอันตราย หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น นั่นจะช่วยให้การวินิจฉัย และรักษาโรคได้ทันท่วงที


    .

    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000167177

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ฟัง "3 วิธีธรรม" ลดความกดดันของวัยทำงาน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">25 พฤศจิกายน 2553 12:01 น.</td></tr></tbody></table>
    [​IMG]

    "พี่โอ๋-อโนทัย เจียรสถาวงศ์"

    เป็นปกติที่หลายบ้านพบเจอ กับความเครียดไม่เว้นแต่ละวัน เนื่องจากสมาชิกในบ้านหอบหิ้วเอาความความตึงเครียดข้างนอกกลับมาบ้านทุกๆ เย็น โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่วัยทำงาน ที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบมากล้วนไม่ว่าจะเรื่องงานหรือหน้าที่ในบ้าน บางคนให้ความสำคัญเรื่องงานมากกว่าเรื่องครอบครัว จนลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ครอบครัว แต่ก็ไม่อาจทิ้งงานไปได้ วันนี้ทีมงาน Life & Family มีวิธีที่สามารถทำทั้งสองสิ่งให้ดำเนินไปด้วยกันได้อย่างลงตัว

    "พี่โอ๋-อโนทัย เจียรสถาวงศ์" นัก เขียนอิสระ ผู้คร่ำหวอดในวงการนวนินายอิงธรรมะ กล่าวสะท้อนมุมมองกับเรื่องนี้ว่า ไม่แปลกนักที่คุณพ่อคุณแม่วัยทำงานต้องพอเจอกับความเครียดและความกดดันตลอด เวลา เนื่องจากความรับผิดชอบในหน้าที่การงานต่างๆ ที่บางครั้งมาพร้อมกับปัญหาที่คอยรุมเร้า ทำให้เกิดเป็นความเครียดที่หนักหนาสาหัสจนไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนให้ความกดดันและความเครียดเหล่านั้นเป็นเหมือนแรงผลัก ดันให้เกิดเป็นกำลังใจได้

    "เมื่อเรามีความกดดันในตัวเอง มากๆ ควรเปลี่ยนให้มันเป็นเครื่องฝึกสติปัญญา เพราะมนุษย์จะใช้ปัญญาเป็นพื้นฐานของการพัฒนาความสามารถ อารมณ์ รวมถึงทุกสิ่งที่กำลังเกิดปัญหาอยู่ เพราะบางทีการควบคุมอารมณ์ของตัวเองทำได้ยาก แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถฝึกได้ดีกว่าสัตว์ประเภทอื่นๆ เพราะสัตว์จะอาศัยเพียงการใช้สัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่มนุษย์มีขอบการควบคุมสภาวะในจิตใจ ถ้าเราสามารถควบคุมมันได้ ก็จะเป็นการฝึกฝนให้เกิดความอดทนและความชำนาญในเรื่องนั้นๆ ได้อย่างง่ายดาย"

    เช่นเดียวกับ ความอดทน อดกลั้น และพยายามในการทำงาน ถ้าทำงานโดยปราศจากสิ่งเหล่านี้ เชื่อได้เลยว่าการทำงานจะไม่มีความสุข มีแต่ความกดดัน จนเกิดความเครียดตามมา ทำให้งานที่ออกมาจึงไม่มีคุณภาพ นักเขียนนวนิยายอิงธรรมะท่านนี้แนะว่า ควรใช้ปัญญามองปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วพลิกกลับให้ปัญหาและความกดดันต่างๆ มาเป็นเครื่องมือในการฝึกและพัฒนาตัวเองให้เกิดปัญญา โดยการสังเกตจากการพัฒนาทั้ง 3 ด้าน ดังนี้

    1. การพัฒนาพฤติกรรม ควรเรียนรู้ว่าเวลาติดต่อหรือสื่อสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เราเป็นคนอ่อนโยนหรือแข็งกระด้าง เราเป็นคนหยาบคายหรืออ่อนน้อม เราเป็นคนเข้มแข็งหรืออ่อนแอ เราสงบหรือว่าเรากำลังวุ่นวาย รวมถึงการพูดจาด้วยว่า เราใช้คำพูดแบบไหนในการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน

    2. การพัฒนาจิตใจ เรา ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า งานที่เราทำนั้น มันทำให้รู้สึกสดชื่น กระตือรือร้น และมีความสุขหรือไม่เมื่อใช้เวลาอยู่กับงาน เรามีจิตใจที่เมตตาและเอื้ออาทรต่อเพื่อร่วมงานมากน้อยแค่ไหน แม้กระทั่งลองสังเกตว่าเราแสดงจิตใจที่ละโมบเห็นแก่ตัวกับผู้อื่นหรือไม่ ฉะนั้น ถ้าอยากให้สิ่งเหล่านี้มาเป็นทุนให้เกิดความสุขในการทำงาน ก็ต้องปรับเปลี่ยนจิตใจให้คิดถึงผู้อื่นมากขึ้น

    3. การพัฒนาสติปัญญา จะเป็นการพัฒนาความชำนาญในหน้าที่การงานของตัวเอง เพราะเราได้พัฒนาความสามารถอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเจอปัญหาบ่อยๆ ใจของเราจะเห็นความเป็นจริงของโลกอย่างถ่องแท้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่กับที่ ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มันไม่มีอะไรแน่นอน การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง หรือโยกย้ายหน้าที่การงานมันก็สามารถเป็นได้เสมอ

    ขณะเดียวกัน ก็เกิดคำถามขึ้นว่า ความกดดันมักเกิดขึ้น เมื่อกำหนดส่งงานแต่งานยังไม่เสร็จ พี่โอ๋ ได้ยกตัวอย่างจากนิทานให้ฟังว่า มีผู้ชาย 3 คน ทำอาชีพเป็นช่างก่อสร้าง วันหนึ่งได้รับคำสั่งให้ไปก่ออิฐ ทุกคนก็ก่ออิฐในพื้นที่ใกล้ๆ กัน ผู้ชายคนที่หนึ่งก่ออิฐไปได้ 10 นาที ก็หยุดพักแล้วเหนื่อยหน่ายกับงานที่ทำอยู่ ทำไปก็พักไปเรื่อยๆ ส่วนผู้ชายคนที่สองทำงานได้มากกว่าผู้ชายคนแรก แต่ขณะที่ทำงานก็ยกนาฬิกาขึ้นดูตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่จะเลิกงานลักที แต่ผู้ชายคนที่สาม ตั้งใจก่ออิฐอย่างขมักเขม้นไม่ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวมากแค่ไหน เหงื่อจะไหลอาบตัวเท่าไร เขาก็ตั้งใจก่ออิฐไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอาการเหนื่อยหน่ายและพร่ำบ่นกับงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่ หลังจากนั้นก็มีคนไปถามว่า ทั้ง 3 คน กำลังทำอะไร คนแรกตอบว่า "กำลังก่ออิฐ" คนที่สองตอบว่า "กำลังก่อกำแพง" ส่วนคนสุดท้ายตอบว่า "กำลังสร้างวัด"

    "การที่ผู้ชายคนสุดท้ายตอบว่า เขากำลังสร้างวัดนั้นจิตใจของเขากำลังจดจ่ออยู่กับงานที่ทำด้วยความตั้งใจ และเขาก็คิดอยู่เสมอว่างานที่ทำจะเกิดประโยชน์กับผู้อื่นอย่างไรบ้าง เช่นเดียวกับการที่ต้องเร่งส่งงาน หรือต้องรับผิดชอบงานที่หนักหนาสาหัสเท่าไร ถ้าเราระลึกและรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยการมีสติ ความเครียดและความกดดันก็ไม่สามารถก่อตัวขึ้นได้ แต่ถ้าคนๆ หนึ่งทำงาน เพื่อหวังว่าเจ้านายจะรัก หรือจะได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นเร็วๆ ตรงข้ามถ้าคิดว่างานที่ทำจะเกิดประโยชน์กับผู้อื่นอย่างไรบ้างมันจะทำให้เรา มีความสุขมากกว่าการมานั่งคาดหวังกับสิ่งตอบแทน และเกิดแรงบันดาลใจในการทำงานให้สำเร็จจนได้ ไม่ว่ามันจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน" พี่โอ๋ อธิบายให้เห็นภาพ

    อย่างไรก็ตาม หากต้องแก้งานแล้วแก้งานอีกจนหมดกำลังใจ พี่โอ๋ แนะวิธีแก้ปัญหาและทิ้งท้ายว่า ก่อน อื่นเราต้องถามใจตัวเองว่ารักงานนี้หรือไม่ ถ้ารักและมีความสุขที่ได้ทำงานนี้ก็ต้องมาปรับการคิดว่าวิสัยทัศน์ของหัว หน้าหรือเจ้านายนั้นเป็นอย่างไร และสิ่งที่เขาบอกให้เราแก้ไขนั้น มันนำไปสู่สิ่งที่ดีและเหมาะสมหรือไม่ ถ้ารักงานก็จะต้องตั้งใจแก้ไขและฝึกจนเกิดความชำนาญ หรือเวลาที่เราฟังคำตำหนิติเตือนบ่อยๆ ก็เอามันมาเป็นแรงผลักดันตั้งใจทำให้มันดีกว่าสิ่งที่คนอื่นมองเห็น ถึงที่สุดแล้วถ้าเราทำเต็มความสามารถผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับความเป็น จริงที่เกิดขึ้นนั้นด้วย


    .

    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000166619

    .



    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong, :::เพชร:::+</td></tr></tbody></table>

    ขอบคุณครับคุณ:::เพชร:::

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ในห้องน้ำ


    วิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ในห้องน้ำ (Woman's Story)

    การดูแลรักษาทำความสะอาดสุขภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็น โถส้วม, อ่างล้างมือ และอุปกรณ์สุขภัณฑ์ต่าง ๆ ถือเป็นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพราะสุขภัณฑ์เหล่านี้เมื่อใช้ไปนาน ๆ มักจะเกิดปัญหาในการทำความสะอาดขึ้นมาได้ภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส้วมอุดตัน-เต็มเร็ว ปัญหาน้ำซึมขอบอ่างอาบน้ำ ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง หรือมีปัญหารอยขีดข่วนบนพื้นผิวสุขภัณฑ์ซึ่งทำจาก PVC

    อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่ทำความสะอาดยาก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดในการทำความสะอาด คือการใช้อุปกรณ์อย่างถูกสุขลักษณะ เช่น ไม่เทน้ำสะอาด หรือผงซักฟอกลงไปในสุขภัณฑ์ เพราะจะไปฆ่าแบคทีเรียซึ่งเป็นตัวทำลายสิ่งปฏิกูล ทำให้สิ่งปฏิกูลไม่สลายตัว และค้างจับแน่นอยู่ในโถสุขภัณฑ์ เกิดการอัดตัน จึงควรหลีกเลี่ยงการนำวัสดุดังกล่าวทิ้งลงไปในสุขภัณฑ์

    อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สุขภัณฑ์เกิดการอุดตัน และทำความสะอาดยากนั้นคือ สารเคมีที่มีไขมันสูง, น้ำมันพืช หรือเส้นผม ที่ทำให้สุขภัณฑ์โดยเฉพาะอ่างล้างหน้า อ่างล้างมือเกิดการอุดตันสกปรก และทำความสะอาดยาก เพราะไขมันเป็นตัวจับยึดสิ่งสกปรก ถ้าสุขภัณฑ์มีไขมันจับเกาะ หารทำความสะอาดที่ดีที่สุด คือ หมุนคอห่านน้ำทิ้ง นำออกมาล้างทุก 1-3 เดือน

    หากพบปัญหาน้ำซึมออกมาขอบอ่างอาบน้ำ วิธีที่จะแก้ปัญหาได้คือ ใช้ปูนซีเมนต์ขาวยารอบแนวขอบอ่าง หรือใช้ยางซิลิโคนอุดรอบแนวขอบที่รั่วซึม เช่นเดียวกับปัญหารอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวสุขภัณฑ์ ที่ทำจากไฟเบอร์กลาสหรือที่เราเรียกว่า PVC ควรหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดสุขภัณฑ์ประเภทนั้น ๆ ด้วยแปรงลวดหรือใยลวด แล้วหันมาใช้ฟองน้ำทำความสะอาดสุขภัณฑ์ประเภทนั้น ๆ ด้วยแปรงลวดหรือใยลวด แล้วหันมาใช้ฟองน้ำทำความสะอาดแทน

    เพียงแค่นี้การทำความสะอาดสุขภัณฑ์ในบ้านก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้แล้วล่ะค่ะ


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก Woman's Story
    [​IMG]

    womanstoryonline.com นิตยสารออนไลน์สำหรับผู้หญิง


    .

    http://hilight.kapook.com/view/53919

    .



    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    เคล็ดลับการทำงานอย่างสร้างสรรค์

    หากคุณเป็นผู้ที่กำลังเริ่มงานใหม่ หรือเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ และไม่รู้ว่าจะปรับตัวให้กับที่ทำงานใหม่อย่างไร ผู้อำนวยการศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ ได้แนะวิธีสร้างความประทับใจตั้งแต่แรก พบ ในช่วงเริ่มงานในที่ใหม่ เพื่อสร้างความประทับใจ และส่งผลต่อการทำงานในอนาคตของคุณด้วยเทคนิคและวิธีการคิดอย่างสร้างสรรค์ ดังนี้
    1.การมีทัศนะคติในแง่บวกและสร้างสรรค์
    ควรแสดงทัศนะคติในแง่บวกออกมา เช่น กระตือรือร้นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนร่วมงานและองค์กรได้เห็น และที่สำคัญต้องละทิ้งปัญหาที่เกี่ยวกับทำงานไว้ที่บ้านเสมอ นอกจากนี้การไหว้และกล่าวคำสวัสดีนั้น ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้มาเริ่มงานใหม่ควรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง
    2.สวย-หล่อแบบมืออาชีพ
    คุณควรแต่งตัวให้ดูดีสม่ำเสมอ แม้ว่าแผนกของคุณจะอนุญาตให้แต่งตัวตามสบายก็ตาม เพราะการแต่งตัวให้ดูดีนั้น จะช่วยให้คุณได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหรือ ผู้พบเห็นได้
    3.เรียนรู้การทำงานแบบทีม
    ในกรณีที่คุณต้องทำงานเป็นทีมนั้น ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆ และทำงานให้สำเร็จ ขณะเดียวกัน สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือความสื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมงาน ให้เกียรติผู้ร่วมงานทุกคน ไม่แสดงท่าทีวิจารณ์เพื่อนร่วมงาน เมื่อเขาแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมือนคุณ ที่สำคัญต้องกล้ารับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างชื่นชมและจริงใจ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นกำลังใจให้ทีมงานทุกคนกล้าที่จะแสดงออกในการทำงาน
    4.รู้จักชื่อเพื่อนร่วมงานเพื่อสร้างความประทับใจ
    เทคนิคที่สามารถสร้างความประทับใจให้คุณมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ คุณสามารถที่จะจำชื่อเพื่อนทุกคนได้ แต่ถ้าหากคุณไม่สามารถจำชื่อทุกคนได้ภายในสัปดาห์แรกนั้น คุณควรขอโทษและถามชื่อของเขาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่เพื่อนร่วมงานจะได้ไม่คิดว่าคุณไม่ให้ความสนใจ แต่ไม่ละเลยที่จะแสดงความเสียใจเมื่อจดจำชื่อเพื่อนร่วมงานไม่ได้
    5.ขอความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ
    เพื่อเป็นการป้องกันความผิดพลาดในการทำงาน คุณควรถามคำถามหรือขอความช่วยเหลือที่คุณต้องการก่อนที่จะลงมือทำงาน ซึ่งจะ ดีกว่าการถามเมื่อทำงานผิดพลาดไปแล้ว เพราะจะทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
    6.คุณเป็นคนเริ่มต้นการทำงาน
    เมื่อคุณเพิ่งเริ่มทำงานในที่ทำงานใหม่ คุณควรที่จะเป็นคนอาสาเข้าไปทำงาน เอง เพราะนั่นเป็นการแสดงถึงความกระตือรือร้นในการทำงาน แม้ว่าคุณไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่มันจะสร้างความประทับใจในความพยายามของคุณที่จะเริ่มสร้างผลงาน และอาจมีภารกิจบางอย่างที่คุณสามารถทำได้ ด้วยการแนะนำเล็กน้อย ตรงนี้จะทำให้คนอื่นมีเวลามากขึ้น เพื่อที่จะทำงานอื่นที่สำคัญกว่าได้
    7.ทำงานอย่างเต็มเวลา
    มาให้เร็วและกลับให้ช้า โดยเฉพาะในช่วงวันแรกๆ ของการเริ่มทำงาน เมื่อคุณตั้งหลักได้แล้วคุณอาจปรับเปลี่ยนเวลาได้ตามความเหมาะสม แต่ในช่วงแรกๆ จงพยายามอยู่ที่ทำงานตลอดเวลา
    8.หลีกเลี่ยงการซุบซิบนินทาในที่ทำงาน
    องค์กรทุกแห่งต่างมีข่าวลือและเรื่องซุบซิบนินทาทั้งสิ้น แต่คุณไม่ควรยื่นจมูกเข้าไปยุ่งกับมัน และไม่เอาเรื่องซุบซิบนินทาหรือข่าวลือไปเผยแพร่ต่อ และอยู่ให้ห่างเรื่องการเมืองในที่ทำงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งมันอาจเลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะเจอมันไม่ช้าก็เร็ว แต่อย่างน้อยก็อยู่ให้ห่างจากเรื่องพวกนี้เข้าไว้จะดีที่สุด และคุณควรเน้น เรื่องความเมตตาและให้อิสระ และคิดอย่างสร้างสรรค์ งานที่คุณได้รับก็จะประสบความสำเร็จ.

    ที่มา ไทยโพสต์

    http://www.thaipost.net/tabloid/180710/24992

    .



    .



    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    น้ำมะเขือเทศ ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    นัก วิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษเผยสรรพคุณสุดมหัศจรรย์ของน้ำมะเขือเทศ ว่าเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุนได้

    โดยในมะเขือเทศนั้น มี ไลโคพีน และสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และป้องกันโรคหัวใจได้อีกด้วย

    ซึ่ง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา ได้ทำการวิจัยและพบว่า ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนกว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศอังกฤษ จึงได้ทำการทดสอบกับผู้หญิงวัยทอง (50-60 ปี) จำนวน 60 คนทั่วประเทศ โดยให้พวกเธองดกินมะเขือเทศเป็นเวลา 1 เดือน และจากการวิจัยดังกล่าว ให้ผลออกมาว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้กินมะเขือเทศเลย จะมีระดับ N-telopeptide ในเลือดสูงขึ้น โดย N-telopeptide นี้จะทำให้กระดูกเปราะได้ง่าย

    จากนั้น ทีมวิจัยได้ให้ผู้หญิงกลุ่มเดิมรับประทานมะเขือเทศที่มีปริมาณไลโคพีน 15 มิลลิกรัม ทั้งในรูปแบบแคปซูล และรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งผลก็พบว่ามะเขือเทศสามารถลดระดับ N-telopeptide ในเลือดให้ลดลงได้

    จากการวิจัยดังกล่าว นักวิจัยจึงสรุปได้ว่า มะเขือเทศนั้นมีคุณประโยชน์ต่อกระดูกมากมาย ดังนั้น การรับประทานมะเขือเทศสกัดในรูปแคปซูล หรือจะเป็นน้ำมะเขือเทศคั้นสดวันละ 2 แก้ว ก็สามารถเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น และยังลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย

    อาหารเพื่อสุขภาพ มะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ ช่วยป้องกัน โรคกระดูกพรุน

    .



    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    การใช้รถป้ายแดงให้ถูกวิธี



    การใช้รถป้ายแดงให้ถูกวิธี (กรมประชาสัมพันธ์)

    ใครเพิ่งถอยรถป้ายแดงออกมาใหม่ วันนี้เมีวิธีการใช้รถป้ายแดงอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้สึกหรอมาบอก

    [​IMG] รันอินยืดอายุการใช้งาน เพื่อให้ทุกชิ้นส่วนมีการสึกหรอน้อยที่สุด และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนาน ในช่วง 5,000 กิโลเมตรแรก ควรขับด้วยความระมัดระวัง โดยใช้รอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ไม่เกิน 2,500-3,000 รอบ/นาที การรันอินเครื่องยนต์ไม่มีระยะทางกำหนดตายตัว โดยจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อเครื่องยนต์ไม่กินน้ำมันเครื่อง (ไม่เกิน 10,000-15,000 กิโลเมตร)

    [​IMG] หลีกเลี่ยงการเหยียบคันเร่งหลังการสตาร์ท หรือเบิ้ลเครื่องยนต์ เพื่อให้ถึงอุณหภูมิทำงาน เพราะนอกจากจะไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

    [​IMG] ผ้าเบรกก็ควรมีรันอิน ไม่ควรเบรกกะทันหันหรือรุนแรงในช่วง 200-300 กิโลเมตรแรก

    [​IMG] กลิ่นใหม่...อันตรายแฝง กลิ่นเหล่านี้มาจากพลาสติกและกาวที่ใช้ในการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในรถ ที่อาจทำให้เกิดอาการตาอักเสบ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และคลื่นไส้ได้ ซึ่งไอพิษจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเมื่อถูกความร้อน เช่น การจอดรถยนต์ตากแดด วิธีกำจัดกลิ่นใหม่ คือการใช้ผ้าชุบน้ำผสมสบู่อ่อน ๆ เช็ดทุกส่วนภายในรถ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเปล่าทำความสะอาดอีกครั้ง นอกจากนั้น ควรจอดรถยนต์โดยเปิดกระจกและประตูทุกบานเพื่อให้มีการระบายอากาศ และกำจัดกลิ่นเหล่านี้ให้หมดไป

    [​IMG] ตรวจสภาพตามอายุการใช้งาน ควรเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสภาพตามระยะทางที่กำหนด อีกทั้งควรศึกษาคู่มือประจำรถยนต์ให้ละเอียด เพื่อทราบถึงการดูแลรักษาที่ถูกต้อง รวมถึงข้อมูลและรายละเอียดของรถยนต์คันด้วย



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมประชาสัมพันธ์


    [​IMG]


    ö

    .

    http://hilight.kapook.com/view/53634

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วันนี้ ผมได้นำเงินของชมรมรักษ์พระวังหน้า จำนวน 4,650 บาท ไปมอบให้พี่ใหญ่ เพื่อร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธฯ

    และผมได้นำเงินของลูกค้าผมหลายท่าน รวมจำนวน 500 บาท ไปมอบให้พี่ใหญ่ เพื่อร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธฯ


    มาโมทนาบุญร่วมกัน




    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    กทช.ยันย้ายค่ายเบอร์เดิม พร้อมให้บริการ15ธ.ค.แน่ จ่าย99บาทไม่เกิน3วันเปลี่ยนระบบใหม่

    นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในฐานะประธานโครงการการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (นัมเบอร์พอร์ทบิลิตี้) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมาย หรือ ย้ายค่ายเบอร์เดิมเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ว่า กทช.ได้ รับแจ้งจากบริษัทเครือข่ายผู้ให้บริการว่าพร้อมจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ จากการตรวจสอบความพร้อมของผู้บริหารและบริษัทเคลียริ่งเฮ้าส์ (ศูนย์ข้อมูลกลางในการดูแลเรื่องการย้ายค่ายของผู้ใช้บริการ) พบว่าระบบข้อมูลต่างๆ มีความพร้อมกว่า 90% แล้ว ซึ่งการประชุมหารือครั้งล่าสุดมีข้อสรุปว่าภายใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนธันวาคมนั้นจะเป็นการทดลองระบบครั้งสุดท้าย และการเปิดให้บริการวันที่ 15 ธันวาคม จะอยู่ในเขตกรุงเทพฯก่อน หลังจากนั้น จะทยอยเปิดให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ คาดไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2554

    อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการเปิดให้บริการนัมเบอร์พอร์ทฯจะเป็นไปอย่าง เรียบร้อย ในวันที่ 30 พฤศจิกายน กทช.จะเดินทางไปตรวจความพร้อมที่บริษัท เคลียริ่งเฮ้าส์ พร้อมกับเชิญตัวแทนบริษัทผู้ให้บริการมาหารือร่วมกันและยืนยันความพร้อมใน การเปิดต่อสื่อมวลชน

    ทั้งนี้ บริการย้ายค่ายเบอร์เดิมนั้น กทช.ได้มอบหมายให้เอกชน 5 รายไปดำเนินการ ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค บริษัท ทรูมูฟ จำกัด บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เคลียริ่งเฮ้าส์ ขึ้น กำหนดอัตราค่าบริการต่อการย้ายต่อครั้งที่ 99 บาท ใช้เวลาดำเนินการเปลี่ยนระบบไม่เกิน 3 วัน

    กทช.ยันย้ายค่ายเบอร์เดิม พร้อมให้บริการ15ธ.ค.แน่ จ่าย99บาทไม่เกิน3วันเปลี่ยนระบบใหม่ : มติชน


    .

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1290867888&grpid=&catid=05&subcatid=0504

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  18. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ขอบคุณมากครับพี่ ข้อมูลเยี่ยมจริงๆครับ :cool:
     
  19. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    อิอิ แรงดีจริงเรยครับ ขอจองไว้เรยนะครับพี่ วันนี้วันดีจริงๆครับ
    ปล. อย่าลืมลูกมิราเคิล+มะนาวนะครับ ลองให้ท่านผบ.ทานดูครับ
     
  20. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    พระพิมพ์ไปบรรจุในองค์สมเด็จฯ โต

    เรียน พี่หนุ่ม
    ผมได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ได้ชมบล๊อคที่ผมสร้าง เพื่อหาพระพิมพ์ไปบรรจุในองค์สมเด็จฯ โต (ปูนปั้น) ณ วัดแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสงคราม ซึ่งผมเองก็ประสงค์ที่จะนำพระพิมพ์บางส่วนที่มีไปบรรจุในองค์หลวงปู่โตฯ ตามที่ท่านนั้นได้แจ้งมา
    ผมขอคำแนะนำในการนี้ที่เหมาะสมด้วยครับ เพราะไม่เคยทำมาก่อน เกรงว่าทำไปแล้วจะเป็นการไม่ถูกต้องหรือลบหลู่จาบจ้วงท่านผู้สร้าง ผู้เสก เทพยาดาประจำพระพิมพ์
    พี่หนุ่มสามารถตอบให้ผมทางอีเมล์ก็ได้ครับหากไม่สะดวกที่จะตอบในกระทู้สาธารณะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าในวิทยาทานด้วยครับ
    อ๊อด
     

แชร์หน้านี้

Loading...