เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย The Third Eyes, 12 พฤศจิกายน 2008.

  1. alline

    alline เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,324
    ขอให้พี่ชยา ฟื้นตัวและหายเร็วๆนะคะ......เล่าแบบลืมเจ็บเลยนะเนี่ย เอ้...ว่าแต่ว่างานนี้แม่นางนุ่นมาเฝ้าไข้ด้วยเป่าอะ?
     
  2. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    หลายคนเข้าใจว่า ผมกำลังป่วยอยู่ ไม่ใช่น่ะครับ ผมแข็งแรงดี นี่ผมเล่าเมือปี 2549 โ่น่นครับ แต่ก็ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
     
  3. คนกันเอง

    คนกันเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    7,441
    ค่าพลัง:
    +8,975
    สวัสดีครับ มาอ่านด้วยคนนะครับ :cool:
     
  4. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    [​IMG]

    ไม่รู้เป็นต้นเดียวกันละเปล่า เอามาเทียบกันดู
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Cactus06.jpg
      Cactus06.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.2 KB
      เปิดดู:
      65
  5. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166


    ถูกต้อง แล้ว คร๊าบ.....................
    เป็น ซุปเปอร์ คาบูโต เหมือนกัน ครับ
     
  6. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ........ถอดกายไป จตุมหาราชิก........

    พอได้ยาแก้ปวด อาการก็ดีขึ้นบ้าง
    แต่ก็ไม่หายปวดเลยซะทีเดียว เดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวหายอยู่
    อย่างนั้นสลับกัน นอนก็หลับบ้าง ตื่นด้วยความปวดบ้าง
    จนกระทั้ง เช้า หมอเจ้าของไข้ก็มาแจ้งข่าวร้าย คือ
    ห้องผ่าตัดไม่ว่างเลยจนถึง 4 โมงเย็น ซึ่งเป็นคิวที่
    ได้จองไว้ตั้งแต่ตอนแรก นี่ผมจะต้องอดทนกับความเจ็บปวด
    ไปจนถึง 4 โมงเย็นเลยรึ ไอ้เรื่องปวด นี่ก็พอทนได้
    แต่มาลุ้นเอากะถุงน้ำดีนี่ล่ะครับ ถ้าเกิดว่า
    มันเกิดอักเสบและแตกขึ้นมาก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัดนี่
    เรื่องใหญ่ เพราะน้ำในถุงน้ำดีที่ไม่ได้หลั่งลงกระเพาะมา
    3 เดือน นี่คือสาเหตุของการอักเสบ
    ป่านนี้ก็คงเน่าเป็นหนองและมีเชื้อโรคเต็มไปหมด
    หากแตกขึ้นมา หนองก็จะกระจายไปทั่วช่องท้อง
    นี่ละ่ครับที่หมอเค้ากลัว เพราะอาจรักษาไม่ได้
    อาจเสียชีวิตได้ ต้องมารอลุ้นว่า จะแตก หรือไม่แตก
    จะตายหรือไม่ตายก็ตรงนี้ล่ะครับ




    ถ้าท่านผู้อ่านได้อ่านเรื่องเล่าของผมมาตลอด
    ก็จะทราบว่า ผมเคยรู้อายุไขของผม
    เมื่อวันที่ผมปวารณาปรารถณาพระนิพพาน อายุไข
    ของผมคือ 37-38 ซึ่งก็ตรงปีนี้พอดี
    ถ้าท่านผู้อ่านรู้อย่างผม และเมือเวลานั้นมาถึงแบบผม
    จะทำอย่างไรครับ


    .........พอมาถึงตรงนี้ ผมรู้เลยว่า คนที่ลุ้น รอความตาย
    หรือไม่ตายนี่ อารมณ์ยังไง ผมก็นอนปลง
    กะตัวเอง ไม่ใช่กลัวตายน่ะครับ แต่ นึกเสียใจว่า
    ความดีที่ทำมานั้นยังไม่ดีพอ และยังไม่มากพอ
    ยังมีภาระ ผ่อนบ้านผ่อนรถ และอีกหลายอย่าง
    ก็มาปลงได้ในตอนบ่าย ๆ ผมก็เลยอธิฐานว่า
    หากรอดงานนี้ไปได้ ก็จะขอเป็นกำลังของพระศาสนา
    และใ้ช้ความสามารถทางด้านดนตรี ทำประโยชน์ให้มาก
    ที่สุดต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษตริย์ หากว่า
    เบื้องบนเห็นว่าอยู่แล้วเป็นประโยชน์ก็ขอให้รอด
    หากไม่มีประโยชน์ก็ยอมรับกรรม

    ถ้าท่านให้รอดถุงน้ำดีก็คงไม่แตกก่อนการผ่าตัด




    ......พอถึงเวลา บ่าย 3 โมง พยาบาลก็เอายานอนหลับมา
    ให้ผมกิน กินแค่ครึงเม็ดครับ กินไปแค่เพียง 10 นาที
    ผมก็ไม่รุ้เรื่องอีกเลย จนกระทั้ง เวลา 4 ทุ่ม
    ผมมารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด รู้สึกตัวตอนที่ บุรุษพยาบาล 3 คน
    ยกผมจากเตียงรถเข็น ลงเตียงคนไข้ แต่ด้วยความที่ผมตัวหนักกระมังครับ
    เค้าทำผมหลุดมือ ตัวผมจึงกระแทกเตียงคนไข้เสียงดังพลั่ก
    ความเจ็บปวดก็ท่วมท้นบริเวณชายโครงขวา
    ผมจึงร้องด้วยความเจ็บปวด พยาบาลวิ่งวุ่นโทรหาหมอกันใหญ่
    จนกระทั่งหมอมาฟีดยาแก้ปวดอีกรอบ
    จึงดีขึ้น แต่ก็ต้องทนกับความเจ็บปวดอยู่ กว่าครึ่งชั่วโมง


    ..........เวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านไปจึงได้สติ ว่า
    นี่ผ่าเสร็จแล้วรึ โอเรายังไม่ตายรึ รอดแล้วยังนี่ ขณะเดียวกัน
    พยาบาลก็เอารูปถูงน้ำดีที่ผ่าออกพร้อมด้วยนิ่วขนาดใหญ่ 3 เม็ดมาให้ดุ
    ที่เอาแค่รูปถ่ายถุงน้ำดีมาให้ดูนั้นก็เพราะว่า ถูงน้ำดีที่ตัดออกมานั้นเหม็นมาก
    จึงเอามาให้ดูไม่ได้หมอได้ทิ้งไปแล้ว
    นี่หมอใช้เวลาผ่าตัดเราถึง 6 ชั่วโมงเลยรึ


    ..........ดูเวลาก็ 6 ทุ่มกว่าแล้วตอนนี้ ก็มาคิดดูว่า
    เอ เราผ่าตัดคราวนี้รอดตายมาได้ (รึยังก็ไม่รู้)
    ก็ตั้งจิตขอบพระคุณคุณพระคุณเจ้า เทวาอารักษ์
    เรียกว่านึกถึงใครได้ก็ขอบคุณหมด แต่จิตมันตั้งมั่น
    อยู่ 2 ท่าน จิตรู้มันบอกว่า การผ่าตัดครั้งนี้
    ท่านท้าวเวสสุวรรณ และท่านวิรุฬหก
    ท่านมาดูแลเป็นการเฉพาะ จึงได้ตั้งจิตกราบขอบพระคุณ
    ท่านอีกครั้ง หลังจากขอบพระคุณท่านเสร็จแล้ว
    ก็จับลมหายใจแล้วหลับไป





    ..........มารู้สึกตัวอีกที ก็รู้สึกว่าตัวเอง
    ยืนอยู่ที่ใดที่หนึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นคล้าย ๆ ยืน
    อยู่บนท้องฟ้า แต่ไม่เหมือนกลางวัน แต่ก็ไม่มืดเหมือน
    กลางคืน จิตก็บอกอีกว่า ตอนนี้ได้ออกจากร่างมา
    เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ...ก็คิดต่อไปอีกว่า ไหน ๆ
    ก็ได้ออกจากร่างมาแล้ว จะไปไหนดี ก็นึกได้ว่า
    เราควรไปขอบพระคุณท่านท้าวเวสสุวรรณที่ท่าน
    ได้ดูแลการผ่าตัดแกเรา ว่าแล้ว กายก็ลอยไปโดยอัตตโนมัต
    ได้ซักพัก ประมาณว่ามาได้ครึ่งทางครับ
    ปรากฎว่าท่านเวสสุวรรณท่านมายืนดักหน้า ....
    ..และบอกให้ผมกลับไป ...แล้วท่านก็หายไป ..
    ..ผมก็มาคิดว่า ..ท่านเวสสุวรรณ ไม่ให้ไป
    เราก็ไปหาท่านวิรุฬหก(กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์)
    ก็แล้วกัน กำลังจะขยับตัวไป ก็ปรากฎว่า
    ท่านวิรุฬหก ท่านปราปรากฎตรงหน้าเลย
    แต่ปรากฎเป็นรูปกรมหลวงชุมพร
    ทรงเครื่องแบบนายพลเรื่อเต็มยศ แล้วบอกกับผมว่า
    ให้กลับไปก่อน ในเมื่อท่านทั้งสองมาปรากฎให้เห็น
    และบอกให้ผมกลับขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่กล้าที่จะ
    ขัดคำสั่งท่านหรอกครับ ท่านอุตส่าห์ดูแลการผ่าตัดให้ก็
    นับเป็นพระคุณแล้ว ก็จึงตัดสินใจกลับ ผมก็ค่อย ๆ
    รู้สึกตัวขึ้นมา ก็เป็นเวลา ตี 4 พอดี ถ้ารวมเวลาที่
    กายทิพย์ออกจากร่างไป ในความรู้สึกของกายทิพย์น่ะครับ
    ก็คงกินเวลาเพียง ไม่เกิน 15 นาที แต่ในเวลาจริืงใน
    โลกมนุษย์ กินเวลาถึง ราว 4 ชั่วโมง มันเป็นการเลื่อมล้ำ
    ของเวลาของสมาธิแต่ล่ะขั้น และสวรรค์แต่ละชั้น
    ความสั้นยาวของเวลาไม่เท่ากัน ที่ๆ ผมไปนั้น
    อาจจะอยู่ในเขตของ จตุมหาราชิกครับ ต้องใช้เวลา
    มากหน่อย และถ้าถามว่า ทำไมผมต้องไปปรากฎในเขต
    สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกด้วย ก็เพราะจิตสุดท้ายก่อนการเข้า
    ฌาณ จิตนึกถึงท่านท้าวเวสสุวรรณ และท่านท้าววิรุฬหก
    ซึ่งท่านปกครองชั้น จตุมหาราชิกอยู่



    เหตุการณ์แบบนี้ผมเคยเป็นมาเมื่อครั้งที่ ถอดกายทิพย์
    ครั้งแรก ดั่งที่เคยเล่ามาในตอนต้น ๆ ที่ก่อนจะเข้าสมาธิผม
    คิดถึงความประทับใจในวัดพระแท่นดงรังที่เคยไปเที่ยว
    มาตอนกลางวัน พอเข้าสมาธิปั้ป ถึงฌาณ 4 ปุ๊ป จิตออกไป
    ยืนที่หน้าวัดเลย เหตุการณ์นี่ พิสุจน์คำสอนของ ................พระพุทธเจ้า.....
    ......ว่า .......จิตสุดท้ายก่อนตายนั้นสำคัญ คิดอะไร
    หรือคิดถึงอะไร ก็ไปตรงนั้น การออกจากร่างครั้งนี้
    หากว่า ไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ ผมก็คงได้เป็นเทวดาอยู่
    ชั้นจตุมหาราชิกแน่นอนครับ ฉะนั้น
    หลวงพ่อฤาษีท่านจึงเน้นมากเรื่องให้เข้าสมาธิและ
    ก็หลับในสมาธิ ถ้าหากพลาดพลั้งตาย ก็ไปเป็นพรหมทันที
    ระวังน่ะครับ หนุ่ม ๆ ที่ก่อนนอนนึกถึงแต่สาว ๆ
    หากเผลอตายไปตอนนั้น ก็ต้องไปเป็นสัมภเวสีวนเวียนอยู่
    หน้าบ้านสาว ๆ แน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ตัวใครตัวมันครับ
    เดี๋ยวมีเรื่องต่อไปครับ หนุก ๆ สวัสดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2010
  7. cef-a31

    cef-a31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +315
    หวัดดีคับพี่ชยาและทุกๆคน ^ ^
     
  8. prapaanpong

    prapaanpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +7,992
    รอฟังพี่ชยาเล่าต่อครับ
     
  9. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ....อย่าลืมอ่านกระูทู้ วิธีเปิดตาที่สามด้วยน่ะครับ จะได้ความรุ้มาก และไปอ่านที่ห้องหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วยจะได้ความรู้เรื่องกรรมฐานเป็นเรื่องหลักที่ผู้ปฎิบัติธรรมจำเป็นต้องรุ้ครับ...น้อง....
     
  10. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ....
     
  11. Mootang

    Mootang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +744
    รอชมตอนนต่อไปครับ...
     
  12. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ....กายทิพย์ของคน ขึ้นอยู่กับการทรงอารมณ์ปัจจุบัน....

    ก็เป็นอันว่าผมรอดตายจากการผ่าตัด
    โดยที่ถุงน้ำดีไม่แตกครับ แสดงว่า เบื้องบนรับทราบคำ
    อธิฐานของผม หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาถึงบ้าน
    ผมก็ได้เข้าสมาธิอธิฐานจิต ขอต่ออายุตัวเอง
    ต่อหน้ารูปภาพของสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง
    ซึ่งภาพนี้สวยจับใจมาก ผมติดภาพนี้ไว้ที่ทีในห้องนอนผมเลย
    ตรงเหนือโต๊ะที่ทำงานของผม ชีวิตของผม
    มอบให้ท่านไปแล้ว จะเป็นจะตาย ให้ท่านพิจรณาเลย
    ถ้าเห็นว่า ทำชั่ว อยู่ไปไม่มีประโยชน์ ก็ไม่ต้องให้อยู่
    (ถ้าเป็นอย่างนั้นผมเองก็ไม่อยากอยู่ ๆ แล้วครับ )
    ถ้าอยู่แล้วมีประโยชน์ ก็ขอให้ได้อยู่ทำประโยชน์ต่อไป




    .....หลังจากการผ่าตัดมา ผมเองก็ได้ทำเพลง เพื่อชาติ
    เพื่่อแผ่นดิน ออกมามากมาย เพลงบทสวดก็ได้ทำ
    เพลงเทิดพระเกียรติ ก็ทำมาโดยตลอด ซึ่งเพลงเหล่านี่
    ก่อนการผ่าตัด ไม่เคยทำมาก่อนเลยครับ
    นั่นแสดงว่า ท่านให้ผมอยู่ทำงานแบบนี้ครับ
    ทำก็ได้รางวัลต่าง ๆ มามากมาย และปีนี้ก็ได้รางวัลสุงสุด
    คือ รางวัลพระพิฆเนตทองพระราชทานจาก
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึง 2 รางวัล



    .....ในด้านอื่น ผมก็ได้รู้จักกลุ่มเขากะลา
    ซึ่งก็มีชาวชมรมคนตาทิพย์หลายท่านเป็นสมาชิกอยู่
    ผมก็ได้ไปช่วยงานตามแต่โอกาศ และผมก็คิดว่า
    นี่ก็คงเป็นงานที่ได้รับมอบมาจากเบื้องบนเช่นกัน
    และที่สำคัญ ผมได้ช่วยงาน อ. อาชวิน จัดงาน
    มินิมหกรรมพลังจิต ถึง 5 ครั้ง ผมเข้าร่วมกิจกรรมทุก
    ครั้งไม่ขาด

    งานนี้ ผมทำด้วยความเต็มใจเสียสละ เพราะเห็นว่า
    มีประโยชน์หลายอย่าง คือ

    ประโยชน์ท่าน ก็คือ
    ได้กระตุ้นการปฎิบัติธรรมของผู้อื่น เป็นการรวบรวม
    นักปฎิบัติให้เป็นกลุ่มก้อน แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
    ก็ประสพผลสำเร็จด้วยดี


    ...ประโยชน์ตน ก่อนที่จะไปแนะนำคนอื่นในเรื่อง
    ต่าง ๆ ตัวเองก็ต้องรู้ต้องเข้าใจก่อน ทำให้ผม
    ต้องเคร่งครัดและเร่งรัดการปฎิบัติอีกครั้ง
    และทุกทีที่มีงาน ผมต้องปฎิบัติจนให้เกิดทิพย์จักขุญาณ
    กลับมา มิฉะนั้นจะเอาตัวไม่รอดครับ เพราะผู้มาในงานนั้น
    เป็นผุ้ปฎิบัติ และบางท่านได้อภิญญาด้วย
    ถ้าทำไม่ได้แล้วมาสอนคนอื่นนี่น่าอายน่ะครับ



    ..เช้าวันนี้ ผมก็เปิด mp-3 ของหลวงพ่อฟัง
    (เปิดแทบทุกวันครับ) เรื่องการทรงอารมณ์ของ พระโสดาบัน
    ว่า พระโสดาบัน นี่ เป็น เทวดา ตั้งแต่ยังไม่ตาย......
    ...ตามหัวข้อที่ได้ขึ้นไว้ด้านบนคือ...กายทิพย์ของคน
    ขึ้นอยู่กับการทรงอารมณ์ปัจจุบัน..ผมกำลังจะเล่าว่า
    ถ้าตรงข้ามกัน ทรงอารมณ์โกรธไว้ทั้งวัน ก็เป็นอสุรกาย
    ตั้งแต่ยังไม่ตายได้เหมือนกัน ..นี่ ผมก็เพิ่งนึกถึงเหตุการณ์
    ในงาน มินิมหกรรมทางจิตได้อีกเรื่องหนึ่ง ..
    ...ในงานผมได้รู้จักคน ๆ หนึ่ง ผมสมมุติว่า ชื่อ ส ก็แล้ว
    กันครับ ส ก็เป็นสมาชิคคนหนึ่งของเว็ปพลังจิตด้วยครับ
    และได้เขียนกระทู้ในห้องวิทย์ อยู่หลายกระทู้เหมือนกัน
    ส เป็นคนที่ มั่นใจในตัวเองสูงมาก ชอบ ลองดีคนอื่น
    ว่าคนอื่นจะเก่งเหมือตัวเองหรือเปล่า เค้าบอก
    เค้าเป็นนักสกดจิต สามารถสกดจิตนักมวย ที่ไม่เก่งให้
    ชนะคนเก่งกว่ามาแล้ว ซึ่งผมก็แค่รับฟังไว้ ไม่ได้เชื่อ
    อะไรมากมาย แต่ก็เป็นแค่การคุยกันผ่านกระทู้เท่านั้น
    ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน และได้มาเจอตัวจริง
    กันในงาน มินิ นี่ล่ะครับ ทำให้ผมรู้ว่า เค้าก็มีดี
    สมกับที่เค้ามั่นใจในตัวเองเหมือนกัน




    .......เช้าวันนั้นในงาน มินิ ผมก็ทักทายผุ้คนตามปกติ
    ที่สามารถทักทายรู้จักกันได้ก็เพราะจะมีป้ายชื่อ
    ที่ใช้ชื่อในเว็ป กันทุกคนครับ และในขณะที่ผม กำลัง
    สอนน้อง ๆ ที่ฝึกตาที่สามโดย ให้ คนที่มาในงาน เป็น
    นายแบบให้ ผู้ฝึกดูออร่า ดูกายทิพย์อยู่ ส ก็เข้ามา
    ทักทายผม ผมก็ทักทายไปตามมารยาท คุยกันได้ซักพัก
    เค้าก็อาสาเป็นนายแบบให้ ผู้ฝึกตาที่สาม
    ดูกายใน และออร่า ผมก็ยินดี




    เมื่อ ส ไปยืนที่ฉากสีขาว ผมและนักศึกษาวิชาตาที่สาม
    ก็ตกใจ ส . มีกายในสีขาว แต่ที่ไม่เหมือนคนอื่น
    ก็คือ ตรงหน้าผาก มีสามเหลี่ยมปีรามิด
    อย่างเห็นได้ชัด และทุกคนเห็นเหมือนกันหมด
    โดยที่ลูกลิง ตาไวกว่าเพื่อน ๆ เห็นก่อนใคร
    แต่ผมน่ะเห็นกายทิพย์ของเค้าเป็นสีขาว
    ตั้งแต่ ส เข้ามาทักผมแล้ว แต่ผมเห็นแล้วก็เฉย ๆ
    ไม่ได้บอก เพราะไม่ได้มีใครถาม จนเค้าอาสานี่ล่ะครับ
    ทุกคนถึงได้เห็น และเห็นว่ามีสามเหลี่ยมปีรามิดอยู่บนหัว



    ............ส เค้า เป็นคนเก่ามาจาก แอทแลนตีสมาเกิดครับ
    ผมเห็นคนมีแบบนี้กันหลายคน ในกลุ่มเขากะลา
    ก็มีหลายคน.........จากการที่มีการฮือฮา ว่
    าเห็นปีรามิดบนหัว( ซึ่ง ส เอง ก็คงไม่รู้มาก่อน)
    ก็ยิ่งทำให้ ส มี ท่าที มั่นใจในตัวเอง ขึ้นไปอีก
    สังเกตุได้จากคำพูดคำจา ที่ หลังจากนั้นได้มาคุยกับผมต่อ
    ส เค้าเข้ามาคุยกับผมว่า เค้าฝึกวิชาสกดจิตมาจาก
    เมืองนอก แล้วคุณ ชยา ล่ะ ฝึกอะไรมาบ้าง
    ผมก็ตอบไปตามความจริง ว่า ฝึกนั่งสมาธิตามคู่มือ
    พระกรรมฐานของหลวงปู่มั่นด้วยตนเอง แล้ว
    มาฝึกมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษี ที่ซอยสายลม
    เค้าก็บอกว่า มโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษีหรือ
    ผมว่ามันใช่ไม่ได้หรอกวิชานี่นึกเอาทั้งนั้น



    ............ท่านผู้อ่านครับ วินาทีนั้นเอง กายทิพย์ของ
    ส. (ชึ่งผมเห็นทุละกายเนื้อเค้าอยู่ตลอดเวลา)
    ก็ค่อย ๆ หมองลง จนกลายเป็นสีดำ และเปลี่ยนรูปร่าง
    เป็นอสุรกาย ดำทมึนทั้งตัว น่าเกลียดน่ากลัว
    จนผมต้องถอยออกมา 2-3 ก้าว และก็ขอตัวไปทำ
    อย่างอื่น.........นี่เป็นกรรมหนักน่ะครับ ที่ ปรามาส
    พระอริยเจ้า หลวงพ่อท่านนิพพานไปเป็นสิบปี
    ผมยกท่านไว้เหนือเศียร เหนือเกล้า มีคนมาปรามาสหลวงพ่อ
    เราก็มีอารมณ์เหมือนกันน่ะ แต่ไม่ต้องไปทำอะไรหรอก
    ครับ กรรมของเค้าเค้ารับไปเอง แต่ถ้า ส เค้า
    เกิดอะไรตายไปในตอนนั้นน่ะ เค้าก็จะตายไปเป็น
    อสุรกายทันที่ ตามอารมณ์จิตตรงนั้นของเค้าทันที



    ........เรื่องนี้มีตัวอย่างเรื่องที่ สอง เอ วิวัฒน์
    ก็เป็นผุ้ฝึกตาที่สามที่ตาดีอีกคนหนึ่งเคยมาเล่าให้ผมฟังว่า
    เมื่อตอนทำได้ใหม่ๆ ก็ชอบดูกายคนโน้นคนนี้ เหมือนกัน
    มีวันหนึ่ง ได้ไปนั่งกินเข้ามันไก่ ได้สังเกตุเห็น
    แม่ค้าข้าวมันทะเลาะกับสามีมาขายของ สับไก่ไปด้วย
    ปากก็ด่าสามีไปด้วย สับทีไก่แทบจะกระเด็นตกเขียง
    เอ วิวัฒน์ ก็สงสัยขึ้นมาว่า เธอทรงอารมณ์แบบนี้
    กายทิพย์จะเป็นยังไง ก็ได้ใช้ตาที่สามดู
    ปรากฎเห็นเป็นอสุรกายหางยาวตัวดำสับไก่แทนเธออยู่




    ....กายทิพย์ของคนเรา ก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์ที่เราทรงในแต่ล่ะขณะ
    ลองคิดดูเอาเถอะครับว่า วัน ๆ หนึ่งกายทิพย์เราเปลี่ยนไปกี่อย่าง




    .......มาดูตัวอย่างที่ดีบ้างน่ะครับ มีัอยู่วันหนึ่งด้วยว่า
    ผมถวายสังฆทานที่ซอยสายลมไม่ทัน เสาร์ต่อมาผมก็จะ
    ขับรถมาถวายที่ วัดท่าซุงเลยครับ เป็นอย่างนี้อยู่บ่อย ๆ
    และวันนี้ก็เช่นกัน ก็ขับรถมาที่วัดเลยครับ
    หลังจากถวายสังฆทานแล้ว ผมก็มักจะ
    มานั่งสมาธิอยู่ต่อหน้าพระพุทธชินราช ที่วิหารแก้ว 100เมตร
    นั่นล่ะครับ นั่งซัก 15 นาที ก็คลายสมาธิครับ
    เพราะว่ามีคนมานั่งกันมาก ก็แบ่ง ๆ กันไป
    ก็เตรียมตัวออกจากวิหารแก้ว ตอนที่ผมเดินลงมาจาก
    วิหารแก้ว กำลังจะถึงประตู ผมก็เห็นหญิงสาว 2 คน
    แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา หน้าตาน่ารัก เดินมากำลังจะถึง
    ประตูใหญ่ของวิหารแก้ว เอาอีกแล้วครับ
    นิสัยไม่ดีของผม ก็นึกอยากเห็นกายทิพย์ของน้องทั้ง
    สองเค้าทันที ก็ ใช้ตาที่สามดูทันที


    ...... ก็เห็นเป็นเทวดา 2 องค์เดินมา มีเครื่องทรง มีชฎา อะร่าอร่ามแพรวพราว
    สวยงาม เห็นแล้วก็คลายจิตออกมาก็เห็นเป็นน้องเค้าเค้าตามเดิม
    นี่ล่ะครับท่านผุ้อ่าน คนที่เค้าจะ
    ไปทำบุญนี่ จิตเป็นเทวดาน่ะครับ ฉะนั้น 2 สาวนี่
    ถ้าบังเอิญตายตอนนี้พอดี นี่ ไปเป็น เทวดา ทันทีเหมือนกันครับ





    ......ในวันหนึ่ง ๆ คนเราสามารถทรงอารมณ์ตั้งแต่ พรหม
    จนถึงสัตว์นรกได้เลยน่ะครับ
    ถ้าคนไหนเข้าสมาธิอยู่ ก็ทรงอารมณ์ของพรหมอยุ่
    ถ้า กำลัง ตีพ่อตีแม่ ขอเงินไม่ได้ก็ทำร้ายท่านอยุ่
    นี่ ก็ทรงอารมณ์สัตว์นรกอยู่ ฉะนั้น ท่านผุ้อ่านครับ
    เราไม่รู้ว่าเราจะตายตอนไหน เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร
    อย่าประมาท ให้ทรงพรหมวิหารเอาไว้ตลอด
    หากพลาดพลั้งตาย ก็เป็นเทวดา หากทรงฌาณด้วย
    ก็ไปเป็นพรหม ...


    ..ท่านผู้อ่านอยากเป็นอะไร ก็เลือกทรงอารมณ์ เอากันตามสบายครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2010
  13. alline

    alline เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,324
    ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องเล่าดีๆ มาเตือนสติกัน ได้ความรู้มากเลยพี่ชยา...อืม น่าจะมีรวมเล่มนะเนี่ย สนุกและน่าติดตามทุกเรื่องเลยอะ ต่อเลยพี่ กำลังมันส์เลย.....
     
  14. cef-a31

    cef-a31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +315
    ครับพี่ สองวันก่อนที่ผมคุยกับพี่ อาการเพิ่งหายตอนนี้ยังไม่หายสนิทเลยครับ มันพะอืดพะอม ยังไงอาจจะต้องรบกวนพี่อีกเป็นพักๆครับ
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    โมทนาสาธุกับอาจารย์ชยา ที่มีเรื่องดีๆ มาเล่าให้ได้รับความรู้กันอย่างต่อเนื่อง

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
  16. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    เมื่อร่างกาย รับพลังเข้าไปมาก ๆ ร่างกายก็ำกำลังปรับตัวครับ ใช้เวลาปรับตัวกับพลังที่เข้าร่างกาย 3-4 วันก็จะหาย ครับ ร่างกายจะเป็นแบบนี้ก็ตอนที่สมาธิอยู่ที่ปีตินาน ๆ ครับ
     
  17. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    ครับท่านพี่ ท่านพี่เข้ามาเล่าบ้างก็ดีน่ะครับ เห็นมีแต่เรื่องน่าสนใจทั้งนั้นครับ
     
  18. Aloness

    Aloness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +253
    สุดยอดเลยครับ อันนี้:cool:
     
  19. ณรงค์ฤทธิ์1976

    ณรงค์ฤทธิ์1976 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +318
    สนุกสนาน และได้ความรู้มากมาย อนุโมทนาสาธุ กับ บทความของพี่ชยาด้วยครับ...
     
  20. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ท่าน ชยา กล่าว ชอบ แล้ว....... สาธุ

    จะ พูดต่อ ก็ พูด ไม่ ออก เลย.................55
     

แชร์หน้านี้

Loading...