รัชกาลที่ 1 ทรงปรารถนาพุทธภูมิ

ในประวัติศาสตร์ไทยมีพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจนมาก คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ความปรารถนาของพระองค์มีปรากฏอยู่ในบทร่ายต้นพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ของพระองค์ท่าน โดยมีใจความว่าพระองค์ทรงปรารถนาพุทธภูมิ
และยังมีปรากฏอีกในประกาศการสังคายนาพระไตรปิฎกในสมัยของพระองค์โดยมีใจความว่า การสังคายนาในคราวนั้นเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลเพื่อเป็นปัจจัยให้ถึงพุทธภูมิ

 

สาธุ เคยได้ยินเหมือนกันแต่ไม่มีข้อมูลยืนยันครับ อันที่จริง ร.9 เราก็ปราถนานะครับได้ยินมาเหมือนกัน ร.2 3 4 5 6 ด้วย ครับ

 

ครับ...ว่ากันว่า ร.1 ท่านลาแล้ว ร.5 ก็เช่นกัน ลูกหลานหลวงพ่อฤาษีลิงดำจะรู้กันดีครับ.....ว่าท่านทั้ง 3 เกี่ยวเนื่องกันอย่างไร...

 

อย่างที่คุณ Atta wat RX กล่าวไว้ครับ ร.1และ ร.5 ทั้งสองพระองค์เข้า

พระนิพพานแล้วครับ

 

วันหลังจะเอาข้อมูลมายืนยันให้ดู

 

คำประกาศเทวดาครั้งสังคายนา
ปีวอกสัมฤทธิศก พ.ศ.๒๓๓๑
รัชกาลที่ ๑
(จากหนังสือประกาศพระราชพิธี เล่ม ๒ หน้า ๑๐)
(ส่วนหนึ่ง)​

"ครั้นพระพุทธศักราชาได้ ๒,๓๐๐ ปีเศษนั้น พม่าก็แต่งยุทธสงครามยกมารบรันทำย่ำยี เมืองสัมมาทิฏฐิทั้งนี้สาบสูญร่วงโรยไปเพราะภัยเกิดแต่พม่าเป็นต้นเหตุ มีผู้ร้ายเผาวัดวาอารามพระไตรปิฎกสาบสูญสิ้นไป จนถึงกรุงศรีอยุธยาก็พินาศฉิบหาย พระไตรปิฎกเจียฐานก็สาบสูญ สมณพราหมณาจารย์ผู้จะรักษาร่ำเรียนพระไตรปิฎกนั้นก็พลัดพรายล้มตายเป็นอันมาก หาผู้ใดที่จะเป็นที่พำนักป้องกันต้านทานข้าศึกศัตรูมิได้ แต่สมเด็จพระมหากระษัตราธิราชเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงปฏิธานปรารถนาพระปรมาภิเศกสัมโพธิญาณ ทรงพระกรุณาอุสาหะ ผู้เสียพระชนมชีพถวายพระศรีรัตนไตรย คุมพลทหารกู้แก้บำรุงบวรพุทธสาสนาและสมณอาณาประชาราษฎรทั้งปวง ช่วยรับรบต้านทานอรินราชศัตรูหมู่พม่าข้าศึกไว้ได้ไชยชำนะแล้ว"
"ครั้นเสร็จสงฆ์ภุตากิจแล้วสมเด็จบรมบพิตรพระมหากระษัตราธราชเจ้าทั้งสองพระองค์จึงถวายนมัสการ ตรัสเผดียงถามพระราชาคณะทั้งปวงว่า พระไตรปิฎกทุกวันนี้ยังบริบูรณ์อยู่ฤาพิรุธผิดเพี้ยนประการใด สงฆ์ราชาคณะ พร้อมกันถวายพระพรว่า พระบาฬอัตถกถาพระไตรปิฎกทุกวันนี้พิรุธมากมาช้านานแล้ว หากระษัตริย์องค์ใดจะบำรุงเป็นสานูปถัมภกมิได้ แต่กำลังอาตมภาพทั้งปวงก็คิดจะใคร่บำรุงอยู่เห็นไม่สำเร็จ จึงตรัสว่า ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งปวง จงมีอุสาหะในฝ่ายพุทธจักรให้พระไตรปิฎกบริบูรณ์ขึ้นจงได้ ฝ่ายอาณาจักรที่จะเป็นสาสนูปถัมภกนั้นไว้พนักงานโยม ๆ จะ สู้เสียชีวิตบูชาพระรัตรไตรย สุดแต่จะให้พระปริยัติบริบูรณ์เป็นมูลพระสาสนาจงได้ อาตมภาพพระสงฆ์ราชคณะทั้งปวงก็ถวายสาธุการรับแล้วออกมาประชุมพระสงฆ์ทั้งหลายเลือกได้ที่เล่าเรียนพระไตรปิฎกบ้างนั้นได้สงฆ์ ๒๑๙ รูป กับราชบัณฑิตย์อุบาสก ๓๐ คน แลสงฆ์ ๒๑๙ รูป กับราชบัณฑิตย์อุบาสกทั้งนี้ มีสติปัญญาอันน้อยมิได้ทรงพระไตรปิฎก แต่จะใคร่บำรุงบวรพุทธสาสนา บำรุงพระราชกุศลศรัทธาสมเด็จพระมหากระษัตราธราชเจ้าอันปรารถนาพระพุทธภูมิทั้งสองพระองค์ ซึ่งทรงพระราชอุสาหะจะบำรุงพระวรพุทธสาสนา "
หมายเหตุ อ้างอิงจาก http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/document/part1.1.html

 

ขอโมทนาครับ การประพันธ์ สำนวนบทกลอนหลวงพ่อกับรัชกาลที่หนึ่งก็คล้ายๆ กัน

 

"พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร คือ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า ต่างแต่วาสนาบารมีเท่านั้น ท่านจึงทรงรู้พุทธอัธยาศัย เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า"
หลวงปู่มั่นท่านกล่าวไว้ครับ

 

- อนุโมทนาสาธุครับ

- รัชกาลที่ 1 และ รัชกาลที่ 5 มีอารมณ์เดียวกันแต่คนละคนกันเท่านั้น

 

ตั้งใจจะอุปถัมภก
ยอยกพระพุทธศาสนา
ป้องกันขอบขันธสีมา
รักษาประชาชนและมนตรี

จาก นิราศท่าดินแดง พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑

 

โมทนาสาธุ
กราบเรียนทุกท่าน
จะเขียนอะไรต้องใช้สติระมัดระวังด้วยนะครับ