ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. RMX

    RMX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +2,666
    ขออนุโมทนาในบุญของทุกท่านด้วยนะครับ

    วันนี้ผมขออนุญาตเล่าถึงประสบการณ์ในการที่ได้ร่วมปฏิบัติธรรม
    และฝึกวิชามโนมยิทธิในช่วงวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ณ ศูนย์พุทธศรัทธาบ้างนะครับ
    เผื่อจะ่ช่วยแบ่งเบาจากพี่ๆได้บ้าง

    สำหรับวิชามโนฯนี่ผมได้รับทราบข้อมูลจากเว็บบอร์ดนี้เป็นที่แรกเลยครับ
    ส่วนตัวมีความสนใจอยากจะฝึก และก็ค่อนข้างชอบการทำสมาธิอยู่พอสมควร
    หลังจากที่ได้อ่านเนื้อหาในกระทู้นี้แล้ว ก็เคยพยายามทดลองทำตามอยู่้บ้าง
    แต่ก็ไม่สามารถที่จะฝึกได้ด้วยตนเองครับ

    จึงขอแนะนำผู้ที่สนใจแต่ยังไม่เคยไปร่วมการฝึกว่า หากได้ฝึกกับครูแบบตัวต่อตัวจะได้ผลเร็วกว่าการพยายามลองนั่งเองที่บ้านอย่างมากครับ
    เพราะในการฝึกนั้นหากมีความลังเลใจ หรือสงสัยเกิดขึ้นระหว่างนั้น
    ครูฝึกจะช่วยเราได้อย่างมากในการทำให้ความสงสัยนั้นหายไปได้ครับ

    ในส่วนนี้สำหรับผมแล้วคิดว่าจำเป็นอย่างมากครับที่เราจะต้องแก้ความสงสัยให้หมดไปตั้งแต่คราวที่ยังฝึกกับครูอยู่
    เพราะหลังจากที่กลับมาจากการปฏิบัติธรรมครั้งนี้แล้ว
    ผู้ที่ได้มโนฯบางคนในกลุ่มก็ยังไม่สิ้นสงสัยครับ เป็นเหตุให้การฝึกด้วยตัวเองภายหลังทำได้ยากขึ้นครับ

    สำหรับผู้ที่ไปร่วมปฏิบัติแล้วฝึกมโนได้นั้น รวมแล้ว 7 คนครับ
    และมีผู้ที่ได้รับการฝึกแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ สงสัยอยู่อีก 3-4 คนครับ

    ขอย้อนกลับไปวันแรกของการปฏิบัติ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของผมที่ได้ฝึกมโนฯครับ
    เป็นเวลาบ่ายของวันแรก การฝึกแบ่งเป็นสองแบบครับ คือ
    ฝึกรวมในศาลา และฝึกแยกเป็นกลุ่มย่อย โดยมีครูฝึกประจำกลุ่ม
    ซึ่งตอนแรกคิดว่าน่าจะมีคนฝึกแยกเยอะ แต่ผลกลับตรงข้ามกันครับ
    ส่วนมากไม่กล้าออกมาฝึก จึงรวมตัวกันฝึกอยู่ภายในศาลา
    กลายเป็นผู้ที่ออกมาฝึกด้านนอกมีจำนวนน้อย

    สอบถามในภายหลัง คนส่วนมากที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับวิชานี้ กลัวการฝึกครับ
    กลัวว่าฝึกแล้วจะได้เจออะไรที่แปลกประหลาด แล้วทำให้กลายเป็นคนผิดปกติไปครับ
    แต่หลังจากฝึกแล้ว ผมก็ว่าผมยังเป็นคนปกติดีนะนี่
    หรือว่าคิดไปคนเดียว แต่คนอื่นเห็นเราผิดปกติก็ไม่รู้นะครับ ฮ่าๆ

    ผมอยู่ในกลุ่มแรกๆที่เดินออกมามอบตัวกับครูฝึก จำได้ว่าน่าจะเป็นคนแรกๆเลยด้วยครับ
    เนื่องจากตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะฝึกให้มากที่สุด โดยไม่สนใจว่าจะฝึกได้หรือไม่ได้ครับ
    ขอให้ได้ฝึกเอาไว้ก่อน คิดในใจว่า ไหนๆก็มีโอกาสแล้ว ขอลุยให้ถึงที่สุด ส่วนผลนั้นแล้วแต่บุญวาสนาจะพาไปครับ

    ในกลุ่มที่ฝึกนั้นนั่งล้อมวงกันทั้งหมด 5 คน
    โดยมีครูฝึก 1 ท่าน ขออภัยที่ไม่ทราบชื่อครับ ไม่กล้าถามด้วยความเกรงใจอีกเช่นเคยครับ
    ครูท่านแรกของผมเป็นผู้หญิง อายุไม่มาก ผมสั้น และดูท่าทางคล่องตัวมากเลยครับ
    (อุอุ พยายามบอกใบ้ให้คนที่รู้จักกับครูท่านนี้มาเฉลยชื่อให้ครับ)

    เริ่มต้นครูก็ให้ภาวนา นะ มะ พะ ทะ ไปสักระยะหนึ่งก่อน
    แล้วจึงเริ่มด้วยการอธิบายนำให้เห็นโทษของการมีร่างกาย
    ให้ผู้ฝึกเห็นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของที่ควรจะต้องหวงแหนอีกต่อไป
    ที่ชอบใจก็คือ ครูบอกว่าหลวงพ่อสอนให้เราเห็นว่า กายเราเป็นถุงขี้เดินได้ครับ
    ได้ยินคำนี้เข้าไป เรียกว่า เก็ททันที ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ใครอยากแบกถุงขี้ต่อก็ตามใจ
    ส่วนผมขอบายครับ วางถุงกันแทบไม่ทันเลยครับ ฮ่าๆ

    จากนั้นก็ให้นึกถึงภาพพระที่เราจำได้
    ถึงตรงนี้ผมก็งงนิดนึงครับ มันแปลกตรงที่เราก็เห็นพระมาเยอะแยะ
    เราก็คิดว่าเราจำได้ แค่นึกภาพพระมาไว้ตรงหน้าเรา แค่นี้ง่ายนิดเดียว
    แต่ตอนฝึกอยู่นั้น ช่วงนี้ผมกลับทำไม่ได้ทันทีอย่างที่คิดครับ
    นึกไปนึกมา ไม่สามารถเห็นภาพพระได้ครับ แถมคนที่นั่งถัดไปทั้งซ้าย และขวา
    ก็ตอบออกมาอย่างมั่นใจ ว่าได้แล้วๆ ไอ้เราอยู่ตรงกลางก็กดดันสิครับ
    (อันนี้ไม่ดีนะครับ เวลาปฏิบัติเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล อย่าไปสนใจคนอื่นครับ ไม่งั้นเราก็ไม่ได้สักที)

    จนสุดท้ายก็จับภาพได้แบบแว่บมา แว่บไปครับ
    คงเป็นเพราะใจยังมีกังวล และตื่นเต้นเกี่ยวกับการฝึกอยู่
    ครูก็บอกให้เราน้อมจิตกราบพระ และขอบารมีของท่านในการฝึก
    ก็สามารถทำตามได้ครับ แต่เนื่องจากเป็นการฝึกกลุ่ม ครูจึงต้องคอยถามผู้ฝึกร่วมท่านอื่นๆไปด้วย
    เวลาที่ครูถามเราก็จับภาพได้ พอครูถามคนอื่น เราก็หล่นแป๊กอีก เป็นอยู่ตลอดการฝึกเลยครับ

    จากนั้นก็ขอบารมีให้พวกเราไปกันที่พระจุฬามณีครับ
    ถึงตรงนี้ก็งงสิครับ ถึงจะเคยอ่านมาว่าเป็นอะไรยังไง นาทีนั้นมึนตึ๊บครับ
    เราก็เห็นแต่หมอกควัน คล้ายๆกับเมฆ พอครูถามอีกว่าไปถึงยัง
    ผมก็ตอบกลับไปว่า ไม่เห็นครับ
    ครูก็เลยสวนทันควันว่า ไม่ใช่ให้เห็นด้วยตา ให้เห็นด้วยความรู้สึก
    ก็งงไปอีกพักใหญ่ครับ สุดท้ายก็พอมองเห็นลางๆในความรู้สึกได้
    เนื่องจากมีผู้ที่ฝึกร่วมไปกันแล้วสามคน เหลือเรายังงง กับอีกท่านหนึ่งที่ฝึกแ้ล้วไปไม่ได้ครับ
    ก็อาศัยว่าเค้าตอบยังไงเราก็คิดตามไปก่อน
    สุดท้ายเลยได้เห็นบันไดกับเค้าบ้างครับ

    พอแว่บแรกที่เห็นบันได ก็งงอีกครับ ใช่ป่าวหว่า แค่สงสัยเท่านั้นแหละครับ
    งานเข้ากันเลยทีเดียว จอมืดไปซะงั้น (ดีนะที่ใส่เสื้อขาว ไม่งั้นเค้าจะหาว่าเสื้อแดงเลยจอมืด หุหุ)

    เพื่อนข้างๆก็ตอบกันไปๆมาๆ คนนั้นเห็นเป็นแบบนี้ อีกคนเห็นแบบนั้น
    เราก็นึกเสียกำลังใจอยู่ว่า เห็นแค่บันไดง่ะ อย่างอื่นไม่มีรายละเอียดเลย
    แล้วก็นั่งฟังคนอื่นกันไปก่อน ของเรามีแค่นี้ก็บอกแค่นี้ ตอบแต่บันไดอย่างเดียวเลย
    สงสัยจะมีจิตใจฝักใฝ่ทางบันไดเยอะไปหน่อย ประตูก็ไม่เห็น เสาก็ไม่เห็น

    ครูก็ให้ขอบารมีพระให้ได้เข้าไปข้างในพระจุฬามณี
    ก็พยามยามตามเค้าไปครับ อีกเช่นเคย รอบข้างเห็นกัน ยิงเป็นชุด
    เราก็มืดบ้าง มัวบ้าง เห็นบ้าง เป็นระยะ สลับกันไป
    แต่ก็พอจะกล้อมแกล้ม เอาเป็นว่าได้ไปก็แล้วกัน อิอิ (แอบเข้าข้างตัวเองนิดนึง)

    รายละเอียดในสิ่งที่ผมรู้สึกว่าเห็นนั้น ขอไม่เล่านะครับ
    กลัวว่าคนที่ได้อ่านก่อนฝึก เวลาฝึกได้แล้วจะิคิดว่าเป็นอุปทานเพราะข้อมูลเดิมที่เคยอ่าน

    จากนั้นก็ได้กราบพระในพระจุฬามณี ครูฝึกให้มองไปด้านหลังพระที่กราบว่ามีพระพุทธเจ้าเยอะไหม
    ตรงนี้ถึงกับอึ้งกิมกี่ครับ เพราะเห็นว่าเป็นแถวยาวมากๆเลย
    นาทีนี้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่สนใจแล้วว่าเห็นไม่เห็น ใช่ไม่ใช่
    รู้แต่ว่ามันสุดยอดมากครับ กับสิ่งที่ได้พบเจอ จากตรงนั้นก็เริ่มเกิดปิติมากขึ้นเรื่อยๆ
    และรู้สึกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่กับเราที่พระจุฬามณี เป็นแม่ของเราเองก็ยิ่งปิติมากขึ้นไปอีกครับ

    จากนั้นครูก็ให้ออกมาด้านหน้าและไปกราบท่านปู่พระอินทร์ พอกราบท่านก็ลูบหัว เราก็ยิ่งปิติเพิ่มเข้าไปอีกครับ

    เสร็จจากนั้นก็ต่างคนต่างไปวิมานของตัวเองครับ คราวนี้รู้สึกว่ามีผู้ชายมายืนอยู่ด้วยครับ แต่ก็ยังไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจน
    เห็นแค่เป็นบริเวณวงแคบๆ เหมือนเวลาเข้าถ้ำมืดๆแล้วมีไฟฉายที่ถ่านใกล้หมด ส่องไปให้เห็นทางในระยสั้นๆครับ

    แล้วก็กลับมาที่จุฬามณีอีกครั้งโดยมองไปบริเวณสวนใกล้ๆ แต่ละคนก็จะเห็นต้นไม้มีรูปร่าง และสีสันแตกต่างกันไป

    ก็เป็นอันว่าจบการฝึกในช่วงบ่ายของวันแรก
    พอจบจากการฝึกผมก็มานั่งทบทวน แล้วก็นั่ง งง กับตัวเองไปตลอดว่า
    ตกลงเราเห็นอะไรบ้าง แล้วที่เห็นมันจริงรึเปล่า สิ่งที่เราเห็นมันเป็นจริง หรือ เป็นอุปทาน
    แล้วทำไมคนอื่นเห็นชัด เราเห็นไม่ชัด เค้าจะเห็นแบบเดียวกับเราบ้างหรือเปล่า
    แบบว่าคำถามร้อยแปดประดังมากันไม่ขาดสายเลยครับ แต่คิดจนแล้วจนรอด ก็ได้แต่ความว่างเปล่า
    ยังไม่สามารถตอบตัวเองได้สักอย่างเลยครับในวันนั้น

    จากการฝึกในวันแรกนั้น ผมจึงได้ข้อสรุปออกมาว่า ถ้าจะฝึกวิชามโนมยิทธิอย่างจริงๆจังๆ
    ควรต้องได้รับการฝึกจากครูโดยตรง เพื่อให้เราสามารถพิสูจน์สิ่งต่างๆจากการปฏิบัติทันที
    ไม่เช่นนั้นแล้วจะเกิดความสงสัยมากมาย ทำให้การปฏิบัติครั้งต่อๆไปทำได้ยากครับ
    อีกอย่างที่สำคัญก็คือ การวางอารมณ์ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องได้รับการสอนโดยตรงครับ
    ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการยากครับว่าให้ทำใจวางไว้ประมาณไหนจึงจะเพียงพอ ซึ่งผมได้รับการสอนเรื่องนี้ในวันที่สองครับ

    ขอพักไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ ไว้เรียบเรียงวันที่สองเสร็จแล้วจะมาเพิ่มเติมให้อีกครับ

    ปล. ผลของการปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องการรับรู้เฉพาะบุคคลครับ อาจจะเหมือนหรือต่างจากผู้อื่นได้
    แต่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวเราเองจะเป็นผู้รู้ได้ว่าสิ่งนั้นเราได้พบจริงหรือไม่อยู่ในใจลึกๆครับ
     
  2. เดือนยี่

    เดือนยี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +1,377
    ถึงพี่ Me, myself หนูติดตามกระทู้ของพี่ มาเป็นเวลากว่า1 สัปดาห์ ตอนนี้อ่านไปจนถึง หน้า 69 รู้สึกดี มากๆ ครั้งแรกที่อ่านรู้สึก เสียใจ ที่ตัวเองเพิ่งมาอ่าน อยากจะขึ้นไปกราบองค์พระศาสดา ไม่รู้ว่าจะมีบุญรึเปล่าค่ะ เรียนธรรม ก็ไม่เคยกระดิกหู ลืมไปหมด(หรือเราบาปหนา อิอิ) อยากนั่งสมาธิกับเขาให้เป็นก็ทำไม่ค่อยได้ จิตใจอ่อนแอ ไม่ค่อยหนักแน่นจริงจัง ขี้เกียจ ตอนนี้ 29 แล้วเพิ่งจะมาคิดได้ เฝ้าแต่ถามตัวเองว่าความสุขอยู่ที่ไหน เบื่อโลก ถ้าเราลองมานั่งสมาธิอาจจะมองเห็นทางสว่าง ตอนนี้ก็เริ่มสวดมนตร์ เข้าเว็บธรรม อ่านกระทู้พี่แล้วรู้สึกดี กับพี่ และคุณฝนมาก และหนูก็เชื่อในสิ่งที่พี่ได้พูด ได้พบ ได้เห็น หนูอยากจะสนทนาธรรมทางจิตกับพระท่านบ้าง เหมือนที่พวกพี่ๆน้องๆใน กระทู้บางคนทำได้ ตาสว่างขึ้นเยอะค่ะ ขอขอบพระคุณพี่และทุกคนในกระทู้มากเลยนะค่ะ จะติดตามความเคลื่อนไหวในกระทู้ของพี่เรื่อยๆนะค่ะ คิดว่าอยากจะนั่งสมาธิอย่างจริงจัง ยังปอดๆอยู่ค่ะ สงสัยต้องรื้อฟื้นใหม่กันอีกซักพักนึงนะค่ะ พูดมากจังเนอะ ฮาๆ เป็นกำลังใจและยังร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกคนอยู่นะค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ
     
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    มีคลิปวีดีโองานบวชเนกขัมมะบารมีวันวิสาขบูชามาให้ชมและโมทนาบุญครับ


    <EMBED height=385 type=application/x-shockwave-flash width=480 src=http://www.youtube.com/v/5WkJ94_snIs&hl=en_US&fs=1&autoplay=1 allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
     
  4. งงในดงแมว

    งงในดงแมว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +121
    กระทู้ #2517

    อ่านถึง กระทู้ #2517ที่คุณฝนเขียนถึงทหาร น้ำตาไหลพรากๆเลยค่ะ

    ขออุทิศบุญกุศลของข้าพเจ้าให้กับท่านทหารของประเทศไทยผู้รับใช้เบื้องพระ

    ยุคลบาท และเสียสละเพื่อประเทศ ขอบคุณที่เขียนถึงและทำให้ได้ระลึกถึง


     
  5. RMX

    RMX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +2,666
    ขออนุญาตเล่าต่อนะครับ หลังจากไปเรียบเรียงเพิ่มเติมมาได้

    ในวันที่สองนั้นตั้งแต่ช่วงเช้ามาก็ร่วมปฏิบัติธรรมมาจนถึงช่วงบ่าย จนได้เวลาบรรยายของ อ.คณานันท์
    จนถึงเวลานี้ผมเองก็ยังคงสงสัย และงงกับสิ่งที่ได้พบเจอมาเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้เป็นกังวลมากนัก พอถึงเวลาที่อาจารย์บรรยาย
    และสอนเรื่องฌาณสี่ใช้งาน ก็พยายามปฏิบัติตามคำบอกโดยไม่คิดอะไร ว่าถูกหรือผิด รู้สึกอยู่ในใจแค่ว่าทำตามอาจารย์ไปเดี๋ยวดีเอง

    ในช่วงนี้เองครับที่ได้รับทริคการวางอารมณ์จากอาจารย์ว่า เวลาปฏิบัติธรรม หลายคนคงลืม ทำจิตใจให้ผ่องใส
    พอได้ยินคำนี้ คลิ๊ก เลยครับ ว่า โอวแม่เจ้า ที่เราทำอย่างตั้งใจ เคร่งเครียดมาตลอดนี่มันไม่เวิร์ค เพราะอะไร
    อาจารย์แนะนำให้เวลาปฏิบัติธรรมนั้นทำจิตใจให้ผ่องใส โดยอาจจะอมยิ้มมุมปากเล็กๆเพื่อช่วยก็ได้
    พอได้เทคนิคมาเท่านั้นล่ะครับ อะไรที่เคยตีบตัน อะไรที่เคยมัวๆ ก็เริ่มใสขึ้นเป็นลำดับๆไป

    หลังจากที่ปฏิบัติในช่วงบ่ายแล้ว เมื่อถึงเวลาพักก็ได้รับเมตตาจาก อาจารย์วิภาพร ในเรื่องการวางอารมณ์เพิ่มเติมอีก
    ซึ่งเป็นการสอนในขณะที่ผมกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไปอื่นๆกับอาจารย์อยู่ครับ
    อยู่ดีๆอาจารย์ก็มองหน้าผมแล้วพูดว่า "ประมาณนี้ ใสขึ้นอีก ใสขึ้นอีก"
    ผมก็มองหน้าอาจารย์และงงอยู่แว๊บหนึ่งครับ จึงพอเข้าใจว่า ออ ให้ทำความว่างของอารมณ์
    โดยกำหนดจิตให้เป็นดวงแก้ว แล้วทำความใสให้มากขึ้นเป็นลำดับ
    ก็ทำตามที่อาจารย์แนะนำทันที จนถึงระดับหนึ่ง อาจารย์ก็บอกเลยครับ ว่าเอาแค่นี้นะ ให้ว่างเข้าไว้แบบนี้
    เป็นอันว่าได้รับการสอนแบบจู่โจมเข้ามาเลยครับ คงเป็นเพราะอาจารย์ทราบว่าเราติดขัดอยู่ที่ส่วนไหน จึงได้เมตตาแก้ข้อขัดข้องให้ครับ
    ซึ่งพอได้รับคำแนะนำนี้แล้ว ก็ต้องเกิดการลองวิชากันบ้างครับ
    โดยผมอาศัยจังหวะในการทำวัตรเย็นนั้นเอง ลองของกันล่ะครับว่าที่อาจารย์สอนเรื่องวางอารมณ์นั้นจะทำให้เราปฏิบัติได้จริงหรือไม่

    ผลของการทดลองในช่วงทำวัตรเย็นก็คือ ผมสามารถที่จะขึ้นไปกราบองค์พระศาสดาในขณะทำวัตรเย็นไปด้วยครับ
    และเป็นภาพที่แจ่มใสชัดเจนกว่าเมื่อวานมาก เพราะสามารถที่จะรับรู้รายละเอียดโดยรอบได้มากขึ้น
    แถมยังสามารถเห็นอาทิสมานกายของตนเองได้ชัดเจนด้วยครับ
    แต่ว่าพอทำวัตรเย็นไปได้สักครึ่งทาง ก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมาดื้อๆเลยครับ สงสัยจะเป็นเพราะกำลังสมาธิที่มีอยู่นั้นยังไม่มากพอ
    ก็เป็นอันว่าได้ทำวัตรเย็นแบบลูกครึ่งกันไปครับ แต่เป็นครึ่งแรกทำวัตรข้างบน ครึ่งหลังทำวัตรข้างล่างครับ หุหุ

    พอเริ่มเห็นผลได้เรื่องได้ราวกับมากขึ้นแล้ว ในใจก็รู้สึกฮึกเหิมครับ ว่าอยากฝึกเพิ่มเติมอีก
    เพราะในใจก็ยังไม่คลายสงสัยในบางเรื่อง และคิดว่าศรัทธาเรายังไม่เต็มร้อย ตอนนี้ได้แค่เกือบๆเท่านั้นเอง
    ก็เลยขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ชนะ ในการฝึกเพิ่มเติมในช่วงกลางคืนครับ
    ในตอนแรกในใจก็คิดว่าคงได้ฝึกเหมือนกับบ่ายวันก่อนหน้า
    แต่พอไปพบอาจารย์แล้ว ท่านบอกว่ามาฝึกญาณแปดกัน ก็เลยเป็นกังวลขึ้นมาอีกครับว่า การไปแบบทั่วไปนี่เรายังมืดๆมัวๆ
    แล้วนี่เท่าที่พอทราบมาก็คือ การฝึกญาณแปดนี่ยากกว่าที่เคยลองฝึก แล้วมันจะรอดไหมนี่

    ไหนๆก็ได้รับเมตตาแล้วครับ นาทีนี้สู้ไม่ถอยอยู่แล้วครับ คิดว่ายังไงอาจารย์ก็ต้องช่วยเราเต็มที่ล่ะ เพราะท่านรับปากสอนให้แล้ว อิอิ
    ก็เริ่มต้นกันโดยอ.ชนะให้จัดพานครูก่อนเริ่มการฝึกครับ
    พอเริ่มฝึกอ.ก็ให้ทำสมาธิสักครู่ จึงเริ่มนำการฝึกให้กับพวกผม โดยมีน้องอีกสองคนมาร่วมฝึกด้วยกันครับ
    ในการฝึกครั้งนี้ เริ่มต้นโดยการกราบพระ และขอท่านว่าฝึกญาณแปดกันได้หรือไม่
    ท่านตอบผมว่าได้ ส่วนน้องอีกสองคนนั้น บอกว่า ท่านยิ้มให้ครับ

    ในช่วงการฝึกนี้ตั้งแต่เริ่มต้น ภาพที่รู้สึกได้แตกต่างกับเมื่อวานโดยสิ้นเชิงเลยครับ
    ทุกอย่างค่อนข้างแจ่มชัดมากตั้งแต่น้อมกราบพระในตอนแรก น่าจะเป็นผลจากการวางอารมณ์ได้
    และตัวผมเองในขณะนั้นมีศรัทธาและเชื่อในวิชานี้แล้วครับ

    เนื่องจากในช่วงบ่ายที่อ.คณานันท์นำฝึกให้นั้น ระหว่างที่ปฏิบัติไปก็มีปรากฎการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ
    ซึ่งก็คือ มีอยู่ช่วงหนึ่งผมรู้สิ่งที่อาจารย์กำลังจะพูดเป็นคำถัดไป อยู่ระยะใหญ่ๆ เป็นเหมือนความคิดผุดขึ้นกลางหัวได้เองครับ
    พอผุดเสร็จอาจารย์ก็พูดคำนั้นออกมาเรื่อยๆ เรียกว่า เหมือนเราคิดออกมาเป็นเป้าบิน แล้วอาจารย์ก็ใช้ปืนยิงเป้าบินของเราเลยล่ะครับ
    ก็เป็นที่สร้างความประหลาดใจให้กับผม แต่ก็ยังเก็บไว้ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง

    อีกอย่างก็คือ ในช่วงแรกของการฝึกกับอ.คณานันท์ ผมพยายามจับภาพหลวงพ่อฤาษีท่าน แต่ก็ปรากฏเป็นพระถือไม้เท้ามาตลอด
    ผมก็คิดในใจว่า เราเห็นพระองค์ไหนหนอ เพราะตัวเองไม่เคยเห็นภาพหลวงพ่อถือไม้เท้าครับ
    ก็ยังคิดว่าสงสัยเราจะเบลอน่าดู จะจับภาพท่านไหงกลายเป็นพระองค์อื่น ซึ่งในใจก็คิดว่าถือไม้เท้า สงสัยเป็นท่านพุทธทาส
    แต่พอได้ขึ้นไปกราบองค์ปฐมที่ชั้นบน ก็ไปยืนมองภาพหลวงพ่ออยู่ตั้งนาน พอได้เห็นไม้เท้าข้างเก้าอี้เท่านั้นครับ
    ร้องออกมาเลยว่า เฮ้ย หลวงพ่อถือไม้เท้านี่หว่า ก็เล่าเรื่องที่เราเห็นให้กับน้องที่อยู่ด้วยกัน พร้อมกับเรื่องที่เกิดขณะปฏิบัติช่วงบ่าย
    น้องเค้าก็เล่าให้เราฟังว่า เป็นเหมือนกันเลย คือ เค้าเห็นอะไรปุ๊ป อาจารย์ก็จะพูดออกมาปั๊ป เล่นเอาสะดุ้งเป็นรายตัวกันไป
    แถมยังตบท้ายเรื่องไม้เท้าอีกว่า ถ้าพระที่ถือไม้เท้าเนี่ย อีกองค์ก็ต้องเป็นท่านพุทธทาส
    ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้บอกน้องมาก่อนว่าเรานึกถึงพระองค์ไหน

    ทีนี้ย้อนกลับมาถึงช่วงฝึกญาณแปดกับอ.ชนะอีกทีครับ แหะๆ ไถลไปซะไกลเลยเรา

    ก็เริ่มจากไปที่พระจุฬามณีครับ ส่วนนี้ไม่เป็นปัญหาเพราะทั้งสามคนที่ฝึกร่วมกันนั้นไปมาแล้วเมื่อวาน
    แต่ส่วนตัวผมเพิ่งได้เห็นแบบแจ่มชัดครับ พอเข้าไปด้านในก็กราบพระ ท่านอ.ให้ขอดูพระเขี้ยวแก้ว ก็สามารถทำได้
    ทีนี้ท่านบอกว่าให้ขอดูพระเมาฬีด้วยเพราะพระอินทร์เก็บไว้ที่นี่ เอ้า งงสิครับพี่น้อง เกิดมาไม่เคยได้ยินคำนี้
    ด้วยความเคยชินก็นั่งนึกอยู่ได้ว่าคืออะไร หมวกหรือเปล่า ผมหรือเปล่า หรือว่าของอย่างอื่น
    ครั้นจะตอบส่งๆก็กลัวเสียฟอร์มอุตส่าห์ขึ้นมาได้แล้ว จะมั่วๆคงไม่ได้
    ว่าแล้วก็เลยหยุดคิดครับ แล้วขอบารมีพระว่าขอให้เห็นพระเมาฬี ทั้งๆที่ยังไม่รู้นี่แหละว่าเป็นอะไรกันแน่
    ก็ได้เห็น และสามารถบอกลักษณะได้อย่างถูกต้องครับ ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ผมสิ้นสงสัยอย่างแน่นอน
    เพราะเราไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าสิ่งนี้คืออะไร และคำนี้แปลว่าอะไร แต่เราสามารถเห็นได้ในมโนภาพของเราถูกต้องตรงกันกับคนอื่นๆ

    ทีนี้พอยิ่งเกิดความมั่นใจ ความเชื่อแบบเต็มร้อย ภาพที่ปรากฎก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีกครับ
    ถึงเวลานี้เรียกว่าทิ้งกายเนื้อไปแบบไม่สนใจแล้วครับ เพราะจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เห็นตรงหน้าจนไม่อยากทำอะไรอย่างอื่นแล้ว

    อ.ชนะก็ให้ไปกราบท่านพระอินทร์ แล้วก็ขอบารมีพระให้ได้เห็นพ่อแม่ของเราในทุกๆชาติ ซึ่งมีมากมายเหลือคณานับ
    และให้เราแยกอทิสมานกายให้เท่าจำนวนพ่อแม่ของเรา เพื่อกราบท่านทุกองค์
    ตอนนี้ก็ปิติล้นสองเบ้าตาเลยครับ หุหุ
    จุดนี้ก็เป็นอีกข้อสังเกตหนึ่ง สำหรับผู้ที่ยังลังเลสงสัยในสิ่งที่ได้เห็นว่าเป็นจริงหรือไม่นั้น
    ให้จับเอาความรู้สึกปิตินี่ล่ะครับเป็นตัวชี้วัด ถ้าหากเรามีปิติจากข้างใน จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถปิดกั้นได้ครับ
    และถ้าหากสิ่งที่เราเห็นนั้นเกิดจากการคิด หรือจินตนาการขึ้นมาเอง ก็จะไม่มีทางเกิดความปิติแบบนั้นได้เลยครับ

    ขอพักอีกรอบนึงนะครับ
    จะนำมาโพสเพิ่มเติมอีกในวันหลังนะครับ
     
  6. เกิดมานาน

    เกิดมานาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +2,547
    ผมได้อ่านกระทู้ของคุณ rmxแล้วผมได้ใจมากเลย ทุกๆคำที่คุณ rmx บอกมาเป็นของจริง ที่ดีมากๆ ผมหวังว่าจะได้ฝึกอย่างคุณบ้าง ตอนนี้กำลังฝึกที่บ้านแบบไม่มีครูครับ แล้วจะไปหาครู เมื่อมีเวลาครับ ผมจะรอตอนสองนะครับคุณ rmx
     
  7. tonkajeab

    tonkajeab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +1,355
    อนุโมทนา ด้วยค่ะ
    ประสบการณ์ช่วงแรก ๆ คล้าย ๆ กันเลยค่ะ
    ทุกอย่างอยู่ที่จิตเราจริง ๆ ค่ะ เมื่อไรที่จิตนิ่ง สงบ ละนิวรณ์ได้
    เมื่อนั้นภาพจะชัดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ค่ะ
     
  8. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ น้อง RMX และน้องเจี๊ยบค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  9. NooBeer!

    NooBeer! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +281
    สวัสดีค่ะพี่ๆ ทุกคน เป็นน้องใหม่ค่ะ เพิ่งสมัครวันนี้เองค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ
     
  10. squrez

    squrez เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +2,987
    สวัสดีครับ
    วันนี้โอนเงินร่วมทำบุญมหากฐินปลดหนี้ปี ๒๕๕๓ วัดหนองหญ้าปล้อง จ.กาญจนบุรี จำนวน ๖๕๐.๒๑ บาทครับ
    อนุโมทนาบุญด้วยกันนะครับ ^^
    อนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  11. NooBeer!

    NooBeer! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +281
    สวัสดีค่ะ พี่ๆ ทุกคน เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องการฝึกมโนมยิทธิ ของพี่ me,myself เมื่อวานค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอยากรู้ค่ะว่าเป็นยังไงเค้าฝึกกันยังไง
    ตัวเองก็ยังงงๆ เหมือนกันค่ะว่า อยู่ๆ ก็มารู้จักมโนมยิทธิได้ยังไงทั้งๆที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยได้ยินคำนี้เลย แต่เป็นคนสนใจเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ ค่ะ เลยเปิดอ่านอะไรเกี่ยวกับธรรมะบ่อย เว็บพลังจิตนี่ก็เข้ามาบ่อยค่ะ แต่ไม่ได้สมัครสมาชิกส่วนมากจะเสิทใน google แล้วจะมาเจอที่เว็บนี้ค่ะ

    เมื่อวานได้เสิทคำว่า มโนมยิทธิ ก็ได้ข้อมูลไปพอสมควรค่ะ แต่ที่สงสัยคือเกี่ยวกับการปฏิบัติที่มีกัน 2 สายหรืออะไรสักอย่างอ่ะค่ะ ก็เลยงง ว่ามีแบ่งสายกันด้วยหรอคะ
     
  12. NooBeer!

    NooBeer! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +281
    ขอถามพี่ๆนะคะ

    ช่วงนี้เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิค่ะ พยายามนั่งทุกวันวันละนิดละหน่อย ทำมาได้สอง สามวันแล้วค่ะ
    แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พอนั่งสมาธิไปสักพักนึงประมาน 10 นาทีเห็นจะได้ค่ะรู้สึกเหมือนกับว่ามันนิ่งไปค่ะ ก็ภาวนาพุทธโธ ตามปกติค่ะ กำหนดลมหายใจที่ปลายจมูก แต่สักพักนึงเหมือนกับว่าทุกอย่างที่เราได้ยินมันจะได้ยินน้อยลงๆๆ แต่ตอนนี้นั้นยังรู้สึกตัวค่ะ ยังท่องพุทธโธอยู่ค่ะ พอรู้ว่ายังท่องอยู่สักพักความรู้สึกเหมือนมันลึกๆ และไกลออกไป แล้วก็จะไม่รู้สึกค่ะ พยายามจะท่องพุทธโธ พยามรู้สึกแต่มันก็เหมือนจะจับไม่ได้ทีนี้กลัวค่ะกลัวว่าถ้าเราไม่รู้สึกแล้ว จะกลับมาไม่ได้ค่ะ ก็เลยออกจามสมาธิเลยค่ะ บอกตรงๆ ว่ากลัวมากเลยค่ะ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่ะ พยายามจะกำหนดรู้พุทธโธ แต่มันกำหนดไม่ได้ เหมือนมันลึกๆลงไปจนไม่รู้สึกอะไรเลย

    ไม่รู้ว่ามันคืออาการที่จะหลับหรือว่าอะไรคะ แต่ตอนนั้นนั่งสมาธิค่ะ

    พี่ๆคนไหนรู้ว่าอาการที่เล่านี้คืออะไรช่วยบอกด้วยนะคะ
     
  13. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เมื่อนั่งสมาธิไปจนถึงระดับหนึ่งคำภาวนามันจะหายไปเองนะคะ ไม่ต้องไปกังวลหรือคิดแต่จะกลับมาภาวนาพุทโธต่อ เพราะจะทำให้ถอยกลับมาที่เดิมคือฌานจะลดระดับลงมา ให้เอาสติกำหนดรู้ลมหายใจค่ะ ถ้าถึงฌานสี่เมื่อใด ลมหายใจก็เหมือนจะหายไปด้วยเลยค่ะ ส่วนใหญ่คนจะไปไม่ถึงไหน เพราะกลัวค่ะ ก็เลยถอยกลับมา ต้องศึกษาให้มากขึ้นค่ะ อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  14. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขอนำคลิปวีดิโอธรรมทัศนาจรภาคอิสานมาให้ชมและโมทนาอีกครั้งครับ


    <EMBED height=385 type=application/x-shockwave-flash width=480 src=http://www.youtube.com/v/qpqc8lGlhYo&hl=en_US&fs=1&autoplay=1 allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  15. NooBeer!

    NooBeer! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +281
    ขอบคุณพี่ me,my self สำหรับคำตอบนะค่ะ

    ได้ฟังคำตอบแบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยค่ะ ตอนแรกกลัวเลยไม่กล้านั่งสมาธิเลยค่ะ คงต้องลองใหม่ค่ะ
     
  16. NooBeer!

    NooBeer! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +281
    พี่ me,my self อยู่แถวบางบ่อหรอคะ หนูอยู่กิ่งแก้วค่ะ บางนา-ตราด กม.12 ไม่ไกลกันเลยค่ะ เมื่อวานอ่านเรื่องของพี่เกี่ยวกับหลวงพ่อโต ดีใจที่ได้อยู่ใกล้ๆพี่ค่ะ หนูไปงานประเพณีรับบัวเกือบทุกปีค่ะ

    ขอฝากตัวด้วยนะคะ พี่ me,my self
     
  17. vrapuj

    vrapuj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +370
    เชิญร่วมอนุโมทนาจ้า : วันนี้โอนเงินทำบุญ เครื่องบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยไปครับผม
     
  18. surasaksuebsan

    surasaksuebsan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    73
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +329
    ได้ความรู้อีกเรื่องการสวดมนต์ผมคนหนึ่งที่สวดมนต์ประจำ อนุโมทนาสาธุ
     
  19. คาเรีย

    คาเรีย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +3,611
    นำบุญมาฝากค่ะ

    วันนี้ร่วมทำบุญ งานบวชพระ ไป 100 บาทค่ะ (ขออนุญาตินะคะ ไม่ทราบว่าต้องเรียกว่าอย่างไรถึงจะถูก แหะๆ)


    ขอบารมีองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ โปรดบัดดาลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำทั้งหมดในวันนี้ จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้า และญาติธรรมได้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน หากยังไม่ถึงแต่ประการใด ขอให้ข้าพเจ้าและญาติธรรมทุกท่านมีความเป็นอยู่คล่องตัว คิดสิ่งใดก็ขอให้สมดังปรารถนา ขอคำว่าไม่มีและไม่สำเร็จจงอย่าได้เกิดขึ้นกับ ข้าพเจ้าและ กัลยาณมิตรในเรือธรรม ตราบจนเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด


    สาธุ สาธุ สาธุ....
     
  20. squrez

    squrez เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +2,987
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
    อาจารย์ชนะครับ ไม่ทราบว่ามี ธรรมทัศนาจรภาคเหนือ อีกไหมครับ ถ้ามีโอกาสอยากร่วมเดินทางด้วยครับ
    ขอบพระคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...