ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

.................................................

..ขอบคุณ..และยินดีต้อนรับครับ..อ้อ..นี่..คนบ้านเดียว..กับ..แม่ผม..เลย..ท้ายเหมือง..เหมือนกัน....

 

แสงที่กระทบกับองค์พระ ดูอบอุ่นมากๆครับคุณลุง.......(^_^).....

 

ด้วยความยินดีครับคุณลุง.....,มีแถมอีก 2 รูปครับ...(^_^)....ยังไงก็แล้วแต่..นี่คืออาชีพสุจริตครับ..ดีกว่าไปทำอย่างอื่นที่ผิดกฏหมายบ้านเมืองใช่มั้ยครับคุณลุงงงงง...(^_^)... สมัยเมื่อ8ปีที่แล้ว..จากบ้านนอกมาอยู่ กทม.ใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องพระเครื่อง..เคยได้ยินข่าวและรู้อย่างเดียวว่าพระสมเด็จแพงเป็นล้าน...พอมีโอกาศได้มาเที่ยวแถวท่าพระจันทร์...ตะลึงครับ...พระสมเด็จที่หายากๆองค์เป็นล้านมีขายเกลื่อนขนาดนี้เลยหรือนี่..สุดยอดดด...55555 (^_^)

 

อ้าว นึกว่า พระสมเด็จกรุวัดราชนัดดา ซะอีก กลับเป็นกรุท่าพระจันทร์ไปได้ :'(

(deejai)

 

ดูดี เกจิสร้างไม่รู้ที่ไหน แต่ที่รู้ๆ ผมลองอาราธนาแขวนแล้วชีวิตดีขึ้นมาก เงินทองก็มีเข้ามาง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องเสน่ห์ อย่านึกว่าไม่มีนะ เดินสวนกับสาวๆสบตาไม่ได้เลยเขามองตามเลย สุดยอดจริงๆ

สนใจติดต่อได้ ไม่อยากปล่อยนะแต่แฟนบังคับ เลยจำใจ

55555555555555555

 

พี่ครับ องค์ใหญ่ๆนี่เอาฮาใช่ไหมครับ หรือมีเกจิสร้างจริงๆ

วัดที่ผมบวชมาเจ้าอาวาสองค์เก่าท่านก็มี ถามหลวงพี่ก็บอกไม่รู้หลวงปู่เอามาจากไหนสงสัยโยมถวายมา

 

ไม่ทราบเหมือนกันคร้าบบบบ 5555 แต่ที่แน่ๆ ถ้าจะลองนำไปแขวนไปทำงาน รับรองกลับบ้านหลักเลิกงานคงต้องหายานวดมาทาต้นคอด่วนอ่ะครับ..( แถมลางานพักฟื้นกล้ามเนื้อคอต่ออีก2วัน ) 55555 (^_^)

 

พูดจริงป่าวครับเนี่ย....(^_^).....เอาไปเข้าพิธีปลุกเสกที่ไหนต่ออ่ะป่าวครับ..หรือว่านำพระแผงจากนี้ไปให้อาจารย์ดีๆเสกให้อ่ะครับ ผมจะได้กลับไปเช่ามาฝากปลุกเสกด้วยอ่ะครับ อิอิ ...(^_^)

 

จริงเปล่า ถ้าจริงจะขอแบ่งสักองค์
ผมเล่นพระตามที่เค้าว่า อิอิ

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..คุณr.leebaba..คุณเส้นทางแห่งธรรม..คุณโอ ท่าซุง..คุณLynn..คุณNorragate
คุณกำธร นครปฐม..คุณโคมฉาย..คุณวีรวัช..คุณTeera-chang
ที่post มา..ให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม

.........................................................สวัสดีทุกท่าน.......................................................

.....................อย่างที่ผมกล่าวมา..บ้านก็เป็นขาประจำที่ซื้อ..”รักใส”..กับจีนมาตลอด..สินค้า
จีน..ก็มาทางสำเภา..ตั้งแต่อยุธยามา..จนถึง..รัตนโกสินทร์..แต่ รักจีน..เริ่มมีปัญหา..ขาดแคลน
ลง..ก็ตั้งแต่..เกิด..กบฏนักมวย..ในประเทศจีน..ตรงกับช่วงปลายสมัย..รัชกาลที่ ๕ (ขณะเดียว
กัน..ตอนนั้น..ญี่ปุ่นเปิดประเทศแล้ว..และเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว..ในสมัย เมจิ..และเริ่มมีบท
บาท..ในจีนด้วย..แถมร่วมกับฝรั่ง..รวม๘ชาติ..สู้กับพวก..กบฏนักมวย..ที่ถือหางโดยพระนางซู
สีไทเฮา...ตอนนั้น..ญี่ปุ่นเอง..ก็กลับมาค้าขายกับไทย..หลังจากปิดประเทศไปเกือบ ๒๐๐ ปี...
..ซึ่งก็เริ่มมี..”รักใส”..มาขายด้วย..แต่เป็นปริมาณน้อย..แต่เวลามาขาย..ยี่ปั๊ว..เขาก็เรียกรักจีน
..เหมือน..แฟ๊บ(ผงซักฟอก...คำว่า..แฟ๊บ..หมายถึง..ผงซักฟอกทุกยี่ห้อ..ทำนองเดียวกันครับ)
...ซึ่งต่อมาจะมีบทบาท..มากขึ้น)...การค้าสำเภา..เริ่มซบเซา..เพราะประเทศวุ่นวาย..สินค้าจีน
ก็เริ่มขาดตลาด..ขึ้น..เหตุการณ์ในจีน..ก็ไม่สงบ..หลังที่จีน..ที่ถือหางกบฎนักมวยแพ้..โดนพวก
ฝรั่ง..เรียกค่าชดใช้..และเรียกร้องเอาโน่นเอานี่(ไปหาอ่านรายละเอียดเอาเอง..นะครับ..เรื่อง
กบฏนักมวย)...รักจีน..ก็เริ่มขาดแคลนลง..ต่อเนื่องตามความวุ่นวายในจีน..ยุคใกล้สิ้นสุดราชวง
ศ์”ชิง”..อีกหลายปี..เมื่อของมา..ปริมาณน้อยกว่าเดิม..แต่อยากได้กำไร..เท่าเดิม..ก็ต้องขาย
แพงขึ้น..แม้ญี่ปุ่น..ที่ส่ง..รัก..มาขาย..แต่ปริมาณเทียบกันไม่ได้..ไม่มีผล..เรื่องความเพียงพอ
ต่อความต้องการ..และราคารักที่แพงขึ้น...........
.....................รักใส..ยุคที่๒..จึงเกิดขึ้น..ก็เป็นความฉลาดของคนโบราณ..เช่นกัน..เมื่อมาถึง
..ยี่ปั๊ว..แล้วมาถึง ซาปั๊ว..ก็ต้องดัดแปลง..ตรงนี้..อาจเกิดขึ้น..ตั้งแต่..ซาปั๊ว..หรือ..ผู้ที่ซื้อไปแล้ว
..ทำกันเอง..ก็เป็นได้ทั้งสองแบบ..คนจะใช้..เงินเท่าเดิม..แต่ซื้อ..รักใสได้น้อยลง..เกิดปัญหา..
...ก็ต้องมีใคร..สักคนที่เริ่มก่อน..แล้วมีคนทราบว่า..เข้าท่า..ก็เลยทำตามกันหมด....
...............ก็คือการ...เอารักน้ำเกลี้ยงไทย(ดำ)..ไปผสมเข้ากับ..รักใส..ของจีน................
.....ผลออกมาอย่างที่เห็นในพระเครื่อง..หลายวัด...ในยุคนั้น..คือ..รัก..จะออกสีน้ำตาลอมแดง
..ใส้น้อยกว่าเดิมหน่อย.......
.........พอหมดยุคราชวงศ์ชิง..ต่อซุนยัตเซ็น..ช่วงปลาย รัชการที่๕..ต่อ..ต้นรัชกาลที่๖
..ประเทศก็ยังวุ่นวาย..อยู่ดี(เพราะกลุ่มคอมมิวนิสต์มาแล้ว)..และก็หมดยุคสำเภาจีนด้วย..ก็เลย
หมดยุค..รักจีน..ไปเลย..เพราะไม่มีส่งออกมาไทยอีก....ไอ้ที่อยู่ในสต็อกก็ต้องกั๊กไว้ปล่อยน้อย
ลง..จะได้มีขายเอากำไร..โชคดี..ที่ญี่ปุ่น..ยังส่ง..รัก..มาไทย..ก็เลยพอมีอยู่บ้าง..
...................เมื่อสต็อก..รักจีนหมด..เหลือแต่ของญี่ปุ่น..ซึ่งมีน้อย......
............จึงเกิด..รักใส..รุ่นที่ ๓..คือ..รุ่นสุดท้าย....ปริมาณรักไทย..มากขึ้น..สีรักจึง..กลายเป็น
น้ำตาล..และความใส..ลดลงจากเดิมอีก.......ฉะนั้น..พระตั้งแต่ช่วง..ปลาย..ร.๖..ถึง..ต้น ร.๘
(หรือ..เริ่มสงครามโลกครั้งที่๒)..รักที่เคลือบ..ก็จะเป็นสีโทนนี้ทั้งหมด....ซึ่งพอยุคสงคราม..ญี่
ปุ่น..ก็หยุดส่ง..รัก..มา..บ้านเราก็ต้องกระเบียดกระเสียน..ใช้รักใสเพื่อจะเอาไว้ผสม..กับ..รัก
ไทย(ดำ)..จนหมดสต็อกเอา..หลังสงครามสงบ..พอมาช่วงต้น..ร.๙..”รักน้ำเกลี้ยง”..จึงหมดลง
ไป..เหลือแต่..รักไทย..พันธ์แท้ไม่ต้องไปผสม..กับ..รัก..ต่างชาติ..อีก
................................นี่แหละครับ..ที่มาที่ไป..ของ..สีรักน้ำเกลี้ยง..ที่มี..หลายโทนสี......
....สี..จึงทำให้แบ่ง..ยุคได้..ตามที่ผมว่ามา...
...................สียิ่งสด..รักยิ่งใส...........................ยิ่งเก่า....................................
....................นี่คือ......หลักการเบื้องต้น....ในการดูรัก.....................................
...................................ตอนหน้า..ก็จะเริ่มเข้าเรื่องที่เกี่ยวกับ..พระโดยตรง..รักที่เคลือบพระ
....ตัวอย่าง..พระวัดเดียวกัน..ที่มี..รักน้ำเกลี้ยงทั้งสามยุค..และ..รักดำ.............
......................รักที่เคลือบ..สมเด็จวัดระฆัง..ควรเป็น..รักยุคไหน..............................

.................................................สวัสดี.......................................................................

 

ขอบคุณ คุณ ลุง มากเลยค่ะ ที่มามอบสาระความรู้ให้ทุกวันค่ะ

 

เกร็ดควา่มรู้เยอะมากครับ ติดตามเสมอนะครับ

 

ขอบคุณมากครับพี่modpong
ยังคงติดตามอยู่เสมอครับ

 

ขอบคุณครับ..ชอบประวัติศาสตร์มากเลยครับ

 

สาธุๆ

ขอบคุณ คุณ Norragate ที่เอารูปมาลงให้นะครับ ผมไม่กล้าลงรูปเท่าไหร่ ^_^

คุณลุงนี้
คลังปัญญาของลูกหลานจริงๆ หาอ่านที่ไหนๆ ก็ไม่ได้ครบตรงใจขนาดนี้ ^_^

______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน มารายงานตัวกันหน่อยครับ

โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

สวัสดีครับคุณลุง ช่วงนี้อากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

 

พอจะมีภาพตัวอย่างรัก ที่ว่าสมัยต่างๆให้ดูหรือเปล่าครับ
อีกทั้งพอจะมีวิธีการดูรักว่าที่ว่าเก่านะเก่าจริงหรือเปล่า
ผมอยู่เมืองนนท์ มีพคนเอาวัตถุมงคลหลวงพ่อเอี่ยมวัดสะพานสูงมายั่วบ่อย
แต่ผมดูไม่เป็น ว่ารักเก่าหรือรักใหม่ ดูเป็นอย่างเดี่ยว รักซ้ำซาก จะเกี่ยวกันไหมละเนี่ย

 

...................................................
...เอ้า..ไม่ได้ดูที่postเรอะ..ที่ฐานโคนสมอนั่นแหละ..รักจีนยุคแรก..สงสัยอ่านไม่ละเอียด....ยุคอื่น..ผมไม่ได้ถ่ายของผมไว้..ต้องไปหาดูเองที่เชื่อถือได้..จะรีบไปไหน..เรื่องยังไม่จบ..

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..คุณLynn..คุณSuppasit..คุณJoenok..คุณโอ ท่าซุง..คุณAnoldman..คุณโต้งชลบุรี
คุณโคมฉาย
ที่post มาให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม

........................................................สวัสดีทุกท่าน........................................................

..................ที่ผ่านมา..ยังเป็นที่มาที่ไป..ของ”รักน้ำเกลี้ยง(ชื่อตาม..วงการพระ)”..ไม่ได้เข้า
เรื่องจริงๆ..ซึ่งผมจะเล่า..เข้ามาหาจุดสำคัญไปเรื่อยๆ..ไม่กระโดดข้าม..เพราะจะงง..ตอนที่แล้ว
มา..เป็นการปูพื้นฐาน..แต่จะไม่สมบูรณ์..ถ้าไม่เอ่ยถึง..วิธีการนำมาใช้...ก็เหมือน..จะสอนหลาน
สักคน..ให้ทาสีเป็น..จะต้องใช้อะไร..เป็นส่วนประกอบบ้าง....................
.............ข้อสังเกตที่ผมจะบอก..จะพูดถึงอีกตอนหลัง..และควรจะไม่ลืม...........................
...........แลคเกอร์ทาไม้....คือ...รักจีน..สำเร็จรูป...พร้อมทา...................................
....คงจะจำได้ว่า..ผมบอกชื่อ..สามัญ..ภาษาอังกฤษ..ของต้นรักของจีนและญี่ปุ่น..ไว้ว่าคือ..
....LACQUER TREE...นั่นก็บอกอยู่แล้ว....แล็คเกอร์..สมัยก่อน..ก็ผลิตจาก..ยางของต้นไม้นี้
ก็..รักจีนนั่นแหละ..แต่ผสม”ตัวทำละลาย”ลงไป..เพื่อสามารถทาได้เลย..แต่รักจีน..ที่ส่งมา..ยัง
ไม่ได้ใส่ตัวทำละลาย...สภาพ..เหนียว..หนืด..ข้น..(ถ้าคุณ..ไปซื้อน้ำยางรัก(ไทย)..ที่มีขายใส่
กระป๋อง...ตัวรักน้ำใสจีน(ญี่ปุ่น)..ทีส่งเข้ามาสมัยก่อน..ก็จะคล้ายๆกัน(ปัจจุบัน..ญี่ปุ่น..ก็ยังขาย
รักใส..ใส่กระป๋องอยู่เช่นกัน)...แล็คเกอร์สมัยนี้..เข้าใจว่า..มีแบบสังเคราะห์จากวัตถุดิบ..แล้ว..
..สังเกตจาก CHEMGLAZE..ที่ใช้เคลือบพื้นปาเก้ได้..ก็เป็นวัตถุสังเคราะห์..ไม่ได้มาจากพืช..
........................................................................................................................
....ฉะนั้น...นอกจากวัตถุดิบ..คือ..รักจีน..(เปรียบเหมือน..สีน้ำมันกระป๋องข้นๆที่ซื้อมาจากร้าน
...คุณเอามาทาเลยไม่ได้..เพราะมัน..จะไม่แห้งง่าย..คอยไปเป็นเดือนๆ..แถมทาให้บางก็ไม่ได้
เพราะความเหนียวของมัน)...ตัวทำละลาย...ตั้งแต่ยุคอยุธยา..มาจนถึง..รัชกาลที่ ๕-๖..เราใช้
...น้ำมันสน..(..เปรียบเหมือน..ทินเนอร์(THINNER..แปลว่าตัวทำให้บาง)..ที่ผสมกวน..กับสี..
ทำให้มันหายข้น..เหลวลง..สามารถทาให้บางได้..และแห้งเร็ว)..ที่เหลือ..ก็มีพู่กัน..กะลาผ่าครึ่ง
(..เปรียบเหมือน..กระป๋อง..ที่เราเอาไว้..ผสม..ทินเนอร์กับสี..)..ชาด..จะใช้หรือ..ไม่ใช้แล้วแต่
(..เปรียบเหมือน..สีที่จะเอามา..ผสมกับสีเดิม..ให้เป็นสีที่เราต้องการ)..(ถ้าเป็นงานตบแต่งลวด
ลาย..เครื่องไม้แกะสลัก..ลงรักปิดทอง..ตรงที่ไม่ปิดทอง..เราต้องการขับ..ให้ทองเด่น..เราจะใช้
ชาด..ผสม..ให้มาก..จนเป็นสีแดงทึบไปเลย..พวกเครื่องเขินญี่ปุ่น..ก็จะใช้ทาไปทั้งหมด)...
.............................................................................................................................
.....บอกแค่นี้ก็คงนึกออก..ว่าจะใช้ยังไง..ก็เหมือนทาสีน้ำมันนี่เอง.....ครับ..คราวนี้ก็แล้วแต่..วัส
ดุ..ถ้าเนื้อแน่น..ไม่ซึมง่าย..เราก็อาจไม่รองพื้น..เช่นพระสมเด็จ..ทาได้เลย..อาจทาครั้งเดียว..
หรือ ๒ ครั้ง..(ก็เหมือน..ทาสีทับ..ก็คือต้องรอให้แห้งก่อน)...แต่ถ้า..พื้นมีความพรุน..น้ำซึมง่าย
..เช่น..พระไม้..พระดินเผา..จะต้องรองพื้นก่อน..ไม่งั้น..รักจะซึมเข้าผิวไป..ต้องทาซ้ำ..๓-๔
รอบ..เปลืองและเสียเวลา..คนสมัยก่อนจึงใช้”ชาด”..ที่ผสม..น้ำมันสน..และผสม..รักเล็กน้อย
ผสมไปให้เกิด..การยึดเกาะผิว)..อุดพวกรู..ร่อง..หรือรอยแยกต่างๆ..ข้อดีคือ..จะทำให้ค่อนข้าง
เรียบ..และทาง่าย..และแห้งเร็ว..(คล้ายๆที่เราใช้ PRIMER(ตัวรองพื้น)ในการทาผิวที่ซึมง่าย)
เมื่อแห้ง..ก็ทา..รัก.ได้เลย..ชั้นเดียวก็ใช้ได้..หรือ ๒ชั้น ก็แล้วแต่................................
..............การปิดทอง..ส่วนใหญ่จะทำตอนรักเริ่มหมาด(เกือบแห้ง)..เพราะจะติดแน่น..เป็นเนื้อ
เดียวกับรัก..ถูก็ไม่หลุดติดมือ(..ตัวอย่าง..ก็..โคนสมอ..ของผมนี่แหละครับ).................
(ตอนนี้..คงนึกออกแล้ว..เวลาดูที่โคนสมอ..ของผม..ทำไม..สีรักไม่เท่ากัน..มีเข้ม..มีจาง...
แล้วทำไม..ไม่ใสสีสดอย่างที่ใต้ฐานที่ผม..ขยายแยกมา..ก็เพราะชาดที่ทา..รองพื้นนี่แหละครับ
ตรงไหนทาบาง..ก็จะทำให้..สีของรักไม่เข้มมาก(ชาดเป็นสีแดง..เมื่อทารัก..ลงไปทำให้สีรักที่
ใสทึบขึ้นเพราะสีที่รองข้างใต้)..จะเห็นที่ทองลอกออกที่..ฐานบุษบก..สีรักจะเข้ม..เพราะตรงนั้น
บุ๋มลงไป..ชาดก็หนา..รักที่ทาจะไหล..รวมไปในแอ่ง..ก็จะหนาด้วย..ผลที่ออกมา..เลยทำให้สี
เข้มมากกว่า..ที่อื่น..คงหายสงสัยกันไปได้บ้างนะครับ..กลับไปดูที่..รูปอีกที)
(..เรื่องเทคนิค..การปิดทองพระเครื่อง..ผมจะมาเล่า..เป็นหัวข้ออีกที..).........................
................................................................................................................................
....ก็จบไปสำหรับ..เรื่องวิธีการใช้..กินเนื้อที่พอสมควร..แต่ไม่มาอรรถาธิบาย..มันก็ดูไม่สมบูรณ์
.....มันเป็นสไตล์..ของผมที่จะอธิบายละเอียด..เพราะกลัวไม่รู้เรื่อง..เสียแรงเขียนหมด.....
......ที่ผมเกริ่นไปคราวที่แล้ว..ว่า..สำนักหนึ่ง..มีครบ..รักทุกแบบ..สำนักที่ว่าก็คือ..วัดสะพานสูง
จังหวัดนนทบุรี...ต้นตำรับ..ปิดตาลอยองค์เนื้อผงเคลือบรัก..นั่นเอง..จากหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม
..ต่อมาที่..หลวงปู่กลิ่น..ลูกศิษย์..ไปจนถึง..หลวงพ่อทองสุข..หลานศิษย์..ที่สืบสานการทำพระ
ปิดตา..กันมา..และรักษาทั้ง..รูปแบบ..และการเคลือบรัก..และความขลัง..ที่ไม่มีสำนักไหนทำได้
แบบนี้..อย่างสำนักเขาอ้อ..ก็จะมีแตกต่างกันบ้าง..แต่นี่เกือบเหมือนกันเลย..และรูปทรงยังเป็น
เอกลักษณ์..ที่ไม่คล้ายกับ..สำนักไหนๆด้วย......................................................
......................ตอนหน้า...ผมจะมาลงเกี่ยวกับ..รักแต่ละยุค..แต่ละสำนัก............................

...........................................................สวัสดี.............................................................

 

ขอบคุณ และ เป็นกำลังใจให้ คุณ ลุง เขียนบทความดีๆต่อไปค่ะ