กรุณาช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

คือผมอยากทราบว่าถ้าสหประชาชาติยกเลิกกฎหมายควบคุมธนบัตรจะมีผลกระทบอย่างไร แบบว่าไม่อยากคิดเองสรุปเอง แต่เอาเป็นว่าโครงการนี้มีลุ้นครับ อีกอย่างครับกระทู้ผมเป็นหมันมามากแล้ว ขอไว้ซักกระทู้ๆนะครับ ทุกความคิดเห็นของคุณมีค่าสำหรับผมมากนะจะบอกให้

 

ถ้ายกเลิกกฏหมายควบคุมจริง ผมคงต้องเปลี่ยนกระเป๋าเงินใหม่ เอาแบบ
ตะกร้าใหญ่ๆ เพราะถึงตอนนั้น ค่าเงินใบละ100บาท คงซื้อฮอลล์มาอมได้
ซัก 1 เม็ด แล้วทีนี้ประเทศที่ผูกขาดการเงินคือกลุ่มทุนที่แข็งๆเช่นแบงค์ดอลล์ล่า
เพราะใครๆก็ต้องไปใช้ใบดอลล์ล่าเหมือนกับ สปป.ลาว ที่ใครๆก็ถือเงินไทยกัน
เป็นส่วนใหญ่

 

ถ้าเป็นจริง เงินจะเฟ้อครับ ค่าเงินจะลดลงอย่างมาก
ต่อไปแบ๊งค์พัน อาจจะซื้อได้แค่ก๊วยเตี๊ยว 1 ชามครับ

 

ป่าไม้จะลดลงอีกค่าเพราะต้องใช้กระดาษมากๆ
เศรษฐกิจก็จะซื้อของแบบมึนงงตาลายมากขึ้น อย่างข้าพเจ้าก็งงจากที่โง่เซอะอยู่แล้วจะสับสนเรื่องเงินทอนเป็นการใหญ่

แล้วด้วยความมึนงงของข้าพเจ้า ข้าก็จะรณรงค์ให้ผู้คนที่ติดต่อเกี่ยวข้องกลับมา
แลกข้าวของแบบหมูไปไก่มา ควายไปแลกนา
พิมเสนไปแลกกะเกลือทำนองเนี้ย

 

ใช้สิ่งของเเลก เอาดิ เเบบคนโบราณ

 

ถ้าเป็นจริง สังคมก็วินาศ จะใช้การแลกเปลี่ยนสินค้าแทนเงินตรา อัตราราคาสิ่งของจะขึ้นอยู่กับความต้องการ และคนที่มีอาวุธ แต่ถ้าใคร รู้จักความพอดี จะมีความสุข

 

น่าจะ 1 โลก 1 ธนบัตร ใช้แบบเดียวกันทั่วโลก

 

ใช้เบี้ยเหมือนสมัยอดีตมั้งค่ะ

 

ผมหมายถึงให้รัฐบาลของแต่ละประเทศสามารถพิมพ์ธนบัตรได้ตามใจชอบนะครับไม่ใช่ประชาชน แต่ทั้งนี้ต้องรวมถึงข้อตกลงลับร่วมกันครับ แต่อันที่จริงก็ไม่ได้ลับอะไรเท่าหร่หรอกครับ แค่ผู้นำประเทศทั้วโลกร่วมหารือกันว่า จะทำอย่างไรกับโลกใหม่ เพราะตอนนี้มีคนคิดและทำการทดลองการแต่ปัญหาโลกร้อนได้แล้ว แต่ปัญหาคือต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลที่ไม่มีประเทศใดสามารถหาได้นอกจากการยกเลิกกฎหมายควบคุมธนบัตร

 

เงินในประเทศที่พิมพ์ตามใจชอบก็จะเฟ้อจนค่าน้อยอยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ
แล้วกลไกในการควบคุมธนบัตรนั้น ใช้วิธีการใดในปัจจุบันนี้ครับไม่รู้แน่ชัดครับ

 

มันก็จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 4 ทางเลือก คือ


1.รายได้สูง - ค่าใช้จ่ายสูง (ที่เขาเรียกว่า นโยบาย 2 สูง อ่ะนะครับ)
2.รายได้สูง - ค่าใช้จ่ายต่ำ
3.รายได้ต่ำ - ค่าใช้จ่ายสูง
4.รายได้ต่ำ - ค่าใช้จ่ายต่ำ (นโยบาย 2 ต่ำ)

รัฐบาลที่ฉลาด และ มี connection ดี เขาจะเลือกแบบที่ 1.
แต่ถ้าเป็นประเทศที่ได้เปรียบทางการค้า เขาก็ใช้แบบที่ 2.ได้สบายๆ

ส่วนรัฐบาลที่ชอบแบบที่ 4.จะไม่สามารถต้านค่าใช้จ่ายของ
ประชาชนให้ต่ำไว้ได้ สถานการณ์จะเดินเข้าสู่แบบที่ 3.แล้วก็
จบเห่แบบนี้เลย 555

 

สงสัยว่าจะยกเลิกได้อย่างไร เพราะว่า UN ไม่เคยมีกฎหมายควบคุมธนบัตร ทุกประเทศมีอิสระที่จะพิมพ์ธนบัตรได้ตามใจชอบอยู่แล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะมีกลไกที่มองไม่เห็นควบคมอยู่เบื้องหลัง
สมัยก่อนนู๊น การพิมพ์ธนบัตรอาศัยทองคำเป็นตัวค้ำประกันเครดิตของประเทศ แต่ปัจจุบันใช้เครดิตของประเทศซึ่งมักจะอ้างอิงไปที่เงินทุนสำรองระหว่างประเทศซึ่งอยู่ในรูปของสกุลดอลลาร์เป็นตัวค้ำประกันค่าของธนบัตรที่ถูกพิมพ์ พูดง่ายๆก็คืออาศัยความเชื่อใจกันระหว่างประเทศ ถ้าไม่เชื่อใจก็ไม่มีใครยอมรับเงินสกลุนั้นๆ หรือถ้ายอมรับก็ต้องบวกความเสี่ยงเข้าไปมากๆ ดังนั้นค่าเงินตราจึงมีองค์ประกอบ 2 ส่วน ส่วนแรกคือมูลค่าจริง กับมูลค่าทางจิตวิทยา

 

ผมไม่เคยทราบมาก่อนครับ

ผมไม่เคยทราบมาก่อนครับ
มีข้อมูลที่ละเอยดกว่านี้เพิ่มเติมไหมครับถ้ามีรบก่อนช่วยให้ความรู้ด้วยครับ จะได้ไม่หน้าแหกครับ อ้าๆๆ

 

"เงินทองคือมายา ข้าวปลาคือของจริง"

ตัวเลขเงินตรามันเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆ จะสมมติขึ้นมายังไงก็ได้อยู่แล้ว แต่มูลค่าที่แท้จริงของมันสุดท้ายก็ต้องยืนพื้นอยู่บนทรัพยากรที่จับต้องได้จริงๆ ครับ

 

สงสัยครับ

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมทุกประเทศทั่วโลกจึงประสบปัญหาด้านงบประมาณบริหารประเทศล่ะครับ ความเห็นผมคิดว่ารัฐบาลน่าจะมีสวัสดิการเทียบเท่าทุกประเทศไปแล้ว ส่วนภาพประชาชนก็น่าเป็นเพียงทฤษฏีเด็กเล่นขายของเพราะรัฐบาลไม่น่าจะต้องคำนึงถึงเงินภาษีนะครับ ผมถูกประการใดช่วยชี้แนะด้วยครับ

 

สถานการณ์จริงๆ คือ ระบบค่าเงินแบบเดียวเป็นยูโร ใน EU ตอนนี้
ที่ประเทศที่จนทั้งหลายเจอปัญหาหลังการปรับในเงินอัตราเดียว
โดยเฉพาะกรีซ สเปน ที่ไม่มีเงินใช้หนี้แล้ว ต้องกู้ประเทศในกลุ่มที่ร่ำรวย

ประเทศตนจะถอยหลังกลับแก้ปัญหาของตนเองอย่างเดียวก็ไม่ได้แล้ว
จำใจเป็นหนี้ และปัญหาใหญ่ขึ้นไปอีกคือ เจ๊งประเทศเดียวไม่ได้จะพากันเจ๊งทั้งหมด
เลยปล่อยให้ลูกหนี้ตายไม่ได้ คงให้รักษาเยียวยาลูกหนี้ให้ฟื้นต่อไป

 

พอเข้าใจครับ

ถ้าอย่างนี้หากประเทศยากจนร่วมมือกันพิมพ์ธนบัตรใช้เองไม่ทราบจะเป็นอย่างไรบ้าง หากแลกด้วยการควบคุมอุณหภูมิโลกให้กลับคืนสู่ปกติ