มาดูสมเด็จกัน

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย wasabi san, 25 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    กลับมาแล้วครับ ขอโทษที่หายไป ขอปรับตัวสัก วัน-สอง วัน เดี๋ยวจะเดี่ยวไมโครโฟนด้วยกันต่อ

    เอารูปงูนาคปรกมาให้ดู ไม่เกี่ยวกับพระครับ


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    โปรดใช้วิจารณาณ ในการชมภาพ

    อนุโมทนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image002.jpg
      image002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.5 KB
      เปิดดู:
      4,609
    • image003.jpg
      image003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.8 KB
      เปิดดู:
      4,041
    • Image 5 HEAD COBRA.jpg
      Image 5 HEAD COBRA.jpg
      ขนาดไฟล์:
      140.7 KB
      เปิดดู:
      3,940
    • image001.jpg
      image001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.1 KB
      เปิดดู:
      3,674
  2. Kawinpun

    Kawinpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,154
    ค่าพลัง:
    +991
    งู Photoshop นี่ครับ - -'

    คิดถึงมากมายครับ เดี๋ยวเตรียมพระมาให้พี่ดูเพิ่มดีกว่า (อย่าลืมไปชม พระรอดขาว ในกระทู้ ด้วยนะครับ ว่าจะปล่อย ซัก 10 ฮา....)

    ยินดีต้อนรับกลับร้านกาแฟครับ (เจ้าของร้านไม่อยู่เงียบเหงาไปเยอะ ดีว่ามีพี่ XL)
     
  3. popolink

    popolink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2010
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +121

    ขอบคุณครับ คุณXlmen :cool:

    เกสรดอกไม้มีกระจายเยอะเหมือนกานนะครับ
    แต่ภาพถ่ายรายละเอียดชูมยังไม่ถึง กล้องห่วยเอง5555
    เป็นเกสรแห้งสีน้ำตาลมั่งแดงมั่งน้ำเงินมั่งส้มมั่ง ท่าทางจะมีอีกหลายสี :eek:

    แล้วรอยแยกรอยถลอกเป็นไปได้ไหมครับแต่ก่อนเป็นธรรมชาติ แต่เพราะคนแขวนพระรุ่นก่อน ที่จะยกให้ ใส่กรอบเปิดหน้าหลัง น้ำ เหงื่อ ความชื้น สัมผัสจากสิ่งต่างๆ ทำให้ธรรมชาติถูกลบเลือนไป ลางเลือนจางหาย
     
  4. ทรงกลด999

    ทรงกลด999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,284
    ค่าพลัง:
    +1,510
    ดูพระให้ผมด้วยครับ

    ค้นเจอหลังตู้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1946.jpg
      IMG_1946.jpg
      ขนาดไฟล์:
      134.4 KB
      เปิดดู:
      164
    • IMG_1942.jpg
      IMG_1942.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.4 KB
      เปิดดู:
      164
  5. รับโชค

    รับโชค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,131
    ค่าพลัง:
    +11,878
    สอบถามขอรับ
    ไม่ทราบพระสมเด็จวัดพระแก้ว มีไหมครับผม
     
  6. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915

    [​IMG]


    พระสมเด็จวัดระฆัง ปรกโพธิ์ องค์นี้แท้ แต่รุ่นหลัง ไม่มั่นใจว่าอยู่ในยุคหลวงปู่นาค หรือหลวงปู่หิน เป็นผู้สร้างครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • attachment.jpg
      attachment.jpg
      ขนาดไฟล์:
      395.2 KB
      เปิดดู:
      6,354
  7. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915


    พระยอดขุนพล กับ พระซุ้มกอ มองไม่ชัดครับ
     
  8. keepwork

    keepwork เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +770
    ขอบคุณครับ.คุณ.wsbs...
    ผมเริ่มจะหลงออกนอกเส้นทางสมเด็จซะแล้ว..ส่งสัยต้องย้อนกลับไปใหม่
     
  9. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    พระรุ่นนี้ต้องออกตัวว่า ไม่ชำนาญครับ

    แต่มีประวัติการสร้างแน่นอน ผมเก็บไว้ดูเล่นแค่ไม่กี่องค์ ผมเน้นว่าต้องไม่เห็นกับที่ตลาดพระ ที่วางขายกันเป็นสิบองค์ ถ้าเหมือนกันทั้งเนื้อทั้งพิมพ์ต้องหนีให้ไกลครับ

    ผมมีมาให้ชมเป็นน้ำจิ้ม อันนี้ส่วนตัวผมว่าเนื้อใกล้กับความจริงพอสมควร องค์นี้มีคนให้ผมมาครับ เค้าเก็บไว้ 2 องค์ ผมเลยโชคดี


    [​IMG]


    ประวัติการสร้างพระสมเด็จวัดพระแก้ว

    พระสมเด็จวัดพระแก้ว
    2009-11-20 01:58:30

    พระสมเด็จวัดพระแก้ว
    โดย อาจารย์ไพรพนา ศรีเสน
    ประวัติการสร้างพระสมเด็จวัดพระแก้ว
    พระสมเด็จวัดพระแก้ว บรรจุกรุวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และกรุวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ที่เรียกกันทั่วไปว่า “พระสมเด็จกรมท่าและพระสมเด็จวังหน้า”
    พระสมเด็จกรุวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และกรุวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ผู้สร้างคือเจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) (กรมท่าในรัชกาลที่ ๔) เจ้าพระยาภาณุวงษ์มหาโกษาธิบดี (กรมท่าในรัชกาลที่ ๕) และกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล (วังหน้าในรัชกาลที่ ๕) สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี พระอุตรเถระ (หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร) หลวงพ่อทัด (สมเด็จพระพุฒาจารย์) หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่คำ วัดอัมรินทราราม หลวงปู่จาด วัดภาณุรังสี และพระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้นหลายรูป
    ในทางศิลป์ถือได้ว่าเป็นสุดยอดในทางฝีมือการช่างอันวิจิตร (ประณีตศิลป์) เป็นวัตถุโบราณที่ทรงคุณค่า เป็นมงคลวัตถุ เป็นพุทธปฏิมา (องค์แทนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ให้มนุษย์ระลึกถึงและกระทำแต่ความดี และที่สำคัญเป็นที่รวมแห่งสุดยอดของพระสูตรคาถา ผู้ที่ครอบครองพระสมเด็จชุดนี้จะปราศจากอันตรายทั้งปวง แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นเมตตามหานิยมเป็นที่รักและนับถือแก่บุคคลโดยทั่วไป รักษาโรคภัยไข้เจ็บไม่เข้ามากล้ำกราย อาวุธเขี้ยวงาไม่สามารถทำอันตรายได้ ค้าขายประกอบธุรกิจดีมีกำไร และทรงคุณความดีอันประเสริฐอีกนานัปการ แก่ผู้ที่ยึดมั่นถือมั่น และกระทำแต่ความดี

    พระสมเด็จกรุวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)และกรุวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) นั้นตามประวัติการสืบค้นนั้นแบ่งการสร้างออกเป็น ๓ ช่วง

    ๑. สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๐๘ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ สร้างพระสมเด็จ (พระสมเด็จกรมท่า) แม่พิมพ์แกะโดยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งแม่พิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง และใช้ผงวิเศษของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ในคราวนั้นได้มอบให้แก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และประชาชนโดยทั่วไป ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการบรรจุกรุที่ใด สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี พุทธาภิเษก พระเทพโลกอุดรเป็นองค์ประธานในการพุทธาภิเษกโดยอทิสสมานกาย (อทิสสมานกาย คือกายที่มองไม่เห็นถ้าไม่แสดงอภินิหาร) ณ วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า)

    ๒. สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๑๑-๒๔๑๒ เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) และกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล (วังหน้า) ร่วมกันสร้างพระสมเด็จ (พระสมเด็จกรมท่าและพระสมเด็จวังหน้า) ใช้แม่พิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆังและแกะขึ้นใหม่บางส่วนให้เหมือนกับพิมพ์นิยมของวัดระฆัง และใช้ผงวิเศษของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เพื่อเป็นสิริมหามงคลเนื่องในการเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ในคราวนั้นได้ถวายแด่พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เป็นสำคัญ ที่เหลือบรรจุในสุวรรณเจดีย์ เจดีย์ย่อไม้สิบสอง ฐานชุกชีหลังครุฑวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้บนเพดานพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาต่อไปในภายภาคหน้า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็นองค์ประธานในการพุทธาภิเษก คณะสงฆ์ประกอบด้วยหลวงพ่อทัด (สมเด็จพระพุฒาจารย์) หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่คำ วัดอัมรินทร์ หลวงปู่จาด วัดภาณุรังสี และพระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้นอีกหลายรูปร่วมพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า)

    ๓. สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๒๕ เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) และกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล (วังหน้า) ร่วมกันสร้างพระสมเด็จ (พระสมเด็จกรมท่า และพระสมเด็จวังหน้า) ใช้แม่พิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆังและแกะขึ้นใหม่หลายสิบพิมพ์ ใช้ผงวิเศษของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสีที่เก็บรักษาไว้รวมทั้งการย่อยสลายพระสมเด็จที่หักชำรุดจำนวนหนึ่ง และจากผงวิเศษของพระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้น สร้างพระสมเด็จเพื่อเป็นมหามงคลการฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในคราวนั้นได้ถวายแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการทุกลำดับชั้นและประชาชนโดยทั่วไปเป็นสำคัญ ที่เหลือบรรจุใต้หลังคาพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาต่อไปในภายภาคหน้า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นประธานสงฆ์ คณะสงฆ์ประกอบด้วยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) วัดพระเชตุพน พระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบในยุคนั้นร่วมพิธีพุทธาภิเษก จำนวน ๑๐๘ รูป ทำพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

    การสร้างพระสมเด็จที่บรรจุกรุวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ที่จัดเป็นพิธีหลวงเริ่มในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) พระสมเด็จที่สร้างมีทั้งทัน และไม่ทันสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี (สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้ถึงชีพิตักษัย เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๔๑๕ แต่ถึงแม้ท่านมิได้พุทธาภิเษกแต่ก็ได้มอบมวลสารไว้ให้หลายส่วน เป็นมวลสารแห่งสุดยอดพระสูตรคาถามีพุทธคุณ และอิทธิคุณอย่างเป็นเลิศอเนกอนันต์) ส่วนพิธีพุทธาภิเษกในแต่ละครั้งก็จัดเป็นพิธีหลวงถูกต้องตามหลักพิธีการมีพระเกจิอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบชื่อดังหลายรูปในยุคนั้นมาร่วมพิธีนั่งปรกด้วย (ในเรื่องของพิธีหลวง หรือพิธีธรรมดาสามัญนั้นความสำคัญขึ้นอยู่กับพระภิกษุที่เข้าร่วมพุทธาภิเษกเป็นสำคัญ และจะขอกล่าวให้ได้รับความรู้เพิ่มเติมว่าการพุทธาภิเษกพระพุทธรูป หรือพระเครื่องซึ่งเป็นวัตถุมงคลนั้น มงคลที่ถูกบรรจุในวัตถุมงคลเรียกว่า “อิทธิคุณ” อิทธิคุณ คือ พระคาถาในทางไสยศาสตร์ หรือไสยเวททั้งสองด้านคือขาวและดำ พุทธคุณ คือ คำกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้า หรือการกล่าวถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า แต่ส่วนใหญ่พุทธศาสนิกชนจะนิยมเรียกว่า “พุทธคุณ” ซึ่งก็น่าจะมีส่วนถูกต้องเพราะการเริ่มบทสวดที่จะเจริญพระคาถาใดๆจะต้องเริ่มจากบทสวดในการคำกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าก่อนเสมอ) ส่วนในเรื่องของแบบพิมพ์มีมากมายหลายพิมพ์ทั้งเป็นพิมพ์ดั้งเดิมหรือพิมพ์นิยมของพระสมเด็จวัดระฆัง และที่แกะแบบพิมพ์ขึ้นมาใหม่ โดยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าอยู่หัว พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ เจ้ากรมช่างสิบหมู่ และฝีมือช่างสิบหมู่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์จึงมีความวิจิตรบรรจง มีความลงตัวทั้งรูปแบบและรูปทรงสวยงามเป็นอย่างยิ่ง โดยแกะจากไม้มะเกลือ หินลับมีด หินอ่อน ปูน และโลหะ (สันนิษฐานว่ามีมากกว่าหนึ่งร้อยพิมพ์) ส่วนมวลสารก็คัดสรรจากหลายประเทศ เช่น จีน พม่า และประเทศในแถบยุโรป ถือเป็นสุดยอดแห่งมวลสาร ในด้านการย่อยสลายมวลสารต่างๆนั้นค่อนข้างที่จะมีความทันสมัยมากกว่ายุคแรกๆ ที่แต่เดิมจากการใส่ครกตำมาใช้เป็นเครื่องบด จึงได้มวลสารที่มีความละเอียดสม่ำเสมอ และได้จำนวนมากขึ้น ส่วนจำนวนการสร้างที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงอันเนื่องด้วยไม่ได้มีการจดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน คงเป็นการสันนิษฐานด้วยหลักเหตุผลมากกว่าซึ่งประมาณว่าจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ เป็นประถม (เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ อันเป็นที่ยึดถือแห่งจำนวนการสร้างพระของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี และเป็นที่นิยมเลื่อมใสศรัทธราแก่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน)
    พุทธศิลป์ของพระสมเด็จวัดพระแก้ว คือศิลปะโบราณในแต่ละยุคที่ช่างสิบหมู่ (ช่างแกะพิมพ์) นำมาเป็นต้นแบบในการแกะพิมพ์
    ๑. สมัยเชียงแสน
    ๒. สมัยสุโขทัย
    ๓. สมัยอู่ทอง
    ๔. อยุธยา
    ๕. รัตนโกสินทร์ตอนต้น
    พุทธศิลป์ที่เป็นความหมายในองค์พระสมเด็จวัดพระแก้ว
    ๑. รูปสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า หมายถึงแผ่นดินที่ทรงพระอริยสัจจ์
    ๒. วงโค้งในรูปสี่เหลี่ยม หมายถึงอวิชาที่คลุมพิภพ
    ๓. รูปสามเหลี่ยมในวงโค้ง หมายถึงพระรัตนตรัย
    ๔. รูปพระนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ หมายถึงพระพุทธเจ้าปางตรัสรู้ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ โพธิบัลลังก์
    ๕. ฐานสามชั้น หมายถึงพระไตรปิฎก
    ๖. ฐานเจ็ดชั้น หมายถึงอปนิหานิยมธรรม
    ๗. ฐานเก้าชั้น หมายถึงมรรคแปด นิพพานหนึ่ง

    อานุภาพแห่งอภิญญา ๖ แห่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
    ๑. อิทธิวิธี คือวิชาที่สามารถแสดงฤทธิ์ได้
    ๒. ทิพโสต คือวิชาหูทิพย์
    ๓. เจโตปริยญาณ วิชารู้จิตใจผู้อื่น
    ๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ วิชาระลึกชาติได้
    ๕. ทิพจักษุ วิชาตาทิพย์
    ๖. อาสวักขยญาณ วิชาการทำอาสวะให้สิ้น

    พระสูตรคาถาที่ลงในมวลสาร (ผงวิเศษของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี)
    ๑. มูลกัจจายน์ พระสูตรคาถาใหญ่ก่อนที่จะเจริญพระสูตรคาถาอื่น
    ๒. มหาราช ผงมหาราชมีอานุภาพทางเมตตามหานิยม
    ๓. ตรีนิสิงเห ผงตรีนิสิงเห เชื่อว่ามีอานุภาพทั้งทางอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม ตลอดจนถอนคุณไสยสิ่งอวมงคลทั้งมวล
    ๔. อิทธะเจ ผงอิทธะเจมีอานุภาพทางเมตตามหานิยมโดยเฉพาะแก่สตรีเพศ
    ๕. ปถมัง ผงปถมัง เชื่อว่ามีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพันโดยมากมักนำมาผสมทำเป็นเครื่องราง ผู้ที่สำเร็จคัมภีร์ปถมังจะอยู่ยงคงกระพันรวมทั้งล่องหนหายตัวได้
    ๖. พุทธคุณ ผงพุทธคุณเป็นพระคาถาย่อยในพระคาถาปถมัง ผงพุทธคุณ ป้องกันได้สารพัดทั่วทุกทิศ คุ้มกันได้สิ้น ศึกสงครามก็จะได้ชัยชนะ ค้าขายดีมีกำไร มีความเจริญรุ่งเรืองบังเกิดลาภผลพูนทวี จะลงเป็นผ้าประเจียดป้องกันศาสตราอาวุธก็ได้ ทั้งเป็นเสน่ห์แก่บุคคลโดยทั่วไป

    มวลสารต่างๆที่เป็นส่วนผสมหลักของพระสมเด็จวัดพระแก้ว
    ๑. ปูนที่เกิดจากการย่อยสลายหินด้วยวิธีการบดจากเขาในเมืองอันฮุย มณฑล
    เสฉวน ประเทศจีน (ปูนเพชร ปูนที่ใช้ทำเครื่องถ้วยชามกังไสของจีน หรือถ้วยชามเบญจรงค์ของไทย)
    ๒. หินอ่อน (จากศิลาจารึกพระคาถาพญาธรรมิกราชอยู่ในสระน้ำวัดระฆังโฆสิตาราม วัดอินทรวิหาร และวัดหงส์รัตนาราม)
    ๓. ดินหลักเมือง
    ๔. รัตนชาติ (แร่สีต่างๆที่นำมาใช้ทำเครื่องประดับ นำมาย่อยละเอียด พบทั้งหมด ๑๒ สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน ฟ้า เขียว เหลือง น้ำตาล ส้ม แดง ชมพู ดำ ขาว)
    ๕. แร่เหล็กไหล (ขี้เหล็กไหลหรือผงเหล็กไหล)
    ๖. ผงทองนพคุณ (ผงทองเนื้อหก หรือทองดอกบวบที่นิยมทำทองรูปพรรณในสมัยก่อน
    เป็นผงทองจากการตะไบทองที่ทำทองรูปพรรณ)
    ๗. ผงแก้วทรายสีต่างๆบดละเอียด
    ๘. ข้าวสุก
    ๙. ผงใบลานเผา
    ๑๐. กล้วยน้ำไทย
    ๑๑. ยางมะตูม
    ๑๑. น้ำผึ้ง น้ำตาลอ้อยเคี่ยว
    ๑๒. น้ำมันทัง
    ๑๓. ว่านและเกสรดอกไม้ ๑๐๘ ชนิด

    สีมงคลที่ใช้ในองค์พระสมเด็จวัดพระแก้ว
    รักชาด (รักสีแดง เกิดจากน้ำยางรักกับชาดจอแสนำมาเคี่ยวรวมกัน)
    รักสมุก (รักสีดำ เกิดจากน้ำยางรักกับใบตองเผาไฟบดละเอียดนำมาเคี่ยวรวมกัน)
    รักน้ำเงินจากพม่า (เกิดจากน้ำยางรักกับครามนำมาเคี่ยวรวมกัน)
    สีประจำวัน (สีแดง สีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีฟ้า สีม่วง)
    สีสิริมงคลฉัพพรรณรังสี คือแสงสว่างที่พวยพุ่งออกจากจุดกลางพระสรีระกายของ พระพุทธเจ้าเป็นรัศมี ๖ ประการ คือ
    ๑. นีละ เขียวเหมือนดอกอัญชัน
    ๒. ปีตะ เหลืองเหมือนหรดาลทอง
    ๓. โลหิตตะ ขาวเหมือนแผ่นเงิน
    ๕. มัญเชฏฐะ สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่
    ๖. ปภัสสระ เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก
    สีที่ประกอบเป็นเครื่องห้าสีโดยเพิ่มสีดำเข้ามา (สีเญจรงค์) จีนเรียก อู๋ใช้ ได้แก่ ขาว เหลือง ดำ เขียว แดง ซึ่งแทนความหมายของธาตุทั้งห้า คือ ทอง ดิน น้ำ ลม และไฟ

    หลักการพิจารณาพระสมเด็จวัดพระแก้ว
    ๑. พุทธศิลป์ทรงพิมพ์
    ๒. มวลสาร
    ๓. รัก ชาด ทอง
    ๔. หลักความเป็นไปแห่งธรรมชาติ
    ๕. หลักแห่งวิทยาศาสตร์
    ๖. ฌานสมาบัตร

    ๑. ทรงพิมพ์มีทั้งที่เป็นพิมพ์นิยม (พิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง วัดใหม่อมตรส (วัดบางขุนพรหม) วัดไชโยวรวิหาร พิมพ์นางพญา พิมพ์ผงสุพรรณ พิมพ์ซุ้มกอ) และทรงพิมพ์อื่นๆ พิมพ์รูปเหมือนต่างๆ ล้วนมีความหมายสื่อให้ทราบถึงพุทธศิลป์ ความดี ความเชื่อ ค่านิยม ทัศนคติ ศาสนา และความศักดิ์สิทธิ์ พิมพ์คมชัดสมส่วน สวยงาม (ส่วนใหญ่เป็นพิมพ์แบบถอดยกสองชิ้นประกบกัน)
    ๒. เนื้อขององค์พระทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง ละเอียด แห้งแต่หนึกนุ่ม มันวาว แข็งแกร่ง มีน้ำหนัก ไม่ละลายในน้ำ และน้ำส้มสายชู วรรณะองค์พระจะเป็นสีขาว ขาวอมเหลือง ขาวอมเทา สีน้ำตาลทั้งอ่อน และเข้ม รวมถึงสีที่เป็นมงคลต่างๆ และที่เรียกกันว่าสีเบญจสิริ
    ๓. การพิจารณา รัก ชาด ผิวด้านหน้าและด้านหลังขององค์พระจะมีทั้งลงชาดรักและไม่ลงชาดรัก การลงชาดรักสีแดงทาทับด้วยรักสมุกสีดำ หรือรักสีน้ำเงินจากประเทศพม่า ชาดรักพบว่ามีความเก่ามากให้สังเกตว่าสีของรักเหมือนสีของตากุ้ง น้ำเงินจางๆแต่คล้ำ ส่วนใหญ่จะร่อนและลอกออกไป การลอกจะเป็นหย่อมๆไม่ทั่วทั้งองค์พระ มากบ้างน้อยบ้างตามกาลเวลา และมีลักษณะเป็นไปโดยธรรมชาติ
    ๔. การพิจารณา “สีสิริมงคล” ที่นำมาผสมลงในเนื้อพระเป็นสีต่างๆ อันประกอบด้วย สีแดง สีเหลือง สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีฟ้า สีม่วง และพระเบญจสิริ อันประกอบด้วย สีขาว เหลือง ดำ เขียว แดง และใสดังแก้วผลึก สีแต่ละสีจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวเอง กล่าวคือมันเป็นเงางาม สีสดใส ไม่ละลายน้ำ น้ำมัน ทนต่อสภาวะธรรมชาติได้ดี ไม่หลุดลอกไม่ติดมือ และที่สำคัญสีต่างๆจะไม่สามารถนำมาผสมกันให้เป็นสีใหม่ได้ดังเช่นแม่สี (ให้พิจารณาจากพระสมเด็จเบญจสิริในองค์พระจะประกอบไปด้วยสีห้าสีเป็นอย่างน้อยและแต่ละสีถึงแม้จะปะปนกันแต่จะไม่ผสมกรมกลืนกัน มีลักษณะของการเรียงตัวตามธรรมชาติอย่างเป็นเอกเทศ)
    ๕. การแตกลายงาขององค์พระจะมีสองประเภท คือ หนึ่งแตกลายงาแบบหยาบ (แบบสังคโลก เหมือนชามสังคโลก) สองการแตกลายงาแบบละเอียด (เหมือนไข่นกปรอท) ทั้งสองลักษณะร่องลอยการแตกตัวจะไม่ลึกถ้าดูเผินๆคล้ายไม่แยกจากกัน ต้องใช้กล้องส่องจึงจะเห็นชัด และขอให้จำเป็นหลักไว้ว่าการแตกลายงาขององค์พระไม่ได้เกิดจากการลงรัก ปิดทองล่องชาด แต่เกิดจากขั้นตอนของการตากผึ่ง และสภาพแวดล้อมของธรรมชาติในขณะนั้นเป็นสำคัญ พระสมเด็จที่ลงรักปิดทองล่องชาด พบว่าเมื่อลอกรัก ชาด ทองเหล่านั้นออกไม่ปรากฏลอยแตกลายงาเลยก็มาก
    ๖. ผงทองนพคุณ จะโรยไว้ทั้งด้านหน้า หลัง ไม่บ่งบอกถึงรูปแบบอาจมีมากบ้างน้อยบ้าง สันนิษฐานว่าเป็นไปโดยอัธยาศัยของผู้กดพิมพ์ และพบได้ในทุกพิมพ์
    ๗. ผงแร่รัตนชาติ (รัตนชาติ คือแร่ที่นำมาใช้ทำเป็นเครื่องประดับ) พบทั้งหมด ๑๒ สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน ฟ้า เขียว เหลือง น้ำตาล ส้ม แดง ชมพู ดำ และขาว ลักษณะจะเป็นมันวาวแลดูแกร่ง เก่า สัญฐานจะกลมหรือเหลี่ยม ให้สังเกตจะมนไม่มีคม ถูกนำมาย่อยเป็นเม็ดเล็กๆ ขนาดโดยประมาณ .๕ – ๓ มิลลิเมตร เป็นลักษณะของการผสมลงในเนื้อมวลสาร ถ้าหักองค์พระดูจะเห็นผงแร่รัตนชาติผสมอยู่เนื้อใน
    ๘. ด้านหลังขององค์พระมีทั้งเรียบ และไม่เรียบ พิจารณาให้ดีจะพบ เกาะแก่ง หลุมเล็กๆ รอยปูไต่ และรอยหนอนด้น เปรียบประดุจดั่งธรรมชาติปั้นแต่ง
    ๙. ลัญจกรและสัญลักษณ์ เช่น พญาครุฑ จักร ชฎา ช้าง เป็นต้น แต่จะมีเป็นส่วนน้อยเท่านั้น
    ๑๐. พิมพ์พระประธานมีลักษณะถูกต้องตามศิลปะโบราณ กล่าวคือ มีพระเนตร พระกรรณ พระนาสิก พระโอษฐ์ ปรากฏเด่นชัด พิมพ์ที่พบที่มีพุทธลักษณะคล้ายกับพิมพ์พระประธานได้แก่ พิมพ์ทรงเกศบัวตูม ส่วนพระพิมพ์อื่นๆ เช่น พิมพ์ประธาน (พิมพ์ใหญ่) พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ทรงปรกโพ พิมพ์ทรงเกศบัวตูม พิมพ์ทรงฐานแซม พิมพ์ทรงฐานคู่ พิมพ์ทรงสังฆาฏิ พิมพ์ทรงอกครุฑเศียรบาตร (พระเจ้าไกเซอร์) พิมพ์ทรงฐานเส้นด้าย จะมีพุทธลักษณะ ขนาดเท่ากัน และใกล้เคียงกันกับพิมพ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง บางขุนพรหม และวัดไชโย (พระพิมพ์นิยมในปัจจุบัน)
    ๑๑. การตัดขอบองค์พระ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยพบว่ามีการตัดขอบข้าง พบเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ลักษณะขอบด้านข้างจะเรียบ สวยงามตามแบบพิมพ์ (พิมพ์ต้นแบบเป็นลักษณะถอดยกเป็นบล็อกสองชิ้นประกบเข้าหากันเป็นส่วนใหญ่)
    ๑๒. คราบแป้งโรยพิมพ์ สืบค้นไม่พบหลักฐานแต่พบว่าในสมัยโบราณจะใช้น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันงาเป็นส่วนสำคัญในการทาพิมพ์เพราะเป็นน้ำมันที่ใสและลื่น ส่วนคราบขาวที่พบเห็นบริเวณผิวหน้าองค์พระนั้นเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติระหว่างน้ำมันที่ทาพิมพ์กับเนื้อของพระสมเด็จ (การล้างและทำความสะอาดจะทำให้ผิวของพระเสียหายได้)
    ๑๓. พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว ที่เรียกกันว่า “พระสมเด็จเจ้ากรมท่า” พ.ศ.๒๔๐๘ วรรณะองค์พระจะเป็นสีขาว ขาวอมเหลือง ขาวอมเทา สีน้ำตาลทั้งอ่อน และเข้ม และเข้มคล้ายกับเนื้อของพระสมเด็จวัดระฆัง และสมเด็จบางขุนพรหมแต่จะมีความละเอียดกว่า
    ๑๔. พระสมเด็จกรุวัดพระแก้ว ที่เรียกกันว่า “พระสมเด็จกรมท่าและวังหน้า” พ.ศ. ๒๔๑๑ และ พ.ศ.๒๔๒๕ วรรณะองค์พระจะเป็นสีขาว ขาวอมเหลือง ขาวอมเทา สีน้ำตาลทั้งอ่อน และเข้ม รวมถึงสีที่เป็นสิริมงคลต่างๆ และที่เรียกกันว่าสีเบญจสิริ ดังที่กล่าวมาแล้ว
    ๑๕. ให้จดจำเอาไว้ว่าพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า และสมเด็จวังหน้า จะไม่มีการฝังพลอยหลากหลายสี หรือการฝังมุกแกะลายแบบเครื่องโต๊ะรับรองของจีน ให้พิจารณาไว้ว่าไม่ใช่ของแท้ (การฝังพลอยหลากหลายสี หรือการฝังมุกแกะลายแบบเครื่องโต๊ะรับรองของจีน อาจมีการทำในยุคหลังๆ แต่ยังไม่เคยพบเห็นของจริงเพียงแต่พูดตามๆกันมาเท่านั้น)
    ๑๖. ให้จดจำเอาไว้ว่าพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า และสมเด็จวังหน้า ส่วนที่มีตราแผ่นดิน มีอักขระเลขยันต์ มีก้างปลา มีคำจารึก เช่น คำว่าสมเด็จโตถวายพระจอมเกล้า รศ.๒๔๑๑ ให้พิจารณาไว้ว่าไม่ใช่ของแท้
    ๑๗. หลักสำคัญประการสุดท้าย พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วทั้งสองกรุ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อและวรรณะสีใดก็ตาม จะมีมวลสารที่เห็นภายนอก อาทิ ผงแร่รัตนชาติ ผงทองนพคุณ ผงหินอ่อน ผงแร่เหล็กไหล อยู่รวมกันภายในองค์เดียว หรือมีเฉพาะชนิดใดชนิดหนึ่ง ไม่เป็นหลักเกณฑ์ที่แน่นอนขอให้พิจารณาความเป็นพระแท้จากมวลสารต่างๆเป็นสำคัญ โดยพยายามศึกษาค้นคว้าจากหลักทางวิชาการทั้งทางวิทยาศาสตร์และพระภิกษุผู้ที่ทรงฌานสมาบัตรได้ ที่สำคัญที่สุดต้องหาพระแท้มาศึกษาเป็นแบบอย่างจนเกิดประสบการณ์และความชำนาญ
    ข้อเขียนนี้ถือเป็นลิขสิทธิ์อันชอบธรรมตามกฎหมายของอาจารย์ไพรพนา ศรีเสน อนุญาตให้ใช้อ้างอิงได้ในทางวิชาการ เพื่อเป็นวิทยาทานโดยไม่ต้องขออนุญาต

    อ้างอิง
    ๑ ประวัติเจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) จากวิกิพีเดียรสารานุกรมเสรี
    ๒. ประวัติเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
    ๓. ประวัติพระราชวังบวรวิไชยชาญสถานมงคล (วังหน้า) จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
    ๔. ประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี จากบันทึกของมหาอำมาตย์ตรีพระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันทน์)
    ๕. ประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
    ๖. จากบทความเรื่อง ๑๐๐ ปี ที่สมเด็จจากไป โดยนายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ ในหนังสืออนุสรณ์ ๑๐๐ ปี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ๒๒ มิถุนายน ๒๕๑๕
    ๗. สี่สมเด็จ โดยนายสุคนธ์ เพียรพัฒน์ พิมพ์ที่ แอลซีเพรสส์ ๒๕๒๗
    ๘. ประวัติวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
    ๙. ประวัติความเป็นมาของวังหน้าและวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า)จากพระราชนิพนธ์เรื่อง "ตำนานวังหน้า" ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
    ๑๐. ตำนานเรื่องเครื่องโต๊ะและถ้วยปั้น พระนิพนธ์สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
    ๑๑. การบูรณะวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ ๑๖
    ๑๒. ฉัพพรรณรังสี จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
    ๑๓. ประวัติช่างสิบหมู่ จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
    ๑๔. พระราชลัญจกร จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
    ๑๕. พระคัมภีร์และพระสูตรคาถา จากวิกิพีเดียร สารานุกรมเสรี
    ๑๖. จากหนังสือภาพ-ประวัติ พระสมเด็จโต เขียนและจัดพิมพ์โดย พ.ต.ต.จำลอง มัลลิกะนาวิน พิมพ์ที่โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง ๑ มีนาคม ๒๕๒๗
    ๑๗. เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง นายธงชัย พลอยช่าง (สกุลเดิม อิศรางกูร ณ อยุธยา) ช่างปั้นพระปฏิมากร บางกอกน้อย กรุงเทพฯ
    ๑๘. เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง พระภิกษุวงษ์ สุธรรมโม (พระอาจารย์จิ้ม กันภัย)
    วัดดงมูลเหล็ก กรุงเทพฯ (อายุ ๘๕ ปี ๕๐ พรรษา)
    การศึกษาค้นคว้า
    - จากการศึกษาค้นคว้า การวัดอายุวัตถุโบราณตามหลักวิทยาศาสตร์ การตรวจด้วยวิธีทรงฌานสมาบัตร ศึกษาพิมพ์ทรง มวลสาร อย่างละเอียดจากองค์พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วที่ครอบครอง


    ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ

    ป้าย : พระสมเด็จวัดพระแก้ว
    Dictionary : พระสมเด็จวัดพระแก้ว


    อ้างอิง :
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    ผมเองก็ไม่อยากขัดใจคุณ popolink<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3392484", true); </SCRIPT> หรอกครับ...

    อย่างในประวัติพระสมเด็จฯ ก็ยังมีการกล่าวถึงสมเด็จยายขำ...ที่ยายขำได้ทำพระขึ้นมาเอง
    โดยที่ยายขำได้ใช้ส่วนผสมทุกอย่างที่สมเด็จท่านใส่...

    ว่าง่ายๆ สมเด็จโตท่านใส่ว่าน ยายขำก็ใส่ว่าน สมเด็จใส่เกสรดอกไม้ ยายขำก็ใส่เกสรดอกไม้....สมเด็จใส่อะไรยายขำใส่หมดประมาณนั้นเลยครับ 555+

    ดังนั้นการที่เราไปเจอพระพิมพ์สมเด็จมีเกสรดอกไม้ก็ใช่ว่าใส่เกสรแล้วจะแท้ทั้งหมดเลยก็หาไม่นะครับ.....

    สิ่งสำคัญก็คือ...เกสรดอกไม้ที่เก่านั้นจะต้องแห้ง บางเม็ดแห้งและหลุดออกไปจากเนื้อทิ้งรอยเม็ดเกสรไว้เป็นหลุมธรรมชาติ...

    หลุมที่เกิดจากเกสรแห้งหลุดไปนี่เองคือธรรมชาติของพระสมเด็จแหละครับ....


    ส่วนเรื่องของตัวประสานเนื้อของวัดระฆังนั้นจริงๆ แล้วมิได้มีเพียงแค่น้ำอ้อยเคี่ยวนะครับ....

    ยังมีตัวประสานอื่นอีกมาก...แต่ยังงัยซะก็ต้องมีตัวประสานช่วย....คงจะไม่ใช่พระปูนล้วนๆ แน่ครับ

    แต่ถ้าคุณ popolink<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3392484", true); </SCRIPT>
    ยังคาใจอยู่จะลองถ่ายรูปมาใหม่อีกครั้งหรือไม่ก็รอให้คุณวาซาบิมาช่วยดูให้อีกทีก็ได้ครับ....


     
  11. Kawinpun

    Kawinpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,154
    ค่าพลัง:
    +991
    เป็นความรู้ครับ อนุโมทนา

    พระชุดเก่าผมได้ที่แล้วครับพี่ XL เบิ่งอีกสักรอบมั๊ยครับ ^^
     
  12. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    อย่าช้าครับคุณกวินฯ จัดไปเลยครับ....ผมรออยู่ หุหุหุ
     
  13. ธรรมภณ

    ธรรมภณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2009
    โพสต์:
    238
    ค่าพลัง:
    +583
    เบิ่งหั่ยผมอีกจักองค์แนค้าบ พี xl พี วซบ. ฮาเทียมีบุญกับเขา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Kawinpun

    Kawinpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,154
    ค่าพลัง:
    +991
    สภาพล้างมา ล่าสุดหลังฟื้นสภาพผิวแล้ว แต่กลิ่นสารเคมียังไม่หมดนะครับ อันนี้แค่ผิวพระแห้งสนิทจริงๆ (เท่าที่เคยสังเกต ก็ประมาณ เดือนนึงละครับ ต้องนำพระไปปผึ่งลม ผึ่งแดดด้วย สัปดาห์ละครั้ง)

    ผมเรียงเปรียบเทียบให้ดูนะครับ

    แถม ปรก องค์นึง องค์ค่อนข้างยาว หนักด้วย - -' ไม่ทราบว่าของที่ไหน (ไม่แน่ใจ ผมได้รับมาจากพระอาจารย์ตอนบวช พอดีพี่วาซาบิเอา งู Photoshop มาให้ดูเลยนึกขึ้นได้ จับท่านมาถ่าย แบบไม่ได้จัดไฟ จัดโฟกัสอะไร เพราะต้องตั้งระยะใหม่ แหะ แหะ)

    ส่วนองค์สุดท้ายที่ว่าไม่เข้าตาเลยนี่ผมก็ยังชอบ (มาก) อยู่ดี ไม่แน่ใจว่าบางขุนพรหม หรือวัดระฆังรุ่นใหม่ๆรึเปล่า ใครทราบช่วยบอกหน่อยเถอะครับ จักเป็นพระคุณ - -' (ถ้าเป็นพระสนามนี่ สงสัยเลิกดูพระไปเลยดีกว่า ติดใจพระสนามซะงั้น)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2012
  15. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    สวัสดีครับ..คุณทรงกรด
    ฝีมือถ่ายภาพของท่าน...สูสีกับผมเลย ไม่รู้ว่าคนถ่ายไม่มีฝีมือ หรือกล้องไม่ดี ฮ่าๆๆๆ
    ยังระลึกถึงอยู่ครับ อนุโมทนา...
     
  16. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ท่านหมูฯครับ...ผมแอบเปิดเซฟมาได้แล้วครับ แต่ก็ยังถ่ายรูปไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม กว่าจะเปิดเซฟได้ เล่นเอาเหนื่อยครับ ต้องใช้คู่มือ (สมบัติเมียเนี่ย...ขลังจริงๆครับ ขนาดแอบเปิดตอนไม่อยู่บ้านยังเหงื่อตกเลยผม ฮ่าๆๆๆ ใครไม่กลัวเมียคงไม่เข้าใจความรู้สึกผม อิอิอิ)

    ได้มาหลายองค์อยู่...เดียวจะค่อยๆอัพให้เพื่อนๆสมาชิกได้สวดกัน (สวดได้เต็มที่เลยครับ ฮ่าๆๆๆ..)

    ดูองค์ฝาแฝดที่เคยเรียนให้ท่านหมูฯทราบก่อนนะครับ (ทำใจหน่อยนะครับ ฝีมือยังไม่พัฒนา อิอิอิ)

    นางพญาเนื้อผงดำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01488.jpg
      DSC01488.jpg
      ขนาดไฟล์:
      244.8 KB
      เปิดดู:
      119
    • DSC01491.jpg
      DSC01491.jpg
      ขนาดไฟล์:
      290.7 KB
      เปิดดู:
      124
  17. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    องค์ต่อไปนี้...เคยประจำตัวภรรยามาก่อน และตอนนี้เธอเก็บเข้าเซฟเช่นกัน
    ดูเอาเองนะครับ...ไม่รู้จะบรรยายอะไร อิอิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01495.jpg
      DSC01495.jpg
      ขนาดไฟล์:
      240 KB
      เปิดดู:
      211
    • DSC01497.jpg
      DSC01497.jpg
      ขนาดไฟล์:
      267.9 KB
      เปิดดู:
      176
  18. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    องค์นี้...รบกวนท่าน wbs และเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านให้ข้อมูลด้วยครับ...ใครคุ้นตา ฟันกันเต็มที่เลย
    เป็นพระกริ่ง...และเป็นองค์ที่รักสุดใจองค์แรกในชีวิต (ตอนนี้คล้องหลวงพ่อปาน/ปู่ทวด/ปู่กลิ่น)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01502.jpg
      DSC01502.jpg
      ขนาดไฟล์:
      301.8 KB
      เปิดดู:
      168
    • DSC01503.jpg
      DSC01503.jpg
      ขนาดไฟล์:
      306.8 KB
      เปิดดู:
      448
  19. Kawinpun

    Kawinpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,154
    ค่าพลัง:
    +991
    รูปไม่ชัดเลยครับ พี่บุพนิมิตร ผมและเพื่อนสมาชิกดูไม่ออกเลยครับ

    ผมเสนอว่า พี่สมควรจะส่งพระมาให้กระผมถ่ายภาพให้ จะดีกว่านะครับ (แน่นอว่ากระผมถ่ายให้ฟรี และจะออกค่า EMS ให้) เมื่อเช้าผมไปค้นห้องเก็บของเจอขาตั้งกล้องแล้วด้วยครับ รับรองว่าภาพชัดเจนแน่นอน พระของพี่จะดูสวยงามได้เห็นถึงผิวพระและมวลสารต่างๆอย่างชัดเจน

    ถ่ายภาพเสร็จแล้วผมจะส่ง (แต่ภาพ) พระกลับไปให้นะครับ

    อนุโมทนาครับ

    อิอิ

    ปล. พระกริ่งนี่ของวัดบวรรึเปล่าครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2010
  20. T_

    T_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +318
    ไหนๆก็ไหนๆ...แล้วเอางัยก็เอากัน...รบกวนท่านพี่ช่วยชี้แนะสมเด็จองค์นี้ให้ด้วยครับว่าเป็นยังไงบ้าง(สมเด็จฯ พิมพ์พระประธาน..ขอบล่างฟันหนู)(ขอบล่างมืดไปนิด..แต่พอสังเกตุเห็น).(ภาพก่อนล้าง)..ถ้าพอจะดูดี..เดี๋ยวค่อยหารูปหลังล้างมาให้วิจารณ์อีกครั้งครับ...อ้อตรงขอบบนด้านหลัง(ไม่ใช่สีขาว..นะครับแสงคงมากไปหน่อย..สีจะออกสีครีมอ่อนๆครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...