แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]การขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร[/FONT] [FONT=&quot]อย่างง่ายๆและได้ผลดี[/FONT] --------------------------------------------------------------------------------

[FONT=&quot]การอโหสิกรรม และขอขมากรรมเจ้ากรรมนายเวร[/FONT]
[FONT=&quot]เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นเทพ เช่น พระภูมิ เจ้าที่ เทวดา[/FONT] [FONT=&quot]พ่อเกิด-แม่เกิดของเรา[/FONT] [FONT=&quot]ท่านโปรดมากถ้าเรานั่งสมาธิหริอวิปัสนากรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เขา[/FONT] [FONT=&quot]เพราะหากเราหมั่นทำให้เขาบ่อยหรือเป็นประจำพวกเขาจะได้บุญมาก[/FONT] [FONT=&quot]นอกจากอโหสิกรรมให้เราแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]เขาจะมาเป็นผู้ปกป้องรักษาคุ้มครองนำเราไปในทางที่ดี ที่ชอบ อีกต่างหาก[/FONT]
[FONT=&quot]เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นภูต เป็นผี ที่มิได้ผุดได้เกิดก็ชอบมาก[/FONT] [FONT=&quot]เพราะการบำเพ็ญภาวนาบุญเหล่านี้ จะส่งบุญให้เขาได้มาก และตรงกว่า[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งจะทำใหเขาพ้นทุกข์เวทนาได้เร็ว ซึ่งก็จะอโหสิกรรมแก่เราโดยเร็ว[/FONT] [FONT=&quot]เพราะบุญจากการปฏิบัติบูชานั้นมีกำลังยิ่งนัก[/FONT]
[FONT=&quot]ส่วนเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นสัตว์ ก็จะอโหสิกรรมให้เราได้ด้วย[/FONT] [FONT=&quot]การอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้เขาจากการเจริญสมาธิ ปฏิบัติรรม สร้างบุญ[/FONT] [FONT=&quot]สร้างทานทุกอย่าง และรวมทั้งการบำเพ็ญภาวนาด้วยเช่นกัน[/FONT]
[FONT=&quot]เจ้ากรรมนายเวรนั้นบางทีเขาก็เกิดเป็นมนุษย์แล้ว[/FONT] [FONT=&quot]อาจอยู่ในชาติภพปัจจุบันเดียวกับเรานี้ก็มี หรืออาจเป็นเพื่อน เป็นคุ่คิด[/FONT] [FONT=&quot]ผู้ร่วมงานของเรา เป็นญาติพี่น้องของเราก็ได้[/FONT] [FONT=&quot]แต่จิตที่เคยจองเวรกับเรายังคงจองเวรต่อเรา ก็เพราะกรรมทำให้เป็นไป[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งจะรูปแบบต่างๆนาๆ จนกว่าเราหรือจะขออโหสิกรรมต่อกัน[/FONT] [FONT=&quot]หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือ[/FONT] [FONT=&quot]ตัวเราเองหรือเขาเองอาจถือศีลบำเพ็ญบุญภาวนาหรือทำบุญแล้วแผ่เมตตา[/FONT] [FONT=&quot]ว่าจะขออโหสิกรรม ขอถอนความอาฆาตจองเวรกับสรรพคนสรรพสัตว์ทั้งหลาย[/FONT] [FONT=&quot]ขอให้หมดเวรหมดกรรมต่อกัน[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นทั้งเราและเขาก็จะหมดเวรต่อกันและกัน[/FONT]
[FONT=&quot]การทำการอโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวรนั้นทำได้หลายหลากวิธี[/FONT] [FONT=&quot]แต่ที่สำคัญควรทำเป็นประจำสม่ำเสมออย่าทำๆหยุดๆ[/FONT] [FONT=&quot]เพราะการกระทำที่ต่อเนื่องนั้นจะแสดงถึงเจตนาที่ตั้งใจในการขออโหสิกรรมซึ่ง[/FONT] [FONT=&quot]จะทำให้ผลของการขออโหสิกรรมเกิดผลได้โดยเร็ว[/FONT] [FONT=&quot]และจะทางให้เราหลุดพ้นจากหนี้กรรม หรือบ่วงกรรมนั้นเอง[/FONT]
[FONT=&quot]อย่างที่บอกแต่ต้นแล้วว่าการทำบุญอโหสิกรรมทำได้หลายหลากมีทั้งวิธีที่ไม่[/FONT] [FONT=&quot]ลำบากเช่นการปล่อยนกปล่อยปลา ถวายสังฆทาน ซื้อโลงศพเป็นต้น[/FONT] [FONT=&quot]แต่ถ้าคุณไม่มีเงินต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ก็คงไม่ใช่วิธี[/FONT] [FONT=&quot]ที่บริสุทธิ์หนัก[/FONT] [FONT=&quot]เพราะเป็นการสร้างหนี้ใหม่ให้เกิดขึ้นมาอีกแม้ว่าจะเป็นหนี้สินเงินทองไม่[/FONT] [FONT=&quot]ใช้หนี้ที่เป็นหนี้กรรมก็ตาม แต่กระจะนำความทุกข์มาสู่คุณได้อีกในภายหลัง[/FONT]
[FONT=&quot]ดังนั้น วิธีที่ได้ผลแรงและดีที่สุดคือการ "สวดมนต์เจริญสมาธิรักษาศีล"[/FONT] [FONT=&quot]เพราะเป็นวิธีที่ไม่เบียดเบียนไคร และไม่ต้องเสียเงินเสียทอง[/FONT] [FONT=&quot]อีกทั้งยังปฏิบัติได้ทุกวันด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]แต่สำหรับบางท่านที่มีกรรมหนักควรทำควบคู่ไปกับวิธีอื่นๆด้วย โดยการขออโหสิกรรมมีวิธีในการขออโหสิกรรม หลายบวิธีดังนี้[/FONT]
[FONT=&quot]๑.ถือศีล๕ หรือศีล๘ โดยอาจถือปฏิบัติเคร่งครัดโดยกำหนดถือ ๓ วัน ๗ วันต่อเดือน หรือทุก ๓ เดือนเป็นต้น[/FONT]
[FONT=&quot]๒.กินเจ หรือเลิกรับปทานเนื้อสัตว์เป็นบางประชนิด[/FONT]
[FONT=&quot]๓.นั่งสมาธิ วิปัสนากรรมฐาน ตามแต่โอกาส[/FONT]
[FONT=&quot]๔.สวดมนต์ภาวนา กรวดน้ำ แผ่เมตตา เจริญภาวนา เป็นประจำ[/FONT]
[FONT=&quot]๕.ปล่อยนก ปล่อยปลา ตักบาตรพระ[/FONT]
[FONT=&quot]๖.ถวายสังฆทาน ถวายเทียน ของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆ[/FONT]
[FONT=&quot]๗.การถือบวช หรือเว้นจากการเบียดเบียดผู้อื่น เป็นต้น[/FONT]

[FONT=&quot]แล้วครั้งหน้าผมจะหาวิธีการขออโหสิกรรม แบบที่เรียก การให้ทาน การสร้างทาน การถวายทาน มาให้ศึกษากันเพิ่มเติมนะครับ[/FONT]

[FONT=&quot]ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงการบอกบุญให้ผู้ไม่รู้ทราบ[/FONT] [FONT=&quot]หรือท่านที่ปฏิบัติมาดีโดยตลอดอยู่แล้วได้ยึดถือปฏบัติต่อไป[/FONT] [FONT=&quot]ทั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังสิ่งตอบแทนหรือสิ่งอื่นประการใด[/FONT] [FONT=&quot]หากแม้ว่าบุญใดกุศลใดที่ข้าพเจ้าพึ่งมีพึ่งใด[/FONT] [FONT=&quot]ก็ขออุทิศบุญกุศลนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายขอให้ได้รับโดยทั่วถึงกัน[/FONT] [FONT=&quot]ทุกผู้ทุกคนเถิด[/FONT]

 

โอ้โห นึกว่าเงียบหายไปไหน ผมนึกว่าจะพลาด แอบลุ้นพี่นวลกับคุณลินอยู่ ปรากฏว่าเืมื่อถึงเวลาก็มา ฮ่าๆๆ

 

คุณอาหมอพิมพ์เก่งและเร็วขึ้นเยอะเลยนะครับผม ผมจะ update ให้นะครับ

 

ไวปานจรวด มาดูอีกทีหน้า 1001 ไปแล้ว

ขออนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยครับ

 

ขอบคุณเจ้าของเรื่องครับ

หลวงพ่อช่วย หรือเหตุการณ์ปรกติ ลองมาอ่านดูครับ

เมื่อสัปดาห์ที่ ผ่านมาผมได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองซูโจว และเมืองอู๋ซี เป็นเวลาทั้งหมด 5 วัน ซึ่งภารกิจที่ผมต้องเดินทางไปคือเป็น หัวหน้าทัวร์ พาคณะท่องเที่ยว จำนวน 20 ท่าน เดินทางท่องเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์ ไปยังเมืองต่างๆข้างต้น เป็นเวลาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน

ระหว่างเดินทางเราต้องย้ายไปนอนตาม เมืองต่างๆ โดยคืนแรกนอนที่ เซี่ยงไฮ้ ต่อไปยัง ซูโจว และอู๋ซี จนคืนสุดท้ายกลับมานอนที่เซี่ยงไฮ้อีกครั้ง

โรงแรมที่คณะเดินทางไป พัก จะเป็นระดับ 3 ดาว - 4 ดาว ซึ่งในคืนวันแรก และวันที่สอง ก็เป็นการไปพักตามปรกติ เหตุการณ์สงบ นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์

จน กระทั่งในคืนที่สาม ที่เมืองอู๋ซี ผมนำคณะเข้าที่พักเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม เมื่อแจกกุญแจห้องพักแล้ว ต่างคนก็แยกย้ายเข้าห้องนอนของใครของมัน ซึ่งในแต่ละห้องจะมีผู้เข้าพักจำนวนห้องละ 2 ท่าน ยกเว้นห้องพักของผม เป็นห้องพักหัวหน้าทัวร์ เป็นห้องพักคนเดียว หรือที่เรียกว่าพักเดี่ยว

ก่อน แต่ละท่านผมได้แจ้งหมายเลขห้องของผม รวมทั้งการกดโทรศัพท์มาที่ห้องพักของผมก่อนว่าทำอย่างไร คือต้องกดหมายเลข 8 นำหน้าเลขห้องของผมเอง หากว่ามีปัญหาอะไรจะได้โทรหาผมได้ ซึ่งทุกท่านเข้าใจดี

ห้องที่ผมเข้าพักเป็นห้องหัวมุม ซึ่งห้องตรงข้ามห้องของผม เป็นห้องของลูกค้าที่เดินทางมากับผม 2 ห้อง รวมทั้งห้องที่ติดกับผมด้วยก็เป็นห้องของลูกค้าในคณะเดียวกัน รวมความแล้วห้องของผมล้อมรอบไปด้วยห้องของลูกค้า ยกเว้นฝั่งที่ติดกับมุมติกซึ่งทำให้เห็นวิวของเมืองได้อย่างชัดเจน

คืน นั้นผมนอนหลับโดยไม่อาบน้ำเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นเหลือเพียงอุณหภูมิ ตัวเลขเพี่ยงตัวเดียวประมาณ 4-6 องศา และหลับสนิท โดยถอดพระ และเครื่องรางที่นำติดตัวมาไว้หัวเตียง

ก่อนหลับ มีลูกค้าที่ลืมกล้องไว้บนรถโทรมาตามให้ช่วยเรียกคนขับรถไปเปิดรถให้เพื่อ หยิบกล้องที่ลืมไว้ ผมก็ทำหน้าที่ไปตามปรกติ ทุกอย่างเรียบร้อย แล้วจึงเข้านอน

เช้าผมตื่นมาด้วยเสียง คนคุยกันอยู่หน้าห้อง จับใจความไม่ได้ จนกระทั่งได้อาบน้ำลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

มี ลูกค้าท่านหนึ่งถามผมว่าเคยมานอนโรงแรมนี้ไหม ซึ่งผมก็บอกไปตามความจริงว่าไม่เคยนอน ถึงแม้ว่าจะเคยมาเมืองนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยมาพักที่โรงแรมนี้ และผมก็ถามกลับไปด้วยความสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้น ได้ใจความว่า

ห้อง ที่อยู่ตรงข้ามผม ซึ่งเป็นผู้หญิงสองคนพักด้วยกัน ไม่สามารถนอนหลับได้ด้วยเหตุว่า ทั้งสองคนเมื่อหลับตาแล้ว พอเคลิ้มๆ จะเห็นเงาคนร่างใหญ่ยืนอยู่ริมเตียง หรือเดินวนอยู่รอบๆห้อง จนไม่สามารถนอนหลับได้ จนต้องเปิดโทรทัศน์นั่งคุยกันจนเช้า

ส่วนห้องข้างๆของห้องที่อยู่ตรงข้ามผม ได้กลิ่นธูปตลบไปหมด ซึ่งก็ได้แต่แปลกใจว่าทำไม มีกลิ่นธูปรุนแรง

และ ห้องที่อยู่ข้างๆห้องผม ประตูเปิดไม่ได้เมื่อออกมาจากห้อง แล้วเปิดเข้าไม่ได้โดยใช้คีย์การ์ด ตัวเดิมซึ่งก่อนเข้าห้องครั้งแรกก็เปิดเข้าไม่ได้ จนผมต้องนำคีย์การ์ดไปแจ้งทางโรงแรมให้แก้ไขแล้ว ซึ่งก็เรียบร้อยดี จากนั้นเมื่อออกมาเดินเล่นก็ไม่สามารถเปิดได้อีก ถึง 2 ครั้ง แต่เมื่อพนักงานโรงแรมมาทำการเปิดให้ ก็สามารถเปิดได้ตามปรกติ ซึ่งจะคิดว่าทั้งสองคนนี้ใช้คีย์การ์ดไม่เป็นก็คงไม่ใช่ เนื่องจากทั้งสองคืนที่ผ่านมา โรงแรมก่อนหน้านี้ก็ใช้คีย์การ์ดแบบนี้

และ ที่แปลกใจทั้งห้องตรงข้ามผม และห้องข้างๆผม ทั้งสองห้องพยายามติดต่อผมโดยการโทรเข้ามาที่ห้อง มาเคาะ กดออดเรียกอย่างไรผมก็ไม่ตื่น ซึ่งตามปรกติผมเป็นคนตื่นนอนง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเดินทางมาทำงาน ผมยิ่งตื่นง่ายเพราะกังวลว่า หากลูกค้ามีปัญหาจะได้ช่วยเหลือได้ ยิ่งโทรศัพย์ผมจะได้ยินอย่างง่ายดาย เช่นลูกค้าหัวค่ำโทรเข้ามาเรื่องลืมกล้องผมก็ได้ยิน ตอนเช้าโทรศัพย์ของโรงแรมที่เป็น MORNING CALL ก็ได้ยิน แต่ทำไมกลางดึกที่ทั้งสองห้องเรียกมาเพื่อขอความช่วยเหลือทั้งสองห้องผมไม่ ได้ยิน

และทั้งสามห้องที่เจอเรื่องแปลกๆ อยู่ล้อมรอบผมทั้ง 3 ห้อง แต่ห้องผมกลับเหตุการณ์ปรกติ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมอะไรมารบกวน แม้กระทั่งการพยายามมาปลุกผมของลูกค้า

ที่หัวเตียงนอนผมวางสร้อยคอ มีรูปถ่ายครึ่งองค์ตระกรุด 3 กษัตริย์ และเทียนไขที่ใช้ในพิธีปลุกเสกพระปี 21 ของหลวงพ่อ ผมปั้นรวมกับ ทรายเสก เศษจีวร เกศา และเศษผ้ายันต์เก่าๆ ในสายนี้ เลี่ยมพลาสติกไว้ พร้อมทั้ง ปลัดอาจารย์เตี้ย วัดสามเอก แหวนรุ่น 2 โล่ฝรั่ง และแหวน หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ในเป้ยังมีผ้ายันต์ อะ ปะ จะ คะ อีก 1 ผืน


ที่ผมหลับสนิทไม่มีอะไรรบกวนเพราะผมเหนื่อยเพลีย หลับสนิท ขี้เซา หรือ ไม่มีอะไรมารบกวน หรือสิ่งแปลกปลอม มารบกวนผมไม่ได้ ด้วยบารมีหลวงพ่อ

ท่านคิดว่าอย่างไรครับ ?

 

นี่ขนาดเราไม่ได้วิ่งลูกอมกันนะครับ...เวฟยังอืด..ขนาดผม5m ไม่คิดเพิ่มนะนี่...

 

ทางวาสนา บารมีสูงมากครับ
เมื่อใช่ประกอบการปฏิบัติทำสมาธิ จะสามารถทำได้ดีขึ้น เร็วและรู้สึกถึงพลังต่างๆได้ดีมาก พลังอำนาจและพุทธคุณที่แฝงอยู่ในพระกริ่งแก้วมรกต สูงมากและดีเกินกว่าจะนำมาคล้องคอครับ ใช้บูชาที่บ้านยังได้เลยครับ

 

ขอบคุณทุกท่านสำหรับบทความดีๆนะครับ

 

ร่วมฉลอง 1000 หน้าแล้วครับผม

 

เกือบไปเหมือนกันค่ะ คุณ โจ ฝนตก ฟ้าคะนอง มากๆ นึกว่าจะไม่ได้เข้ามาร่วมอวยพรกันแล้วค่ะ วันนี้ หุๆๆๆ

อยากจะเข้ามาอ่านตำนาน ลึกลับมากๆเลยค่ะ ชอบแนวแบบนี้ค่ะ

 

:boo:โอ้โฮ ลุ้นจนแทบเหนื่อยตาย แต่หายทันทีเมื่อเจอรายชื่อเราในผู้โชคดี เป็นหนึ่งในนั้น บารมีหลวงปู่กวย,หลวงปู่หมุน,ท่านพ่อลีและ อาจารย์กลิ่นแท้ ๆ ทำให้เรามีวาสนาในครั้งนี

 

ประมาณ ๒-๓ เดือนที่แล้ว เวลาประมาณ ตีหนึ่งกว่าๆ เกือบตีสอง ผมขับรถไปรับแฟน ระหว่างทางพอขับมาถึง ๔ แยกไฟแดงแห่งหนึ่งตอนนั้น ผมก็ได้เห็นตำรวจจราจรคนนึงยืนอยู่กลาง ๔ แยก ยกมือขึ้นพร้อมทั้งเป่านกหวีดเป็นสัญญาณให้ผมหยุดรถ ผมก็เลยเหยียบเบรค
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นขับมาด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ในใจตอนนั้นยังนึกด่าในใจว่า "จะขยันอะไรกันนักหนา นี่มันตีหนึ่งกว่าแล้ว" (ข้อความส่วนที่เป็นคำด่านี้ถูกปรับแต่งให้สุภาพเพื่อความเหมาะสมในการตั้ง กระทู้ต่อหน้าหลวงปู่ครับ เพราะจริงๆ ตอนนั้นไม่ได้ด่าแบบนี้)
พอรถผม หยุดปุ๊บ ก็มีรถบรรทุก ๖ ล้อ แล่นด้วยความเร็วสูงมาจากทางแยกด้านซ้ายมือของผม ผ่านหน้าผมไปอย่างเร็ว ซึ่งรถบรรทุกคันนี้ผมไม่ได้สังเกตุเห็นมาก่อนเลยว่ากำลังแล่นมา ซึ่งหากผมไม่หยุดรถผมก็คงถูกชนไปแล้ว พอรถแล่นผ่านไปสิ่งแรกที่ผมทำก็คือวิ่งลงจากรถไปดูบริเวณกลางสี่แยกที่เคยมี ตำรวจยืนอยู่เมื่อกี้ ในใจคิดว่าตำรวจคนเมื่อกี้สงสัยจะไม่รอด พอเดินไปกลางสี่แยก ก็ไม่พบตำรวจคนนั้นแต่อย่างใด ทีแรกคิดว่าจะติดกับหน้ารถบรรทุกไปรึเปล่า แต่คิดอีกทีก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้ามีการชนก็ต้องมีร่องรอยอะไรบ้าง แต่นี่เลือดสักหยดก็ไม่มี พอเช้าอีกวันนึง ก็ไม่ได้ยินข่าวว่ามีตำรวจจราจรถูกรถชนเลยด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้ตำรวจที่ผมเห็นจะมาจากไหนล่ะ
ผมคิดได้อย่างเดียวครับว่า น่าจะเป็นปาฏิหารย์ของเหรียญหลังยันต์ที่ผมคล้องไปวันนั้น (จริงๆ แล้วที่หน้ารถก็มีพระหลายองค์นะครับ แต่ที่คล้องคอน่ะ มีองค์เดียว และก่อนคล้องผมก็จะนึกถึงหลวงปู่และตั้งใจอารธนาก่อนทุกครั้ง ผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นเหรียญหลังยันต์นี่แหละที่ช่วยผมไว้)

 

ข้อคิดคติสอนใจจากพระท่าน ว.วชิรเมธี
* สิ่งที่เราให้คนอื่น แท้จริงแล้วคือของที่เราฝากให้แก่ตนเองในวันข้างหน้า เช่น วันนี้เราด่าเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาด่า วันนี้เราโกงเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาโกง วันนี้เราเนรคุณเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาเนรคุณ
* ความดีที่ทำไว้ในหมู่คนพาลถึงมากมายมหาศาลก็สูญเปล่า การทำสิ่งดีๆใก้แก่คนที่ไม่เห็นคุณค่าก็ไม่ต่างอะไรกับการเทน้ำลงกองทราย ถึงเทอย่างไรก็ซึมหายหมด ดังนั้นจะทำดีกับใครควรใช้ปัญญาคิดให้รอบคอบ
* คนใกล้ชิด เป็นศัตรู แม้กำแพง 7 ชั้น ก็ป้องกันไม่ได้ ศัตรูที่มาจากภายนอกต่อให้ยกมาถึง 9 ทัพ เราก็มองเห็นและเตรียมตัวทัน แต่ศัตรูที่มาจากคนในด้วยกันคือศัตรูที่อันตรายที่สุดเพราะเรามักมองไม่เห็น และไหวตัวไม่ทัน
* เวลาเรือเอียงเรามักจะมองเห็นและแก้ไขได้ทันท่วงที แต่ความลำเอียงในใจคนมักถูกปกปิดอย่างมิดชิดและแสดงออกอย่างแยบยล กว่าจะรู้ว่าคนที่เรารักมากด้วยความลำเอียงบางครั้งมันก็สายเกินไป
* ไม่มีแรงใดเสมอด้วยแรงกรรม แรงฟ้ามนุษย์แก้ได้ด้วยสายล่อฟ้า แรงน้ำมนุษย์แก้ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางหรือสร้างกำแพงกั้นน้ำ แรงพายุมนุษย์แก้ได้ด้วยการปลูกป่า แต่แรงกรรมมีแต่ต้องก้มหน้ารับโดยส่วนเดียว
* การมีความ สุขที่ก่อ ความทุกข์ให้คนอื่นั้นไม่ใช่ความสุขที่แท้ มันเป็นได้แค่ความสุขจากการเกาขอบแผลที่กำลังคัน ยิ่งเกาดูเหมือนยิ่งสุข แต่แท้ที่จริงมันคือความทุกข์ที่แฝงมาอย่างแนบเนียน
* ดูข่าวการเมืองยิ่งดูยิ่งวุ่นวายยิ่งดูยิ่งฟุ้งซ่าน แต่หากกลับมาดูใจของตนอย่างมีสติ รู้เท่าทันทุกเรื่องที่คิด ทุกจิตที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ความทุกข์มากมายจะดับลง ดูจิตวันละนิดจิตแจ่มใส
* ทำบาตรแตก ถ้วยแตก ชามแตก แก้วแตก ยังดีกว่าทำให้คนแตกกันเนื่องเพราะวัตถุที่แตกแล้วสามารถประสานให้ดีดังเดิม ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าคนแตกสามัคคีกันเป็นฝักฝ่ายแล้ว บางทีทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสนิทสนมกันได้อีก

 

หลวงพ่อกล้วยสนทนากับทิดนิว

หลวงพ่อกล้วย : เพื่อความสงบ แต่ถ้าเราอยากเรียนรู้ความจริง ว่ามันเกิดยังงัย มันดับลงยังงัย ที่นี้เรามาดูการเกิดการดับของจิต
มันจะรู้เห็นว่ามันเกิด ๆ ดับ ๆ ทีนี้เรามาดับก่อนที่มันจะเกิด เอาสติไปเกิดแทน มันกลายเป็นปัญญา จิตก็นิ่ง
ถ้าเราไม่ได้ดับ ปล่อยให้มันเกิดเอง ดับเอง มันก็เพิ่มอาหารให้ตัวจิตอยู่ตลอดเวลา นั่นแหละ เค้าเรียกเพิ่มอาหารให้กิเลส ทุกเรื่อง
ถ้าเราดับทีนั้น ดับทีนี้ มันเกิดขึ้นมาได้ จิตมันยาวนาน มันเกิดขึ้นมาได้ ช่วงปลาย เราดับช่วงปลาย หรือว่าสั้นเข้ามาช่วงกลาง
ลึก ลงไป ต่อไปก็ดับช่วงต้น ต่อไปก็รู้ก่อนที่มันจะเกิด มันก็ไม่เกิด ถึงมันจะเกิด เราก็ดับตั้งแต่มันก่อตัว กำลังมันก็ไม่มีก็จะนิ่งขึ้น
ถ้า การดับไม่มี เราปล่อยให้มันเกิด สะสมกำลังครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม อันนี้เพียงแค่ตัวจิตมันเกิด ยังไม่ได้คลายออกจากขันธ์๕
มันยังไม่ได้คลายความหลงนะ มันยังไม่ได้แยกรูป แยกนามนะ คลายขันธ์ ๕ ให้ได้ซะก่อน
แล้วก็มารู้ดูความเกิดของจิต มาดับความเกิดของจิต มาละกิเลสที่จิตอีก
ไม่ใช่ว่ารู้ดูเฉย ๆ รู้แล้วต้องละให้หมด เห็นรู้แจ้ง เห็นจริง จริง ๆ นั่นแหละ

ทิดนิว : เป็นไปได้หรือเปล่า ที่ปัญญาจะมาก่อนสติ ครับ?

หลวงพ่อกล้วย : เป็นไปได้ ปัญญาจะมาก่อนสติ มันเป็นไปได้ แต่เป็นไปได้แต่เพียงปัญญาโลกีย์
ถ้าปัญญาโลกุตระเราต้องเจริญสติ เข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์จนกว่าจิตจะคลายออกจาก แยกรูปแยกนาม ถึงจะเป็นปัญญาวิปัสสนา
แต่ส่วนมากปัญญาโลกีย์จะมาก่อน เค้าเรียกว่า ปัญญาสมมุติ ปัญญาโลก
ทีนี้เราอยากจะรู้ธรรม เราอยากจะเข้าใจในธรรม
เราต้องสร้างตัวสติใหม่ขึ้นมา แยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจให้ได้จนกว่า สติของเราจะกลายเป็นสติ กลายเป็นมหาสติ
จนกลายเป็นปัญญา ปัญญาตัวที่สองนี้เราถึงเอาไปใช้ในทางธรรม

ทิดนิว : ถ้าผมซื้อเบียร์ หรือเวลาพ่อใช้ไปซื้อเบียร์หรือบุหรี่ แล้วผมไปซื้อให้พ่อ แล้วพ่อร่างกายแย่ลงทรุดลง ผมมีบาปมั้ยครับ?

หลวงพ่อกล้วย : ใจเราเป็นทุกข์มั้ย กังวลมั้ย

ทิดนิว : กังวลครับ

หลวงพ่อกล้วย : นั่นแหละ! บาปมันเกิดขึ้น
ถ้าเราทำตามหน้าที่มีความกตัญญู เออพ่อต้องการ ถ้าพ่อไม่ได้กินแล้วพ่อลงแดงตาย นี่เราก็ไปซื้อมาให้มันเป็นหน้าที่
แต่มันก็มีทั้งดีและไม่ดีนั่นแหละ ก็ให้เราเลือกเอาพิจารณาเอา แต่ก็หาปัญญา ใช้ปัญญาหลบหลีก

ทิดนิว : ความใฝ่ฝันเป็นภาวะของกิเลสได้มั้ยครับ?

หลวงพ่อกล้วย : ความใฝ่ฝันมันมีอยู่สองอย่าง ความใฝ่ฝันที่เกิดจากตัวจิต ความทะเยอทะยานอยากที่เกิดจากตัวจิต อันนี่เป็นอำนาจของกิเลส
ถ้าจิตไม่เกิด ความใฝ่ฝันตรงนี้จะเปลี่ยนเป็นความต้องการของสติปัญญา เอามาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ มันจะกลับกันตรงนี้

ทิดนิว : ผมอึ้งกับคำตอบมากเลยครับ

หลวงพ่อกล้วย : หา! อึ้งยังงัย

ทิดนิว : หลวงพ่อตอบได้ปัญญาแท้จริง ๆ เลยครับ

หลวงพ่อกล้วย : ของแค่นี้เอง ต้าร์ก็ตอบได้ (เสียงหัวเราะ) อะไรหัวเราะอะไร ฮึ! (ตอบได้ว่าไม่รู้)ตอบแบบไม่รู้เรอะ

ทิดนิว : อย่างนี้ถ้าคนมีเป้าหมายในชีวิตก็จะถือเป็นความทะเยอทะยานอยากห รือเปล่า?

หลวงพ่อกล้วย : ถ้าคนมีเป้าหมายในชีวิตน่าจะถือเป็นความทะเยอทะยานหรือไม่
ความทะเยอทะยานอยากนั่นแหละชักนำเข้ามาถึงธรรม เวลาปฏิบัติธรรมจริง ๆ แล้วเราก็ต้องละความทะเยอทะยาน ละความหวัง
เปลี่ยนจากละความอยาก เปลี่ยนจากละความอยาก ละความหวัง เป็นความขยันหมั่นเพียรด้วยสติด้วยปัญญา
ด้วยเหตุด้วยผล ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง มันถึงจะรู้แจ้งเห็นจริงได้

ทิดนิว : คำตอบหลวงพ่อนี่ ทำผมอึ้ง เฮี๊ยบมากเลย
ดวงสามารถเปลี่ยนได้ด้วยสติหรือเปล่าครับ หลังจากที่บุพกรรมตกแต่งเอาไว้แล้ว?

หลวงพ่อกล้วย : การกระทำของเรา การกระทำของเรานั่นแหละ คือ วิบากกรรม
ทีนี้เราสร้างกุศลกรรม ละอกุศลกรรม มันก็เปลี่ยนชีวิตของเราได้ เรามาเปลี่ยนอยู่ปัจจุบัน
เปลี่ยนได้ยากหรือเปลี่ยนได้ช้า ได้เร็วได้ไว มันก็ขึ้นอยู่กับปัจจุบัน เราก็ทำให้ให้ต่อเนื่อง มันก็ส่งผลต่ออนาคต
ถ้าอันนี้เป็นวิบากกรรมทางสมมุติ ระดับทางสมมุติ ลึกลงไปเราต้องเปลี่ยนวิบากกรรมของด้านวิมุติ
คือ ทางด้านอาการของขันธ์ ๕ ละขันธ์ ๕ ทำตามความเข้าใจกับละขันธ์ ๕ ละกิเลส ดับความเกิด
วิบากกรรมเก่าก็ตามไม่ทัน กรรมใหม่ก็เป็นเพียงกิริยา เป็นแค่เพียงการทำด้วยสติด้วยปัญญา ทำเพื่อให้เกิดประโยชน์
กรรมใหม่ กรรมเก่าก็ตามไม่ทัน กรรมใหม่ก็ไม่ยึด ก็เลยอยู่เหนือกรรม เค้าเรียกว่า อยู่เหนือบุญเหนือบาป
ไม่ยึดทั้งบุญทั้งบาป ละอกุศล สร้างกุศล เค้าเรียกว่าสร้างบุญ แต่ไม่ยึดติดในบุญ สร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์

ทิดนิว ผมขออนุญาตพับเพียบได้มั้ยครับ ปัญญาผมตามไม่ค่อยทันเท่าไหร่) อัตตามีข้อดีหรือเปล่าครับ?

หลวงพ่อกล้วย : มี ถ้าเราไม่มีอัตตา เราก็ไม่มีอนัตตา ก่อนที่เราจะถึงอนัตตาได้ เราก็ต้องอาศัยอัตตามาปฏิบัติ เพื่อให้เข้าใจอนัตตา
เหมือนกับต้นไม้ก็ต้องมีเปลือก มีกระพี้ ถ้ามีตั้งแต่วิญญาณก็ปฏิบัติไม่ได้ วิญญาณก็ต้องอาศัยรูปกาย อาศัยรูปธรรม
แล้วก็ปฏิบัติเน้นลงมาที่กายของตัวเราเอง มันก็ดีทั้งสองอย่าง ทั้งอัตตา ทั้งอนัตตา แต่เราต้องทำความเข้าใจทั้งสองอย่าง
จะเอาตั้งแต่อนัตตา เอาตั้งแต่ความว่าง มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเรายังอาศัยอัตตาอยู่ อาศัยกายอยู่
หน้าที่ของกายทำหน้าที่อย่างนี้ หน้าที่ของอนัตตา หน้าที่ของดวงวิญญาณ ความว่างทำอย่างนี้ แต่เค้าก็อยู่ร่วมกันอยู่
มันก็มีดีทั้งคู่ ทั้งอัตตา ทั้งอนัตตา

ทิดนิว : หมายความว่าใน ถ้าเรายังต้องใช้ชิวิตทางโลก เราจำเป็นต้องใช้อัตตา?

หลวงพ่อกล้วย : อัตตาในทีนี้ เราหมายถึง การแยกรูปแยกนาม ทำความเข้าใจกับอัตตา กัอนัตตา
แต่การทำหน้าที่นั้นทำด้วยสติด้วยปัญญา เราต้องหาความเป็นกลาง สร้างความเป็นกลางภายในให้ใจของเราให้ได้เสียก่อน

ทิดนิว : เอ่อ ทุก ๆ อย่าง มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แต่ว่า อย่างจักรวาลนี้มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
แต่ว่าวัฎสงสารนะครับ ตอนนี้วัฎสงสารเกิดขึ้น และตั้งอยู่ วัฎสงสารเนี่ยจะดับด้วยหรือเปล่าครับ?
หลวงพ่อกล้วยสนทนากับทิดนิว
หลวงพ่อกล้วย : วัฎสงสาร มีการดับ ถ้าถึงนิพพานแล้ว การเวียนว่ายตายเกิดก็ไม่มี
ตราบใดที่จิตมีการเกิดอยู่มันก็ต้องมีวัฎฎะเพราะว่าจิตมันยังดั บความเกิดไม่ได้
จิตมันต้องวนเวียนว่ายตายเกิด จะตกอยู่ในกองบุญกองกุศล หรือว่าอกุศลเท่านั้นเอง

ทิดนิว : แล้วตัวระบบของวัฎสงสารล่ะครับ ที่จะจำแนก?

หลวงพ่อกล้วย : ตัวระบบของวัฎสงสาร ก็คือ ตัววิบากกรรมที่เราได้สร้างได้ทำเอาไว้ เราต้องรู้จักกรรม
กรรมภายในคือ ขันธ์ ๕ กรรมข้างนอกคือ กุศลกรรมที่เราได้ทำขึ้นมา
นั่นแหละ ตัวที่จะจำแนกการเกิดของวัฎสงสาร ง่ายนิดเดียว

ทิดนิว : ทำไมการสร้างพระพุทธรูปจึงมีอานิสงค์สูงสุดครับ?

หลวงพ่อกล้วย : การสร้างพระพุทธรูปทำไมมีอานิสงค์สูงสุด
เราเคารพพ่อของเรามั้ย เราเคารพแม่ของเรามั้ย (เคารพครับ) ถ้าเราเคารพพ่อเคารพแม่ของเรา ถ้าเราสร้างรูปพ่อรูปแม่ของเรา นี้
เราได้บุญได้อานิสงค์มั้ย มีจิตใจ มีความสุขมั้ย และก็เป็นจุดศูนย์รวมของคนทั่วไปมั้ย ไม่ใช่คนหนึ่งคนเดียว เป็นจุดศูนย์รวมของมหาชน
แล้ว ก็รวมจากหนึ่ง จากสอง เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมึ่นเป็นแสนเป็นล้าน ไม่มีจบสิ้น เพราะเป็นที่ยึดเหนี่ยวของมหาชนทั่วไป นี่แหละถึงเกิดอานิสงค์ใหญ่ (ครับ)
ถ้าเรามีเงินสักล้านหนึ่ง เราซื้อรถเบนซ์สักคันหนึ่ง มีคนไปกราบมั้ย (ไม่ครับ)
ถ้าเรามีเงินล้านหนึ่ง เราไปสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่สักองค์หนึ่ง คนก็หลั่งไหลไปช่วยไปทำอะไรช่วย
ทีนี้เสร็จ มีคนกราบมั้ย (มีครับ) มันต่างกันมั้ยหล่ะ (ต่างครับ)

ทิดนิว : หมายความว่า แม้ว่า พระพุทธรูปจะเป็นวัตถุ แต่ก็ยึดเหนี่ยวจิตใจคนได้ เพื่อนำไปสู่ปัญญาที่ไม่ยึดเหนี่ยวในภายหลัง

หลวงพ่อกล้วย : มันเป็นที่พึ่งในระดับหนึ่ง ทีนี้เราก็ต้องเจาะลึกลงไปถึงคำสั่งสอนของท่านอีก (เสียงโทรศัพท์แทรก หยุดการสนทนา)

รวมคำสอนของหลวงพ่อสำราญ ธมฺธุโร (หลวงพ่อกล้วย) ที่มา www.managerroom.com

 

Ohhhhhhhhhhhh นึกว่าจะยังไม่ถึงหน้า 999 ผมอุตส่ารีบขับรถเหยียบสปีดสุดๆเพื่อรีบมาให้ถึงบ้านเร็วๆเพื่อมาต่อเนตให้ทัน.....กระทู้ไปไวมากๆเมื่อ 17.30เพิ่งจะหน้าที่984อยู่เลยครับ....

ยินดีกับทุกๆท่านด้วยนะครับ....(^_^).....และยินดีด้วยที่กระทู้ครบ1000หน้าครับ

 

คำบูชาพระธาตุพระสิวลี
อะหัง วันทามิ สีวลีธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส

คาถาบูชาพระสิวลี (หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท)
สีวะลี จะ มะหาเถโร ปัจจะยะลาภะปูชิโต มะนุสโสเทวะตาอินโท
พระมายะโม ยักขาวา ปิตัสสะ นิรันตะรัง ปะนะ ลาภะ
สักการเรอาเน็นติ นิจจัง สิวะลิดเถรัสสะลาโภจะ สักกาโร โหติ สีวะลีมะหาเถรันจะปูชะกัสสะ
สะทาวาปิ คาถันจะ สังวัดตะนัสสะลาโภจะ สักกาโรโหติเถรัสสะ
อานุภาเวนะ ลาโภเมโหตุสัพพะทาเอเตนะ สัจจะวัดเชนะ ลาโภเมโหตุ สัพพะทาฯ

คาถาพระสีวลี แบบโบราณ
สาธุ สีวลีจะมหาเถโร อุกาสะฯ
ข้าพระพุทธเจ้า ขออาราธนา พระอภิญญา พระปฎิสัมภิทา พระบุญฤทธิ์ ลาภสักการะ ของสมเด็จพระสิวลีอรหันตเถรเจ้า จงมาบังเกิดในจักษุทวาร มโนทวาร กายทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า
ขอคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆเจ้า คุณพระอริยสัจธรรม ทั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ คุณพระสิวลีพระอรหันตเถรเจ้า ผู้มีความศักดิ์สิทธิ์ทรงศักดานุภาพเป็นอันมาก เหมือนสมัยที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่นั้น ลาภสักการะสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นอันมาก ลาภสักการะหลายสิ่งหลายอย่างเป็นอันมาก ได้เกิดแก่พระผู้เป็นเจ้า จนสามารถเลี้ยงภิกษุได้หลายร้อยรูปมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ในที่ทุกแห่งที่ท่านร่วมตามเสด็จไปด้วย พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่สักการบูชา ของเทวดาและมนุษย์เป็นอันมากฉันใด ก็ดี
ขอเดชะพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆเจ้า พระอริยสัจธรรมทั้ง แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ คุณพระสิวลีอรหันตเถรเจ้า จงมาบังเกิดเป็นที่พึ่ง แก่ข้าพระพุทธเจ้า ด้วยเหตุที่ชีวิตของข้าพระพุทธเจ้า ซึ่งได้เกิดมาดิ้นรนอยู่บนพื้นดิน ในท่ามกลาง ศาสนบัญชรของพระชินเจ้า มีความจำเป็นด้วยทรัพย์สิน เงินทองเป็นอันมาก หากขาดทรัพย์สินเงินทองเสียแล้ว ชีวิตจะอับเฉา และเป็นทุกข์
เพราะเหตุฉะนี้นั้น ขอเดชะพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสังฆเจ้า คุณพระอริยสัจธรรมทั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ คุณพระสิวลีอรหันตเถรเจ้า จงมาบังเกิด เป็นที่พึ่งของข้าพระพุทธเจ้า บันดาลให้ทรัพย์สินเงินทองหลั่งไหลมาสู่ชีวิตข้าพระพุทธเจ้า เดือนละหลายพัน หลายหมื่น หลายแสน หลายล้าน ในหลายด้านหลายกรณี เหมือนหนึ่งลาภสักการะ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอันมาก ลาภสักการะหลายสิ่งหลายอย่างเป็นอันมาก อันได้บังเกิดแก่พระสิวลีอรหันตเถรเจ้านั้น เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

จากความเป็นมา ความหมาย และประวัติของพระสีวลีที่เล่าเท้าความมาทั้งหมดนี้ จะเห็นว่ามีในส่วนของคาถานั้น มีทั้งหัวใจ “นะชาลิติ” และคาถาที่ใช้บูชาพระสีวลีโดยที่ไม่มีอักขระนะชาลิติปรากฏอยู่ด้วย แต่ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับโชคลาภ โภคทรัพย์ เมตตามหานิยมทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ในฐานะของชาวพุทธแห่งยุคโลกไร้พรมแดนนี้ ควรที่เราจะศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ใครชอบท่องคาถา ก็ควรท่องด้วยจิตที่มีศรัทธา มีสมาธิ และหากใครที่ประทับใจกับเถรประวัติของพระสีวลี เมื่อท่องคาถา ก็เกิดปัญญาตามไปด้วย ว่าพระสีวลีมีบุญ บารมีมาก เพราะท่านสร้างสมมา เราเองก็ควรสร้างสมบุญ บารมีของเราไปด้วยเช่นกัน คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือคุณของคาถาต่างๆ จึงจะช่วยอำนวยพรสมประสงค์.

(เผยแพร่ครั้งแรกที่ www.thaiwriteracademy.com)

ขอบคุณครับ

 

เหมือนกันเลย 55++ ร่วมยินดีกับ 1000 หน้าด้วยครับ

 

ขอบคุณครับ เห็นชื่อตัวเองแล้วดีใจยิ้มแฉ่งเลยครับ ขอแสดงความยินดีกับทุก ๆ ท่านที่สมหวังด้วยครับ

 

ตามอ่านไม่ทันเลย พลาดลุ้นรางวัลทุกที
ยินดีกับด้วยกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลครับ

 

ผมขอช่วยสรุปรายชื่อ อย่างไม่เป็นทางการ ของ หน้า 999 นะครับ
อย่างไรรอทีมงาน กรรมการมาติดสินอีกครั้งนะครับ

....มีท่านที่สามารถโพส ซ้ำได้ด้วยนะครับ...ขอบอก....สุดยอดด....