ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับท่านนามจงรักภักดีกับท่านนามทางสายธาตุที่นำเรื่องดีๆมีสาระมาให้เพื่อนๆสมาชิกได้รับรู้ข้อมูลที่ไม่่เคยรับทราบมาก่อน...ต้องขอขอบคุณมากครับ...ผมจะตามอ่านและอนุโมทนาตลอด...แต่อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดเพราะความรู้เรืองทางข้อมูลไม่มาก...ต้องให้ท่านทั้งสองให้ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางให้คนไทยในปัจจุบันเกิดความรักชาติรักแผ่นดินและสามัคคีกันในประเทศสยาม...และขอให้ท่านสองทำเพื่อแผ่นดินต่อไปอาจจะไม่ใครเห็นแต่เทวาดาพร้อมคนในอดีเตห็นครับ...สวัสดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2010
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    สาธุ ขออนุโมทนาต่อกุศลจิตของคุณชานนคนไทย ครับ
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อ่านบทความฉบับเต็มแล้วขอให้ประโยคข้างล่างนี้เป็นจริงเร็วๆด้วยเทอญ


    ในวันที่ชาติไทยพ้นจาก "จุดตาย" แล้ว...วิ่งฉิว.

    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขอให้ชาติไทยกลับมารุ่งเรืองสมดั่งที่บรรพบุรุษท่านตั้งใจสร้างไว้ให้ลูกหลาน
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เกียรติศักดิ์ทหารเสือ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><CENTER>[​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โคลงพระราชนิพนธ์

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตรัสไว้เมื่อครั้งที่หนังสือพิมพ์ดุสิตสมิต นำโคลงนี้ไปตีพิมพ์ เมื่อ พ.ศ. 2461 ว่า

    "นักรบฝรั่งเศสโบราณมีภาษิตอยู่อัน 1 สำหรับเป็นบรรทัดฐานแห่งความประพฤติของเขา เป็นภาษิตที่จับใจข้าพเจ้ายิ่งนัก จึ่งได้นิพนธ์เทียบเป็นคำโคลงภาษาไทยขึ้นไว้ว่า "
    <TABLE style="MARGIN: 0px auto; WIDTH: 490px; BACKGROUND-COLOR: transparent"><TBODY><TR><TD style="TEXT-INDENT: 2em" width=240>มโนมอบพระผู้</TD><TD width=10></TD><TD width=240>สถิตย์อยู่ยอดสวรรค์</TD></TR><TR><TD>แขนถวายให้ทรงธรรม์</TD><TD></TD><TD>พระผ่านเผ้าเจ้าชีวา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="MARGIN: 0px auto; WIDTH: 490px; BACKGROUND-COLOR: transparent"><TBODY><TR><TD width=240>ดวงใจให้ขวัญจิต</TD><TD width=10></TD><TD width=240>ยอดชีวิตและมารดา</TD></TR><TR><TD>เกียรติศักดิ์รักของข้า</TD><TD></TD><TD>ชาติชายแท้แก่ตนเอง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="MARGIN: 0px auto; WIDTH: 490px; BACKGROUND-COLOR: transparent"><TBODY><TR><TD style="TEXT-INDENT: 2em" width=240>มโนมอบพระผู้</TD><TD width=10></TD><TD width=240>เสวยสวรรค์</TD></TR><TR><TD>แขนมอบถวายทรงธรรม์</TD><TD></TD><TD>เทอดหล้า</TD></TR><TR><TD>ดวงใจมอบเมียขวัญ</TD><TD></TD><TD>และแม่</TD></TR><TR><TD>เกียรติศักดิ์รักข้า</TD><TD></TD><TD>มอบไว้แก่ตัว</TD></TR></TBODY></TABLE>
    "เมื่อแต่งโคลงแล้ว ข้าพเจ้าได้ให้นายช่างชาติอิตาเลี่ยนในกรมศิลปากร ชื่อริโกลี เขียนภาพขึ้นไว้ 4 ภาพ เพื่อประกอบโคลงบทนั้นบาทละภาพ ภาพทั้ง 4 นี้ คณะ "ดุสิตสมิต" ได้ขออนุญาตจำลองลงพิมพ์ใน "ดุสิตสมิต" พร้อมกับโคลง เดือนมกราคม พ.ศ. 2461"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2010
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เมื่อแต่งเป็นโคลงแล้ว พระองค์ได้ทรงให้นายช่างชาวอิตาเลียนในกรมศิลปากรชื่อ ริโกล
    เขียนภาพขึ้นไว้ ๔ ภาพ เพื่อประกอบโคลงนั้นบาทละภาพ ภาพทั้ง ๔ นี้คณะ "ดุสิตสมิต"
    ได้ขอพระบรมราชานุญาตจำลองลงพิมพ์ในหนังสือ "ดุสิตสมิต" พร้อมกับโคลงในระหว่างเวลา
    ที่เสือป่ากองเสนาหลวงรักษาพระองค์กำลังชุมนุมพลอยู่ ที่สนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม
    เมื่ื่อ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๖๑

    [​IMG]

    โคลงภาษิตนักรบโบราณ

    นายพลเสือป่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    นายกเสือป่า และผู้บัญชาการกองเสนาหลวงรักษาพระองค์ ทรงพระราชนิพนธ์

    ๐ "มะโนมอบพระผู้...........เสวยสวรรค์"
    นักรบต้องรักธรรม์...........เที่ยงแท้
    ยามสู่ยุทธภูมิอัน...............ประชิด
    จิตจึ่งจะมั่นแม้.................เศิกกล้าไป่ขาม

    ๐ สงครามทำเพื่อป้อง.......ธรรมา
    นักรบเริงอาสา.................ไป่คร้าม
    อยู่ในที่ถูกหา...................ความขลาด ได้ฤๅ
    จิตมั่นขวัญพาข้าม............ปลอดพ้นอันตราย

    ๐ เป็นชายเชื้อชาติแกล้ว....เพ็ญขวัญ
    "แขนมอบถวายทรงธรรม์...เทอดหล้า"
    รับใช้เพื่อป้องกัน.............วรบาท พระเอย
    เพื่อพระคงคู่ฟ้า...............ครอบเกล้าเราสราญ

    ๐ ภูบาลจะตรัสใช้.............ไคลคลา
    เหินห่างจากเคหา.............ห่างห้อง
    ภักดีและอาสา.................เพราะเชื่อ
    ว่าพระบารมีป้อง.............ปกเกล้าเราไป

    ๐ หักใจจรจากห้อง...........หฤหรรษ์
    รักราชและรักธรรม์..........เที่ยงแท้
    "ดวงใจมอบเมียขวัญ.........และแม่"
    คงเสน่ห์อยู่แม้.................อยู่ร้างกลางสนาม

    ๐ ยามไปในถิ่นกว้าง..........ทางไกล
    พบสิ่งยั่วยวนใจ................อยู่บ้าง
    ก็จะไม่เหลวไหล...............หลงวุ่น
    เพราะจิตจอดอยู่ข้าง........หนึ่งแล้วมั่นคง

    ๐ รณรงค์ยงยุทธแย้ง.........ยิ่งภัย อื่นนอ
    จำจะต้องทำใจ.................กาจกล้า
    นักรบจึงควรใฝ่................เตือนสติ ตนเอง
    "เกียรติศักดิ์รักของข้า.......มอบไว้แก่ตัว"

    ๐ มัวรอให้พวกพ้อง..........คอยเตือน
    คงไม่รู้จิตเหมือน..............จิตได้
    ใครจะทราบว่าเพื่อน.........นึกหวั่น ขึ้นนอ
    ตัวสิเตือนตัวไว้................เหมาะแท้ทุกยาม

    ๐ สรุปความว่าแม้มั่น........ธรรมา ธิปแฮ
    อีกภักดีอาสา..................ราชไท้
    รักเมียรักแม่พา...............ใจแน่ว
    สงวนศักดิ์จักสละได้...........หมดแม้ชีวี

    ๐ ศรี ศรีสวัสดิ์พร้อม.......พูนผล
    สิทธิ์ จัตุพรดล................อย่าแคล้ว
    ฤทธิ์ เรืองฤทธิ์แรงรณ......อริราช
    ชัย ชะนะศึกแกล้ว...........เกียรติก้องสากล

    ๐ ปวง พลเสือป่าผู้...........ภักดี
    ภัย พิบัติอย่า.................พาดพ้อง
    พิ บูลย์พิริยภีย์.................โยยิ่ง ยิ่งเทอญ
    นาศ อะมิตร์จิตข้อง...........ขัดน้อยอย่ามี ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2010
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ภาพวาดที่นำมาลงนี้ เชื่อว่าคงวาดจากความเป็นจริง มิใช่เพียงแต่เกิดจากจินตนาการของศิลปินอย่างแน่นอน ก่อนวาด นายริโกลีคงต้องศึกษารายละเอียดตามความเป็นจริงในสมัยรัชกาลที่ ๑-๓ เป็นอย่างดีเยี่ยม

    โดยเฉพาะการประทับบนพระราชอาสน์พระแท่น (คือเตียงซึ่งคนทั่วไปใช้นั่ง หรือนอนพักผ่อนอิริยาบถ) เมื่อเสด็จออกขุนนางในท้องพระโรงอันเป็นพระราชนุกิจโดยปกติ มิใช่เป็นการเสด็จออกมหาสมาสมาคมในการพระราชพิธี ซึ่งต้องเสด็จขึ้นประทับเหนือพระราชบัลลังก์
    เป็นการอธิบาย คำว่า ‘เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง’ ตามที่จดไว้ในจดหมายเหตุและบรรยายไว้ในที่ต่างๆ ถึงพระราชานุกิจ

    เช่น ในรัชกาลที่ ๑ ว่า
    “เวลา ๙.๐๐ นาฬิกา เสด็จออกท้องพระโรง ถวายภัตตาหารเลี้ยงพระสงฆ์ในท้องพระโรงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เจ้านายเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และช่วยปฏิบัติพระสงฆ์เวลาฉัน พระสงฆ์กลับแล้ว ชาวพระคลังมหาสมบัติกราบบังคมทูลรายงานจ่ายเงิน
    แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง ข้าราชการกรมพระตำรวจเข้าเฝ้าถวายรายงานชำระฎีกา
    เบิกขุนนางเข้าเฝ้าประภาษด้วยอรรถคดี”

    และในรัชกาลที่ ๒ ว่า
    “ตอนเช้าเสด็จลงพระบาตร เสด็จออกเลี้ยงพระในท้องพระโรง ทรงฟังรายงานพระคลังมหาสมบัติ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง เหมือนรัชกาลที่ ๑”

    และในรัชกาลที่ ๓ ว่า
    <TABLE width="20%" align=right border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]



    </TD></TR><TR><TD>แขนมอบถวายทรงธรรม์ เทอดหล้า


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    “๙. นาฬิกา เสด็จลงทรงบาตร ทรงบาตรเสร็จ เสด็จขึ้นบูชาพระในหอสุราลัยพิมาน แล้วเสด็จลงพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เจ้านายพระองค์หญิงคอยเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้น เสด็จผ่านไปยังหอพระธาตุมณเฑียรที่ไว้พระบรมอัฐิ ทรงบูชาพระบรมอัฐิ

    ๑๐ นาฬิกา เสด็จออกท้องพระโรงพระที่นั่งอมริมทรวินิจฉัย เลี้ยงพระสงฆ์ พระสงฆ์กลับแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง เบิกตำรวจเข้าเฝ้าฯ กราบทูลถวายรายงานความฎีกาก่อน แล้วเบิกขุนนางเข้าเฝ้าฯ เสด็จออกเวลาเช้านี้ ประภาษเรื่องคดีความเป็นพื้น ถ้ามีราชการจรที่สลักสำคัญก็ประภาษด้วย”

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้ง ๓ รัชกาล เสด็จขึ้นพระแท่น ออกขุนนางในท้องพระโรงวันละ ๒ ครั้ง คือเวลาเช้าประมาณ ๑๐ นาฬิกา ถึงเที่ยง

    แล้วจึงเสด็จขึ้นประทับที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ (เป็นเสมือนหอนั่งเรือนคนทั่วไป เชื่อมต่อระหว่างพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน (พระวิมานที่บรรทม) และพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย (ท้องพระโรงออกขุนนางฝ่ายหน้า)

    เสวย และทรงพักผ่อนพระราชอิริยาบถในรัชกาลที่ ๑ ประภาษราชกิจฝ่ายใน ในรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ทรงเป็นช่าง และกวี จึงมักจะทรงการช่างด้วยพระองค์เอง และหรือประชุมช่างประชุมกวี ตลอดจนการละคร

    ส่วนในรัชกาลที่ ๓ นั้น เวลาระหว่างเสวยเสร็จถึงเสด็จออกขุนนางตอนค่ำ (๘ นาฬิกา) คือประภาษด้วยเรื่องวัดวาอารามที่ทรงสร้าง และโปรดฯให้ปฏิสังขรณ์ แล้วเข้าที่พระบรรทมประมาณ ๒ ชั่วโมง สรงเสวยแล้ว เสด็จลงท้องพระโรงใน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ผู้เป็นใหญ่ในราชการฝ่ายในเข้าเฝ้าฯ ประภาษราชกิจฝ่ายใน

    ๗ นาฬิกา จึงเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงสดับพระธรรมเทศนา โปรดฯให้ข้างในออกฟังอยู่ในพระสูตร (ม่าน)
    ๘ นาฬิกา จึงเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนางประภาษราชการแผ่นดิน ข้าราชการทหารและพลเรือนเข้าเฝ้าพร้อมเพรียงกัน หากไม่มีราชการสำคัญก็เสด็จขึ้นพระราชมณเฑียร ๑๐ นาฬิกา ถ้ามีราชการสำคัญเช่นศึกสงคราม ก็เสด็จขึ้นถึง ๑ นาฬิกา (ตี ๑) หรือ ๒-๓ นาฬิกา ก็มี”
    ทีนี้กลับมาพิจารณาภาพวาดกันอีก

    พระเจ้าแผ่นดินทรงพระภูษาจีบปล่อยชายพระภูษา ไม่ทรงฉลองพระองค์ ต้องด้วยในจดหมายเหตุและเอกสารตลอดจนคำบอกเล่ากันมาว่า ในรัชกาลที่ ๑-๒-๓ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนข้าราชการมิได้ทรงฉลองพระองค์และสวมเสื้อ เพิ่งมาทรงและสวมกันในรัชกาลที่ ๔
    ตลอดจนการเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนางอย่างโบราณก็โปรดฯให้เลิก เมื่อเสด็จออกท้องพระโรง (ในต้นรัชกาล) เสด็จประทับพระราชอาสน์ (คงจะเป็นพระเก้าอี้ ดังในปัจจุบัน)

    ที่น่าสังเกต คือ พระพักตร์พระเจ้าแผ่นดินในภาพวาดนั้น ละม้ายเหมือนพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทั้งยังมีพระที่นั่งบุษบกมาลามหาพิมานอยู่เบื้องหลัง สมดังที่เล่ากันมาว่า เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้ง ๓ รัชกาล เสด็จออกขุนนางนั้น จะประทับ ณ พระราชอาสน์ (พระแท่น) เบื้องล่าง

    แต่พระที่นั่งบุษบกมาลามหาพิมาน ซึ่งเป็นพระราชบัลลังก์ประจำพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยนั้น เป็นที่ประทับเมื่อเสด็จออกมหาสมาคมในพระราชพิธีต่างๆ เช่นเสด็จออกรับราชทูต ทว่าในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แล้ว จะเชิญพระแท่นมหาเศวตฉัตร ทอดพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์เป็นที่ประทับ ดังใน (ภาพ ๒)

    ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ เมื่อเชิญมาในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ไม่โปรดฯให้ย้ายกลับ โปรดฯให้ตั้งเป็นพระราชบัลลังก์ประจำพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยอีกองค์หนึ่ง

    ในรัชกาลที่ ๓ เมื่อเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง พระราชอาสน์ (พระแท่น) จึงอยู่ข้างหน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตรอีกทีหนึ่ง


    ป.ล. เมื่อวานนี้พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนางเหมือนในอดีตเลยค่ะ เห็นแล้วรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

    ขอพระบารมีปกเกล้าชาวไทย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2010
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ไทยรวมกำลัง
    คำร้อง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
    ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน






    (พร้อม) ไทยรวมกำลังตั้งมั่น จะสามารถป้องกันขันแข็ง
    ถึงแม้ว่าศัตรูผู้มีแรง มายุดแย่งก็จะปลาศไป
    (หญิง) ขอแต่เพียงไทยเราอย่าผลาญญาติ ร่วมชาติร่วมจิตเป็นข้อใหญ่
    (ชาย) ไทยอย่ามุ่งร้ายทำลายไทย
    (พร้อม) จงพร้อมใจพร้อมกำลังระวังเมือง
    (หญิง) ให้นานาภาษาเขานิยม ชมเกียรติยศฟูเฟื่อง
    (ชาย) ช่วยกันบำรุงความรุ่งเรือง
    (พร้อม) ให้ชื่อไทยกระเดื่องทั่วโลกา
    ช่วยกันเต็มใจใฝ่ผดุง บำรุงทั้งชาติศาสนา
    ให้อยู่จนสิ้นดินฟ้าวัฒนาเถิดไทยไชโย



    อีกหนึ่งบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๖
    ครูเอื้อฯ อัญเชิญมาใส่ทำนอง

    ไพเราะมากครับ
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    แม้นชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร

    พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6


    เรานี้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง
    ควรคำนึงถึงชาติศาสนา
    ไม่ควรให้เสียทีที่เกิดมา
    ในหมู่ประชาชาวไทย
    แม้ใครตั้งจิตคิดรักตัว
    จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน
    ควรจะร้อนอกร้อนใจ
    เพื่อให้พรั่งพร้อมทั่วตน
    ชาติใดไร้รักสมัครสมาน
    จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
    แม้ชาติย่อยยับอับจน
    บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร
    ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง
    คงจะต้องบังคับขับใส
    เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำกรำไป
    ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย
    เขาจะเห็นแก่หน้าค่าชื่อ
    จะนับถือพงศ์พันธุ์นั้นอย่าหมาย
    ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย
    ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา
    เพราะฉะนั้นชวนกันสวามิภักดิ์
    จงรักร่วมชาติศาสนา
    ยอมตายไม่เสียดายชีวา
    เพื่อรักษาอิสระคณะไทย
    สมานสามัคคีให้ดีอยู่
    จะสู้ศึกศัตรูทั้งหลายได้
    ควรคิดจำนงจงใจ
    เป็นไทยจนสิ้นดินฟ้า
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2010
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ถวายความปลอดภัยเส้นทางที่จะไปโรงพยาบาลศิริราชทั้งทางบก และ ทางน้ำ

    กองทัพบก กองทัพเรือ พร้อมถวายความปลอดภัยเส้นทางที่จะไปโรงพยาบาลศิริราชทั้งทางบก และ ทางน้ำ

    พล.ร.ต.นริส ประทุมสุวรรณ เลขานุการกองทัพเรือ ระบุว่า กองทัพเรือจัดกำลังถวายความปลอดภัย โดยรอบโรงพยาบาลศิริราช พร้อมประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษทั้งทางบกและทางน้ำโดยจะมีการดูแลเส้นทาง การจราจรทางน้ำร่วมกับตำรวจน้ำ และกรมเจ้าท่า

    ทั้งนี้เพื่อการรักษาความปลอดภัยทางน้ำให้แก่บุคคลทั่วไป และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ เนื่องจากการเดินทางของประชาชนจำนวนมาก โดย ศอ.รส.จึงขอประกาศให้ท่าเรือโรงพยาบาลศิริราช ท่าวังหลัง ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ ท่าราชนาวีสโมสรท่าราชนาวิกสภา ท่านิเวศวรดิษฐ์ และท่าราชวรดิษฐ์ เป็นท่าเรือห้ามเรืออื่นใดที่ไม่ใช่เรือโดยสารประจำท่าจอดรับส่ง หรือ ขนถ่ายใดๆ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และกำหนดให้พื้นที่เขตวัดอรุณฯ บางกอกน้อย เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ จึงขอให้ใช้เส้นทางชิดฝั่งพระนคร และกองทัพเรือจะดูแลความปลอดภัยโดยรอบ ตลอด 24 ชั่วโมง มีฐานทัพเรือกรุงเทพ เป็นผู้รับผิดชอบ

    นอกจากนี้เส้นทางการจราจรทางบก จะมีการปิดถนนบางช่วงของถนนอรุณอัมรินทร์ ตั้งแต่เชิงสะพานอรุณอัมรินทร์ ถนนอิสรภาพ ตั้งแต่แยกโพธิ์สามต้นถึงสถานีรถไฟบางกอกน้อย และถนนพรานนก ตั้งแต่แยกไฟฉายถึงท่าน้ำพรานนก นอกจากนี้ทหารเรือจะช่วยดูแลการสัญจรของประชาชนบริเวณท่าเรือต่าง ๆ เช่น ท่าเทเวศร์ ท่าพระอาทิตย์ การดูแลรักษาความปลอดภัยจะเป็นเรือตรวจการณ์ปกติไม่มีการติดอาวุธแต่อย่างใด ประชาชนสามารถเดินทางข้ามได้ตามปกติ แต่อาจจะมีการตรวจเข้มเรื่องอาวุธ

    ขณะที่พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุ กองทัพบกออกหลักเกณฑ์พื้นที่ต้องห้ามการจราจรประกอบด้วยถนนลูกหลวง ถนนคู่ขนานราชดำเนินนอก รอบทำเนียบรัฐบาล โดยให้ใช้ถนนพิษณุโลกได้เส้นทางเดียว นอกจากนี้จะปิดเส้นทางบริเวณถนนศรีอยุธยาติดกำแพงบ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถึงสโมสรทหารและซอยสามเสน 12 ปากซอยถนนราชสีมาถึงสามเสน ตั้งแต่คืนนี้ เป็นต้นไป

    ขอเผยความในใจของตนเองสักเล็กน้อยค่ะ วันสองวันนี้ตนเองรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเป็นคนใช้เส้นทางทางน้ำบ่อย และรู้ว่าลงจากเรือสามารถเข้า รพ. ศิริราชได้ง่ายเพียงใด แต่เมื่อได้ฟังข่าวนี้ทางวิทยุเมื่อสักครู่ ดีใจมากๆ

    ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเกษมสำราญ

    อย่าได้มีสิ่งใดมาแผ้วพานใต้เบื้องพระยุคลบาทได้เลย

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน

    ► กองทัพบก กองทัพเรือ พร้อมถวายความปลอดภัยเส้นทางที่จะไปโรงพยาบาลศิริราชทั้งทางบก และ ฦlt;/a>
     
  10. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210


    ขอพระองค์
    ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

    ขออำนาจในสิ่งศักดิ์สิทธ์ ทั้งหลาย จงปกป้องคุ้มครอง ในหลวง
    อย่าได้มีแม้แต่สิ่งใดมากระเทือนใต้เบื้องพระยุคลบาท

    ขอ ผืนแผ่นดินไทย นี้ จงสงบสุข และร่มเย็น เหมือนดังที่เคยเป็น ด้วยเทอญ




    วิญญาณ บรรพชนคงร่ำไห้ หากคนไทย ไม่รักผืนแผ่นดินของตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2010
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อยากให้ทีวีช่วยรายงานด้วยว่าแถบๆบริเวณ รพ.ศิริราช เป็นอย่างไร อยากให้มีรายงานข่าวเป็นระยะๆจังเลยค่ะ

    ดูข่าวตั้งแต่เช้า ยังไม่มีรายงานอะไรบริเวณนั้น เมื่อวานนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาเพื่อจะดูวิธีรักษาความปลอดภัยถวาย เมื่อวานเรือด่วนที่นั่งยังจอดที่ท่าเรือวังหลังและท่าพรานนกได้อยู่เลยค่ะ ไม่ควรให้จอดเลย เดี๋ยวมีแฝงตัวค่ะ ห่วงมาก



    ป.ล. ได้คุยกับคุณโมเย จึงทราบเหตุผลที่ทางการไม่ออกข่าว เพื่อไม่ให้ฝ่ายผู้ไม่หวังดีได้ทราบความเคลื่อนไหวของการรักษาความปลอดภัย

    ทางสายธาตุขอส่งใจไปถวายความปลอดภัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวค่ะ ขอเทพยดาฟ้าดินปกป้องพระองค์ด้วยเถิด

    ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2010
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เสี้ยวอณูชีวิตนี้..เพื่อพระเจ้าอยู่หัวฯและแผ่นดินที่ข้าฯรัก

    ๒๐:๒๒ น.

    ตลอด ๕-๖ ปี ที่ผ่านมา กับเสี้ยวชีวิตเล็กๆหนึ่งนี้...
    ทุกๆอณูลมหายใจเข้าออกแทบไม่กินไม่นอน เฝ้าติดตามข่าวสารของบ้านเมืองด้วยใจรักและเป็นห่วงยิ่ง...


    [​IMG]
    Flag of Thailand
    ใครจะว่าผมสูญเสียเวลากับสถานการณ์เหตุบ้านเหตุเมืองอย่างไรก็ไม่สนใจ แม้จะต้องสูญเสียงานอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เรื่องชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน เพราะนี่คือเสาหลักของบ้านและประเทศของผม หากประเทศของผม ซึ่งนั่นหมายถึงบ้านหลังใหญ่ของผมมีอันต้องล้ม แล้วญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของผมจะอยู่อย่างไร ผมเฝ้ามองเหตุการณ์กระทั่งเอาไปเปรียบเที่ยบกับสถานการณ์จลาจลในประเทศเฮติ หากประเทศไทยอันเป็นที่รักของผมมีสภาพแบบนั้น ผมไม่ต้องการเห็นประเทศของผมมีสภาพบ้านป่าเมืองเถื่อน


    ผม..ซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะไม่ยอมให้ซึ่งไอ้มนุษย์หน้าเหลี่ยมใจคดและพรรคพวกลงมือปู้ยี่ปู้ยำประเทศได้อย่างสบายๆ... ผม..ญาติพี่น้องและเพื่อนๆอีกกลุ่มหนึ่งล่ะที่จะไม่มีวันยอมเด็ดขาด ตลอดชีวิตที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ บนราชอาณาจักรไทยยี่สิบกว่าปี ปู่ยาตายายของผมได้สอนสั่งให้ผมรักแผ่นดินให้รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รักทุกๆพระองค์ท่าน..


    ผมอยากให้คนไทยรักและสามัคคีกัน ช่วยกันปกป้อง หวงแหนสิ่งที่ซึ่งเป็นหัวใจหลักของประเทศไว้..อย่าให้สูญสลายหายไปไปจากสังคมไทย โปรดช่วยกันต่อสู้ปกป้องชาติ ศาสนา สถานบันพระมหากษัตริย์ ให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยของเราตลอดไป ไม่ว่าท่านจะสีอะไรก็ตาม ...


    ๑๑๑ ขอขอบคุณแหล่งที่มา deepsea blog

    เขียนโดย deepsea ที่ 2010-03-12 01:54:12 น. 12 ความคิดเห็น


    -ขออนุโมทนา สาธุ ต่อท่านผู้เขียนและแหล่งที่มา ครับ
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    [​IMG]

    กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตรัสไว้เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2535 ว่า "ประเทศเป็นของเรา ไม่ใช่ประเทศของ 1 คน 2 คน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากัน แก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่าบ้าเลือด เวลาคนมีปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเข้าไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่าเฉพาะในกรุงเทพฯ เสียหายไป ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยนช์อะไรที่จะทนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง".


    ทรงพระเจริญ
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    อนุโมทนา ครับ เข้าใจความรู้สึกของคุณทางสายธาตุ ครับ แต่อยากจะขอเครดิตให้กับทหารเรือครับ วางใจได้แต่ต้องขอให้ทุกคนได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วยนะครับเห็นสิ่งใดไม่ชอบมาพากล อย่าได้รั้งรอรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบโดยเร็วที่สุด
    เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ TV หลายช่องได้ออกข่าวการตรวจค้นและจับกุมโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยิง M 79 ที่วังน้อย ทั้งนี้จนท.ตำรวจได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชนพลเมืองดีครับ
     
  15. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ชีวิตของคนเรา คล้ายดังนาวากลางสมุทร ชีวิตบุตรธิดา มีบิดาคอยนำทาง แม้ทุกข์ยากแสนลำเค็ญ พ่อเพียรทำถึงที่สุด เพื่อให้หลุดรอดบ่วงกรรม นำพาลูกสู่สิ่งหวัง พ่อต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ใจและกายเคี่ยวกรรม ตรากตรำเหี่ยวย่น พ่อทุกข์ พ่อทน พ่อทุกข์ พ่อทน พ่อเราไม่เคยบ่น เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ อยู่ให้ได้ในสังคม ที่ผู้คนแก่งแย่งแข่งขัน กันเป็นหนึ่ง ลูกต้องไม่แข่งกับเขา โลกนี้มันลำเข็ญ ยังวุ่นวายและหมองเศร้า คงต้องก้าวกันต่อไป ถนอมให้โลกยืนยาว ที่พ่อเหนื่อยกับโลกนี้ คือหนี้สินติดค้าง เหล่าบรรพชน พ่อทุกข์ พ่อทน พ่อทุกข์ พ่อทน ลูกต้องไม่แข่งกับเขา...ไม่ต้องไปเอาที่หนึ่ง หวังให้ลูกเป็นคนหนึ่ง ยืนอยู่ได้ในสังคม ที่ผู้คนไหว้หน้าหลอกหลัง จงอยู่อย่างอุทิศตน เป็นคนดีของสังคม เป็นรางวัลชีวิตพ่อ พ่อเราไม่เคยบ่น เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ อยู่ให้ได้ในสังคม ที่ผู้คนแก่งแย่งแข่งขัน กันเป็นหนึ่ง ลูกต้องไม่แข่งกับเขา.... ไม่ต้องไปเอาที่หนึ่ง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ อยู่ให้ได้ในสังคม ที่ผู้คนไหว้หน้าหลอกหลัง จงอยู่อย่างอุทิศตัว ขอให้พ่ออยู่หัวภูมิใจ ลูกเป็นคนดี


    เพลง พ่อทูนหัว

    ศิลปิน หนุ่มบาว-สาวปาน
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><CENTER>ชมตัวอย่าง "ความสุขของคนไทยใต้แสงพระบารมี" </CENTER>

    “ 'ในหลวงเสด็จๆ ' เสียงตะโกนของประชาชน พร้อมกับเสียงฝีเท้า ที่ต่างวิ่งกรูกันเข้ามาเฝ้าในหลวง บริเวณหน้าโถงชั้นล่างอาคาร100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ.ศิริราช ดังพึบพับๆ บางคนก้มกราบ บางคนน้ำตาไหล ตัวผมเองไม่นึกไม่ฝันว่าท่านจะเสด็จฯ จึงรีบเก็บของที่วางอยู่หน้าลานพระบรมหาชนก ให้เข้าที่เข้าทาง”

    พี่บุญส่ง กรรมทมาศ พนักงานอเนกประสงค์รับผิดชอบหน่วยอาคารสถานที่ ร.พ. ศิริราช บอกเล่าความรู้สึกอันปลื้มปีติเมื่อวันที่ในหลวงเสด็จฯ โดยไม่คาดฝันในวันที่ 23 ต.ค. เพื่อถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมถึงถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระรูปหล่อสมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี ซึ่งสร้างความอิ่มเอมใจแก่พสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างมาก เพราะภายหลังจากที่สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่1วันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2552 เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรและเสด็จ พระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรชาวไทยต่างก็ใจจดใจจ่อเพื่อรอรับฟังข่าวของพระองค์

    เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ซึ่งในหลวงเสด็จลอยพระประทีปที่ท่าน้ำศิริราช ที่เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่เฝ้ารอรับเสด็จเพื่อชื่นชมพระบารมี ซึ่งภาพนั้นยังคงตราตรึงและอยู่ในใจของเขาตลอดมา

    ปัจจุบัน พี่บุญส่งทำหน้าที่คอยดูแลความสะอาดและคอยให้บริการประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ โดยเมื่อก้านธูปปักเต็มกระถางทองเหลือง พี่บุญส่งจะหยิบก้านธูปออก และนำก้านธูปไปจุ่มน้ำในถังที่วางไว้ จากนั้นจะเอาก้านธูปที่ไม่มีเชื้อไฟใส่ในถุงดำที่เตรียมไว้

    ด้วยการทำงานที่ยาวนานถึง 16 ปี พนักงานผู้นี้จึงได้ทำงานรับใช้ในพระบรมวงศานุวงศ์มาอย่างต่อเนื่อง สมัยที่สมเด็จย่าทรงพระประชวรแล้วมารักษาตัวที่ร.พ.ศิริราชด้วย โดยพี่บุญส่งจะเป็นผู้ปูลาดพระบาทให้สมเด็จย่าทุกวัน และก่อนที่ในหลวงจะเสด็จมาประทับที่ร.พ. ศิริราช เขาก็เป็นผู้ทำความสะอาด เช็ดกระจกห้องบรรทมของในหลวง ที่ชั้น 16 ห้องในสุด เมื่อทำความสะอาดเสร็จพี่บุญส่งจะกราบที่เตียงของในหลวงก่อนที่จะออกจากห้องดังกล่าวมา

    แม้ว่าการทำหน้าที่ของเขาโดยปกติจะเริ่มต้นที่เวลา 06.00 - 14.00 น.และได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ แต่พี่บุญส่งกลับไม่เคยหยุดทำงานสักวัน ยิ่งในหลวงทรงประทับอยู่ พี่บุญส่งบอกว่ายิ่งต้องอยู่ทำงานทุกวัน และจากเวลาที่เลิกปกติคือ 14.00 น. ก็จะกินเวลาไปถึง 20.00 น.

    “ที่ผมทำงานล่วงเวลาก็เพราะอยากทำ เห็นพี่น้องประชาชนเดินทางมาเยอะทุกวันก็ยิ่งต้องอำนวยความสะดวกมากขึ้น งานที่ทำทุกวันนี้ มันทำให้ผมปลื้มปีติมาก คุณคิดดูคนรวยๆ ที่มีฐานะเขามาช่วยผมทำความสะอาด ช่วยกวาดพื้น สังคมทุกวันนี้ยังมีคนที่มีน้ำใจ มีจิตใจดี ผมมีอะไรก็แบ่งให้คนที่มาเฝ้าได้กินกัน มันมีความสุข ผมจะสอนลูกเสมอว่าให้รักในหลวง เพราะในหลวงเป็นผู้มีพระคุณ วันนี้ได้ทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทก็ถือเป็นบุญแก่ครอบครัว พวงมาลัยที่ในหลวงถวายสักการะพระบรมราชชนก ผมก็เก็บเอาไว้มาบูชาที่บ้าน ทุกวันนี้ผมก็นำพระราชดำรัสเรื่องความอยู่อย่างพอเพียงมาใช้ ก็ให้มีเงินเก็บ มีเงินเลี้ยงครอบครัว มีบ้านของตัวเองจากที่ชีวิตนี้ไม่เคยมีอะไรเป็นของตัวเอง” พี่บุญส่ง พูดพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

    เช่นเดียวกับ “ป้าตุ๋ย น้อยฉ่ำ” วัย 64 ปี วันนี้ป้าสวมเสื้อสีชมพู พร้อมกลัดเข็มกลัดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงเด่นเป็นสง่า ป้าตุ๋ยนั่งในท่าพับเพียบ ด้านหน้ามีตระกร้าเล็กๆ อยู่หนึ่งใบที่บรรจุพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงอยู่หลายใบ หลายพระราชอิริยาบถ

    ป้าตุ๋ย เดินทางมาเฝ้าในหลวงตั้งแต่วันแรกที่ในหลวงทรงเข้าโรงพยาบาล และเกาะติดสถานการณ์อย่างเหนียวแน่น

    “ป้ารู้ข่าวจากเพื่อนโทร.มาบอกว่าในหลวงไม่สบาย ทรงเข้าโรงพยาบาล วันที่ 15 ก.ย.พระองค์ก็มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้อยู่ร.พ.นาน จนมาวันที่ 19 ก.ย.ถึงเสด็จฯ มารักษาพระองค์เป็นเวลานานจนมาถึงทุกวันนี้ ป้ามาเฝ้าที่ร.พ. ก็ 70 กว่าวันได้แล้ว ตอนแรกที่ป้ารู้ข่าวก็ตกใจมาก แบบจะเป็นลมเลย แต่พอมาถึงทุกวันนี้พระองค์มีพระอาการดีขึ้น ป้าก็สบายใจขึ้น”

    ปัจจุบันป้าตุ๋ย มีภาระงานอย่างเดียวคือดูแลหลานไม่ต้องทำงานอะไรมาก พอส่งหลานไปโรงเรียนแล้ว ป้าก็จะมานั่งประจำที่ลานพระบรมราชชนก โดยจะหันหน้าเข้าอาคารเฉลิมพระเกียรติที่ในหลวงทรงประทับอยู่ และบางคราวก็แหงนหน้ามองไปที่ชั้น 16 บ้าง เผื่อว่าในหลวงทรงปรากฏพระพักตร์ให้เห็น เมื่อมาทุกๆ วันป้าตุ๋ยจึงเป็นเสมือนผู้กระจายข่าวสารใก้กับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เดินทางมาทุกวัน บางทีก็จะมีเพื่อนโทร.มาบอกว่าให้จองที่นั่งบนผืนผ้าใบไว้ให้ด้วย

    ป้าตุ๋ยเล่าว่า เวลาเดินเข้ามาป้าจะกินข้าวให้แล้วเสร็จ และก็จะหิ้วข้าวกล่องมาด้วย บางวันก็มีเพื่อนๆ เอาข้าว เอาขนมมาให้กิน มีอะไรก็แบ่งกันกิน กิจวัตรประจำวันนอกจากจะนั่งเฝ้าในหลวงแล้ว บางทีป้าตุ๋ยก็จะหยิบหนังสือสวดมนตร์ขึ้นมาสวด โดยบทที่สวดบ่อยที่สุดคือ บทโพชณังคะปะริตตัง เพื่อขอให้ในหลวงทรงหายขาดจากพระอาการประชวร

    ทั้งนี้ วันที่ 23 ต.ค.ที่ในหลวงทรงเสด็จฯ ลงมาบริเวณลาน 100 ปี ป้าตุ๋ยบอกว่าตนไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง แต่เพื่อนๆ ที่ได้เห็นพระองค์ก็ต่างเล่าให้ฟังอย่างดีอกดีใจว่า เป็นบุญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หลายคนต่างน้ำตาไหล ความรู้สึกปลื้มปีติยินดีพรั่งพรูอยู่ในใจและยังคงตราตรึงอยู่อย่างนี้ตลอดไป

    ด้าน “ป้าสำรวย สุจิตรจูล” วัย 62 ปี ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่มาเข้าเฝ้าฯ ในหลวงที่รพ.ศิริราช เล่าเรื่องราวสมัยที่ตนยังสาวให้ฟังว่า เคยเห็นในหลวงในงานทอดกฐินที่วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม

    “ป้าอยากเข้าไปใกล้ๆ พระองค์มาก แต่ทหารก็กันเอาไว้ ป้าไม่มีอะไรจะให้ในหลวง แต่รู้ตัวว่าอยากจะให้ ก็เลยควักเงินในกระเป่าออกมา 100 บาทและบอกกับทหารที่ตามเสด็จฯ ว่าอยากจะถวายเงิน แต่ป้าก็หมดหวังเมื่อทหารบอกว่า พระองค์เดินไปไกลมากแล้วจะหันกลับมาก็คงลำบาก แต่เหมือนว่าในหลวงทรงมีหูทิพย์ ท่านหันมาทางป้า และป้าก็ได้ถวายเงิน 100 บาทแก่ท่าน ตอนนั้นป้าตัวสั่นไปหมดเลย ขนลุกด้วย แต่หนูเอ๋ย พระองค์ทรงสง่างาม ผิวเหลืองอร่าม พระพักตร์มีแต่ความเมตตา ป้าน้ำตาซึมเลย ความทุกข์ทั้งหมดที่มีก็ผ่อนคลายไปด้วย คือตอนนั้นป้ามีความทุกข์เรื่องน้องชาย น้องชายป้าถูกยิงตายด้วยความเข้าใจผิด ป้าก็เกิดความเคียดแค้นอยากจะเอาคืน แต่พอเห็นในหลวงความคิดก็ป้าไม่มีความแค้นที่สั่งสมก็ค่อยๆ หายไป ในใจคิดแต่เรื่องอยากทำความดี และท้ายสุดป้าก็อโหสิกรรมให้เขาไป”

    ความปลื้มปีติของประชาชนคนไทยยังไม่หมดแค่นี้ ป้าจรัสวรรณ ธีรธรรม ที่มาร่วมวงสนทนาด้วย บอกว่า ในสมัยเด็กอายุ 10 กว่าปี แม่เคยพาไปวัดพระแก้ว ในสมัยนั้นเขาจะเอาผ้าเช็ดหน้าที่พกมากับตัว วางบนพื้นดินเพื่อให้ในหลวงทรงประทับรอยพระบาท และเก็บเอามาเข้ากรอบบูชาที่บ้าน ทุกวันนี้ที่บ้านก็ยังคงเก็บรักษาเอาไว้ แต่ในยุคนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

    บรรดาป้าๆ ที่มานั่งร่วมสนทนากันต่างบอกว่า ในหลวงเป็นที่เทอดทูนของพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทำเพื่อประชาชนมากมายหลายเรื่อง แต่เรามานั่งเฝ้าพระองค์เท่านี้ถือเป็นเรื่องนิดเดียว ด้อยกว่าผงธุลีดินเสียอีก พระองค์เป็นผู้ให้ และไม่เลือกว่าเราจะใคร ทรงมีพระเมตตากับทุกคน ทรงเป็นกำลังใจให้ทุกคน หากทำได้อยากทอนชีวิตที่มีลมหายใจอยู่ให้กับในหลวง เพื่อให้ในหลวงอยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราอย่างนี้ตลอดไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่านกี่ครั้งๆก็ยังซาบซึ้งและตื้นตันใจ "ความสุขของคนไทยครับ"
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    ส่วนเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลเรื่องการถวายอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ขอให้สบายใจได้ว่า ศอ.รส.เข้าใจความรู้สึกของประชาชนคนไทยดี และได้จัดระบบการดูแลถวายการอารักขาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

    "เราทำรัดกุม 100 เปอร์เซ็นต์ เรียบร้อย ผบ.ทร.เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่โรงพยาบาลศิริราช มีกำลังทหารมาจากกองพล 1 กองพล 9 ช่วยดูแลรอบนอก ส่วนทางเรือบริเวณคลองบางกอกน้อย ทางกองทัพเรือเป็นผู้ดูแลทั้งหมด จะพยายามขอร้องผู้มาชุมนุมอย่าได้ทำอะไรที่คนไทยรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ทำอะไรแล้วขัดต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งแผ่นดิน .........."


    ๐ คัดลอกจากไทยโพสต์ ฉบับ วันที่ 13 มี.ค. 52 ครับ
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434

    ขอบคุณค่ะ ทหารได้ถวายอารักขาอย่างรัดกุมแล้ว สบายใจขึ้นค่ะ

    ขอจงทรงพระเจริญ
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ประเทศไทยต้องก้าวผ่านได้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มีนาคม 2553 22:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เด็ดดอกไม้รายทาง
    โดย...อัญชะลี ไพรีรัก

    ประเทศไทยต้องก้าวผ่านได้

    สุดสัปดาห์นี้...อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด และ คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การที่คนไทยรักกัน เข้มแข็ง และ สามัคคีกันก้าวข้ามให้ผ่านวันคืนแห่งความโหดร้ายที่เกาะกุม และ กัดกร่อนสังคมไทยมานานแสนนาน

    “นานแสนนาน” เริ่มจากเมื่อไร ? บางคนอาจไม่รู้สึก แต่หลายคนอาจทนทุกข์ ด้วยรู้แจ้ง เห็นจริง และ สัมผัส ทั้งจากตัวเองและคนรอบด้าน

    ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราทุกวันนี้ จะก่อตัวและขยายขอบเขตกว้างขวางใหญ่โตไปเสียมิได้เลย ถ้าคนไทยหันมาเอาใจใส่กับ “ส่วนรวม” อย่างมี “สำนึกสาธารณะ”...............

    อย่างไรก็ตามท่ามกลางการแบ่งแยก......สังคมไทยได้พบและตระหนักกันดีว่าอำนาจของคนดี บารมีขององค์ราชันย์ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมใจ เหมือนสายฝนเย็นฉ่ำ ที่โปรยปรายลงมาบนผืนแผ่นดินแห้งแตกระแหง ธรรมะของพระองค์ดับทุกข์เข็ญให้ราษฎรไทยได้ตลอดทุกยุคทุกสมัย จนถึงนาทีนี้ก็ด้วย

    ตั้งแต่เวลานั้นจนถึงเวลานี้ “พวกเรา” ต่างมีศูนย์รวมดวงใจเพียงหนึ่งเดียว คือ “รัชกาลที่ 9” กษัตริย์นักพัฒนาผู้ทรงเปี่ยมด้วยทศพิธราชธรรม และ “ทำ” งานหนักเพื่อปวงชนชาวไทยได้ลืมตาอ้าปาก นับแต่ก้าวแรกที่เหยียบพระบาทถึงสยามประเทศ จนถึงก้าวปัจจุบันที่ทั่วโลกแซ่ซ้องและคนไทยต่างพร้อมใจกัน “ตามรอยพระบาท”..............



    หมายเหตุ คัดลอกบางตอนจาก ประเทศไทยต้องก้าวผ่านได้ โดยคุณ อัญชะลี

    ไพรีรัก ดูบทความที่สมบูรณ์ได้ที่ Daily News - Manager Online ขอ

    ขอบคุณ

    ด้วยเดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น

    [​IMG]


    <TABLE width=700 align=center border=0><TBODY><TR><TD align=left width="50%">
    คำร้อง
    </TD><TD align=right width="50%">ทำนอง </TD></TR><TR><TD align=left width="50%"></TD><TD align=right width="50%"></TD></TR></TBODY></TABLE><! 3><TABLE width=400 align=center border=0><! 3><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR align=left><TD>


















    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.896344/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...