อานาปานสติ กำหนดลมหายใจ หรือปล่อยรู้ไปตามธรรมชาติ

เพราะว่า ปัจจุบัน ยังมีอยู่ แต่ว่าโดย ปรมัติ จึงเห็นว่า ไม่มี

เป็นการกำหนดรู้ให้เห็นว่า ร่างกายเราที่เห็นๆอยู่ในขณะปัจจุบัน

ต่อไปภายหน้า(อนาคต)ก็จะเสื่อมสลายไป จนไม่มี(อนัตตา)

 

อ้าวแก้วเปล่า มันก็มีตะกอนของมันเอง บางทีน้ำมันใส จนเห็นว่ามันเปล่าก็มี
จริง ๆ มันจะล้นออกมา กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป
ฝากอีกอย่าง การปฏิบัติ ขอบอกว่า ไม่กลัวเกรงอิธิพลใดใด ยกเว้นกฏแห่งกรรม
หากใครดีจริงจะมีสัมมาคาราวะ ให้ สำหรับคนพาล เท่านั้น ที่ต้องห่างไกล
ไม่คลุกคลี

มานะมันมีในสันดานทุกคน แต่ใครจะแกล้งมองข้ามว่า ฉันไม่มีมานะ ก็เพราะ
พ่อมานะมันครอบหัวอยู่ เลยนึก ว่าไม่มี

 

ผมขอมาแก้ไขนะครับ ลมหายใจเองก็ยังคงเป็นอนิจจังครับ มีสั้นมียาว สั้นน้อยสั้นมาก ยาวน้อยยาวมาก ลองดูก้อได้นะครับ ปล่อยไปตามธรรมชาติน่ะ สิ่งที่องค์พระสัมสาสัมพุทธเจ้าท่านให้กำหนดน่ะ คือกำหนดรู้ เราทำอะไรแล้วรู้ว่าทำอะไร รู้ว่าอารมณ์ไหนเกิด ลองดูจากที่ท่านอ้างอิงมาก้อได้นะ

ตรงไหนที่ท่านบอกให้เราทำลมหายใจให้สั้นหรือยาวเองน่ะ กำหนดในที่นี้ท่านหมายถึง กำหนดรู้เท่านั้นเอง หรือตัวสตินั่นล่ะ

 

แต่ละบุคคล ย่อมมีนิสัยวาสนาบารมี และอินทรีย์ไม่เท่ากัน
บางบุคคลพึ่งตนเองได้แล้ว บางบุคคลพึ่งตนเองยังไม่ได้

สำหรับบุคคลที่พึ่งตนเองได้แล้ว เป็นอริยบุคคล ย่อมไม่จำเป็นแสวงหาสิ่งภายนอก
เช่น วัตถุมงคลหรือทรัพย์สิน แต่อย่างใด นอกจากได้มาเอง
มิได้ดิ้นรนใฝ่คว้าแสวงหาอยากได้แต่อย่างใดเลยแม้แต่น้อย
ท่านผู้เป็นอริยบุคคล แม้แต่ทำบุญทำกุศล ยังมิหวังผลแต่อย่างใด

แต่สำหรับบุคคลที่พึ่งตนเองไม่ได้ เป็นปุถุชน ย่อมจำเป็นแสวงหาสิ่งภายนอก
เช่น วัตถุมงคล เพื่อมาเป็นศรัทธาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตนเอง
เพื่อเคารพบูชาระลึกถึง คุณพระรัตนตรัย คุณงามความดีของพ่อแม่ครูจารย์
และเพื่อหวังพึ่งบารมีพระรัตนตรัย พ่อแม่ครูจารย์ คุ้มครองตนให้พ้นจากภัยอันตราย
เนื่องจากตนเองเป็นเพียงบุคคลผู้พึ่งตนเองยังไม่ได้
เป็นปุถุชน มิใช่อริยบุคคล ผู้พึ่งตนเองได้


แต่เหตุสำคัญ คือ ความเป็นมงคล มิใช่ อัปมงคล
หากสิ่งนั้น เป็น วัตถุมงคล มิใช่ วัตถุอัปมงคล


ด้วยเหตุนี้ บรรดาปราชญ์ทั้งหลาย เช่น พ่อแม่ครูจารย์ จึงได้มีกุศโลบาย
สำหรับบุคคล ยังไม่มีที่พึ่งแห่งตน เหตุเพราะยังอบรมตนไม่ได้
จึงได้อนุญาตให้ศิษย์สร้างวัตถุมงคล หรือแม้แต่การสร้างโบสถ์วิหาร ศาลา
เป็นกุศโลบาย น้อมนำจิตใจให้มีจิตเป็นกุศล เพื่อสร้างคุณความดีเบื้องต้น
ดีกว่านำตนเองไปสู่ทางอบายมุข กระทำชั่ว เป็นต้น

ไม่มีสิ่งใดเลยแม้แต่น้อยเท่าปลายขน นำเอาเข้านิพพานไปได้
เหตุเพราะนิพพานนั้น มีแต่สละ ไม่มีคำว่า "อยากมี อยากเป็น อยากได้"
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ทั้งวัตถุมงคล หรือ โบสถ์วิหาร ศาลา ฯลฯ
เป็นเพียงปัจจัยเสบียงบุญ เป็นทางสะสมบุญ อำนวยความสะดวกในภพชาติต่อไป
ตราบใดที่เราท่านทั้งหลายยังไม่ได้เข้าสู่นิพพานในชาติปัจจุบัน
ยังต้องอาศัยเสบียงบุญ สำหรับตนเองและบริวาร ต่อไป

เรื่องวัตถุมงคลนั้น บรรดาพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลายในประเทศไทย
ท่านฯพิจารณาดีแล้ว สำหรับญาติโยมทั้งหลาย ผลดีมากกว่าผลเสีย
จึงได้ดำเนินการสร้างวัตถุมงคล เพื่อนำมาให้บูชา
ทั้งยังเป็นประโยชน์ทางตรงและทางอ้อม นำปัจจัยไปสร้างถาวรวัตถุในพุทธศาสนา

ผู้ไม่ยึดติดในวัตถุมงคล แต่ไปยึดติดเรื่องอื่น
กำลังหลงประเด็น ตกหลุมพรางกับดักภาษาและสำนวนโวหาร
ในวัดยังต้องมีวัตถุมงคล เช่น พระพุทธรูป ภาพพ่อแม่ครูจารย์ ฯลฯ
เพื่อเคารพบูชากราบไหว้ ระลึกถึงคุณงามความดี เป็นศูนย์รวมจิตใจ

หากทุกวัดสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่ยึดติดในวัตถุมงคล นำธรรมปรมัธถ์ เป็นที่ตั้งประดิษฐาน
สาธุชน ผู้เริ่มต้น ในขั้น ทาน ศีล จะปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อเข้าถึงพระสัทธรรม
เพราะบางคนเข้าวัด ทำบุญ ทำทาน ไม่รู้จักนิพพานทุกคน
ทุกคนที่เข้าวัด ย่อมมีแนวทางแตกต่างกัน ตามนิสัยวาสนา

การจะยึดวัตถุมงคลหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ความประพฤติของตน
หากบุคคลผู้นั้น ไม่ยึดติดวัตถุมงคล แต่ความประพฤติแย่
ไม่หันมาตนเอง ว่า อะไรคือ หัวใจพระศาสนา อะไรคือ เปลือก อะไรคือ กระพี๊
เน้นจะเอาแต่...สุดยอดพระธรรม แต่ตนเองยังประพฤติปฏิบัติอยู่ในขั้นเริ่มต้น
เป็นเพียง...การเข้าใจพื้นฐาน ไม่ถูกต้อง โบราณเรียกว่า "ชิงสุกก่อนห่าม"

ท่านพ่อลี ท่านเน้นย้ำ "เราไม่ได้เอาแต่ข้าวสาร เราเอาทั้งเปลือก ทั้งใบ ทั้งต้น"
สำหรับผู้มีปัญญา นำไปใช้ประโยชน์ได้หมดทั้งสิ้น
ท่านไม่ได้เอาเน้นแต่ข้าวสาร ที่เป็นประโยชน์หลักสูงสุดเท่านั้น
แต่นำส่วนอื่นไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่ได้เอาที่เหลือ เช่น เปลือก ทั้งใบ และต้น ไปทิ้ง

 

กั๊กๆ ถามจริง ยังเห็น เคกว้าน เป็นพวกตามดูจิตอีกเหรอ นี่มันมองไม่
ออกนี่ ไหนๆ สันตติขาดทำไมเรื่องแค่นี้มองไม่ออก แปลก....

โห แล้วรู้ด้วยนะว่า ตามดูจิตแล้วสมาธิเกิด ถ้าเชื่อว่าดูจิตแล้วสมาธิเกิด
แล้วจะไปขัดขวางคนทำสมาธิทำต๊อกอะไรครับ

แต่นะ จริงๆก็พูดถูกนะว่า อย่างเจ๊นั้น ตามดูจิตสมาธิไม่เกิดหรอก แต่
สมาธิของเคเขาเกิดจากการทำอีกอย่าง เออ...แปลกนะ แต่นะ ต้องสันตติ
ขาดจริงๆถึงมองออกว่า เคกว้านเขาทำอะไรแล้วสมาธิเกิด

พอได้คำตอบก็งงอีกนะว่า จริงหรือ ก็ขอพูดแบบเดิม แล้วคุณจะไป
ขวางการทำสมาธิของเขาทำไม

และจริงๆก็ไม่น่าต้องห่วงเคกว้านหรอกว่าเขาจะห่างจากการทำสมาธิ

สามีเขานู้น พาไปทำสมาธิแน่นอน.......(ชิมิๆ เค)

* * * * *

แล้วคุณวิมุตตินี่แปลกดี

สอน หลบภัย ให้อ่อนน้อมถ่อมตน ในขณะที่จั่วหัวมานี้ ให้ข้ามหัว
คนบางคน สองประโยคตั้งมาไม่ห่างกันถึงสองวรรค คำสอนก็ค้าน
กันเองแล้ว ไหน...สมาธิ.... แบบนี้ไม่เรียกว่า มีสมาธิหรอก

 

เราจะเห็นว่า หากเราอานาปานไปในตัว
มันจะเจริญมรณานุสติปัฐฐาน ไปในตัวเพราะเรารู้ว่าหากเราไม่หายใจแล้ว
หรือไม่หายใจเข้าแล้ว เราก็ตาย ที่ถามคุณอโศ เพราะเห็นยกอานาปานมา
หากใครมีลมหายใจละเอียดแล้ว น่าจะดูแค่ลม และมีตัวเองเป็นพึ่ง
และที่พึ่งได้คือพระรัตนไตย เลยอยากถามดูโดยส่วนใหญ่ เราศรัทธาพระพุทธศาสนาจริงไหมแค่นั้นเอง ขอบคุณสำหรับคำตอบ

คำถามที่หลบภัย ฝากไว้ในใจของทุกคน การปฏิบัติถูกไม่ถูกมันไปปลูกฝังที่จิต
เวลาเราต่อสู้กับกิเลสตัวเอง เราเอาสติตัวเองสู้ หรือเรานำครูบาอาจารย์มาสู้กับกิเลสของเรา

 

คุณเอกวีร์นี่ใช้วาจาเสียดสีได้ถึงใจดีครับ เหมาะที่จะไปเป็นนักการเมืองนะ

ผมเห็นว่าคุณขวัญกับคุณน้องหลบภัยพอมีหวัง ก็แนะนำไป แต่ถ้าเก่งกันอยู่แล้ว ก็อนุโมทนาแล้วกัน

 

กัดกันอีกและ ทำไมชอบแควะกันจัง วาจามันเป็นเพียงลมที่ออกมาทางลำคอ ความคิดเป็นเพียงนามธรรมที่เป็นความปรุงแต่ง ส่งออกมาทางปากเรียกว่าเสียง ส่งมาทางกายเรียกว่าการกระทำ ส่งมาทางใจเรียกว่า...

 

เอ้า พึ่งสอนเขาหยกๆว่า ให้อ่อนน้อมถ่อมตน

แล้วไปยก คำว่าเก่งแล้ว ให้พวกเขาเป็นเชื้อกิเลสทำไมหละนี่

นี่ๆ อาจารย์มหาลัยของผม ตกลงพี่จะมา ยกประโยชน์ให้
หรือว่า หาโอกาสยกสิ่งไม่เป็นประโยชน์ให้กันแน่หละนี่

 

**** ผมเพิ่งจะเห็นว่ามีการทะเลาะกันในกระทู้นี้ ผมไม่ได้จะอยู่ฝ่ายไหนนะครับ ผมเพียงแค่มาแก้ส่วนที่คุณเจ้าของกระทู้อาจจะยังเข้าไม่ถึง เพราะตรงส่วนนี้นั้นมันยากนักกว่าที่จะกำหนดรู้ได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มเกิด ตั้งอยู่ และดับไป

**** อันนี้ผมขอฝากกับทุกๆท่านที่นำตัวธรรมมาทะเลาะกันนะครับ บุญบารมีของแต่ละท่านนั้นไม่เท่ากัน ฉะนั้นการรู้ในธรรม หรืออะไรต่างๆย่อมไม่เท่ากัน ฝึกธรรมในตนเองให้ดี ละวางกิเลสทั้งหลาย แล้วธรรมนั้นล่ะจึงเป็นธรรมที่แท้จริง

**** ถึงท่านผู้ที่มีนิพพานเป็นที่พึ่ง ทิฐิทั้งหลายเป็นตัวขัดขวางธรรมของเราไม่ให้ก้าวหน้าเพราะฉะนั้นตัวทิฐิหรือ ความยึดมั่นถือมั่นอย่างจริงจังของเรานั่นแหละเป็นทุกข์(การยึดมั่นในธรรม เป็นสิ่งที่ดี แต่เราจะต้องยึดมั่นในตัวธรรมแท้ๆ ไม่ใช่ธรรมปรุงแต่ง ไม่งั้นมันจะกลายเป็นทิฐิมานะ) ฉะนั้นลด ละ วางมันซะ ไม่เช่นนั้นแล้วท่านย่อมกลายเป็นบัวเหล่าที่สี่เพราะตัวทิฐิมานะนี่ล่ะ

**** ถึงนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย การปฏิบัติธรรมน่ะมันไม่ยาก เพียงแต่มันต้องใช้เวลาขัดเกลา การปฏิบัติน่ะเป็นการลงทุนที่น้อยนะ ไม่เห็นต้องใช้เงินอะไรนอกซะจากเงินทำบุญที่เราอยากจะทำ แต่ว่าผลที่ได้น่ะมันมหาศาลอย่างน้อยๆเราทำปุ๊ปก็สบายใจไปแล้ว นอกจากนั้นยังมีผลที่ตามมาที่เราไม่รู้อีกมากมาย ถ้าท่านปฏิบัติถึงขั้นนั้นแล้วก็คงจะรู้กันเอง

 

Sriaraya5 อยู่ที่นั่น

 

อยู่ที่ว่าจะยกก้อนหินขึ้น เวลาใดเท่านั้นเอง

ถ้ายกตอนนี้ Sriaraya5 ก็ยัง มี

ถ้ายกโดยปรมัติ Sriaraya5 ก็ ไม่มี

แต่ทั้ง มีและไม่มี ก็เป็นเรื่องของ โลก

 

คุณก็ช่างหาช่องได้ตลอดเลยนะครับ ขนาดผมประหยัดคำพูดแย่แล้ว พิมพ์ไปแค่สองบรรทัด ยังหยิบประเด็นมาตำหนิได้

ชมว่าเก่ง ก็หาว่าเพิ่มเชื้อให้กิเลส
ถ้าตำหนิว่าโง่ ก็คงหาว่าบั่นทอนกำลังใจ หรือไม่ก็เพ่งมาที่ผมแทนว่า ทำไมพูดจาแบบนั้น มีมานะหลงตนไปแล้วหรือเปล่า................

คุณเอกวีร์ คุณนี่มันหนักข้อเข้าไปทุกวัน

ผมเคยสงสัยเหมือนกันนะว่า พุทธภูมิอาจต้องสัมผัสการลองผิดลองถูกเวียนว่ายมากหน่อย ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ กรรมใครกรรมมันแล้วกัน...

 

คุณ รู้หรือครับว่า คุณหายใจยาว หรือ สั้นแค่ไหน ตามธรรมชาติ รู้ชัดได้หรือ

 

กคจสรมนกข ตคกยชหหมนกข มกขดตปธมด

จจมชวขมมนห ตปพมนขคตหทมสดอย

รนดง จจ

[ ก็คุณจะสอนเรื่องมานะกับเขา แต่คุณก็ยังใช้มานะกับเขา มันก็แขวะได้ต่อเป็นธรรมดา
จริงๆใช่ว่าเขามีมานะ แต่เป็นเพราะมานะของคุณต่างหากที่มันแสดงอยู่

รักนะเด็กโง่ จุ๊บจุ๊บ ]

 

นี่ๆ ท่านเอก อ่านโพสต์ #219 กคจสรมนกข ตคกยชหหมนกข มกขดตปธมด ของท่านแล้ว

เราเปลี่ยนจาก ...เป็นหัวเราะไม่หยุดเลยนะ กั๊กๆๆๆ

ปล.ปลาตาย ถ้ารู้ตัวว่าตาย มันก็กลายเป็นปลาเป็น แล้ว เนาะ !!
ที่ปลาตายไม่รู้ว่าตาย ปลาเป็นไม่รู้ว่าเป็น มันก็ตายหยังเขียด อยู่ เนาะ

 

ทำอะไรไม่มีสติเลย ถ้าผมฟ้องคุณ คุณจะมีปัญญาจ่ายหรือเปล่า

 

ว้าว งัดกฏหมายขึ้นมาเป็นที่พึ่งหรือ ท่านโสดาบัน

โลกธรรมข้อใดรึ ที่รั้งขาท่านไว้

 

คุณทำไม่ถูก สนทนาก็สนทนาสิ แต่นี่เอารูปคนอื่นมาโพส โดยที่ไม่ได้รับอนุญาติ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก

แยกแยะอะไรควร อะไรไม่ควร ไม่ได้เลยหรือไง