ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>คลิป..แกล้งเพื่อน..จนเพื่อนโดนรถชนตาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>คลิปนี้เป็นคลิปที่หลาย ๆ คนดูแล้วสงสารผู้หญิงที่เสียชีวิตมาก

    เพราะต้องมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น..เนื่องจากเพื่อนของเธอสองคนแกล้งเข้ามาในบ้านเพื่อเป็นโจร แลมีอีกคนถ่ายคลิปไว้เพื่อนเป็นการหยอกล้อกันเล่น ให้คนที่เสียชีวิตตกใจ..แต่เหตุการณ์กลับเลยเถิด..ทำให้เพื่อนของพวกเข้าเสียชีวิต!! ดูไว้เป็นอุทาหรณ์นะค่ะ..จะล้อกันเล่นอะไรแบบนี้ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><OBJECT class=inlineimg title=Open-mouthed border=0 codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" alt="" classid="clsid:d</OBJECT>

    http://tnews.teenee.com/etc/55578.html
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :พิกกี้โกะ (สมาชิก) โพสเมื่อ [ วันพุธ ที่ 15 กันยายน 2553 เวลา 13:34 น.] [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2010
  2. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 17:36 น. ข่าวสดออนไลน์


    พบปูดำขนาดใหญ่ที่กระบี่ หนักกว่า 2.5 ก.ก.

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

    เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 15 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านคลองม่วง ม.2 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ว่ามีชาวประมงพื้นบ้านพบปูดำขนาดใหญ่หนักกว่า 2 ก.ก. จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่หน้าบ้านเลขที่ 9/1ม.2 ต.หนองทะเล พบชาวบ้านยืนประมาร 20 คน กำลังมุงดูปูดำเพศผู้ขนาดใหญ่ ความยาวกระดองรวมก้าม 24 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 2.5 ก.ก. ถูกขังอยู่ในถังน้ำสีแดงทรงสีเหลี่ยม สูงประมาณ 50 ซ.ม. กว้าง 50x 100 ซม.

    นายพุทธพงศ์ เสือปาน อายุ 37 ปี ชาวประมงพื่นบ้าน เจ้าของบ้านที่จับปูดำตัวดังกล่าว กล่าวว่า ขณะที่ออกไปหาปลาในทะเล ห่างจากชายหาดคลองม่วงประมาณ 500 เมตร ขณะที่กำลังจอดเรือเตรียมเหวี่ยงแห ที่ระดับน้ำประมาณ 50 ซ.ม. พบสัตว์น้ำลักษณะตัวสีดำคล้ายเต่ากำลังคลานต้วมเตี้ยมอยู่ใต้ผิวน้ำ จึงเหวี่ยงแหไปทันที พอรวบแหขึ้นมาก็ต้องตะลึงพบว่าเป็นปูดำตัวใหญ่ จึงนำเอากลับมาขังไว้ที่บ้าน แต่ไม่มีใครกล้ากินมันเพราะสงสารและเห็นว่าปูตัวใหญ่กว่าปูทั่วไป จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยประมงทะเลชายฝั่งจ.กระบี่ นำไปเพาะเลี้ยงไปเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป

    นายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ผอ.ศูนย์วิจัยประมงทะเลชายฝั่งกระบี่ กล่าวว่า ปูที่ชาวประมงพบเป็นปูดำ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าปูทองหลาง เมื่อ 2 ปีก่อน ชาวประมงในพื้นที่ อ.เหนือคลอง พบปูขาดใหญ่เช่นกัน คาดว่าตัวนี้ยังโตได้อีก 3-5 ก.ก. หลังจากนี้ จะนำไปเพาะเลี้ยงไว้ที่ศูนย์ฯ ให้มันผสมพันธุ์กับตัวเมียที่ศูนย์วิจัยนำมาเลี้ยงไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อจะขยายพันธุ์ และไว้ให้เยาวชนและนักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไป

    [​IMG]

    จังหวัดน่านแจกยาป้องกันโรคฉี่หนู



    น่าน - นายแพทย์นิวัฒน์ชัย สุจริตจันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน พร้อมด้วย นายแพทย์พิสิฐ ศรีประเสริฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดน่าน นำทีมแพทย์ออกหน่วยเคลื่อนที่เพื่อรักษาและให้คำแนะนำแก่ผู้ประสบภัยน้ำป่าหลากและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ อ.นาหมื่น อ.นา น้อย อ.สันติสุข อ.เมือง อ.ปัว พื้นที่ที่เกิดภัยน้ำป่าหลากและน้ำท่วมฉับพลัน รวมทั้งเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยทุกหน่วย ที่ออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านและต้องลุยน้ำลุยโคลน เสี่ยงที่จะรับเชื้อโรคฉี่หนู

    นายแพทย์นิวัฒน์ชัย กล่าวว่าประสานงานกับโรงพยาบาล สถานีอนามัยและหน่วยสาธารณสุขในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำป่า เตรียมนำยาด๊อกซี่และยาอะม็อกซี่ ยาป้องกันโรคฉี่หนูแจกให้กับประชาชน และเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.นาน้อย เป็นพื้นที่ที่มีเชื้อโรคฉี่หนู ภายใน 7 วัน หลังจากการสัมผัส ลุยน้ำ ลุยโคลน ให้รับประทานยาเพื่อป้องกันโรคฉี่หนู ที่จะมีเชื้อปนเปื้อนมากับน้ำและอาจเข้าสู่ร่างกายได้ เชื้อจะมีระยะฟักตัวในร่างกายประมาณ 7 วัน จากนั้นจะมีอาการไข้ หากไม่ได้รับการรักษาทันอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่โรคดังกล่าวสามารถป้องกันได้

    ขอให้ประชาชนรับยาป้องกันโรคฉี่หนูได้ที่โรงพยาบาล สถานีอนามัย และสถานให้บริการทางสาธารณสุข ผู้ใหญ่ให้รับประทาน 2 เม็ด เด็กให้รับประทานยา 1 เม็ด

    น้ำท่วมเมืองพิจิตร คะน้า-ผักชีขยับขึ้น



    พิจิตร - นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยจากการตรวจราคาสินค้าบริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองพิจิตรว่าช่วงน้ำท่วมหลายจังหวัดภาคเหนือ เป็นแหล่งผลิตพืชผักต่างๆ ที่สำคัญของภาคเหนือถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นบริเวณกว้าง และผักหายากในการนำมาจำหน่ายพบว่าผู้ประกอบการจำหน่ายประเภทผักปรับราคาสูงขึ้นมากเกือบเท่าตัวมีราคาแพงขึ้นโดยเฉพาะผักคะน้า จากเดิมกิโลกรัมละ 30 บาทขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 50 บาท ผักชีเดิมกิโลกรัมละ 100 บาทขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 150 บาท ฯลฯ

    นายยรรยง เผยว่าผักเกือบทุกชนิดขึ้นราคา สั่งการพาณิชย์จังหวัดพิจิตรบันทึกและว่ากล่าวตักเตือนผู้ประกอบการไม่ให้ฉวยโอกาสจากสภาวะน้ำท่วมปรับขึ้นราคาพืชผักโดยไม่ได้รับอนุญาตเนื่องจากจะเป็นการซ้ำเติมผู้บริโภค ส่วนราคาไข่ไก่ในท้องตลาดปรับลดลงจากเดิม 10-20 เปอร์เซ็นต์ โดยไข่ไก่เบอร์ 2 อยู่ที่ฟองละ 3.10 บาท ข้าวสาร น้ำตาลทราย น้ำมันพืช อยู่ในราคาเกณฑ์ปกติ


    กลุ่มโจ๋สัมผัสพระธรรม "กิจกรรมวอล์กแรลลี่ธรรมะ"



    นายภูมิชัย ตะพานแก้ว นายอำเภอจุน จ.พะเยา เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวทราบว่า ยาเสพติดมีแนวโน้มที่จะกลับเข้ามาแพร่ระบาดอีกครั้งหนึ่ง ในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะเด็กที่กำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของผู้ค้า ด้วยเป็น กลุ่มที่หลอกลวงได้ง่าย และกฎหมายก็เอาผิดไม่รุนแรงเท่ากับผู้ใหญ่ ประกอบกับสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่อำเภอจุน ยังคงมีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแอบแฝงอยู่ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาดังกล่าว ทางอำเภอจุนจึงได้จัดโครงการปฏิบัติธรรมพ้นภัยยาเสพติดขึ้น โดยใช้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกล่อมเกลาจิตใจ สร้างเกราะคุ้มกันภัยให้เด็กกลุ่มดังกล่าวให้ห่างไกลจากยาเสพติดตลอดจนอบายมุขสิ่งต่างๆ ผ่านการฝึกอบรมเน้นรูปแบบการฝึกปฏิบัติการ ทั้งห้องภายในปฏิบัติธรรมและกิจกรรมวอล์กแรลลี่ธรรมะ โดยใช้สถานที่วัดพระธาตุขิงแกง ตำบลพระธาตุขิงแกง อำเภอจุน เป็นที่ฝึกปฏิบัติธรรม โดยมีครูพระจากโรงเรียนห้วยข้าวก่ำวิทยา ซึ่งนำโดยพระครูนิปุณพัฒนกิจ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุขิงแกงและผู้อำนวยการโรงเรียนห้วยข้าวก่ำวิทยาเป็นวิทยากรการฝึกอบรม อย่างไรก็ตาม นายอำเภอจุน กล่าวต่อว่า ตามแผนเดิมจะจัดฝึกอบรมจำนวน 2 รุ่น แต่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้เล็งเห็นว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์และเชื่อว่าจะได้ผลจริง จึงได้จัดสรรงบประมาณมาให้ดำเนินการต่ออีก 1 รุ่น ซึ่งคาดว่าจะจัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดอำเภอจุน ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายทุกภาคส่วนของสังคม ดำเนินการควบคุม ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแพร่ระบาดเบาบางลง ส่งผลให้หมู่บ้าน ชุมชน มีความเข้มแข็งมากขึ้น


    ไปกับลม

    บ้านเรือนในเขตต.พิตเพียน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับความเสียจากแรงพายุหมุน




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ไปกับลม - บ้านเรือนในเขตต.พิตเพียน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแรงพายุหมุนพัดเอาหลัง คาปลิวหายไปกว่า 10 หลัง เมื่อวันที่ 14 ก.ย.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    บ้านเรือนในเขตต.พิตเพียน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแรงพายุหมุนพัดเอาหลัง คาปลิวหายไปกว่า 10 หลัง เมื่อวันที่ 14 ก.ย.















    หวัด09ลามหลายจว.

    สุรินทร์3ศพแล้ว ต่ำ5ขวบวัยเสี่ยง เร่งฉีดวัคซีนกัน



    เตือนไข้หวัด 2009 ระบาดหนักและรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เพราะกลืนไปกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่ปกติก็เป็นกันทุกหน้าฝนอยู่แล้ว ปีนี้ยังเจอหวัด 2009 บวกเข้าไปอีก สธ.เผยที่ผ่านมามีคนติดหวัด 20% และฉีดวัคซีนป้องกันอีกจำนวนหนึ่ง แต่ยังมีกลุ่มเสี่ยงถึง 75% โดยเฉพาะเด็กเล็กไม่เกิน 5 ขวบ เพราะยังไม่มีภูมิคุ้มกัน และจะป่วยนานกว่าผู้ใหญ่ถึงเท่าตัว แต่คนสูงอายุมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่า ที่สุรินทร์พบผู้ป่วยแล้ว 18 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 3 รายล่าสุดเป็นสาวอายุแค่ 19 และกำลังตั้งครรภ์ แนะรีบฉีดวัคซีนป้องกันไว้ก่อน

    เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ศ.เกียรติคุณ น.พ.ประ เสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัส และประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ถือว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 ในประเทศไทย อยู่ในระลอกที่ 3 โดยกลืนเข้าไปในการระบาดของไข้หวัดใหญ่ประจำปี ซึ่งจะระบาดเป็นประจำทุกปีๆละ 2 ครั้ง แต่การระบาดของไข้หวัดใหญ่ประจำปีในปีนี้แปลกประหลาดกว่าปีก่อน คือ เชื้อไวรัสที่ระบาดมีชนิดบี ชนิดเอ เอช 3 เอ็น 2 และสายพันธุ์ 2009 จะส่งผลให้เกิดการระบาดรุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ประจำปีธรรมดา ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้ถ้าไม่ระวังตัวอย่างเต็มที่ ทั้งนี้การที่กลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันจะช่วยให้การระบาดไม่รุนแรงได้ จึงขอให้ไปรับการฉีดวัคซีน

    น.พ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากระ ทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การระบาดของโรคใน 2 รอบที่ผ่านมา ประเทศไทยมีคนติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้วประมาณ 20% และมีผู้ได้รับวัคซีนป้องกันอีกประมาณ 4-5% จึงยังมีผู้เสี่ยงติดเชื้ออีกถึง 75% ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ง่ายในการระ บาดระลอก 3 คือ กลุ่มเด็กเล็กอายุ 0-5 ปี เนื่องจากการระบาดรอบที่ผ่านมาเด็กกลุ่มนี้ยังติดเชื้อน้อยเพราะส่วนใหญ่ยังไม่เข้าโรงเรียน และอยู่บ้าน ทำให้ยังไม่มีภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติ ทั้งนี้ปัจจุบันพบว่าจำนวนผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% โดย 60% เป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 อีก 20-30% เป็นชนิด บี และ10% ชนิดเอ สายพันธุ์เอช 3 เอ็น 2

    น.พ.ทวีกล่าวอีกว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่จะอยู่ในน้ำมูกของเด็กเล็กนานกว่าผู้ใหญ่ ส่งผลให้ระยะแพร่เชื้อในเด็กนานกว่าผู้ใหญ่ โดยจะแพร่เชื้อก่อนแสดงอาการ 2-3 วัน ขณะที่ผู้ใหญ่ 1 วัน และแพร่เชื้อหลังแสดงอาการแล้วได้นานถึง 14 วัน ส่วนผู้ใหญ่ 7 วัน ซึ่งในการให้การรักษาทำได้โดยให้ยาโอเซลทามิเวียร์จนครบกำหนด ทั้งนี้การวิจัยร่วมระหว่างไทยและเวียดนามเกี่ยวกับขนาดของการให้ยาโอเซลทามิเวียร์ พบว่า การให้ยาดับเบิลโด๊สให้ผลในการรักษาไม่ต่างจากการให้ยาอัตราตามปกติ ส่วนอัตราการดื้อยาในผู้ใหญ่ประมาณ 1-1.5% เด็ก 4% ถือเป็นเกณฑ์ปกติ เนื่องจากเชื้อไวรัสจะอยู่ในตัวเด็กนานกว่าผู้ใหญ่จึงมีโอกาสปรับตัวและดื้อยาสูง แม้ไม่ใช่ปัญหาแต่แพทย์จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุเสี่ยงเสียชีวิตจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มากกว่าเด็กเล็ก

    น.พ.สอาด วีระเจริญ สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนม.ค. ถึงวันที่ 14 ก.ย. พบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวม 18 ราย เสียชีวิต 3 ราย ล่าสุดคือนางลำดวน อภัยวงศ์ อายุ 19 ปี ชาวบ้านตรวจ ม.3 อ.ศรีณรงค์ ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน และเพิ่งเดินทางกลับมาจากทำงานที่กรุงเทพฯ เกิดล้มป่วยและเสียชีวิตที่ร.พ.ศูนย์สุรินทร์ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 สำหรับรายแรกเป็นหญิง อายุ 30 ปี ชาว อ.ศีขรภูมิ รายที่ 2 เป็นหญิง อายุ 51 ปี ชาว อ.เมืองสุรินทร์ เสียชีวิตในช่วงเดือนเม.ย. และพ.ค. จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดติดเชื้อมาจากพื้นที่อื่น ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกประชาสัมพันธ์ให้ผู้นำชุมชน อสม. ออกค้นหาผู้สัมผัส เพื่อให้ความรู้และเฝ้าระวังอาการ พร้อมนำกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคที่ร.พ.ของรัฐทุกแห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น




     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เชียงใหม่-ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลนครพิงค์

    [​IMG]

    รพ.นครพิงค์เชียงใหม่ ประสบปัญหาผู้ป่วยล้นเตียงจนต้องทุบระเบียงเพิ่มเตียงผู้ป่วย ระบุต้องรองรับการให้บริการผู้ป่วยใน 3 จังหวัดภาคเหนือมากว่า 2 ล้านคน

    นายแพทย์ชัชวาลย์ ศิรินิรันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2523 เป็นโรงพยาบาลศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุข แต่กลับพบว่าต้องให้บริการผู้ป่วยในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1.6 ล้านคน รวมทั้งผู้ป่วยที่ส่งตัวมาจากจังหวัดลำพูน และ แม่ฮ่องสอน รวมแล้วต้องให้บริการกว่า 2 ล้านคน ทำให้บางช่วงต้องประสบปัญหาผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล จนเกินขีดความสามารถที่จะรับผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาลได้

    ทุกวันนี้มีประชาชนมาใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่า 2,000 คน ซึ่งขีดความสามารถต่อวันมีเพียง 1,000-1,500 คนเท่านั้น จึงจะมีความคล่องตัวในการให้บริการ ส่วนเตียงที่รองรับผู้ป่วยจำนวน 687 เตียงทุกวัน เป็นการเพิ่มพื้นที่ด้วยการปรับปรุงทีว่างของส่วนอาคารทุกแห่ง เพื่อใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด โดยเฉพาะส่วนของห้องพักผู้ป่วยต้องทุบกำแพงระเบียง เพื่อขยายพื้นที่วางเตียงผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากเดิมมีจำนวนเตียงเพียง 400-500 เตียงเท่านั้น ทำให้เกิดความแออัดในบางช่วงของการให้บริการ โดยเฉพาะช่วงที่เกิดไข้หวัด ไข้เลือดออก รวมทั้งช่วงที่ประชาชนตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ อย่างไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

    ทั้งนี้โรงพยาบาลนครพิงค์จะต้องมีเตียงมากกว่า 1,000 เตียงจึงจะเพียงพอสำหรับรองรับผู้ป่วยที่มารับการรักษาในทุกวันนี้

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

    สธ.แจงประชาชนกลัวไข้เลือดออก-หวัดใหญ่ ส่งผลให้ไปตรวจแน่นโรงพยาบาล

    [​IMG]

    รมว.สาธารณสุข ยอมรับยอดผู้ป่วยทะลักทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ ระบุเป็นเพราะประชาชนหวาดกลัวกับการระบาดของโรคไข้เลือดออก และไข้หวัดใหญ่ ส่งผลให้เมื่อเกิดอาการไข้จะมุ่งหน้าเข้าโรงพยาบาลใหญ่ของจังหวัด

    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า โดยปกติแล้วในแต่ละโรงพยาบาลจะมีผู้ป่วย OPD หรือผู้ป่วยนอกมารับการรักษาในโรงพยาบาลใหญ่ของจังหวัด วันละไม่ต่ำกว่า 1,200 คน แต่เมื่อมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก ที่มีปริมาณผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้นในช่วง 2 เดือนนี้ ทำให้ประชาชนหวาดวิตกกับการเกิดโรคมากขึ้น และกังวลว่าลูกหลานและคนในครอบครัวจะติดโรคนี้ จึงเลือกที่จะเข้าตรวจในโรงพยาบาลใหญ่ ที่มีระดับอาจารย์แพทย์ตรวจรักษา ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยทะลักโรงพยาบาล โดยในแต่ละวันจะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นวันละไม่ต่ำกว่า 2,000 คน บางโรงพยาบาล เช่น อุบลราชธานี, ขอนแก่น, เชียงใหม่ ผู้ป่วยมีมากถึง 2,500 คนต่อวันก็มี ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลให้โรงพยาบาลใหญ่ในแต่ละจังหวัดต้องขยายการตรวจรักษาแผนก OPD ออกไปจนถึงเที่ยงคืน โดยจัดแพทย์รองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นโรงพยาบาลละ 20 คนต่อวัน

    ทั้งนี้นายจุรินทร์ ยังระบุว่า นอกจากผลกระทบจากการระบาดของโรคนี้ ปัญหาหลักใหญ่คือ สภาพอากาศที่ไม่อำนวยทำให้เด็กเล็ก และผู้สูงอายุเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น และเพื่อแก้ปัญหานี้จึงมุ่งหวังที่จะสร้างสถานีอนามัยระดับอำเภอให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โดยดึงเทคโนโลยี และอุปกรณ์การแพทย์ไปยังโรงพยาบาลขนาดเล็ก และดึงแพทย์พยาบาลไปประจำช่วยเหลือเต็มกำลัง ซึ่งขณะนี้พบว่าได้ผลักดันโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหลายแห่งแล้ว ดังนั้นประชาชนสามารถเลือกใช้บริการสถานีอนามัยใกล้บ้านใกล้ใจได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปใช้บริการในโรงพยาบาลใหญ่ของจังหวัด เพราะถือว่ามีประสิทธิภาพ และมีการรักษาที่ได้ผลเท่าเทียมกัน

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์"
    จากบันทึกของศาสนาอิสลาม

    [​IMG]

    [​IMG]

    รัฐบาลโลกของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) มีเป้าหมายและทุกเป้าหมายของท่านล้วนเป็นความจริง และเป็นหลักการทั้งสิ้น ซึ่งรากที่มาของหลักการเหล่านั้นหยั่งลึกอยู่ในความคิดของมนุษย์ทุกคน และทุกคนต่างมีความหวังว่าวันหนึ่งเขาจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้นให้จงได้ นโยบายของรัฐบาลวางอยู่บนพื้นฐานของอัล-กุรอาน และแบบฉบับของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) นโยบายทุกประการล้วนได้รับการประกันในการปฏิบัติทั้งสิ้น

    ดังนั้น การปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่นี้จะสร้างความตะลึงงันแก่ชาวโลกทั้งหลาย และจะได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก อีกนัยหนึ่งสามารถกล่าวได้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) เป็นคำตอบแก่ความต้องการของผู้คนทั้งหลาย ทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเกรียงไกรได้ฝากสิ่งนี้ไว้ในตัวของมนุษย์ทุกคน ณ ที่นี้จะขอกล่าวถึงบางรายงานที่บ่งบอกถึงการได้มาซึ่งรัฐของอิมามมะฮดีย์ (อ.) และคุณสมบัติสำคัญของรัฐบาล

    1. การเรียกร้องความยุติธรรม

    รายงานจำนวนมากกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือรายงานที่กล่าวถึงการยืนหยัด และการปฏิวัติของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ซึ่งท่านจะทำให้โลกเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม ดังที่อธิบายไปแล้วในบทที่กล่าวถึงเป้าหมายของรัฐบาล ส่วนในบทนี้จะขออธิบายเสริมแก่นแท้ของความจริงจากบทที่แล้วที่ว่า การปกครองของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) วางอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม การดำเนินความยุติธรรมของอิมามประดุจดังสายน้ำที่ไหลรินไปทั่วทุกพื้นที่

    สังคมทุกสังคมจะมีความเสมอภาคเหมือนกันหมด ไม่มีการแบ่งชั้น สีผิว และเชื้อชาติแต่อย่างใด และจะไม่มีสังคมใดไม่ว่าจะเป็นสังคมใหญ่หรือเล็ก ที่จะตกค้างอยู่นอกจากถูกปกครองด้วยความยุติธรรมได้ และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็จะไม่เกิดขึ้น นอกจากวางอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม

    อิมามซอดิก (อ.) กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ขอสาบานด้วยพระนามของพระเจ้าว่า ความยุติธรรจะถูกนำไปสู่บ้านทุกหลัง ดุจดังเช่นความร้อนและความหนาวเย็นที่ได้ไหลเวียนเข้ามาในบ้าน[1]

    เมื่อบ้านซึ่งถือว่าเป็นหน่วยเนื้อของสังคมที่เล็กที่สุดมีการปกครองด้วยความยุติธรรม สมาชิกภายในบ้านทุกคนมีความสัมพันธ์และมีความยุติธรรมต่อกัน นั่นบ่งบอกให้เห็นว่ารัฐบาลโลกของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความยุติธรรมมิได้ขึ้นอยู่กับมาตรการของกฎระเบียบทางสังคมแต่อย่างใด แต่ทว่าขึ้นอยู่กับการอบรมสั่งสอนของอัล-กุรอาน ที่มุ่งเน้นให้มีการรณรงค์เรื่องความยุติธรรมอันเป็นหัวใจสำคัญของสังคม

    ดังที่อัล-กุรอาน บทอันนะฮฺลิ โองการที ่90 สำทับว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงกำชับให้รักษาความยุติธรรมและกระทำดี ฉะนั้น รัฐบาลของอมามจึงมีหน้าที่ให้การอบรมสั่งสอนประชาชาติ เพื่อให้พวกเขารู้จักหน้าที่ของตนเอง หน้าที่ต่อบุคคลอื่น และหน้าที่ ๆ มีต่อพระเจ้า และเมื่ออยู่ในสังคมจำเป็นต้องให้ความเคารพสิทธิของคนอื่น ไม่เอารัดเอาเปรียบกันและกันแม้ว่าด้านเกียรติยศจะมองดูว่าเป็นสิ่งไม่มีเกียรติก็ตาม

    สังคมที่รอคอยการปรากฏกายของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ความยุติธรรมถือว่าเป็นพื้นฐานหลักด้านวัฒนธรรม โดยมีอัล-กุรอานและรัฐบาลที่ปกครองเป็นตัวสนับสนุน ซึ่งจะมีบางกลุ่มชนที่มีจำนวนจำกัดเป็นฝ่ายคัดค้านไม่เห็นด้วย เนื่องจากพวกเขาเป็นพวกแสวงหาผลประโยชน์ ถูกปิดกั้นจากความโปรดปราน และห่างไกลจากหลักคำสอนสั่งของบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ (ทายาทแห่งครอบครัวของท่านศาสดา ขอความสันติพึงมีแด่พวกเขา) รัฐบาลที่มีความยุติธรรมจะจัดการกับพวกเขาในขั้นเด็ดขาด และจะไม่อนุญาตให้พวกเขาก่อร่างสร้างตัวในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันไม่ให้พวกมีอิทธิพลขึ้นมาไม่ว่าในด้านใดก็ตาม

    แน่นอน ความยุติธรรมจะเป็นตัวเรียกร้องความร่วมมือในการสรรสร้างแนวทาง เพื่อเตรียมพร้อมและรองรับการมาของรัฐบาลของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ดังนั้น เป้าหมายที่สูงส่งที่สุดของรัฐบาลอิมาม ซึ่งจะทำหน้าที่เปลียนแปลงโลกคือ การสร้างความยุติธรรมให้เปี่ยมล้นทั่วแผ่นดินในรูปแบบที่มีความสมบูรณ์ที่สุด ด้วยเหตุนี้ การกดขี่ทั้งหลายตลอดจนการทำลายสัจธรรมความจริงทั่วทุกมุมโลก แม้แต่การเอาเปรียบกันภายในครอบครัวจะถูกกำจัดลงอย่างสิ้นเชิง

    2. การสร้างความเติบโตด้านความคิด จริยธรรม และความศรัทธา

    กล่าวไปแล้วในบทก่อนหน้านี้ว่าผู้คนทั้งหลายจะตะลึงงันกับความยุติธรรมในสังคม ที่เกิดจากหลักคำสอนที่ถูกต้อง การเติบโตของวัฒนธรรมแห่งอัล-กุรอาน และคำสอนของบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺ (อ.) รายงานส่วนใหญ่ของเรากล่าวยืนยันถึงการสร้างความคิด จริยธรรม และความศรัทธาของประชาชนภายใต้การปกครองของรัฐบาลอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ไว้เป็นจำนวนมาก

    อิมามมุฮัมมัดบากิร (อ.) กล่าวว่า เมื่ออิมามมะฮฺดีย์ของเรายืนหยัดขึ้นความเมตตาของเขาจะแผ่ปกคุมเหนือประชาชาติทั้งหลาย และเนื่องจากความสิริมงคลนั้นเองจะทำให้สติปัญญาของพวกเขามีความสมบูรณ์[2]

    ความดีงามและความสวยงามทั้งหลาย จะเกิดตามมากับสติปัญญาที่มีความสมบูรณ์ของมนุษย์ เนื่องจากสติปัญญาคือผู้บังคับบัญชาภายในของมนุษย์ ซึ่งมีหน้าที่ปกครองดูแลสายตา ชีวิต ความคิด และการกระทำของมนุษย์ คอยชี้นำให้พวกเขาให้ไปสู่ความถูกต้อง การปรับปรุงแก้ไข และยังเชิญชวนพวกเขาไปสู่การเป็นบ่าวที่เคารพภักดีต่อพระเจ้าเพียงองค์เดียว ร่วมทางและนำทางพวกเขาไปสู่ความเจริญผาสุก

    มีผู้ถามอิมามญะอฺฟัร อัซซอดิก (อ.) ว่าสติปัญญาหมายถึงอะไร
    อิมาม (อ.) ตอบว่า สติปัญญาหมายถึง ธาตุแท้หนึ่งอันเป็นสาเหตุให้มนุษย์เคารพภักดีต่อพระเจ้า และด้วยการชี้นำของปัญญามนุษย์จึงไดัรับสรวงสวรรค์[3]

    แน่นอน ดังที่เห็นเป็นประจักษ์อยู่ในสังคมปัจจุบันว่าสังคมที่ปราศจากอิมาม และการปกครองของท่านจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกิเลสและความต้องการของอารมณ์ฝ่ายต่ำ ซึ่งอารมณ์จะเป็นฝ่ายมีชีชัยเหนือสติปัญญาเสมอ สังคมส่วนใหญ่จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มชนที่หลงใหลในอำนาจ อันเป็นสาเหตุทำให้สังคมเกิดความอ่อนแอ สิทธิของผู้ด้อยโอกาสในสังคมถูกฉ้อฉล คุณค่าและสิทธิของพระผู้เป็นเจ้าถูกลืมเลือนไปจากสังคม

    ตรงกันข้ามกับสังคมที่รอคอยการปรากฏกายของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) พวกเขาจะรักษาตนเองให้อยู่ภายใต้ขอบเขตของคำสั่งของท่านตลอดเวลา ซึ่งเรียกว่าการมีสติสัมปชัญญะถาวร สัมมาสติของเขาจะทำหน้าที่ตัดสินใจในการงานต่าง ๆ แทนอารมณ์ ดังนั้น สติปัญญาที่มีความสมบูรณ์จะไม่ออกคำสั่งให้กระทำการใด ๆ นอกจากสิ่งที่มีความสมบูรณ์และความสวยงามเท่านั้น

    3. ความเป็นเอกภาพและความห่วงใย

    ตามรายงานส่วนใหญ่ของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) ประชาชนที่อยู่ภายใต้การปกครองของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) จะมีความเป็นเอกภาพและภาดรภาพมีความรักใคร่กลมเกี่ยวกัน เมื่อรัฐบาลของอิมามถูกจัดตั้งขึ้นหัวใจของผู้ที่เป็นบ่าวที่แท้จริงจะไม่มีความอคติใด ๆ และไม่คิดเป็นศัตรูต่อกันและกัน

    อิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า
    وَلَو قَد ْقَامَ قَائِمُنَا ... لَذَهَبَتِ الشَّحْنَاءُ مِنْ قُلُوْبِ الْعِبَادِ ..
    แน่นอน เมื่อกออิมของเรายืนหยัดขึ้น ความอคติจะูถูกถอดถอนไปจากหัวใจของปวงบ่าว

    ในเวลานั้นจะไม่มีข้ออ้างสำหรับความอคติอีกต่อไป เืนื่องจากเป็นกาลเวลาของความยุติธรรม ความเป็นเอกภาพและภาดรภาพในสังคม จะไม่มีสิทธิของผู้ใดถูกฉ้อฉลหรือถูกทำลายเด็ดขาด เป็นกาลเวลาของการใช้สติปัญญาและความใคร่ครวญ วันนั้นอารมณ์จะไม่ถูกนำมาใช้ในสังคม ด้วยเหตุนี้ ภายใต้การปกครองของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) จึงไม่มีช่องว่างสำหรับการสร้างความเป็นศัตรูและความอคติต่อกัน จิตใจของประชาชนที่เหินห่างจากกันก่อนหน้านั้น จะถูกทำให้มีความรักใคร่กันและความสมานฉันท์กัน

    ทั้งหมดจะมีความเป็นมิตรและมีความเสมอภาคกัน ดังที่อัล-กุรอาน บทอัลฮุจรอต โองการที่ 10 กล่าวว่า แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน ฉะนั้น เมื่อพวกเขามีความเป็นพี่น้องกันการเห็นอกเห็นใจ ความเมตตา และความห่วงใยจึงบังเกิดในหัวใจของพวกเขา

    อิมามญะอฺฟัร อัซซอดิก (อ.) กล่าวถึงช่วงการปกครองของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ว่า ในช่วงเวลานั้น พระเจ้าจะทรงทำให้หัวใจของมนุษย์ทุกดวงที่หันห่างจากกันมีความสมานฉันท์รวมเป็นหนึ่งเดียว และมีความรักต่อกัน[4]

    เมื่อพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางภารกิจการงานของมนุษย์ จึงไม่ใช่เรืองแปลกแต่อย่างใดทีสังคมจะมีความเป็นเอกภาพ มีความใกล้ิชิด และมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อกัน ซึ่งสังคมโลกปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับความล้มเหลวอย่างรุนแรง มีการต่อต้าน แก่งแย่งชิงดี และสร้างความเป็นศัตรูต่อกันไม่สามารถคิดถึงสังคมเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน

    อิมามญะอฺฟัร อัซซอดิก (อ.) กล่าวว่า เมื่อกออิมของเรายืนหยัดขึ้นความเป็นมิตร และความห่วงใยที่แท้จริงจะถูกอธิบายแก่สังคม ผู้ที่ขัดสนเขาสามารถหยิบสตางค์จากกระเป๋าของพี่น้องผู้ศรัทธาของเขาเท่าที่เขาต้องการได้ ซึ่งพี่น้องของเขาจะไม่หวงห้ามหรือขัดขวางเขา[5]

    4. สุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ

    หนึ่งในปัญหาสำคัญของสังคมปัจจุบันทุกวันนี้คือ อาการป่วยไข้ที่ไม่มีวันเยียวยารักษาให้หายขาดได้ ซึ่งมีสาเหตุมากมายหลายประการด้วยกันหนึ่งในสาเหตุเหล่านั้นคือ สภาพแวดล้อมมีความสะอาดไม่เพียงพอ อาจเป็นเพราะว่าร่องรอยของระเบิดเคมี ปรมาณู ระเบิดเชื้อโรค มลภาวะต่าง ๆ และสาเหตุอื่นอีกมากมาย เช่น การการผิดประเวณีและการสมสู่ที่ไม่ถูกต้องตามหลักการศาสนาและประเพณีนั้น ๆ ตลอดจนการแสดงรักร่วมเพศ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคร้ายที่ไม่อาจรักษาให้หายตามปกติได้ เช่น โรคเอดส์ที่โลกกำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน

    ตลอดจนการทำลายธรรมชาติ เช่น การทำลายป่าไม้ แม่น้ำลำธาร และมหาสมุทรอันเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคระบาดต่าง ๆ อีกมากมายหลายชนิดอันเป็นปัญหาหนักของโลก แม้แต่กรมอานามัยโลกเองก็หมดหนทางที่จะเยียวยารักษาโรคร้ายเหล่านี้ให้หายไปจากโลกได้ นอกจากอาการป่วยไข้ทางกายแล้วมนุษย์ยังมีอาการป่วยไข้ทางใจหรือทางจิตวิญญาณอีกต่างหาก ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาที่รุนแรงสำหรับมนุษย์ เพราะโรคร้ายนี้ได้ลิดรอนเสรีภาพของมนุษย์ไปจนหมดสิ้น มันสร้างความขมขื่นและยากที่อดทนต่อไปได้ สาเหตุเกิดจากความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดของผู้ปกครองที่มีต่อโลกและมนุษย์

    รัฐบาลโลกของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) เป็นรัฐบาลที่เร่งพัฒนาด้านความยุติธรรมให้เกิดขึ้นบนโลกโดยเร่งด่วน เป็นรัฐบาลที่ธำรงความดีงาม ความประเสริฐ ยกระดับฐานะของมนุษย์ให้ไปสู่ความสมบูรณ์และความสวยงาม ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับประชาชนเป็นความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง ทุกคนมีความเสมอภาคกันความป่วยไข้ทั้งทางกายและทางใจจะหายไปจากสังคม ในทางตรงกันข้ามร่างกายและจิตใจของมนุษย์จะแข็งแรงเป็นพิเศษอย่างหน้าอัศจรรย์ใจ

    อิมามญะอฺฟัร อัซซอดิก (อ.) กล่าวว่า เมื่ออิมามมะฮฺดีย์ ยืนหยัดขึ้นพระเจ้าจะทรงทำให้อาการป่วยไข้ทั้งหลายพ้นหายไปจากบรรดาผู้ศรัทธา และทรงทำให้พวกเขาสมบูรณ์แข็งแรงมีสุขภาพพลานามัยที่ดี[6]

    ภายใต้การปกครองของรัฐบาลของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) วิชาการต่าง ๆ จะมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ประชาชาติโดยทั่วไปในวันนั้นไม่มีโรคร้ายใดที่รักษาไม่หาย วิชาการทั้งด้านการแพทย์และเทคโนโลยีจะพัฒนาตนไปอย่างไกลโพ้นชนิดที่ไม่เคยมีผู้ใดคาดคิดมาก่อน นอกจากนั้นแล้วด้วยความสิริมงคลของการมีอิมามอยู่ท่ามกลางพวกเขา ผู้ป่วยจำนวนมากมายจะได้รับความอนุเคราะห์ (ชะฟาอ์) โดยตรงจากอิมาม

    อิมามมุฮัมมัดบากิร (อ.) กล่าวว่า บุคคลใดได้สัมผัสกับมะฮฺดีย์ของเรา ถ้าเขาป่วยไข้ชนิดรุนแรงเขาจะได้ชะฟาอะฮฺ (ความอนุเคราะห์) โดยตรงจากอิมาม ถ้าเขาทุกลภาพและไร้ความสามารถเขาจะมีสุขภาพที่สมบูรณ์และเป็นผู้มีความสามารถ[7]

    5. ความดีงามและความสิริมงคลจะเปี่ยมล้นไปทั่ว

    ข้อพิสูจน์และเหตุผลอันต่าง ๆ ของรัฐบาลอิมามมะฮฺดีย์คือ ความดีงามและความสิริมงคลจำนวนมหาศาลจะถูกพรั่งพรูออกมาชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ท้องฟ้าจะหลั่งสายฝนลงมาอย่างต่อเนือง พืชก็จะงอกเงยขึ้นจากแผ่นดิน ทำให้ทุกพื้นที่อุดมสมบูรณ์และเขียวชอุ่มไปด้วยพืชและหมู่มวลแมกไม้นานาพันธ์ ให้ความสุขแก่ชีวิตชีวาและสร้างความจำเริญใจอย่างยิ่ง เหล่านี้เป็นความโปรดปรานของพระเจ้าที่ไม่อาจคำนวณนับได้

    อิมามญะอฺฟัร อัซซอดิก (อ.) กล่าวว่า พระเจ้าทรงหลั่งไหลความจำเริญทั้งจากฟากฟ้าและแผ่นดิน เนื่องจากการมีอยู่ของอิมามมะฮฺดีย์ ท่ามกลางการปกครองของท่านพระองค์จะหลั่งความจำเริญจากฟากฟ้า และให้งอกเงยขึ้นจากแผ่นดิน[8]

    ภายใต้ร่มเงาแห่งการปกครองของอิมาม จะไม่มีท้องทะเลทรายใดหลงเหลืออยู่อีก ทุกพื้นที่จะเขียวขจีไปด้วยพื้นพันธ์นานาชนิด ให้ชีวิตชีวาและสร้างความสุขแก่ทุกชีวิต

    การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้สร้างความอัศจรรย์ใจแก่สายตาทุกดวงที่พบเห็น เนื่องจากภายใต้การปกครองของท่านทุกสรรพสิ่งและทุกคนดูเหมือนว่ายังใหม่และยังหนุ่มแน่นอยู่ ความสะอาดและการสำรวมตนจะเติบโตและขจรขจายไปทั่วทุกพื้นที่ พลังความศรัทธาจะเปล่งบานเหมือนดอกไม้ที่แรกแย้ม ประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์จะอยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้า ความสัมพันธ์ในหมู่พวกเขาจะวางอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าแห่งพระเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงสัญญาว่าว่าสภาพชีวิตที่สะอาดบริสุทธิ์ต่างจะได้อิ่มเอิบกับความจำเริญ ความสิริมงคล และความดีงามต่าง ๆ

    อัล-กุรอาน กล่าวว่า
    وَلَوْ أَنَّ أَهْلَ الْقُرَى آمَنُواْ وَاتَّقَواْ لَفَتَحْنَا عَلَيْهِم بَرَكَاتٍ مِّنَ السَّمَاءِِ وَالأَرْضِ
    ถ้าหากชาวเมืองได้ศรัทธาและมีความสำรวมตนจากบาป แน่นอน เราจะหลั่งบรรดาความจำเริญจากฟากฟ้าและแผ่นดินแก่พวกเขา[9]

    6. การขุดรากถอนโคนความยากจน

    เมื่อแร่ธาตุต่าง ๆ จากแผ่นดินได้ปรากฏออกมาเพื่ออิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ความจำเริญจากฟากฟ้าและแผ่นดินได้หลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องแก่ประชาชน ทรัพย์สินส่วนกลางจะถูกจัดแบ่งด้วยความยุติธรรม ด้วยเหตุนี้ จะไม่มีความยากจนหลงเหลืออยู่อีกต่อไปในสังคมของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ประชาชนในยุคสมัยของอิมามจะถูกปลดปล่อยให้รอดพ้นไปจากความยากจน[10]

    ภายใต้การปกครองของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจจะวางอยู่บนพื้นฐานของความเป็นพี่น้อง ความเป็นห่วงเป็นใย ความเือื้ออาทร ความเมตตา และความเสียสละให้กับพี่น้องร่วมสายธารเดียวกันจะเข้ามาแทนที่การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ส่วนตัว ในสภาพเช่นนั้นทุกฝ่ายจะมองว่าทุกคนในสังคมเป็นสมาชิกในครอบครัวของตนทั้งหมดเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีคนแปลกหน้าคนอื่นคือตัวตนของตน กลิ่นไอของความแปลกหน้าและการไม่ใช่พรรคพวกเดียวกันจะเลือนหายไปจากสังคมจนหมดสิ้น

    อิมามมุฮัมมัดบากิร (อ.) กล่าวว่า อิมามมะฮฺดีย์ จะจัดแบ่งรายรับแก่ประชาชนปีละ 2 ครั้ง และจะจัดสรรปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาเดือนละ 2 ครั้ง โดยเท่าเทียมกันไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น เพื่อที่ว่าจะได้ไม่มีึผู้ยากจนในสังคมหรือผู้เรียกหาทานบังคับ (ซะกาต) อีกต่อไป[11]

    รายงานดังกล่าวของอิมาม (อ.) เข้าใจได้ว่าการไม่มีผู้ยากจนในสังคมอีกต่อไปหมายถึง ความเพียงพอด้านจิตวิญญาณหรือจิตไม่มีความปรารถนาในทรัพย์สินเหล่านั้น อีกนัยหนึ่งสามารถกล่าวได้ว่าก่อนที่ประชาชนจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินภายนอกจำนวนมากมาย จิตใจของเขาไม่ปรารถนาและปราศจากความต้องการในทรัพย์สินเหล่านั้นก่อนแล้ว เนื่องจากพวกเขาได้อิ่มเอิบและมีความพึงพอใจกับความโปรดปรานที่พระเจ้าทรงประทานแก่พวกเขา ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่มีความปรารถนาในทรัพย์สินอื่นใดอีก

    ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) กล่าวอธิบายถึงยุคสมัยของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ว่า พระเจ้าทรงประทานจิตวิญญาณที่อิ่มเอิบแก่หัวใจของปวงบ่าวทุกดวง[12]
    ขณะที่ก่อนหน้าการปรากฏกายของอิมาม (อ.) จิตวิญญาณของพวกเขามีความเร้าร้อนและหื่นกระหายในทรัพย์สมบัติ มีการแก่งแย่งชิงดีและประกวดประขันกันในสิ่งผิด พวกเขาได้สั่งสมทรัพย์สินเงินทองไว้เป็นจำนวนมากมายทั้งที่ไม่เคยบริจาคแก่ผู้ยากจนเลย ไม่ว่าจะเป็นทานบังคับหรือทานสมัครใจก็ตาม

    ฉะนั้น สรุปได้ว่าในยุคสมัยของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ประชาชนจะปราศจากความต้องการในทรัพย์สินเงินทองทั้งภายนอกและภายใน และทรัพย์สินส่วนกลางจะถูกแบ่งปันให้ประชาชนด้วยความยุติธรรม อีกด้านหนึีงประชาชนจะเกิดความอิ่มเอิบและมีความเพียงพออันสืบเนื่องมาจากความบริสุทธิ์ใจที่พวกเขาแสดงออก

    ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) กล่าวอธิบายถึงสถานการณ์ภายหลังจากอิมามมะฮฺดีย์ ได้จัดแบ่งส่วนต่าง ๆ แก่ประชาชนว่า พระเจ้าทรงประทานให้หัวใจของประชาชาติของมุฮัมมัดทุกดวงปราศจากความต้องการใด ๆ ความยุติธรรมของมะฮฺดีย์จะแผ่ปกคุมไปทั่วทุกพื้นที่ ประหนึ่งว่าเมือมะฮฺดีย์ ออกคำสั้งให้มีผู้ประกาศว่า มีบุคคลใดต้องการทรัพย์สินอีกหรือไม่ จะไม่มีผู้ใดลุกขึ้นหรือตอบรับเลย ยกเว้นคนหนึ่งจะลุกขึ้นมา หลังจากนั้นอิมามจะกล่าวกับเขาว่า เจ้าจงไปหาผู้คุมท้องพระคลังและบอกกับเขาว่า

    มะฮฺดีย์สั่งให้ท่านจ่ายทรัพย์สินแก่ฉัน หลังจากนั้นผู้คุมท้องพระคลังจะกล่าวว่า เจ้าจงไปเอาถุงมาใส่ทรัพย์เหล่านี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตวงทรัพย์จนเต็มถุงแล้วสั่งให้เขาสะพายถุงเงินขึ้นไหล่ เจ้าของถุงเงินสำนึกตนทันทีพร้อมกับกล่าวกับตัวเองว่า ในหมู่ประชาติของมุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ทำไมฉันจึงลุ่มหลงโลกมากกว่าผู้ใดทั้งหมด หลังจากนั้นเขาตัองการคืนทรัพย์สิน แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธพร้อมกับกล่าวแก่เขาว่า จะให้เราเอาทรัพย์ที่ให้ท่านแล้วกลับคืนได้อย่างไร[13]

    7. การปกครองด้วยอิสลามและการพังพินาศของผู้ปฏิเสธ

    อัล-กุรอานให้สัญญาไว้ 3 ประการว่า พระเจ้าจะทรงทำให้อิสลามมีความยิ่งใหญ่เหนือโลกทั้งหลาย อัล-กุรอาน กล่าวว่า
    هُوَ الَّذِي أَرْسَلَ رَسُولَهُ بِالْهُدَى وَدِينِ الْحَقِّ لِيُظْهِرَهُ عَلَى الدِّينِ كُلِّهِ

    พระองค์คือผู้ที่ได้ประทานศาสนทูตของพระองค์ลงมาพร้อมด้วยคำแนะนำ และศาสนาแห่งสัจจะ เพื่อให้ศาสนานั้นมีชัยเหนือศาสนาทั้งหลาย[14]
    ไม่เป็นที่สงสัยว่าสัญญาทีพระผู้เป็นเจ้าทรงให้แก่ประชาชาติเป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นจริง ไม่สามารถปฏิเสธได้แน่นอนดังที่อัล-กุรอาน กล่าวว่า
    إِنَّ اللّهَ لاَ يُخْلِفُ الْمِيعَادَ

    แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงผิดสัญญา[15]

    ขณะเดียวกันเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าประมวลการต่อสู้และความอุตสาหะที่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และหมู่มวลมิตรของพระองค์ได้กระทำไว้ก่อนหน้านี้ยังมิได้บรรลุผลตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้[16] ซึงบรรดามุสลิมทั้งหลายต่างมีความหวังว่าวันนี้จะมาถึงอย่างแน่นอน ตามความเป็นจริงแล้ววันที่กล่าวนี้ได้รับการอธิบายไว้แล้วจากบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) ซึ่งได้แก่วันที่อิมามมะฮฺดีย์ (อ.) จะปรากฏกายออกมา

    ด้วยเหตุนี้ การอยู่ภายใต้ร่มเงาการปกครองพระผู้อภิบาลผู้ทรงเกรียงไกร โดยมีคำปฏิญาณว่า ข้ฯปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ อันเป็นธงชัยนำขบวนแห่งพระเจ้าองค์เดียว และรัศมีของคำปฏิญาณทีว่า ข้าฯปฏิญาณว่ามุฮัมมัดเป็นบ่าวและเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ อันเป็นคำประกาศของอิสลาม ซึ่งประโยคทั้งสองจะดังกึกก้องไปทั่วปฐพี โดยไม่มีพื้นใดบนโลกนี้จะไม่ได้ยินคำประกาศดังกล่าว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้การปฏิเสธและการตั้งภาคีเทียบเคียงพระเจ้าไม่หลงเหลือบนโลกนี้อีกต่อไป

    อิมามมุฮัมมัดบากิร (อ.) อธิบายโองการที่กล่าวว่า
    وَقَاتِلُوهُمْ حَتَّى لاَ تَكُونَ فِتْنَةٌ وَيَكُونَ الدِّينُ كُلُّهُ لِلّه

    และพวกเจ้าจงสู้รบกับพวกเขา จนกว่าจะไม่มีการปฏิเสธปรากฏขึ้น และ (ศาสนา) การเคารพภักดีทุกชนิดเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺเท่านั้น [17] ว่าการตะอ์วีลโองการดังกล่าวปัจจุบันยังมิได้เกิดขึ้น เมื่อใดที่กออิมของเรายืนหยัดขึ้น และเป็นช่วงการปกครองของเขาเวลานั้นท่านทั้งหลายจะเห็นว่าโองการข้างต้นถูกตะอ์วีลแล้ว และทุกกาลเวลาในยุคนั้นศาสนาของมุฮัมมมัดจะขจรขจายไปทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่ากลางคืนจะคืบคลานไปถึงไหนศาสนาของมุฮัมมัดก็จะคืบคลานไปหยุดอยู่ ณ ตรงนั้น โลกจะถูกปกครองด้วยอิสลาม บนหน้าแผ่นดินของพระองค์จะไม่หลงเหลือการปฏิเสธและการตั้งภาคีเทียบเคียงอีกต่อไป ดังที่พระองค์สัญญาไว้[18]

    แน่นอน โลกใบนี้ต้องถูกควบคุมด้วยอิสลาม เนื่องจากสัจธรรมความจริงของอิสลาม ซึ่งความจริงนั้นจะปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงการปกครองของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ในวันนั้นทุกคนจะมุ่งมั่นเข้าสู่อิสลาม ยกเว้นบางกลุ่มชนที่เป็นพวกกดขี่และแสดงความอหังกาบนหน้าแผ่นดิน พวกเขาจะจับดาบเข้าห่ำหั่นท่านอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) หมายกำจัดอิมามให้จงได้

    ประเด็นสุดท้ายที่ขอกล่าว ณ บทนี้คือ ความเป็นเอกภาพในความเชื่อที่แฝงเร้นอยู่ในรัฐบาลของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) เป็นปัจจัยสำคัญที่โน้มนำไปสู่ความเป็นเอกภาพในสังคมโลก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโลกเองก็ตามหาความเป็นเอกภาพ ความเป็นหนึ่งเดียวทางความเชื่อ ความติด และกฎหมาย ทุกคนพร้อมที่จะยอมรับ หลังจากนั้นทุกคนจะอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ความสัมพันธ์ส่วนตัวและทางสังคมของพวกเขาจะวางอยู่บนพื้นฐานของการมีความเชื่ออันเดียวกัน จากคำอธิบายดังกล่าวจะเห็นว่าความเป็นเอกภาพทางเชื่อ การรวมพลภายใต้ธงชัยและศาสนาเดียวกัน เป็นสิ่งจำเป็นและมีความต้องการอย่างยิ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) เท่านั้น

    8. ความปลอดภัยส่วนรวม

    ยุคสมัยการปกครองของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) เป็นยุคสมัยที่เรียกร้องความดีงามเพื่อเป็นครรลองสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไป ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเป็นความปรารถนาสูงสุดสำหรับมนุษย์ทุกคนที่จะได้รับ

    เมื่อมนุษย์ทุกคนปฏิบัติตามความเชื่อที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และความสัมพันธ์ทางสังคมของพวกเขาวางอยู่บนหลักการของจริยธรรมอันสูงส่ง ความยุติธรรมได้แผ่ปกคุมทั่วทุกสังคม ดังนั้น จึงไม่มีข้ออ้างสำหรับการสิ้นหวังหรือความหวาดกลัวต่อภัยอันตรายต่าง ๆ อีกต่อไป ทุกคนจะได้รับสิทธิของตนและของพระเจ้าโดยเท่าเทียมกัน การลิดรอนสิทธิของบุคคลอื่นแม้เพียงเล็กน้อยก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาความปลอดภัยและระเบียบของสังคม และกฎหมายให้คงความศักดิ์สิทธิตลอดไป

    อิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า โดยน้ำมือของเรา ภายใต้การปกครองของเราพวกท่านได้ผ่านพ้นวันที่อยากลำบากไปแล้ว ... เมื่อกออิมของเรายืนหยัดขึ้นความอคติทั้งหลายจะอันตรธานหายไปจากหัวใจทุกดวง สัตว์ทุกตัวจะเป็นมิตรกัน ในวันนั้นสภาพสังคมจะมีความปลอดภัยที่สุด สตรีสามารถเดินทางตามลำพังจากเหนือจรดใต้โดยไม่อันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น[19]

    แน่นอน สังคมปัจจุบันปราศจากความยุติธรรม ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีการแก่งแย่งชิงดีกันตลอดเวลา มีอคติต่อกัน และไม่มีความเป็นมิตร ดังนั้น ถ้าจึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจสังคมของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ในวันนั้น แต่ถ้าปล่อยวางปัจจัยที่ไม่ดีทั้งหลายให้หมด หรือช่วยกันขจัดสิ่งไม่ดีไม่งามให้หมดไปจากสังคม และนั่งใคร่ครวญให้รอบคอบจะเห็นว่าในยุคของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ความไม่ดีไม่งามทั้งหลายเหล่านี้จะถูกขุดรากถอนโคนจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากคำมั่นสัญญาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้ย่อมเป็นจริงเสมอ พระเจ้าผู้ทรงเกรียงไกรทรงตรัสไว้ในอัล-กุรอานว่า

    อัลลอฮฺ ทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาในหมู่สูเจ้า และบรรดาผู้กระทำความดีทั้งหลายว่า แน่นอนพระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดในแผ่นดิน ดั่งที่พระองค์ทรงให้บรรดาชนก่อนพวกเขา เป็นตัวแทนสืบทอดมาแล้ว และพระองค์จะทรงทำให้ศาสนาของพวกเขาซึ่งพระองค์ทรงโปรดปราน เป็นที่มั่นคง และเป็นเกียรติแก่พวกเขา และแน่นอนพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงให้พวกเขาได้รับความปลอดภัย หลังจากความกลัวของพวกเขา โดยที่พวกเขาจะต้องเคารพภักดีฉัน และไม่ตั้งภาคีอื่นใดต่อฉัน และผู้ใดปฏิเสธหลังจากนั้น พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝ่าฝืน[20]

    อิมามญะอฺฟัร อัซซอดิก (อ.) กล่าวอธิบายความหมายของโองการข้างต้นว่า โองการนี้ถูกประทานลงมาให้แก่อิมามมะฮฺดีย์ และพลพรรคของเขา[21]

    9. การขยายตัวด้านความรู้

    ในยุคสมัยการปกครองของท่านอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) วิชาการของอิสลามและวิชาการใหม่ ๆ จะถูกเปิดเผยออกมา บรรดานักวิชาการและนักวิจัยค้นคว้าจะมีความก้าวหน้าด้านวิชาการชนิดที่ไม่มีผู้คาดคิดไว้ก่อน

    อิมามญะอฺฟัร อัซซอดิก (อ.) กล่าวว่า วิชาการความรู้มีอยู่แค่ 27 คำ และทั้งหมดที่ท่านศาสดาเผยแพร่ไปแล้วนั้นมีเพียงแค่ 2 คำ แต่จนบัดนี้ประชาชนก็ยังไม่เข้าใจ 2 คำนั้นว่าหมายถึงอะไร เมื่อกออิมของเรายืนหยัดขึ้น เขาจะสอนอีก 25 คำที่เหลือ และจะแผ่ขยายไปในหมู่ประชาชน และเขาจะอธิบายสองคำที่ยังไม่เข้าใจ ในที่สุดเขาจะเป็นผู้อธิบายวิชาการทั้ง 27 คำ[22]

    เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การพัฒนาวิชาการความรู้ของมนุษย์เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป และมีความสามารถเป็นไปได้ ซึ่งรายงานจำนวนมากมายจากบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) กล่าวว่า การเติบโตและความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีในวันนั้นกับยุคสมัยนี้มีความแตกต่างกันอย่างมากมาย

    ดังที่ประจักษ์ว่า การอุตสาหกรรมในปัจจุบันกับ การอุตสาหกรรมในอดีตนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมากมาย ซึ่ง ณ ที่นี้จะขอนำเสนอรายงานบางรายงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เช่น

    อิมามญะอฺฟัร อัซซอดิก (อ.) กล่าวถึงความสัมพันธ์ติดต่อกันในยุคของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) ว่า ในยุคสมัยของกออิมผู้ศรัทธาที่อยู่ทางทิศตะวันตกจะมองเห็นผู้ศรัทธาที่อยู่ทางทิศตะวันออก[23]

    อีกรายงานหนึ่งท่านกล่าวว่า เมื่อใดก็ตามที่กออิมของเรายืนหยัดขึ้น พระเจ้าจะทรงเพิ่มพลังในการรับฟังและการมองเห็นแก่บรรดาชีอะฮฺ และแม้ว่าอิมามจะอยู่ไกลโพ้นออกไป แต่ท่านจะพูดคุยกับบรรดาชีอะฮฺ และพวกเขาก็จะพูดคุยกับท่าน และเห็นท่าน ขณะที่ท่านพำนักอยู่ ณ ที่พักของท่าน[24]

    ความรอบรู้ของอิมามมะฮฺดีย์ (อ.) เกี่ยวกับสภาวะของประชาชน และการดำเนินชีวิตของพวกเขาในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าการปกครอง เป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ และเป็นผู้บัญชาการ รายงานกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า

    ถ้าหากบุคคลใดกล่าวคำพูดใดในบ้านของเขา เขาเกรงว่าผนังบ้านของเขาจะเป็นผู้รายงานคำพูดนั้น[25]

    ถ้าพิจารณาถึงความก้าวหน้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัยของเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ในปัจจุบัน จะเห็นว่ารายงานข้างต้นสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าในวันนั้นจะใช้เครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยมากกว่านี้ หรือใช้เครื่องมือสื่อสารประเภทอื่นที่ทันสมัยมากกว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารแทน

    [1] บิฮารุลอันวารเล่มที่ 52 หน้าที่ 362
    [2] บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 52 ฮะดีซที่ 71 หน้าที่ 336
    [3] อัลกาฟีย์ เล่มที่ 1 ฮะดีซที่ 3 หน้าที่ 58
    [4] กะมาลุดดีน เล่มที่ 2 หมวดที่ 55 ฮะดีซที่ 7 หน้าที่ 548
    [5] บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 52 ฮะดีซที่ 164 หน้าที่ 372
    [6] อ้างแล้วเล่มเดิม ฮะดีซที่ 138 หน้าที่ 364
    [7] อ้างแล้วเล่มเดิม ฮะดีซที่ 68 หน้าที่ 335
    [8] ฆอยบะฮฺ ฏูซีย์ ฮะดีซที่ 149 หน้าที่ 188
    [9] อัล-กุรอาน บทอัลอะอฺรอฟ โองการที่ 96
    [10] มุนตะคอบบุลอะซัร ภาคที่ 7 หมวดที่ 3 / 4 หน้าที่ 589 / 593
    [11] บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 52 ฮะดีซที่ 212 หน้าที่ 390
    [12] อ้างแล้ว เล่มที่ 51 หน้าที่ 84
    [13] อ้างแล้ว หน้าที่ 92
    [14] อัล-กุรอาน บทอัตเตาบะฮฺ โองการที่ 33 บทอัลฟัตฮฺ โองการที่ 28 และบทอัลซ็อฟ โองการที่ 9
    [15] อัล-กุรอาน บทอาลิอิมรอน โองการที 9
    [16] คำพูดดังกล่าวนักอรรถธิบายอัล-กุรอานทั้งฝ่านซุนนีย์และชีอะฮฺอธิบายไว้ในหนังสือตัฟซีรของตน เช่น ฟัครุรรอซีย์ ตัฟซีรอัลกะบีร เล่มที่ 16 หน้าที่ 40, กุรฏุบีย์ ตัฟซีรกุรฏุบีย์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 121 เฏาะบัรเราะซียื ตัฟซีรมัจมะอุลบะยาน เล่มที่ 5 หน้าที่ 35
    [17] อัล-กุรอาน บทอันฟาล โองการที 39
    [18] บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 51 หน้าที่ 55
    [19] คิซอล เล่มที่ 2 หน้าที่ 418
    [20] อัล-กุรอาน บทอันนูร โองการที่ 55
    [21] ฆอยบัตนุอ์มานีย์ ฮะดีซที่ 35 หน้าที่ 240
    [22] บิอารุลอันวาร เล่มที่ 52 หน้าที่ 326
    [23] บิฮารุลอันวาร เล่มมที่ 52 หน้าที่391
    [24] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้าที่ 336
    [25] อ้างแล้วเล่มเดิม หน้าที่ 390

    บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอิมามมะฮุดีย์

    อิมามัต
    แนวทางการรู้จักมะฮฺดียฺ (อ.
    มารู้จักมะฮฺดียฺ (อ.)
    ประโยชน์ของการมีอิมามอะฮฺดี (อ.) ในช่วงการเร้นกาย
    อีกกลุ่มหนึ่งสร้างราชวังเพื่อตัวเอง จับจ่ายด้วยทรัพย์สินอย่างฟุ่มเฟือยและมีชีวิตการเป็นอยู่อย่างเลิศหรู สถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมเช่นแรงกระหายต่อความยุติธรรมจะยิ่งมีมากขึ้น
    ภาคที่ 4 บทที่ 1 สถานการณ์โลกในช่วงต้นของการปรากฏกาย
    แบบอย่างการพิพากษาของอิมาม
    ช่วงเวลาการปกครองของรัฐบาลอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
    คุณสมบัติต่าง ๆ ของรัฐบาล
    นโยบายเศรษฐกิจ
    นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลมะฮฺดียฺ (อ.)
    รัฐบาลของอิมามมะฮฺดีย (อ.)
    ผลของการรอคอย
    สิ่งที่ผู้รอคอยพึงปฏิบัติ
    สิ่งที่ผู้รอคอยพึ่งปฏิบิติ
    หน้าที่ของผู้รอคอย
    การรอคอยมะฮฺดียฺตามริวายะฮฺ
    ประเภทของการเร้นกาย
    การรอคอย
    ประโยชน์การเร้นกายของอิมามมะฮฺดียฺ


    ที่มา http://islamshia-w.com/Portal/Cultcure/Thai/CaseID/45799/71243.aspx
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  5. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    <TABLE borderColor=blue cellSpacing=0 cellPadding=5 width=600 bgColor=white border=1><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=blue>Tropical Storm FANAPI (12W) # 05 : ประกาศเตือนภัย เรื่อง “พายุโซนร้อน FANAPI (ฟานาปี/12W)” ฉบับท </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE width=590 align=center border=0><TBODY><TR><TD>Tropical Storm FANAPI (12W) # 05 : ประกาศเตือนภัย เรื่อง “พายุโซนร้อน FANAPI (ฟานาปี/12W)” ฉบับที่ 5
    ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น ฮาวาย, สหรัฐฯ (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
    สภาวะโดยทั่วไปของพายุหมุนเขตร้อนเมื่อเวลา 01.00น.
    ประจำวันที่ 16 กันยายน 2553 ออกประกาศเวลา 04.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย วันที่ 16 กันยายน 2553 / 03.01 น. ปรากฎพายุหมุนเขตร้อน 1 ลูก / หย่อมความกดอากาศต่ำ 1 ลูก
    1)Tropical Storm FANAPI (12W,21.2N 127.5E,35kts) : เมื่อเวลา 01.00น.วันนี้(16ก.ย.2553) พายุโซนร้อน FANAPI (ฟานาปี/12W) ซึ่งมีศูนย์กลางปกคลุมทะเลฟิลิปปินส์ ล่าสุด อยู่ที่ละติจูด 21.2องศาเหนือ ลองจิจูด 127.5 องศาตะวันออก หรือมีศูนย์กลางอยู่ทางทิศใต้จากเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ห่ างประมาณ 602 กิโลเมตร. กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 3 นอต(6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างช้าๆ . มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 45 นอต(83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ลมกระโชกแรงสูงสุดประมาณ 55นอต(102 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวน้ำทะเลประมาณ 989 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ 4 เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา... / คาด พายุโซนร้อน FANAPI (ฟานาปี/12W) จะเริ่มมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือมากขึ้นในอีก 6-12 ชั่วโมงข้างหน้า โดยพายุนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ… คาดหมายในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าหรือช่วงประมาณ 01.00น.(17ก.ย.53)พายุจะเคลื่อนตัวไปทางเหนือต่อไป ก่อนทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 . คาดหมายในช่วง 36-72 ชั่วโมงข้างหน้านี้หรือช่วงประมาณ 17-19 ก.ย.53นี้ พายุจะเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกค่อนทางเหนือและมุ่งหน้าไปยังเกาะไต้หวัน ข่วง 19ก.ย.53 นี้ ก่อนที่จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนในระยะต่อไป : ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )

    2) Tropical Disturbance 98W (12.4N 160.8E,15kts) : เมื่อเวลา 01.00น.วันนี้(16ก.ย.2553) หย่อมความกดอากาศต่ำ 98W (-/98W) มีศูนย์กลางปกคลุมทะเลแปซิฟิค อยู่ที่ละติจูด 12.4องศาเหนือ ลองจิจูด 160.8 องศาตะวันออก หรือมีศูนย์กลางอยู่ทางทิศตะวันออกจากเกาะกวม ห่ างประมาณ - กิโลเมตร. กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 5 นอต(9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา . มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 15 นอต(28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ลมกระโชกแรงสูงสุดประมาณ 25นอต(46 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวน้ำทะเลประมาณ 1010 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ - เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา... / คาด หย่อมความกดอากาศต่ำ 98W (-/98W) จะมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกโดยส่วนใหญ่ในอีก 12-24 ชั่วโมงข้างหน้า มีแนวโน้มพัฒนาเป็นพายุหมุนเขตร้อนใน 72-96 ชั่วโมงนี้หรือช่วงประมาณ 19 ก.ย.53นี้ : ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )

    <เพิ่มเติม/ความเห็น> พายุทั้งหมดไม่มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าไทย ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำ 97W บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษและอุบลราชธานี ยังคงต้องระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งต่อไปอีกในระยะนี้…. พายุโซนร้อน FANAPI (ฟานาปี/12W) ลูกนี้มีแนวโน้มเหยียบความเร็วถึงไต้ฝุ่นระดับ 4-5 ได้เลย เนื่องจากคู่แข่งน้อย และองค์ประกอบบริเวณนั้นเอื้ออำนวยให้ถึงระดับ 4 เป็นอย่างน้อยด้วย / สำหรับวงสีเขียวคือบริเวณที่มีแนวโน้มพัฒนาเป็นพายุหมุนเขตร้อนในอนาคต (ถ้ามี)
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์"
    จากบันทึกของศาสนาคริสต์

    [​IMG]

    คำถาม: การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์คืออะไร?

    คำตอบ: การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ คือความหวังของผู้เชื่อว่าพระเจ้าจะเสด็จมาควบคุมทุกสิ่ง พระองค์ทรงสัตย์ซื่อต่อพระสัญญาและคำพยากรณ์ของพระองค์ ในการเสด็จมาครั้งแรก พระเยซูคริสต์เสด็จมาในสภาพของทารกในรางหญ้าที่เมืองเบธเลเฮม ตามที่ได้มีการพยากรณ์ไว้ พระเยซูทรงทำให้คำพยากรณ์มากมายเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์สำเร็จลงในระหว่างการทรงบังเกิด, การดำเนินชีวิต, พันธกิจ, การวายพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ แต่ยังมีคำพยากรณ์บางอย่างเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ที่พระเยซูยังไม่ได้ทำให้สำเร็จลง การเสด็จกลับมาในครั้งที่สองของพระคริสต์ จะเป็นการเสด็จกลับมาเพื่อที่จะทำให้คำพยากรณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นสำเร็จลง ในการเสด็จมาครั้งแรก พระเยซูเสด็จมาในสภาพที่ต่ำต้อยที่สุด แต่ในการเสด็จมาในครั้งที่สอง พระองค์จะเสด็จมาพร้อมกองทัพแห่งทูตสวรรค์เคียงข้างพระองค์​

    ผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิมไม่ได้ชี้ให้เห็นเป็นพิเศษสำหรับความแตกต่างระหว่างการเสด็จมาทั้งสองครั้ง เรื่องนี้เราสามารถดูได้จากข้อพระคัมภีร์เช่น อิสยาห์ 7:14; 9:6-7; และ เศคาริยาห์ 14:4 ผลของคำเผยพระวจนะที่ดูเหมือนว่าจะพูดถึงบุคคลสองคน, ผู้ทรงคุณวุฒิชาวยิวเชื่อว่าจะมีพระเมษสิยาห์ผู้ได้รับความทุกข์ทรมาน และ พระเมสสิยาห์ผู้มีชัยชนะ สิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจคือพระเมษสิยาห์องค์เดียวกันนี้เองคือผู้ที่ทำให้บทบาททั้งสองสำเร็จลง พระเยซูทรงทำให้บทบาทของผู้ปรนนิบัติผู้ได้รับความทุกข์ทรมาน (อิสยาห์บทที่ 53) สำเร็จลงในการเสด็จมาในครั้งแรก และพระเยซูจะทรงทำให้บทบาทของผู้ปลดปล่อยและกษัตริย์ของชาวยิวสำเร็จลงในการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง ในการบรรยายถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง หนังสือเศคาริยาห์ 12:10 และวิวรณ์ 1:7 ย้อนกลับไปถึงสมัยที่พระเยซูทรงถูกทิ่มแทง คนอิสราเอลและคนทั้งโลกจะร่ำไห้ที่ไม่ได้ต้อนรับพระเมสสิยาห์ในครั้งแรกที่พระองค์เสด็จมา​

    หลังจากที่พระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์, เหล่าทูตสวรรค์ได้บอกกับบรรดาอัครทูตว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย เหตุไฉนท่านจึงเขม้นดูฟ้าสวรรค์ พระเยซูองค์นี้ซึ่งทรงรับไปจากท่านขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น” (กิจการ 1:11) เศคาริยาห์ 14:4 บอกว่าสถานที่ที่พระองค์จะเสด็จกลับมาในครั่งที่สองคือที่ภูเขามะกอกเทศ ข้อพระคัมภีร์มัทธิว 24:30 กล่าวว่า​

    “เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้ แล้วจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก” ทิตัส 2:13 บรรยายการเสด็จกลับมาครั้งที่สองว่าเป็น “การปรากฏอันทรงสง่าราศี”

    หนังสือวิวรณ์ 19:11-16 พูดไว้อย่างละเอียดเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาครั้งที่สอง: “แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นสวรรค์เปิดออก และดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า "สัตย์ซื่อและสัตย์จริง" พระองค์พิพากษาและทรงกระทำสงครามด้วยความเป็นธรรม พระเนตรของพระองค์ดุจเปลวไฟ และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน และพระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้จักเลย นอกจากพระองค์เอง พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่จุ่มเลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ "พระวาทะของพระเจ้า" ​

    เหล่าพลโยธาในสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อละเอียด ขาวบริสุทธิ์ ได้นั่งบนหลังม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป มีพระแสงคมออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงฟันฟาดบรรดานานาประชาชาติ ด้วยพระแสงนั้น และพระองค์จะทรงครอบครองเขาด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงเหยียบบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธอันเฉียบขาดของพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า " จอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย ”​


    [​IMG]

    นิมิตการเสด็จกลับมาของพระเมสสิยาห์

    สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกนั้นเป็นความชั่วที่น่าเกลียดชังและเต็มไปด้วยอันตราย ซึ่งไม่มีความปลอดภัย เหนือกว่าคำบรรยายของมนุษย์ที่จะหาคำบรรยายออกมาได้ มีเพียงความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นและประชากรโลกได้ลดลง ในช่วงเวลาเหล่านั้นของคนที่หลงอยู่บนโลก หลายๆ คนได้นอนตายอยู่บนโลกที่ถูกทำลาย รกร้าง หดหู่จิตใจ การสังหารผลาญชีวิตของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง พวกเราคิดว่าพวกเราได้ตระหนักถึงสิ่งต่างๆ ในโลกได้พังพินาศ ถูกทำลายเพิ่มมากขึ้น โดยไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่จะมาเปรียบเทียบได้ นี้คือสิ่งที่ดีหลงเหลือแก่พวกเราจากสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้สะเทือนขวัญ น่าหวาดเสียวเพื่อที่จะไม่หลงมึนเมาไปกับสิ่งของในโลก

    แต่ยังคงในการมีชีวิตอยู่ด้วยการห่อหุ้มไปด้วยความรัก ที่มหัศจรรย์ของพระองค์และสติปัญญาที่มาจากพระองค์ การรับรู้ในความรู้สึกของความรักในทุกๆทางได้นำการสงสัย แปลกใจเกี่ยวกับการทรงพระชนม์นั้นออกไปด้วยกันกับพระองค์ผู้ทรงเป็นที่รักของพวกเรา ผู้ซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในเรา ในสิ่งที่พระองค์ตอบสนอง

    การวางเป้าหมายดลบันดาลใจเริ่มต้นขึ้น จดจ่ออยู่ในหัวใจเหมือนพวกเราได้พบกับความจริง ว่าพวกเราจำต้องตอบสนองโดยการกลับมายังโลกอีกครั้ง เพื่อที่จะช่วยอิสราเอลและเจนไทล์ ซึ่งเป็นแขกรับเชิญของงานมงคลสมรสพระเมษโปดก ซึ่งได้รอคอยการเสด็จกลับมาของกษัตริย์ที่แท้จริงของอิสราเอล ทั้งหมดของอิสราเอลทีได้รอคอย มองหาพระเมสสิยาห์ที่จะกลับมาและปลดปล่อยพวกเขา พวกเราได้เห็นประชากรชนชาติยิวที่ร่ำรวยมั่งคั่งสิ้นหวังกับการแสวงหาพระองค์ ซึ่งเป็นเพียงผู้เดียวที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้

    พระเมสสิยาห์ทรงรู้ว่าเมื่อไรนั้นการปลดปล่อยจะใกล้เข้ามา พระองค์กำลังเสด็จมากระทำสิ่งเหล่านั้นให้สำเร็จ พวกเราสามารถที่จะเห็นการรอคอยอย่างคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้นในฉากสุดท้ายค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้น เมื่อในที่สุดนั้นพระองค์จะรับสิทธิอำนาจเป็นตำแหน่งกษัตริย์ของคนทั้งโลก เหมือนที่พระองค์ได้รอคอยมา และสันติสุขความชื่นชมยินดีได้เพิ่มขึ้นทุกขณะ จากนั้นในการกระทำของพวกเราเองเต็มไปด้วยความรักเช่นกัน เพราะว่าบัดนี้พวกเรามีหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ผู้ซึ่งเป็นที่รักของพวกเรา แต่ทุกอย่างทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมตั้งไว้อย่างปราณีตในเวลาที่เหมาะสม

    ในช่วงเวลานี้พระองค์ได้มีความสุขกับการชื่มชมยินดี ในการเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าสาวของพระองค์ แต่ยังคงขณะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์และทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระองค์นั้นยังคงป้องกัน ดูแลอย่างระมัดระวังเพื่อคนเหล่านั้นที่ยังอยู่บนโลกเพื่อการปรากฏเสด็จกลับมาของพระองค์

    ดูเหมือนในช่วงเวลาต่อไปจากนี้ เป็นเวลาและเป็นเวลาที่จะเคลื่อนกองทัพลงมายังโลก เพื่อนำบัลลังก์ของพระองค์ลงมาเหนือพวกเราทั้งหลาย พระเมสสิยาห์เริ่มนำพวกเราค่อยทยอยเคลื่อนลง แต่ยังคงหลบซ่อนอยู่บนเมฆซึ่งไม่สามารถปรากฏต่อสายตาของมนุษย์ทั้งหลาย หนึ่งร้อยพันชนชาติของอิสราเอล(ธรรมิกชน 144000 คนชาวยิว) ได้รอคอย ปรารถนาการเสด็จกลับมาของพระองค์ รับรู้ว่าพระองค์ได้เสด็จมา เพื่อประชากรของพระองค์ผู้ซึ่งพร้อมในการดำเนินชีวิตที่จะถวายเกียรติสรรเสริญพระองค์เป็นกษัตริย์ พระเมสสิยาห์ด้วยกันกับ คณะผู้ติดตามของบุคคลสำคัญปรากฏอย่างน่าเกรงขามในความยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ ยังคงเคลื่อนทัพลงมาเรื่อยๆ จนถึงกลางฟากฟ้าเหนือMount Paran ภูเขาเปราน ที่ซึ่งเวลาขณะนั้นพวกเราได้เริ่มต้นเคลื่อนไปเป็นกองทัพไปในแนวขนานของระดับของความสูงของภูเขา

    สายตาของกษัตริย์ผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิจนิรันดร์ และกองทัพทหารที่ยิ่งใหญ่ของธรรมิกชนได้ปรากฏสง่าราศี เต็มไปด้วยขบวนเฉลิมฉลองเหมือนไม่มีกษัตริย์ ของโลกองค์ไหนที่ท่านเคยเห็นมาก่อน กษัตริย์ผู้ทรงสง่าราศีตกแต่งประดับประดาด้วย ความสง่างามที่สุด และด้วยความมีอำนาจสูงสุดได้เสด็จกลับมายังโลก ด้วยกันกับเจ้าสาวของพระองค์สวมเสื้อคลุมแห่งสง่าราศีที่พระองค์เจ้าได้ออกแบบมาเพื่อเจ้าสาวโดยเฉพาะเป็นพิเศษ โบสถ์แห่งสง่าราศีของพระองค์ ประดับประดาด้วยอัญมณีล้ำค่าที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย โอ ความงดงามนั้นไม่สามารถ ที่จะหาคำมาบรรยายได้ และไม่สามารถบอกกล่าวถึงความงดงามอย่างโอ่โถงด้วยการเพิ่มลำดับความสง่างามของสง่าราศีของอายุคนเหล่านั้น

    ด้วยกันกับพระองค์เจ้า พวกเราได้ท่องเที่ยวผ่านอยู่เหนือจากทางหลวงพิเศษของกษัตริย์ในท้องฟ้า ผ่านภูเขาจอร์แดน ผมจำไม่ได้อย่างแน่นอนว่าได้ผ่านการเคลื่อนไหวที่พิเศษอย่างมากนี้โดยลอยอยู่เหมือนมีราชรถม้า (ยานพาหนะแห่งองค์พระราชาเทียบด้วยม้า) อยู่บนฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพทหารที่บริสุทธิ์อย่างนับไม่ถ้วน แต่ในการเคลื่อนไหวนั้นได้ถูกกระทำให้พวกเราได้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพทหารที่มีกำลังเข้มแข็งในสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา ระหว่างทางทิศตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม ที่ อัมโมน กองทัพทหารที่บริสุทธิ์นี้ได้ทรงนำด้วยการแบ่งผู้บัญชาการในการควบคุมกองทัพทหารนี้ ได้ขี่ม้าขาวที่สามารถเห็นได้ด้วยสายตาทั่วไปทั้งหมด

    ด้วยการมีชัยชนะในความจริงด้วยกันกับกองทัพธรรมิกชนที่อยู่ข้างหลังพระองค์เจ้า พวกเราได้ก้มศีรษะและมุ่งตรงไปที่กรุงเยรูซาเล็มที่ซึ่งพวกเราได้เข้าไปทางประตูตะวันออก กษัตริย์ผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ด้วยฤทธานุภาพการทรงไถ่จากพระองค์ และโบสถ์ที่ได้รับสง่าราศีของพระองค์นั้นได้เคลื่อนย้ายเพื่อช่วยอิสราเอลทั้งหมดให้รอด บุตรซึ่งพระองค์ทรงรักและพวกเขาเหล่านั้นได้รอคอยการเสด็จกลับมาของพระองค์ แอนตี้ไครสต์ได้พยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะฉกฉวยสิทธิ์ที่ถูกต้องนั้นเป็นของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ท้ายที่สุด ได้ถูกโค่นอำนาจลงด้วยกษัตริย์ผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิจนิรันดร์โดยพระองค์เอง ทุกสายตาจะเห็นพระองค์และพวกเขาเหล่านั้นที่ได้แสวงหา เพียรรอคอยการปรากฏของพระองค์นั้นรักพระองค์

    นี้เป็นนิมิตที่ส่งความเป็นสง่าราศี ของการเสด็จกลับมาของพระเมสสิยาห์กับโบสถ์ของพระองค์

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    "ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์"
    จากบันทึกของชาวพุทธ

    [​IMG]

    เป็นกรรมของสัตว์โลกน่ะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ ปลายปี 47 (ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบจะเผลอปรามาสครูบาอาจารย์เข้าแล้วเชียว) แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทาง ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและ อุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระเจ้าจักรพรรดิ์ลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ

    ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เราเคยถามครูบาอาจารย์ว่าไม่มีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า "ไม่ได้" ท่านว่า "ปู่ยี เว้า ก็ปานพระเจ้า เว้า นั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้" เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น

    สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯ ก็มิใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะฝ่ายรักษาภายในของ กทม. เขาเริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และต่อไปภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะเป็นแก่งทั้งหมด ครูบาอาจารย์ท่านว่า ท่านจะเอาแค่เพชรบุรีขึ้นมา

    เราเข้าใจว่าภัยพิบัติในภาคใต้ เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิ์ที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมีสัญญาณอย่างอื่นด้วย แต่เป็นเรื่องของเฉพาะบุคคล เช่นเรื่อง ธาตุแก้วเจ็ดประการ ที่เริ่มมาปรากฎเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่กระจัดกระจายกันอยู่ในหลายประเทศ เป็นต้น

    ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าใครมีจิตที่เอ็กเรย์ธาตุได้ ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกร และแก้ววิเศษของเทวดา ก็อาจจะเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์ เพราะความไม่รู้

    ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมา มนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางที่ก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกนาก แถวลพบุรี ที่ในไม่ช้า(ช่วงท้ายๆของภัยพิบัติ)จะลุกขึ้นมา(ภายใน)เพื่อไปรอรับพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพลที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ เขาก็ถอนกำลังไปอยู่ที่อื่นแล้วเมื่อตอนออกพรรษาที่ผ่านมา ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกนากตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัวได้ พิษของยักษ์จะทำให้เกิดโรคระบาด้ายแรง มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลธรรมก็ไม่เป็นไร

    เราค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในปี 2560 ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง(ประเทศเดียวกัน) ท่านไหนที่ขยันหมั่นเพียร รักษาศีล ภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง

    ขออย่ามากังวลกับสิ่งที่เราเล่า หากท่านเดินตามทางบุญ ทางกุศล ที่ครูบาอาจารย์ของตนเองสอนได้แล้ว ก็คงจะเอาตัวรอดได้ ครับ และไม่มีใครเตือนใครได้ดีเท่ากับ การเตือนตนด้วยตนเอง ครับ

    ศาสนาอื่นนั้นไม่เหลือหรอกครับ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายกันมาพึ่งศาสนาพุทธกันหมดครับ เท่าที่ทราบต่อไปมหาอำนาจ อย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้องมาพึ่งพาไทย ศูนย์กลางโลกศูนย์กลางศาสนาอยู่ในเขตประเทศไทยนี่แหละ ซึ่งต่อไปที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนาในยุคจักรพรรดิ์ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดยสามร่มโพธิ์ศรี อัญญาสิทธิ์และอัญญาธรรม พระจักรพรรดิ์จะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลก อย่างที่พวกยิวเขาคิดจะครองโลกกันนั้น ไปไม่ถึงดวงดาวหรอกครับเพราะวิทยาศาสตร์ถึงทางตันแล้ว

    เหตุที่เกิดในภาคใต้ซึ่งเป็นเขตพุทธศาสนายังรุนแรงขนาดนี้ ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆนั้น จะรุนแรงกว่านี้มากครับและความหายนะที่จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย

    ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณเดิมของการมาเกิดก็จะเข้าใจว่าอย่างอิสลามและคริสต์นั้น เชื้อจิตวิญญาณเดิมหรือต้นธาตุของจิตวิญญาณ ของพวกนี้เป็นพวกยักษ์ ตระกูลต่างๆ ดังนั้นที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าพวกยักษ์นอกศาสนาเขาตีกันนั้น ก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหา และพวกยักษ์เหล่านี้เขาก็มาเกิดกันมากในยุคนี้ ส่วนใหญ่ในเขตไทยและใกล้เคียงจะเป็นเชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับการเกิดเป็นเชื้อต่างๆเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆ ว่าเคยทำบารมีมาในภพภูมิไหนมามาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้นและเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิ

    และบางครั้งการทำงานจากภายใน ก็จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผลที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการรู้นอกแต่ไม่รู้ใน คล้ายๆกับวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายเหตุผลภายนอก แต่ไม่เข้าใจถึงเรื่องกฏแห่งกรรมซึ่งเป็นเหตุภายใน เป็นต้น นี่คือรู้ไม่แจ้งในเรื่องนั้นๆ ก็เลยเกิดความ "ประมาท" กันต่อไป ครับ

    ต่อไปจะมีพระจักรพรรดิ์เป็นผู้ปกครองโลก พระยาธรรมมิกราชจะเป็นคล้ายพระสังฆราช และจะมีพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง จะทำหน้าที่คล้ายนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามร่มโพธิ์ศรีก็คือ สามโพธิสัตว์ที่ลงมาทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา นั่นเอง

    เอาเป็นว่า มีผู้ที่เขาลงมาทำหน้าที่นี้กันครับ และก็มีเหล่าอัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม ที่ตามลงมาทำหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง บางคนก็รู้ตัวเองแล้ว บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ตัวเองครับ ถึงเวลาแล้วก็คงจะได้เห็นว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบางท่านบางคน บางท่าน จะมีชื่อเสียงในหมู่ของเทพ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ฤษี มุนี ดาบส ฯลฯ และพวกเขาเหล่านั้นก็รอยุคพระยาธรรมมิกราชนี่แหละ แต่พวกมนุษย์ไม่รู้จักเพราะท่านเหล่านี้จะอยู่อย่างเงียบๆและลี้ลับ เป็นต้น ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆให้ฟังว่า สำหรับผู้ทำบารมีเข้มข้นแล้วนั้น "ดังบ่ดี ดีบ่ดัง" ครับ


    จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมเป็นตัวกำหนดและยุคพระยาธรรมฯ ก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อย่างในยุคพระเวสสันดร(ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง) หลังจากพระเวสสันดรได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดยุคพระยาธรรมฯหรือยุคพระจักรพรรดิ์ขึ้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิ์ในสมัยนั้น

    และในยุคร่วมสมัยในปัจจุบันนี้ มีบุคคลผู้หนึ่ง ทำทานบารมีจนได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้วเช่นกัน ดังนั้นผมก็พอจะอนุมานได้ว่า ยุคพระยาธรรมฯ นั้นเข้ามาใกล้ถึงปลายจมูกแล้วครับ ใครที่คิดจะทำบุญกุศลอะไร ก็ให้รีบเร่งทำกันได้เลยครับ หากเมื่อใดผู้ที่ได้พรพระอินทร์เขาทำอธิษฐานบารมีเพื่อดูแลพระศาสนา(ซึ่งเป็นประเพณีส่วนหนึ่งของการปรารถนาพุทธภูมิ) ระบบที่ทำหน้าที่ภายในเขาก็จะทำงาน ตามลำดับ เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของศีลธรรม ของศีลห้า ศีลแปด ของบุญบารมีที่แต่ละท่าน บำเพ็ญเพียร สั่งสมมา ครับ

    ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์ในภาคใต้ดูว่า คลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะทำให้ด้ามขวานไทยเหลือเป็นเกาะเป็นแก่ง และคลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะสามารถทำให้เกาะขนาดประเทศไต้หวัน หายวับไปได้ในพริบตา เมื่อไหร่ก็ตามที่นาคใหญ่เขาทำงาน จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หากจะเทียบเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ผ่านมา เป็นได้แค่ระดับนาคใหญ่เขาโก่งหลัง หรือสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ลองจินตนาการดูว่าหากพวกนาคบางพวกเขามีหน้าที่ทำฤทธิ์เพื่อล้างผู้ที่มีศีลธรรมไม่เพียงพอสำหรับการอยู่ในยุคพระยาธรรม บนโลกนี้ก็จะเหลือคนไม่มาก อย่างที่พระสูตรบอกไว้ครับ

    จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 30/12/2547 8:42:27<!-- google_ad_section_end -->

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เตือน20จว.เหนือ-อีสานระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนผู้ที่อาศัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และที่ราบลุ่มบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ยังคงต้องระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำล้นตลิ่งต่อไปอีก


    อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไต้หวันได้พัฒนาตัวขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ฟานาปี”( FANAPI)แล้ว กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไต้หวันและประเทศจีนตอนใต้ ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 30 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 32 องศา

    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
    ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


    <!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>
    กลับสู่หน้าแรก ​
    -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พิจิตรน้ำท่วมขังเริ่มเน่าเหม็น-ชาวบ้านป่วย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>พิจิตร 16 ก.ย. - ชาว จ.พิจิตร ซึ่งบ้านเรือนถูกน้ำท่วมขังนานประมาณ 1 เดือน เริ่มป่วยเป็นโรค และน้ำเริ่มเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็น ขณะที่ จ.เชียงราย จัดเวรยามเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากตลอด 24 ชั่วโมง

    เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย

    จัดเวรยามเตรียมพร้อมเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เพื่อให้สามารถออกช่วยเหลือชาวบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมยังไม่น่าไว้วางใจ หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนัก รวมทั้งแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาและที่ลุ่มริมแม่น้ำ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

    ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม อ.สามง่าม จ.พิจิตร ยังขยายวงกว้าง ชาวบ้านกว่า 1,000 ครอบครัว เริ่มได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากน้ำท่วมขังเริ่มเน่าเหม็น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ. - สำนักข่าวไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เกิดเฮอริเคน2ลูกพร้อมกันครั้งแรกในรอบ10ปี </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>โดยพายุเฮอริเคนดังกล่าว คือ อิกอร์ กับจูเลีย ซึ่งมีกำลังแรงลมอยู่ในระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ


    เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศสหรัฐ เปิดเผยว่า เกิดพายุเฮอริเคน 2 ลูก ในเวลาใกล้เคียงกันที่มหาสมุทรแอตแลนติก เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2542 โดยพายุเฮอริเคนดังกล่าว คือ อิกอร์ กับจูเลีย ซึ่งมีกำลังแรงลมอยู่ในระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ โดยพายุอิกอร์กำลังคุกคามภูมิภาคแคริบเบี้ยน ขณะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังเบอร์มิวด้า ด้วยกำลังลม 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจพัดกระหน่ำเปอร์โตริโกกับหมู่เกาะเวอร์จิ้นในเร็ว ๆ นี้

    ส่วนพายุเฮอริเคนจูเลีย มีกำลังลมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ นอกจากนี้ มีพายุก่อตัวอีกลูกในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยเป็นพายุโซนร้อนคาร์ล ซึ่งอิทธิพลของพายุจะทำให้มีฝนตกชุกที่คาบสมุทรยูคาตัน ในเม็กซิโก

    ด้าน ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐ ในเมืองไมอามี รัฐฟลอริด้า เปิดเผยว่า พายุโซนร้อนคาร์ลอาจทำให้ชายฝั่งน้ำท่วม และมีฝนตกหนักในเม็กซิโกด้วยปริมาณความสูง 8 นิ้ว

    ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พายุโซนร้อนเฮอร์ไมน์พัดถล่มด้านตะวันออกเฉียงเหนือสุดของเม็กซิโก

    จากนั้น เข้ากระหน่ำสหรัฐ ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนักในบริเวณพรมแดนของสองประเทศ อย่างไรก็ตาม สำนักงานสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือ เอ็นโอเอเอ รายงานว่า ในปีนี้จะมีพายุเกิดขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่าง 14 ถึง 23 ลูก ซึ่งในจำนวนนี้ จะเป็นเฮอริเคนระหว่าง 8 ลูกถึง 14 ลูก และ 3 ถึง 7 ลูก จะเป็นพายุเฮอริเคนที่มีความรุนแรง ด้วยกำลังลมไม่ต่ำกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ศึกสวนสันติธรรมซัดกันเละ!พระปราโมทย์แฉไฮโซสาวผิดหวัง-เสียปย.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ความคืบหน้ากรณีกลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนา (พรศ.)

    ยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบพฤติการณ์พระปราโมทย์ ปาโมชโช(สันตยากร)เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยตั้งข้อสงสัยในเรื่องทรัพย์สินที่ยักย้ายถ่ายเทให้ นางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยา และพฤติกรรมอื่นๆ เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ทางฝ่ายพระปราโมทย์มีกำหนดที่จะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงในวันที่ 16 กันยายนนี้ที่สวนสันติธรรม จ.ชลบุรี

    ผู้สื่อข่าว"มติชนออนไลน์"รายงานว่า นายธนเดธ พ่วงพูล ทนายความซึ่งได้รับมอบอำนาจจากพระปราโมทย์ ให้เป็นผู้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนนั้น

    จะชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสวนสันติธรรม ความเป็นมาของการจัดซื้อที่ดิน การก่อสร้างสวนสันติธรรม ระบบการทำบัญชีเงินบริจาค ความสัมพันธ์กับนางสาวฐิตินาถ ณ พัทลุง ไฮโซนักเขียนชื่อดังผู้ออกมายื่นโนติสให้พระปราโมทย์คืนเงินบริจาคกว่า 4 ล้านบาท และชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่กลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนา นำโดยดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบธุรกรรมและพฤติกรรมของ

    พระโมทย์ด้วย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นความสัมพันธ์กับนางสาวฐิตินาถนั้น ฝ่ายพระปราโมทย์ได้ชี้แจงว่า สาเหตุที่นักเขียนชื่อดังออกมาร้องเรียนเพราะผิดหวังและเสียประโยชน์จากการที่ไม่ได้เป็นผู้ใกล้ชิด เนื่องจากพระปราโมทย์เห็นว่าในระยะหลังนางสาวฐิตินาถเอาชื่อพระปราโมทย์ไปรับบริจาคเงินหลายครั้ง ซึ่งพระปราโมทย์เห็นว่าไม่เหมาะสมจึงกันตัวนางสาวฐิตินาถออกมา โดยจะชี้แจงรายละเอียดในวันที่ 16 กันยายนนี้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีรณัฐ โรจนประภา ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์

    เปิดเผยภายหลังเข้ายื่นหนังสือต่อนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่า มูลนิธิบ้านอารีย์ ได้ติดตามพฤติกรรมของพระปราโมทย์มาระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่ามีพฤติกรรมอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา จึงขอให้ตรวจสอบ ดังนี้


    1.พระปราโมทย์ได้ทำการอวดอุตริมนุสสธรรม คือ การพูด บรรยาย เขียนบทความ สื่อให้ผู้ฟัง ผู้อ่าน เข้าใจได้ว่าสำเร็จเป็นอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว อันอาจเป็นเหตุนำมาซึ่งลาภสักการะ

    2.ใช้การแสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ คือ การดักทายใจของผู้ร่วมอบรมธรรมอย่างจงใจแทบทุกครั้ง อันนำมาซึ่งความเสื่อมถอยในการปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชน และ

    3.ได้เทศน์เกี่ยวกับไสยศาสตร์ อันอาจก่อให้เกิดการปิดกั้นทางปัญญาแก่พุทธศาสนิกชน และอาจก่อให้เกิดความหวาดกลัว ความเกลียดชัง ขึ้นในหมู่ชาวพุทธ อันเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ดำรงอยู่ในสมณเพศ

    "ผมเคยเป็นกรรมการของสวนสันติธรรม แต่ได้ลาออกเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าพระปราโมทย์มีลูกศิษย์ส่วนใหญ่มีชื่อเสียงในสังคม" นายวีรณัฐกล่าว

    นายนพรัตน์กล่าวว่า เบื้องต้นสั่งการไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ชลบุรี

    ตรวจสอบทรัพย์สินที่มีการบริจาคให้กับสวนสันติธรรมแล้ว ขณะเดียวกันจากการสอบถามกรณีการโอนที่ดินให้เป็นชื่อของอดีตภรรยาที่เป็นแม่ชีอยู่ที่เดียวกันนั้น ผู้อำนวยการ พศจ.ชลบุรีรายงานว่าพระปราโมทย์เคยชี้แจงเจ้าคณะจังหวัดชลบุรีแล้ว ยอมรับว่าโอนจริง เพราะอยู่ในช่วงการทำเรื่องขอสร้างวัด หากสร้างวัดเสร็จแล้วจะโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้เป็นของวัด


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อของกลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนา ที่ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบพระปราโมทย์ นอกจากดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ผู้ประสานงานแล้วยังมีบุคคลอื่นอีก 21 คน ได้แก่ อาร์ม นาครทรรพ ผู้ประสานงาน , สมยศ อนันต์นาคินทร์ ,สมภพ ไกรกาบแก้ว ,กฤตกร ไกรกาบแก้ว ,อภิชาติ ศิริรัตนพิทยากุล ,วิมล ลิ้มวิลัย,วงศ์ดุษฎี รัศมินทราทิพย์ ,วรพร ลิ้มพรภักดี ,เสาวลักษณ์ สุขเจริญโชค , โกศล โสฬสรุ่งเรือง , วราภรณ์ กาญจนวนิชกุล ,ภพกฤต ธีระกฤตานนท์ , ผณินทร อินยาสม ,ฉัตรดนัย อำภา , สมยศ ศิริล้น , พุทธชาติ ศิริล้น , มะลิ ศิริล้น , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นิลุบล เปสี ,อ้อยพร จึงวิวัฒนาภรณ์, สุดารัตน์ อินยาสม และ ไตรเทพ เลิศวิริยะวิทย์

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนาอ้างว่าการร้องเรียนครั้งนี้ มิได้มีวัตถุประสงค์ในการทำลายศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อพระพุทธศาสนา หรือทำลายชื่อเสียงของบุคคลหนึ่งบุคคลใด เพื่อให้ได้มาซึ่ง ผลประโยชน์ส่วนตนแต่อย่างใด การออกมาดำเนินการทั้งหมดนี้ เป็นไปตามหน้าที่อันพึงกระทำของพุทธบริษัทสี่

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :หมูอ้วน (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันพฤหัสบดี ที่ 16 กันยายน 2553 เวลา 07:37 น.] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เปิดคำแถลงพระปราโมทย์ให้อดีตเมียคุมบัญชีเพราะธรรมยุติฯ จับเงินไม่ได้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันที่ 16 กันยายน 2553 นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความของพระปราโมทย์ ปาโมชโช(สันตยากร)เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้เปิดแถลงข่าวที่สวนสันติธรรม เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และถูกนางสาวฐิตินาถ ณ พัทลุง ไฮโซนักเขียนดัง ร้องเรียนพฤติกรรมและการทำธุรกรรมทางการเงินของสวนสันติธรรมและนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยา


    "มติชนออนไลน์"นำคำแถลงของพระปราโมทย์มานำเสนอดังนี้

    ข้อเท็จจริงกรณีของหลวงพ่อปราโมทย์ และสวนสันติธรรม

    การแถลงข่าวในครั้งนี้กระทำโดยตัวแทนของผู้มาปฏิบัติธรรมในสวนสันติธรรม มิใช่เกิดจากเจตนารมย์โดยตรงของหลวงพ่อปราโมทย์ ด้วยเหตุว่าปัจจุบันมีกลุ่มของผู้ไม่หวังดีที่ได้กระทำการโดยมีเจตนาจะทำลายชื่อเสียงอันดีงามของหลวงพ่อปราโมทย์ และของสวนสันติธรรม ทางสวนสันติธรรมจึงได้มอบหมายให้ตัวแทนดำเนินการจัดให้มีการแถลงข้อเท็จจริงในวันนี้ให้กับสวนสันติธรรมวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสวนสันติธรรม นั้น ได้จัดตั้งขึ้นมาตามความประสงค์ของผู้มีจิตศรัทธาต่อหลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และศึกษาธรรมของผู้ที่มีจิตศรัทธา และความประสงค์จะเข้ามาศึกษาธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ โดยในช่วงแรกได้จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์ศึกษาปฏิบัติธรรมซึ่งไม่ใช่นิติบุคคล ในการดำเนินการจัดสร้างนั้นเริ่มต้นด้วยการจัดซื้อที่ดิน ในช่วงของการซื้อที่ดินคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งเป็นผู้บริจาคเงินบางส่วน ได้ร้องขอเป็นผู้ซื้อที่ดิน แต่ทางหลวงพ่อขอให้ใช้ชื่อของแม่ชีอรนุชเนื่องจากว่าไว้วางใจมากกว่า จึงทำให้มีชื่อของแม่ชีอรนุช เป็นเจ้าของที่ดินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 มิใช่การโอนถ่ายให้แก่แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด

    ในการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้าง และตลอดจนการดำเนินงานของสวนสันติธรรมได้กระทำอย่างโปร่งใส มีบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ได้เข้ามารับรู้และทราบเรื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งสวนสันติธรรมก็ไม่เคยมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก หรือไม่เคยมีเรื่องการยักย้ายทรัพย์สินตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

    และในการบริหารเงินที่ได้รับบริจาคมาของสวนสันติธรรม ท่านแม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นในช่วงแรกที่คุณฐิตินาถวางมือก่อนสร้างสวนสันติธรรมเสร็จ โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะคือ

    1. ระยะก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของท่านแม่ชีอรนุชร่วมกับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่ายเนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุล เป็นผู้ถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของท่านแม่ชีอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม

    2. ระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถวางมือเนื่องจากมีภาระส่วนตัว ท่านแม่ชีอรนุชจึงต้องรับภาระดูแลบัญชีตามลำพัง ในช่วงธันวาคม 2549 เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิมโดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของท่านแม่ชีอรนุชตามลำพัง เนื่องจากคุณฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 สิงหาคม 2551 ในนามของท่านแม่ชีอรนุช คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน ท่านแม่ชีอรนุชจะทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่คุณอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 มกราคม 2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด

    1.1.3 ระยะปัจจุบัน เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้ท่านแม่ชีอรนุชทำหน้าที่เพียงการควบคุมการเบิกจ่ายเงินสดย่อย และสรุปยอดบัญชีรายเดือนส่งให้คุณสุรพล ซึ่งได้จ้างนักบัญชีตรวจสอบบัญชีอีกชั้นหนึ่งด้วย


    เงินบริจาคของสวนสันติธรรมจะมาจาก 2 ทาง คือ ส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีโดยตรง และจากญาติโยมที่เข้ามาฟังธรรมและได้บริจาคแด่สงฆ์ที่อยู่ในสวนสันติธรรมเพื่อบำรุงสวนสันติธรรม ซึ่งเงินในส่วนที่สองนี้จะมีอาสาสมัครคอยดูแล และตรวจนับ มีการลงรายการรับไว้ครบถ้วน และทางสวนสันติธรรมจะมีการใช้เงินอย่างมีระบบเอกสารการเบิกจ่ายครบถ้วนตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>อนึ่งการที่หลวงพ่อปราโมทย์ได้มอบหมายให้ท่านแม่ชี อรนุช รับมอบอำนาจดำเนินการควบคุมการเบิกจ่ายเงินของสวนสันติธรรมแทนหลวงพ่อปราโมทย์

    และดูแลบัญชีเป็นบางคราว นั้น เนื่องจากท่านหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านเป็นพระในสายของธรรมยุตินิกาย ซึ่งจะไม่มีสามารถจับต้องหรือเก็บเงินทอง หรือซื้อทรัพย์สินใดๆ เองได้ ทั้งสิ้น และในสวนสันติธรรมไม่มีอุบาสกอยู่ประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องให้ท่านแม่ชี อรนุชดูแลแทน และที่ผ่านมาท่านแม่ชีก็ได้ร้องขอต่อหลวงพ่อปราโมทย์บ่อยครั้ง ที่จะให้หาคนมาทำงานแทน เพื่อท่านแม่ชีจะได้บำเพ็ญภาวนาได้เต็มที่ต่อไป

    และนอกจากนี้เกี่ยวกับที่ดินของสวนสันติธรรมตามที่เป็นข่าว ภายหลังจากที่จัดสร้างสวนสันติธรรมแล้วเสร็จ

    ในช่วงแรกมีผู้เห็นว่าการตั้งเป็นวัดนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก และในตอนนั้นยังไม่เหมาะสมจึงยังไม่ดำเนินการ และต่อมาในเดือนมกราคม 2553 เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัวและพร้อมแล้ว หลวงพ่อปราโมทย์ก็ได้ให้ท่านแม่ชีอรนุช ยื่นเรื่องขอยกที่ดินแปลงที่เป็นที่ตั้งของสวนสันติธรรมให้มีการจัดตั้งเป็นวัดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 โดยทำสัญญากับท่านนายอำเภอศรีราชา และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอนุญาตต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่
    เกี่ยวข้องให้สวนสันติธรรมมีฐานะเป็นวัดต่อไป


    ประเด็นข้อร้องเรียนของนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ

    ข้อร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้สวนสันติธรรม เพราะพบว่า

    1.พระปราโมทย์มอบอำนาจให้แม่ชีอรนุชเป็นผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีการตั้งคณะกรรมการดูแล
    2.ที่ดินเปลี่ยนชื่อเป็นของแม่ชีอรนุช


    ข้อเท็จจริง
    1. ระบบการเงินและบัญชีของสวนสันติธรรม

    1.1 บัญชีสวนสันติธรรม แม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว โดยบัญชีเงินรับบริจาคของสวนสันติธรรม มีพัฒนาการเป็น 3 ระยะคือ

    1.1.1 ระยะก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของแม่ชีอรนุชร่วมกับคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดยคุณฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่ายเนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และคุณธนา รุจิพัฒนกุลเป็นผู้ถือถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของแม่ชีอรนุชและคุณฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม

    1.1.2 ระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้างคุณฐิตินาถวางมือเนื่องจากมีภาระส่วนตัว แม่ชีอรนุชจึงรับภาระดูแลบัญชีตามลำพังในช่วงธันวาคม 2549 เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิมโดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของแม่ชีอรนุชตามลำพัง เนื่องจากคุณฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 สิงหาคม 2551 ในนามของแม่ชีอรนุช คุณอภิชาติ อัศวเรืองชัย
    และคุณชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน แม่ชีอรนุชจะทำบัญชีส่งให้คุณอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่คุณอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 มกราคม 2553 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด

    1.1.3 ระยะปัจจุบัน เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของคุณสุรพล สายพานิช คุณธนา รุจิพัฒนกุล และคุณกนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้แม่ชีอรนุชไม่ได้ดูแลเรื่องบัญชีของสวนสันติธรรมอีกต่อไป

    1.2 ระบบการเงินของสวนสันติธรรม ที่มาของรายได้ของสวนสันติธรรมมี 2 ส่วนคือ (1) ส่วนที่มีผู้บริจาคเข้าบัญชีของสวนสันติธรรม และ (2) ส่วนที่ญาติโยมที่มาฟังธรรมถวายปัจจัยแด่สงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม


    เงินส่วนแรกคนในสวนสันติธรรมไม่ได้แตะต้อง แต่เงินบริจาคใส่ตู้ถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรมนั้น จะมีขั้นตอนการทำงานดังนี้คือ
    (1) มีการตรวจนับหน้าตู้ทุกวันที่เปิดสวนสันติธรรม โดยทีมงานอาสาสมัครซึ่งก็คือผู้ที่มาฟังธรรมนั่นเอง เมื่อตรวจนับแล้วจะลงยอดรายรับในแต่ละวันแล้วส่งยอดพร้อมตัวเงินให้แม่ชีอรนุช (2) แม่ชีอรนุชจะรวมยอดรายรับแต่ละวันไว้ (3) เมื่อมีผู้เบิกค่าใช้จ่ายภายในสวนสันติธรรม จะต้องนำหลักฐานการเบิกจ่ายไปแสดงต่อแม่ชีอรนุชเพื่อขอรับเงิน (4) เมื่อมีเงินสดคงเหลือจำนวนหนึ่ง แม่ชีอรนุชจะนำเข้าฝากในบัญชีของสวนสันติธรรมเป็นระยะๆ (เงินในบัญชีแทบไม่เคยเบิกจ่ายเลย) (5) เมื่อถึงสิ้นเดือน แม่ชีอรนุชจะต้องส่งรายการรายรับรายจ่ายทั้งเดือนให้คุณสุรพล สายพานิช เพื่อลงบัญชี
    และมีผู้ตรวจสอบบัญชีอย่างเป็นระบบ

    สำหรับเหตุผลที่ต้องให้ฆราวาสดูแลการเบิกจ่ายเงินนั้น ก็เนื่องจากสวนสันติธรรมเป็นที่พักสงฆ์ของพระธรรมยุติ ซึ่งพระจะดูแลเงินเองไม่ได้เพราะผิดพระวินัย และในสวนสันติธรรมมีผู้ที่ไม่ใช่พระซึ่งอยู่ประจำเพียง 2 คน คือแม่ชีอรนุชกับคุณชยาทร เตชะไพบูลย์เท่านั้น ซึ่งทั้งสองคนจำเป็นต้องแบ่งงานกันทำ อย่างไรก็ตามเมื่อสวนสันติธรรมได้ขอตั้งเป็นวัดแล้ว จะต้องหาไวยาวัจกรใหม่ซึ่งจะเป็นผู้ชาย ขณะนี้ได้ทาบทามผู้ที่สงฆ์ไว้วางใจได้ไว้แล้ว


    2.การซื้อที่ดินของสวนสันติธรรม

    2.1 เดิมหลวงพ่อปราโมทย์จำพรรษาอยู่ที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ต่อมาในปี 2548 คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ได้พยายามขอสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมใหม่ถวาย โดยตกลงกันว่าคุณฐิตินาถและครอบครัวจะรับภาระค่าใช้จ่ายเอง เนื่องจากหลวงพ่อปราโมทย์ไม่ชอบการเรี่ยไร

    2.2 ต่อมาคุณฐิตินาถได้แจ้งให้หลวงพ่อปราโมทย์ทราบว่า จำเป็นต้องขอเรี่ยไรเงินค่าซื้อที่ดินประมาณ 6 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ คุณฐิตินาถและครอบครัวจะรับผิดชอบเอง หลวงพ่อปราโมทย์จึงยินยอม (แต่ต่อมาก็มีการเรี่ยไรค่าก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง) และในขั้นตอนการซื้อที่ดินนั้น เกิดปัญหาว่าจะใช้ชื่อผู้ใดเป็นผู้ซื้อที่ดิน เพราะหลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระ จะไปซื้อที่ดินด้วยตนเองไม่ได้ ชั้นแรกคุณฐิตินาถขอให้ใช้ชื่อตนเอง แต่หลวงพ่อปราโมทย์ขอให้ใช้ชื่อแม่ชีอรนุชแทนเพราะไว้วางใจมากกว่า ดังนั้นที่ดินของสวนสันติธรรมจึงเป็นชื่อของแม่ชีอรนุชมาตั้งแต่ต้นคือเมื่อ 18 ตุลาคม 2548 ไม่ใช่การโอนให้แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด

    2.3 นับตั้งแต่กรรมการสวนสันติธรรมส่วนหนึ่งลาออกเมื่อกลางเดือนมกราคม 2553 หลวงพ่อปราโมทย์พร้อมด้วยสงฆ์และกรรมการสวนสันติธรรม เห็นพร้อมกันว่าน่าจะขอตั้งสวนสันติธรรมให้เป็นวัด เพื่อให้มีสถานะที่ชัดเจนในทางกฏหมาย (ที่ผ่านมาได้รับคำแนะนำจากหลายท่านว่า การตั้งเป็นวัดอาจทำให้ขาดความคล่องตัวในการทำงานเผยแผ่พระศาสนา) จึงดำเนินเรื่องขอตั้งวัดมาตามลำดับ โดยแม่ชีอรนุชได้ลงนามในสัญญากับนายอำเภอศรีราชาเมื่อ 23 มีนาคม 2553 ยกที่ดินให้สร้างวัด ดังนั้นที่ดินของสวนสันติธรรมในขณะนี้ จึงเป็นที่ดินที่ติดสัญญา และจัดว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ ม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้อีกแล้ว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    10 อันดับวัดสวยที่สุดในโลก

    1 - Tiger's Nest Monastery, Phutan

    [​IMG]

    ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุด ของภูฐาน ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 700 เมตร
    จากพื้นล่างในหุบเขาปาโร และด้วยระดับความสูง 3,120 เมตร
    จากระดับน้ำทะเล ฉายาว่า “รังเสือ” ของวัดนี้ ได้มาจากตำนานเก่า
    ที่เล่าว่า พระรินโปเช (Padmasambhava - Guru Rinpoche)
    ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่นิกายมหายานในภูฐาน ได้เหาะมาที่นี่บนหลังเสือ
    และได้เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ เป็นเวลาถึง 3 เดือน
    หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2227 จึงเริ่มมีการสร้างวัดขึ้น

    2 - Wat Rong Khun in Chiang Rai
    |
    [​IMG]

    วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ออกแบบและก่อสร้างโดย
    อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัด
    ให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540
    จากเดิมมีเนื้อที่ 3 ไร่ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มและมีผู้บริจาคคือ
    คุณวันชัย วิชญชาคร จนปัจจุบันมีเนื้อที่ 9 ไร่


    3 - Prambanan : Hindu temple, Indonesia
    [​IMG]

    วัดฮินดูพรัมบานัน : Prambanan Temple
    พรัมบานันเป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียหรือจะเรียกว่า
    ใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์เลยก็ได้ ตั้งอยู่ที่เมืองพรัมบานัน
    ตอนกลางของเกาะชวา และอยู่ไม่ไกลจากยอกยากาตาร์มากนัก
    วัดถูกสร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 1340 โดยสันนิษฐานว่า
    น่าจะสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ Rakai Pikatan
    จากราชวงศ์ Mataram ที่ 2 หรืออาจะสร้างในสมัยกษัตริย์
    Balitung Maha Samba จากราชวงศ์ Sanjaya
    ได้รับความเสียหายมากในช่วงปี 2006 เพราะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่นี่


    4 - The Shwedagon Paya (or Pagoda), Myanmar

    [​IMG]

    พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ
    เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุ
    พระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น
    ตามตำนาน เจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างเมื่อง 2,500 ปีที่แล้ว
    แต่นักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6-10
    สร้างโดยชาวมอญ ตามตำนานนั้นเริ่มจากว่า มีสองพี่น้อง
    พ่อค้า 2 คน ได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ามา พระองค์จึง
    ประทานพระเกศามา 8 เส้น พระเจดีย์ได้ถูกทิ้งร้าง
    จนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 รัชสมัยพระเจ้าพินยาอู
    ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ใหม่สูง 18 เมตร
    พระเจดีย์ได้ถูกซ่อมแซมมาเรื่อยมา จนมามีความสูง 98 เมตรในปัจจุบัน
    บนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่ 5,448 เม็ด โดยเฉพาะ
    ชั้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่ 72 กะรัต และทับทิม 2,317 เม็ด

    5 - Temple of Heaven : a Taoist temple in Beijing

    [​IMG]

    หอฟ้าเทียนถานเป็นสถานบวงสรวงเทพยดาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
    ซึ่งยังคงรักษาไว้ในจีน ประกอบด้วยตําหนักฉีเหนียนเตี้ยน ตําหนักหวงฉงอี่
    และลานหยวนชิว เป็นต้น เทียนถานตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักกิ่ง
    มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๗๓ เฮกต้าร์ เป็นสถานซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง
    และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา ในระยะย่างเข้าฤดูหนาว
    ถึงเดือนอ้ายตามจันทรคติทุกปี พระจักรพรรดิจะเสด็จไปประกอบ
    พระราชพิธีบวงสรวงที่นั่นเพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้ผลอุดม

    6 - Chion-in Temple : Kyoto, Japan

    [​IMG]

    วัดจิออนอิน (Chion-in temple) พื้นที่ของวัดนั้ใหญ่โตอลังการ
    แทรกตัวอยู่ในเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมาก
    วัดนี้สร้างในปี ค.ศ. 1234 เพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ก่อตั้ง
    ศาสนาพุทธนิกายโจโด เป็นนักบวช ชื่อว่า Honen

    7 - Borobudur, Indonesia

    [​IMG]

    บุโรพุทโธ ( Borobudur ) พุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์
    ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8-9 โดยกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร
    ตั้งอยู่บนเนินสูงของเกาะชวาภาคกลาง ห่างจากเมือง
    ยอกยากาตาร์ ( Yogyakata ) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
    ประมาณ 40 กิโลเมตร ถือเป็นโบราณสถาานขนาดใหญ่
    และเป็นศูนย์รวมแห่งความภาคภูมิใจของชาวอินโดนิเซีย
    และชาวพุทธทุกคน ซึ่งหวังจะไปแสวงบุญสักครั้งในชีวิต
    เจดีย์บุโรพุทโธรูปทรงดอกบัวนี้ก่อสร้างตามแบบศิลปะฮินดู-ชวา
    หรือศิลปะชวาภาคกลางที่ผสมผสาานระหว่างอินเดียและอินโดนีเซีย
    ได้อย่างกลมกลืนที่สุด บุโรพุทโธเปรียบเป็นศูนย์กลางของจักรวาล

    8 - The Harmandir Sahib : the Golden Temple in Punjab

    [​IMG]

    วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ หรือ วิหารทองคำ เป็นวิหารที่สำคัญที่สุด
    ในศาสนาซิก ตั้งอยู่ที่เมืองอัมริตสาร์ เมืองหลวงของ
    แคว้นปัญจาบ ทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย

    9 - The Temple of Srirangam
    ( Sri Ranganathaswamy Temple)


    [​IMG]

    วัดนี้อยู่ในประเทศอินเดีย เมือง Tiruchirapalli
    หรือ Trichy เป็นวัดของศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    10 - Ankor Wat : the largest temple in history

    [​IMG]

    ปราสาทนครวัด (Angkor Wat) เป็นเทวสถานฮินดูลัทธิไวษณพนิกาย
    ที่นับถือพระวิษณุเป็นเทพเจ้าสูงสุด สร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
    เมื่อช่วงครึ่งแรกคริสต์ศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศถวาย
    แด่องค์พระวิษณุที่พระองค์เชื่อว่า เป็นร่างของพระองค์เอง
    ในขณะที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และหลังจากสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
    ศาสนสถานแห่งนี้ ก็จะเป็นพระราชสุสานที่พระองค์
    จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระวิษณุ

    ติดตามเรื่องดีมีไว้ที่นี่อีกเพียบ..คลิ๊กเลย
     
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก

    [​IMG] <INPUT id=get_var value=&cate_id=29&post_id=417149 type=hidden> <SELECT style="WIDTH: 40px" onchange="search(this.value,'/view_picpost.php')" name=page> <OPTION label=1 selected value=1>1</OPTION> <OPTION label=2 value=2>2</OPTION></SELECT> / 2 [​IMG] [​IMG]<SCRIPT>function search(value,page){ window.location=page+'?page='+value+document.getElementById("get_var").value;}</SCRIPT>
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 441 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 600 x 360 pixel
    Ice Flowers เป็นอีก 1 ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่สร้างความตกตลึงให้แก่ผู้พบเห็น เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นบนทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็ง และเกิดมีเกร็ดน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นช่อดอกไม้สีขาวกลีบบางผุดขึ้นมาเต็มพื้นน้ำแข็ง
    Tags : ธรรมชาติ


    ความคิดเห็นที่ 3 : ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก 12 Sep 2010, 14:20 [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] รูปขนาด 600 x 389 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 620 x 424 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 620 x 415 pixel
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้
    ปรากฏการณ์ ดินเดินได้ เกิดจากมนุษญ์ หรือ สัตว์ หรือไม่

    จาก ลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้นบ่งบอกได้ว่ าหินก้อนนั้นต้อง เคลื่อนที่ในช่วงที่พื้นของเรซแทรค พลาย่านั้นถูกปกคลุมด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้อง มีร่องรอยของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดิน เหนียวด้วย แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือ สัตว์ที่จะช่วยให้หิน เคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น
    prame9 [​IMG] โพสไปแล้ว 2079 ครั้ง
    <HR color=#b0ad27>



    ความคิดเห็นที่ 4 : ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก 12 Sep 2010, 14:27 [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 459 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 525 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 446 pixel
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล ( Ice Circle )
    ce Circle ไอส์เซอร์เคิ้ล เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่พบเห็นได้ยาก และสมมุติฐานที่เป็นที่ยอมรับกันถึงสาเหตุการเกิดปรา กฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล นี้เกิดจากการที่ ผิวน้ำเริ่มก่อตัวเป็น น้ำแข็งจากบริเวณกึ่งกลางของผิวน้ำ แล้วค่อยๆก่อตัวตามขอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต้องประกอบกับแหล่งน้ำจะต้องไหลเอื่อยๆ เพื่อให้เกิด น้ำแข็ง สามารถก่อ ตัวบริเวณขอบ ขณะหมุนขยายตัวออกมาเรื่อยๆ จนไปชนกับขอบน้ำแข็งแผ่นอื่นๆ ไอส์เซอร์เคิ้ล บางแผ่นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 150 เมตร อาจจะพบอยู่เดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่มก็ได้
    prame9 [​IMG] โพสไปแล้ว 2079 ครั้ง
    <HR color=#b0ad27>



    ความคิดเห็นที่ 5 : ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก 12 Sep 2010, 14:31 [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 525 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 466 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 525 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 480 pixel
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมฆจานบิน
    เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แสนประหลาด และสวยงาม มันช่างดูคล้าย จานบิน ไม่มีผลิต และหากปรากฏการณ์ เมฆรูปทรงเลนส์ ก็ขึ้นในสมัยก่อน รูปภาพวัตถุบินลึกลับ ต่างที่มีการจารึกไว้ก็อาดเป็น ปรากฏการณ์นี้ก็เป็นไปได้
    prame9 [​IMG] โพสไปแล้ว 2079 ครั้ง
    <HR color=#b0ad27>



    ความคิดเห็นที่ 6 : ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก 12 Sep 2010, 14:35 [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] รูปขนาด 701 x 526 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 525 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 525 pixel
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เมฆสวยที่สุดในโลก
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่จะทำให้เมฆเกิด เป็นเซล เป็นปุ่มเล็กปุ่มน้อย คล้ายถุงห้อยลงมาจากท้องฟ้า โดยคำว่า “mammatus” มาจากภาษาลาติน mamma แปลว่าเต้านม ซี่งมาจากการที่ก้อนเมฆมีลักษณะคล้าย เต้านมของวัว โดยแต่ละปุ่มมีขนาดใหญ่ 1 – 3 กิโลเมตร ยืนยาวลงมาประมาณ 0.5 กิโลเมตร เรียงรายยาวหลายร้อยกิโลเมตร ปรากฏการณ์ นี้อาดเกิดขึ้น 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ปรากฏการณ์ เมฆ แมมมะทูส มีส่วนเชื่อมโยงกับ การเกิดพายุใหญ่ หรือก่อนเกิดพายุ ทอร์นาโด
    prame9 [​IMG] โพสไปแล้ว 2079 ครั้ง
    <HR color=#b0ad27>



    ความคิดเห็นที่ 7 : ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก 12 Sep 2010, 14:39 [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 467 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 462 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 495 pixel
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สายฟ้าแห่งภูเขาไฟสวยที่สุดในโลก
    Volcanic Lightning เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเกิด ภูเขาไฟระเบิด จะเกิด พายุสายฟ้า ขึ้นในเถ้าภูเขาไฟที่กำลังพวยพุ่งขึ้นเหนือ ภูเขาไฟ โดยนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นพบสาเหตุ ของ ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐานว่า ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง นั้นน่าจะคล้ายการเกิด พายุสายฟ้า ( Thunderstorms ) และในการสัมนาเกี่ยวกับสภาวะอากาศ TPOD เมื่อ 17 กันยายน 2004 เหล่านักวิทยาศาสตร์ ได้สัมนากันว่าปรากฏการณ์นี้ อาดเกิดจากการที่อนุภาคของเถ้าภูเขาไฟเกิดการพุ่งชนก ัน ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ขึ้นในอนุภาคของเถ้าภูเขาไฟ และเป็นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าขี้น ขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด และเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีสมมุติฐานใหม่ ว่าอาดเกิดจากที่เม็กม่า ได้ปลดปล่อยความชื้นออกมา
    prame9 [​IMG] โพสไปแล้ว 2079 ครั้ง
    <HR color=#b0ad27>



    ความคิดเห็นที่ 8 : ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก 12 Sep 2010, 14:42 [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 418 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 460 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 404 pixel
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ รุ้งกินน้ำสวยที่สุดในโลก
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากการที่แสง ได้เกิดการหักเหของแสงที่เกิดขึ้นในระอองน้ำ สะท้อนออกมาทำให้เห็นสีของแสงทั้ง 7 สี คือ สี ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง
    prame9 [​IMG] โพสไปแล้ว 2079 ครั้ง
    <HR color=#b0ad27>



    ความคิดเห็นที่ 9 : ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก 12 Sep 2010, 14:45 [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 525 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 366 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 471 pixel
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ กองทัพคลื่นแห่งแม่น้ำอเมซอน ( Pororoca )คือ ปรากฏการ์ณธรรมชาติ ที่จะเกิดประมาณ สองปีครั้ง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม จากการที่น้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติก ( Atlantic Ocean ) ไหลย้อนขึ้นมาใน แม่น้ำอเมซอน ประเทศบราซิล และก่อให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ คลื่นน้ำที่วิ่งต่อๆกันมา ยาวที่สุดในโลก บริเวณปากแม่น้ำ

    ลักษณะ ของ กองทัพคลื่น แห่ง แม่น้ำอเมซอน โดยปรากฏการณ์นี้ได้ชื่อว่า ” Pororoca ” ซึ่งมาจากภาษาพื้นนเมืองของชนเผ่า Tupi ที่แปลว่า มหาเสียงกัมปนาท “great destructive noise” เนื่องจากเสียงจากการเกิดคลื่นนี้สามารถได้ยินล่วงหน้ากว่า 30 นาที ก่อนที่คลื่นจะเคลื่อนตัวมาถึง และมันยังทรงไปด้วยอนุภาพในการทำลายล้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่ บ้านชาวพื้นเมือง รวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่หาญกล้าท้าทายมัน แต่ก็ยังมีมนุษย์ที่ไม่ยำเกรงมัน กับหลงไหลในพลกำลัง รวมตัวกันโต้คลื่นโดยเริ่มตั้งแต่ปี 1999 แต่นั้นก็เต็มไปด้วยอันตราย เนื่องจากคลื่นน้ำนั้น เต็มไปด้วย เศษไม้ ซุง ซึ่งพร้อมจะเข้ามากระแทรกนักโต้คลื่นได้ทุกเวลา จากการบันทึก นักโต้คลื่นชาวบราซิลเรี่ยน ชื่อว่า Picuruta Salazar สามารถโต้คลื่นได้เป็นระยะทางกว่า 12.5 กิโลเมตร เป็นเวลากว่า 37 นาที
    prame9 [​IMG] โพสไปแล้ว 2079 ครั้ง
    <HR color=#b0ad27>



    ความคิดเห็นที่ 10 : ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาของโลก 12 Sep 2010, 14:48 [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 448 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 700 x 394 pixel
    [​IMG] รูปขนาด 760 x 1169 pixel
    ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทะเลโฟม ( Whipping Cream Ocean )ป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทางเหนือของ เมืองซิดนี่ย์ ( Sydney ) ที่ยัมบา ( Yamba ) ของ นิวเซาธ์เวลส์ ( New South Wales ) และได้แปรเปลี่ยนชายฝั่งเป็น คาปูชิโนใน ( Cappuccino Coast ) ฟองโฟนได้ กลืนกินทั้งหาด และอาคารสิ่งก่อสร้างไปกว่าครึ่งหลังที่ก่อสร้างอยู่ ริมชายหาด ไม่เว้นแม้แต่ศูนย์หน่วยกู้ภัยชายหาดท้องถิ่น ฟองโฟนนี้นกินอาณาบริเวณออกไป กว่า 30 ไมล์จากชายฝั่ง

    โดยนักวิทยา ศาสตร์ได้อธิบายถึงสาเหตุของ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้ไว้ว่าเกิดจาก ความบังเอิญหลายอย่างที่ลงตัว ฟองโฟมเหล่านี้ไม่ได้เกิดสิ่ง สวยงาม แต่มันเกิดจาก สิ่งสกปรกต่างๆ ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ทำให้ทะเลสกปรก , เกิดจากเกลือ , เกิดจากปฎิกริยาทางเคมี , การเน่าเปื่อยของซากพืช ซากสัตว์ในทะเล ปลา ที่เกิดจากน้ำเสียที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น เมื่อทุกอย่างมารวมตัวกันด้วยส่วนผสมที่ลงตัว และมีคลื่นที่เคลื่อนตัวแล้วม้วนตัวลงก็จะทำให้เกิดฟ อง และเมื่อคลื่นได้เคลื่อนมากระทบฝั่งจะคลายฟอง ออกมาสะสมอยู่ที่ริมชายหาดสะสมตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
    prame9 [​IMG] โพสไปแล้ว 2079 ครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ตะลึง! ซากปลามหาศาล ลอยอืดเหนือผิวน้ำ
    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ภาพซากปลาจำนวนมหาศาลในแม่น้้ำามิสซิสซิปปี หลุยส์เซียนา ทางตอนกลางของสหรัฐ ลอยตายเหนือผิวน้ำ ไม่เพียงแต่กลุ่มของปลาเท่านั้น แต่สัตว์ทุกชนิดอย่าง กุ้ง หอย ปู ปลา ที่อาศัยอยู่ในน้ำก็ตายเช่นเดียวกัน
    ด้านนักชีววิทยา ผู้ดูแลในพื้นที่ ชี้แจงว่า สาเหตุเกิดจากภาวะออกซิเจนในน้ำมีปริมาณน้อย และปลาก็ตายในที่สุด ซึ่งทางนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตั้งข้อสงสัยว่า อาจจะเกิดจากน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่แม่น้ำ ทำให้ปริมาณออกซิเจนมีน้อย
    ชาวบ้านที่อาศัยบริเวณนั้นกล่าวว่า นับว่าเป็นการตายของสัตว์น้ำจำนวนมหาศาลเท่าที่เคยเห็นมา พร้อมทั้งส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วบริเวณ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    โดย ทีมข่าว Mthai
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    น้ำจืดท่วมบ่อบาดาล ชาวบ้านชนบทบางส่วน ไม่มีน้ำใช้ นี่ก็เดือดร้อน ถ้าน้ำทะเลท่วมคลองประปาล่ะ




    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เหนือ-อีสานไม่มีน้ำใช้ หลังน้ำท่วมบ่อบาดาลกว่า 3 หมื่นบ่อ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>16 กันยายน 2553 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ฝนตกน้ำท่วมในภาคเหนือและอีสานในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีบ่อน้ำบาดาลถูกน้ำท่วมถึง 33,980 บ่อ

    เป็นบ่อที่ได้รับการป้องกันน้ำท่วมถาวรแล้ว 1,277 บ่อ และมีประชาชน 93 อำเภอ 25 จังหวัด กว่า 506,000 คน กำลังเดือดร้อนไม่มีแหล่งน้ำสะอาดใช้

    ดังนั้น กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจึงเร่งออกแจกจ่ายน้ำดื่มสะอาดบรรจุขวดกว่า 30,000 ขวด และนำรถเคลื่อนที่ออกแจกจ่ายน้ำใช้ให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ขณะเดียวกันเร่งซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า เป่าล้างทำความสะอาดบ่อ ซ่อมแซมระบบน้ำประปา บาดาลหมู่บ้านในพื้นที่ที่น้ำลด เพื่อที่จะบรรเทาความเดือดร้อน

    โดยเดือนนี้สามารถเป่าล้างบ่อได้เพิ่มอีก 19 บ่อ ซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าบ่อลึกเพิ่มอีก 24 บ่อ ซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้านได้อย่างเต็มรูปแบบเพิ่มอีก 2 แห่งด้วย

    http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000130204&Keyword=%b9%e9%d3%b7%e8%c7%c1]Manager
    </TR></TBODY></TABLE></TR></TBODY>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  14. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

    .
    หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา รายงานข่าวว่า ในสัปดาห์นี้ รถถังรุ่น T55 จำนวน 50 คัน และ ยานยนต์หุ้มเกราะ อีก 44 คัน ที่ทางกองทัพสั่งเข้ามาจากยุโรปตะวันออก จะมาถึงประเทศกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่กองทัพกัมพูชาปฏิเสธ ที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
    ด้านนายกอย เกือง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กัมพูชาได้จัดซื้อยุทโธปกรณ์ดังกล่าวจริง ซึ่งจะถูกจัดส่งสินค้ามาทางเรือ และจะมาถึงในไม่ช้านี้ โดยมีจำนวน 94 คัน
    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ยังกล่าวว่า การที่กองทัพสั่งซื้อยุทโธปกรณ์ในครั้งนี้ กัมพูชาไม่ได้ต้องการที่จะคุกคามใคร ถึงแม้จะมีปัญหาขัดแย้งตามแนวชายแดนกับประเทศไทยมาเป็นเวลานาน จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารของทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตไปแล้วหลายนาย
    แต่การเสริมยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาในครั้งนี้ เป็นการสร้างศักยภาพทางการทหารของกัมพูชา และเพื่อป้องกันการรุกราน จากประเทศอื่น
    ด้านสำนักข่าวเอพีและเอเอฟพี เปิดเผยว่า การเสริมเขี้ยวเล็บของกัมพูชามีขึ้นขณะที่กรณีพิพาทบริเวณชายแดนระหว่าง ไทย-กัมพูชายังคุกรุ่นยืดเยื้อ หลังเกิดการปะทะกันหลายครั้งจนทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>เตรียมอพยพชาวบ้านเชียงใหม่หนีน้ำท่วม
    น้ำป่าไหลหลากเชียงใหม่สะพานขาดหลาย ทหารเร่งช่วยเหลือ เตือนประชาชนเตรียมอพยพชาวบ้านหนี
    เมื่อวันที่ 16 ก.ย. พ.อ.สุพจน์ มาลานิยม ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 32 (นพค.32) อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้จัดส่งกำลังพลพร้อมอุปกรณ์ รถบรรทุก รถแบ็คโฮ เข้าช่วยเหลือชาวบ้านพื้นที่ใน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ หลังจากมีน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วม ทำให้ได้รับความเสียหาย 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลโหล่งขอด และตำบลแม่ปั๋งรวม 11 หมู่บ้าน ตำบลโหล่งขอด เสียหายมากถึง 9 หมู่บ้าน ได้แก่หมู่บ้านทุ่งแดง บ้านป่าแต้ว บ้านนาเม็ง บ้านแม่บอน บ้านป่าห้า บ้านหลวง บ้านแม่สายป่าเมี้ยง บ้านฮ่างต่ำ บ้านแม่สายนาเลา มีผู้ได้รับความเดือดร้อน 400 กว่าครัวเรือน ดินโคลนทะลักเข้าท่วมนาข้าว 400 ไร่ สวน 100 ไร่ บ่อเลี้ยงปลา และบ่อเก็บน้ำเพื่อการเกษตร 10 บ่อ และคอสะพานขาด 4 แห่ง ถนนขาด 6 สาย ฝาย 15 แห่ง ท่อระบายน้ำข้ามถนน 2 แห่ง ค่าความเสียหายประมาณ 6 ล้านบาท

    พ.อ.สุพจน์ ผบ.นพค.32 เปิดเผยว่า การช่วยเหลือเร่งด่วนนี้ทาง นพค 32 จะจัดทำให้ทุกอย่างใช้ได้ในลักษณะชั่วคราวไปก่อนเพราะจะทำพร้อมกันนั้นคงไม่ทันเพราะเกิดความเสียหายมากในหลายพื้นที่ โดยช่วงแรกก็จะจัดทำถนนและคอสะพานให้ประชาชนและรถยนต์ สัญจรไปมาได้ก่อนส่วนทางหน่วยงาน อบต.และทางอำเภอก็ต้องจัดสรรงบประมาณจากทางจังหวัดเข้ามาช่วยอีกด้านหนึ่ง ถึงจะช่วยแก้สถานการณ์ได้เร็วขึ้น

    ด้านนายประจญ ปรัชญ์สกุล หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดผยว่า จากเหตุน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ ก็ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ประสานงาน นพค.32 เชียงใหม่ ในการช่วยเหลือซ่อมแซมสะพานและขนดินโคลนที่กีดขวางออก สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่นั้นที่ อำเภอแม่ออน จ.เชียงใหม่ อยู่ในสภาพวิกฤติ โดยระดับน้ำแม่ทาซึ่งไหลไปจังหวัดลำพูนขึ้นสูงจนพ้นริมตลิ่งแล้ว ตลอดจนฝนที่ตกลงมาอย่างหนักถึง 102 มิลลิเมตร เบื้องต้นได้แจ้งให้ทางฝ่ายปกครอง ได้เตือนประชาชนที่อาศัยในที่ราบลุ่มได้ขนย้ายอพยพออกจากพื้นที่เสียงภัยต่างๆแล้ว หากยังมีการตกอย่างต่อเนื่องอีก คงเกิดน้ำท่วมอย่างหนักแน่นอน

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>วธ.จัดกิจกรรมเข้าวัดปฏิบัติธรรมชวนประชาชนเข้าวัดทำบุญทุกวันพระ
    กรุงเทพฯ 16 ก.ย.- นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานเปิดกิจกรรม เข้าวัดปฏิบัติธรรม วันธรรมสวนะ (วันพระ) ซึ่งจัดโดยกรมการศาสนา ที่วัดราษฎร์บำรุง เขตบางแค มีข้าราชการ นักเรียนนักศึกษา และประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นทุกวันพระ หมุนเวียนไปตามวัดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยครั้งต่อไปจะจัดในวันที่ 23 กันยายน ที่วัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า กิจกรรมนี้ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะให้ประชาชนได้มีโอกาสศึกษาหลักคำสอนของพุทธศาสนา การเข้าวัดฟังธรรมเพื่อนำหลักธรรมคำสอนไปใช้ในชีวิตประจำวัน โครงการนี้จัดมาตั้งแต่ปี 2549 เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มีการนำร่องในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ขอความร่วมมือวัดต่าง ๆ จัดงานนี้ขึ้น และปีหน้าจะขยายไปยังวัดทั่วประเทศ แต่หากมีวันพระตรงกับวันทำงานปกติ ประชาชนอาจจะไม่สะดวกในการเข้าวัดทำบุญ จึงจะเตรียมโครงการให้เข้าวัดปฏิบัติธรรมวันอาทิตย์ ซึ่งจะแถลงข่าวเปิดตัวโครงการในเดือนหน้า ทั้งนี้ วธ.ได้ตั้งเป้าให้แต่ละตำบลมีวัดอย่างน้อย 1 แห่ง เข้าร่วมโครงการ.-สำนักข่าวไทย
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    เหตุการณ์นี้มีนัยยะที่ไม่ธรรมดามากๆครับ ช่วงนี้เริ่มเป็นช่วงเก็บกวาดล้างชีวิตแบบเป็นจำนวนมากแล้วครับ

    เร่งสร้างกุศลกันเอาไว้ให้มากๆ

    พระอาจารย์เล็กท่านเมตตาเตือนว่า โลกนี้ มีคนทำดี เพียง 5เปอร์เซนต์แต่คนที่สร้างบาปอกุศลมากมายถึง 95 เปอร์เซนต์

    แต่คนดีและความดี 5เปอร์เซนต์ นั้นเป็นแรงพลังที่ช่วยเยื้อยุดให้ภัยพิบัติบรรเทาลงไปบ้าง ถ่วงดุลลงไปบ้างอย่างน่าอัศจรรย์

    ท่านเมตตาให้กำลังใจให้ทุกคนทำความดีให้มั่นคงให้สม่ำเสมอ ให้ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวครับ


    เพราะ

    ถ้าเราไม่คิดเพื่อเป็นกุศลส่วนตนเอง แต่เราทำให้ส่วนรวมเพื่อ "บุญมวลรวมประชาชาติ" จะได้ถ่วงดุลผลกรรมฝ่ายอกุศล ที่มีมากมายให้บรรเทาลง

    ผลแห่งความดีย่อมเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ครับ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    พบแล้ว ดัจญาล คือ Illuminati จอมลวงโลก

    [​IMG]


    คำทำนายสัญญาณวันสิ้นโลก(ยุคเก่า)จากศาสนาอิสลาม สัญญาณใหญ่ได้แก่

    1. อิหม่ามมะฮุดีย์จะปรากฏตัว
    2. ดัจญาลเผยโฉม
    3. ท่านศาสดาอีซา(เยซู)จะถูกส่งลงมาสู่โลกนี้อีกครั้งหนึ่ง
    4. ยะอฺญูดและมะอฺญูด จะพังกำแพงทะลุออกมาได้
    5. มีสัตว์ประหลาดออกมาจากแผ่นดิน
    6. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
    7. มีหมอกเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน
    8. เกิดไฟประลัยกัลป์ออกมาขับไล่ผู้คนไปรวม ณ. สถานชุมนุม
    9. อัลกรุอาน และความรู้จะถูกเก็บ(โดยการล้มตายของผู้รู้)
    10. อัลกะอฺบะฮฺพังทลาย

    ปฐมกาลวันสิ้นโลกตามคำทำนายในคัมภีร์อัลกุรอาน ดัจญาล = "Illuminati eye"

    1. ดัจญาลเป็นสิ่งมีชีวิต เป็นเพศชาย เป็นจอมโกหกตัวยง (Illuminati ผู้ก่อตั้งเป็นเพศชาย)

    2. ดัจญาลเป็นผู้ชายตาบอด ตาข้างหนึ่งของมันบอด ไม่มีแวว ไม่โปนบวม และยื่นออกมา (สัญลักษณ์ของ Illuminati คือดวงตา 1 ดวง)

    3. จะสังเกตุดัจญาลได้อย่างไร ดัจญาลเป็นคนตาบอดข้างหนึ่ง กลางหน้าผากของเขา จะมีอักษาว่า กาฟ ฟาอ.รออ (อาหรับ) ซึ่งหมายถึงผู้ปฏิเสธพระเจ้า "กาฟิร" ที่หน้าผาก แปลว่า ตัวแทนแห่งความชั่วร้าย และอำนาจแห่งความชั่วร้าย (มาจากการนับถือเทพ Lucifer)

    4. จะสังเกตุสัญลักษณ์ของดัจญาลได้อย่างไร สัญลักษณ์อิลลูมินาติเบื้องต้น จะมีรูปพีรามิด และถัดจากนั้นสัญลักษณ์ต่อมา คือรูปดวงตา ซึ่งเรียกว่า “ดวงตารู้แจ้ง” (Seeing Eye) เป็นการบูชาลูซิเฟอร์ (ซาตาน) เนื่องจากอิลลูมินาติเชื่อว่ามนุษย์นั้น ถูกพระเจ้าครอบงำและกดขี่ ส่วนซาตานคือผู้ให้แสงสว่างแก่มนุษย์ (ให้รับประทาน ผลแอ๊ปเปิ๊ล แห่งความรู้)

    5. ดัจญาลมาจากไหน ดัจญาลเป็นชาวยิว เกิดแถบชาม และ อิรัก (อิหร่าน) รูปร่างเตี้ย เดินขาถ่าง ผมหยิก (Illuminati ผู้ก่อตั้งเป็นชาวยิว)

    6. ดัจญาลมาเพื่ออะไร ดัจญาลมาประกาศตนเป็นพระเจ้า (จากความสามารถที่หลากหลายที่ตนทำได้) บ้างก็ว่ามาประกาศตนเป็นพระเยซู Illuminati เป็นองค์กรที่อยู่เบื้องหลังอำนาจอย่างลับๆทั่วโลก(new world order) โดยการควบคุมเหตุการณ์ ในโลกทุกวันนี้ผ่านทางรัฐบาลและกลุ่มบุคคลอื่นๆ คล้ายกับว่าเป็นการฟื้นคืนชีพ หรือการสืบทอดอำนาจอย่างต่อเนื่องของบาวาเรียน อิลลูมินาติ สิ่งที่เขาควบคุมโลกคือ สื่อประเภทต่างๆ TV บันเทิง อินเตอร์เน็ต ข้อมูล ข่าวสาร Hollywood ธุรกิจอาหาร, ยา, การธนาคาร, ทหาร,การเมืองแทบทุกประเทศ บ้างก็ว่าเขาใช้ Harrp เพื่อสามารถควบคุมสภาพอากาศได้ เหมือนที่พระเจ้าทรงหลั่งน้ำฝนออกมา

    7. จำนวนของดัจญาล ดัจญาลมีจำนวน 30 ตน กระจายไปทุกประเทศทั่วโลก

    8. จำนวนคนเชื่อในดัจญาล จะมีผู้ติดตามดัจญาลจากกลุ่มยิว อัศบะฮาน (เมืองในประเทศอิหร่าน) จำนวน 70,000 คน,และกลุ่ม นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

    9. การป้องกันดัจญาล อัลลอฮุมมะ อินนีย์ อะอูซุบิกะ มินอะซาบิ ญะฮันนะมะ วะมินอะซาบิลก็อบริ วะมิน ฟิตนะคิลมะฮฺยา วัลมะมาติ วะมิน ฟิตนะติล มะซีฮิดดัจญาล ความว่า ข้าแต่อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์ ให้พ้นจากการทรมานจากนรก ญะฮัมนัม และขอให้พ้นจากการทรมานในหลุมฝังศพ และขอให้พ้นจากความวุ่นวาย (ฟิตนะฮฺ) ของการดำรงชีวิต และความวุ่นวาย (ฟิตนะฮฺ)ของการตาย และขอให้พ้นจากการก่อกวนของมะซีฮิดดัจจญาลด้วยเถิด

    10. ดัจญาลเป็นจอมโกหก เขาหลอกอะไรเรา ส่วนมากพวกกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) จะชักจูงชาวโลกโดยผ่านภาพยนต์จากสื่อ Hollywood การโฆษณาเพื่อให้มนุษย์เกิดความหวาดกลัว, ความโกรธ, ความแค้น, ชิงชัง,(เป็นผู้ทำความจริงเป็นความเท็จ) และกิเลสต่างๆ มีทัศนะคติในด้านลบ และเพื่อให้มนุษย์เป็นทาสของเงินตรา เมื่อเราตามเขา เราก็จะโดนชักจูงได้ง่าย เขาพูดอะไรก็เชื่อไปหมด

    กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) สร้างระบบเงินกระดาษขึ้นมาเพื่อมอมเมาชาวโลก ให้หลงให้ในโลกที่เขาจำลองขึ้น มนุษย์ก็จะมีชีวิตอยู่ในโลกที่ถูกกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) จำลองขึ้น (โลกแห่งความฝัน) โดยที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่า กำลังโดนใครบางคนบังคับอยู่เบื้องหลัง พวกเรามัวหลงเพลิดเพลินอยู่กับ กิเลส, ตัณหา, เงินตรา, ที่ถูกกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) นั้นสร้างขึ้นมามอมเมา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงพวกเขากำลังหลอกมอมเมาเรา เรากำลังตกเป็นทาสของเขาอยู่โดยไม่รู้ตัวเลย และกลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) มองพวกเราไม่ต่างกับพวกทาสหน้าโง่ตัวนึง

    ลองนึกถึงตอนที่เราเด็กๆ เราถูกหลอกมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ตั้งแต่เรื่อง การเข้าโรงเรียน, ประถม, มัธยม, มหาวิทยาลัย,จบมาก็หางานทำ, จากนั้นก็ซื้อรถ, ซื้อบ้าน, ฯลฯ ซึ่งมันเป็นระบบที่ กลุ่มอิลูมินาติ (Illuminati) นั้นสร้างขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว (ประมาณ 100 กว่าปีที่แล้ว) เพื่อมอมเมามนุษย์ ให้อยู่ในระบบที่ถูกจำลองขึ้น (คล้ายอยู่ในความฝัน) ไม่สามารถขัดขืนได้ ต้องเป็นทาสพวกมันโดยปริยายตลอดชีวิต

    11. กลุ่มองค์กรที่ดัจญาลควบคุมโลกมาแล้ว คือกลุ่มอะไรบ้าง Download 1,2

    12. สิ่งที่ดัจญาลทำให้โลกเกิดภัยพิบัติ ได้แก่ผู้ทำลาย สร้างความหายนะไปทั่วแผ่นดิน ดัจญาลจะออกมาปรากฏตัว ณ สถานที่หนึ่งที่อยู่ระหว่างประเทศชามกับประเทศอิรัก มันจะใช้เทคโนโลยี สร้างความสูญเสียอย่างรวดเร็วให้แก่ท้องถิ่นนั้น ไม่ว่าจะด้านซ้ายหรือด้านขวา Illuminati คงจะเป็นการใช้เครื่อง Harrp ทำให้เกิดภัยพิบัติ, ฝนตก ,แผ่นดินไหว,ความแห้งแล้ง,สึนามิ

    13. ดัจญาลมาเมื่อไหร่ จะเกิดหมอกควัน ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก นบีอีซาลงมาจากฟ้า ยะญูจญ์และมะญูจญ์ เกิดแผ่นดินทรุดสามแห่ง แห่งหนึ่งที่ตะวันออก แห่งหนึ่งที่ตะวันตก และอีกแห่งหนึ่งที่คาบสมุทรอาหรับ และสุดท้ายที่สุดจะมีไฟออกทางประเทศเยเมน ไล่ต้อนมนุษย์สู่สนามมะหฺชัร

    14. สิ่งที่ดัจยาลทำได้เทียบพระเจ้า ทำให้คนจนเป็นคนรวย,รักษาโรคได้ รักษาคนตาบอดให้หายขาด,ทำให้สิ่งที่ตายไปแล้วลุกขึ้นมา (การโคลนนิ่งดอลลี่,Hydroponic พืช) ,Illuminati อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส

    15. สิ่งที่ดัจญาลทำได้โดยทั่วไป พวกเขาสามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกราวกับสวนสวรรค์บนโลกได้ และมันสามารถดลบันดาลสิ่งต่างๆ ได้ตามต้องการ มันมีภูเขาขนมปัง มีแม่นํ้า มันสามารถสั่งฟ้าให้หลั่งนํ้าฝน สามารถสั่งพื้นดินให้พืชพันธุ์งอกเงยได้ ทรัพยากรมีค่าในดินก็ทำตามมัน (อำนาจเยอะมาก) Illuminati ซึ่งปรากฏให้เห็นในรูปของโรงแรมและสวนต่างๆ, เงิน ทอง ปัจจัยในการดำรงค์ชีพ

    16. การครองโลกของดัจญาล ดัจญาล(ยิว)จะมีอำนาจปกครองโลกนานถึง 40 ปี เนื่องจากโลกได้ผ่านสงครามมาอย่างหนักจนแทบเสียสมดุล ความรู้สึกวันแรกจะเท่ากับหนึ่งปี วันที่สองจะเท่ากับหนึ่งเดือน วันที่สามจะเท่ากับหนึ่งสัปดาห์ (วันแห่งความย่ำแย่)

    17. ผู้ช่วยของ ดัจญาลที่สำคัญ ยะห์ยู-มะยูดห์ คือสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งที่คอยจะขุดภูเขา เพื่อที่จะออกมาหน้าแผ่นดิน แต่ด้วยความเจตนาของอัลลอฮ ตอนนี้ยังไม่ไห้ออกมา มันก็ได้แค่เห็นแสงรอดรอดเข้าไปแล้ว มันไปพักเพื่อจะมาขุดต่ออีกวัน อัลลอฮก็ปิดไว้เช่นเดิมจนกว่าจะถึงวันที่จะปล่อยออกมาจริงๆ ลักษณะมันก็มีบอกในดารุสซามีน โดยละเอียด ลักษณะของ ยห์ยู-มะยูดห์ เช่นตัวใหญ่ มีขนหนา หูกว้าง มีความเร็ว บางตัวก็สูง บางตัวเตี้ยแต่กว้าง

    18. ยะห์ยู-มะห์ยู อยู่ที่ไหน ยะห์ยู-มะห์ยูนี้ ถูกกษัตริย์ที่มีนามว่า ซุลก็อรนัย ขังพวกเขาไว้ โดยการสร้างกำแพงเหล็กที่ผสมกับทองแดง กั้นระหว่างหุบเขาสองลูก ไม่มีผู้ใดทราบตำแหน่งที่กักขัง

    แหล่งที่มาอื่นๆ

    - ดัจญาล มาจากรากศัพท์ในภาษาอาหรับว่า ดะ-ญะ-ละ แปลว่า " เขาได้ปกปิด...หรือปิดบัง" อีกความหมายก็คือ "พูดเท็จ ผู้หลอกลวง"

    - สำหรับคริสเตียนแล้ว "ดัจญาล"คำนี้ถูกเรียกว่า "แอนตี้ไครสต์" หรือผู้ที่ต่อต้าน ขัดขวางพระคริสต์ ซึ่งก็คือ Lusifer,กลุ่ม ไซออนิค,กลุ่ม Illuminati

    การถอดรหัส The Code อื่นๆ

    * 666(รหัสโลก) = Computer = Cern
    * 666(รหัสซาตาน) = Lucifer = ศาสนา Illuminati

    โพสต์โดย Pmadee เมื่อ 27-5-2010 09:54

    ที่มา http://www.mythland.org/v3/thread-3001-1-1.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  18. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    <TABLE borderColor=blue cellSpacing=0 cellPadding=5 width=600 bgColor=white border=1><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=blue>Typhoon FANAPI (12W) cat1 # 09 : ประกาศเตือนภัย เรื่อง “ไต้ฝุ่น FANAPI (ฟานาปี/12W) ระดับ 1” ฉบั </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE width=590 align=center border=0><TBODY><TR><TD>Typhoon FANAPI (12W) cat1 # 09 : ประกาศเตือนภัย เรื่อง “ไต้ฝุ่น FANAPI (ฟานาปี/12W) ระดับ 1” ฉบับที่ 9
    ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น ฮาวาย, สหรัฐฯ (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
    สภาวะโดยทั่วไปของพายุหมุนเขตร้อนเมื่อเวลา 01.00น.
    ประจำวันที่ 17 กันยายน 2553 ออกประกาศเวลา 04.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย วันที่ 17 กันยายน 2553 / 03.32 น. ปรากฎพายุหมุนเขตร้อน 1 ลูก / หย่อมความกดอากาศต่ำ 0 ลูก
    1)Typhoon FANAPI (12W,22.1N 128.2E,70kts) : เมื่อเวลา 19.00น.วานนี้(16ก.ย.2553) พายุโซนร้อน FANAPI (ฟานาปี/12W) ซึ่งมีศูนย์กลางปกคลุมทะเลฟิลิปปินส์ ได้ทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 แล้ว ล่าสุดเมื่อเวลา 01.00น.วันนี้(17ก.ย.53) อยู่ที่ละติจูด 22.1องศาเหนือ ลองจิจูด 128.2 องศาตะวันออก หรือมีศูนย์กลางอยู่ทางทิศใต้จากเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ห่ างประมาณ 463 กิโลเมตร. กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกแล็กน้อยด้วยความเร็ว 2 นอต(4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างช้าๆและเกือบไม่เคลื่อนที่ . มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 70 นอต(130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ลมกระโชกแรงสูงสุดประมาณ 85นอต(158 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวน้ำทะเลประมาณ 970 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ 5 เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา... / คาด ไต้ฝุ่น FANAPI (ฟานาปี/12W) ระดับ 1 จะเริ่มมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกมากขึ้นในอีก 12-24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยพายุนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ… คาดหมายในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าหรือช่วงประมาณ 01.00น.(18ก.ย.53)พายุจะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือต่อไป ก่อนทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นระดับ 2 . โดยพายุนี้มีแนวโน้มเคลื่อนตัวผ่านเกาะไต้หวันในอีก 72 ชั่วโมงข้างหน้าหรือช่วงประมาณ 01.00น.( 20ก.ย.53) ก่อนทีจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและเลยเข้าสู่ประเทศจีนด้านตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงประมาณ 20-21 ก.ย.53 นี้ : ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )

    <เพิ่มเติม/ความเห็น> พายุทั้งหมดไม่มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าไทย / สำหรับวงสีเขียวคือบริเวณที่มีแนวโน้มพัฒนาเป็นพายุหมุนเขตร้อนในอนาคต (ถ้ามี)
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
  19. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    <CENTER>ตารางสรุปสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ <TABLE width="100%" border=0><FORM name=form1 action=/DATA/REPORT/php/rid_bigcm.php method=post><TBODY><TR><TD align=right>วันที่ก่อนหน้านี้ <TD align=middle>วันที่ <INPUT class=text id=sdate size=10 value=2010-09-16 name=sdate> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> Calendar.setup({ inputField : "sdate", ifFormat : "%Y-%m-%d", // format of the input field showsTime : false, // will display a time selector button : "sdate_c" // trigger for the calendar (button ID) }); </SCRIPT> <INPUT class=button type=submit value=แสดงข้อมูล name=submit> <TD>วันที่ถัดไป </FORM></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-border-alt: solid windowtext .5pt; mso-padding-alt: 0pt 5.4pt 0pt 5.4pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=1><TBODY><TR bgColor=lightblue><TD class=td align=middle rowSpan=3>ภาค
    อ่างเก็บน้ำ เขื่อน </TD><TD class=td align=middle rowSpan=3>ความจุ
    ที่
    รนก.
    (ล้าน ม.<SUP>3</SUP>) </TD><TD class=td align=middle colSpan=5>ปริมาตรน้ำในอ่างฯ</TD><TD class=td align=middle colSpan=4>ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างฯ</TD><TD class=td align=middle colSpan=2>ปริมาณน้ำระบาย</TD></TR><TR bgColor=lightblue><TD class=td align=middle rowSpan=2>ปี 2552

    (ล้าน ม.<SUP>3</SUP>)
    </TD><TD class=td align=middle colSpan=2>ปัจจุบัน</TD><TD class=td align=middle colSpan=2>ใช้การได้จริง</TD><TD class=td align=middle rowSpan=2>ค่าเฉลี่ย
    รวมทั้งปี
    (ล้าน ม.<SUP>3</SUP>)
    </TD><TD class=td align=middle rowSpan=2>ปริมาตรน้ำ
    (ล้าน ม.<SUP>3</SUP>)
    </TD><TD class=td align=middle colSpan=2>สะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 53 </TD><TD class=td align=middle rowSpan=2>วันนี้
    (ล้าน ม.<SUP>3</SUP>)
    </TD><TD class=td align=middle rowSpan=2>สะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. 53
    ม.(ล้าน ม.<SUP>3</SUP>)
    </TD></TR><TR bgColor=lightblue><TD class=td align=middle>ปริมาตรน้ำ

    (ล้าน ม.<SUP>3</SUP>)
    </TD><TD class=td align=middle>% เทียบ
    รนก.
    </TD><TD class=td align=middle>ปริมาตรน้ำ
    (ล้าน ม.<SUP>3</SUP>)
    </TD><TD class=td align=middle>% เทียบกับ
    ใช้ได้ทั้งอ่างฯ
    </TD><TD class=td align=middle>ปริมาตร
    (ล้าน ม.<SUP>3</SUP>)
    </TD><TD class=td align=middle>% เทียบกับ
    ค่าเฉลี่ยทั้งปี
    </TD></TR><TR><TD class=td>ภาคเหนือ <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TR><TD class=td>ภูมิพล (2) <TD class=td align=right> 13,462 <TD class=td align=right> 6,715 <TD class=td align=right> 5,586 <TD class=td align=right> 41 <TD class=td align=right> 1,786 <TD class=td align=right> 13 <TD class=td align=right> 5,602 <TD class=td align=right> 52.65 <TD class=td align=right> 1,965.04 <TD class=td align=right> 35.08 <TD class=td align=right> 2.00 <TD class=td align=right> 4,321.48 <TR><TD class=td>สิริกิติ์ (2) <TD class=td align=right> 9,510 <TD class=td align=right> 5,481 <TD class=td align=right> 6,609 <TD class=td align=right> 69 <TD class=td align=right> 3,759 <TD class=td align=right> 40 <TD class=td align=right> 5,391 <TD class=td align=right> 91.84 <TD class=td align=right> 4,506.00 <TD class=td align=right> 83.58 <TD class=td align=right> <TD class=td align=right> 3,108.45 <TR><TD class=td>แม่งัด <TD class=td align=right> 265 <TD class=td align=right> 146 <TD class=td align=right> 222 <TD class=td align=right> 84 <TD class=td align=right> 200 <TD class=td align=right> 75 <TD class=td align=right> 332 <TD class=td align=right> 4.34 <TD class=td align=right> 223.68 <TD class=td align=right> 67.37 <TD class=td align=right> 1.73 <TD class=td align=right> 99.39 <TR><TD class=td>กิ่วลม <TD class=td align=right> 112 <TD class=td align=right> 80 <TD class=td align=right> 62 <TD class=td align=right> 55 <TD class=td align=right> 58 <TD class=td align=right> 52 <TD class=td align=right> 281 <TD class=td align=right> 14.55 <TD class=td align=right> 444.03 <TD class=td align=right> 158.02 <TD class=td align=right> 8.46 <TD class=td align=right> 466.96 <TR><TD class=td>แม่กวง <TD class=td align=right> 263 <TD class=td align=right> 26 <TD class=td align=right> 108 <TD class=td align=right> 41 <TD class=td align=right> 94 <TD class=td align=right> 36 <TD class=td align=right> 186 <TD class=td align=right> 1.80 <TD class=td align=right> 113.62 <TD class=td align=right> 61.09 <TD class=td align=right> 0.03 <TD class=td align=right> 78.87 <TR><TD class=td>กิ่วคอหมา <TD class=td align=right> 170 <TD class=td align=right> 134 <TD class=td align=right> 150 <TD class=td align=right> 88 <TD class=td align=right> 144 <TD class=td align=right> 85 <TD class=td align=right> 297 <TD class=td align=right> 12.28 <TD class=td align=right> 140.37 <TD class=td align=right> 47.26 <TD class=td align=right> 6.56 <TD class=td align=right> 97.84 <TR><TD class=td>แควน้อย <TD class=td align=right> 769 <TD class=td align=right> 232 <TD class=td align=right> 581 <TD class=td align=right> 76 <TD class=td align=right> 545 <TD class=td align=right> 71 <TD class=td align=right> 1,653 <TD class=td align=right> 16.99 <TD class=td align=right> 688.30 <TD class=td align=right> 41.64 <TD class=td align=right> 6.05 <TD class=td align=right> 712.11 <TR><TD class=td bgColor=#dcdcdc>รวมภาคเหนือ <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 24,551 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 12,814 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 13,318 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 54 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 6,586 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 74 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 13,742 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 194.45 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 8,081.04 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 59.00 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 24.83 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 8,885.10 <TR><TD class=td>ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TR><TD class=td>ลำปาว <TD class=td align=right> 1,430 <TD class=td align=right> 1,106 <TD class=td align=right> 1,352 <TD class=td align=right> 95 <TD class=td align=right> 1,267 <TD class=td align=right> 89 <TD class=td align=right> 1,985 <TD class=td align=right> 34.96 <TD class=td align=right> 1,603.29 <TD class=td align=right> 80.77 <TD class=td align=right> 21.16 <TD class=td align=right> 1,317.78 <TR><TD class=td>ลำตะคอง <TD class=td align=right> 314 <TD class=td align=right> 141 <TD class=td align=right> 135 <TD class=td align=right> 43 <TD class=td align=right> 108 <TD class=td align=right> 34 <TD class=td align=right> 270 <TD class=td align=right> 2.51 <TD class=td align=right> 115.48 <TD class=td align=right> 42.77 <TD class=td align=right> 0.17 <TD class=td align=right> 121.10 <TR><TD class=td>ลำพระเพลิง <TD class=td align=right> 110 <TD class=td align=right> 31 <TD class=td align=right> 75 <TD class=td align=right> 68 <TD class=td align=right> 74 <TD class=td align=right> 67 <TD class=td align=right> 184 <TD class=td align=right> 2.04 <TD class=td align=right> 80.78 <TD class=td align=right> 43.90 <TD class=td align=right> 0.48 <TD class=td align=right> 57.96 <TR><TD class=td>น้ำอูน <TD class=td align=right> 520 <TD class=td align=right> 255 <TD class=td align=right> 351 <TD class=td align=right> 68 <TD class=td align=right> 308 <TD class=td align=right> 59 <TD class=td align=right> 443 <TD class=td align=right> 5.17 <TD class=td align=right> 250.17 <TD class=td align=right> 56.47 <TD class=td align=right> <TD class=td align=right> 78.00 <TR><TD class=td>อุบลรัตน์ (2) <TD class=td align=right> 2,432 <TD class=td align=right> 714 <TD class=td align=right> 1,702 <TD class=td align=right> 70 <TD class=td align=right> 1,121 <TD class=td align=right> 46 <TD class=td align=right> 2,271 <TD class=td align=right> 43.50 <TD class=td align=right> 1,883.52 <TD class=td align=right> 82.94 <TD class=td align=right> 23.54 <TD class=td align=right> 1,082.93 <TR><TD class=td>สิรินธร (2) <TD class=td align=right> 1,966 <TD class=td align=right> 1,560 <TD class=td align=right> 1,187 <TD class=td align=right> 60 <TD class=td align=right> 356 <TD class=td align=right> 18 <TD class=td align=right> 1,664 <TD class=td align=right> 9.21 <TD class=td align=right> 608.69 <TD class=td align=right> 36.58 <TD class=td align=right> 2.23 <TD class=td align=right> 542.54 <TR><TD class=td>จุฬาภรณ์ (2) <TD class=td align=right> 164 <TD class=td align=right> 86 <TD class=td align=right> 104 <TD class=td align=right> 63 <TD class=td align=right> 60 <TD class=td align=right> 37 <TD class=td align=right> 165 <TD class=td align=right> 1.26 <TD class=td align=right> 91.54 <TD class=td align=right> 55.48 <TD class=td align=right> 0.96 <TD class=td align=right> 93.40 <TR><TD class=td>ห้วยหลวง <TD class=td align=right> 118 <TD class=td align=right> 54 <TD class=td align=right> 111 <TD class=td align=right> 94 <TD class=td align=right> 106 <TD class=td align=right> 90 <TD class=td align=right> 161 <TD class=td align=right> 1.22 <TD class=td align=right> 113.01 <TD class=td align=right> 70.19 <TD class=td align=right> 1.39 <TD class=td align=right> 39.32 <TR><TD class=td>ลำนางรอง <TD class=td align=right> 121 <TD class=td align=right> 45 <TD class=td align=right> 47 <TD class=td align=right> 39 <TD class=td align=right> 44 <TD class=td align=right> 36 <TD class=td align=right> 30 <TD class=td align=right> 0.28 <TD class=td align=right> 17.02 <TD class=td align=right> 56.74 <TD class=td align=right> 0.27 <TD class=td align=right> 15.39 <TR><TD class=td>มูลบน <TD class=td align=right> 141 <TD class=td align=right> 69 <TD class=td align=right> 47 <TD class=td align=right> 33 <TD class=td align=right> 40 <TD class=td align=right> 28 <TD class=td align=right> 82 <TD class=td align=right> 0.43 <TD class=td align=right> 24.83 <TD class=td align=right> 30.28 <TD class=td align=right> 0.43 <TD class=td align=right> 52.99 <TR><TD class=td>น้ำพุง (2) <TD class=td align=right> 165 <TD class=td align=right> 63 <TD class=td align=right> 119 <TD class=td align=right> 72 <TD class=td align=right> 110 <TD class=td align=right> 67 <TD class=td align=right> 103 <TD class=td align=right> 3.16 <TD class=td align=right> 110.19 <TD class=td align=right> 106.98 <TD class=td align=right> 0.11 <TD class=td align=right> 51.96 <TR><TD class=td>ลำแซะ <TD class=td align=right> 275 <TD class=td align=right> 179 <TD class=td align=right> 144 <TD class=td align=right> 52 <TD class=td align=right> 137 <TD class=td align=right> 50 <TD class=td align=right> 193 <TD class=td align=right> 2.15 <TD class=td align=right> 84.58 <TD class=td align=right> 43.82 <TD class=td align=right> 0.54 <TD class=td align=right> 131.91 <TR><TD class=td bgColor=#dcdcdc>รวมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 7,756 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 4,303 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 5,374 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 69 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 3,731 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 104 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 7,551 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 105.89 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 4,983.10 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 66.00 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 51.28 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 3,585.28 <TR><TD class=td>ภาคกลาง <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TR><TD class=td>ป่าสักฯ <TD class=td align=right> 960 <TD class=td align=right> 521 <TD class=td align=right> 624 <TD class=td align=right> 65 <TD class=td align=right> 621 <TD class=td align=right> 65 <TD class=td align=right> 2,200 <TD class=td align=right> 39.10 <TD class=td align=right> 1,057.51 <TD class=td align=right> 48.07 <TD class=td align=right> 26.07 <TD class=td align=right> 1,073.32 <TR><TD class=td>กระเสียว <TD class=td align=right> 240 <TD class=td align=right> 91 <TD class=td align=right> 178 <TD class=td align=right> 74 <TD class=td align=right> 138 <TD class=td align=right> 58 <TD class=td align=right> 256 <TD class=td align=right> 6.21 <TD class=td align=right> 210.77 <TD class=td align=right> 82.33 <TD class=td align=right> 0.06 <TD class=td align=right> 196.21 <TR><TD class=td>ทับเสลา <TD class=td align=right> 160 <TD class=td align=right> 37 <TD class=td align=right> 81 <TD class=td align=right> 51 <TD class=td align=right> 73 <TD class=td align=right> 46 <TD class=td align=right> 124 <TD class=td align=right> 2.42 <TD class=td align=right> 62.63 <TD class=td align=right> 50.51 <TD class=td align=right> <TD class=td align=right> 45.31 <TR><TD class=td bgColor=#dcdcdc>รวมภาคกลาง <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 1,360 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 649 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 883 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 65 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 832 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 63 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 2,580 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 47.73 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 1,330.91 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 52.00 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 26.13 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 1,314.84 <TR><TD class=td>ภาคตะวันตก <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TR><TD class=td>ศรีนครินทร์ (2) <TD class=td align=right> 17,745 <TD class=td align=right> 15,080 <TD class=td align=right> 13,005 <TD class=td align=right> 73 <TD class=td align=right> 2,740 <TD class=td align=right> 15 <TD class=td align=right> 4,339 <TD class=td align=right> 23.73 <TD class=td align=right> 1,609.39 <TD class=td align=right> 37.09 <TD class=td align=right> 12.55 <TD class=td align=right> 4,027.39 <TR><TD class=td>วชิราลงกรณ (2) <TD class=td align=right> 8,860 <TD class=td align=right> 7,637 <TD class=td align=right> 4,402 <TD class=td align=right> 50 <TD class=td align=right> 1,390 <TD class=td align=right> 16 <TD class=td align=right> 5,369 <TD class=td align=right> 30.64 <TD class=td align=right> 1,603.29 <TD class=td align=right> 29.86 <TD class=td align=right> 1.99 <TD class=td align=right> 3,810.70 <TR><TD class=td bgColor=#dcdcdc>รวมภาคตะวันตก <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 26,605 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 22,717 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 17,407 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 65 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 4,130 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 53 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 9,708 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 54.37 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 3,212.68 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 33.00 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 14.54 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 7,838.09 <TR><TD class=td>ภาคตะวันออก <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TR><TD class=td>บางพระ <TD class=td align=right> 117 <TD class=td align=right> 43 <TD class=td align=right> 60 <TD class=td align=right> 51 <TD class=td align=right> 48 <TD class=td align=right> 41 <TD class=td align=right> 44 <TD class=td align=right> 0.32 <TD class=td align=right> 29.21 <TD class=td align=right> 66.38 <TD class=td align=right> 0.10 <TD class=td align=right> 31.27 <TR><TD class=td>หนองปลาไหล <TD class=td align=right> 164 <TD class=td align=right> 121 <TD class=td align=right> 149 <TD class=td align=right> 91 <TD class=td align=right> 135 <TD class=td align=right> 83 <TD class=td align=right> 203 <TD class=td align=right> 2.45 <TD class=td align=right> 96.25 <TD class=td align=right> 47.41 <TD class=td align=right> 0.92 <TD class=td align=right> 129.97 <TR><TD class=td>คลองสียัด <TD class=td align=right> 420 <TD class=td align=right> 195 <TD class=td align=right> 284 <TD class=td align=right> 68 <TD class=td align=right> 254 <TD class=td align=right> 60 <TD class=td align=right> 204 <TD class=td align=right> 4.62 <TD class=td align=right> 222.90 <TD class=td align=right> 109.26 <TD class=td align=right> <TD class=td align=right> 166.83 <TR><TD class=td>คลองท่าด่าน <TD class=td align=right> 224 <TD class=td align=right> 154 <TD class=td align=right> 145 <TD class=td align=right> 65 <TD class=td align=right> 140 <TD class=td align=right> 63 <TD class=td align=right> 337 <TD class=td align=right> 2.09 <TD class=td align=right> 163.17 <TD class=td align=right> 48.42 <TD class=td align=right> 0.06 <TD class=td align=right> 188.41 <TR><TD class=td>ประแสร์ <TD class=td align=right> 248 <TD class=td align=right> 185 <TD class=td align=right> 208 <TD class=td align=right> 84 <TD class=td align=right> 188 <TD class=td align=right> 76 <TD class=td align=right> 295 <TD class=td align=right> 2.35 <TD class=td align=right> 165.12 <TD class=td align=right> 55.97 <TD class=td align=right> 0.12 <TD class=td align=right> 127.90 <TR><TD class=td bgColor=#dcdcdc>รวมภาคตะวันออก <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 1,173 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 698 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 846 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 72 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 765 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 119 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 1,083 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 11.83 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 676.65 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 62.00 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 1.20 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 644.38 <TR><TD class=td>ภาคใต้ <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TD class=td> <TR><TD class=td>แก่งกระจาน <TD class=td align=right> 710 <TD class=td align=right> 569 <TD class=td align=right> 202 <TD class=td align=right> 28 <TD class=td align=right> 135 <TD class=td align=right> 19 <TD class=td align=right> 929 <TD class=td align=right> 1.48 <TD class=td align=right> 315.17 <TD class=td align=right> 33.93 <TD class=td align=right> 1.43 <TD class=td align=right> 482.39 <TR><TD class=td>ปราณบุรี <TD class=td align=right> 347 <TD class=td align=right> 264 <TD class=td align=right> 92 <TD class=td align=right> 27 <TD class=td align=right> 32 <TD class=td align=right> 9 <TD class=td align=right> 436 <TD class=td align=right> 0.75 <TD class=td align=right> 71.07 <TD class=td align=right> 16.30 <TD class=td align=right> 1.56 <TD class=td align=right> 264.34 <TR><TD class=td>รัชชประภา (2) <TD class=td align=right> 5,639 <TD class=td align=right> 4,873 <TD class=td align=right> 3,541 <TD class=td align=right> 63 <TD class=td align=right> 2,189 <TD class=td align=right> 39 <TD class=td align=right> 2,598 <TD class=td align=right> 6.87 <TD class=td align=right> 1,174.77 <TD class=td align=right> 45.22 <TD class=td align=right> 2.46 <TD class=td align=right> 2,297.24 <TR><TD class=td>บางลาง (2) <TD class=td align=right> 1,454 <TD class=td align=right> 877 <TD class=td align=right> 703 <TD class=td align=right> 48 <TD class=td align=right> 443 <TD class=td align=right> 30 <TD class=td align=right> 1,545 <TD class=td align=right> 5.32 <TD class=td align=right> 729.84 <TD class=td align=right> 47.24 <TD class=td align=right> 4.49 <TD class=td align=right> 1,174.01 <TR><TD class=td bgColor=#dcdcdc>รวมภาคใต้ <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 8,150 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 6,583 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 4,538 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 56 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 2,799 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 66 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 5,508 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 14.42 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 2,290.85 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 42.00 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 9.94 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 4,217.98 <TR><TD class=td bgColor=#dcdcdc>รวมทั้งประเทศ <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 69,595 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 47,764 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 42,366 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 61 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 18,843 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 71 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 40,172 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 428.69 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 20,575.23 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 51.00 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 127.92 <TD class=td align=right bgColor=#dcdcdc> 26,485.67 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>หมายเหตุ</TD><TD>รนก. หมายถึง ระดับน้ำเก็บกักของอ่างฯ </TD><TD>ศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือเกษตรในฤดูแล้ง กรมชลประทาน </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีความจุ 960 ล้านลูกบาศก์เมตรที่ระดับน้ำสูงสุด </TD><TD>โทร./โทรสาร 0-2243-6956,0-2241-3350 </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>อ่างฯ ขนาดกลาง ปรับปรุงทุกวันจันทร์ </TD><TD>www.rid.go.th</TD></TR><TR><TD> </TD><TD><TABLE border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>% เทียบกับ รนก. </TD></TR><TR><TD bgColor=red> </TD><TD>> 80</TD></TR><TR><TD bgColor=blue> </TD><TD>51 - 80</TD></TR><TR><TD bgColor=green> </TD><TD>31 - 50</TD></TR><TR><TD bgColor=#ff9900> </TD><TD><= 30</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    <TABLE border=0><TBODY><TR><TD>จัดทำโดย : <TD>สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT src="http://cdn1.predictad.com/scripts/publishers/suggestmeyes/predictadme.js?si=7148" type=text/javascript></SCRIPT>
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    ขอเชิญทำบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๓

    ณ วัดบรมนิวาส
    กรุงเทพมหานคร‏


    เวลา ๗.๐๐ - ๑๐.๐๐ น.
    [​IMG]

    ทำ บุญตักบาตรพระกัมมัฏฐาน ๒๕ รูป ณ ศูนย์อบรมภาวนาสิริจันโท วัดบรมนิวาส ซ ๑๕ ถนนพระราม ๖ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ตามวันเวลาดังต่อไปนี้

    เวลา ๐๗.๐๐ น. ตักบาตรพระกัมมัฏฐาน ๒๕ รูป
    เวลา ๐๗.๓๐ น. ประธานจุดเทียน ธูป บูชาพระรัตนตรัย สมาธานศีล
    เวลา ๐๘.๐๐ น. พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์
    เวลา ๐๘.๓๐ น. ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ เสร็จแล้งรับประทานอาหารร่วมกัน
    เวลา ๐๙.๓๐ น. เชิญทุกท่านถวายและเครื่องไทยธรรมที่ท่านนำมา พระสงฆ์อนุโมทนา
    จึงขอเชิญชวนคณะศิษยานุศิษย์ และศัทธาสาธุชนทั้งหลาย มาร่วมงานในครั้งนี้ ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว


    รายนามครูบาอาจารย์

    ๑.พระโสภณวิสุทธิคุณ วัดป่าวิเวกธรรม อ.เมือง จ.ขอนแก่น
    ๒.พระราชวรคุณ วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
    ๓.หลวงพ่อคำบ่อ ฐิคปญฺโญ วัดป่าบ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ๔.พระครูอุดมธรรมสุนทร วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร
    ๕.พระราชภาวนาพินิจ วัดพุทธบูชา กรุงเทพมหานคร
    ๖.พระครูวีรญาณโสภณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย
    ๗.พระครูกิตติปัญญาคุณ วัดโป่งจันทร์ อ.เขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี
    ๘.พระราชญาณเวที วัดราชผาติการาม กรุงเทพมหานคร
    ๙.พระมงคลมุณี วัดพิมพาวาส อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
    ๑๐.พระราชวิสุทธินายก วัดเทพนิมิต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
    ๑๑.พระราชสุเมธี วัดภูตูมวนาราม จ.เลย
    ๑๒.พระครูวิมลภาวนาคุณ วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
    ๑๓.พระวิมลศีลาจาร วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร
    ๑๔.พระครูเกษมวรกิจ วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย
    ๑๕.พระครูธรรมมานุจารี วัดเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์
    ๑๖.พระบูรพาคณาจารย์ วัดบ้านโง้ง จ.ปราจีนบุรี
    ๑๗.พระอาจารย์รุ้ง รุจฺจโน วัดหนองบำหรุ จ.อุทัยธานี
    ๑๘.พระครูบรรพตสมานคุณ วัดป่าภูหายหลง จ.นครราชสีมา
    ๑๙.พระครูสังฆกิจโสภณ วัดหนองจะเข้ จ.ปราจีนบุรี
    ๒๐.พระครูสุนทรธรรมโฆษิต วัดป่าเลิงจาร จ.มหาสารคาม
    ๒๑.พระอาจารย์คิด ญาณทีโป วัดอรัญญบรรพต จ.หนองคาย
    ๒๒.พระครูปลัด วัดราชผาติการาม กรุงเทพมหานคร
    ๒๓.พระครูธรรมธร ไพรัตน์ วัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา

    เวลา ๐๗.๐๐ น. ตักบาตรพระกรรมฐาน ๒๕ รูป
    เวลา ๐๗.๓๐ น. ประธานจุดเทียน ธูป บูชาพระรัตนตรัย สมาธานศีล
    เวลา ๐๘.๐๐ น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา ๐๘.๓๐ น. ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ เสร็จแล้งรับประทานอาหารร่วมกัน
    เวลา ๐๙.๓๐ น. เชิญทุกท่านถวายและเครื่องไทยธรรมที่ท่านนำมา พระสงฆ์อนุโมทนา

     

แชร์หน้านี้

Loading...