สังโยชน์ 10...ไม่ใช่การมานั่งละ นั่งตัด (ฉบับเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง)

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย pra_TopSecret, 1 สิงหาคม 2010.

  1. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    เพื่อความเข้าใจอันถูกต้อง
    ของเรื่องการตัดสังโยชน์

    สังโยขน์ มันไม่ใช่การมานั่งตัด นั่งละ
    ไม่มีพระอริยชน ที่ไหนจะมานั่งละ นั่งตัดสังโยชน์ กันนะครับ
    ไม่ได้มานั่งตัดอันนู้นที อันนี้ที แล้วบอกว่า ตนเองไม่มีสังโยชน์ 10
    อันนี้เข้าใจผิดกันเยอะ....ต้องขออภัยไว้ด้วย
    สังโยชน์ มันละไปเอง หลุดด้วยตัวเอง
    จากการแจ้งเห็นจริง ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    ญาณจากวิปัสสนา เข้าหยั่งรู้ แล้วเกิดตัว
    เกิดตัว ภาวนามยปัญญา (Insight wisdom) ฉายความมืดให้หายสิ้นไป
    ปัญญา นี้ไม่ใช่ แปลว่า ตัวรู้มาก อย่างที่เข้าใจกัน
    แต่ปัญญาตัวนี้เป็นตัวตัด
    คลายจากการยึดเกาะ จาก ขันธ์ ไปเอง
    สังโยชน์ นั้นจึงถูกละ
    สังโยชน์ ไม่สามารถ หายได้ได้ จากปัญญาแห่งการพิจารณา หรือ การฟัง การวิเคราะห์
    ต้องเป็น ญาณแห่งการรู้แจ้งเท่านั้น

    และไม่ใช่ให้มานั่งนับนิ้ว นั่ง พิจรณาสำรวจตัวเองกันนะครับ
    ว่าเอ่อ...เราละได้กี่ข้อแล้วหว่า
    ละข้อนั้นได้แล้ว ละข้อนี้ได้แล้ว
    อันนี้ ไม่มีที่ไหนสอนกันนะครับ
    ทำแบบนู้นตัดอันนี้ได้
    ทำแบบนั้นตัดข้อนี้ได้
    แบบนี้ วิบัติครับ

    แม้แต่ พระโสดาบัน ท่านเองยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่า ท่านละได้แล้ว
    มันเป็นการ หลุดออกโดยไม่รู้ตัว คลายออกจนแทบบบ ไม่รู้ตัวเลย
    ไม่ใช่ไปนั่งเก๊กละ เก๊กฝืนกับตัวสังโยชน์ แบบปุถุชนทำไป
    หากทำเช่นนี้ ไป สิ่งนี้ จะบัง ตัว สัมมาทิฏิฐิครับ
    สัมมาทิฏฐิเกิดขั้นไม่ได้ หาก ยังถูกบังด้วย อุปาทาน

    เหตุหลัก เหตุใหญ่ที่สุด ของการละ สังโยชน์ 3 ข้อแรก
    องค์ แห่งการ บรรลุ โสดาบัน
    มีเชื้อหลักที่สำคัญที่สุดคือ ทุกข์

    ท่านจะเห็นทุกข์ ทุกข์แล้ว ทุกข์เล่า ท่านจะทุกข์สุด ๆ
    ทุกข์ซ่ำซาก ทุกข์จน เบื่อจากทุกข? ทุกข์จนไม่มีที่ไป
    จนอยากออก อยากหนีจากทุกสิ่ง
    ตอนนั้น ยอมให้ไครก็ได้สอน อะไรก็ได้ทำหมด

    จนจิตจนมุมด้วยทุกข์ แล้วจิตหลุดออก จากการถูกทลายสักกยทิฏฐิ
    ภาวะถือตัว ถือตน ยึดใน ขันธ์
    จึงคลายลง
    จึงเกิดการละสังโยชน์
    ข้อสักกายทิฏฐิ

    กระบวนการนี้ ล้วนเกิดมาจาก ภาวนามยปัญญา
    ที่รู้เห็นความจริงขิองทุกข์ ที่เกิดขึ้น
    หากเปรียบ สภาวะดังกล่าวนี้ อาจเทียบ ตามขั้นของวิปัสสนาญาณ 16 ได้ ก็คือ การข้าม นิพพิทาญาณ มาถึง จุดของ มุญจิตุกัมมยตาญาณ ก็ได้

    ภาวะโสดาบัน จึงบังเกิด

    ส่วน สังโยชน์ ข้อที่เหลือ
    หลังจากพระโสดาบัน ข้าม ผ่านความทุกข์ ในช่วงนั้นมาแล้ว
    ความทุกข์ ของท่านจะหลุดออก ไปอย่างมหาศาล
    ปัญญา อันนึง ที่ มีเฉพาะ ในพระโสดาบัน (ปุถุชนไม่มี)

    คือการรู้เห็น วิถี การเกิดขึ้นของกิเลส
    การเกิดขึ้นตัวอยู่และดับไป อย่างชัดแจ้ง
    เห็นไตรลักษณ์ ชัดแจ้ง มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ
    เห็นทุกๆ สิ่ง เป็น ความไม่เที่ยง เป็นความทนได้ยาก เป็นความไร้ตัวไร้ตนไปจนหมด
    จิตของโสดาบัน ท่านจะพบการ อนุโลม และ ปฏิโลมของญาณ ทั้ง 3 มุญจิตุกัมมยตาญาณ - ปาฏิสังขาญาณ และ สังขารุเปกขาญาณ
    เมื่อจิตท่านเข้าสู่สภาวะแห่ง สังขารุเปกขาญาณได้อย่างแจ้งแล้ว
    นี่คือการเริ่มทยานออก ออกจาก ไตรลักษณ์ คือ การถูก บีบออก จากไตรลักษณ์
    อารมณ์ ออกจากวิปัสสนาญาณ เรียกสิ่งนี้ว่า วุฏฐาคามินีวิปัสสนาญาณ
    จนเข้าสู่ โคตรภูญาณแห่งนิพพานจึงบังเกิดขึ้น
    และเข้าสู่ความเป็น อริยชน ขั้น ต่อ ๆ ไป ตามลำดับ
    ตามเหตุปัจจัยแห่ง อินทรีย์ ของท่าน
    จนหลุดออกจากสังโยชน์ ทั้ง 10

    อนึ่ง เรื่องของสังโยชน์ และเรื่องของพระโสดาบัน หรือ พระอริยะชน อาตมาภาพ ด้วย ความเคารพ ขอชี้แจง ให้ประจักษ์ในที่แห่งนี้ไปเลยว่า
    ไม่ใช่สิ่งที่ปุถุชน จะสามารถจับมานั่งคิด นั่งวิเคราะห์ ปรุงแต่ง และ นั้งสาธายาย หาเหตุ หาผล กันแบบนี้ได้เลย
    มันไม่ใช่ปัญญาระดับที่ปุถุชนจะเข้าใจ
    หากเอาปัญญาระดับปุถุชนมานั่ง ปรุงแต่งเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเอง
    สิ่งนี้ไม่ต่างจากการ บิดเบือน
    และสร้างให้พระศาสนา สูญหายไปอย่างรวดเร็ว

    แต่...ไม่ได้หมายว่าปุถุชนจะเขียนไม่ได้ หรือ อธิบายกันไม่ได้เลย
    หากปุถุชนจะอธิบายเรื่องเหล่านี้ ควร อิงเรื่องของปริยัติ มาเป็นหลักเข้าไว้
    จะได้ไม่ผิดเพี้ยนกัน


    นี้แล คือเรื่องของสังโยชน์ 10
    ขออภัยหากล่วงเกิน
    โปรดจงอโหสิ
    หากมีเวลาจะเข้ามาเพิ่มเติมให้อีก
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เรื่องแบบนี้ เป็น ความคิดเฉพาะบุคคล

    ตัวท่านเอง ควรปฏิบัติ ให้คุณธรรมก้าวหน้า ดีกว่า

    อย่าไปสนใจ เรื่องนอกตัวเลย

    ผลญาณ มีก็รู้ได้ มรรคญาณ มีก็รู้ได้ จะว่า ไม่รู้เลยก็ไม่ได้

    เพราะผลญาณ อัน ดับ สักกายทิฎฐิ วิจิกิจฉา และ สีลพตรปรามาส อันทำให้ จิตไม่กำเริบ

    ในสังโยชน์นั้น ก็มีอยู่ จะละแล้วไม่รู้ได้อย่างไร

    อันนี้ ท่านก็ ลองพิจารณาดูก่อน
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เรื่องของ ปุถุชน มาถกกัน เรื่องสังโยชน์ ผมว่าดีเสียอีก ที่พุทธศาสนิกชน

    ใส่ใจ และ สนใจ ในเรื่องลึกซึ้ง แห่งพุทธศาสนา

    แต่ ว่าเรื่องการจะทำลาย พระศาสนา คือ ผู้ที่ ตั้งตนเป็นผู้รู้ แล้วบิดเบือน

    คนที่ เขายังไม่รู้ แล้วเขาถกกัน ก็ไม่ได้เรียกว่า ทำลาย

    แต่ คนที่ ไ่ม่รู้แล้วบอกว่า รู้ แล้วไปสอนคนอื่นเพิ่ม นี่แหละทำลาย
     
  4. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ขออภัย ท่านด้วย
    พระโสดาบัน ท่านแทบจะไม่รู้สึกตัวเลย ด้วยซ้ำว่า
    สังโยชน์ของท่านได้หายไปแล้ว
    นี่เป็นสิ่งที่ นอกเหนือปัญญาของปุถุชนที่จะนำมาพิจารณา

    สิ่งนี้นอกตัว แต่ตามข้อชี้แจง นี้เพื่อความเข้าใจอันถูกต้อง
    อาตมาไม่ได้ต้องการนิพพานในชาตินี้
    อาตมาต้องการโพธิญาณ
    การแสวงหาทำกิจเรื่องนอกตัวจึง ไม่ใช่เรื่องแปลก

    ส่วนกิจภายในนั้น อาตมาทำถึงพร้อมด้วยตนเองแล้ว

    ขออนุโมทนา ความคิดเห็นของท่าน
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อนุโมทนา ด้วย ท่าน

    ท่านปราถนา โพธิญาณ แล้ว ท่านทราบตลอดถึง มรรคญาณ และ ผลญาณแล้วหรือ

    ท่านถึง แสดงตน สงเคราะห์วิปัสสนาญาณ ทุกขั้น

    ถ้า ท่านถึงพร้อมแล้ว ก็อนุโมทนาด้วย

    แต่ว่า ให้มันเรียบๆ หน่อย และ คงที่ จะดีกว่า เป็นแบบผีพุ่งใต้ แว็บมาแล้วหายไป

    แบบนั้น อย่าเรียกว่า สงเคราะห์ แต่เรียกว่า อวดตัวมากกว่า
     
  6. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ก็นี่แหล่ะ เหตุผลหลัก แห่งการล้างบาง ที่เค้าเตรียม ชำระล้าง
    อัตตาตัวตน ปุถุชน ที่ ช่างคิด ช่างวิเคราะห์ และเผยแพร่สิ่งผิด

    เหตุนึงเลย ที่ พระไตรปิฎก ที่มาถึงเราในทุกวันนี้ ไม่ใช่ ของแท้ ดั้งเดิมที่บริสุทธิ จริง
    เพราะปุถุชนนี่แหล่ะ ที่ เข้าไปทำสังคยนา ตั้ง แต่ครั้งที่ 5 เป็นต้นมา
    นี่ไง เหตุไง ผล ของมันคือ ศาสนา ถูกบิดเบือนมาขนาดนี้


    ปัญญาเหล่านี้ มาจาก ภาวนามยปัญญา การรู้แจ้งเห็นจริง
    ไม่ใช่ สุตตา หรือจินตา ที่ได้ฟัง ได้เรียน ได้อ่าน แล้วมานั่งวิเคราะห์ ไปนู่น ไปนี่

    แบบนี้ ยิ่งที่ ให้ เกิดความคิดเห็นอันแตกแยก อีกไม่รู้เท่าไหร่ หาจุดจบไม่ได้
    สุดท้ายเลย คือ ผู้ที่จะเข้าถึงธรรม รุ่นต่อ ๆ ไป หาที่พึ่งที่แท้จริงไม่ได้เลย

    ก็เพราะนี่หล่ะ ปัญญา วิเคราะห์ พิจารณา ที่ปุถุชนพาทำกัน

    พุทธ ไม่ใช่แค่ศาสตร์ แห่ง เหตุ และผล
    แต่พุทธ ยิ่งกว่า เหตุและผล และนอกเหนื้อจากเหตุและผล

    นี่แหล่ะ เหตุหนึ่ง ที่ปุถุชนไม่มีวันเข้าใจ ความเป็นจริง ของโสดาบัน ของพระพุทธเจ้า (พุทธวิสัย)

    มันเกินกว่าความรู้ที่ปุถถชน จะรับได้

    แม้แต่การโปรด สัตว์ในระดับของสาวกภูมิ ท่านยังต้องใช้ ความรู้ในกรอบ ที่ สาวกภูมิรับได้เลย พระองค์ ถึงได้ตีกรอบ ใบไม้ 1 กำมือ คือ 84000 พระธรรมขันธ์ นี่ไง
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ท่านเอาเวลา ไปเผยแพร่ธรรมะ คัดกรอง ธรรมที่ถูกต้อง

    และ มอง ปุถุชน ว่าคือผู้ไม่รู้ ที่ฝึกสอนได้ จะดีกว่า มองว่า คนทั้งหลายกำลังทำลายศาสนา

    โพธิญาณ ห่าอะไร ไม่ได้มี เมตตาจิตเลย มองแต่ ในแง่ลบ
     
  8. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    อาตมาเขียน คำชี้แจงชัดเจนนะ กลับไปอ่านดูได้
    แล้วอาตมา บอกไว้ว่า ตั้งแต่พื้นฐาน จนถึง วุฏฐาคามีนี วิปัสสนาญาณ ไม้ได้สอนถึง มรรคญาณนะ คงเข้าใจผิด
    นี่คือความรู้ เท่าที่อาตมาสอนได้
    กลับไปอ่านหน่อยนะ อุบาสก

    และไม่ได้มาเพื่ออวดตัว

    ขออภัยหากเข้าใจผิด

    อโหสิ.


     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ไม่เป็นไร หรอกขอรับ ไม่ต้องขอโทษหรอก

    กระผม ไม่ได้คิดจะเอาผิดอะไรใคร

    ก็ พูดไป ตามความคิด ความนึก แบบ คนทั่วไป
     
  10. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868

    อาตมาบอกชัดเจนมาก
    นะ ว่า ปุถุชน สอนได้ แต่ควรอิงหลักปริยัติ

    เพื่อไม่ให้ผิดไปจากกรอบ

    เหตุที่จำโดนบิดเบือน ก็เพราะ
    นำสิ่งที่ตนไม่รู้จริง ด้วยปัญญาแห่งการรู้แจ้ง
    ไปอธิบาย ลักษณะ แห่ง พุทธะ แห่ง พระอริยเจ้า และ ธรรม ในเรื่องการปฏิบัติสังโยชน์

    แบบนี้ เรียกว่ามองแง่ลบรึเปล่า อุบาสก

    พุทธธรรม อาตมาไม่ได้เป็นเจ้าของเลย ไม่ได้หวง ไม่ได้ห้าม
    พุทธธรรมเป็นหนึ่งเดียว
    และเป็นของสรรพสัตว์ทั้งสังสารวัฏ
    ไม่ใช่แค่ของชาวพุทธ หรือ ของใคร ทั้งนั้ง
    พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้สิ่งนี้เพื่อเป็นแนวทางให้ สรรพสัตว์ทั้งหมด

    แค่นี้แหล่ะ
    หากจะสนทนากันต่อกรุณา สงบจิต สงบใจ
    ทุเลาโทสะลงนิดนึง
    ไม่อยากไห้เกิดกรรมต่อกัน

    เราทั้งสอง เข้ามาในเว็บนี้
    ด้วยจิตกุศล
    และกลับออกไปด้วยจิตกุศล

    จะดีกว่า

    และให้เกียรติ เว็บ และผู้สรางเว็บไซต์ จะดีกว่า
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อวดตัว ไม่เป็นไร นะท่าน ไม่ผิด

    ถ้าหากว่า ท่านมีคุณธรรมจริง ดังที่ พระศาสดา ตรัสรู้แล้ว เดินไปประกาศว่า เราตรัสรู้แล้ว แก่ปัีญจวัคคีย์

    แต่ ทีนี้ ก็มีเรื่องที่ท่านจะต้องตระหนักด้วยเหมือนกันว่า

    ท่านกำลังหลงอยู่หรือเปล่า เพราะปรากฎว่า มี พระที่หลง มากมาย คิดว่าตนเองถึงภูมิ แต่ปรากฎว่า หลงไป โดนอวิชชา ครอบไปหมด

    ก็ไปสอนโยม ด้วยความที่ โยม ศรัทธา ผ้่าเหลือง ก็เลยเชื่อหมดใจ

    แล้ว ก็พากันไปในทางผิดๆ
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อ้าว แล้ว ท่านจะไป มีจิตอกุศล ทำห่าอะไรหละท่าน

    หรือว่า ท่านยังไม่ผ่าน วิปัสสนาญาณ มองเห็นการเกิดดับ ของ สังขาร

    จึุงได้ เหมาเอาตัวหนังสือ สร้างภาพในหัวตัวเอง แล้วเผลอ ก่อจิตอกุศล
     
  13. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    กาลามสูตรน่ะโยม พอไหวมั๊ย
    โลกจะไม่แคบด้วย

    อาตมาไม่ได้บอกนะว่า มีคุณธรรม เท่าองค์พระศาสดา
    ไม่มีส่วนไหนเลยนะ

    แล้วก็ไม่ได้ ประกาศตนเลยว่า
    ข้าพเจ้าเป็นพระอรหันต์
    หรือว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย...
    อันนี้ไม่มีนะ

    แล้วความรู้ที่ลงไว้นั้น บอกชัดเจน ว่ามีความรู้ ถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจได้ ถึงแค่
    วุฏฐาคามินิวิปัสสนาญาณ

    เท่านั้น..แล
    กลับไปอ่านดู

    หรือหากไม่เข้าใจ คำว่า
    วุฏฐาคามินีวิปัสสนาญาณ
    ก็ลองค้นดู
    หาใน กูเกิ้ลได้ไม่ยากนะ

    โลกจะกว้างขึ้นเยอะเลย
    อุบาสก


     
  14. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ภาษา ก็คือสิ้งที่ที่เค้าใช่เรียกแทน
    แทนสิ่งนั้น แทนสิ่งนี้
    อันนี้ เค้า จำแนก ไว่ว่า คำนาม
    คำที่ใช้เรียกแทน...

    แล้วอาตมาไม่ได้ปฏิเสธ นะว่า ไม่เอาหนังสือ

    กรุณาสุภาพ นิดนึง

    ลูกหลานจะไม่ดูถูก

    จะเอารูปครูบาอาจารย์
    มาเป็น ภาพแทนตนทั้งที
    จะได้ไม่เสื่อมเสียไปถึง

    สาธุการ
    พักผ่อนกันก่อนนะ
    คืนนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2010
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ท่าน มีจิตกุศล ก็ทำไปเถิด

    แต่ ถ้าท่านมีจิตอกุศล แฝงอยู่แล้วมองไม่เห็น ต้องระวัง

    กระผม ก็ไม่อยากจะปรุงแต่งหรอกว่า ใครเป็นพระ ใครเป็นโยม

    เอาเป็นว่า อ่านข้อความ แล้ว คิดอะไร พอมีเหตุผลไหม ก็พูดเท่านั้น

    ก็ขอตัว ก่อน ยินดีได้สนทนาด้วย นะครับ
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สุภาพ ไปทำไมหละท่าน

    อย่าไปดัดจริตมันมาก ไม่ดีหรอก

    เคยฟังแต่ โยมพูดดีด้วย กราบด้วย

    รับไม่ได้หรือท่าน

    ส่วนครูบาอาจารย์ นั้น ไปไม่ถึงตัวท่านหรอก

    มันเฉพาะบุคคล อย่าเป็นห่วงเลย
     
  17. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    อาตมาภาพ ไม่ใช่พระอรหันต์
    สาธุการ เจริญพร
    ขอความสวัสดี ความเจริญในธรรม จงมีแก่ท่าน
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะขอรับ

    วันนี้ขอตัวก่อน

    ตามธรรมดา จะสอนคนอื่น ก็ต้องยอมให้คนอื่นพิสูจน์

    เอาไว้ ว่างๆ ผมจะมาพิสูจน์ ท่าน แต่ก็ไม่ใช่ลองภูมิหรอก

    แต่เป็นการสนทนาธรรม อันก่อให้เกิด ความรู้

    ขออภัย ถ้าใช้คำไม่สุภาพ
     
  19. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    นี้แล คือเรื่องของสังโยชน์ 10
    :cool:
     
  20. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    pra_TopSecret
    สังโยขน์ มันไม่ใช่การมานั่งตัด นั่งละ ไม่มีพระอริยชน ที่ไหนจะมานั่งละ นั่งตัดสังโยชน์ กันนะครับ
    ขอทีละข้อ นะ พระคุณเจ้า พระอริยชน นี่ผมไม่ทราบ นะ ว่าคืออะไร แต่คำว่า พระอริยบุคคล หรือ พระอริยสงฆ์ ก็จัดว่าเป็นพระอริยเจ้า ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป คำสอนขององค์สมเด็จ ฯ ที่ให้สอนเรื่อง สังโยชน์ ว่า ให้เพียรละสังโยชน์ คือ เครื่องร้อยรัด ทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย อันนี้ ผิดใช่ไหม ครับ

    ไม่ได้มานั่งตัดอันนู้นที อันนี้ที แล้วบอกว่า ตนเองไม่มีสังโยชน์ 10 อันนี้เข้าใจผิดกันเยอะ....ต้องขออภัยไว้ด้วย สังโยชน์ มันละไปเอง หลุดด้วยตัวเอง
    จากการแจ้งเห็นจริง ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ญาณจากวิปัสสนา เข้าหยั่งรู้ แล้วเกิดตัว

    อ้าว พระคุณเจ้า เสร็จกัน ที่พูด น่ะ ถูกแล้ว การปลูกต้นข้าว ใครเค้ากินต้นข้าว ล่ะ เค้ากินเมล็ดข้าว มันอันเดียวกัน นะ การปฏิบัติใน อริยสัจน์ ๔ หรือ กฏของไตรลักษณ์ ก็เพื่อละสังโยชน์ พระคุณเจ้า อธิบายผิด นะ

    เกิดตัว ภาวนามยปัญญา (Insight wisdom) ฉายความมืดให้หายสิ้นไป ปัญญา นี้ไม่ใช่ แปลว่า ตัวรู้มาก อย่างที่เข้าใจกัน แต่ปัญญาตัวนี้เป็นตัวตัด
    คลายจากการยึดเกาะ จาก ขันธ์ ไปเอง สังโยชน์ นั้นจึงถูกละ
    สังโยชน์ ไม่สามารถ หายได้ได้ จากปัญญาแห่งการพิจารณา หรือ การฟัง การวิเคราะห์ต้องเป็น ญาณแห่งการรู้แจ้งเท่านั้น

    พระคุณเจ้า อธิบาย อย่างนี้ จะงง นะ ต้องยกเอาวิปัสนาญาณ ๙ ขององค์สมเด็จ ฯ มาอธิบาย แต่นักปฏิบัติ ส่วนใหญ่ ก็รู้กันหมด นะครับ

    และไม่ใช่ให้มานั่งนับนิ้ว นั่ง พิจรณาสำรวจตัวเองกันนะครับ ว่าเอ่อ...เราละได้กี่ข้อแล้วหว่า ละข้อนั้นได้แล้ว ละข้อนี้ได้แล้วอันนี้ ไม่มีที่ไหนสอนกันนะครับ ทำแบบนู้นตัดอันนี้ได้ ทำแบบนั้นตัดข้อนี้ได้ แบบนี้ วิบัติครับ

    ผมคิดว่า ไม่มีนักปฏิบัติ ท่านใหน ทำอย่างที่ พระคุณเจ้า เข้าใจ นะ

    แม้แต่ พระโสดาบัน ท่านเองยังไม่ทันรู้ตัวเลยว่า ท่านละได้แล้ว มันเป็นการ หลุดออกโดยไม่รู้ตัว คลายออกจนแทบบบ ไม่รู้ตัวเลย ไม่ใช่ไปนั่งเก๊กละ เก๊กฝืนกับตัวสังโยชน์ แบบปุถุชนทำไป หากทำเช่นนี้ ไป สิ่งนี้ จะบัง ตัว สัมมาทิฏิฐิครับ สัมมาทิฏฐิเกิดขั้นไม่ได้ หาก ยังถูกบังด้วย อุปาทาน

    คนอิ่ม คนหิว หรือ กระหาย จะรู้ได้ด้วย ตัวเอง นะ คนอื่นไม่สามารถ ล่วงรู้ได้ การพยากรณ์ องค์สมเด็จ ฯ เท่านั้น นะ ที่จะพยากรณ์ ได้

    เหตุหลัก เหตุใหญ่ที่สุด ของการละ สังโยชน์ 3 ข้อแรก องค์ แห่งการ บรรลุ โสดาบัน มีเชื้อหลักที่สำคัญที่สุดคือ ทุกข์

    พระคุณเจ้า ลองเปิดดู คำสอน นะ พระโสดาบัน จัดว่าเป็น อธิศิลสิกขา คือมีศิลบริสุทธิ์ และละสังโยชน์ ได้ ๓ เชื้อสำคัญคือศิล นะ

    ท่านจะเห็นทุกข์ ทุกข์แล้ว ทุกข์เล่า ท่านจะทุกข์สุด ๆ ทุกข์ซ่ำซาก ทุกข์จน เบื่อจากทุกข? ทุกข์จนไม่มีที่ไป จนอยากออก อยากหนีจากทุกสิ่ง ตอนนั้น ยอมให้ไครก็ได้สอน อะไรก็ได้ทำหมด

    พระคุณเจ้า ควรเอา ทุกข์ ๑๐ ประการ มาอธิบาย จะได้อยู่ในหลัก ของพุทธพจน์

    จนจิตจนมุมด้วยทุกข์ แล้วจิตหลุดออก จากการถูกทลายสักกยทิฏฐิ
    ภาวะถือตัว ถือตน ยึดใน ขันธ์จึงคลายลง จึงเกิดการละสังโยชน์
    ข้อสักกายทิฏฐิ
    กระบวนการนี้ ล้วนเกิดมาจาก ภาวนามยปัญญา
    ที่รู้เห็นความจริงขิองทุกข์ ที่เกิดขึ้น
    หากเปรียบ สภาวะดังกล่าวนี้ อาจเทียบ ตามขั้นของวิปัสสนาญาณ 16 ได้ ก็คือ การข้าม นิพพิทาญาณ มาถึง จุดของ มุญจิตุกัมมยตาญาณ ก็ได้
    ภาวะโสดาบัน จึงบังเกิด

    อ้าว งงเลย นี่ย้อนต้น นี่นา พระคุณเจ้า ต้องมีแนวทางอธิบาย นะ

    ส่วน สังโยชน์ ข้อที่เหลือ หลังจากพระโสดาบัน ข้าม ผ่านความทุกข์ ในช่วงนั้นมาแล้ว ความทุกข์ ของท่านจะหลุดออก ไปอย่างมหาศาล
    ปัญญา อันนึง ที่ มีเฉพาะ ในพระโสดาบัน (ปุถุชนไม่มี) คือการรู้เห็น วิถี การเกิดขึ้นของกิเลส การเกิดขึ้นตัวอยู่และดับไป อย่างชัดแจ้ง เห็นไตรลักษณ์ ชัดแจ้ง มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ เห็นทุกๆ สิ่ง เป็น ความไม่เที่ยง เป็นความทนได้ยาก เป็นความไร้ตัวไร้ตนไปจนหมด

    พระคุณเจ้า เล่น เอาอารมณ์ พระอรหันต์ มาเทียบ แล้ว จะรอดไหม เนี่ย

    จิตของโสดาบัน ท่านจะพบการ อนุโลม และ ปฏิโลมของญาณ ทั้ง 3 มุญจิตุกัมมยตาญาณ - ปาฏิสังขาญาณ และ สังขารุเปกขาญาณ
    เมื่อจิตท่านเข้าสู่สภาวะแห่ง สังขารุเปกขาญาณได้อย่างแจ้งแล้ว
    นี่คือการเริ่มทยานออก ออกจาก ไตรลักษณ์ คือ การถูก บีบออก จากไตรลักษณ์
    อารมณ์ ออกจากวิปัสสนาญาณ เรียกสิ่งนี้ว่า วุฏฐาคามินีวิปัสสนาญาณ
    จนเข้าสู่ โคตรภูญาณแห่งนิพพานจึงบังเกิดขึ้น
    และเข้าสู่ความเป็น อริยชน ขั้น ต่อ ๆ ไป ตามลำดับ
    ตามเหตุปัจจัยแห่ง อินทรีย์ ของท่าน
    จนหลุดออกจากสังโยชน์ ทั้ง 10

    อนึ่ง เรื่องของสังโยชน์ และเรื่องของพระโสดาบัน หรือ พระอริยะชน อาตมาภาพ ด้วย ความเคารพ ขอชี้แจง ให้ประจักษ์ในที่แห่งนี้ไปเลยว่า
    ไม่ใช่สิ่งที่ปุถุชน จะสามารถจับมานั่งคิด นั่งวิเคราะห์ ปรุงแต่ง และ นั้งสาธายาย หาเหตุ หาผล กันแบบนี้ได้เลย
    มันไม่ใช่ปัญญาระดับที่ปุถุชนจะเข้าใจ
    หากเอาปัญญาระดับปุถุชนมานั่ง ปรุงแต่งเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเอง
    สิ่งนี้ไม่ต่างจากการ บิดเบือน
    และสร้างให้พระศาสนา สูญหายไปอย่างรวดเร็ว

    เอ พระคุณเจ้า ไปเจอ ตรงใหน มา วางลิงค์ ให้โยม หน่อยซิ จะได้รู้ว่า พระคุณเจ้า พูดด้วยเหตุ ด้วยผล

    แต่...ไม่ได้หมายว่าปุถุชนจะเขียนไม่ได้ หรือ อธิบายกันไม่ได้เลย หากปุถุชนจะอธิบายเรื่องเหล่านี้ ควร อิงเรื่องของปริยัติ มาเป็นหลักเข้าไว้ จะได้ไม่ผิดเพี้ยนกัน

    ตรงนี้แหละ ที่พระคุณเจ้า ควรอิง ปริยัติ เพราะที่ผ่านมา ยังไม่มีอิง เลย

    นี้แล คือเรื่องของสังโยชน์ 10 ขออภัยหากล่วงเกิน โปรดจงอโหสิ หากมีเวลาจะเข้ามาเพิ่มเติมให้อีก

    สุดท้าย นี้ ขอคำถาม เล็ก ๆ สำหรับคนฝึกใหม่ กับพระคุณเจ้า หน่อยนะ ครับ ว่าฌาณ ๑ และฌาณ ๒ ต่างกันอย่างไร การเคลื่อนของจิต ในแต่ละ ฌาณ เคลื่อนตอนใหน อย่างไร

     

แชร์หน้านี้

Loading...