ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. squrez

    squrez เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +2,987
    นำบุญมาฝากครับ
    วันนี้ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอกองค์ที่ ๒ และขุดเจาะน้ำบาดาล<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ณ วัดหนองเก่า ต.พราน <o:p></o:p>
    อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ<o:p></o:p>
    จำนวน ๔๐๐.๐๒ บาทครับ
    อนุโมทนาบุญด้วยกันนะครับ
    <o:p></o:p>
     
  2. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ยินดีต้อนรับ สมาชิกใหม่ลงเรือธรรมลำน้อยค่ะ หนิงคิดว่าพลาดต้อนรับไปสองคน (ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้)

    ก็ขอร่วมต้อนรับพร้อมๆ กับทั้งสองท่าน คุณ sumitto และ คุณ kkookk ท่านหลังนี่ น่าจะเดินลงเรือลำนี้ก่อนหนิงมั้งค่ะ..ฮา..

    รอประชาสัมพันธ์รูปหล่อ รวยบุญ ออกมากล่าวแนะนำเรือ(น้องริคฯ พี่หนิงชอบอ่านนะ อ่านคำเชิญลงเรือธรรมของน้องแล้วเหมือนมีแรงกระตุ้น..ให้ฮึดสู้)

    ต้องขออนุญาตและขอกราบขอโทษทุกๆ ท่าน ด้วยนะคะ ที่จะบอกว่าพวกเรามาช่วยกัน"รณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง" ดีไหมคะ คำว่า "อนุญาต" ไม่มีสระอิค่ะ ช่วยๆ กันหลายๆ แรงนะคะ ชาติไทย ภาษาไทย เป็นของเราคนไทยทุกคนค่ะ
     
  3. akp07

    akp07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +1,548
    อนุโมทนาบุญกับพี่หนิง และ คุณsqurez ด้วยครับ สาธุ
     
  4. kkookk

    kkookk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ขอบคุณสำหรับคุณหนิงที่แก้ไขคำให้ถูกต้องอีกครั้งนะครับ....
    ผมน่าจะลงเรือธรรมก่อนหรือพร้อมๆ กันครับคุณหนิงไม่แน่ใจเหมือนกันครับ....
    ตอนนั้นแอบขึ้นเรือเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้....^ ^
    ตอนนี้กลัวกัปตันและสมาชิกเรือสงสัยว่าทำไมเรือหนักก็เลยเปิดเผยตัวซะเลย....!!!
    พายเรือธรรมลำนี้กันต่อไปคนละไม้คนละมือครับ(ผมจะช่วยพายอีกคน)...จะได้ถึงจุดหมายแน่นอนครับ....

    เห็นด้วยกับคุณหนิงครับที่ว่าน้องริคกล่าวต้อนรับได้ประทับใจดี....^ ^(ติดตามอยู่อ่านบ่อยๆ)....
     
  5. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ฮา..มิเป็นไรค่า..คุณ kkookk (ขออนุญาตใช้ภาษาพูด เพื่ออรรถรสในการอ่าน..นะคะ)

    จะลงก่อนลงหลัง เราก็อยู่ในเรือธรรมลำเดียวกัน มุ่งมั่นตั้งเป้าพายให้ถึงจุดหมายด้วยกัน ช่วยๆ กันพายค่ะ คนไหนอ่อนแรงพักสักหน่อย หายเหนื่อยแล้วพายต่อ พายใครชำรุดเรามีหน่วยซ่อมบำรุง หรือจะเดินมารับพายอันใหม่ที่วางไว้ให้ ก็ยินดีค่ะ
     
  6. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    === ต่อ ภาคสอง วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิ.ย. ===

    ร่วมงานสืบชะตา [FONT=&quot]พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ [/FONT][FONT=&quot]วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี[/FONT]
    [FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ชมภาพกันดีกว่าค่ะ เมื่อช่วงคืนวันเสาร์ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่หัวค่ำ แต่เช้าวันอาทิตย์<O></O>ท้องฟ้าที่สวยงามมาก แม้ว่าจะมีเมฆ แต่ก็ยังได้เห็นพระอาทิตย์ทรงกลด[/FONT]

    [​IMG]

    เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่หนิงได้มีโอกาสมาที่วัดท่าขนุน หลังจากที่ตั้งท่าว่าจะมาตั้งแต่กลับจากวัดถ้ำวัวแดง เดือนพ.ย. ปีที่แล้ว

    เคยฝันถึงพระอุปคุตที่อยู่กลางน้ำ มีแท่นวางบาตรสีแดงๆ วางไว้ข้างๆ ด้านหลังมีต้นไม้เหมือนเป็นภูเขา แต่ก็ยังเฉยๆ คิดว่าคงจะกินมากไปแล้วฝัน พอมาถึงที่วัดท่าขนุน ตอนรถวิ่งเข้ามาไม่ทันสังเกตค่ะ มาเห็นตอนที่จะเดินขึ้นไปกราบพระเจดีย์บนเขา ตอนที่ถูกชวนให้ไปกราบพระเจดีย์ ก็ยังไม่คิดว่าอยู่บนเขา..ฮา.. สูงนะคะ (ไม่รู้เป็นอะไร จะขึ้นที่สูงครั้งใด ต้องหลังกินข้าวเสร็จทุกที..ฮา.. อาการคือจุก แต่ครั้งนี้ เรามีประสบการณ์จากถ้ำวัวแดง และพระธาตุจอมกิตติ มาแล้ว)

    ก่อนจะขึ้น คิดว่าจะไปกันหมด กลายเป็นว่าเหลือไม่กี่คนที่จะขึ้นไปกราบพระเจดีย์และองค์พระใหญ่ (น้องแก้วบอกว่าส่งตัวแทนค่ะ) เดินผ่านพระแม่ธรณีบีบมวยผม ก็ยังไม่เห็น แต่รู้สึกว่าก้าวขาไม่ออก หันไปมองจึงเห็นว่ามีสระน้ำ ที่กลางสระน้ำมีพระอุปคุต และเสาสีแดง วางบาตรไว้กลางน้ำ เหมือนที่เคยฝันไว้เลย............

    [​IMG]

    อิดออด ถ่ายภาพอยู่นานพอสมควร.. เป็นความชอบส่วนตัวค่ะ

    [​IMG]

    จากนั้นจึงขึ้นไปกราบพระเจดีย์ และองค์พระใหญ่บนเขา ซึ่งหนิงได้สวดมนต์และเวียนรอบพระเจดีย์ ๓ รอบค่ะ

    [​IMG]

    ภาพบรรยากาศในพิธี

    [​IMG]

    กลับกรุงเทพฯ ยังมาช่วยกันแพคพระบรมสารีริกธาตุที่บ้านเมตตาภิรมย์กันต่อ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

    จบทริปแล้วค่ะ
     
  7. NooBeer!

    NooBeer! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +281
    สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน

    วันนี้อ่านกระทู้นี้ได้หลายสิบหน้าแล้วค่ะ ได้ถึงหน้าที่ 117 ค่ะ ได้อ่านถึงพี่Secret_Garden ที่เสียน้องชายไป ทำให้หนูคิดถึงพ่อของหนูขึ้นมาค่ะ

    พ่อของหนูเสียเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 นับแล้วประมาน 95 วันได้แล้วค่ะ มีกำหนดการทำบุญครบ 100 วันที่ 11 กรกฎาคม 2553 นี้ค่ะ (วันที่ 12 กรกฎาคม เป็นวันเกิดหนูพอดีค่ะ)

    หนูมีคำถามอยากจะถามคือ การทำบุญครบ 100 วัน ถ้าเกินหรือขาด 100 วันนี้เป็นอะไรไหมคะ อย่างกรณีของพ่อหนู เกินไปประมาน 10 วันค่ะ และการทำบุญนี้พ่อหนูจะได้รับบุญกุศลตรงนี้หรือป่าวคะ

    และการที่หนูนั่งสมาธิแล้วอุทิศบุญให้พ่อเป็นประจำทุกวัน กับการที่ทำบุญ100 วันนี้ อานิสงฆ์ อันไหนมากกว่ากันคะ และหนูต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะในวันเกิดของหนู

    และอีกนิดนึงนะคะ ได้อ่านของพี่ Me,my self เกี่ยวกับแม่ย่าของพี่น่ะค่ะที่ก่อนท่านจะสิ้นใจแต่ยังรอญาติมากันครบก่อน หนูมีความสงสัยว่าทำไมพ่อหนูถึงไม่รอหนูเลยคะ รู้ข่าวโดยที่อาใช้เบอร์ของพ่อโทรมาบอกหนูว่าพ่อเสียแล้วตอนนั้นรู้สึกสึกอึนๆ งงมาก เพราะไม่มีวี่แววว่าจะเสียพ่อไป แต่การเสียชีวิตของพ่อก็เร็วมากค่ะ ทุกคนก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน

    บางทีเหงาๆ ก็คิดถึงพ่อค่ะ ตอนนี้ก็เลยเหลือกัน 2 คนแม่ลูกค่ะ พี่ชายก็เสียไปก่อนพ่อ เมื่อปี 2547 อยากรู้มากๆเลยว่าสิ่งที่หนูเริ่มปฎิบัตินี้ไม่ว่าจะเป็นพ่อ พี่ และปู่ของหนู ท่านได้รับกันบ้างไหม แต่ก็จะปฎิบัติให้ตลอดค่ะ

    อยากจะขอความกรุณาจากพี่ Me,my self ,พี่เจ๋วะรัฐถะ ,พี่cookieberry และพี่ๆทุกคน อุทิศบุญกุศลให้คุณพ่อ คุณปู่ และพี่ชายของหนูด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
     
  8. สุมิตโต

    สุมิตโต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +84
    ความรู้และประสบการณ์ทางธรรมตัวผมนั้นแค่หางอึ่ง มีแต่เทคนิคจัดการกับ มด แมลง สาป และยุง มาแชร์ให้ครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    -ไล่มด และแมลงสาป ให้เอาเปลือกมะนาววางไว้ตามทางเดินของมด ส่วนพื้นบ้าน ใช้น้ำยาถูพื้นของบริษัท MLM ยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ มีอยู่ 2-3 บริษัท ในบ้านเรา ขวดละประมาณ 140-200 บาท ผสมน้ำถูพื้น<o:p></o:p>
    น้ำยามันจะหอมยวนใจมดและแมลงสาป พอมันเดินมามันจะเลียพื้นเพื่อกินน้ำยา หลังจากถูพื้นด้วยน้ำยาไปแล้ว 2-3 วัน จะเห็นคราบน้ำดำๆ แห้งติดพื้นเป็นหย่อมๆ นั่นคือ อ้วกของแมลงสาปแต่แมลงสาปไม่ตายนะ<o:p></o:p>
    เพราะไม่เคยเห็นศพมัน ให้ถูพื้นด้วยน้ำยาเป็นประจำ จำนวนมดและแมลงสาปจะค่อยๆลดลง <o:p></o:p>
    -ยุง ถ้าไม่ชอบกลิ่นน้ำมันตะไคร้ หรือนอนในห้องแอร์กลิ่นน้ำมันตะไคร้จะอบอวลทำให้เวียนหัวได้ ให้เตรียมแก้วพลาสติคชนิดใส (แก้วกาแฟสด) และกระดาษแข็ง (โบชัวร์โฆษณาสินค้าทางไปรษณีย์) เวลายุงบินมาจะกัดเราให้<o:p></o:p>
    ตียุงจากด้านบนด้วยมือ โดยใช้แรงประมาณ 40% (ตีแบบสบัดมือ) จะทำให้โดนปีกยุง ยุงจะเสียหลักและลดความปราดเปรียวลง อาจตกลงพื้นหรือบินไปหาที่เกาะ จากนั้นเอาแก้วพลาสติคที่เตรียมไว้ครอบยุงแล้วเอากระดาษแข็ง<o:p></o:p>
    สอดใต้แก้วแล้วเอาไปปล่อยนอกบ้าน เพิ่มเติมสำหรับแมลงสาป ผมใช้ขวดน้ำขนาด 1500 ซีซี ตัดก้นขวดออกใช้กรรไกรตัดให้เรียบส่วนฝาจุกขวดให้ปิดให้สนิทเอาแป้งผงโรยด้านในไว้เล็กน้อย เอาไว้ครอบแมลงสาปที่ออกมาเพ่นพล่านตอนกลางคืนแล้วเอากระดาษแข็งสอดด้านใต้ เวลาเอาออกไปปล่อยนอกบ้านให้หงายขวดขึ้นในขณะที่กระดาษแข็งยังปิดที่ก้นขวด แล้วทำให้แมลงสาปที่จับได้ตกไปอยู่ที่จุกขวด แป้งที่โรยไว้ในขวดจะทำให้แมลงสาปลื่นไม่สามารถไต่ขึ้นมาได้<o:p></o:p>
     
  9. kkookk

    kkookk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ภาพสวยมากครับคุณหนิง งานสืบชะตาพระครูธรรมธรเล็ก...
    เห็นจากภาพ(ในอีกกระทู้หนึ่ง)งานนี้ครูบาอาจารย์ไปร่วมงานเยอะมากครับ...
    ขออนุโมทนากับคุณหนิงและทุกๆ ท่านที่ได้มีโอกาสไปร่วมงานด้วยครับ...

    ปล.เห็นจากภาพที่คุณหนิงถ่ายมาท้องฟ้าสดใส สวยจริงๆ ครับ...
     
  10. tonkajeab

    tonkajeab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +1,355
    อนุโมทนาบุญ กับพี่หนิงและคณะด้วยนะค่ะ
    และขออนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรทุก ๆ ท่านค่ะ
     
  11. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    ^^ อย่าเอ็ดไปขอรับ เทศกาลบอลโลกมาทั้งที เลยต้องซุ่มไว้ก่อน ซุ่มทั้งทีก็ไม่ให้เสียเที่ยวขอรับดูบอลโลกก็ต้องให้เกิดประโยชน์ เกิดประโยชน์แบบไหน เน้อ....

    ถามผลบอลไงขอรับ เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยมั่นใจในการใช้มโนมยิทธิ ขึ้นไปถามพระเลยขอรับ ถูกไม่่ถูกว่ากันอีกเรื่อง แต่อย่านำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์นะขอรับ หลักๆคือเรานำมโนมยิทธิมาทายผลบอลว่าใครชนะ และผลประตูกี่ประตู แต่อย่านำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือการพนันนะขอรับ นั้นคือผิดวัตถุประสงค์ ซ้อมไว้ บอลโลกมีประโยชน์ถ้านำมาใช้ให้ถูกทาง

    หรือจะเป็นเรื่องอื่นๆก็ได้นะขอรับ โจ๋คิดว่าถ้าขยันทำคงได้ทุกเรื่องนั้นละขอรับ ทีนี้เวลาเราดูผลถูกหรือทายถูก เดาถูก อะไรก็แล้วแต่ที่มันบังเอิญถูก ก็ลองสังเกตุอารมณ์ที่เราถามแล้วบังเอิญถูกไว้ขอรับ หุหุหุ ถูกผิด เป็นของธรรมดาโจ๋ยังผิดๆถูกๆเลยขอรับ
     
  12. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    ปกติคนเราทำสมาธิกันทุกวันอยู่แล้วขอรับ เพียงแต่ว่าจะคิดถึงกันหรือเปล่าว่าที่ทำนั้นคือสมาธิ

    สมาธิ หลวงพ่อได้แปลเป็นใจความง่ายๆว่า การทำจิตใจตั้งมั่น ใจจดใจจ่อ อยู่ในเรื่องใดเรื่องนึงโดยไม่แยแสเรื่องอื่นๆ (ใช้คำว่าไม่แยแส เห็นชัดดีนะขอรับ) เพราะถ้าเราไม่แยแสถึงเรื่องอื่นๆ เทียบกับว่าเราทำสมาธิเขาสู่ฌาณที่ ๑ คือได้ยินเสียงรอบข้างแต่เราไม่ได้สนใจ หรือไม่ได้แยแสนั้นละขอรับ เช่น การนั่งอ่านหนังสือ การทำงาน การละเล่นต่างๆ การดูทีวี หรือแม้กระทั่งขณะรับประทานอาหารอยู่ เป็นต้น

    ขณะที่พิมพ์ตัวอักษรตอนนี้ก็ถือว่าเป็นสมาธิอย่างนึงนะขอรับ เพราะตั้งอกตั้งใจ ใจจดใจจ่อในการพิมพ์แล้วเหมือนกันขอรับ

    นอกเรื่องไปไกลเลย หุหุ

    เข้าเรื่องให้ชัดๆ จะเรื่มฝึกมโนมยิทธิจะเรื่มจากตรงไหน คำตอบคือ เรื่มที่ใจไงขอรับ

    อย่า งง นะขอรับ เรื่มที่ใจคุณจริงๆขอรับ ถามใจตัวเองก่อนเลยขอรับว่าใจคุณพร้อมหรือยัง พร้อมที่จะทำตามที่ครูผู้ฝึกบอกหรือยัง ถ้าพร้อมก็เดินหน้าเข้าหาครูพร้อมดอกไม้ธูปเทียนบููชาครูตามหลักปฏิบัติของหลวงพ่อ หลังจากนั้น ก็ตั้งอกตั้งใจพร้อมที่จะทำตามที่ครูผู้ฝึกบอก ทิ้งความลังเลสงสัย ทิ้งความน่าเชื่อถือและไม่น่าเชื่อถือต่อครูผู้ฝึก ทำใจสบายเท่าที่จะสบายได้รอเลยขอรับ

    การที่จะฝึกได้ไม่ได้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับครูผู้ฝึกนะขอรับ ขึ้นอยู่กับตัวเรานี่ละขอรับ หลวงพ่อได้เมตตาบอกไว้ว่า ขณะที่ทำการเข้าฝึกให้ทำตัวโง่ๆเหมือน... ว่านอนสอนง่ายเข้าไว้ อย่าได้ดื้อแพ่ง น้อมจิตตามครูเข้าไว้

    ครั้งแรกที่โจ๋ฝึก รู้แค่ท่องคำว่า นะ มะ พะ ทะ เท่านั้นขอรับ ไม่มีการซ้อมล่วงหน้า ไปถึงซอยสามลมได้ก็หาธูปเทียนแพบูชาครูตามหลักปฏิบัติ หลังจากนั้นก็ได้นั่งล้อมวงเหมือนกับผู้ฝึกผู้อื่นขอรับ แต่ก็เป็นความโชคดีของโจ๋ด้วยเหมือนกัน ที่มีครูผู้ฝึกยังว่างอยู่อีก เลยเจอฝึกแบบ ๑ต่อ๑ ลากไปจนได้

    ส่วนสถานที่ฝึก ถ้ากรุงเทพ ก็คงเป็นที่ซอยสายลมนะขอรับเฉพาะต้นเดือน รายละเอียดก็คงหาได้จากเว๊บนี้เหมือนกันขอรับ
     
  13. kkookk

    kkookk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +1,326
    อนุโมทนากับคุณ"ขาโจ๋ข้าเอง"ด้วยครับที่มีโอกาสได้ฝึกมโนยิทธิ...
    ผมอยากฝึกบ้างแต่ติดตรงที่ผมอยู่ที่เชียงใหม่ครับ...T T"
    จะฝึกเองก็กลัวจะกลายเป็นคิดเอาเองเดาเอาเองจนเป็นอุปทานไปครับ...
    ไม่ทราบว่าที่เชียงใหม่พอมีที่ไหนฝึกมโนยิทธิบ้างครับ...
    พี่ๆ น้องๆ ในเรือบุญลำนี้ท่านใดที่ทราบช่วยให้ข้อมูลแก่ผมหน่อยครับ...
     
  14. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ตอบให้แล้วนะคะน้องเบียร์

     
  15. เดือนยี่

    เดือนยี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +1,377
    ขอขอบพระคุณ คุณขาโจ๋ข้าเอง มากเลยค่ะที่ให้ความกระจ่างกับ ผู้อ่อนด้อยอย่าง ดึงดัน แต่ถ้าสมมุตินะค่ะ สมมุติว่าเราอยากจะลองทำเองที่บ้าน จะต่างกับไปที่บ้านสายลมไหมค่ะ
     
  16. naruetorn oanson

    naruetorn oanson เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +2,142
    วันนี้ไปทำบุญที่วัดมาsleeping_rb ถวายน้ำดื่มสองแพค น้ำปานะสองแพค ธูปเทียน และปัจจัยจากพานครูฝึกกรรมฐานจำนวนหนึ่ง บุญกุศลนี้ขออนุโมทนาให้ทุกๆท่านในกระทู้นี้ด้วยนะคะสาธุ
     
  17. NooBeer!

    NooBeer! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +281
    ได้เห็นคำตอบว่า"ตอบให้แล้วนะคะน้องเบียร์" นั่งอมยิ้มเลยค่ะ อิอิ

    ขอบพระคุณพี่ Me,my self มากๆ เลยนะคะ

    หนูต้องพยายามปฎิบัติให้สม่ำเสมอต่อไปค่ะ
     
  18. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    คุณ ดึงดัน ไม่ใช่ผู้อ่อนด้อยหรอกขอรับ มิฉะนั้นจะไม่มีทางหันเข้ามาทางพุทธศาสนาได้หรอกขอรับ ผู้หันเข้าทางพุทธศาสนาได้ก็แปลว่าเห็นเหตุของการเป็นทุกข์ และย่อมหาเหตุแห่งการพ้นทุกข์ เมื่อเรากำลังหาวิธีการพ้นทุกข์ก็แปลว่าเราก็ต้องหาการปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์

    มโนมยิทธิ สามารถฝึกที่บ้านได้หรือเปล่า ได้ขอรับ เพราะบางคนก็ฝึกเองที่บ้านก่อนก็มีเหมือนกันขอรับ ทำอย่างไรในการฝึกที่บ้าน ก็ต้องหาเทปเสียงของครูฝึกแล้วเราก็กำหนดจิตตามที่ครูฝึกได้สอนไว้ ออกตัวไว้ก่อนนะขอรับการฝึกด้วยตนเองที่บ้านนั้นโจ๋เองได้ฝึกหลังจากได้ผ่านการฝึกที่ซอยสายลมแล้วนะขอรับ แต่บางบุคคลที่ไม่สะดวกในการหาที่ฝึกก็ฝึกด้วยตนเองก่อนเป็นอย่างแรกเหมือนกัน

    ต่างกันมั้ยระหว่างฝึกที่บ้านกับที่ซอยสายลม ถ้าถามโจ๋ ขอตอบว่า ต่างขอรับในการฝึก ฝึกที่ซอยสายลม หรือที่วัดท่าซุง หรือที่ศูนย์ของ อจ.ชนะ จะมีครูผู้ฝึกในการนำและช่วยยืนยันในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกหรือผิดเป็นการสร้างกำลังใจให้กับเราได้เหมือนกันขอรับ ในบางครั้งเราได้เดินตามครูผู้ฝึกไปแต่เราก็อาจจะมีหลงทางไปได้เล็กน้อยเหมือนกันขอรับ

    ส่วนที่มีผู้ถามว่าเชียงใหม่มีสถานที่ฝึกมั้ย โจ๋จนใจในการตอบจริงๆขอรับว่ามีมั้ย คงต้องให้ผู้รู้ท่านอื่นบอกต่อก็แล้วกันนะขอรับ ขออภัยขอรับ

    มีโอกาสไปที่วัด พักที่วัด ฝึกที่วัดก็ไ้ด้ขอรับ ที่วัดท่าซุงมีฝึกทุกวันขอรับ จะอยู่ฝึกสัก ๒-๓ วัน หรือ ๕ วันก็มิมีผู้ใดว่าหรอกขอรับ ถ้าเราตั้งใจในการทำดีขอรับ
     
  19. Dang 88

    Dang 88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +946
    วันนี้ได้ทำบุญถวายสังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ และหยอดตู้บุญร่วมสร้างกุฎิสงฆ์

    ที่วัดอินทร บางขุนพรหม ครับ...
     
  20. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    มูลเหตุของการฝึกมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อพระราชพรหมยานจริงๆแล้วก็คือการกระทำตนให้เข้าถึงพระอริยะขั้นต้น หรือพระโสดาบัน

    การที่เราจะเข้าถึงพระอริยะขั้นต้นหรือพระโสดาบันได้นั้น คือการละสังโยชน์ ๓ ประการ
    ๑. สักกายทิฏฐิ คือ มองเห็นว่าชีวิตนี้ต้องตาย ไม่มีใครรอดพ้นจากความตาย ความตายสามารถเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก ขออย่าได้ประมาทว่าเราจะไม่ตาย

    ๒. วิจิกิจฉา คือ การลังเลสงสัย เราจะไม่ลังเลสงสัยในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เป็นปัจจัยทำให้เกิดความสุข

    ๓. สีลัพพตปรามาส ทรงอารมณ์ในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ คือ ไม่มีเจตนาในการทำลายศีล รักษาศีลบริสุทธิ์ ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุให้บุคคลอื่นทำลายศีล แล้วก็ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว

    ทีนี้หลวงพ่อได้กล่าวเพื่มเติมเข้าไปอีกว่า "ก็ รักษาศีล ๕ กับ กรรมบถ ๑๐ ครบถ้วน เฉพาะศีล ๕ ที่เขาเรียก พระโสดาบัน อย่างหยาบนี่ มีศีล ๕ พระโสดาบันอย่างกลาง อย่างละเอียดก็มี กรรมบถ ๑๐

    สังโยชน์ 3 ประการนี่ พระโสดาบันปฏิบัติมีจิตเข้าถึงตามนี้ นี่ก็พูดกันไปว่าก่อนที่จะเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันจากโลกียะเป็นโลกุตตระ ตอนนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกว่า โคตรภูญาณ ขณะเมื่ออารมณ์จิตของท่านผู้ปฏิบัติเข้าถึงโคตรภูญาณ

    คำว่าโคตรภูญาณ นี่ก็หมายความว่า จิตของท่านผู้นั้น ยังอยู่ในระหว่างโลกียะกับโลกุตตระ

    แต่ ทว่าอารมณ์ตอนนี้จะไม่ขังอยู่นาน บางท่านจิตจะทรงอยู่เพียงแค่ชั่วโมงหนึ่ง หรือไม่ถึงชั่วโมง และบางท่านก็อยู่ถึงอาทิตย์สองอาทิตย์ถึงเป็นเดือนก็มี สุดแล้วแต่ความเข้มแข็งของจิต

    ในช่วงที่จิตเข้าถึงโคตรภูญาณ ท่านกล่าวว่า ในขณะนั้นอารมณ์จิตของนักปฏิบัติ จะมีความรักพระนิพพานอย่างยิ่ง คือมีความรู้สึกอยู่เสมอว่ามนุษย์โลกก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี ไม่เป็นแดนแห่งความสุข ถ้าเราเกิดเป็นมนุษย์ มันก็ทุกข์ตลอดเวลา ถ้าเกิดเป็นเทวดาก็พักทุกข์ชั่วคราว หรือ พรหมก็เช่นเดียวกัน ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีแล้วก็จะต้องจากเทวดา จากพรหมมาเกิดเป็นคนบ้าง บางรายก็เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอันว่าเขตทั้ง 3 จุด ไม่มีความหมายสำหรับใจ

    จิตใจของท่านที่มีอารมณ์เข้าถึงโคตรภูญาณ ใจมีความต้องการอย่างเดียวคือ พระนิพพานเป็นปกติ แต่ทว่าพอจิตพ้นจากโคตรภูญาณไปแล้ว ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบันเต็มที่ ที่เรียกว่า โสดาปัตติผล ตอนนี้อารมณ์จิตของท่านละเอียดขึ้นมานิดหนึ่ง นอกจากจะรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ แล้วก็มีความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันเป็นของธรรมดา"

    สิ่งที่จะแถมขึ้นมาก็คือรักพระนิพพานเป็น อารมณ์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังความดีมีชื่อเสียงในชาติปัจจุบัน มีความรู้สึกต้องการอยู่อย่างเดียวว่าเราทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน เท่านั้น


    คัดมาจากหลวงพ่อต่อขอรับ
    พระโสดาบันจัดเป็น 3 ขั้น คือ
    1.สัตตักขัตตุง สำหรับ ที่ท่านเป็นพระโสดาบันมีอารมณ์ยังอ่อน จะต้องเกิดและตายในระหว่างเทวดาหรือพรหมกับมนุษย์อีกอย่างละ 7 ชาติ เป็นมนุษย์ชาติที่ 7 และเข้าถึงความเป็นอรหัตผล

    2. ถ้ามีอารมณ์เข้มแข็งปานกลาง ที่เรียกกันว่า โกลังโกละ อย่างนี้จะทรงความเป็นเทวดาหรือมนุษย์อีกอย่างละ 3 ชาติครบเป็นมนุษย์ชาติที่ 3 เป็นพระอรหันต์

    3.สำหรับพระโสดาบันที่มีอารมณ์เข้มแข็งเรียกว่า เอกพิชี นั่นก็จะเกิดเป็นเทวดาอีกครั้งเดียว มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็เป็นพระอรหันต์

    4.ที่ พูดตามนี้ หมายความว่า ท่านผู้นั้นเมื่อเป็นพระโสดาบันแล้วเกิดใหม่ไม่ได้พบพระพุทธศาสนา จะต้องฝึกฝนตนเองอยู่เสมอทุกชาติ แต่ว่าความเป็นมิจฉาทิฏฐิในชาติต่อ ๆไป จะไม่มีแก่พระโสดาบัน เพราะว่า พระโสดาบันไม่มีสิทธิที่จะไปเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเกิดได้แค่ช่วงแห่งความเป็นมนุษย์กับเทวดาหรือพรหมสลับกันเท่านั้น เป็นอันว่าพระโสดาบันนี่ ถ้าท่านทั้งหลายพิจารณาให้ดีแล้ว ก็มีความรู้สึกว่าเป็นของไม่ยาก

    หากว่าท่านจะถามว่า พระโสดาบันทั้งสัตตักขัตตุง โกลังโกละ และเอกพีชี มีอารมณ์ต่างกันอย่างไร

    ก็จะขอตอบว่า พระโสดาบันขั้นสัตตักขัตตุง มี จริยาคล้ายชาวบ้านธรรมดามาก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความรัก ยังมีอารมณ์รุนแรงในความโลภ ในความโกรธ ในความหลง แต่ทว่าเป็นผู้มั่นคงในศีล ไม่ละเมิด

    สำหรับพระโสดาบันขั้นโกลังโกละ นี้มีอารมณ์เยือกเย็นมาก หรือว่ามีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย มีศีลมั่นคงมาก ความจริงเรื่องศีลนี่มั่นคงเหมือนกัน แต่ว่าจิตท่านเบาบางในด้านความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความคำนึงถึงอารมณ์อย่างนี้มีอยู่แต่ก็น้อย ถ้ามีคู่ครองเขาจะโทษว่า กามคุณท่านจะลดหย่อนลงไป ความสนใจในเพศ ความสนใจในความโลภ อารมณ์แห่งความโกรธ อารมณ์แห่งความหลงมันเบา กระทบไม่ค่อยจะมีความรู้สึก

    สำหรับพระโสดาบันขั้นเอกพีชี ในตอนนี้อารมณ์ของท่านผู้นั้น จะมีอารมณ์ธรรมดาอยู่มาก ขอท่านทั้งหลายโปรดอย่าลืมว่า พระอริยเจ้าจะเป็นฆราวาสก็ดี จะเป็นพระก็ดี จะเป็นเณรก็ดี จะเป็นคนมีจิตละเอียด ไม่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และไม่ขัดคำสั่ง ไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบวินัยและกฏหมาย อันนี้เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน ที่ท่านทั้งหลายจะพึงทราบ

    สำหรับเอกพิชีนี่ ความจริงมีอาการจิตใจใกล้พระสกิทาคามี แต่ทว่าสิ่งที่จะระงับไว้ได้นั้น กดด้วยกำลังของศีล มีความรู้สึกว่าเราจะต้องประคับประคองศีลของเราให้แจ่มใสอยู่เสมอ มองดูความรักในระหว่าเพศ หรือว่าความร่ำรวย หรือว่าความโกรธ หรือหลงในระหว่างเพศ หลงในสภาวะต่าง ๆ เห็นว่าเป็นของไร้สาระ มีอารมณ์เบาในความปรารถนาในสิ่งนั้น ๆ แต่ทว่าก็ยังมีความปรารถนาอยู่


    แหล่งที่มาขอรับ
    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=404
    http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=195
     

แชร์หน้านี้

Loading...