สโมสรนักบุญภูเหล่าเงินฮาง ร่วมสร้างสรรกับ คณะเบิกบาน บันเทิงบุญ(อดีตรำลึกของบุญกุศล)

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย Nar, 8 กรกฎาคม 2006.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    โมทนาสาธุครับคุณโย

    .
     
  2. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ไม่ลืมครับ วันนี้ผมเตรียมให้คนไปส่งแล้วครับ เดี๋ยวได้หลักฐานการส่งค่อยมาโพสต์บอกครับ
     
  3. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    วันนี้ได้รับคำยืนยันจากผู้ที่ได้รับพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนาที่แจกจากกระทู้วัดภูเหล่าเงินฮางนี้ ว่าได้นำไปให้ผู้ที่ตรวจพลังของพระได้ ก็ปรากฎว่าเป็นพระที่หลวงปู่ทั้ง 5 องค์เสกจริงๆ ตรงกับที่คุณ Sithiphong โพสต์ในกระทู้กุฏิดิน


    ผมได้โทรไปแจ้งคุณ Sithiphong คุณ Sithiphong บอกว่า หากพระมีคราบขาว ก็แสดงว่าทั้ง 5 องค์เสก แต่หากไม่มีคราบขาว ก็ 3 องค์เสก ดังนั้น ผู้ใดที่ได้รับพระไปแล้ว สามารถนำไปตรวจพลังได้ครับ อย่างน้อยก็ 3 องค์เสกแหละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2006
  4. oyoyo554

    oyoyo554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +9,199
    สวัสดีค่ะ คุณ hatreum เพื่อนๆพี่ๆ ผู้ร่วมบุญทุกท่าน

    ตามที่พี่ณรงค์แจ้งไว้ว่างานบุญ 3 รายการที่ทุกท่านมีจิตศรัทธาร่วมสละปัจจัยกันมานี้ มากน้อยเท่าใด ย่อมได้อานิสงค์เท่าเทียมกัน รวมไปถึงเรื่องการปิดทององค์พระด้วย และงานทั้งหมดจะสำเร็จเสร็จลงตรงงานกฐินในวันที่ 15 ตุลาคม 2549

    ดังนั้นแม้ว่าเรื่องหนังสือพระไตรปิฎกจะได้จัดซื้อเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงการจัดส่ง หรือหากแม้กุฎิพระจะดำเนินการสร้างแล้ว หรือองค์พระจะมีการปิดทอง เพียงแต่ท่านได้อธิษฐานขอร่วมบุญนี้ทั้ง 3 รายการบุญ โยมั่นใจว่าได้อานิสงค์ผลบุญนี้อย่างแน่นอน หรือแม้กระทั่งหากงานบุญทั้งหมดได้สำเร็จลงแล้วและได้ถวายเป็นกฐินเรียบร้อยแล้ว คนที่ทราบทีหลังแม้ไม่ได้ร่วมบุญ เพียงยินดีและโมทนาด้วย ก็ได้บุญนั้นเท่าเทียมกัน

    หากมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญมา ก็ขอให้มั่นใจในผลแห่งบุญที่ได้ทำนะคะ

    ดังนั้น เนื่องจากการก่อสร้างที่วัดภูเหล่าเงินฮางยังคงดำเนินต่อไป จึงขอเชิญชวนท่านผู้ใจบุญ ได้ร่วมกันพัฒนาวัดภูเหล่าเงินฮางให้เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม เป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา

    และขอเชิญชวนทุกท่านได้ร่วมกันสร้างกุฏิดินถวายแก่วัดบ่อเงินบ่อทอง ตามกำลังศรัทธา เพื่อที่ท่านจะได้มีกุฎิไว้พักอาศัย ปฎิบัติธรรม

    ขอโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ
     
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ไข่มุกเจ้าแม่กวนอิม
    หรือเหล็กไหลฤาษีขาว
    เกิดในถ้ำบริเวณที่มีน้ำขัง
    ผมเก็บสะสมมานานร่วม 10 ปี
    ได้เข้าพิธีสวดปาฏิโมกข์ วันวิสาขบูชา
    ในพิธีสวดนี้ ปกติพระท่านไม่อนุญาต
    ให้ใครหรือสิ่งของใดๆ
    เข้าไปในบริเวณโบสถ์
    นอกจากพระสงฆ์เท่านั้น
    แต่วันนั้นโชคดี ฝากน้องคนหนึ่งไป
    เขาสามารถนำเข้าไปได้ สงสัยเส้นใหญ่


    ผมจะนำไปให้สมาชิกก๊วนบุญที่วัดบ่อเงินบ่อทอง
    ไม่สามารถจัดส่งทางไปรษณีย์ได้นะครับ
    มีอยู่ประมาณ 20 สิบกว่าลูก
    ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปอยู่กับผู้ใจบุญใจกุศลแล้ว

    สำหรับคุณ Narong แห่งวัดภูเหล่าเงินฮาง
    หากไปร่วมงานมหากฐินสามัคคี วัดบ่อเงินบ่อทองได้
    สิ่งที่คุณ ณรงค์ ต้องการ ก็จะได้สมประสงค์
    ผมเชื่อว่าสิ่งที่คุณณรงค์ต้องการ เพื่อนำไป
    ดำเนินการเกี่ยวกับพระศาสนาแน่ๆ
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
     
  6. hatreum

    hatreum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +696

    งานบุญสร้างกุฏิดินฯ ใช้บัญชีเดียวกันหรือเปล่าครับ....
    (เผื่อจะได้ไปวันนี้ครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2006
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ khomeraya
    มีแน่นอนครับ ผมเชื่ออย่างนั้น งานบุญนี้ยังถือเป็นกฐินของวัดภูเหล่าเงินฮางด้วยครับ นอกจากนี้ ก็ยังมีงานบุญสร้างกุฏิดินของวัดบ่อเงินบ่อทองด้วย กุฎิดินนี้จะให้เณรน้อยพักอาศัยและปฏิบัติธรรม ที่สำคัญเงินที่ได้จากการสร้างกุฏิดินจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานกฐินด้วยครับ เรียกว่ายกกำลังสองเลยทีเดียว

    ขอให้เจริญในธรรม

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    งานกฐินวัดภูเหล่าเงินฮาง กับงานสร้างกุฎิดินของวัดบ่อเงินบ่อทอง เป็นคนละบัญชีกันครับ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขออนุญาตคุณNarong เจ้าของกระทู้ ชี้แจงเรื่องบัญชีสำหรับทำบุญครับ


    ทำบุญกับวัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบล ในกระทู้ เรื่องราววัดภูเหล่าเงินฮาง จ.อุบล กับการสร้างองค์ปฐม สมปราถนาได้ทันใจ

    เป็นบัญชี ชื่อบัญชี พระอ่อนสา ฐิติคุโณ ธนาคาร กรุงเทพฯ จำกัด สาขา กิโลศูนย์ เลขบัญชี 340-4-11629-9 และงานกฐินวัดภูเหล่าเงินฮาง วันที่ 14-15 ตุลาคม 49 นี้

    **********************************************

    ส่วนงานสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง ในกระทู้ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิดินถวายวัดบ่อเงินบ่อทอง
    บัญชีของ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญบ่อเงินบ่อทอง ปริยัติศึกษา บัญชีออมทรัพย์ 203-0-06304-5 ชื่อบัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    ขออนุโมทนาในบุญกุศลด้วยครับ


     
  9. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ข้อความคุณเม้าตาอิน
    ผมลืมเล่าให้ฟังเรื่องไข่มุก/เหล็กไหลขาว
    เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมนำไปให้อาจารย์ตาที่สาม
    ลองสัมผัสดู อาจารย์ตกใจมาก
    บอกว่ามีพลังความร้อน(อัคนี)
    เอากำไว้ในมือ จะทำให้คนที่
    เป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล
    หายใจไม่สะดวก ตัวอ่อนปวกเปียก
    จะหายจากอาการดังกล่าวได้

    อาจารย์ยังให้ผมลองกำดู 1 ลูก
    จริงๆครับ จมูกโล่งหายใจสบาย
    ผมเลยมอบให้อาจารย์ไว้ 1 ลูก
    ผมเก็บไว้ 1 ลูก (ทีแรกว่าจะให้ไป 2 ลูก)
    ที่เหลือไปลุ้นกันที่วัดบ่อเงินบ่อทองนะครับ
    ถ้าไม่มีอะไรมาขวางกั้น คงได้เจอกัน
    สาธุ สวัสดีครับ

    สำหรับคุณ Narong แห่งวัดภูเหล่าเงินฮาง
    หากไปร่วมงานมหากฐินสามัคคี วัดบ่อเงินบ่อทองได้
    สิ่งที่คุณ ณรงค์ ต้องการ ก็จะได้สมประสงค์
    ผมเชื่อว่าสิ่งที่คุณณรงค์ต้องการ เพื่อนำไป
    ดำเนินการเกี่ยวกับพระศาสนาแน่ๆ

    <!-- / message -->
    สวัสดีครับคุณเม้าตาอิน ผมเองก็อยากไปร่วมอยู่เหมือนกัน
    แต่ก็จนด้วยระยะทางมันค่อนข้างไกล เอาไว้โอกาสหน้าถ้ามี
    คงได้ร่วมพบปะกันในงานบุญบ้างสักครั้งนะครับ

    ข้อความสีเขียวถ้าสามารถรักษาหายใจไม่ออกได้จริงๆ ผมสนใจอย่างมาก
    ในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงกลางเดือน เมษายนทุกปี
    ผมผขญโรคนี้อยู่ทุกปี คือโรคแพ้เกษรดอกไม้เมืองหนาว
    อาการเหมือนเป็นหวัด แต่รุนแรงกว่าคือ จมูกตันหายใจทางปาก
    ตามีอาการคันมาก ทรมานประมาณสองเดือนเต็มๆต่อปี

    แหมถ้าได้สัก ลูกสองลูกก็ดีน่ะสิครับ คงหายใจโล่งดีนะครับ

    งานด้านบำรุงพระศาสนาก็ขอให้ทุกท่านช่วยกันนะครับ ทำเท่าที่
    จะทำได้ ก็ดูตัวอย่างปวกสร้างรังนะครับ งานพระศาสนาก็เหมือนกัน
    ร่วมกันทำคนละหน่อย ก็สำเร็จได้

    เช่นงานวัดภูเหล่าเงินฮางก็สำเร็จเกิดคาดหมายไว้ ด้วยทุกท่านร่วมกัน
    แต่เนื่องจากวัดภูเหล่าเงินฮางเป็นวัดที่มีภาระไม่มากนัก

    เมื่อเทียบกับวัดบ่อเงินบ่อทองที่มีเรื่องของพระเณรที่ต้องอาศัยปัจจัย
    เป็นจำนวนมาก ผมขอเชิญชวนทุกท่านที่ได้มาร่วมด้วยช่วยวัดภูเหล่าเงินฮาง
    ได้เป็นกำลังร่วมด้วยช่วยวัดบ่อเงินบ่อทองด้วยนะครับ

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า การเลี้ยงดูพระเณรก็เท่ากับเลี้ยงดูพระพุทธเจ้าด้วย

    งานบุญที่กำลังทำอยู่ขณะนี้ สร้างโรงเรียนให้พระเณรเรียน กุฏิดิน
    และงานกฐิน

    สามารถร่วมบุญด้วยเงินปัจจัย เข้าบัญชี
    หมายเลขบัญชีเพื่อรับบริจาค
    พระมหาแผน ฐิติธัมโม 01-9408541
    สำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง
    ประเภทบัญชี : ออมทรัพย์
    หมายเลขบัญชี : 203-0-06304-5

    ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    ชื่อบัญชี : ร.ร.ปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง


    เชิญชวนทุกท่านครับ

    <!-- attachments --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  10. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    วันนี้ผมส่งพระให้คุณ Fourthman และคุณ hatreum แล้วนะครับ ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน เวลา 09 : 34 : 48 ดังนี้ครับ

    คุณโอภาส (คุณ Fourthman) RC 3615 2251 1 TH
    คุณอานนท์ (คุณ Hatreum) RC 3615 2252 5 TH
     
  11. manote

    manote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +5,995
    ถึง คุณ khomeraya ครับ ได้รับพระแล้วครับ องค์ใหญ่ดีครับ ตอนแรกนึกว่าเท่ากับพระสมเด็จยาวาสนา ที่ไหนได้ ใหญ่กว่าเท่าตัวเลย สวยครับ เนื้อแห้งแน่นดีครับ
    ยังไงช่วยลงแผนที่ไปวัดด้วยนะครับ หากผมกลับบ้านอาจได้ไปร่วมงาน บ้านผมอยู่ศรีสะเกษครับใก้ลๆไม่ไกล 60 ก.ม เอง
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    เรียน คุณ มู อุลตร้า อิน ( Mo un ta in) ที่นับถือ
    ไม่ทราบว่าถ้าจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกก๊วนบุญ จะต้องมีกฏกติกาอย่างไรบ้างครับ
    สำหรับตัวผมนั้นจะเป็นคนใจบุญใจกุศล ในสายตาของท่านบ้างหรือเปล่าขอรับ
    คือหมายความว่า จะมีสิทธิพอที่จะได้รับไข่มุกเจ้าแม่กวนอิม ไปบูชาหรือเปล่าครับผม อยากรู้จัง...ช่วยกรุณาตรวจสอบให้หน่อยนะครับ.
    คิดว่าท่านคงจะเป็นหัวหน้าก๊วนแห๋งๆ ตอนนี้มีสมาชิกเท่าไหร่แล้วครับ.
     
  14. oyoyo554

    oyoyo554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +9,199
    กราบโมทนาบุญในคุณความดีของทุกท่านด้วยค่ะ

    วันนี้ได้โทรศัพท์ถึงท่านพระอาจารย์สา ท่านแจ้งว่าหนังสือธรรมะ 1 กล่องประมาณ 30 เล่ม ได้ถึงที่วัดภูเหล่าเงินฮางเรียบร้อยแล้ว และท่านพระอาจารย์สา กล่าวอนุโมทนากับทุกท่านด้วย

    โยได้แจ้งให้ท่านทราบเรื่องหนังสือพระไตรปิฎกพร้อมตู้พระธรรมที่จะจัดส่งไปที่วัดในวันที่ 29 สิงหาคม 2549 นี้ ซึ่งก่อนส่งจะได้ติดต่อกับบริษัทขนส่งก่อนว่ามีจัดส่งไปที่อำเภอกุดข้าวปุ้นหรือไม่

    หากได้เรื่องอย่างไรจะนัดกับทางวัดภูเหล่าเงินฮางเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดนำรถกระบะมารับช่วงต่อเพื่อขนส่งถึงวัดต่อไป

    จึงแจ้งมาให้ทุกท่านได้ทราบกันค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2006
  15. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ผมได้รับหยกจีนเรียบร้อยแล้วครับ ในพัสดุกันกระแทกอย่างดี
    กราบขอบพระคุณมากครับ
    แต่เพิ่งมีโอกาสได้เข้าใช้ Internet เลยเพิ่งมาตอบครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง<O:p</O:p

    หรือศิลปะการใช้พระเครื่อง<O:p</O:p




    <O:p</O:p


    ปรัศนี ประชากร ผู้เขียน
    (ลิขสิทธิ์ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร)<O:p</O:p


    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    - จิตเป็นธาตุ<O:p</O:p
    - กายสิทธิ์ลี้ลับ<O:p</O:p
    - และมหัศจรรย์<O:p</O:p
    - ใช้ทำประโยชน์<O:p</O:p
    - ได้อย่างพิสดาร<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระเครื่องเป็นอิทธิวัตถุที่นิยมฝังใจกันมาช้านาน บางคนถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตจะขาดเสียมิได้ หากวันใดลืมแขวนพระจิตใจจะไม่สบายคล้ายขาดความสมบูรณ์ในจิตใจ ยิ่งเคยผ่านอุปสรรค์ และประสบการณ์มาแล้ว ยิ่งรักหวงแหนปานแก้วตา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ปัจจุบันพระเครื่องรุ่นเก่าเป็นของหายากจะหาเช่าซื้อกันแต่ละองค์ก็ต้องจ่ายกันอย่างแรงน่าใจหาย กระนั้นยังมีคนใจถึงกล้าสู้ราคา ขอให้ถูกใจเป็นสู้ ใครจะเคยคิดบ้างว่าเหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม จังหวัดอยุธยาราคาเดิมทำบุญเพียงเหรียญละ 1 บาท หากงามไม่มีที่ติ มีคนกล้าสู้ราคาถึงเหรียญละ 50,000 บาท พระสมเด็จวัดระฆังราคาเช่าซื้อกันใต้ตนมะขาม สมัยก่อนราคาเพียงองค์ละ 240 บาท ราคาเหยียบเรือนแสน ถ้าประกวดชนะรางวัลที่หนึ่ง 300,000 400,000 เจ้าของพระยังไม่อยากพูด้วย มันก็ราคารถยนต์นั่งอย่างชนิดดีแหละครับ คนจนไหนจะกล้าใฝ่ฝัน นี่ผมไม่ได้อธิบายถึงฮั่งเซ้งพระนะครับ เพราะไม่มีอาชีพในทางนี้ รู้สึกว่าราคาพระเครื่องมีแต่รุดหน้า ไม่มีทีท่าว่าจะตกลงเลย เพราะของฝืดลง ค่าน้ำเงินเสื่อมตัว จึงเกิดการอนุรักษ์พระเครื่องในลักษณะต่าง ๆ กันที่หวงมากและมีเงินก็หาเช่าตู้นิรภัยจากธนาคารพานิชเป็นที่ฝากเก็บเพื่อความปลอดภัยบางคนไม่ยอมฝากลงทุนสร้างกุฏิทองคำให้หลวงพ่อปะเหมาะแถมฝังเพชรให้ด้วยซ้ำการดีไซน์แบบเต็มไปด้วยความวิจิตรพิสดารทันสมัย ตลับพระนางพญา พิษณุโลก จะประดิษฐ์ลักษณะให้โค้งเพื่อความชัดเจนขององค์พระและมีรองในบังคับให้อยู่ที่ รูปเหรียญพระคณาจารย์ก็มีการเลี่ยมเพื่อรักษาสุนทรียภาพให้คงทนถาวรสืบไป ราคาพระเครื่องและเหรียญพระคณาจารย์จะสูงต่ำย่อมเกี่ยวกับความคมชัดเจน
    <O:p</O:p
    การใช้พระเครื่องในสมัยก่อนถือว่าไม่มีราคาค่างวดสูง ไม่มีการประกวดนิยมใช้พก อม คาดแขนหรือถักลวด เลี่ยมเปิดเรียกว่าพระเจ้าเปิดโลก ที่เป็นรูปเหรียญก็ใช้แขวนกันโทน ๆ แขวนกันจนห่วงหลุดหายไปก็มีมาก ยิ่งเป็นพระเนื้ออ่อนเช่นพระตะกั่วสนิมแดงถ้าถูกถักด้วยลวดและใช้แขวนไปนาน ๆ ลวดจะกัดเนื้อพระจมกร่อนไม่มีวันจะลบหายได้ รู้สึกเป็นที่น่าเสียดายการทะนุถนอมองค์พระนี้มีการระมัดระวังไม่ค่อยยอมให้ชมกันง่าย ๆ เกรงเกิดการพลาดพลั้งตกหล่น เกรงนักเลงเก่ายี่ห้อนำพระไปเช็ดเหงื่อเพื่อทดลองเงาสว่างทำให้พระเสียผิวเดิม มีเรื่องเกิดที่สนามพระคือแทนที่จะส่องด้วยแว่นขยายกลับใช้นิ้วขัดองค์พระเล่น นิสัยเช่นนี้มักเป็นสิ่งเคยชินและติดตัวเป็นที่น่ารังเกียจของสังคมบางทีเคยถามว่าขัดแล้วมีอะไรเกิดขึ้น ก็ตอบไม่ได้ บอกว่าขัดไปอย่างนั้นเอง ให้ชมพระสนิมแดงก็ขัดดูเพระเคยนิสัยต่อไปใครจะคบหาด้วย รายที่สนามพระเจ้าของพระโดยเข้าชกหน้าทันที และเจอหน้าที่ไรตรงเข้าชกที่นั่น เพราะความแค้นเคืองที่มีอยู่ไม่สุขไปขัดพระสมเด็จ ฯ องค์โปรดเข้าท่านเจ้าคุณชลประทาน ธนารักษ์นักพระเครื่องอาวุโสเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนสนามพระอยู่ที่วัดเชิงเลนคือวัดบพิตรพิมุขปัจจุบัน วันหนึ่งท่านนำพระร่วงสนิมแดงออกโชว์ พระร่วงองค์นี้ท่านกล้าเสี่ยงโดยนำเพชรน้ำหนัก 3 กะรัดแลกมา ท่านขันนักเลงพระผู้หนึ่งรับพระไปดูพร้อมกับควักตะไบ ซึ่งพกติดกระเป๋าทำท่าจะตะไบเนื้อพระดู ท่านเจ้าคุณร้องห้ามเสียงหลงโมโหจนหน้าเขียวคล้ำถลกผ้าม่วงจะเตะตาขุนบัดซบเสียให้ได้ นี่แหละครับเล่นพระก็ทุกข์เพราะพระ โกรธกันไปมากรายแล้ว
    <O:p</O:p
    ทีนี้ผมจะพูดถึงการใช้พระเครื่อง รู้สึกว่าส่วนมากยังไม่รู้จักวิธีการใช้พระเครื่องใช้วิธีตามกันไป สมัยแห่งพลาสติกเฟื่องราคาค่างวดในการอัดพระก็ย่อมเยากว่าการจะไปเลี่ยมเงินเลี่ยมทอง รอเดี๋ยวเดียวก็ได้ใช้ บางคนสงสัยถามผู้ตองปัญหาพระเครื่องก็ยืนยันทุกครั้งว่าไม่เป็นไรใช้ได้ ผู้ตอบปัญหาจะกล่าวยืนยันหนักแน่นว่าหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี เคยกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดจะมากั้นรังสีจิตได้ แม้มีภูเขามาขวางกั้นถึง 300 ลูก รังสีจิตยังสามารถผ่านได้สบายมาก นั่นเป็นการปล่อยรังสีจากผู้ทรงฌาน ผิดกับการแผ่รังสีจากพระเครื่อง เครื่องอัดเทปกับม้วนเทปมันคนละเรื่อง สภาพมันไม่เหมือนกัน อย่าว่าแต่หลวงปู่โต๊ะเลย แม้เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจริญ ญานวร ท่านก็กล่าวเช่นนั้น แต่มันอาจเป็นคนละแง่มุม
    <O:p</O:p
    ประเทศในยุโรปได้ชื่อว่าเป็นสถาบันศึกษาค้นคว้าในด้านวิทยาศาสตร์ แต่ก็มีการก่อตั้งสมาคมค้นคว้าเกี่ยวกับวิญญาณอย่างกว้างขวาง มีการทดลองจับตัววิญญาณโดยสร้างตู้กระจกพิเศษขึ้นแล้วนำคนเจ็บใกล้จะสิ้นใจไปขังไว้ในตู้เพื่อรอดูผลของการพรากวิญญาณเป็นกายเนื้อโดยผู้ทดลองไม่เคยทราบว่าวิญญาณเป็นกายทิพย์ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่ออยากจะเห็นก็เห็นเหมือนกันคือ ปรากฏเป็นแสงสีเขียวเรืองออกมาจากรูจมูกของคนไข้ ลอยวนเวียนอยู่ภายในตู้กระจก พยายามจะหาทางออก แต่ก็ออกไม่ได้เพราะติดกระจกที่สุดก็กลับคืนเข้าไปในรูจมูกของคนไข้อีก และอยู่ในลักษณะออก ๆ เข้า ๆ บัดเดี๋ยวคนไข้ก็ฟื้นบัดเดี๋ยวก็เงียบสลับกันไปจนที่สุดรออยู่ไม่ได้แสงเขียวเรืองก็ดันกระจกจนเกิดการระเบิดออกไป คนไข้จึงตายสนิท<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โปรดติดตามต่อไป<O:p</O:p
    ลิขสิทธิ์ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง<O:p</O:p

    หรือศิลปะการใช้พระเครื่อง(ต่อตอนที่ 2)<O:p</O:p




    <O:p</O:p


    ปรัศนี ประชากร ผู้เขียน

    (ลิขสิทธิ์ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร)<O:p</O:p




    <O:p</O:p

    จิตเป็นธาตุกายสิทธิ์สี้ลับและมหัศจรรย์ ผู้ที่ฝึกจิตสามารถจะใช้ให้ทำประโยชน์อย่างพิสดาร เช่นจิตที่ฝึกฝนจนบรรลุชั้นทิพยจักขุญาณ ย่อมจะมีคุณสมบัติยิ่งกว่ากล้องส่องทางไกล สามารถมองเห็นภาพกายเนื้อแบบดาวเทียมคือ ดาวเทียมไม่สามารถบันทึกภาพใต้พิภพแต่จิตทำได้ จะเป็นตอไม้ วัตถุธาตุที่ฝังจมอยู่ใต้ดินเห็นหมด เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี สามารถเห็นสิ่งฝังในดินลึกประมาณ 1 วา โดยอัตโนมัติมิต้องอาศัยการเพ่งด้วยอำนาจฌานท่านมักไปที่วัดกุฎีดาว จังหวัดอยุธยาบ่อย ๆ เพื่อค้นทรัพย์แผ่นดินมาบูรณะถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาท่านนั่งอยู่วัดระฆังไฟไหม้ที่เมืองเพชรบุรีท่านก็เห็น หลวงพ่อธมมฺวิตกฺโกนั่งอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ ไฟไหม้เมืองอังกฤษก็เห็น ท่านฤๅษีสันตจิตนั่งจากเขาสวกวาง จังหวัดขอนแก่นมองข้ามทวีปถึงประเทศอังกฤษและยังมองดูใต้ดินลึก ซึ่งจะกระทำมาตุฆาตอันเป็นอนันตริยะกรรมสิ้นโอกาสจะบรรลุมรรคผลนิพพาน เป็นผลสำเร็จ สมัยปัจจุบันหลวงพ่อโอภาสีถอดกายทิพย์ไปเที่ยวประเทศอินเดีย หลวงพ่อธัมมฺวิตฺตโก ถอดกายทิพย์ไปเยี่ยมคนไข้ที่ประเทศอเมริกา ฤาษีแถบภูเขาหิมาลัยถอดกายทิพย์ไปสนทนากับโปรเฟรสเซอร์ที่ประเทศอังกฤษ อาจารย์ของผมท่านหนึ่งเคยทดลองถอดกายทิพย์ออกบิณฑบาต ท่านนำบาตรมาตั้งตรงหน้าแล้วเข้าสมาบัติว่าเดินไปรับบิณฑบาต เห็นมีอาหารในบาตรและแกล้งถามญาติโยมก็ยืนยันว่าท่านลงจากเขาไปบิณฑบาต จิตสำเร็จเจโตปริยญาณ ผมทดลองมา 3 ครั้ง ครั้งที่หนึ่งที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ผมกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งนับถือเสมือนพี่ ช่วยกันถ่อเรือจะไปหาหลวงพ่อหวาเพื่อซักถามข้อธรรมบางประการคือ วิชาสามกับพระนิพพานระยะทางห่างวัดประมาณ <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]ประถม อาจสาคร</st1:personName>)
    <O[​IMG]9 เมตร</st1:metricconverter> โดนศิษย์ผู้หนึ่งมีจดหมายมาเรียนว่า บ้านพักที่ประเทศอังกฤษอยู่ไม่เป็นสุขขอให้ช่วยตรวจดู ปรากฏเห็นโครงกระดูกฝังซับซ้อนกันอยู่ถึง 3 ชั้น ท่านให้รื้อพื้นตึกและขุดกระดูกไปฝังที่สุสานจะอยู่สบาย และก็ถูกต้องทุกประการ เช่นนี้เขาเรียกว่านั่งทางในสามารถเห็นกายหยาบ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถดูกายทิพย์ซึ่งมีความละเอียดแตกต่างกัน เช่นกายมนุษย์ละเอียด กายเทพละเอียด กายพรหมละเอียด กายพระโสดาละเอียด กายพระสกิทาคาละเอียดกายพระอนาคามีละเอียด กายพระอรหันตละเอียด ดวงตาของท่านผู้ทรงฌานย่อมจำแนกไปตามชั้นภูมิและวาสนาบารมีคือ ตาใน ตาทิพย์ ตาแก้ว ตาพุทธะ จิตมีคุณลักษณะแบบคลื่นส่งวิทยุทางไกลคือสามารถสนทนากันในระยะทางไกล และรู้เรื่องชัดเจนเหมือนคุยกันธรรมดา สงสัยว่าอาจเห็นหน้ากันเพระแต่ละท่านล้วนได้ทิพยจักขุญาณ ท่านฤๅษีสันตจิตเคยเล่าให้ฟังว่าวิชาของพระพุทธองค์ต้องทดลองตามคัมภีร์กาลามะสูตร์ ท่านกำหนดให้คณะศรัทธาไปนั่งรวมกลุ่มกันห่างจากท่าน 8 กิโลเมตรท่านเทศนาให้ฟังแล้วมาสอบดูปรากฏว่าทุกคนได้ยินเสียงท่านชัดเจนดี ตามหลักของตะโมภิขุกล่าวว่าเป็นการส่งเสียงทางลมปราณ จิตเป็นมโนมยิทธิคือการแสดงฤทธิ์ทางใจสามารถถอดกายทิพย์จากกายเนื้อได้นิยมเรียกระหว่างผู้ปฏิบัติธรรมว่า การเดินกาย ในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์ทรงถอดพระวรกายทิพย์ไปโปรดพระองคุลิมาน
    <font face=" /><st1:metricconverter ProductID="5 กิโลเมตร" w:st="on">5 กิโลเมตร</st1:metricconverter> พอกราบท่าน ๆ ก็อธิบายเสร็จ ทำเอาเราหันมองหน้ากัน ท่านกล่าวว่าขนาดนี้ยังไม่เก่งระยะ 5-<st1:metricconverter ProductID="6 กิโลเมตร" w:st="on">6 กิโลเมตร</st1:metricconverter> ทราบว่าใครจะมาหาหญิงกี่คนชายกี่คน ถ้าคิดว่าตังเก่งต้องสอบตกแน่ ต่อมาผมลองดูระยะ <st1:metricconverter ProductID="100 กิโลเมตร" w:st="on">100 กิโลเมตร</st1:metricconverter> กับหลวงพ่อฟั่นอาจาโร คือตั้งใจจะนำภัตตาหารไปถวายหลวงพ่อและพระเณร ระยะทางจากสกลนครถึงวัดที่ท่านพำนักประมาณ <st1:metricconverter ProductID="100 กิโลเมตร" w:st="on">100 กิโลเมตร</st1:metricconverter> เกรงรถวิ่งไม่ทันเลยบอกง่าหลวงพ่อนิมนต์ก่อน ขณะนั้นพระเณรเตรียมกระทำภัตกิจแล้ว หลวงพ่อห้ามว่าอย่าเพิ่งฉัน รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงพระเณรนั่งงง หลวงพ่อคอยผมคนเดียวจริง ๆ ครั้งที่สามทดลองกับหลวงพ่อ ธัมมวิตฺตโกยอดจริง ๆ ครับ ใช้วิธีเรียกชื่อในใจระยะไกล ท่านหันควับทันที ลองใหม่ก็เป็นเช่นนั้น ต้องเข้าไปกราบท่าน ท่านยิ้มด้วยความปราณี ของจริงต้องพิสูจน์ได้ แต่ที่ร้ายกว่านั้นระยะทางจากวัดป่าอุดมสมพรกับกรุงเทพ ฯ มันใกล้อยู่เมื่อไรมีศรัทธาที่กรุงเทพฯ จะทำบุญบ้าน พอได้เวลาสามทุ่มก็รำพึงว่าลืมนิมนต์หลวงพ่อฟั่นและก็ไม่ทันเสียแล้ว รุ่งเช้าหลวงพ้อมาถึงแต่ 6 โมงเช้า ไม่ทราบว่าโดยสารยานวิเศษอะไรมาและเรื่องหลวงพ่อออกาจากวัดนั้นดังที่สุดใคร ๆ จะต้องรู้กันและกรุงเทพฯ จะต้องมีผู้ไปรับกันอย่างครึกครื้น เรื่องนี้เคยออกอากาศ ความจริงเป็นกายทิพย์ต่างหาก มิฉะนั้นรับรองว่าเป็นการเดินกายเนื้อ เพราะผู้ที่สำเร็จเพียงอภิญญา 5 นั้นสามารถจะกระทำฤทธิ์เหาะเหินเดินฟ้าได้ บันทึกตอนหนึ่งของท่านอาจารย์<st1:personName ProductID="บุนนาค โฆโส" w:st="on">บุนนาค โฆโส</st1:personName> สายพระอาจารย์มั่นเรื่องเที่ยวกรราฐาน บันทึกไว้ว่าขณะที่ยังเป็นสามเณรได้ธุดงค์ไปพบกับพระภิกษุหนุ่ม เป็นพระภิกษุทางจังหวัดหลวงพระบาง อายุได้ 25 พรรษา พอมาถึงริมฝั่งแม่น้ำโขง ท่านสาธุวันดี ก็เดินข้ามแม่น้ำโขงไปเฉิบ ๆ ท่านต้องนั่งมองอยู่ริมฝั่งน้ำเพราะไม่มีวิชาบุกน้ำข้ามธาร อีกตอนหนึ่งท่านได้เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยยังหาที่ปักกรดเหมาะสมไม่ได้จึงดันดั้นขึ้นภูเขา ขณะนั้นประมาณสี่ทุ่มแล้ว พอนั่งลงพักเหนื่อยเห็นพระภิกษุชรารูปหนึ่งเหาะลอยลงมาบนบ่าหาบผลมะเดื่อเต็มหาบ พอเห็นพระอาจารย์บุนนาค ก็ชวนฉันผลมะเดื่อพระอาจารย์บุนนาคปฏิเสธเพราะเป็นเวลาวิกาล และถามไปว่าคนหรือผี ภิกษุชราตอบว่าไม่ใช่ผีเป็นพระ<FONT face=Tahoma>รอสักพักท่านก็กล่าวลา พระอาจารย์บุนนาคถามว่าจะไปที่ใด พระภิกษุชราตอบว่าจะเที่ยวไปในจักรวาล ว่าแล้วหาบผลมะเดื่อเหินฟ้าลับสายตาไปท่ามกลางความสลัวอ้างว้างของแสงจันทร์ สักพักเป็นงูใหญ่ตรงเข้าวัดพระอาจารย์บุนนาคใช้หางจี้ตามรักแร้ไม่ทำอันตรายแล้วงูก็หายไป (ความจริงผลไม้นั้นเป็นยาอายุวัฒนะชนิดหนึ่ง ท่านทราบว่าพระอาจารย์บุนนาค มีอายุสั้นจึงนำไปให้แต่พระอาจารย์บุนนาคไม่มีวาสนาเอง) หลวงปู่องค์นี้อายุยืนกว่า 200 ปี เรียกกันว่าหลวงปู่ดำ น่าจะเป็นอาจารย์ของท่านอภิชิโตภิกขุ อำนาจจิตนี้หากบรรลุขั้นแล้วสามารถที่จะอธิษฐานได้ตามความปรารถนา บรรลุพลังลงในวัตถุธาตุธรรมดาจนกลายเป็นอิทธิวัตถุอันวิเศษ คล้ายกับการอัดเทปแต่เทปเก็บไว้นานมีการเสื่อม พลังอธิษฐานจิตของพระสุปฏิปันโนหรือพระอรหันต์เสื่อมตัวช้า ถ้าผู้เสกสร้างรู้จักการใช้ธาตุประกอบจะเกิดผลดังนี้ อาโปธาตุคือธาตุน้ำมีลักษณะอ่อนโยนบังเกิดประสิทธิภาพทางเมตตา ถ้าจะให้กันปืนก็เป็นได้เพราะน้ำเป็นศัตรูกับดินปืนทำให้เปียกชื้น ใช้เตโชธาตุคือ ธาตุไฟ บังเกิดอำนาจ ขับไล่ภูตผีปีศาจเพราะไฟมันร้อน ใช้ปถวีธาตุ คือ ธาตุดิน มีลักษณะแข็งแกร่งเกิดสภาพคงทน ใช้วาโยธาตุ คือ ธาตุลม ผลักดันให้บังเกิดการแคล้วคลาดหรือต่อต้านกระสุนปืนให้ถูกหนักเป็นเบาในสภาพสุญญากาศ ฟังดูก็น่าเลื่อมใส<FONT face=Tahoma><O:p></O:p>
    <FONT face=Tahoma><FONT color=blue>แต่ทุกวันนี้ไม่ว่าพระวิเศษเลิศล้นสักปานใดราคาแสนราคาล้านทราบว่าถึงจุดดับทุกราย น้อยนักที่จะได้ฟังถึงปาฏิหาริย์ทหารตำรวจตายไปไม่ทราบเท่าใดแล้วความจริงก็ไม่อยากพูดเพราะเป็นมีดสองคม ถ้าเกิดอันธพาลทราบเรื่องนี้แล้วเกิดเชื่อตำรวจแย่แน่ แต่ในทางตรงข้ามเกิดตำรวจเชื่ออันธพาลก็แย่เหมือนกัน ทุกวันนี้ใช้พระกันยังไม่เป็น เป็นแต่ดูพระด้วยแว่น จัดประกวดพระ ขายพระเท่านั้น นอกจากไม่เป็นแล้วยังชวนให้ผู้อื่นรับเคราะห์กรรมไปด้วย จึงนับว่าเป็นกรรมที่จะต้องชดใช้ในการแนะแนวทางที่ผิดสมกับที่ไม่รู้อยากอวดรู้ ไม่เคยศึกษาเรื่องฉนวนกั้นขณะที่กำลังเขียนเรื่องอยู่นี้ มีเซียนพระชั้นกรรมการของชมรมพระเครื่องจังหวัดระยองหน้าตาเลิกลั่กเข้ามาหาตะโกนว่า อาจารย์ครับเสี่ยนวยถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ตายคารถทั้ง ๆ ที่คอมีเหรียญหลวงพ่อคงบางพระพร้อม เหรียญหลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ และของอื่นซึ่งวงการรับรองแล้วทั้งสิ้น จึงถามว่าพระและเหรียญที่กล่าวนั้นเสี่ยอัดพลาสติคหมดใช่ไหม เขาตอบว่าใช่จึงบอกว่าช่วยไม่ได้ ใช้พระไม่เป็น จึงต้องเสียทีเขา อย่าว่าแต่ระยองแม้ชลบุรี เมืองกาญจน์ เมืองเพชร ที่ไหน ๆ ก็เช่นนั้น

    <O:p</O:p
    <FONT face=Tahoma>(โปรดติดตามต่อไป)<O:p</O:p
    <FONT face=Tahoma>ลิขสิทธิ์ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร<O:p</O:p
    </B>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง<O:p</O:p

    หรือศิลปะการใช้พระเครื่อง(ต่อตอนจบ)<O:p</O:p




    <O:p</O:p


    ปรัศนี ประชากร ผู้เขียน

    (ลิขสิทธิ์ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร)<O:p</O:p




    <O:p

    ลักษณะการเดินของรังสีจิต กับรังสีจิตที่อยู่ในสภาพถูกบรรจุในวัตถุมันต่างกันไฟฟ้าไม่เปิดสวิตมันก็ไม่เกิดแสงสว่างการกรอกน้ำลงในขวดเสร็จแล้วรินออกได้ แต่ถ้าปิดจุกมันก็ไหลออกไม่ได้ สายไฟฟ้าดูดคนตายแต่ถ้าใช้สายยางห่อหุ้มมันก็ทำอันตรายเราไม่ได้ ถ้าเกอดรั่วก็เป็นอันตรายกระแสน้ำกระแสไฟฟ้ามีทางเดินคล้ายกระแสจิตถ้าไปกั้นมันเข้ามันก็ไม่มีทางออก ถึงจะออกได้ก็ชักช้าไม่ทันการ เป็นเช่นนี้พระสมเด็จราคาแสนจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ เห็นตายสนิททุกราย ใครว่าใช้พระสมเด็จแล้วไม่ตายโหง อาจเป็นได้ถ้ารู้จักการใช้ นายแพทย์ประจำ วัชราปานเคยกล่าวว่าผู้ใดที่มีพระร่วงหลังรางปืนสนิมแดงกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สวรรคโลก เรื่องการตายโหงแล้วรับรองไม่มี สำหรับเหตุผลในข้อนี้วินิจฉัยยากเพราะพระร่วงชนิดนี้มีจำนวนน้อยราคาสูงมาก และมักอยู่กับผู้มีชาตาวาสนาสูงส่ง โอกาสที่จะผจญอันตรายมีเปอร์เซ็นต์น้อยแต่ก็ปรากฏแล้วว่าผู้ที่แขวนพระร่วงชนิดนี้ และเป็นองค์ที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งชนะการประกวดมาแล้วตายโหงไปแล้วว่าไงครับ วงการเงียบกริบ ควรออกหนังสือแสดงการตายของพระเครื่องเสียบ้างจะได้หยุดเล่นกันเสียที เล่นไม่ยุติธรรมเซียนพระผู้ยิ่งยงสองท่านขอสงวนนาม คนหนึ่งดูพระสมเด็จเก่งชะมัดถูกตีที่ศีรษะเย็บ 15 เข็ม อีกคนหนึ่งแขวนพระสมเด็จเต็มคอถูกฟาดด้วยเก้าอี้เหล็กฐานไปหลอกลวงเขาเย็บ 18 เข็ม เท่านั้นครับไม่มากมายอะไรทหารปฏิบัติการรบที่จังหวัดชายแดนแขวนพระชนิดสะพายนับได้ 108 องค์เก๊ดีผมไม่ทราบ ทราบแต่เลี่ยมอัดหมด โดนสหายตอกด้วยปืนอาก้าเบาะ ๆ หยุดพูดเลย ต้องเชิญอาจารย์ชุมไชยคีรีไปแสดงอรรถาธิบาย คงมีพระของท่านปนอยู่ด้วย อาจารย์ชุมบอกว่ามันถึงคราวตาย สำหรับศาสตร์นี้จะอธิบายในตอนหลัง ผมจะยกตัวอย่างในการใช้พระอัดพลาสติคให้ดูสักหลายเรื่อง
    <O:p</O:p
    1. รูปไหว้ห้าครั้งของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจริญ ญานวรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลือชื่อมาช้านานในด้านกันภูตผีปีศาจ ศิษย์หน้าวัดเขาบางทรายมีอาชีพขับรถยนต์รับจ้างถูกผีเข้าขณะที่มีรูปไหว้ห้าครั้งติดตัว เขาเชื่อพระคุณเจ้าว่าไม่มีอะไรกางกั้นกระแสจิตได้ จึงนำไปเลี่ยมอัดพลาสติคและได้รับผล ผีมันคอยโอกาสมานานแล้ว เกิดสงสัยจึงนำไปพิจารณาทางในดูปรากฏว่ารังสีจิตหมุนวนอยู่ภายในกรอบพลาสติคไม่สามารถออกมาได้จริงตามที่เล่าลือ อีกรายหนึ่งถูกสุนัขที่บ้านกัดเข้าก็มีรูปไหว้ห้าครั้งอัดพลาสติคเช่นเดียวกัน ความจริงของ ๆ ท่านเก่งทางเขี้ยวงา และเคยปรากฏความศักดิ์สิทธิ์มาแล้วมากครั้ง
    <O:p</O:p
    2. เพื่อนฝูงคนหนึ่งเป็นหัวหน้าส่วนรัฐวิสาหกิจ แขวนพระชั้นดีเต็มคอแท้ทั้งนั่นแนะนำอย่างไรก็ไม่เชื่อ เชื่อวงการดีกว่า ถูกยิงด้วยปืนลูกกรดขนาด .22 ห้านัดเข้าทุกนัดอาการสาหัส เจอหน้าเข้าดีหน้าชอบกล
    <O:p</O:p
    3. เมื่อวันมหาวิปโยคิ 14 ตุลาคม 2516 มีคนถูกยิงตาย และยิงไม่เข้าหลายรายผมขอร้องให้คุณชินพร สุขสถิต บรรณาธิการหนังสืออภินิหารและพระเครื่องนำเรื่องลงพร้อมกับถ่ายภาพคนที่ถูกยิงไม่เข้าปรากฏว่าเป็นชายชาวชนบท แขวนพระเครื่อง 3 องค์ ที่จำได้มีพระถ้ำเสือ พระปิดตาวัดจากแดง และพระอะไรอีกองค์หนึ่งจำไม่ได้ ปรากฏว่าเลี่ยมเปิดหมด ถ้าไม่เปิดรับรองสบายแน่ ส่วนที่เลี่ยมปิดตายเรียบทุกราย ไม่ตายก็สาหัส
    <O:p</O:p
    4. ที่ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกงชายผู้หนึ่งมีเหรียญหลวงพ่อดิ่งรุ่น 2481 ของแท้ติดตัวอยู่เหรียญหนึ่ง เคยถูกแทงด้วยมีดไม่เข้า ต่อมาขัดสนทางการเงินจึงขายให้นักเลงพระผู้หนึ่งไป เขาผู้นั้นก็นำไปเลี่ยมอัดอย่างดีตามคตินิยมได้ผลทันที ครั้งแรกถูกสุนัขกัดเป็นแผลเหวอะ ครั้งที่สองไปชนเหลี่ยมเสาเพียงเบาะ ๆ หน้าผากแตก ทำให้ผู้เป็นเจ้าของ เหรียญงงยิ่งกว่าไก่ตาแตกจนมีเพื่อนล้อเลียนว่าแขวนเหรียญเก๊
    <O:p</O:p
    5. ที่ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกงมีผู้แขวนพระไตรภาคี คือพระสมเด็จ ฯ พระนางพญาพิษณุโลก พระผงสุพรรณวงการรับรองว่าเป็นของแท้ ขณะนั่งดูงิ้วรบกันเพลิน มีใครไม่ทราบแสดงงิ้วนอกโรงใช้มีดแทงทะลุหน้าอกถึงแก่ความตาย ปรากฏว่าเป็นพระเลี่ยมอัดพลาสติคตามคตินิยมเป็นการใช้พระนอกครู
    <O:p</O:p
    6. มีผู้แขวนพระร่วงหลังรางปืนสนิมแดง กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สวรรคโลกองค์ชนะการประกวดถูกยิงนัดเดียวตายคาที่พระองค์นั้นไม่ต้องบอกก็นั่งทางในตอบได้ว่าเลี่ยมอัดอย่างแข็งแรง
    <O:p</O:p
    7. วัยรุ่นที่จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับสมเด็จวัดระฆังขนานแท้และดั้งเดิมจากบรรพบุรุษ ซึ่งเคยมีประสบการณ์มาแล้วมากครั้ง ครั้งแรกถูกยิงด้วยปืนลูกซองพกไม่ระคายผิวหนัง ต่อมานำไปเลี่ยมอัดพลาสติคเพียงถูกสุนัขกัดเบาะ ๆ ต้องเย็บถึง 8 เข็ม
    <O:p</O:p
    8. นักเลงพระชั้นเซียนผู้หนึ่งได้พระท่าเสาเมืองกาญจน์มาหนึ่งองค์ ทดลองความเหนียวคงโดยนำพระยัดใส่ปากปลาช่อนแล้วฟันด้วยมีดอย่างแรงหลายที ปรากฏว่าฟันไม่เข้าจึงนำไปเลี่ยมอัดพลาสติคตามคตินิยม วันหนึ่งจะอวดของดีกับเพื่อนฝูง จึงไปซื้อปลาช่อนมาจากตลาดลองฟันดูใหม่ปรากฏว่าฟันเข้าหมดลองดูถึง 10 ตัวไม่ได้ผล จึงลองแกะพลาสติคแล้ว ไปหาปลามาทอลองฟันใหม่ปรากฏว่าฟันไม่เข้า การทดลองเช่นนี้ทำให้เพื่อนฝูงเกิดลาภปาก รับประทานปลาแป๊ะซะกันจนอิ่มหนำสำราญ วันนั้นเองเซียนพระผู้นั้นนำพระเครื่องชนิดต่าง ๆ มาแกะพลาสติคออกได้พลาสติคประมาณครึ่งกระบุง
    <O:p</O:p
    9. นักเลงพระชื่อวันชัย อยู่จังหวัดอยุธยามีพระสมเด็จวัดระฆังราคาแสนแขวนสร้อยห้อยคอ ถูกยิงเข้าทุกนัด นักปราชญ์ ท่านยังเชียร์ว่าพระสมเด็จไม่ตายโหง เช่นนี้ ถ้าถูกเอ็ม 16 ที่หน้า หน้าอาจจะไม่เละกระมังเพราะท่านไม่ตายโหง แต่ที่ตายโหงมาแล้วเหลือคณานับ นักปราชญ์ท่านแก้ว่าได้ตรวจทางในแล้ว ถึงสมเด็จ ฯ ปลุกเสกพระของท่าน ถึงวันละสามเวลาไม่ขาดเกิน ก็ไม่ปรากฏนิมิตว่าเหนียวคง ตรวจหลายองค์แล้ว อนิจจา หลงเล่นพระปลอมอยู่ได้
    <O:p</O:p
    10. ที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายตำรวจตระเวนชายแดนคนหนึ่งชื่อ สำราญ นามสกุลจำไม่ได้ นำพระสมเด็จ ฯ มาให้ดู ปรากฏว่าเป็นพระสมเด็จวัดระฆังไม่มีการเลี่ยมใช้พกกระเป๋าเฉย ๆ เล่าให้ฟังว่า ใช้พระองค์เดียวถูกยิงด้วยกระสุนเจาะเกราะอย่างจังที่ขา ระยะเผาขน พอเป็นผื่นเล็กน้อยเท่านั้นเอง ใครว่าพระสมเด็จไม่เหนียว นอกจากของเก๊ ไม่รับรอง
    <O:p</O:p
    11. ที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มีการจ้างนักเลงทำร้ายบุคคลผู้หนึ่งผู้ดักทำร้ายล้วนเคยเป็นเสือปล้นและมีประวัติโชกโชนมาแล้วทั้งนั้น แบ่งเป็นมือปืน มือมีด มือขวาน แยกย้ายกันเป็นขั้นตอน ชั้นแรกมือปืนใช้ปืนพกขนาด 11 มม.ยิงถูกท้ายทอยเต็มรัก แรงผลักดันของลูกปืนทำให้ผู้ถูกทำร้ายถึงกับกระเด็นตีลังกาจากรถเครื่อง น่าสงสารตัวเล็กนิดเดียวมองไปข้างหน้าเห็นกลุ่มดาบและกลุ่มมือขวานดักรอ อยู่อีก ได้สติจึงหลบมุดท่อน้ำข้างถนนรอดไปได้ การที่กลุ่มประหารวางแผนอย่างเข้มแข็งเช่นนี้ เพราะทราบว่าผู้ถูกทำร้ายมีพระพีเคยถูกยิงไม่ออก ความจริงคือพระสมเด็จองค์เก่า ๆ ของปู่องค์เดียวเท่านั้นใช้เลี่ยมทองเปิดหน้าเปิดหลังมาเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่เป็นพระสมเด็จวับไชยโยวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง
    <O:p</O:p
    12. ที่จังหวัดภาคใต้ มีนายตำรวจชั้นรองผู้กำกับการตำรวจภูธรรับคณะเดินทางไปราชการท้องที่โดยรถจิ๊บแลนโรเว่อร์ เกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำมีคนเจ็บและตาย ตัวท่านรองเองขาหัก ขณะที่แล่นรถเข้าตัวเมือง มีการประทับทรงเสด็จปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดอยู่ริมถนน ร่างทรงได้เรียกให้รถหยุดแล้วเข้าไปต่อว่าท่านรองฯ ว่าไปขังท่านไว้ออกมาช่วยไม่ได้ เพียงขาหักก็ดีแล้ว ปรากฏว่าคอของท่านรองฯ แขวนรูปหลวงปู่ทวดอยู่หนึ่งองค์จริง ๆ ต้องรีบนำไปแกะออกด่วน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นิทานเรื่องนี้ ถ้าจะกล่าวต่อไปก็นับเป็นพัน ๆ รายและยังมีอยู่ทุกวันและจะมีต่อไปไม่สิ้นสุด เป็นที่น่าเสร้าใจเพราะคบคนผิดคิดว่าเขาเป็นผู้รอบรู้เชี่ยวชาญ ที่แท้คบเอาเถรส่องบาตรเข้าเต็มเปา ผมจึงค้นคิดวิธีการใช้พระเครื่องไว้ดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1. การเลี่ยมพระควรเปิดหน้าและจำเป็นต้องตรวจพลังภายในก่อนที่จะใช้ในการคุ้มครองป้องกันชีวิต ถ้าเป็นเหรียญรูปพระคณาจารย์ซึ่งมีราคาค่างวดสูงต่ำกว่ากันตามค่านิยม ชนิดราคาเรือนพันเรือนหมื่นควรเป็นตลับทองคำเจาะตรงพระพักตร์ให้เป็นรูกว้างพอสมควรอย่าเจาะเล็ก ๆ เพื่อการแผ่พุ่งของรัวสี ถ้าเหรียญราคาไม่แพงใช้พลาสติคสี่เหลี่ยมเปิดหน้าหลังยกขอบกันสึกเพื่อเป็นการอนุรักษ์ให้ถาวรทนทาน ถ้าเป็นพระชินตะกั่วสนิมแดงหรือพระเนื้อผงไม่จำเป็นต้องเปิดหลัง คนสมัยก่อนนิยมเลี่ยมเปิดหลังเรียกว่าพระเจ้าเปิดโลก เพื่ออาศัยการสัมผัสจากธาตุสี่ในการตัวขับดันรังสีพระ ความจริงนั้นเพียงรังสีขององค์ท่านก็เป็นการเพียงพอแล้ว การเจาะที่ก้นรังสีไม่ออกชัดเจน ใครจะรักพระหรือรักชีวิตเลือกพิจารณาดูเอง
    <O:p</O:p
    2. ถ้าเลี่ยมเปิดหมดจะต้องยกขอบให้เกิดองค์พระไว้ เพื่อป้องกันการเสียดสีถ้าเลี่ยมแบบไม่ใช้ตลับเจาะหน้าก็ได้แต่มีจุดบกพร่องเพระฝุ่น จะเข้าเกาะในองค์พระแลดูไม่งามยากแก่การทำความสะอาด ถ้าเลี่ยมแบบตลับนาน ๆ ถอดออกทำความสะอาดได้
    <O:p</O:p
    3. ผู้ที่นิยมแขวงพระมากองค์จะเลี่ยมปิดทั้งหมดก็ได้ แต่ควรเลือกองค์ใดองค์หนี่งที่มีประสิทธิภาพสูงและสุนทรียภาพค่อนข้างต่ำเปิดกันเลยองค์เดียวก็พอ อย่าเลี่ยมปิดหมดทั้งชุด และควรใช้พระในอัตราคี่เช่น 1 องค์ 3 องค์ 5 องค์ ( บางคนถือเคล็ดไม่ยอมใช้พระอัตราคู่ )






    การใช้พระเครื่องสมัยเดิม
    <O:p</O:p





    เรื่องการอมพระ คาดพระ พกพระใส่ไถ้ใส่ถุง นับเป็นล้าสมัย คนสมัยเก่ามีเคล็ดวิชาเกี่ยวกับการใช้พระเครื่องมากมาย ได้รับประสิทธิผลเป็นส่วนใหญ่ทุกวันนี้ผู้เฒ่าผู้แก่มักพูดว่าไม่จำเป็นต้องใช้การพกพระติดตัวนำไว้กับบ้านก็ใช้ได้ เด็กรุ่นใหม่ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะเชื่อถือเห็นว่าเป็นการพูดเล่นมากกว่า เพราะขนาดแขวนคอเป็นพวงยังเห็นไปไม่รอด แต่เป็นเรื่องจริงเขาเรียกว่าการใช้พระ โดยการอธิษฐานผู้อธิษฐาน จะต้องมีสมาธิจิตอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยวจริง ๆ ย่อมได้ผลจริง มีบุคคลหนึ่งไม่ได้ถามชื่อได้รับพระสมเด็จวัดระฆังเป็นมรดกตกทอดอยู่องค์หนึ่ง ปกติบุคคลผู้นี้ไม่นิยมการแขวนพระ แต่มีความเคร่งครัดกว่าผู้ที่แขวนพระมากมายนักคือก่อนที่จะออกจากบ้านไปกิจธุระทุกครั้งจะไม่ลืมจุดธูปบูชาพระสมเด็จ ฯ เพื่อขอความแคล้วคลาดปลอดภัยคุ้มครองชีวิต วันหนึ่งถูกยิงด้วยปืน 3 นัด ที่ตัวเป็นรอยไหม้ 3 รอย และไม่ได้รับอันตราย สมัยเมื่อพระคุณเจ้าธมมฺวิตกฺโกยังมิได้ทำการอธิษฐานจิตเสกพระเครื่องและเหรียญรูปเหมือนองค์ท่าน มีนายตำรวจบางคนไปขอของดีจากท่าน พระคุณเจ้าชี้แจงว่าไม่ได้มีของดีอะไรแจก หากนับถือพระคุณเจ้าเพียงให้รำลึกถึงฉายาว่า ธัมฺมวิตกฺโกก็พอคุ้มกันภยันตรายได้ ต่อมานายตำรวจผู้นั้นไปตามจับผู้ร้ายสำคัญทางจังหวัดเพชรบุรีที่ป่าตาลแห่งหนึ่งเกิดต่อสู้กันตัวต่อตัว คนร้ายมีร่างกายกำยำแข็งแรงกว่านายตำรวจกดคอนายตำรวจไว้จะเชือดด้วยมีดปาดตาลอันคมกริบ นายตำรวจเห็นจวนแจได้สติจึงรำลึกถึงพระคุณเจ้า ธัมฺมวิตกฺโก เท่านั้นเองผู้ร้ายถึงแก่อาการจังงังเงื้อมีดปาดตาลค้างนายตำรวจผู้นั้นจึงใช้วิชายูโดดล๊อคคนร้ายไว้ได้ และถามด้วยความสงสัยว่าตอนนั้นทำไมไมลงมือเชือดคอฉัน ผู้ร้ายตอบว่าจะเชือดได้อย่างไรครับ พระที่ไหนไม่ทรายมายืนอยู่ข้าง ๆ ทำเอาผมคิดอะไรไม่ออกเรื่องนี้ทราบจากปากคำนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งคุ้นเคยกันส่วนตัว บางคนว่าเหรียญที่อัดพลาสติคจนแน่นก็ใช้ได้ เช่นเหรียญหลวงพ่อคงบางกระพร้อม เหรียญหลวงพ่อติงวัดบางวัว เขาว่าอย่างนั้น มันออกจะขัดแย้งกับการแผ่พุ่งของรังสีตามที่กล่าวไว้ข้างต้นซักไปคงได้ความเช่นเดียวกับการอธิษฐานโดยไม่ต้องนำพระติดตัว เข้าศาสตร์เดียวกับผู้ที่ใช้พระสมเด็จโดยไม่ต้องนำพระติดตัวไม่ใช่ว่ารังสีการคุ้มครองสามารถพุ่งทะลุพลาสติคออกมาได้ มิฉะนั้นจะเป็นการเข้าใจผิดไปอีกนาน ประเภทนี้เป็นการใช้พระเดี่ยวทั้งสองราย การใช้พระในสมัยก่อนนอกจากการอธิษฐานอาราธนาโดยเคร่งครัดแล้วยังมีการผูกกลึงการคัดถอน โบราณถือว่าเวทย์มนต์คาถานั้นมีการสูบหรือคัดถอนกันเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ฉะนั้นการต่อสู้ระยะประชิดตัวในการรบสมัยโบราณจึงมีการตายกันไม่น้อยทั้ง ๆ ที่ต่างก็มีของดี ดังคำกลอนเสภา เรืองขุนช้างขุนแผนกล่าวถึงการคัดของดีจากคู่ต่อสู้ดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หมายเหตุ : บทความที่นำมาเสนอนี้ได้รับการอนุญาตในการคัดลอกและเรียบเรียงเพื่อเผยแพรเป็นวิทยาทานจากท่าน อาจารย์ ประถม อาจสาครเป็นที่เรียบร้อยแล้วนับเป็นพระคุณและความกรุณาอย่างยิ่ง

    .<O:p</O:p</O:p

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  19. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ขอกราบโมทนากับคุณ fourthman คุณ อาทิตย์ คุณ เลอศักดิ์ คุณ hatreum เข้ามาทำบุญล่าสุดขณะนี้

    กราบโมทนากับทุกท่านด้วยครับ กราบโมทนากับคุณสิทธิพงศ์ ที่ให้ความรู้เรื่องการแขวนพระ ได้ความรู้เพิ่มเติมมากเลยครับ

    สำหรับคุณ khomeraya ทำงานหนักมาตลอดในเรื่องของการ จัดส่งพระไปให้กับผู้ทำบุญบูชาพระด้วย ทั้งใน และ แต่งประเทศรวมทั้งผมด้วย ก็ขอกราบโมทนาในคุณงามความดีที่ได้มุ่งทำไว้ดีแล้วทุกประการ

    เนื่องจากผมมีเวลาเข้าเน็ตก็ตอน จราจร ติดขัดแล้ว จึงไม่ค่อยได้เข้ามาโพสข้อความมากนัก แค่กดโมทนาก็แหง็กแล้ว จึงจำเป็นที่ต้องขอให้น้องโยช่วยเป็นตัวแทนโพสแทนในบางครั้ง ขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะ

    ทุกท่านที่เข้ามาร่วมบุญจนถึงขณะนี้ บุญทุกอย่างยังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่เหมือนเดิม คือบุญสามรายการที่ได้แจ้งไว้แล้ว เป็น มหาบุญ มหากุศล เป็นมหาทาน โดยเฉพาะบุญอันเนื่องด้วยองค์ปฐม เมื่อเป็นมหาทานแล้วทุกท่านได้เหมือนกันหมด ในเรื่องอานิสงส์ และบุญนี้จะเสร็จสิ้นงานก็ตอนถวายพระกฐินจบลง คือ วันที่ 15 ตุลาคม 49 นี้ครับ

    ก็เป็นอันว่าเรายังสามารถทำบุญกันไปเลื่อยๆ จนถึงวันทอดกฐิน และทุกท่านที่ทำบุญกันมาแล้วนี้ ให้ถือว่าทุกท่านได้ร่วมทำกฐิน กับวัดภูเหล่าเงินฮาง โดยตรง เพราะบุญสามรายการจะนำเข้ากองกฐินด้วยครับ โมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2006
  20. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ขอตอบแทนคุณโม อุนตร้า อิน

    คุณสมบัติข้อแรกก็ต้องใจบุญ แต่คุณสมบัติข้อที่สองเนี่ย สำมะคัญมั่กๆ คือ




    ห้ามเข้าก๊วนไหน แล้วหัวหน้าก๊วนตายหมด

    แบบหัวหน้าก๊วนกัวง่ะ ยังอยากทำบุญนานๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...