1. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ยิ่งรวยเงิน ยิ่งเห็นแก่ตัว
    ยิ่งรวยธรรม ยิ่งเห็นแก่ผู้อื่น
    ถ้ารวยเงินเท่ากับรวยธรรม
    จะไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว
    ถ้ารวยธรรมยิ่งกว่ารวยเงิน
    จะเป็นคนเห็นแก่ผู้อื่นยิ่ง

    ยิ่งรวยเงิน ยิ่งโลภมากอยากรวยขึ้น
    ยิ่งรวยธรรม ยิ่งอยากแผ่เผื่อเจือจาน
    ถ้ารวยเงินเท่ากับรวยธรรม
    จะไม่เป็นคนโลภมากอยากรวยขึ้น
    ถ้ารวยธรรมยิ่งกว่ารวยเงิน
    จะเป็นคนอยากแผ่เผื่อเจือจานยิ่ง

    ยิ่งรวยเงิน ยิ่งทำตามใจชอบ
    ยิ่งรวยธรรม ยิ่งทำตามถูกตามควร
    ถ้ารวยเงินเท่ากับรวยธรรม
    จะไม่เป็นคนทำตามใจชอบ
    ถ้ารวยธรรมยิ่งกว่ารวยเงิน
    จะเป็นคนทำตามถูกตามควรยิ่ง

    ยิ่งรวยเงิน ยิ่งหงุดหงิดง่าย
    ยิ่งรวยธรรม ยิ่งมีใจใสนิ่งสงบเย็น
    ถ้ารวยเงินเท่ากับรวยธรรม
    จะไม่เป็นคนหงุดหงิดง่าย
    ถ้ารวยธรรมยิ่งกว่ารวยเงิน
    จะเป็นคนมีใจใสนิ่งสงบเย็นยิ่ง

    ยิ่งรวยเงิน ยิ่งรักง่ายหน่ายเร็ว
    ยิ่งรวยธรรม ยิ่งพอใจในสิ่งที่ตนมี
    ถ้ารวยเงินเท่ากับรวยธรรม
    จะไม่เป็นคนรักง่ายหน่ายเร็ว
    ถ้ารวยธรรมยิ่งกว่ารวยเงิน
    จะเป็นคนพอใจในสิ่งที่ตนมียิ่ง

    ยิ่งรวยเงิน ยิ่งหยิ่งยะโส
    ยิ่งรวยธรรม ยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตน
    ถ้ารวยเงินเท่ากับรวยธรรม
    จะไม่เป็นคนหยิ่งยะโส
    ถ้ารวยธรรมยิ่งกว่ารวยเงิน
    จะเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่ง

    ยิ่งรวยเงิน ยิ่งบ้าอำนาจ
    ยิ่งรวยธรรม ยิ่งกระจายอำนาจ
    ถ้ารวยเงินเท่ากับรวยธรรม
    จะไม่เป็นคนบ้าอำนาจ
    ถ้ารวยธรรมยิ่งกว่ารวยเงิน
    จะเป็นคนกระจายอำนาจยิ่ง

    ยิ่งรวยเงิน ยิ่งเห็นโลกบิดเบี้ยว
    ยิ่งรวยธรรม ยิ่งเห็นโลกตรงจริง
    ถ้ารวยเงินเท่ากับรวยธรรม
    จะไม่เป็นคนเห็นโลกบิดเบี้ยว
    ถ้ารวยธรรมยิ่งกว่ารวยเงิน
    จะเป็นคนเห็นโลกตรงจริงยิ่ง

    ~~* ความเหมือน *~~

    ยิ่งรวยจริง ยิ่งอิ่มใจ
    ยิ่งรวยจริง ยิ่งรู้สึกมั่นคง
    ยิ่งรวยจริง ยิ่งบารมีมาก
    ยิ่งรวยจริง ยิ่งเสียงดัง
    ยิ่งรวยจริง ยิ่งทรงกำลังกระทำกิจ
    ยิ่งรวยจริง ยิ่งเนื้อหอมน่าพิสมัย
    ยิ่งรวยจริง ยิ่งถูกจับตา
    ยิ่งรวยจริง ยิ่งเข้าใจยาก
    ยิ่งรวยจริง ยิ่งแตกต่างจากคนอื่น

    แม้รวยเท่าใด อย่างไรก็รักสุขเกลียดทุกข์
    ไม่มีใครอยากทุกข์กายทุกข์ใจ
    หากทุกข์ต้องรีบแก้ไขให้หายทุกข์
    ระมัดระวังไม่ก่อเหตุให้เกิดทุกข์ซ้ำซาก

    แม้รวยเท่าใด อย่างไรก็ต้องหายใจ
    ไม่มีใครรอดชีวิตเพียงด้วยความรวย
    หายใจยาวได้เป็นก็สุขมาก
    ถ้าหายใจสั้นไม่เอาไหนก็สุขน้อย

    แม้รวยเท่าใด อย่างไรก็ต้องตาย
    หอบหิ้วไปได้แต่บุญบาป
    ไม่มีใครรวยแล้วรวยเลย
    จะเป็นสุขในปรโลกได้ก็เพียงด้วยบุญที่สั่งสมไว้

    แม้รวยเท่าใด อย่างไรก็ต้องเกิดตายไม่สิ้นสุด
    จะหยุดได้ก็เพียงด้วยยอดแห่งบุญ
    คือรู้วิธีเห็นโลกตามจริงจนถอนความติดใจ
    หลุดพ้นขาดจากความอยากมีอยากเป็นสิ้นแล้ว

    รวยเงินแค่ห่างหนี้
    รวยธรรมแค่ห่างบาป
    รวยความว่างจึงห่างทุกข์
    ที่มา:

    ธรรมะไทย.คอม
     
  2. Yurichan

    Yurichan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +97
    คนจนผู้ยิ่งใหญ่
     
  3. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=wFIkWHVoB9g&feature=PlayList&p=E2879C543AE109BE&playnext=1&playnext_from=PL&index=56"]YouTube - คนจนผู้ยิ่งใหญ่ : คาราบาว[/ame]


    เนื้อเพลง : คนจนผู้ยิ่งใหญ่ - คาราบาว
    * ถึงยากจนไม่มองคนเหยียดๆ
    ไม่รังแกรังเกียจ คิดเบียดเบียนใจใคร
    มีจนวัดใจคนไม่ได้
    จนแต่รวยนํ้าใจผู้ยิ่งใหญ่แห่งความจน
    ทรัพย์สินไม่สะสม
    อยู่ในสังคมด้วยความสุขขี
    ปริญญาฉันไม่เคยมี
    ความรู้พอดีพออ่านออกเขียนได้
    ไปทํางานรับจ้างก็ทําจริง
    ฉันทําทุกสิ่งยกเว้นประจบเจ้านาย
    วัดคนเขาวัดกันที่นํ้าลาย
    ลาก่อนเจ้านายฉันไม่ใช่ควายจนตรอก

    ** ไม่เคยใฝ่ฝันเป็นโตเป็นใหญ่
    ไม่มีปัจจัยทั้งสี่ประการ
    แค่สัตว์เลื้อยคลานสองข้างถนน
    เนื้อตัวยากจนแต่นํ้าใจยิ่งใหญ่


    *** คนจน (จนแต่รวยนํ้าใจ)
    ใครจะว่ายากจน (คนจนผู้ยิ่งใหญ่)
    (คนจน) จนแต่รวยนํ้าใจ
    (ใครจะว่ายากจน) คนจนผู้ยิ่งใหญ่

    มีชีวิตย่อมมีความลําบาก
    อดๆ อยากๆ ดังยาชูกําลัง
    ความหวังแม้ว่ายังริบหรี่
    เพราะสังคมวันนี้มันหางานการยาก
    ยํ่าไปสมัครไปไม่เลือกหน้า
    ค่าจ้างราคาไม่สํามะคัญ
    ลุยควันลุยท่อไอเสีย
    มีแต่ความอ่อนเพลีย ยังดีกว่าเสียขากัน


    ปัจจัยคือเครื่องบาดใจ
    ศาสดาสอนไว้ในพระไตรปิฏก
    ความจริงที่คู่ควรหยิบยก
    ชําระความสกปรกในสังคมเมืองไทย
    จิตใจแห่งความเป็นพุทธ
    ใสบริสุทธิ์นั้นคือจุดหมาย
    รวยล้นกระทําตนเหลวไหล
    ไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่เป็นแต่ผู้ยิ่งเลว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กุมภาพันธ์ 2010
  4. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    [​IMG]


    ไม่มีคำว่า จน
    ไม่มีคำว่า รวย
    ไม่มีความรู้สึกว่า จน และ รวย
    แบบนี้ถ้าเป็นไปได้
    เรียกว่า อะไรดีเอ่ย
     
  5. manganiss

    manganiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +636
    มาลงชื่อกระทู้พี่ผมฮะ...

    Manganiss
     
  6. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    คิดถึงจัง Stefa ไม่เห็นตั้งนาน

    ไม่มีคำว่า จน
    ไม่มีคำว่า รวย
    ไม่มีความรู้สึกว่า จน และ รวย
    แบบนี้ถ้าเป็นไปได้
    เรียกว่า อะไรดีเอ่ย

    เรียกว่ารูปปั้นอย่างไรเล่า... ที่รัก

    นั่นเป็นแง่มุมที่ให้มองเรื่องรวยทรัพย์กับรวยสุขเท่านั้นเอง
    เป็นแค่ปรัชญา... ไม่ใช่ข้อธรรม

    มนุษย์มีสัญชาตญาณรักสุขเกลียดทุกข์... ทั้งยามหลับและยามตื่น มันถูกฝังตายเอาไว้ใน Unconcious(จิตไร้สำนึก) สัญญาณนี้จะทำงานตลอดไม่ว่าตื่นหรือหลับ ทั้งกลางวันและกลางคืน ตราบที่ยังมีลมหายใจ
    การปฏิบัติฝึกฝนตัวเองทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อควบคุมสัญชาตญาณตัวนี้เป็นหลัก เพราะสัญญาณส่วนนี้ไม่รู้จักดีชั่วทำงานตลอดเวลาเพื่อมุ่งหน้าตอบสนองความสุขทางกาย สัญญาณนี้พยายามสั่งงานทุกวิถีทางเพื่อตอบสนองความต้องการโดยไม่สนใจเรื่องความมีคุณธรรม สรุปอย่างง่ายมันเป็นสัญชาตญาณของเดรัจฉาน
    มนุษย์จึงต้องสร้างระบบความคิด(คุณธรรม)ในอีกระดับหนึ่งคือในระดับของ Concious(จิตสำนึก) เพื่อควบคุมสัญญาณที่ส่งมาจากระดับ Unconcious(จิตไร้สำนึก) ควบคุมในกรณีทั้งหลายที่สร้างความเดือดร้อนเบียดเบียนผู้อื่นเพื่อ่สร้างความสุขให้กับตนเอง และควบคุมในกรณีทั้งหลายที่จะสร้างความเดือดร้อนเบียดเบียนตนเองด้วยเช่นเดียวกัน

    อาณาจักรของคุณธรรมคือสมองซีกขวา
    อาณาจักรของมารคือสมองซีกซ้าย

    การศึกษา ฝึกฝน ขัดเกลาตัวเองต่างๆนาๆก็เพื่อให้ขวาควบคุมซ้ายได้ทันท่วงที่ และเมื่อเกิดความสมดุลย์ยิ่งมากก็ยิ่งเข้าใจในเหตุผลต่างๆโดยอัตโนมัติด้วย

    "สูตรรวยสุข" จึงเป็นสูตรเดียวกับ "สูตรสมดุลย์สมอง"
    เป็น"สูตรคุณธรรมสากลของเผ่าพันธุ์มนุษย์"

    มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวบนดาวโลกที่รู้จักการฆ่าตัวตาย
    เหตุเกิดเพราะปล่อยให้สมองซีกซ้ายนำชีวิตมากเกินไป จนมีผลของมันตามส่งผล และเนื่องจากไม่ค่อยบริหารสมองซีกขวาอยู่แล้วจึงไม่มีศักยภาพของสมองที่จะพาตัวเองออกจากทุกข์เหล่านั้น

    มนุษย์มีดีกว่าสัตว์เดรัจฉานก็ตรงมีสมองข้างขวานี่แหละ

    พระเจ้ากับมารจึงมีส่วนอยู่ในตัวมนุษย์
    อยู่ที่จะใช้จิตส่งสัญญาณไปสั่งให้สมองฝั่งไหนทำงาน
    ปลุกมารก็ต้องก้าวร้าวหยาบคายโหดเหี้ยมทารุณเลือดเย็นเห็นแก่ตัวไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น...
    ปลุกพระเจ้าก็ต้องสุภาพนุ่มนวลโอบอ้อมอารีรักเมตตากรุณาเอื้อเฟื้อให้อภัยเอาใจเขาใส่ใจเรา(ไม่ใช่จะเอาใจเราไปใส่เขาอยู่ถ่ายเดียว)...

    รวยทรัพย์... แจกความช่วยเหลือ
    รวยสุข... แจกความสบายใจ
    รวยรัก... แจกการให้อภัย

    รวยๆกันนะพี่น้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กุมภาพันธ์ 2010
  7. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    <TABLE id=post2948863 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->manganiss<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2948863", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2009
    ข้อความ: 137
    พลังการให้คะแนน: 31 [​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2948863 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->มาลงชื่อกระทู้พี่ผมฮะ...

    Manganiss
    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    รวยแล้วสินะ... อิ อิ
     
  8. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ยังไม่เคยรวยเลยท่าน T-T
    แต่ไม่กลัวจน ^^*
     
  9. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    คาถาเงินล้าน วัดไหนเอ่ย? หลวงพ่อไหนเอ่ย?
    คาถานี้มีหลายวัด หลายหลวงพ่อ นะ

    คาถาเงินไหลมา
    พระปิดตาเงิน รุ่นเงินไหลนอง ทองไหลมา
    สารพัดรุ่นนะ ก็มาจากวัด จากหลวงพ่อทั้งนั้น

    ใครนะ ชี้ทางรวย?

    ผ่านทางธรรมมะ ทั้งนั้น
    พรานคิดเห็นอย่างไรล่ะ
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถามหน่อยนะ...คนที่ใช้ล๊อคอิน พรานพิเศษ ตอนนี้ ใช่ ตาทวี แมวขี้หลี ป่ะ

    ไปเอาล๊อคอินพรานเขามาใช้ หรือว่าใช้มาตั้งแต่แรก กันล่ะ

    หรือว่าเราเข้าใจผิดไปเอง .... บอกหน่อย...เด่ะ
     
  11. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    มีคนบอกว่า คนที่พกโทรศัพท์คือคนจน เพราะคนรวยจะไม่พกโทรศัพท์ ยกเว้นทักษิณฯเพราะอยู่ต่างประเทศ ฮา
     
  12. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    <TABLE id=post2949231 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรานใหญ่<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2949231", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2007
    ข้อความ: 220
    พลังการให้คะแนน: 56 [​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2949231 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ยังไม่เคยรวยเลยท่าน T-T
    แต่ไม่กลัวจน ^^*
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    รวยสิพี่พรานใหญ่
    พี่พรานใหญ่เตือนสติ ให้กำลังใจเพื่อนมนุษย์ สร้างเสียงหัวเราะให้คนอื่นๆได้
    อย่างน้อยๆ... พี่ก็รวยความสุขแล้วหนึ่ง
     
  13. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    <TABLE id=post2949874 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k.kwan<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2949874", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 6,902
    พลังการให้คะแนน: 1297 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2949874 class=alt1><!-- message --><!-- google_ad_section_start -->ถามหน่อยนะ...คนที่ใช้ล๊อคอิน พรานพิเศษ ตอนนี้ ใช่ ตาทวี แมวขี้หลี ป่ะ

    ไปเอาล๊อคอินพรานเขามาใช้ หรือว่าใช้มาตั้งแต่แรก กันล่ะ

    หรือว่าเราเข้าใจผิดไปเอง .... บอกหน่อย...เด่ะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ไม่ไช่
    พรานใช้ชื่อนี้คนเดียว
    สาเหตุเพราะเห็นว่ามี "พรานธรรมดา" เลยคิดว่าน่าจะมี "พรานพิเศษ" แค่นั้นแหละ... แต่ไม่เห็นพรานธรรมดานานแล้วนา

    ชื่ออื่นที่ใช้ก็มี หลายคนก็รู้
    แต่ไม่ใช่คนที่พูดถึง

    คุยกับเจ้เพราะเห็นว่าฉลาด... น่าสนุกดี ไม่ได้พิศวาสเสน่หาอะไร

    คำว่า"ขี้หลี"เป็นคำที่ไม่สู้จะสุภาพนัก ถ้ารู้ที่มาคงคิดก่อนพูดมากกว่านี้





     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กุมภาพันธ์ 2010
  14. หลวงจีน

    หลวงจีน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    861
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ความสุขที่แท้จริงคือความสงบสุข
     
  15. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    คาถาเงินล้าน วัดไหนเอ่ย? หลวงพ่อไหนเอ่ย?
    คาถานี้มีหลายวัด หลายหลวงพ่อ นะ

    คาถาเงินไหลมา
    พระปิดตาเงิน รุ่นเงินไหลนอง ทองไหลมา
    สารพัดรุ่นนะ ก็มาจากวัด จากหลวงพ่อทั้งนั้น

    ใครนะ ชี้ทางรวย?

    ผ่านทางธรรมมะ ทั้งนั้น
    พรานคิดเห็นอย่างไรล่ะ

    พรานไม่เห็นไม่มองเพราะไม่สนใจ
    เห็นแค่หัวเรื่องก็ไม่อ่านต่อแล้ว... ไม่มีสาระกับชีวิตพราน
    เรื่องที่ไม่รู้สึกว่าเป็นสาระของชีวิตก็เลยไม่คิด
    เก็บตาเอาไว้มองดูเหล่าสัตว์กับพืชพันธุ์ให้เจริญจิตใจดีกว่า
    เก็บสมองเอาไว้เฉยๆดีกว่าคิดเห็นเรื่องที่ตัวเองไม่เห็นว่าเป็นสาระประโยชน์


    <TABLE border=1 cellSpacing=0 width="100%"><TBODY><TR bgColor=#4b9339><TD hight="30">[SIZE=+2]<CENTER>....ปิดหู ปิดตา ปิดปาก.....</CENTER>[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2> คติสอนใจ


    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..

    จิตของคนเรานั้น เหมือนกับลิง

    เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง

    ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อใด

    มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด

    จนกลายเป็นว่า “กะปิ” ถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่า “ความเกลียดกะปิ”

    ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิ

    หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก

    สิ่งที่เราเกลียดนั้น

    บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา

    ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือความรู้สึกอยากผลักไส

    ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว

    แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น

    นอกจากความอยากผลักไสแล้ว

    ความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน

    กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที

    ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน

    เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง

    โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้

    ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ

    วันดีคืนดี ลิงมาที่สวน

    เห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว

    แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง

    เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้

    ลิงพยายามดึงมือเท่าไรก็ไม่ออก

    พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้

    เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว

    สุดท้ายก็ถูกคนจับได้

    ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น

    มันก็เอาตัวรอดได้

    แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก

    มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราใฝ่ฝันอยากได้

    จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น

    เวลาประสบปัญหา

    เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย

    แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย

    จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย..ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึด

    ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น

    ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้าง

    มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ

    บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น

    หากแต่เป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว

    ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่ง

    ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ

    ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน

    หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย

    ดั่งเจ้าลิงหวงถั่ว. [​IMG]
    </TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: คนที่พอฯ [11 ส.ค. 52 4:47] ( IP A:174.49.109.41 X: )</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กุมภาพันธ์ 2010
  16. stefa

    stefa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,240
    ค่าพลัง:
    +1,790
    แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย

    จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย..ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึด
    :cool:

    จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น
    :cool:
    ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน

    หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย
    :cool:
    บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา

    ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือความรู้สึกอยากผลักไส

    ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว

    pig_cryypig_cryypig_cryypig_cryy

    สุดท้ายก็ถูกคนจับได้
    สุดท้ายก็ถูกคนจับได้
    สุดท้ายก็ถูกคนจับได้
    สุดท้ายก็ถูกคนจับได้

    black_pigblack_pigblack_pigblack_pig

    จับใครได้หรือ พรานเอ๋ย
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คำว่า ขี้หลี เป็นคำอธิบายพฤติกรรมส่วนตัวของคนเจ้าชู้ จีบคนอื่นไปทั่ว
    คุณไม่ใช่ ตาทวี และไม่รู้จัก ตาทวี ก็แล้วไป ไม่มีอะไรหรอก ข้องใจ ก็ถามไป
    ตอบมาแล้วก็หายข้องใจ เพียงแต่ รู้สึกว่า พรานพิเศษเปลี่ยนไป๋ ไม่ใช่คนเดิม
    แค่นั้น ตามสบายเถอะ จะเป็นใครไม่สำคัญ การกระทำของคนบอกตัวตนได้
    เราไม่ยึดติดว่าใครจะเป็นเพื่อนหรือไม่เป็นเพื่อนอยู่แล้ว เพราะเรามองคนผิด
    พลาดออกบ่อยไป หรือเราทำพลาดเองก็บ่อยไป ไม่มีอะไรจีรังในโลกนี้หรอก
     
  18. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    พระนางทารา หรือ ตารา

    Tuesday, 13 January 2009 11:37 ศาสนา และ ความเชื่อ - พุทธ มหายาน และ เต๋า
    [​IMG] [​IMG]

    <FORM method=post action=http://information.phuketindex.com/religion-faith/mahayana-taoism/114-tara.html>[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    Poor<INPUT value=1 alt="vote 1 star" type=radio name=user_rating><INPUT value=2 alt="vote 2 star" type=radio name=user_rating><INPUT value=3 alt="vote 3 star" type=radio name=user_rating><INPUT value=4 alt="vote 4 star" type=radio name=user_rating><INPUT value=5 alt="vote 5 star" CHECKED type=radio name=user_rating>Best <INPUT class=button value=Rate type=submit name=submit_vote><INPUT value=vote type=hidden name=task><INPUT value=com_content type=hidden name=option><INPUT value=114 type=hidden name=cid><INPUT value=http://information.phuketindex.com/religion-faith/mahayana-taoism/114-tara.html type=hidden name=url></FORM>
    [​IMG]
    ทารา (เรียกตามภาษาสันสกฤต) ใน ธิเบต จะเรียกกันว่า Jetsun Dolma ซึ่ง ทารา ที่นับถือกันโดยทั่วไปก็คือ พระโพธิสัตว์ ใน พุทธนิกายมหายานนั่นเอง ซึ่งปรากฏกายในรูปของเพศหญิง
    โดยนิยมบูชากันเพื่อให้สำเร็จในหน้าที่การงาน ว่ากันว่า ทารา เป็นเทพที่ผู้ฝึกปฏิบัตสมาธิในทางวชิรยานของทิเบต ให้การเคารพนับถือกับเป็นอย่างมาก พระนางคือ “พระแม่แห่งการหลุดพ้น” ผู้เป็นตัวแทนแห่งความบริสุทธิ์และการกระทำที่นำไปสู่ความรู้แจ้ง คำว่า “ทารา” หรือบ้างก็เรียกว่า “ตารา” นั้นมีที่มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤตของคำว่า “ตริ” ที่แปลว่า “ข้าม” ดังนั้นจึงสื่อความหมายถึง ผู้ที่พาสรรพสัตว์ข้ามพ้น มหานทีแห่งการเวียนว่ายตายเกิด และความทุกขเวทนา
    เชื่อกันว่า พระนางทารา คอยเฝ้ามอง ช่วยเหลือ สรรพสัตว์ในวัฏสงสาร โดยได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างมากในแถบ ทิเบต และ มองโกเลีย ซึ่งพระนางทารา เป็น เทพทางพุทธศาสนา ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของลามะ และ พระ ทั่วไป แต่ก็ได้รับความนิยมในการเป็น พระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งเช่นกัน (เช่นเดียวกับ เจ้าแม่กวนอิม ของประเทศจีน)

    ทารา มีด้วยกัน 21 รูปนาม แต่ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ


    [​IMG] พระนางทาราเขียว


    พระนางทาราเขียว เชื่อกันว่าท่านจะคอยปกป้องคุ้มครองจากความกลัว ความโชคร้ายทั้งปวง ที่เกิดจาก ความไม่รู้ 8 ประการ ที่ก่อให้เกิดความเสื่อมขึ้นในมนุษย์ ซึ่งเปรียบออกมาเป็นสัญลักษณ์ได้ดังนี้ คือ
    1. สิงโต (ความทะนงตน)
    2. ช้างป่า (ความเชื่อที่ผิด และ ความโง่เขลา)
    3. ไฟ (ความโกรธ และ ความเกลี่ยดชัง)
    4. งู (ความอิจฉา ริษยา)
    5. โจรผู้ร้าย (ความคลั่งไคล้ ความเลื่อมใส ในทางที่ผิด)
    6. ทาส (ความโลภ ความตระหนี่)
    7. น้ำล้น (ความปรารถนา ความอยาก สิ่งผูกติดทางอารมณ์)
    8. วิญญาณร้าย (ความหลง)

    [​IMG] พระนางทาราขาว


    พระนางทาราขาว เชื่อกันว่าท่านรักษาอาการ ความเจ็บไข้ได้ป่วย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้นับถือมีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี ทำให้ อายุยืนยาว และกล่าวกันว่ารัศมีของพระนางขาวนวลเฉกเช่นกับแสงจันทร์

    พระนางทาราแดง สอนให้ตระหนักรู้ถึงวิธีการที่จะปรับเปลี่ยนกิเลสตัณหา เป็นความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และความรัก ดลบันดาลให้เจอแต่สิ่งดีๆ

    พระนางทาราน้ำเงิน (Ekajati) ได้รับการนับถือให้เป็นผู้ปกป้องนิกายนิงมะ (เป็นนิกายสำคัญนิกายหนึ่งของพุทธศาสนาในทิเบต ถือกำเนิดจากอาจารย์ชาวอินเดียคือ ปัทมสัมภวะ ที่เดินทางมาทิเบตเมื่อ พ.ศ. 1350 ซึ่งได้รับการนับถือจากชาวทิเบตอย่างกว้างขวาง และเป็นผู้สร้างวัดสัมเยซึ่งเป็นวัดแห่งแรกในทิเบต ปัทมสัมภวะ ได้เผยแพร่คำสอนของนิกายตันตระ จนมีสานุศิษย์ที่สำคัญหลายคน) ซึ่งพระนางทาราน้ำเงินนี้มีพลังอำนาจมาก เพื่อใช้ในการปกป้องพระธรรมคำสั่งสอนนั่นเอง
    ความเป็นมาของพระนางทารา

    [​IMG] พระเจ้าซรอนซันกัมโป (กลาง) เจ้าหญิงเวนเชิง (ขวา) เจ้าหญิงภริคุติ (ซ้าย)


    บางที่บอกว่าเป็นพระอวโลกิเตศวร ในภาคเพศหญิง บางตำนานก็ว่าท่านมาจากน้ำตาของ พระอวโลกิเตศวรในตอนที่ท่าน เห็นความทุกยากของสรรพสัตว์ที่มีมากมาย ซึ่งเรื่องน้ำตาที่หลั่งออกมานี่เอง ทำให้ชาวธิเบตเชื่อว่า น้ำตาข้างขวาที่หลั่งออกมาคือ เจ้าหญิงภริคุติ (Bhrikuti Devi) ซึ่งเป็น ราชธิดาของพระเจ้าอังศุวรมันแห่งเนปาล และ น้ำตาข้างซ้ายคือ เจ้าหญิงเวนเชิง (Wencheng) ราชธิดาของพระเจ้าถังไท้ซุงแห่งประเทศจีน โดยทั้งสองเจ้าหญิงได้อภิเสกสมรส กับ พระเจ้าซรอนซันกัมโป (Songtsän Gampo) ซึ่งถือเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของธิเบต (ตามที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน) เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับ เนปาล และจีน เพราะ ทิเบตในสมัยนั้นมีอำนาจทางทหารมาก จึงเป็นที่ยำเกรงแก่ เนปาล และ จีน ซึ่งเป็นประเทศข้างเคียง พระชายาทั้งสององค์นี้นับถือพุทธศาสนา และได้นำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแพร่ในทิเบต รวมถึง เผยแพร่แก่ พระเจ้าซรอนซันกัมโปด้วย จึวทำให้ พระเจ้าซรอนซันกัมโป ส่งเสนาบดีของพระองค์คือ ทอนมีสัมโภทา ไปศึกษาศาสนาพุทธในอินเดีย เมื่อกลับมา สัมโภทา ได้ประดิษฐ์อักษรทิเบต และเขียนไวยากรณ์ภาษาทิเบต ส่งผลให้มีการแปลคัมภีร์ทางพุทธศาสนาเป็นภาษาทิเบต นอกจากนี้ พระองค์ได้วางระเบียบปฏิบัติ 16 ข้อ ที่ถือเป็นกฎหมายฉบับแรกของทิเบต และย้ายเมืองหลวงจากยาลุงไปสร้างเมืองหลวงใหม่ที่นครลาซา ซึ่งจะเห็นได้ว่า เจ้าหญิงภริคุติ และ เจ้าหญิงเวนเชิง นั้นทรงสร้างกุศลคุณงามความดีให้แก่ชาวทิเบตเป็นอย่างมาก ชาวทิเบต จึง ยกยกให้ เจ้าหญิงภริคุติ เปรียบเสมือนเป็น พระนางทาราเขียว (green tara) และ เจ้าหญิงเวนเชิง เปรียบเสมือนเป็น พระนาง ทาราขาว (white tara) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    <HR SIZE=2 width="100%">มนตรา
    มนตราบูชาพระนางทาราเขียว
    <OBJECT style="WIDTH: 638px; HEIGHT: 359px; VISIBILITY: visible" data="http://www.youtube.com/v/NU1La7k-ajs&hl=en&fs=1" type=application/x-shockwave-flash></OBJECT>
    <EMBED style="VISIBILITY: visible" height=80 type=application/x-shockwave-flash width=315 src=http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=0&songID=V2BDD0EP0 scale="noscale" wmode="transparent"> </EMBED>
    Oṃ Tāre Tuttāre Ture Svāhā / Om Tare Tuttare Ture Svaha
    มนตราบูชาพระนางทาราขาว
    <OBJECT style="WIDTH: 638px; HEIGHT: 359px; VISIBILITY: visible" data="http://www.youtube.com/v/i0osoOz3CxM&hl=en&fs=1" type=application/x-shockwave-flash></OBJECT>
    OM. TARE TUTARE TURE. MAMA AYUR PUNYE JNANA PUSHTIM KURU, SWAHA

    Ohm, Tahray Tootahray tooray, mahmah ahyoor poonyay jnyana pushtim kuru[-ye], Swahhah

    สำหรับสวดแบบทิเบตคือ OM TARE TUTTARE TURE, MAMA AYUR JANA PUNTIN KURU SOHA
    ขอบคุณ
    wikipedia
    youtube (nilavani member)
    google
     
  19. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ลุงโฮ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD align=left>วันที่ พฤหัสบดี พฤษภาคม 2551
    </TD></TR><TR><TD align=left>[​IMG] พิมพ์หน้านี้ | ดูบล๊อกอื่นๆ ที่ OKnation </TD></TR><TR><TD>
    <CENTER>ทำเนียบประธานาธิบดี และ บ้านพักลุงโฮ (Nha San Bac Ho / Ho chi Minh House)

    </CENTER>

    [FONT= ]May 08, 2008[/FONT]

    [FONT= ]ทำเนียบประธานาธิบดี และ บ้านพักลุงโฮ [/FONT][FONT= ](Nha San Bac Ho / Ho chi Minh House)[/FONT]

    ด้านหนึ่งของจัตุรัสบาร์ดิงห์ (Ba Dinh) .. ไม่ไกลไปจากสุสานของลุงโฮเท่าใดนัก เป็นที่ตั้งของทำเนียบประธานาธิบดี (Presidential Palace) เป็นอาคารสีเหลืองมัสตาร์ดสไตล์โคโลเนียล เช่นเดียวกับตึกทำการของหน่วยงานราชการอื่นๆของเวียดนาม
    [​IMG][​IMG]


    ไกด์สาวในชุดอ๋าวได๋สุดสวย พูดภาษาอังกฤษคล่องแคล่วมาก เล่าให้ฟังว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ทำการของรัฐบาลอินโดจีนของฝรั่งเศส ซึ่งเปรียบเสมือนสำนักงานใหญ่ของฝรั่งเศสในการปกครองประเทศในแถบอินโดจีนในสมัยอาณานิคม และต่อมาได้ส่งมอบให้รัฐบาลเวียดนามใช้สอย …
    [​IMG]


    รัฐบาลเวียดนามได้มอบให้ท่านประธานาธิบดีโอจิมินห์ เพื่อใช้เป็นบ้านพัก แต่ลุงโฮบอกว่าอาคารหลังนี้เป็นสมบัติของประชาชนชาวเวียดนามทั้งหมด ท่านเลยปฏิเสธที่จะใช้สอยอาคารหลังนี้เพื่อความสะดวกสบายของตัวท่านเอง โดยท่านเลือกที่จะพักอาศัยที่บ้านพักเล็กๆชั้นเดียวของช่างซ่อมไฟฟ้าของทำเนียบที่อยู่ด้านหลังแทน

    ปัจจุบันนี้อาคารแห่งนี้ยังใช้เป็นที่ทำงานของรัฐบาล นักท่องเที่ยวจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเข้าไปใกล้ๆอาคาร แต่สามารถถ่ายรูปจากถนนด้านข้างของทำเนียบแทน

    ต้นไม้ดอกสีสวยในทำเนียบค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไร
    [​IMG]






    บ้านพักหลังแรกของประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของชาวเวียดนาม เป็นตึกชั้นเดียว มี 3 ห้องที่ใช้สอย คือห้องนอนเล็กๆ ห้องทานอาหาร และห้องทำงาน ซึ่งแต่ละห้องเห็นได้ถึงความสมถะและเรียบง่ายของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นวีระบุรุษของเวียดนาม ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ที่เรียกได้ว่าฟุ่มเฟือย … ทุกอย่างมุ่งที่ประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่า และประหยัด
    [​IMG][​IMG][​IMG]


    ข้างๆที่พักแห่งแรกนี้ เป็นสถานที่จัดแสดงรถยนต์ที่ลุงโฮใช้สอย ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ คันแรกเป็นรถยนต์ยี่ห้อปาโปด้า ของขวัญจากรัฐบาลรัสเซีย ส่วนอีกคันเป็นรถเปอร์โย ของขวัญจากเพื่อนชาวฝรั่งเศส ที่ลุงโฮไม่ได้ใช้ แต่มอบให้กับรัฐบาลเพื่อเอาไว้ใช้รับแขกบ้าน แขกเมือง
    [​IMG][​IMG]


    ใกล้ๆกับบ้านพักหลังนี้เป็นอาคารสไตล์โคโลเนียลอีกเช่นกัน เคยเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสที่มาประจำการอยู่ในแถบอินโดจีน
    [​IMG][​IMG]


    เราเดินเลียบไปตามทางเดินรอบๆสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีเส้นสายขอบสระที่สวยมาก และเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าสร้างตามหลักของฮวงจุ้ยที่ดี สระแห่งนี้ที่ใช้เลี้ยงปลาคร์าฟ อยู่ด้านหน้าของบ้านเก่าของลุงโฮ
    [​IMG]
    รอบๆสระน้ำมีต้นไม้ใหญ่ที่ไกด์บอกว่าลุงโฮเอามาปลูกเอาไว้ ต้นไม้ชนิดนี้มีรากผุดขึ้นมาหายใจ รากไม้ดูแปลก … เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าเป็นรากของต้นพุทธบุด หากมองให้ดี ผสมผสานกับจินตนาการเล็กน้อย จะเห็นว่ารากไม้ที่ผุดขึ้นมา เหมือนกับพระพุทธรูปองค์เล็ก องค์น้อยมากมาย .. ลองมองให้ดีๆซิคะ
    [​IMG][​IMG]


    ด้านหลังของทำเนียบรัฐบาลเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆยกใต้ถุนสูง เคยเป็นที่พักอีกแห่งหนึ่งของลุงโฮ
    [​IMG][​IMG]
    และว่ากันว่า ใต้ถุนบ้านลุงโฮแห่งนี้ใช้เป็นที่ประชุมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เพื่อวางแผนการรบกับทหารอเมริกันสมัยสงครามเวียดนาม
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    ส่วนข้างบนมีเพียงห้องนอนเล็กๆห้องเดียวของประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ … ไม่มีห้องน้ำ หรือห้องทานอาหาร ..
    [​IMG][​IMG]


    เฟอร์นิเจอร์ของห้องนี้ และเป็นสิ่งที่น่าสนใจคนไทยอย่างเรา ก็คือวิทยุสมัยเก่าแก่ที่ไกด์ของเราเล่าว่าเป็นของขวัญจากประชาชนชาวอุดรธานี ที่มอบให้เป็นที่ระลึกกับผู้นำที่เคยมีชื่อภาษาไทยว่า เฒ่าจิ๋น หรือลุงโฮนั่นเอง .. วิทยุเครื่องนี้ลุงโฮใช้ติดตามข่าวของสงครามอย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะนำข่าวที่ประมวลได้มาวางแผนในการต่อสู้กับกองทัพอเมริกัน .. วิทยุจากชาวอุดรธานี คงเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์การรวมชาติของเวียดนาม .. น่าภูมิใจนะคะ
    [​IMG][​IMG]


    … มีคำถามค่ะว่า บ้านหลังนี้ของลุงโฮ ทำไมไม่มีห้องน้ำ และห้องทานอาหาร .. คำเฉลยจากคุณอ๊าว ได้ความว่า ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ลุงโฮทำงานวางแผนการสู้รบและการวมชาติเวียดนามด้วยควงามมุ่งมั่น และทำงานหนักมาก จนไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย ดังนั้นนอกจากจะเป็นการประหยัดงบประมาณของชาติด้วยการไม่สร้างห้องน้ำและห้องทานอาหารที่บ้านหลังนี้แล้ว ลุงโฮยังถือโอกาสเดินออกกำลังไปใช้ห้องน้ำและทานอาหารที่บ้านหลังเดิมค่ะ … ฟังแล้วอยากให้คนใหญ่ คนโตในบ้านเราคิดได้อย่างนี้บ้างจัง
    เดินลงมาจากบ้านไม้ ที่พักของลุงโฮ ก็มาเจอห้องเล็กๆห้องหนึ่งตรงด้านข้างบ้านใหญ่ ห้องนี้ยังเป็นทางเข้าสู่หลุมหลบภัยภายใต้เนินดินด้านหลังค่ะ .. ลุงโฮใช้หลุมหลบภัยประจำเป็นเรื่องปกติค่ะ ในสมัยสงครามเวียดนาม
    [​IMG]


    ไกด์ยังเล่าให้เราฟังต่อว่า .. สิ่งที่ลุงโฮไม่ต้องการให้เอาเยี่ยงอย่างจากท่านมีอยู่ 2 เรื่อง .. เรื่องแรกคือการสูบบุหรี่จัด ด้วยท่านต้องทำงานและวางแผนตลอดเวลา ไม่มีเวลาพอที่จะออกกำลัง ซึ่งการสูบบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ จึงไม่ควรเอาอย่างท่าน .. ส่วนเรื่องที่สอง คือเรื่องครอบครัว ลุงโฮอุทิศเวลา และชีวิต จิตวิญญาณให้กับการต่อสู้เพื่อรวมชาติ จึงไม่มีชีวิตครอบครัว และท่านอยากให้คนเวียดนามช่วยกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่น แข็งแกร่ง
    [​IMG]


    บ่อเลี้ยงปลาใกล้ๆกับบ้านพักลุงโฮ และแถวนักท่องเที่ยวที่รอเข้าชม
    [​IMG]


    ร้านขายของที่ระลึกใกล้ๆทางออก
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    ชาวเวียดนามที่มาเยี่ยมชมล้านของวีระบุรุษของชาติ
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. manganiss

    manganiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +636

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2010

แชร์หน้านี้

Loading...