คำคมเตือนสติ (คมมากนะ ขอบอก) *..*

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ทองอยู่, 10 กันยายน 2010.

  1. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    <TABLE id=story_body style="DISPLAY: block; WIDTH: 100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width=30>








    </TD><TD>มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง
    มียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง
    ฟังดูอาจตลกทุกคนอาจคิดว่าดินสอกับยางลบเป็นของคู่กันแต่ลองอ่านดูก่อนนะ

    [​IMG]

    ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น
    ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน
    หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน
    มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ
    หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา

    เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา
    จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
    ยางลบจึงถามว่า ทำไมล่ะ
    ดินสอจึงตอบกลับไปว่า ก็เราเขียนนายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย
    ยางลบจึงเถียงว่า เราทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด

    ทั้งคู่จึงแยกทางกัน

    [​IMG]

    ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน
    แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิดข้อความที่สวยๆที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรกมีแต่
    รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด
    มันคิดถึงยางลบจับใจ
    ฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป
    พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ
    มันคิดถึงดินสอจับใจ

    [​IMG]

    ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งที่ดี
    ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น

    ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำ
    ดินสอในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี
    แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้น

    ส่วนการลบเปรียบเหมือน การลืม
    ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี
    แต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องไม่ดี ตัวมันก็จะสกปรก
    แต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี หรือคือการให้อภัยนั่นเอง
    ฉะนั้นการเปรียบการเดินทางของทั้งคู่ดุจมิตรภาพ คือ
    การจำแต่สิ่งดี ๆ และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง
    ขอให้ทุกคนเป็นอย่างดินสอกับอย่างลบตอนหลังนะ

    [​IMG]








    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. เจ้าจันทร์

    เจ้าจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +431
    การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ ที่หนังสือไม่สามารถสอนได้ทั้งหมด...คงเป็นอะไรที่เตือนใจสำหรับคนที่กำลังสูญเสียกำลังใจได้นะคะ ... สู้ๆ ^^
    เครดิตจาก FW ส่วนตัวค่ะ.....

    [​IMG] [​IMG]


    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... ยากล่อมประสาทที่ดีที่สุด คือ สติสัมปชัญญะนั่นเอง



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การฟังเพลงเบาๆ ในยามโศกเศร้านั้น ช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจให้เบาบางลงไปได้อย่างมากมาย



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... คุณหาเงินได้มากขึ้น แต่ไม่สามารถหาเวลาเพิ่มได้



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... หากเราละเลยความผูกพันกับพ่อแม่แล้วไซร้ เราจะหวนไห้คิดถึงท่านเจียนตายยามเมื่อท่านจากไป



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... อย่ากอดรัดลูกให้แน่นเกินไป มันอาจจะกลายเป็นการทำร้ายลูกทางอ้อม


    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... ผู้หญิงทุกคนอยากได้รับดอกไม้กันทั้งนั้น โดยเฉพาะเวลาที่ไม่ใช่โอกาสพิเศษ


    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การได้รักและถูกรัก เป็นความรื่นรมย์อันยิ่งใหญ่ทีสุดในโลก



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... คุณอาจรักใครบางคน ทั้งที่ไม่ได้ชอบเขามากมายก็ได้



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... ยังมีสิ่งหนึ่งที่เจ็บปวดไปมากกว่าความเกลียดชัง นั่นคือ ความเมินเฉย



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... แม้ฉันจะต้องเจ็บปวด แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่อย่างเจ็บปวดเสมอไป



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... ความเอื้ออาทรนั้น เพียบพร้อมสำคัญกว่าความบริบูรณ์เสียอีก



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การลืมสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วนั้น สำคัญพอกับการจดจำสิ่งที่ดีงามเอาไว้



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การคาดเดานั้น มักจะเลิศหรูกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเสมอ



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... ฉันไม่อาจคาดหวังผู้อื่นให้แก้ปัญหาของฉันได้



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... เมื่อสิ่งเลวร้ายผ่านเข้ามา คุณจะปล่อยให้มันสร้างความขมขื่นใจให้คุณ หรือใช้มันเป็นพลังทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นได้



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... ถึงเราจะเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แต่เราปล่อยให้มันผ่านไปได้



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... หากต้องการคำตอบที่ดี ก็ควรถามคำถามที่ดีด้วย



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... ระดับความมั่นใจในตัวเองของคนๆ หนึ่ง จะเป็นตัวบอกของระดับความสำเร็จของเขาด้วย



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... อาจจะมีใครที่รักคุณอย่างจริงจังอยู่ก็ได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะแสดงออกให้คุณรู้ได้อย่างไร



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... ในที่สุดแล้ว ผู้รับจะเป็นผู้แพ้ และผู้ให้นั่นแหละคือผู้ชนะ



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การเรียนรู้ที่จะให้อภัยนั้น ต้องการการฝึกฝน



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... คนไม่อาจเป็นวีรบุรุษได้ โดยไม่รู้จักลงมือทำ



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... เคล็ดลับของการเติบโตอย่างสง่าผ่าเผย คือ อย่าหมดความกระตือรือร้นที่จะพบหาผู้คนและสถานที่ใหม่ๆ




    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การซื่อสัตย์ต่อสิ่งเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... สิ่งดีๆ นั้น มักเกิดขึ้นกับคนดีเสมอ


    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การจากเพื่อนที่ใกล้ชิดที่สุดนั้น เป็นเรื่องยากกว่าที่ฉันเคยคิดเอาไว้มาก



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การเยียวยารักษามิตรภาพที่บอบช้ำนั้น ทำเมื่อไรก็ไม่สาย



    ฉันได้เรียนรู้ว่า.... การที่จะรู้ค่าอะไรสักอย่างนั้น คุณจะต้องขาดมันไปสักพักก่อน





    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2010
  3. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ในชีวิตมีหลายทางเลือกให้เลือกเดิน ..

    ถ้าเป็นเธอ .. เธอจะเลือกทางไหน

    ทางแรก .. เป็นทางที่มีผู้คน มีเพื่อนมากมายแต่กลับ
    รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง .. ไม่มีใครเข้าใจ
    มีแต่การพูดจาทำร้ายจิตใจ ..

    ถ้าจะเลือกทางแรก อาจมีเหตุผลเพราะว่า ..
    กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว .. กลัวที่ใครจะนินทาว่าเป็น . . หมาหัวเน่า...ไม่มีคนคบ?
    กลัวสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า ..




    ทางที่สอง .. เป็นทางที่ไม่มีใคร อ้างว้าง ..
    แต่ .. ภายในใจของเรารู้สึกอบอุ่น .. มีความสุข
    กับการที่ได้เดินในทางที่สอง

    ถึงแม้ว่า .. ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมาย .. มาเดินเคียงข้าง
    แต่....กลับรู้สึกว่าการที่อยู่ตัวคนเดียว ยังรู้สึกสบายใจ ..
    มีความสุข มากกว่าอยู่กับเพื่อนมากมาย ที่เรารู้สึกว่า เค้าไม่เคยที่จะรักเราเลย ..


    เลือกที่จะมีความสุข...อย่ากลัวที่จะโดดเดี่ยว
    ตัดสินใจคิดให้ดีว่าจะเลือกทางไหน ..
    ที่มันจะไม่ทำให้เราเสียใจในภายหลัง ..



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  4. Senseless guy

    Senseless guy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +991
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>

    มีอยู่ครอบครัวนึงมีลูกชายสามคนกำลังนั่งคิดกันว่า
    จะมอบอะไรให้เป็นของขวัญแก่คุณแม่ของพวกเขา

    ลูกชายคนโต- พี่จะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้แม่อยู่

    ลูกชายคนรอง- ฉันจะส่งรถเบ๊นซ์ป้ายแดงพร้อมคนขับให้แม่

    ลูกชายคนเล็ก- พี่ๆคงจะจำความรู้สึกของคุณแม่เวลาอ่านคัมภีร์ไบเบิ้ลได้ดี
    และพี่ๆก็รู้ว่าแม่สายตาไม่ดีอ่านหนังสือไม่ค่อยเห็น
    ดังนั้น ฉันจะส่งนกแก้วซึ่งสามารถท่องคัมภีร์ไบเบิ้ลได้
    นกแก้วตัวนี้อยู่ในโบสถ์มา14 ปี
    เพียงแต่บอกชื่อบท นกแก้วตัวนี้ก็สามารถท่องบทนั้นทั้งบทออกมาได้

    (ว่าแล้วลูกชายทั้งสามก็ส่งของขวัญไปให้คุณแม่ของพวกเขา
    .... ต่อมา แม่ก็ตอบจดหมายลูกๆ ทั้งสามว่า...)

    แม่บอกลูกคนโตว่า บ้านที่ลูกสร้างให้มันใหญ่โตเกินไป
    แม่อยู่แค่ห้องเดียว แต่แม่ต้องทำความสะอาดทั้งหลัง

    แม่บอกกับลูกคนรองว่า แม่แก่เกินไปที่จะไปไหนแล้ว
    แม่อยู่กับบ้านไม่ค่อยได้ใช้รถเลย

    แม่บอกกับลูกคนเล็กอย่างชื่นชมว่า-
    ลูกรู้ใจแม่จริงๆว่าแม่ชอบอะไร นกแก้วทอดอร่อย


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
  5. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    [​IMG]

    อันนี้ ไม่จริง เถียงขาดใจเลย ทางไปเชียงใหม่ ไม่เห็นมี จะไปดู
    หมีแพนด้า
    [​IMG]
     
  6. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    ขอมา . . ก้อจัดหั้ย

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  7. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    อันนี้เคยลงไปแล้วรอบนึง แต่วันนี้มีภาคภาษาด้วยค่ะ

    Be strong enough to face the word each day.
    จง... เข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง

    Be weak enough to know you cannot do everything alone.
    จง... อ่อนแอพอที่จะรับรู้ว่าลำพังเรานั้นทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง

    Be generous to those who need your help.
    จง... ฟุ่มเฟือยน้ำใจ เมื่อมีใครต้องการความช่วยเหลือ

    Be frugal with what you need yourself.
    จง... ประหยัดสิ่งที่จำเป็นไว้

    Be wise enough to know that you do not know everything.
    จง... จงฉลาดพอที่จะรู้ว่าเราไม่ได้รู้ทุกสิ่ง

    Be foolish enough to believe in miracles.
    จง... โง่พอที่จะเชื่อในปาฎิหาริย์

    Be willing to share your joys.
    จง... เต็มใจจะแบ่งปันความสุขของตัวเอง

    Be willing to share the sorrows of others.
    จง... เต็มใจที่จะแบ่งรับความทุกข์ของผู้อื่น

    Be a leader when you see a path of others have missed.
    จง... เป็นผู้นำหากทางที่ผู้อื่นทิ้งไว้ให้นั้นเลือนลาง

    Be a follower when you are shrouded in the midst of uncertainly.
    จง... เป็นผู้ตามหากตกอยู่ในวงล้อมแห่งความไม่แน่นอน

    Be the first to congratulate an opponent who succeeds. จง... เป็นคนแรกที่แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของคู่แข่ง

    Be the last to criticize a colleaque who fails.
    จง... เป็นคนสุดท้ายที่จะวิจารณ์ความผิดพลาดของเพื่อน

    Be sure where you next step will fall, so that you will not stumble.
    จง... มองเพียงแค่ก้าวถัดไปเพราะมันจะทำให้เราไม่ล้ม

    Be sure of your final destination, in case you are going to the wring way.
    จง... มองไปยังจุดหมายปลายทางให้แน่ใจ ว่าไม่ได้กำลังเดินผิดทาง

    Be loving to those who love you.
    จง... รักคนที่รักคุณ

    Be loving to those who do not love you, and they may change.
    จง... รักคนที่ไม่รักคุณแล้วสักวันหนึ่ง ...เค้าอาจจะเปลี่ยนใจ

    Above all, be yourself.
    แต่เหนือสิ่งอื่นใด จงเป็นตัวของตัวเอง
     
  8. เจ้าจันทร์

    เจ้าจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +431
    หยุดการหาความสุขแก่ตนเองด้วยการก่อความทุกข์ให้แก่ผู้อื่น
    หยุดเสียให้ได้ สอนตนเองอย่าให้หลงติดกับความคิดผิดอย่างยิ่ง
    ชีวิตนี้ไม่ได้ยืนยาว เป็นร้อยปีพันปี
    ไม่กี่ปีก็พากันตายหมดแล้ว
    ทั้งเราทั้งเขาก็จะต้องละทิ้งชีวิตนี้ไป
    ความสุขที่แสวงหามาให้ชีวิต ก็จะจบสิ้นไปด้วย
    ไม่ยั่งยืนยาวนาน ได้แต่เวรที่ตนเป็นผู้ก่อจะไม่จบสิ้นง่ายๆ
    เวรไม่จบเพียงชีวิตนี้
    เพราะการผูกเวรมันน่าสะพรึงกลัวนัก
    จงรอบคอบให้อย่างยิ่ง
    มีสติเตือนตนเองให้หนักทุกเวลา
    ว่าเราจะไม่ก่อเวร เพราะเรากลัวเวร

    เวรมีฤทธิ์มีเดชน่ากลัวมาก
    ส่งผลเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นที่ชีวิตเราจะน่ากลัวนักน่าสงสารนัก
    จงกลัวเสียตั้งแต่เวรยังไม่เกิดผลเลิกการก่อเวร
    ไม่ว่าหนัก ไม่ว่าเบา เลิกเสียเถิดเลิกเห็นกับความสุขของตน
    และสร้างความทุกข์ให้แก่ผู้อื่นเถิด
    เมตตาผู้อื่นเห็นใจผู้อื่น อย่าเมตตาตัวเองแล้วก่อเวร
    ให้ผู้อื่นต้องตกอยู่ในความทุกข์
    ก่อทุกข์ให้ท่านสาหัสเพียงไร
    เวรของเราก็จะหนักเพียงนั้นแน่นอนขอจงคิดให้ดี
    และพากันเลิกก่อเวรให้ได้เถิด

    **สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวทุฒโน)**
    [​IMG] [​IMG]

    ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักรดอทเน็ต
     
  9. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    เหนื่อยไหม? สิ่งที่เธอทำอยู่

    การเดินทางไม่สิ้นสุด ต้องค้นหาและต่อสู้กันไป บนโลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องสวมหน้ากากเข้าหากัน แก่งแย่งชิงดี บางครั้งเบื่อๆๆ และก็เบื่อๆๆ แต่ก็ต้องทำสิ่งที่รับผิดชอบ เพราะเป็นหน้าที่ จึงต้องหามุมสงบ หลบความวุ่นวายทั้งหลาย มาทิ้งไว้ที่แห่งนี้ เป็นสถานที่รองรับ ไม่มีการตอบสนอง รอให้เราระบาย

    หนทางนั้นคดเคี้ยว และเลี้ยวลด เหมือนใจคน
    แม้กระทั้งพื้นที่รองรับที่ไม่มีแม้เพื่อนสนิทที่ให้ความจริงใจสักคน จะหาได้ที่ไหน ในยามที่เราเคว้งคว้าง
    จีงต้องหามุมสงบ เพื่อลบความทรงจำบางอย่าง ให้ใจลอยไปกับสายลมและขุนเขา

    [​IMG]

    อุปสรรคมีไว้ให้ข้าม ไม่ใช่มีไว้ให้จม เหมือนดังสะพานที่ทอดยาวออกไป รอวันให้เราข้ามผ่านบางสิ่ง
    ท้องฟ้าที่สดใสและบริสุทธิ์ ยังทำให้จิตใจสดชื่นเมื่อยืนมองขึ้นไป
    กับเช้าวันใหม่ที่พยายามเริ่มสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตเหมือนพระอาทิตย์ที่ทำหน้าที่โดยไม่มีวันหยุด และคิดท้อถอย
    ยิ่งสูงยิ่งหนาว ก็เหมือนที่เขาว่าไว้ แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะเดินขึ้นไป แม้ขึ้นไม่ไหว ก็ยังต้องลอง

    [​IMG]
    ทางเดินข้างหน้าต้องฟันฝ่า แม้สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เข้าใจ อุปสรรคที่แอบซ่อนไว้ ไม่รู้เมื่อไหรจะโผล่ออกมา

    แต่ชีวิตยังต้องดำเนิน จึงต้องเลือกที่จะใช้ชีวิต ปลดทุกข์ที่มีให้สิ้น โอนอ่อนผ่อนไปเหมือนกับสนที่ไม่ยอมต้านแรงลม แต่ยังคงยืนหยัดได้ ให้พายุผ่านไปแต่โดยดี สุดท้ายที่ภาพนี้ จึงต้องหนีไปพึ่งพาให้ป่าเขา รักษาทุกที ที่ป่วยทางใจ

    ใด ๆ ในโลก ล้วนอนิจจัง...ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันต่อไป ถ้าชีวิตไม่ดิ้นก็สิ้นใจ (จริงแท้แน่นอน)....เหนื่อยนักก็ หยุด แล้วปล่อยวางทุกสิ่งไว้ ทำใจให้นิ่ง หายเหนื่อยเมื่อไหร่ ค่อยเดินหน้าต่อไปด้วยใจมั่นคง....ฝึกที่จะอยู่ตัวคนเดียวอย่างมีความสุข เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็ต้องจากกันไปอยู่ดี

    [​IMG]

    เหนื่อยหนัก ต้องพักผ่อน

    จุดหมายปลายทางของมนุษย์นั้นไม่ไกล แต่บางคนเดินไปไม่ถึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  10. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    นานวันเข้าก็จะคุ้นเคยไปเอง

    สุนัขจิ้งจอกที่ไม่เคยพบเห็นสิงโตมาก่อน วันหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกพบกับสิงโตโดยบังเอิญ มันเห็นสิงโตมีท่าทางสง่างามน่าเกรงขาม ก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น
    เจอสิงโตครั้งที่สอง แม้ว่าสุนัขจิ้งจอกจะยังคงหวาดกลัวยู่บ้าง แต่ก็ไม่กลัวจนสั่นเหมือนครั้งแรก
    เจอหนที่สาม ความกลัวของมันหายสิ้น มันใจกล้าถึงกับเดินเข้าไปทักทายปราศรัยกับสิงโต

    คติ


    1. ความคุ้นเคยสามารถเปลี่ยนสิ่งที่น่าหวาดกลัวให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัว
    2. ถ้าอยากทำความรู้จักต่อสิ่งใหม่ ๆ เราก็ต้องมีความอดทน ต้องใจกล้าเข้าไปทำความรู้จักกับสิ่งนั้นอย่างใกล้ชิด จึงจะรู้ชัดว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไร

    [​IMG]



    จุดจบของนักเพ้อฝัน

    เต่าตัวหนึ่งอิจฉาท่าบินงามสง่าของพญานกอินทรี จึงฝันเฟื่องว่า สักวันหนึ่งมันจะบินได้บ้าง คิดเช่นนี้แล้ว เต่าก็เดินทางไปหาพญานกอินทรี พร้อมกับขอให้พญานกอินทรียสอนบิน นกอินทรีบอกมันว่า เต่าเป็นสัตว์ที่บินไม่ได้ แต่เต่ากล่าวหาว่านกอินทรีหวงวิชา กลัวว่าเต่าจะได้ดีเกินหน้านกอินทรีจนใจ จำต้องโฉบเต่าบินสู่ท้องฟ้าแล้วปล่อยให่มันร่วงตกลงมา ในที่สุดเต้าตัวนั้นก็โหม่งพื้นตายอย่างน่าอนาถ

    คติ

    1. ผู้ที่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้ความสันทัดจัดเจน ความสามารถของตนเองจะเป็นทุกข์เสมอ การหลับหูหลับตาเลียนแบบผู้อื่นเป็นการหาทุกข์ใส่ตัว และพาชีวิตไปสู่ความวอดวาย

    [​IMG]




    ไล่กวาง เสียกระต่าย

    สิงโตจับกระต่ายป่าที่กำลังนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ได้ตัวหนึ่ง ขณะที่กำลังจะกินกระต่ายตัวนั้นมันก็เหลือบเห็นกวางตัวหนึ่งวิ่งผ่านไป สิงโตทิ้งกระต่ายทันที ไล่ตามกวางตัวนั่นไป วิ่งไปไกลโขแต่ยังจับกวางไม่ได้ มันจึงวิ่งกลับมายังต้นไม้ที่มีกระต่ายป่านอนหลับอยู่ แต่กระต่ายป่าหนีไปเสียแล้ว สิงโตพูดขึ้นด้วยความเสียใจว่า ?สมน้ำหน้าตัวเองนัก โลภมาก ลาภจึงหาย?

    คติ

    1. โลภมากลาภมักหาย
    2. สิ่งที่มองเห็นอยู่ข้างหน้าเรานั้น อาจไม่ใช่ของเราเสมอไป เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้จักพอจึงจะมีความสุขอย่างแท้จริง
    3. ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ เราควรคำนึงถึงกำลังและความสามารถของตัวเองเป็นหลัก แล้วจึงเลือกงานที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด และตั้งใจทำงานชิ้นนั้นให้ดี อย่าฝันเฟื่อง โดยไม่ยอมเริ่มต้นจากเรื่องเล็ก ๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่เช่นนั้น จะไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่เรื่องเดียว

    [​IMG]

    ขอบคุณบทความดีๆจาก หนังสือนิทานเตือนสติ


     
  11. เจ้าจันทร์

    เจ้าจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +431
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 4 มีนาคม 2551 10:29:31 น.-->บทความดี ๆ เรื่อง การอภัย อโหสิกรรม ภาค 1

    <!-- Main -->ชีวิตคือการลงทุน ตัวชีวิตคือต้นทุน
    สิ่งที่ได้มาหลังจากชีวิตคือกำไรทั้งหมด
    การเกิดมาในโลกนี้เหมือนการมาเที่ยวหรือไปเที่ยวต่างประเทศ
    เราชื่นชมได้ทุกอย่างที่เห็น แต่เมื่อจะเดินทางกลับ
    จะต้องวางทุกอย่างไว้ที่เดิม เพราะนั่นเป็นสมบัติของแผ่นดินนั้น
    เก็บเอาเพียงความสุข ความเบิกบานใจ ติดตัวกลับบ้านไปก็พอ

    ชีวิตในโลกนี้มีทั้งกำไรเป็นสินทรัพย์และกำไรที่เป็นอริยทรัพย์
    สินทรัพย์เราทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติของโลกต่อไป ให้คนอื่นได้ชื่นชมด้วย
    หากเรามีโอกาสกลับมาเที่ยว(เกิดใหม่)อีก เราก็มีโอกาสได้ชื่นชมอีก
    อริยทรัพย์ คือ บุญ ความสุข ความเบิกบานใจ อิ่มใจ พอใจ
    เป็นสมบัติแท้ของเรา ตามเราไปได้ทุกหนแห่ง

    การลงทุนให้ได้กำไร คือ การหัดทำความพอใจในสิ่งที่เรามี
    ความโชคร้ายของมนุษย์ คือไม่รู้ว่าตนเองโชคดี

    ทุกข์ชีวิตล้วนมีภัย
    ภัยของชีวิตอาจเกิดขึ้นไดทุกเสี้ยววินาที
    ภัยที่เกิดจากภายนอก ไม่ร้ายแรงเท่ากับภายใน

    ภัยที่ผู้อื่นสร้างขึ้น กระทบเราน้อยกว่าภัยที่เราสร้างขึ้นเอง
    บางคนทำผิดแล้ว กลับมานั่งเสียใจในภายหลังก็บ่อย
    ภัยทั้งหลายล้วนเป็นยาพิษ ที่ปลิดชีวิตจิตเราได้ทั้งสิ้น

    มนุษย์อื่นทำลายเรา ก็ทำได้เพียงขณะหนึ่ง
    แต่จิตที่ตั้งไว้ผิดจะทำลายเราข้ามภพข้ามชาติ

    [​IMG]

    ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงสอน เรื่องอภัยทาน
    คือการยกโทษ แสดงอโหสิกรรมต่อกัน
    ไทยเรามีประเพณีอย่างหนึ่งคือ
    เมื่อจุดธูปขอขมาศพ ก็จะขออโหสิกรรมต่อกัน
    คืออย่าได้มีเวรต่อกันในภพหน้า ให้ทุกอย่างจบลงที่ภพชาตินี้
    แม้ศัตรูคู่อาฆาตก็ต้องอโหสิกรรมต่อกัน

    บางครั้ง พิธีที่สำคัญในชีวิต เรามักจะไปขอพรจากผู้ใหญ่
    และกล่าวว่ากรรมใดที่ได้ล่วงเกิน ขอให้ท่านยกโทษให้
    คือให้สิ่งที่เราทำเป็นอโหสิกรรม ทำให้เราว่างเพียงพอ
    เพื่อให้รองรับความดีที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ เช่น พิธีบวช เป็นต้น
    การแสดงอภัยทาน เป็นการชำระใจ
    แม้จะพูดง่ายแต่ก็ทำยาก หากไม่ฝึกทำเป็นปกติ
    เพื่อให้เข้าใจง่ายและอยากให้ทำได้ ขอให้เรามาพิจารณาเหตุผล
    ถึงความต่อเนื่องของผลกรรมที่มีผลข้ามภพข้ามชาติว่า
    ให้ผลเผ็ดร้อนเพียงใด และยังเป็นผลที่เราหนีไม่ได้อีกด้วย

    [​IMG]

    เราต้องถามตนเองก่อนว่า
    เราต้องยุติเผล็ดผลของกรรมกับคนๆ นั้นเพียงภพนี้
    หรือต้องการจะพบเขา จะเจอเขาอีกต่อไป
    เราต้องการจะยุติปัญหาเหล่านี้เพียงภพชาตินี้
    หรือต้องการลากยาวไปถึงภพชาติข้างหน้า
    เรามีสิทธิ์เสรีในตัวเรา

    บางคน รักมาก หลงมาก เพราะเขาดีมาก
    ก็ปรารถนาให้พบกันทุกภพทุกชาติ
    บางคนก็อธิษฐานไม่ขอร่วมเดินทาง แต่ก็ไม่ยกโทษให้
    ในที่สุดผลของการไม่ยกโทษ คือไม่ยอมให้อภัย
    ก็เหมือนการผูกสิ่งที่เราไม่ชอบไว้ที่เอวตนเองตลอดเวลา
    การให้อภัย จะทำให้เราสามารถยุติปัญหาต่างๆ ได้
    เหมือนเราล้างแก้วน้ำสะอาด
    ทำให้เหมาะสมที่จะรองรับน้ำบริสุทธิ์ที่เทลงไปไหม
    เหมือนการโยนของที่เราไม่ชอบลงเสีย โดยไม่ต้องเสียดาย

    การให้อภัย คือการแสดงกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    อภัยทาน เวลาให้ ไม่ต้องไปขอใคร
    ไม่เหมือนใครมาขอเงินเรา เราต้องควักกระเป๋าให้
    แต่ให้อภัย เราไม่ต้องหาจากไหน และไม่รู้สึกว่าเป็นการสูญเสีย
    ขอให้เราจงภูมิใจ เมื่อมีใครมาขอโทษ เมื่อมีใครให้อภัยเรา
    หรือเมื่อสำนึกได้ว่า เราได้ทำอะไรผิดพลาดไป ก็ขอโทษกัน

    การขอโทษหรือการให้อภัย มิใช่การเสียหน้า หรือการเสียรู้
    มิใช่การได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด
    หากแต่เป็นการชำระใจให้สะอาด
    เหมือนภาชนะสกปรก ก็ชำระล้างให้สะอาดได้


    [​IMG]

    ใครจะคิดอย่างไรมิใช่ประเด็น
    แต่สำหรับเราผู้แสดงออกว่า เราให้อภัยเรื่องนี้ต่อบุคคลผู้นี้แล้ว
    นั่นเป็นสิ่งสำคัญ
    เพราะสิ่งนั่นจะถูกบรรจุลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์
    คือจิตของเราทันที

    การผูกอาฆาต ความพยาบาท ความอิจฉา โกรธ เกลียด
    ความคิดแก้แค้น ทิฐิมานะ เป็นต้น เปรียบเสมือนเชื้อไวรัส
    อภัยทานคือเครื่องแอนตี้ไวรัส
    ส่วนจิตของเรา เหมือนคอมพิวเตอร์
    ในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ อาจดูเหมือนยาว
    แต่มีใครบอกได้ว่าเราจะอยู่ได้ปลอดภัยถึงวันไหน
    เราต้องการความทรงจำที่เลวร้าย
    หรือต้องการความทรงจำที่ดีในชีวิต

    [​IMG]

    เราต้องนั่งนอนอย่างมีความสุข
    มีชีวิตอยู่ด้วยความอิ่มเอิบ
    หรือต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยการถอนหายใจ
    ด้วยความทุกข์และกังวลใจ

    สิ่งเหล่านี้ กำหนดได้ด้วยตัวเราเอง
    กำหนดวิธีคิดให้ถูกต้อง
    ความคิดเป็นสิ่งที่มีพลังมาก
    สุขหรือทุกข์ของมนุษย์อยู่ที่วิธีคิด
    คิดเป็นก็พ้นทุกข์
    คิดไม่เป็น แม้แต่เรื่องมิใช่เรื่อง ก็อาจเกิดเรื่องได้

    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอบคุณบทความดี ๆ จากน้องมิ้ม minemim เวบลานธรรมค่ะ
     
  12. เจ้าจันทร์

    เจ้าจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +431
    บทความดี ๆ เรื่อง การอภัย อโหสิกรรม จบ

    ขอให้เรามาคิดดูว่า
    ในชีวิตของเราคนหนึ่ง อย่างเก่งก็อยู่ได้ 90 ปี
    เกินไปนี้ถือเป็นกำไรชีวิต
    ทำไมเราจะเสียเวลามาครุ่นคิดเรื่องไร้สาระ
    ทำไมเราจะต้องเสียเวลามาทำเรื่องที่ทำให้เกิดทุกข์
    การยอมกันเสียบ้าง ก็เป็นความสุขได้ไม่ยาก
    บางครั้ง การยอมแพ้ อาจเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ข้ามภพข้ามชาติ
    การยกโทษ อาจดูเหมือนเรายอม
    เราไม่ติดใจ ไม่เอาเรื่อง แล้วเขาจะกำเริบได้ ส่วนเราเสียเปรียบ
    ความจริงไม่ใช่ เรากำลังบำเพ็ญบารมีขั้นสูง คือ อภัยทาน
    อันเป็น ทานบารมี ที่สูงส่ง
    ขอให้เราสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
    เวลาเราโกรธเกลียด พยาบาทใคร สีหน้าของเราจะเปลี่ยนไป
    เลือดในร่างกายจะผิดระบบ เช่น เวลาโกรธจัด
    จิตที่ถูกครอบงำโดยอารมณ์ร้าย ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน
    คือหนักใจ ทำอะไรก็กังวลเป็นทุกข์
    แต่พอยกโทษให้ ก็รู้สึกทันทีว่า ยิ้มได้ มีความสบายใจ

    [​IMG]

    เราอาจคิดว่า
    การให้อภัยบ่อยๆ แก่คนบางคน เขาอาจไม่ปรับตัว
    ย่อมก่อเหตุอยู่เสมอๆ งานก็ไม่สำเร็จ ยังเหลวไหลอยู่เหมือนเดิม
    นั่นอาจเป็นเหตุผลในการทำงาน
    แต่สำหรับเหตุผลของใจนั้น เมื่อให้อภัย ใจเราก็เบา
    เพราะหมดห่วง หมดทุกข์ หมดสนิมที่จะมากัดใจให้ผุกร่อน

    วิธีคิด ความสำคัญมากสำหรับชีวิตของคน
    เรามักได้ยินเสมอๆ ว่า แพ้หรือชนะ อยู่ที่กำลังใจ
    แท้จริงแล้ว คำว่า กำลังใจ คือวิธีคิดนั่นเอง
    พลังที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์คือ การมีกำลังใจ

    มนุษย์เราจึงต้องสร้างกำลังใจแก่กันและกัน
    กำลังใจคือสิ่งที่ไม่รู้จักหมด
    ยิ่งเราให้คนอื่นได้มากเท่าไหร่
    กำลังใจก็ยิ่งจะเกิดขึ้นกับเรามากเท่านั้น
    เหมือนวิชาความรู้ ยิ่งให้ ยิ่งพอกพูน
    ยิ่งหวงเฉพาะตัว ยิ่งหดหาย

    [​IMG]

    การให้อภัย อาจพูดง่าย แต่ทำยาก
    แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะไม่อยากทำใจ
    แต่ก็ทำได้ เมื่อเราฝืนใจทำ
    และจะเป็นความสุขใจภายหลังเมื่อครวญคำนึง

    มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง
    เป็นเรื่องที่มีอุทาหรณ์และคติน่าคิดมาก
    เกี่ยวกับเรื่องของคนที่ไม่ยอมให้อภัยใคร
    และเป็นคนผูกโกรธ ผูกเกลียด ผูกอาฆาต พยาบาท
    มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรูคู่แข่งอยู่ตลอดเวลา
    กระทั่งวันหนึ่งตายไปพร้อมกับจิตใจที่ขุ่นมัวและผูกอาฆาต

    ท่านเล่าว่า เขาอธิษฐานไปเกิดเป็นลูกของศัตรู
    เพื่อจะได้ทำร้ายจิตใจกันอย่างใกล้ชิด แนบเนียนที่สุด
    ให้สาละวนอยู่กับเรื่องทุกข์ตลอดเวลา
    เขาเป็นลูกเกเรผลาญทรัพย์ ทำลายวงศ์สกุล
    นำความทุกข์เดือดร้อนเข้าบ้านทุกวัน
    พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสเป็นหลักใจว่า
    คนที่ตายขณะจิตเศร้าหมอง ย่อมไปสู่อบาย
    แม้คนพวกนี้จะไม่เชื่อเรื่องอบาย เรื่องนรกที่เป็นภพภูมิ
    แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงนรก
    คือความเร่าร้อนรุนแรงที่คุกรุ่นภายในใจ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
    ส่วนคนที่ตายขณะจิตผ่องใส จะไปสู่สวรรค์
    คือสภาพใจที่ปลอดโปร่งโล่งเบาก็จะมีแก่ผู้นั้น
    สิ่งที่น่าคิดก็คือ
    ข้าพเจ้าทราบจากนักปราชญ์บัณฑิตโบราณท่านพูดเอาไว้ว่า
    การที่เราโกรธใคร เราไม่ให้อภัยเขา หรือเราไม่ไปขออโหสิกรรม
    ความโกรธนั้นจะเป็นกรรมหนักติดตัว
    คือจะติดใจเราไปนานข้ามภพข้ามชาติ
    แปลว่า ไม่ว่าเราจะไปเกิดในภพชาติใด
    กรรมนั้นจะตามไปไม่มีที่สิ้นสุด

    ยิ่งไปกว่านั้น
    การที่กรรมส่งผลข้ามภพข้ามชาตินั้น
    เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
    เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า
    เราได้ทำอะไรกับใครแล้วบ้างในอดีต

    [​IMG]

    คนบางคนเกิดมามักถูกใส่ร้ายอยู่ตลอดเวลา
    ไม่ว่าจะหันไปทำอะไร จะมีแต่คนจ้องจับผิด
    ใส่ร้าย คิดร้าย นินทาลับหลังให้ต้องเสียใจอยู่เสมอ
    บางคน คิดทำอะไรขึ้นมา พอจะสมหวัง
    ก็กลับมีอันเป็นไปให้ผิดหวัง พลาดหวังอยู่บ่อยๆ
    เราก็คิดว่าเป็นเรื่องของโชควาสนาไป
    แต่ความจริงคือเรื่องอดีตกรรมที่เราไม่ยอมจะแก้ไข ทั้งๆ ที่แก้ไขได้

    ยิ่งไปกว่านั้น บางคนต้องทุกข์เพราะคนใกล้ตัว
    ทุกข์เพราะคนที่เรารัก ทำให้พ่อแม่เสียใจอยู่เสมอ
    มีลูกไม่อยู่ในโอวาท มีลูกอกตัญญู
    มีลูกทำลายชื่อเสียวงศ์ตระกูล
    พ่อแม่คิดถึงลูกทีไร ก็มีแต่เรื่องร้อนใจตลอดเวลา
    เราจะเห็นว่า
    บางครอบครัว ญาติพี่น้องต้องทะเลาะกัน
    เหมือนเป็นศัตรูกันมาหลายภพหลายชาติ
    บางทีต้องฆ่ากันเป็นทอดๆ
    ถามว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร
    ปัญญาธรรมดาของมนุษย์อย่างพวกเรา
    พอจะทำความเข้าใจได้หรือไม่
    กฎหมายที่มีอยู่สามารถจะคลี่คลายปมปัญหาได้ไหม
    คำตอบคือ ยาก!
    เพราะนี่คือเศษกรรมที่ยังมิได้รับ อโหสิ ระหว่างเราและเขา
    อโหสิ ให้กันเถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องมาผูกเวร ผูกกรรมกันต่อไป....เนอะๆ

    [​IMG]

    ขอบคุณบทความดี ๆ จากน้องมิ้ม minemim เวบลานธรรมค่ะ

     
  13. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    คนขายสุนัข และ ลูกสุนัข 7 ตัว

    [​IMG]

    มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง
    วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง ก็มากระตุกชายเสื้อเขา เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่
    เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ? เด็กบอกอย่างสุภาพ
    อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี แล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา
    เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว เขานับ…แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ? เด็กชายถาม
    เจ้าของร้านตอบว่า อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี
    มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้
    สิ้นคำเจ้าของร้าน ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน
    ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ เห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขา หางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย ท่าทางจะชอบเขามาก
    เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?
    ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ เจ้าของร้านตอบ
    เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น
    ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้ เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ
    เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย [​IMG]

    เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า ทำไมครับ ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้?
    ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ ลองดูตัวอื่นดีไหม?
    เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า คุณอาดูอะไรนี่สิครับ
    ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น
    เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า ขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้
    คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ?
    เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา
    เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้ เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท คุณอาจะว่าอย่างไรครับ?

    เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ พลางกล่าวขอโทษขอโพย ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป
    เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้ และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก
    ………………..
    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
    ที่มา : นิทานสีขาว
    เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
     
  14. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    หนอนกินผัก
    สนัขกัดรองเท้า
    เป็นความเห็นแก่ตัวหรือ
    ถ้ามันไม่รู้ว่าสิ่งที่มันทำนั้นผิด


    ปลากัดกินลูกน้ำ
    กาฝากเกาะกิ่งไม้
    เป็นความเห็นแก่ตัวหรือ
    ถ้ามันมีโอกาสเลือกได้ มันจะทำเช่นนั้นหรือ


    ชาวนาถอนหญ้าในนาข้าว
    ข้าศึกประหัตประหารกันในสมรภูมิ
    นี่ก็เรียกว่าความเห็นแก่ตัวหรือ
    ถ้าหน้าที่ไม่บังคับ เขาก็คงหลีกเลี่ยงแล้ว


    กระทำเถิดถ้ามันจำเป็นต้องกระทำ
    เพื่อความอยู่รอดของชีวิตเฉพาะหน้า
    จงเป็นปรกติสุขเถิด
    ถ้ามิได้กระทำเกินกว่า ความจำเป็น

    มีแค่คนซึ่งไม่เข้าใจตนเองเท่านั้น
    ที่พยายามทำให้ผู้อื่นเข้าใจตน

    [​IMG]
     
  15. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    ใจเขาใจเรา

    อยู่ในสังคมมนุษย์
    สิ่งที่ต้องระวังไม่ใช่มนุษย์เสมอไป
    ใจที่เห็นแก่ตัวของเรานั่นแหละ
    คือสิ่งที่ควรระมัดระวังให้มาก


    เมื่อการกระทำต้องเกี่ยวพันกับผู้อื่น
    ไม่ต้องเอาใครไปใส่ใจใคร
    อย่าเอาเปรียบเขาก็พอ


    เมื่อมิได้คำนึงถึงสวัสดิภาพของตนเอง
    แต่ก็ต้องระมัดระวังสวัสดิภาพของผู้อื่น
    เราไม่โกรธ เราไม่กลัว เราไม่เจ็บ
    แต่ผู้อื่นอาจจะโกรธ อาจจะเจ็บ และอาจจะกลัว


    ถึงคราวที่จำเป็นต้องกระทำแล้ว
    ก็ลงมือกระทำด้วยสติปัญญาเถิด
    ไม่ต้องมัวไปคำนึงถึงใจเรา ใจเขา
    หรือแม้แต่ใจใครทั้งสิ้น


    [​IMG]
     
  16. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    [​IMG]

    ทรัพย์สมบัติภายนอก
    หาก็ยาก เก็บก็ยาก
    แต่คนก็อุทิศชีวิตแสวงหา
    <O:p</O:p
    ทรัพย์สมบัติภายใน
    ไม่ต้องหา ไม่ต้องซุกซ่อน
    แต่ผู้ใดอยากได้เล่า
    <O:p</O:p
    ไร้ทรัพย์สมบัติภาพในเสียแล้ว
    ทรัพย์สมบัติ และเกียรติยศภายนอก
    ยิ่งแสวงหา ยิ่งยุ่งยาก ยิ่งปวดร้าว
    <O:p</O:p
    เมื่อไร้ทรัพย์สมบัติภายนอก
    คุณธรรมที่แท้ก็ง่ายที่จะเกิดขึ้น
    เพราะในความยากจนทนทุกข์
    ชีวิตจึงจ่ายที่จะค้นพบคุณค่าของชีวิต
    <O:p</O:p
    การไม่ทำให้สิ่งมีชีวิตเป็นทุกข์
    การช่วยขจัดความทุกข์ให้สิ่งมีชีวิต
    เป็นทรัพย์สมบัติที่ต้องเก็บไว้ด้วยการกระทำ<O:p</O:p
     
  17. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493
    [​IMG]

    เพศสัมพันธ์
    <O:p</O:p
    ความต้องการทางเพศ
    เป็นบัญชาของธรรมชาติ
    ชีวิตย่อมตกอยู่ในความอับเฉา
    ถ้าความต้องการนี้ถูกเก็บกด ซ่อนเร้น
    <O:p</O:p
    ชีวิตต้องการความมีชีวิตชีวา
    ภายใต้การนำพาชีวิตไปสู่ความงอกงาม
    การตอบสนองที่เหมาะสมกลมกลืน
    จึงนับเป็นการปฏิบัติธรรมอันสูงส่ง
    <O:p</O:p
    การเป็นทาสความรู้สึกทางเพศ
    ย่อมทำลายสุนทรียภาพในปัจจุบัน
    ฉะนั้นการสังเกตุฝึกฝนจิตใจเพื่อเสรี
    จึงจำเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิต
    <O:p</O:p
    อย่ามัวระเริงหลงตอบสนอง
    แต่ก็อย่าหม่นหมองเก็บกด
    ด้วยว่าไม่มีความต้องการใด
    ที่มีแต่โทษสถานเดียว
    <O:p</O:p
     
  18. Senseless guy

    Senseless guy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +991
    บทความดีๆทั้งนั้นเลย ขอบคุณมากนะคะที่นำมาให้อ่าน

    อ่านแล้ว...หยุดคิด...สักนิด
     
  19. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065




    [​IMG]

    To the world you may be but one, but to one you might be the world.
    ในโลกนี้คุณอาจเป็นแค่คนคนหนึ่ง แต่สำหรับคนคนหนึ่ง คุณอาจเป็นโลกทั้งใบของเขา
    (จาก เวปอารมณ์ดี )
     
  20. ทองอยู่

    ทองอยู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,493

    มาครานี้ sound track เล่นเอา เลือดซิบเรยน๊ะ ตะเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...