"ปรับฮวงจุ้ย"แก้อาถรรพ์"ประตูผีเปิด"

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 22 มิถุนายน 2010.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,657
    "ปรับฮวงจุ้ย" แก้อาถรรพ์ "ประตูผีเปิด"



    [​IMG]


    อาถรรพ์พระพิฆเนศ มีโอกาสเป็นไปได้ ซินแสชื่อดังเตือนปีนี้ดาว 9 ดวงเรียงประสานวิ่งผ่ากลางกัน ทิศมงคลอยู่ในตำแหน่ง "ประตูผีเปิด" ทางแก้ต้องรีบปรับฮวงจุ้ย...

    ความอาถรรพ์ของพระพิฆเนศที่ผิดแปลกจากพระพิฆเนศปางอื่นๆ นอกจากจะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แล้ว ยังส่งผลให้เกิดข่าวลือต่างๆ นั้น

    พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์หลวง เปิดเผยกับ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ตามตำราเทพองค์นี้ต้องมีลักษณะอ้วน และศีรษะเป็นช้างเท่านั้น ซึ่งคนไทยเราเริ่มเคารพเทพองค์นี้ตั้งแต่มีวรรณคดีเขียนในสมัยอยุธยา ตามตำราที่ปรากฏนั้นเขียนไว้มากถึง 108 ปาง คนไทยเคารพนับถือมากเพราะเป็นเทพด้านศิลปวิทยา โดยเฉพาะบุคคลที่มีอาชีพด้านการแสดงหรือศิลปะ

    "การสร้างพระพิฆเนศในลักษณะอื่น ก็คงเหมือนภาพในสวนสนุกที่เราเอาหน้าไปโผล่เพื่อถ่ายรูป ถือว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่จะเกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ที่คนลือหรือไม่นั้น ไม่อยากให้ตื่นตระหนก อยากให้คิดแบบพุทธ หาเหตุหาผลก่อนดีกว่า"


    [​IMG]


    ส่วนนายธนากร ตันอาวัชนการ ประธานชมรมฮวงจุ้ย กล่าวว่า ความอาถรรพ์น่าจะมาจากสาเหตุของการหันทิศ "ผิดชัยภูมิ" จริงๆ พระพิฆเนศต้องมีชัยภูมิที่ถูกตำแหน่งของท่าน ควรเป็นภูเขาและแม่น้ำ พระพิฆเนศก็เหมือนภูเขา ซึ่งจะต้องจับแม่น้ำได้ แต่ถ้าท่านหันหลังให้หรือแม่น้ำนั้นพุ่งเข้าชนในจุดของพระพิฆเนศ จะส่งผลถึงเจ้าของและสิ่งที่ท่านมองเห็นอยู่ข้างหน้า ภาษาของฮวงจุ้ยเรียกว่าผิดตำแหน่งจะส่งผลไม่ดี

    แต่ละทิศมีความหมาย เช่นสมมุติว่าเราหันตำแหน่งพระพิฆเนศไปตรงทิศสุขภาพ ท่านก็จะส่งเสริมให้สุขภาพเจ้าของบริษัทนั้นๆดีขึ้น และหากทิศนั้นเป็นทิศการเงินแล้วหันพระพิฆเนศไปอยู่ในตำแหน่งนั้น ก็เหมือนกับเป็นการอุดเงินไม่ให้เงินเข้าก็เป็นได้ เพราะดวงดาวแต่ละเดือนมันไม่เหมือนกัน ถ้าวางไม่ดีก็อาจจะเจออิทธิพลของดวงดาวจะทำให้เกิดผลร้ายขึ้นมา


    [​IMG]


    ประธานชมรมฮวงจุ้ย ยกตัวอย่างว่า ถ้าหากวางพระพิฆเนศตำแหน่งตะวันตกเฉียงเหนือ อาจจะส่งผลร้ายแก่เจ้าของบ้านทำให้เจ็บป่วย ถ้าเป็นทิศตะวันออกเฉียงใต้ ลูกสาวคนโตจะอันตราย ถ้าเป็นทิศตะวันออกคือลูกชายคนโต หากเป็นทิศใต้ก็จะเป็นลูกสาวคนที่ 2 หรือกลุ่มวัยรุ่นก็จะเป็นอันตราย ถ้าเป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือคือลูกชายคนเล็ก แล้วทิศเหนือคือทิศพ่อหรือเจ้าของบ้าน ถ้าเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้คือตำแหน่งแม่

    "ตำแหน่งที่ถือว่าสำคัญกว่าใครทั้งหมด เหมาะกับการตั้งพระพิฆเนศ ก็คือทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพราะเป็นทิศที่รวมสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ ผมคิดว่าตำแหน่งที่วางของพระพิฆเนศองค์นี้อาจจะวางตำแหน่งตะวันออกเฉียงใต้ แล้วปีนี้เป็นตำแหน่งผ่ากลาง เนื่องจากเป็นปีไม่ดี ภาษาฮวงจุ้ยเรียกว่าเป็นปี "ประตูผีเปิด" ซึ่งมีดาวอยู่ 9 ดวง ถ้าเดือนไหนดาวทั้ง 9 เรียงประสานวิ่งผ่ากลางกัน มันจึงเกิดประตูผีเปิด เพราะฉะนั้นต้องดูเรื่องดวงดาวกับการวางตำแหน่ง ทั้งนี้ผมจะไม่วิจารณ์เรื่องรูปลักษณ์ของท่าน เพราะว่าถ้าไปดูที่อินเดียจะเห็นว่ามีหลายแบบมากๆ”


    [​IMG]


    อีกประเด็นหนึ่งที่ประธานชมรมฮวงจุ้ยชื่อดัง อยากจะตั้งข้อสังเกตคือจุดตั้งของพระพิฆเนศมีอิทธิพลกับตึก หากหน้าพระพิฆเนศหันไปที่ตึกไหนจะไม่เหมาะ เพราะจะเฝ้ามองแต่คนในตึก ดังนั้นทิศทางที่ถูก จะต้องหันหน้าออกข้างนอก ต้อนรับกับกระแสที่กำลังวิ่งมา

    "จะเห็นศาลพระภูมิบนโรงพักที่หันหน้าเข้าโรงพักของตัวเอง ก็ทำให้ตำรวจสนใจแต่พวกเดียวกัน ประจบประแจงไม่สนใจชาวบ้าน การวางพวกนี้ก็เป็นหลักเดียวกัน หรืออย่างกรณีที่ทำเนียบรัฐบาลแก้เคล็ดด้วยการนำกระถางมาวางสนุ้กกันสิ่งไม่ดีเข้าปะทะ ภาษาฮวงจุ้ยเรียกว่าวางดักกระแส ดังนั้นผมแนะนำว่าถ้าพระพิฆเนศหันหน้าไปยังตึกหรือหันหน้าผิดทิศ ให้เอากระถางต้นไม้หรือต้นไผ่วางเป็นแนวกั้นเอาไว้ หรือไม่เอาน้ำพุ่งมาวางระหว่างกลาง" ประธานชมรมฮวงจุ้ยกล่าวทิ้งท้าย.




    ----------
    [​IMG]
    <LABEL>ไทยรัฐออนไลน์</LABEL>

    <SMALL>วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2553</SMALL>
    "ปรับฮวงจุ้ย" แก้อาถรรพ์ "ประตูผีเปิด" - ข่าวไทยรัฐออนไลน์<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. ขุนแผนน้อยน่ารัก

    ขุนแผนน้อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +772
    ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆนะครับ

    ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของกาลามสูตร
     
  3. กิตติ_เจน

    กิตติ_เจน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,657
    ค่าพลัง:
    +1,281
    เรื่องแบบนี้แล้วแต่ความเชื่อ
     
  4. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ค่าเชิญไปทำพิธีคงแพงน่าดูเลยแบบนี้
     
  5. ณัฐสิทธิ์

    ณัฐสิทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +1,916
    ขออนุญาติเอากระทู้ของ คุณสันโดษ มาแปะให้อ่านนะครับ

    วิธีแก้เคราะห์ของแผ่นดิน

    --------------------------------------------------------------------------------

    http://www.dhammatoday.com/images/stories/pd_02 .jpg


    ที่มา... นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 20 มิถุนายน 2553

    โดย..ลม เปลี่ยนทิศ

    สัปดาห์ที่แล้ว นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัด ทำบุญใหญ่ 5 ศาสนา ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำบุญประเทศ

    ข่าวว่ามีเกจิ อาจารย์ทายทัก ฮวงจุ้ยไม่ดี หากไม่ทำบุญใหญ่ บ้านเมืองจะเกิดความ วุ่นวาย

    พระพรหม ที่สถิตอยู่บนยอดตึกไทยคู่ฟ้า อาจไม่คุ้มครองทำเนียบรัฐบาล ว่ากันไปโน่น

    วัน เสาร์สบายๆวันนี้ผมเลยขอนิมนต์ธรรมะข้อคิดของท่าน ว.วชิรเมธี พระชื่อดังจากหนังสือ

    ลายแทงแห่งความสุข มาถ่ายทอดสู่กันฟัง เพื่อประเทืองปัญญาคณะรัฐมนตรีและพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

    ขอเชิญสดับ ฟังได้ ณ บัดนี้

    "ในบ้านเมืองที่วัฒนธรรมทาง ปัญญายังไม่เข้มแข็ง

    "ปัญหา" จะถูกเรียกว่า "เคราะห์"

    วิธีแก้ปัญหาจึงถูกออกแบบมาให้เป็นการ "สะเดาะเคราะห์" และการ "ทำบุญประเทศ" ครั้งแล้วครั้งเล่า

    แต่เคยสังเกตบ้างไหมว่า ยิ่งสะเดาะเคราะห์ ทว่ากลับดูเหมือนเคราะห์ จะหนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ

    ซ้ำยังขยายขอบเขตกว้างขวางออกไป จนกลายเป็นเคราะห์กรรมของคนทั้งแผ่นดิน

    ใน บ้านเมืองที่วัฒนธรรมทางปัญญาเข้มแข็ง "ปัญหา" จะถูกยอมรับในฐานะที่เป็น "วิกฤติ"

    (ไม่เกี่ยวกับดวงชะตา-ฮวงจุ้ย-คุณไสย-คู่อริกลับชาติมาเกิดเพื่อ ราวีกัน)

    ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาจึงเน้นการ "วิเคราะห์" อันนำไปสู่การอธิบายปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผล

    (หรือเป็นวิทยาศาสตร์ หรือเป็นไปตามหลักเหตุปัจจัยที่ว่า "สิ่งนี้มี–สิ่งนี้จึงมี")

    และนำไปสู่กระบวนการแก้ไขอย่างตรงประเด็นและยั่งยืน ไม่ใช่แก้ปัญหาเก่าเพื่อสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาแทนที่ เหมือนที่บางประเทศนิยมทำกัน

    ความแตกต่างในวิธีการมองปัญหา และแก้ปัญหาของสองโลกทัศน์นี้อยู่ตรงที่

    1. หากมองปัญหาว่าเป็น "เคราะห์" วิธีแก้ปัญหาจะหนักไปทาง "สะเดาะเคราะห์"

    และตัวปัญหาจะกลายเป็น "มือที่มองไม่เห็น" โดยที่ไม่เกี่ยวกับ "คน" และ "คน"

    ไม่เคยเป็นปัญหา หากแต่ปัญหาคือ "อะไรก็ไม่รู้" ซึ่ง "มองไม่เห็น" และเจ้า "อะไรก็ไม่รู้" นี่เอง ที่คอยเล่นงานประเทศไทยให้วุ่นวายไม่รู้จบ

    ส่วน "คน" ไม่ต้องแก้ไขอะไร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร นี่คือ วิธีแก้ ปัญหาแบบปัดความรับผิดชอบ

    หรือแก้ปัญหาแบบไม่แก้ปัญหา และดังนั้น ปัญหาจึงไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างเป็นจริงเป็นจัง อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และอย่างที่คนผู้มีปัญญาจะพึงกระทำกัน

    2. หากมองปัญหาว่าเป็น "วิกฤติ" วิธีแก้ปัญหาจะหนักไปทาง "วิเคราะห์"

    เพื่อแยกแยะหาสาเหตุแห่งปัญหา หรือ "วิจัย" เพื่อแสวงหาคำตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล มีหลักฐาน หลักวิชาการรองรับ และ

    นำ ไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างตรงประเด็น ยั่งยืน และผู้ที่เป็นตัวปัญหา

    จะเป็นสิ่งที่สามารถหยิบจับสัมผัสได้ อธิบายได้ มีชีวิตอยู่ในโลกนี้

    และการแก้ปัญหาจะใช้ "คน" เป็นหลัก ไม่มีการปัดความรับผิดชอบไปให้สิ่งอื่นที่นอกเหนือมนุษย์ออกไป

    ดัง นั้น เมื่อแก้ปัญหาด้วยวิธีการแห่งปัญญาจบแล้ว ก็จึงเป็นอันจบ

    ใน บ้านเมืองที่ คนมีวัฒนธรรมทางปัญญาไม่เข้มแข็ง ประชาชนจะอยู่กันด้วย "ความรู้สึก"

    และมากไปด้วย "ความขัดแย้ง" พร้อมมี "ความริษยา" คนเก่ง คนดี

    ซึ่งเมื่อประชาชนมากไปด้วย "ความ รู้สึก" อุดมไปด้วย "ความขัดแย้ง"

    ซ้ำยังมี "ความริษยา" เข้มข้น ประชาชนก็จะ "แตกความสามัคคี" และนำไปสู่ "สงครามกลางเมือง" อย่างง่ายดาย..."

    บทความเรื่อง เคราะห์กรรมของแผ่นดิน นี้ท่าน ว.วชิรเมธีเขียนเตือนเมื่อเดือนมีนาคม 2552

    แล้ว "สงครามกลางเมือง" ก็มาเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง หนึ่งปีเศษหลังจากที่ท่านได้เขียนเตือนแล้ว

    ผมก็ขอฝากข้อคิดของ ว.วชิรเมธี ไว้ตรงนี้ เพื่อเตือนสติคนไทยทุกคน ฝากไปยัง

    นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อนำไปเป็น "ฐานปัญญา" ของ รัฐบาลและคณะรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองอย่างยั่งยืน.

    "ลม เปลี่ยนทิศ"

    ที่มา: http://www.dhammatoday.com/index.php...-25-13&lang=th
     
  6. namaha

    namaha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +111
    โอม ศานติ.... โอมศานติ.... โอมศานติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...