ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

วัดความดันก็ปกติ หัวใจเต้นปกติ 90-60 65

ค่าที่วัดได้ ดังกล่าว สำหรับหมออย่างสุวิ ถือว่า ผิดปกติครับ
มันโชว์ ถึงความดันต่ำ
และในคนที่มีความดันและการเต้นของหัวใจดังกล่าว ถ้าไฟธาตุต่ำ ดูได้จาก ตีนมือเย็น
กลางคืนหากถูกลมพัดผ่าน ก็ให้หนาวสั่น
กินอาหารพลันอิ่มก็ให้จุกอก ท้องอืด
อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ให้วิงเวียน ใจสั่น

การแก้ ให้จัดยากิน ดังนี้
๑ ปลูกเตโช มื้อละ ๒ เม็ด วันละ ๒ มื้อ
๒ ปลาหมอสีทอง มื้อละ ๑ เม็ด วันละ ๒ มื้อ
๓ แก้วห้าดวง มื้อละ ๑ เม็ดวันละ ๒ มื้อ
๔ วัชรธาตุ มื้อละ ๓ เม็ด วันละ ๑ มื้อ

 

ลืมเล่าในเหตุที่เป็น

คุณเป็นโรคอันเกิดจากไฟธาตุพิการ
ทำให้ตับทำงานน้อยลง (ในความคิดผม เข้าใจว่า ตับอาจติดเชื้อไวรัส-อาจมาจากไข้หวัด)
ยาที่จัดให้ สามารถแก้อาการดังกล่าวได้

 

ตามเวปนี้ครับราคา 960 +ค่าส่งด้วย=1020 บาท

www.goodhealth-beauty.weloveshopping.com

 

หมอครับคือเหตุมันเกินจากผมพยายามเล่นพวกดัมเบล เพื่ออยากให้น้ำหนักขึ้นแต่เล่นๆไปน้ำหนักไม่ขึ้นครับ แต่หัวไหลมันแปลกๆคือพอยกขึ้นยกลงตามแนวดิ่งมันจะดังก๊อกๆแกลกๆไม่รุมันเกิดจากอารัยอ๋อเป็นข้างเดี่ยวน่ะครับข้างขวา แล้วบ่อยไว้จะหายหรือเปล่าครับเป็นมานานและแต่ไม่ค่อยทุกข์เท่าไร ขอบคุณครับ

 

เป็นอาการของข้อและเส้นเอ็นเคลื่อนนิดหน่อย ไม่มีอาการเจ็บ เป็นแต่รำคาญ

หากทิ้งไว้ มีอันตรายอย่างอื่นตามมาหรือไม่

ถ้า ใช้งานตามปกติ จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าต้องใช้แรงและกำลังมากๆ ในบางจังหวะอาจเสียวแปล๊บ ได้
และหากใช้กำลังและยกของหยนักบ่อย ข้อและเอ็นก็จะเคลื่อนมากขึ้น ตอนนี้แหละ ที่จะเป็นปัญหา

ถ้าเป็นไปได้ใให้รีบจัดเข้าที่ซะแต่เนิ่นๆ จะดีที่สุด

การช่วยตัวเอง ในกรณีเป็นที่ข้อไหล่
๑ ให้ออกกำลังในท่า ว่ายน้ำตีกรรเชียง ทำบ่อยๆ
๒ หาขวดแก้ว ขนาด ขวดน้ำปลา เอาผ้าพัน แล้วใส่รักแร้แล้วหนีบไว้
ทำบ่อยๆ อาการจะดีขึ้น และอาจหายได้เอง

อย่าหนีบขวดนานเกิน อาจทำให้มือ แขน ชาได้
ให้ขยับขวดบ่อยๆ จะไม่มีอาการชา ตามแขนชา

 

ขอทราบรายระเอียดได้ไหมคะค่าจัดส่งค่ายา ดิฉันอยู่ฮาวย จะขอเลขที่บัญชีด้วยค่ะ ส่งมาที่เมล์ ruksai@hotmail.com

คิดว่าใช่เลย เป็นคนขี้หนาวมากเวลาอากาศเย็น มือเท้าจะเย็น เรื่องท้องอืด เมื่อก่อนเป็นนิ่วในถุงน้ำดี พอไปผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก อาการจุดเสียดก็ค่อยหายไป แต่เรื่องเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่าย เพิ่งมาเป็นปีนี้ ทำอะไรหน่อยก็เหนื่อยแล้วค่ะ

ระบบเผาพลานพลังงานไม่ดีเลย ขนาดไม่ค่อยได้ทานอะไร นน.ก็ยังไม่ลด ไม่อ้วนมากแค่อวบๆ สูง 162 หนัก 62 แต่ถ้ากินขนมนมเนย หรือกินอาหารตามใจปากนิดเดียวนน.จะขึ้นทันที 3-5 กิโลแบบไม่ทันตั้งตัว

ห่วงตัวเองจะเป็นโรคอ้วน และอื่นๆตามมาตอนแก่ตัว ตอนนี้เลยต้องพยายามรักษาสุขภาพ
ยาที่คุณหมอจัดให้ ต้องกินนานเท่าไรค่ะ


ขอคุยเรื่องต้นข้าวสาลีอ่อน เพาะเองง่ายมากๆๆ เลยค่ะ แต่จะกินก็ให้ระวังด้วย ที่ได้ยินมาหลายคนแพ้ wheat หรือ อาหารที่ทำมาจาก wheat แนะนำว่าถ้าอยากได้คอโรฟิน พลังงานจากต้นกล้าอ่อน ลองใช้ข้าวหอมมะลิของไทยๆเรานี่แหละค่ะ ไปซื้อของออแกรนิส มาเพาะเองแล้วก็ตัดมาปั่นใช้เครื่องปั่นธรรมดาที่มีกำลังๆไฟสูงๆ ผสมน้ำสะอาดนิดหน่อยพอให้ปั่นสะดวก ดื่มได้ทั้งกาก ถ้าไม่ชอบก็กรองเอาแต่น้ำ

ถ้าเรามาดูถึงประเภทของ whate มันก็เป็นพวก grain ชนิดหนึ่ง ในความเห็นส่วนตัวไม่น่าจะต่างจาก ข้าวเจ้า ข้าวเหนีย ข้าวโอต ข้าวบาเลย์ ข้าวโพด ลูกเดือย ข้าวฝ่างฯลฯ

 

ขอบคุณครับ

 

อ.สุวิ ค่ะ ถ้าเป็นกระดูกงอกบริเวณข้อมือต้องทำอย่างไรค่ะ คนที่ทำงานเป็นค่ะ แล้วตอนนี้โตกว่าเดิมค่ะ

จะรอคำตอบค่ะ

 

ปกติโรคเหล่านี้ จะเกิดจากข้อกระดูกที่เคลื่อนไปเล็กน้อย และเกิดอาการเจ็บขัด
ก็กินยาระงับอาการ และทนใช้งานข้อที่มีปัญหาต่อไปเรื่อยๆ
และร่างกาย จำเป็นต้องปรับตัว ช่วยตัวเองให้เจ็บน้อยลง
โดยสร้างพังผืดขึ้นมารัด ให้ข้อขยับน้อยลง เหมือนเอาผ้ายือมารัดเอาไว้

นานไป แคลเซี่ยม ก็จะมาเกาะจนผังผืดแข็งปัง ข้อเลยขยับไม่ได้
นี่คืออาการหนึ่งของโรค และทั่วไปจะเรียกว่ากระดูกงอก(กระดูกงอกปลอมๆนะ)

การรักษาแผนปัจจบัน ก็ผ่าและเลาะออก
ส่วนแผนไทย ก็นวดๆ ขยับกระดูกให้เข้าที่ ก็หาย
แต่เจ้าประคุณเอ๋ย กระดูกมันถูกล๊อกด้วยผังผืดมานาน
พอโดนขยับกระดูกเข้าหน่อย ก็ดีใจร้องโอดโอยน้ำตาเล็ดน้ำตาลาดทันตาเห็น
เจ็บอย่าบอกใคร (เจ็บจนอธิบายไม่ถูกนะ)

จะลองมารักษาดูก็ได้ เตรียมผ้าเช็ดหน้ามาเจ็ดผืนนะ (เอาไว้ซับน้ำตา ตอนน้ำตาเล็ด)

ยังมีกระดูกงอกอีกแบบ ที่เนื้อกระดูกจับแคลเซียมและงอกเกินออกมา
ถ้าไม่ได้ไปทับไปกด เส้นประสาท หรือเป็นอุปสรรคกับการดำรงค์ชีวิต เขาก็จะปล่อยๆให้มันโตให้มันงอกไป
แต่หากมีปัญหากับการเป็นอยู่ พวกนี้แผนปัจจุบัน ผ่าและกรอออกลูกเดียว
ส่วนแผนไทย ท่านผู้เฒ่าใช้วิธีละลายกระดูกนะ
ส่วน สุวิ ยังทำไม่เป็นจ้า

 

ร่างกาย โดยตับ จะผลิตน้ำดีจากไขมัน ส่วนหนึ่งจะใช้ย่อยอาหารพวกไขมัน และดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ส่วนเกินก็จะขับทิ้งไปทางอุจาระ
เมื่อถูกตัดถุงน้ำดีทิ้ง การสร้างน้ำดี ก็น้อยมาก การย่อยไขมันก็จะย่อยไม่ได้ดี
ไขมันที่ร่างกายดูดซึมเข้าไป ก็ไม่ได้ถูกนำกลับมาสร้างเป็นน้ำดีอีก
ไขมันส่วนเกินก็จะเริ่มสะสมและอุดตันในกล้ามเนื้อและเส้นโลหิตฝอย โดยเฉพาะที่หัวใจ
ทำให้การสูบฉีดโลหิตบกพร่องไป ทำให้เหนื่อยง่าย
มียาที่หมอสุวิผสมไว้เพื่ออาการนี้ ชื่อ

ยาปรเมศร์ กินร่วมกับ ยามณีนพเก้า จะช่วยให้อาการของคุณดีขึ้น (แก้ไข สกดชื่อยาผิดนะ ที่ถูกคือ ปรเมท )
แต่ต้องอย่าตามใจปากให้มากนัก โดยเฉพาะอาหารทอด ให้ลดหรืองดได้เลยยิ่งดี
ดื่มน้ำร้อนอุ่นๆ หรือน้ำสมุนไพรอุ่นๆบ่อยๆจะช่วยได้

น้ำสมุนไพรที่แนะนำมี
๑ น้ำชาจีนผสมมะนาว
๒ น้ำต้มมะตูมอ่อน ไม่ใส่น้ำตาล
๓ น้ำร้อนชงดอกคำฝอย + น้ำมะนาว (+น้ำผึ้งอีกนิด สูตรนี้หย่อยอย่าบอกใคร)
ฯ

 

รายงานการประชุมของเหล่าสุวิ

ว่าจะเล่าถึงบรรยากาศการประชุมของเหล่าสุวิ แต่เวลาไม่ค่อยให้
เอาเป็นรายงานการประชุม สรุปย่อ ก็แล้วกัน

เริ่มประชุม พี่เจ็ดทำหน้าเป็นตูดเป็ด ถามถึงผลงานที่ทำไว้ใน ๑ อาทิตย์ที่ผ่านมา(ปลายเดือน มกรา ๕๓) และด่าพวกเราเละเลย
ได้รายงานพี่เจ็ดไปว่า สิ่งที่ทำ เป็นการใช้อำนาจจิตปรับยาที่ทำเสร็จแล้วให้ ธาตุสี่ สมดุลย์ ซึ่งเป็นไปตามหลักการ

๑.ในยาทั่วไป ที่คนทั่วไปกิน ต้องมีธาตุสี่สมดุลย์ คือมี ดิน น้ำ ลม ไฟ ไนอัตราส่วนใกล้เคียงกัน
๒. ในกรณีเฉพาะโรค ให้ปรับธาตุยาให้ ขาดสมดุลย์ได้ แต่ต้องไม่กระทบให้ธาตุเดิม(ในกามนุษย์)เสียไป
เช่น คนเป็นไข้ตัวร้อน เจ็บคอ เราจะดึงเอาธาตุไฟออกจากตัวยา(ทำยาให้มีธาตุไฟน้อย) ทำให้ยามีธาตุ ดิน น้ำ ลม เด่น แต่ธาตุไฟด้อย ยาจึงจะแก้อาการโรคได้ดี
ซึ่งเราจะไม่ทำยาให้มี ธาตุน้ำมาก เข้าไปดับไฟ เพราะยาเช่นนี้ จะทำให้ธาตุเดิมของคนไข้เสีย การเสียสมดุลย์ของธาตุในกายผู้ป่วยจะมากขึ้น
ซึ่งจะทำให้คนไข้มีอาการป่่วยมากขึ้น

เหตุที่ต้องอำนาจจิตเข้าไปปรับ เป็นเพราะ
กำลังเรียนรู้เรื่องความสมดุลย์ของธาตุในตัวยา (ตามคัมภึร์ เล่มที่สี่ ของหมออิน เทวดา)
และได้ทดสอบยาต่างๆที่ได้เคยทำผ่านมาแล้ว
ได้พบยาหลายขนาน มีสมดุลย์ไม่ถูกต้อง ตามตำรา

ยาได้ทำเสร็จเป็นเม็ดแล้ว ไม่อาจใส่ตัวยาสมุนไพรเพิ่ม หรือเอาออกได้

เหล่าสุวิเลยรวมหัวกัน ใช้อำนาจจิตทำการปรับตัวยา และโครงสร้างของยา ให้เหมาะแก่ตัวคนไข้ทั่วไป จนยาสมบูรณ์ และมีอานุภาพสูงสุด

แต่มีปัญหาที่ยา มะรุมกาญจนา ที่เข้าสมุนไพร "มะรุม"
ยาตัวนี้เป็นยาที่ดี แก้โรคได้ขาดไม่มีที่ติ
เพียงแต่ มะรุม มีพิษอยู่ เหล่าสุวิหาทางแก้พิษมะรุมจนมึน ก็ยังแก้พิษของมะรุมได้ไม่ขาด
แก้ได้อาการหนึ่ง ก็มีโรคเพิ่มอีกอาการหนึ่ง (ซึงเป็นโรคที่เพิ่มขึ้นมาจากการกินยา) รวมทั้งอาการอันไม่พึงประสงค์

มึนหนักขึ้นก็เลย สุมหัวกันหาทางออกง่ายๆ
ทดลองอธิษฐานขอเอาดื้อๆ
สมุนไพรใดที่แก้พิษของมะรุมได้ขาด ขออำนาจยาแห่งสมุนไพรนั้นจงปรากฏ(แบบมือรับ)
และลงผสมกัยยานี้ ในอัตราส่วนที่ถูกต้อง และแก้โรคได้ดังจิตจินตนา
พอยาผสมเสร็จ อัดกลับลงในเม็ดยา แล้วทดสอบ
พบว่าแก้ พิษของมะรุมได้ขาดจริง และยังรักษาโรคได้ดังที่ตั้งใจไว้

ยังมียาทีมีปัญหาอยู่
ยา กระชายทองนพคุณ กระชายทองนพคุณ2 และกระชายทองนพคุณ3
ล้วนเป็นยาที่เช้ามะรุมทั้งสิ้น แม้สุวิจะแก้พิษได้มากกว่า ๘๐% ก็ยังถือว่าไม่ขาด

เมื่อการทดลองเสร็จสิ้น เอาจริงละ
เหล่าสุวิสุมหัวกัน อธิษฐานว่า
ยาที่ยังมีปัญหาอยู ชื่อ มะรุมกาญจนา กระชายทองนพคุณ กระชายทองนพคุณ2 และกระชายทองนพคุณ3
ที่สุวิทำขึ้น ทั้งที่ยังเป็นของสุวิอยู่ และที่คนไข้ได้รับแจกจ่ายออกไปแล้ว ไม่ว่ายาทั้งหมดอยู่ที่ใด ในโลกนี้
ขอยาทั้งหมดจงมารวมกันที่เบื้องหน้าของข้านี้
แล้วดึงพลังยาทั้งหมดขึ้นมาในฝ่ามือ (ซ้าย)

แล้วอธิษฐานขอยาพิเศษว่า
สมุนไพรใดที่แก้พิษของมะรุมได้ขาด ขออำนาจยาแห่งสมุนไพรนั้นจงปรากฏ(แบบมือขวารับ)
และผสมกัยยานี้ ในอัตราส่วนที่ถูกต้อง และแก้โรคได้ดังจิตจินตนา
นำยาในสองฝ่ามือเข้าผสมกัน
แล้วนำอัดกลับลงในเม็ดยา
แล้วส่งยากลับในที่มา

และเราก็รายงานพี่เจ็ดไปดังที่เล่ามา
ซึ่งก็เป็นเหตุให้พี่เจ็ดค่าพวดเราเละ

 

และเราก็รายงานพี่เจ็ดไปดังที่เล่ามา
ซึ่งก็เป็นเหตุให้พี่เจ็ดด่าพวกเราเละ<!-- google_ad_section_end -->

และพี่เจ็ด ได้ถามกลับด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า พวกเอ็งขออะไร

สมุนไพรใดที่แก้พิษของมะรุมได้ขาด

เอ็งรู้หรือไม่ ว่า สมุนไพรที่พวกเอ็งร้องขอคืออะไร
สมุนไพรตัวเดียวโดดๆที่สามารถแก้พิษมะรุมได้ ไม่มีในโลกมนุษย์นี้
แถมพวกเอ็งยังขอให้

แก้โรคได้ดังจิตจินตนา

พวกเอ็งรู้หรือไม่ว่า สิ่งที่พวกเอ็งได้มาคืออะไร

สิ่งที่ได้มาเป็นดอกไม้ดอกหนึ่ง มีลักษณะเป็นแก้วผลึก มาจากมิติเบื้องบน
แทนที่จะนำมามาใช้ทีละนิดทีละหน่อยแต่พอควร
พ่อเจ้าประคุณ เล่นกวาดเอามาซะครึ่งแปลง

เขามาฟ้องข้า
จะเอาพวกเอ็งขึ้นไปปลูกใช้คืนให้เขา

ดีว่าข้าไหวทัน เจรจาภาษาดอกไม้กับเขา
อีตาลุงที่ปลูกต้นไม้ ก็ดีใจหาย
อีว่า จะปลูกแซมให้เอง ไม่ต้องห่วง ขอให้ทำบุญให้แกบ่อยๆ
เรื่องถึงจบ
แล้วพวกเราก็ถูกค่าอีกรอบ ให้สังวรณ์ระวังไว้อย่าใช้อำนาจบาตรใหญ่
อย่าใช้อำนาจในความเป็นบุคคลพิเศษ เที่ยวขออะไรง่ายๆ อย่างพร่ำเพื่ออีก
จะทำอะไรให้พิจารณาให้ดี
จงยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท

 

ต้นไม้นี้มีอีกชื่อ ต้นสารพัดนึก ตรงตัวดี เป็นชื่อสามัญทั่วไป
ต้น ใบ ดอก ผล มีลักษณะดูดั่งแก้วผลึก โดยเฉพาะลูก กลมกลิ๊กเป็นดั่งดวงแก้วมณี
คนที่ไปพบเห็น จึงใส่คำว่าแก้วนำหน้า เป็นต้นแก้วสารพัดนึก

พวกที่เก่งภาษา ว่าชื่อไม่เพราะ จึงเรียกว่าต้นแก้วจินตนา ( จิต+เจตนา)
ส่วนที่ข้าน้อยนำมาใช้เป็นส่วนดอก จึงได้ชื่อวา ยาดอกแก้วจินตนา(แก้วจินดา)

ในอดีต เคยมีผู้นำส่วนผล มาใช้บนโลกมนุษย์นี้ เขาให้ชื่อว่า มณีจินตนา (มณีจินดา)
นัยว่าท่านผู้เฒ่าที่เป็นคนสวนอยู่ในปัจจุบัน คือท่านหมอ ที่ได้ทำยา มณีจินดาในอดีต
ข้าน้อย จึงถึงกับเสียวสันหลังขนหัวลุก

ที่หลุดจากการเป็นคนสวนมาได้ ก็ด้วยวิญญานธาตุที่ทรงปัญญา ต่อรองได้
และท่านผู้เฒ่าก็ใจดี อนุญาติให้เอาไปใช้ได้แต่อย่าเยอะ ท่านจะปลูกแซมให้
แต่ต้องหมั่นทำบุญส่งให้ท่าน เป็นข้อแลกเปลียน

ยาดอกบัว (ปทุมาคืนชีพ)ที่เคยกล่าวไว้ เป็นยาอีกตัวหนึ่ง
นัยว่าเป็นยาคู่ของจินดามณี
ตัวหนึ่ง ทำให้คืนชีพ อีกตัวรักษาให้อยู่ยง
ยาดอกบัวยังไม่เคยทำ แต่ก็เตรียมการไว้ หากประจวบเหมาะเมื่อไรก็จะทำทันที

ยังไม่ค่อยจะมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าจะเป็นดั่งที่ท่านว่าหรือไม่
ที่ยาตัวหนึ่ง ทำให้ฟื้นชีพ
ยาอีกตัว รักษา ให้คืนสมรรถภาพดั่งมานพหนุ่ม

ยาดอกบัวรวมกับมณีจินดา เป็นสุดยอดของยา นาม มณีปัทเมศ

กำลังสงสัยว่าจะเกี่ยวกับคำสวดนี้หรือไม่

"โอม มณี ปัทเมฮูม"

 

ยาที่สุวิสร้างขึ้นนี้ มีชื่อเต็มว่า "ดอกแก้วจินตนา"
สุวิ เรียกสั้นๆง่ายๆว่า "แก้วจินดา"

มีสรรพคุณ ดั่งจิต จินตนา
กระสายยา บุญอันควรแก่โรค
วิธีใช้ ตั้งจิต อธิษฐาน บุญและยา (โปรแกรมยา)
ใช้แล้วอุทิศบุญให้เจ้าของยา และผู้ปลูกต้นยา

ดังนั้น ก่อนกิน ต้องโปรแกรมสรรพคุณยาก่อนใช้ ด้วยบุญ

ถ้าดูจากสรรพคุณของยาและวิธีใช้ จะเห็นว่า
ยานี้ เขาเป็นดัง คอมพิวเตอร์ เครื่องหนึ่ง
ถ้าไม่มีการโปรแกรม ว่าจะให้เขาทำอะไร
กินเข้าไป มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เข้าไปกองอยู่เฉยๆ ซ้ำยังอาจก่ออาการไม่พึงปรารถนาอีกด้วย (พลังอั้น-เลือดลมกระจุกตัว)

จะเห็นได้ว่า ในการใช้จะมีบุญอยู่ สองกอง

บุญกองแรก เป็นกองบุญของเจ้าของไข้ อุทิศให้โรคที่เป็น และใช้โปรแกรมยาให้รักษาโรค.......ตามที่จิตปรารถนา
บุญกองที่สอง ก็เป็นของเจ้าของไข้เช่นกัน เป็นกองบุญที่อุทิศให้เจ้าของยาและ ผู้ปลูกต้นยา


ข้อมูลเพิ่มเติม
การกินยา

อธิษฐานยา ..... เสร็จแล้ว
กินมื้อละ ๑ เม็ด วันละ ๒ ครั้ง เช้าก่อนอาหาร และก่อนนอน

ปกติโรคทั่วไป กินมื้อสองมื้อก็หายแล้ว
โรคหนัก ก็ไม่น่าเกิน ๕-๑๐ วัน (ที่เหลือเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น)
ให้กิยยาปกติควบไปด้วย

 

ผู้ที่ได้รับยาไปในชื่อ กระชายทองนพคุณ กระชายทองนพคุณ2 กระชายทองนพคุณ3 และมะรุมกาญจนา

ทั้งหมดล้วนกลายเป็นยา แก้วจินดา ทั้งสิ้น

ได้อธิบาย สรรพคุณ และวิธีใช้ไว้ให้แล้ว
ใช้ให้สมคุณค่า และเก็บในที่อันควร

 

สาธุ ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์suwi ตัวกลมเลยได้อานิสงค์ของกระชายทองนพคุณ
ต้นปีกินเต็มสูบ ปรากฏว่าเดี้ยง เป็นไข้เลยลดมาครึ่งหนึ่ง ค่อยสบายหน่อย

พอได้โปรแกรมยา เลยวิ่งแจ้นไปนับซองยา รวมที่ยังไม่ได้เอาไปให้น้องอีก แก้มบานเลย
และส่งบุญให้ท่านลุงเจ้าของสวนยา ให้เทพผู้รักษา ให้ญาติให้นายเวร ให้เชื้อโรค ของ อ.suwi
และของข้าน้อยเอง ทดลองกินยาเมื่อกี้ กำหนดรักษาเรื่องหัวใจ เพราะเต้นเร็วกว่าคนปกติ
ยาก็ซู่ซ่า เลือดลมเดินดี แต่จริงๆแล้วเมื่อ2คืนก่อน ก็กำหนดแบบที่อาจารย์บอกส่งบุญให้
แต่ไม่ได้กำหนดการรักษา เพราะคิดว่าไม่ได้เป็นยาแก้วจินดา(ไก่ได้เพชร อิอิ) สิ่งที่ได้
ก็คือ ทำให้สัมผัสอะไรได้เร็วขึ้นค่ะอาจารย์ ท่าทางจักระจะทำงานได้ดีกว่าเดิม

เดี๋ยวตัวกลมจัดสรรไปให้น้า ให้น้องก่อน(คนที่อาจารย์ให้ทำบุญควบไปด้วย) โชคดีเลย
ขอให้เทพายาสนับสนุนอาจารย์สำเร็จเรื่องยาฟื้นคืนชีพนะคะ ......ดีใจมากมายค่า

 

คำว่า

"โอม มณี ปัทเมฮูม"

ที่คุณสุวิเขียนไว้ ดิฉันสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิมก่อนนอนทุกวัน
ด้วยเข้าใจว่าเป็นบทสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิม
แล้วตกลงมันยังไงกันแน่ล่ะเจ้าค่ะ???


มาเล่าเรื่องแปลกให้ฟังค่ะ
เมื่อคืนนี้รู้สึกว่ามีอาการฟึดฟัดที่จมูก รู้สึกเหมือนมีสเลดลงคอเล็กน้อย
ก็คิดว่าจะกินยาภูมิแพ้เบอร์ 3 ก่อนนอน ตื่นมาจะได้ปิ้งปั้ง หายเป็นปรกติ

ก็เลยพูดลอยๆ ออกมา พอดีน้ายืนอยู่ใกล้ๆ ซึ่งเคยลองกินยาตัวนี้แล้วหายภายในข้ามคืน
ซึ่งปรกติเวลาคนเป็นหวัด ถ้ากินยาสังเคราะห์จะใช้เวลารักษาตัว 2-3 วัน

แต่ยาตัวนี้กินไปแล้วนอนก็หายแล้ว

น้าเขาก็ให้สตางค์ค่ายามา เมื่อได้ยินว่าเราซื้อยามาสำรองสำหรับทุกคนในบ้าน
เขาคงคิดว่ากินยาไปคราวที่แล้ว เอายาจากดิฉันที่ซื้อมา ยังไม่ได้ให้สตางค์มั้ง
ดิฉันก็รับสตางค์มาเสร็จ เดินไปเก็บ
ระหว่างนั้นก็ลืมไปแล้วล่ะว่าตัวเองมีอาการเหมือนเป็นหวัด


พอเดินกลับมาจะไปเล่นคอมฯ ที่เปิดค้างเอาไว้ ก็กลับมารู้ตัวอีกครั้ง

อ้าววววว....หวัดหายไปไหนแล้ว
หายเป็นปลิดทิ้งเลย

เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น 2 ครั้งแล้วค่ะ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2

ครั้งแรกเกิดตอนที่น้าเป็นหวัดนั่นแหละ แล้วดิฉันกำหนดพลังยาดูว่าจะต้องให้
ยาภูมิแพ้เบอร์ 3 กับเตโชฯ กี่เม็ด เพื่อรักษาน้า (ตามที่ได้ร่ำเรียนมาจากคุณสุวิ)
เสร็จก็จ่ายยาตามนั้น ช่วงนั้นเป็นเวลาค่ำก็เลยให้น้ากินยาแล้วไปนอน

พอตื่นขึ้นมา ดิฉันมีนัดกับคุณสุวิไปที่บ้านท่าน
ก็เลยไม่ได้คุยกับน้าว่าอาการเป็นไงบ้างแล้ว มาคุยหลังจากกลับมาจากบ้านคุณสุวิ
ว่าน้าหายแล้วล่ะ

เล่ากลับมาที่ดิฉันเดินทางมาบ้านคคุณสุวิ เกิดอาการน้ำมูกใสไหลรินไม่หยุด
คันจมูก วิงเวียน
คุยกับคุณสุวิก็เลยถามว่า

เมื่อวานอาการยังปรกติดี แข็งแรง แต่ทำไมเช้านี้เป็นแบบนี้ล่ะ อยู่ดีๆ เป็นหวัดเริ่มหนักขึ้นมาเฉยๆ

แล้วก็เล่าเรื่องน้าด้วย

คุณสุวิก็ว่าดิฉันไม่ได้ใส่เกราะป้องกันตัวเวลาดูพลังยารักษาคนไข้
คือเวลาจ่ายยาจะต้องดึงอาการของคนไข้ขึ้นมา แล้วใส่พลังยาลงไป

ดิฉันดึงอาการของน้ามา โดยไม่ได้ใส่เกราะป้องกันตัวเอง
ผลคือโรคเลยมาอยู่ที่ตัวดิฉัน เหอะๆ เลยมีอาการดังกล่าว


พอดีตอนนั้นมียาภูมิแพ้เบอร์3 อยู่กับตัวด้วย (หิ้วถุงยาของตัวเองมาให้คุณสุวิดูว่าตอนนี้มียาอะไรบ้าง)
คุณสุวิบอกว่าเดี๋ยวกินข้าวกลางวันค่อยกินยา ดิฉันกับลูกศิษย์ของคุณสุวิเลยนั่งคุยกันต่อ


จนถึงกลางวัน ปรากฎว่าอาการที่ทำท่าจะหนัก หายเป็นปลิดทิ้ง

มันหายไปไหนไม่รู้ เหอะๆ

แปลกไหมล่ะ เป็นอย่างนี้ 2 ครั้งแล้ว

มันเป็นเพราะอะไรไม่รู้อะ...รู้แต่ว่าประหยัดดีจัง 55555+

คุณสุวิช่วยตอบทีเจ้าค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

 

ปวดหลังมาเป็นเดือน สองเดือนแล้วครับ เป็นๆ หายๆ เป็นตอนนอนครับตื่นนอนนี่ปวดเลย ทุกวันนี้นอนหงายแทบไม่ได้ต้องนอนตะแคงครับ อาทิตย์ก่อนไปให้หมอนวดจับเส้นให้ หลังหายปวด แต่ตอนนี้มันปวดที่เอวและต้นขาด้านหลังครับ เดินก็ขัดครับไม่หายซักที(ตอนนั่งสมาธิไม่ปราปฏอาการครับ) ช่วยหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

 

วันอาทิตย์ที่ 21 นี้ อาจารย์หมออยู่เพชรบูรณ์ถึงกี่โมงค่ะ
พอดีหนูไปเป็นเจ้าภาพสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ที่วัดธรรมยาน(อ.หนองไผ่)ไว้น่ะค่ะ
แล้วหนูจะต้องไปร่วมงานในวันนั้นด้วย
ถ้างานเสร็จเร็ว ก็ว่าจะเลยไปสวัสดีอาหมอน่ะค่ะhello10

 

กระดูกหลังคุณเคลื่อนแล้ว
ไปหาหมอโรงพยาบาล เขาจะบอกว่า กระดูกคุณเสื่อม
ให้ยามากินลองดูสักพัก และในที่สุดก็จะแนะนำว่าควรผ่าตัด

การรักษาของสุวิทำเพียงขยับกระดูกให้เข้าที่ ก็หาย
อาการนี้คุณต้องมาหาสุวิอย่างเดียว เอง ก่อนมา โทรนัดก่อน
(คุณอาจต้องนำผ้ามัดเอวมาด้วย เพื่อช่วยพยุงกระดูกแทนกล้ามเนื้อสักสองสามวัน)