โค้งสุดท้ายของแผนการประกาศและเปิดเผยตัว อย่างเป็นทางการ ต่อชาวโลก ของมนุษย์ต่างดาว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 ธันวาคม 2009.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    5. รูปธรรมชีวิตต่างพิภพหรือต่างมิติที่เป็นฝ่ายแสงสว่าง พวกเขาจะไม่แทรกแซงมนุษย์อย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว
    เพราะฉะนั้น ผมมีอะไรที่จะทิ้งไว้ให้พวกท่านได้เก็บเอาไปคิดกันดูนะครับ


    <!--[if !supportLists]-->5.1. ถ้าตามเนื้อหาหลักของกระทู้นี้ ที่บอกว่ามนุษย์ต่างดาว ได้เลือกมนุษย์เพื่อปรับ DNA ให้
    โดยที่มนุษย์ผู้นั้นต้องส่งใบสมัครไป
    <!--[endif]--> ตามความคิดของผมนะครับ ผมก็เคยอ่านเจออยู่ว่า พวกเขามีศักยภาพนั้นจริง
    และที่ต้องสมัครก่อน ก็อาจจะเป็นเพราะว่า มนุษย์จะต้องร้องขอไปเองก่อน ถึงจะได้ไม่ผิดกฎแห่งจักรวาล


    แต่ผมยังไม่เคยอ่านเจอนะครับว่า มีการใช้วิธีการแบบนี้ด้วย มันดูแปลกๆอยู่นะ เพราะว่า

    <!--[if !supportLists]-->5.2. โปรดจงรู้ไว้ว่า มนุษย์ต่างดาว และรูปธรรมชีวิตต่างมิติก็มี 2 ขั้วด้วยนะครับ คือฝ่ายแสงสว่างกับฝ่ายมืด

    (อันนี้ไม่ใช่การ์ตูนนะครับ ผมอ่านมาอย่างนี้จริงๆ ซึ่งถ้าใครจะด่าว่าผมอ่านการ์ตูนมากไปหรือเปล่า ก็ได้นะ
    แต่ผมอยากถามท่านกลับว่า การจะด่าใคร หรือแย้งอะไรกับใครนั่นหนะ ท่านเอาอะไรไปแย้งกับเขา
    มีข้อมูลมากพอหรือยัง หรือใช้แต่อารมณ์ของตนเองเป็นใหญ่)
    <!--[endif]-->

    เพราะฉะนั้น สองฝ่ายนี้ ก็ชิงไหวชิงพริบกันอยู่ ไม่เว้นแต่ละเวลานาที เขาว่านะ เขาว่า..

    ฝ่ายมืดมันจำเป็นต้องบริโภคพลังงานแห่งความกลัวเป็นพลังงานเพื่อยังชีพ เพราะฉะนั้น
    อะไรที่จะทำให้มนุษย์ตกอยู่ในความกลัวได้มากและนานที่สุด พวกมันจะรีบทำทันที และฝ่ายมืดนี่ก็
    ไม่ได้มานั่งสนใจเรื่องกฎของจักรวาลซะด้วยสิ พวกมันดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด มันจึงทำได้ทุกอย่าง


    ส่วนฝ่ายแสงสว่างนั้น ก็คอยขวางและช่วยเหลือมนุษย์แบบลับๆอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน
    เช่น ทำให้ระเบิดนิวเคลียร์ที่มนุษย์โลกผู้ที่ถูกครอบงำด้วยกระแสจิตของฝ่ายมืดผลิตขึ้น ใช้การไม่ได้ เป็นต้น
    ไม่งั้นโลกคงบรรลัยไปนานแล้วหละครับ


    และเขาบอกอีกหนะแหละว่า มีมนุษย์ต่างดาวทั้งสองขั้วนี้ ที่ใช้ชีวิตปะปนอยู่กับมนุษย์ปกติเรา บนโลกของเรานี้มากมาย
    ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะฝ่ายมืด ที่พยายามครอบงำมนุษย์โลกอยู่ทุกยุคทุกสมัย


    และเพราะในยุคพลังงานใหม่นี้ โลกของเราและระบบสุริยจักรวาลของเรา กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ไฟตอนโซน (photon zone)
    ของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก ซึ่งมีคลื่นเกลียวแห่งพลังงานด้านบวกหนาแน่นขึ้นทุกขณะๆ
    ซึ่งพลังงานด้านบวกที่ว่านี้ มันก็เข้ากันได้ดีกับระดับความสั่นสะเทือนของพลังงานแห่งความรักซะด้วยสิ
    และมันจะทำให้ผู้ที่มีจิตใจดีงาม มีรัก มีเมตตากรุณาอยู่เป็นปกติ มีวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
    อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 26,000 ปีของโลกมนุษย์


    ส่วนผู้ที่ถูกครอบงำด้วยพลังงานแห่งความมืดทั้งหลาย รวมถึงมนุษย์ต่างดาวฝ่ายมืดเองทั้งหลาย
    ก็กำลังตกอยู่ในภาวะบีบคั้น กระแทก กระหน่ำ โดยพลังงานในโฟตอนโซนนี้อยู่
    เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงกำลังปลดปล่อยความชั่วร้ายทั้งหลาย สำแดงออกมาอย่างเต็มที่
    ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของพวกเขาจะมาถึง นอกเสียจากว่า พวกเขาจะเปลี่ยนจิตใจตัวเอง
    ให้เข้ามาสู่ด้านดีหรือด้านสว่างนี้ได้ทันเวลาเท่านั้น


    นี่ผมกำลังจะบอกว่า มนุษย์ทุกคนบนโลก กำลังอยู่ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) ไปพร้อมๆกับโลกอยู่

    http://palungjit.org/threads/2012-%...-a.217055/

    เพราะฉะนั้น ท่านอาจจะสังเกตเห็นว่า ยุคนี้ มีวิชชาความรู้ด้านจิตวิญญาณปรากฏขึ้นมากกว่ายุคก่อนๆหลายเท่าตัว

    จิตวิญญาณของชาวโลกมากมาย โหยหา และกระหายใคร่รู้ความเป็นจริงของชีวิต มากกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา
    เพราะได้รับอิทธิพลจากโฟตอนโซนนี้

    และผู้คนมากมายสามารถปฏิบัติจิตได้ก้าวหน้าเร็วขึ้น ผู้ที่ได้อภิญญามีมากขึ้นเรื่อยๆ
    เพราะพลังงานด้านบวกนี้เอื้ออำนวยให้


    และจุดสุดยอดของเรื่องจะเกิดขึ้น เมื่อมาถึงจุดศูนย์ (zero point) ซึ่งเป็นจุดที่โลกจะหยุดหมุน 1 วินาที
    จากนั้นขั้วแม่เหล็กโลกก็จะสลับด้านกัน ตรงนี้แหละ ที่พลังงานจากโฟตอนโซนจะถูกถ่ายเทลงมายังโลกเข้มข้นมากๆ
    จนดึงระดับจิตของผู้ที่ดำรงอยู่ในสภาวะแห่งความดีงามอยู่แล้ว ให้พุ่งพรวดขึ้นไปสู่มิติที่ 5


    ส่วนผู้ที่มีระดับจิตอยู่ในด้านมืด ร่างกายของพวกเขาก็จะทนทานต่อคลื่นพลังงานด้านบวกนี้ไม่ได้
    และจะต้องตายไป เขาบอกมาอย่างนั้นนะครับ


    จุด zero point ที่ว่านี้ จะเกิดขึ้นในปี 2012 และทำไมโลกถึงจะหยุดหมุนได้ อันนี้มีเนื้อหาเยอะมาก
    ผมจะบอกคีย์เวิร์ดให้ท่านไปค้นต่อเอาเองนะครับ คือ

    <!--[if !supportLists]-->
    - Schumann resonance
    <!--[endif]-->
    <!--[if !supportLists]-->- Zero point<!--[endif]-->
    <!--[if !supportLists]-->- Gregg Braden

    .........................................
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    5. เพราะว่ายุคแห่งพลังงานใหม่นี้ มันเป็นยุคที่ฝ่ายมืดกำลังพ่ายแพ้ และหมดพลังอำนาจลง
    เพราะฉะนั้น ท่านจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านดีต่างๆกำลังเกิดขึ้นบนโลกอย่างรวดเร็ว
    <!--[endif]-->
    ยุคพลังงานใหม่นี้ เริ่มต้นตั้งแต่การโคจรมาบรรจบกันเป็นรูปสามเหลี่ยมของดาวเคราะห์
    ในระบบสุริยจักรวาลของเราจำนวน 8 ดวง หรือเรียกว่า (Harmonic Convergence) ตั้งแต่ปี 1987


    บางท่านอาจจะยังนึกไม่ออกว่า อะไรที่ดีๆที่ว่านั้น มันคืออะไรบ้าง ทำไมไม่เห็นรู้เลย เอานะ


    <!--[if !supportLists]-->- การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ทำให้สงครามนิวเคลียไม่ต้องเกิดตั้งแต่ตอนโน้น<!--[endif]-->
    <!--[if !supportLists]-->- ซัดดัม ฮุดเซน เป็นไงบ้าง<!--[endif]-->
    <!--[if !supportLists]-->- ผู้นำหลายๆประเทศ ที่คอรัปชั่น ฉ้อฉน เป็นไงบ้าง<!--[endif]-->
    <!--[if !supportLists]-->- เกิดสงครามน้อยลง เมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์ยุคก่อนๆ ซึ่งไม่มีประเทศไหนเลยที่ไม่รบราฆ่าฟันกัน
    เพียงเพราะเรื่องแย่งชิงอำนาจ หรืออะไรกิ๊กๆก็อกๆกัน รวมถึงไทย จีน พม่า และก็พวกฟรั่งขี้นกทั้งหลาย
    <!--[endif]-->
    <!--[if !supportLists]-->- อื่นๆ คอยอ่านในกระทู้ครายออนของคุณ LadyofLight นะครับ<!--[endif]-->

    และเพราะว่าฝ่ายมืดกำลังอยู่ในภาวะจนตรอก ที่ถูกบีบอัดด้วยพลังงานด้านบวกที่ว่านั้น
    นอกจากพวกมันจะกระเสือกกระสนเพื่อรักษาสถานะและอำนาจของตัวเองเอาไว้แล้ว
    พวกมันยังต้องใช้กลยุทธทุกๆวิถีทางที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ว่านั้น แบบว่าหมาจนตรอก
    และแบบว่าทิ้งทวนว่างั้นเถอะ ซึ่งกลยุทธที่ว่านี่ ก็ เช่น


    <!--[if !supportLists]-->- สื่อสารทางโทรจิตลงมาหาผู้ที่ปฏิบัติจิตบางคนบนโลก ที่กำลัง “หลง” อยู่ คำว่าหลงที่ว่านี่ก็เช่น
    หลงคิดว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่น เป็นต้น ซึ่งคนประเภทนี้มีอยู่ในวงการผู้ปฏิบัติจิตทั่วโลกนั่นแหละ
    อันนี้ก็จะถูกพวกมารเหล่านี้เอาไปใช้เป็นเครื่องมือ โดยพวกมารก็จะเสแสร้งว่าเป็นรูปธรรมชีวิตต่างมิติชั้นสูงๆ
    ที่เป็นที่รู้จักกันดีของชาวโลก เช่น เทพชั้นสูงต่างๆ

    ดังนั้น ก็ไม่ใช่ว่าทุกๆข้อความที่สื่อสารมาจากนอกโลกนั้นจะเชื่อถือได้หมดหรอกนะครับ มันมีทั้งจริงทั้งหลอกเยอะแยะไป
    <!--[endif]-->

    <!--[if !supportLists]-->- ข้อความที่พวกมารเหล่านี้ปลอมตัวสวมรอยสื่อสารมา มันก็จะอ้างข้อเท็จจริงเป็นพื้นฐาน

    เช่น ปี 2012 ก็จะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นจริงๆกับโลกและระบบสุริยจักรวาลของเรา
    เพราะว่าเรากำลังอยู่ในโฟตอนโซนนั่นเอง แต่ว่าพวกมันก็จะสอดแทรกสิ่งที่มันต้องการลงไปด้วย อย่างมากมาย

    เช่น เพราะว่ามันต้องการกระแสจิตแห่งความหวาดกลัว หวั่นวิตก และประหวั่นพรั่นพรึงของเรา
    ข่าวสารที่พวกมันสื่อมา ก็จะออกแนวๆด้านลบเป็นส่วนมาก เช่น จะเกิดเหตุ เภท ภัย ครั้งใหญ่หลวง จะเกิดวันสิ้นโลก
    จะเกิดอะไรต่ออะไรที่จะเป็นการล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติออกไปจากโลก เป็นต้น

    นั่นหละ จงรู้และจับสังเกตดูให้ดี ใครที่เน้นแต่จะแพร่กระจายข่าวอะไรทำนองนี้อยู่เนืองๆ

    ท่านกำลังตกเป็นเครื่องมือของมารแล้ว โดยไม่รู้ตัว

    ผมรวมถึงบางข้อความที่สื่อมาจากต่างมิติ ที่ผมเอามาโพสต์ไว้แล้วในกระทู้ “การเตรียมการฯ”ของผมด้วย
    มันก็มีบ้างที่อาจจะมาจากฝ่ายมืดหรือฝ่ายมารเหล่านี้ จงใช้วิจารณญาณให้ดี จงใช้วิจารณญาณให้ดี


    <!--[if !supportLists]-->- ในข้อเท็จจริงเดียวกันนี้ แน่นอนว่าการปรับตัวของโลกมันก็ต้องมีบ้าง การตายของผู้คนอาจจะต้องมีบ้าง
    เพราะว่าผู้คนเหล่านั้นเขาได้วางแผน และเลือกเอาไว้แล้วว่าเขาจะมาตายในสถานการณ์ไหน

    (อีกครั้งหนึ่งนะครับ ว่า ผมรู้แล้ว..ว่าพุทธเราไม่ได้สอนแบบนี้ แต่นี่คือสิ่งที่มาจากต่างมิติและอยู่นอกขอบเขตของศาสนา –
    ถ้าพูดถึงตรงนี้ หลายคนคงติดใจว่า อ้าว..ถ้านอกขอบเขตของศาสนาจริงทำไมถึงกล่าวถึงพระเจ้า
    หรือพระผู้สร้างเต็มไปหมดเลย – ผมก็จะตอบว่า ก็พวกเขาเชื่อกันอย่างนั้น และถ้าอ่านให้มากๆจะรู้ว่า
    พวกเขารู้เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด กฎแห่งกรรม และอื่นๆมากมายด้วยนะ ซึ่งศาสนาคริสต์และอิสลาม
    ไม่ได้สอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนะครับ มีนักวิทยาศาสตร์ชาวคริสต์ชั้นหัวกะทิมากมายเหลือเกิน
    ที่ยอมรับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดมานานแล้ว เพราะจำนนด้วยหลักฐานและอื่นๆ ..
    อ๊ะ..อันนี้ก็จะยาวและไปไกลอีกแล้ว พอแค่นี้ก่อนนะครับ)
    <!--[endif]-->

    เรื่องเดียวกันนี้ ฝ่ายสว่างเขาจะไม่พูดถึงในด้านลบมากนัก เขาจะเน้นด้านบวกมากกว่า
    เช่น เขาจะบอกว่าปี 2012 มันเป็นปีแห่งการยกระดับขึ้นไปสู่มิติที่ 5 ซึ่งสภาวะความเป็นอยู่ ร่างกาย
    และจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกๆคนที่เลือกที่จะยกระดับขึ้น ก็จะถูกยกระดับขึ้นโดยธรรมชาติ
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเราเองก็ต้องมีการเตรียมตัวเองให้พร้อมด้วย คือต้องกำจัดพฤติกรรมด้านลบ อารมณ์ด้านลบ
    และทัศนคติและความคิดในด้านลบออกไปให้มากที่สุด ไม่งั้นจะผ่านเข้าสู่มิติที่สูงขึ้นไม่ได้

    เน้นนะครับว่า เราต้องเป็นผู้เลือกเอง ว่าเราจะเอายังไง พวกเขาไม่อาจจะมาบังคับอะไรเราได้
    เพราะดาวเคราะห์โลกของเรา คือดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี

    มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์ใดก้ตามแต่ ที่ใช้วิธีบังคับขู่เข็ญให้กลัว หรืออื่นๆ อันเป้นการละเมิดต่อ
    อิสรภาพแห่งความปราถนาของมนุษย์เราแล้ว ท่านโปรดใช้วิจารณญาณให้จงหนัก สำหรับมนุษยืต่างดาวกลุ่มนั้น

    เพราะนั่น อาจจะไม่ใช่ฝ่ายแสงสว่างแล้วหละ

    .....................................
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    7. พลังงานแห่งความกลัวของมนุษย์ มันเป็นกระแสพลังงานที่มีระดับความสั่นสะเทือนหยาบที่สุด


    ส่วนพลังงานแห่งความรักและเมตตาของมนุษย์ คือพลังงานที่มีระดับความสั่นสะเทือนสูงที่สุด

    ทำไมถึงรู้หละใช่ไหมครับ อันนี้ผมก็ยังค้นไม่ละเอียด แต่คิดว่ามันต้องมีข้อมูลที่พิสูจน์ได้อยู่แน่นอน

    เพียงแต่ผมยังอ่านไม่หมดเท่านั้นเอง แต่ในตอนนี้ผมว่า ผมก็พอจะเทียบเคียงอะไรให้ท่านพอนึกออกได้อยู่นะครับ ลองคิดตามผมดูนะ

    - ท่านรู้ใช่ไหม๊ ว่าคลื่นสมองของมนุษย์เรา เราสามารถวัดมันเป็นค่าออกมาได้

    - ท่านรู้ใช่ไหม๊ ว่ารังสีออร่าที่เปล่งออกมาจากร่างกายของมนุษย์เรานั้น มันสามารถถ่ายภาพออกมาดูได้

    - ท่านรู้ใช่ไหม๊ ว่ารังสีออร่าที่เปล่งออกมาจากร่างกายของมนุษย์เรานั้น มันมีหลายสี และสามารถเปลี่ยนแปลงได้

    ขึ้นอยู่กับสภาวะอารมณ์ในแต่ละขณะของเรา

    - ท่านรู้ใช่ไหม๊ ว่าคลื่นความถี่ของแสงสีแต่ละสี มีค่าต่างๆกัน แสงสีแดงมีค่าความถี่ต่ำสุด สีม่วงมีค่าความถี่สูงสุด

    (อันนี้เฉพาะช่วงคลื่นที่ตามนุษย์สามารถมองเห็นได้นะครับ)

    พอจะได้ไอเดีย เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์ของมนุษย์กับระดับคลื่นความถี่บ้างไหมครับ

    แต่ตัวอย่างที่ผมยกมานี่ ข้อมูลจริงๆไม่รู้จะใช่ตามนี้หรือเปล่านะ เอาเป็นว่าเทียบเคียงให้ฟังไปก่อนหนะนะครับ

    พลังงานแห่งความรัก กับพลังงานแห่งความกลัว มันเป็นสิ่งที่อยู่คนละขั้วกัน ถ้ามนุษย์คนไหนถูกครอบงำด้วยความกลัว

    แสงสว่างแห่งความรักก็จะแทรกซึมเข้ามาในจิตใจได้ยาก และสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่เป็นด้านมืดด้วยกัน

    มันก็จะหลั่งไหลมาหาเพื่อนมัน ตามกฎแห่งการดึงดูดที่ว่า สิ่งที่เหมือนกัน มันจะดึงดูดซึ่งกันและกัน

    เพราะฉะนั้น พวกเขาถึงเน้นให้เราเตรียมตัวให้พร้อม อย่าถูกครอบงำโดยฝ่ายมืดอีก


    - จงมีทัศนคติต่อตนเอง และต่อผู้อื่นในด้านบวก

    - จงเปลี่ยนพฤติกรรมและทุกสิ่งทุกอย่างมาสู่ด้านบวก
    - จงรักผู้อื่นเสมือนรักตนเอง
    - ฯลฯ


    ........................................................
     
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    • "ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน" คำนี้เป็นคำที่พบได้ทั่วไป และจากทุกๆรูปธรรมชีวิตต่างมิติที่สื่อสารทางจิตมา
    • เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีพื้นฐานมาจากแหล่งพลังงานเดียวกัน
    และรวมถึง ในระดับจิตวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานแล้วนี่ พลังงานมันไม่สามารถแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มก้อนได้
    มันสามารถแทรกซึม-ถ่ายเทข้อมูลข่าวสารไปสู่กันและกันได้

    เพราะฉะนั้น ทุกสรรพสิ่งจึงเป็นหนึ่งเดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่เราต้องตระหนักไว้ เพื่อที่จะได้มองเห็นคุณค่าของคนอื่น
    เสมอเหมือนคุณค่าของตัวเราเอง

    จงรักคนอื่นเสมอเหมือนกับรักตนเอง โดยปราศจากเงื่อนไข


    ความแบ่งแยก ว่านี่เป็นเขา นี่เป็นเรา เป็นเพียงมายาการของมิติที่ 3 นี้เท่านั้นเอง

    มีข้อเท็จจริง และสัจธรรมมากมาย ที่ผู้ที่อยู่ในมิติที่ต่ำกว่า ไม่สามารถจะเข้าใจผู้ที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าได้เลย

    แม้แต่รูปธรรมชีวิตต่างมิติ ที่อยู่ในมิติที่ 6 ก็ยังไม่สามารถเข้าใจรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่ 7 ได้เลย

    จะนับประสาอะไรกับมนุษย์เรา ซึ่งอยู่ในมิติที่ 3 จะอาจเอื้อมไปเข้าใจผู้ที่อยู่ในมิติที่ 5 และ 6 และ 7 ได้

    พวกเขาบอกว่า "มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่เธอจะเข้าใจ" ไม่ใช่แค่ว่า มันมีโอกาสน้อยมากที่เธอจะเข้าใจนะครับ

    แต่ "มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่เธอจะเข้าใจ"
    <!-- google_ad_section_end --> __________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2010
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Chayutt [​IMG]

    4. รูปธรรมชีวิตต่างมิติ บอกว่า การลงมาเกิดในร่างมนุษย์ของพวกเราตั้งแต่ภพชาติแรกๆโน่น
    เราเป็นคนเลือกลงมาเอง เพื่อมาเรียนรู้ และวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของตัวเอง

    เพราะฉะนั้น บทเรียนต่างๆ ที่จะพบจะเจอในชีวิตที่อยู่ในร่างมนุษย์นี้ เราเป็นผู้วางแผนเอาไว้เองทั้งหมด
    ร่วมกันกับคนที่เกี่ยวข้องกับเราทุกคน


    เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่รูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย ไม่สามารถมาแทรกแซงได้
    เพราะมันจะไปขัดกับบทเรียนที่ตัวเราเองได้เลือกเอาไว้แล้ว และผิดกฎจักรวาลด้วย
    เขาจะช่วยได้บ้างนิดๆหน่อยๆในอันที่จะไม่ไปขัดขวางบทเรียนนั้นๆของเรา



    ตรงนี้ก็อีกนั่นแหละ..ที่ขัดกับทางพุทธเรา..ผมก็จะบอกอีกนั่นแหละ...ว่าอย่าลืม...เรากำลังพูดถึงอะไรกันอยู่


    เพราะฉะนั้น ผมเห็นคุณอะไรนะ (อ้อคุณ WeeWee คนขี้สงสัย) ที่โพสต์ก่อนๆหน้านี้แล้วตัดพ้อต่อว่า
    ว่าหากพวกเขาจะมาช่วยจริงๆ ทำไมปล่อยให้มนุษย์ต้องทุกข์ ต้องยาก ต้องประสบชะตากรรมที่โหดร้าย ฯลฯ


    ผมก็จะตอบว่า ใครจะไปรู้ ว่าชะตากรรมนั้นๆเจ้าตัวเขาเลือกมาเองหรือเปล่า เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์นั้นๆ

    แต่คุณก็อาจจะแย้งว่า ใครจะอยากมีชะตากรรมที่โหดร้ายหละ..ผมก็จะตอบว่า เท่าที่ผมได้อ่านมานะ
    นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ จิตวิญญาณบางดวง ต้องการทำงานใหญ่และพิเศษถึงกับยอมทำอะไรที่คาดไม่ถึงมากมาย
    เอาง่ายๆนะ พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ตามนัยของพุทธนั่นหนะ ก็พอจะเป็นตัวอย่างได้บ้าง



    แต่มันก็มีประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องอยู่อีก เช่น ในระดับปรมัตแล้ว กาลเวลามันไม่มีอยู่จริง
    พวกเขาที่อยู่ในมิติสูงๆแล้วนี่ เขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับกาลเวลาที่เป็นเส้นตรงอย่างที่เรารู้จักหรอกนะครับ


    เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ ที่มันยังไม่เกิดขึ้น และกำลังเกิดขึ้นอยู่ มันได้เกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว
    เพราะว่าอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มันมีอยู่ เป็นอยู่ พร้อมกันหมด ที่นี่ และเดี๋ยวนี้
    ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงนะ แต่แนะนำให้ไปดู Clip VDO ตอน “Flatland” ของเรื่อง “What the bleep do we know?”

    (ลิงค์วีดีโอ)

    <embed src="http://www.metacafe.com/fplayer/1379186/dr_quantum_flatland.swf" wmode="transparent" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" name="Metacafe_1379186" width="400" height="345">
    [ame="http://www.metacafe.com/watch/1379186/dr_quantum_flatland/"]Dr Quantum - Flatland[/ame] - Watch more amazing videos here


    ซึ่งทุกๆเหตุการณ์ มันจะเชื่อมโยงต่อไปถึงเหตุการณ์อื่นๆเสมอ เพราะฉะนั้น เหตุอะไรที่เราเข้าใจ
    และคิดว่ามันร้ายในวันนี้ แต่ท้ายที่สุด มันอาจจะส่งผมดีตามมาก็ได้ เราอาจจะยังมองไม่เห็น แต่พวกเขาเห็น


    และอีกประเด็นหนึ่ง พวกเขารู้อยู่ว่าเรากับเขา ก็มาจากที่เดียวกัน อย่างที่ท่าน อ.โนวา อนาลัย กล่าวว่า

    “เธอไม่ใช่มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณ แต่เธอคือจิตวิญญาณที่มาหาประสบการณ์ในร่างมนุษย์”

    เพราะฉะนั้นแล้ว การมาหาประสบการณ์ในชีวิตที่อยู่ในร่างมนุษย์นี้ สำหรับพวกเขาแล้ว
    ไม่ว่าเราจะเลือกประสบการณ์ที่ดีหรือร้าย นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะไปตัดสินว่าถูกหรือผิด
    เพราะมันก็แค่ลงมาลองหาประสบการณ์เท่านั้นเอง พวกเขามีแต่จะมาช่วยให้บทเรียนที่เราได้เลือกไว้นั้น
    ให้บรรลุผลตามนั้นเท่านั้นเอง


    .....................................
    </td> </tr> </tbody></table>
    ขอคัดลอกคำอธิบายที่จะทำให้ท่านทั้งหลาย ใครที่ยังไม่เข้าใจคำว่า
    "อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต เป็นสิ่งที่มีอยู่พร้อมกันหมด" ให้ฟังหน่อยนะครับ

    ข้อความที่ผมอ้างอิงไว้ข้างบนนี้มาจากหน้าที่ 6 ของกระทู้นี้แหละ

    ส่วนข้อความที่ผมจะไปคัดลอกเอามาให้อ่าน จะเป็นของคุณ zipper
    ที่โพสต์ไว้ในนี้นะครับ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B9...ml#post2851281

    <table id="post2846273" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">14-01-2010, 11:29 PM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #8627 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->zipper<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2846273", true); </script>
    ทีมงานเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: ดวงจันทร์
    ข้อความ: 5,817
    พลังการให้คะแนน: 2316 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2846273" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->ได้อ่านที่คุณชยุตเขียนข้อความที่กระทู้อื่น อ่านแล้วเกิดแว๊บอะไรขึ้นมาก็เลยอยากมาเขียนแชร์กัน

    ตอนแรกได้เห็นคลิปวีดีโอเกี่ยวกับเรื่อง flat land

    <embed src="http://www.metacafe.com/fplayer/1379186/dr_quantum_flatland.swf" wmode="transparent" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" name="Metacafe_1379186" width="400" height="345">
    [ame="http://www.metacafe.com/watch/1379186/dr_quantum_flatland/"]Dr Quantum - Flatland[/ame]
    <table class="tborder" 425="" style="margin: 10px 0pt;" cellpadding="6" cellspacing="1"> <thead> <tr> <td class="tcat" colspan="1" style="text-align: center;">
    </td> </tr> </thead> <tbody> </tbody> </table>​
    แล้วก็ได้อ่านเจอข้อความนี้ที่คุณชยุตเขียนไว้

    "ตามนัยยะของท่าน อ.โนวา อนาลัย แล้ว ปัจจุบันคือจุดตัดของอดีตและอนาคต
    ถ้าเปลี่ยนปัจจุบัน อนาคต ก็จะเปลี่ยนด้วย"

    เลยนึกถึงคลิปเรื่อง flat land ในช่วงนาทีที่ 1:18 ถึง 1:27 ที่แสดงให้ดูว่าถ้าเอานิ้วจิ้มไปในโลก 2D แล้วสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลก 2D จะเห็นเป็นยังไง

    เลยนึกไปโยงกับคำว่า "ปัจจุบันคือจุดตัดของอดีตและอนาคต" ถ้าลองนึกไปว่า เราเป็นผู้ที่อื่นในโลก 2D เวลา/สิ่งที่ผ่านเข้ามา คือนิ้วที่จิ้มเข้ามาในโลก 2D คนที่อยู่ในโลก 2D ก็จะเห็นนิ้วในเฉพาะส่วนที่อยู่ในโลก 2D นั่นก็คือปัจจุบัน นิ้วส่วนที่จิ้มทะลุผ่านโลก 2D ไปแล้ว นั่นคืออดีต นิ้วส่วนที่กำลังจะจิ้มเข้ามา นั่นคืออนาคต

    นั่นก็คงจะเป็นภาพที่ว่า ทำไมอดีต ปัจจุบัน และอนาคตจึงอยู่พร้อมกันหมด เพราะ่ว่ามันมีของมันอยู่แล้ว เหมือนนิ้วที่จิ้มลงไป แต่เราจะเห็นเฉพาะส่วนที่อยู่ในโลก 2D จึงเห็นว่านิ้วส่วนที่จิ้มทะลุไปแล้ว มันหายไป ส่วนที่จะจิ้มลงมาก็ยังไม่มี เพราะว่ามองไม่เห็น

    เลยมองว่าอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ไม่กลับมา อนาคตก็เป็นอะไรที่ยังไม่มีจริง

    แต่จริงๆ แล้วอดีต ปัจจุบัน และอนาคตก็มีอยู่พร้อมกันเสมอ เพราะว่า นิ้วที่จิ้มทะลุไปก็ไม่ได้หายไปไหน นิ้วส่วนที่จะเคลื่อนลงมามันก็มีอยู่แล้ว

    อันนี้เป็นคำอธิบายที่ยืนอยู่บนที่ว่าอนาคตมีเส้นทางเดียวเพื่อให้เข้าใจ ง่าย ให้เห็นภาพได้ง่าย แต่จริงๆ แล้วอนาคตก็มีได้มากมายเป็นอนันต์ และเส้นทางเดินที่ว่าจะไปอนาคตในเส้นทางได้ ก็เ้ปลี่ยนเส้นทางได้เรื่อยๆ จาก ณ ปัจจุบัน
    __________________
    ดอก ไวโอเล็ตคือดอกไวโอเล็ต ดอกกุหลาบคือดอกกุหลาบ ตูม บาน เหี่ยว เฉา และโรย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อชีวิตเราเคลื่อนผ่านขั้นตอนใด ก็ขอให้เราอยู่อย่างสง่าในปัจจุบันขณะอันนิรันดร์นั้นๆ ของแต่ละขั้นตอน : อาจารย์เซนโคโช อูจิยาม่า
    <!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    </td></tr></tbody></table><!-- google_ad_section_end --> __________________
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <table id="post2846820" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">เมื่อวานนี้, 02:13 AM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #8630 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->zipper<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2846820", true); </script>
    ทีมงานเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: ดวงจันทร์
    ข้อความ: 5,817
    พลังการให้คะแนน: 2316 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_2846820" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start --> อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kindred [​IMG]
    วู้ปปี้!!! ร่างอวตารของข้าพเจ้ากลับมาแล้วคุณ zipp
    ด้วยความเมตตากรุณาของพี่ผ่อนคลาย แจ้งคุณเวบสโนว์ ให้
    เดรดขอขอบพระคุณ พี่ผ่อน และทีมงาน มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ...
    </td> </tr> </tbody></table>
    เย้ ยินดีด้วยครับ ก่อนหน้าที่จะมาโพสอธิบายเรื่องนิ้วก็พึ่งตอบเมล์คุณเดรดไปเอง ตอบช้าไปหน่อย(ถึงมาก :p )

    อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kindred [​IMG]
    และ จะเข้ามาคุยกับคุณ zipp ด้วยแหล่ะค่ะ
    จาก วิดิโอ และคำอธิบายของคุณ zipp
    เดรดนึกภาพตามว่า เวลาที่ว่า มันเป็นเส้น เส้นของเวลา
    ที่มีอดีตปัจจุบัน อนาคต ดำเนินไป ในเส้นตรงเส้นนั้น

    แบบว่า พอเราจับเส้นนี้ตั้งขึ้น จุดตัดกับ ระนาบของโลก 2D
    (มิตินี้ มีกว้าง x ยาว...ใช่ปะ แบนๆ อะ)

    นิ้วที่ว่า เหมือนเส้นตรงในแนวดิ่ง จุดที่ตัดกับระนาบ 2D จึงเป็นปัจจุบัน
    ส่วนที่อยู่เหนือ เป็นอนาคต ที่ทะลุไป เป็นอดีต เดรดเข้าใจถูกมั๊ย
    ในสิ่งที่คุณ zipp อธิบาย ตอนแรก ก็มึนๆอยู่ เลยลองนึกตามดู

    อือ...เก็ทขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ(คงใช่ ใช่มะ...?)
    </td> </tr> </tbody></table>
    ตามนั้นเลยคุณเดรด :D ตรงจุดแระ

    อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kindred [​IMG]
    คล้ายๆที่ อ.โนวา เปรียบเทียบ ภูเขาหินที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ แล้วน้ำไหล
    ไล่ลงมาทีละชั้น อันนี้ ใช่เรื่องนี้ป่าวหว่า???
    </td> </tr> </tbody></table>
    สงสัยเรื่องนี้ยังอ่านไม่ถึง ไม่คุ้นเลย เลยบอกไม่ได้ แฮ่ะๆ

    อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ kindred [​IMG]
    โห...อย่างนี้ มีแต่จุดตัด อย่างเดียวเลย นิยามของจุด จุด และจุด
    ส่วนเส้นเวลา ก็มีของใครของมัน ในช่องว่างที่ว่า มันถึงเป็นอนันต์...

    งั้นคุณzipp มาอธิบายต่อหน่อยค่ะ เกี่ยวยังงัย กับ ช่องว่าง และระยะทาง
    ที่เราคิดว่ามันมี แต่จริงๆไม่มีอะ ช่วยหน่อยเด้อ เดรดจะได้หายมึน นะ นะ
    </td> </tr> </tbody></table>
    อืม.. มันจะเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับเวลามากกว่านะ แต่มันจะเกี่ยวกับช่องว่างและระยะทางหรือเปล่าหนอ

    ตอนนี้เรายังอยู่ที่โลก 2D นะ และสมมติว่าเราจะเอาดินสอด้ามนึงที่มียางลบตรงปลายแทงทะลุผ่านโลก 2D นี้ อันนี้ต้องจินตนาการตามนะ

    เราจะเอาหัวดินสอที่ใช้เขียนจิ้มลงไปก่อน จินตนาการว่าเราอยู่ในโลก 2D เราก็จะเห็นอะไรที่เป็นวงเล็กๆ สีดำๆ เป็นคาร์บอนแล้ววงนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากที่เป็นคาร์บอนสีดำก็เป็นไม้แล้วขนาดของวงก็คงที่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจากไม้ก็กลายเป็นยาง แล้วก็หายไป

    ดินสอ 1 แท่งคือช่วงชีวิตคนเรา หัวดินสอสมมติเป็นช่วงเด็ก ปลายดินสอสมมติเป็นช่วงชรา เราที่อยู่ในโลก 2D ก็จะนึกว่าช่วงอนาคตยังไม่มี เพราะจะเห็นดินสอแค่ช่วงที่อยู่ในโลก 2D แต่จริงๆ แล้วมันก็มีอยู่ของมันครบอยู่ก่อนแล้ว

    ส่วนถ้าจะอธิบายอนาคตที่มีหลากหลายเส้นทาง ก็อาจจะเปรียบได้เหมือนกับว่า เอากิ่งไม้ที่มีหลายแขนงจิ้มลงไป พอถึงจุดแยกก็เลือกได้ว่าจะเอาแขนงไหนจิ้มลงไปในโลก 2D นั้น

    แต่ละแขนงเปรียบเหมือนอนาคตในแต่ละเส้นทาง แต่ละแขนงมีอยู่ของมันอยู่ก่อนแล้วทั้งสิ้น

    บางทีอาจจะนึกภาพเอากิ่งไม้ที่มีหลายๆ แขนงจิ้มลงไปในโลก 2D ลำบากหรือนึกภาพแล้วสับสนว่าจะเอากิ่งไม้นั้นพลิกไปพลิกมาจิ้มลงไปยังไง (มันต้องนึกเหมือนประมาณว่าเจ้า 2D นั้นอยู่ข้างในวงที่จิ้มทะลุผ่านโลก 2D ยิ่งอธิบายยิ่งงงมั๊ยเนี่ย จริงๆ มันต้องวาดรูปถึงจะเข้าใจง่ายขึ้น)

    ก็ลองนึกใหม่เป็นว่า เป็นมดที่เดินบนเส้นลวดเล็กๆ แล้วเส้นลวดนั้นก็มีจุดที่เส้นลวดเส้นอื่นมาพันอยู่ด้วยเหมือนแขนงกิ่งไม้ สมมติว่ามดตัวนั้นมองเห็นไม่ไกลมากสายตาไม่ดี เท้ามันเดินไปแตะแขนงตรงไหนก็เดินไปตามเส้นนั้นโดยไม่เห็นว่ามีแขนงอื่นเส้น ทางอื่นด้วย เจ้ามดตัวนั้นก็จะรู้สึกเหมือนว่าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆเป็นเส้นตรง แต่แท้จริงแล้วเมื่อเรามองเจ้ามดตัวนั้นเดินมันก็เดินข้ามไปมาจากแขนงโน้นไป แขนงนี้ เจ้ามดนั้นอาจจะลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลาว่าทางข้างหน้าจะมีหรือเปล่า(เปรียบ เหมือนที่เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตเป็นยังไง) แต่เราจะเห็นว่าทางเดินมันก็มีอยู่แล้วแหล่ะ แต่แค่ว่าจะเดินไปเส้นไหนเท่านั้นเอง(อนาคตที่มีอยู่แล้ว และแต่ละแขนงแต่ละกิ่งก็เป็นอนาคตของแต่ละเส้นทาง)
    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    ดอก ไวโอเล็ตคือดอกไวโอเล็ต ดอกกุหลาบคือดอกกุหลาบ ตูม บาน เหี่ยว เฉา และโรย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อชีวิตเราเคลื่อนผ่านขั้นตอนใด ก็ขอให้เราอยู่อย่างสง่าในปัจจุบันขณะอันนิรันดร์นั้นๆ ของแต่ละขั้นตอน : อาจารย์เซนโคโช อูจิยาม่า
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    </td></tr></tbody></table><!-- google_ad_section_end --> __________________
     
  7. SiwaTNa

    SiwaTNa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +5,904
    ขออนุโมทนา กับความเพียรในการสื่อสารกับเพื่อนๆที่ยังอ่่อนด้อยความเข้าใจ จากนี้จะพยายามติดตามและพัฒนาจิตใจต่อไปเรื่อยๆ แม้มิอาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก้อทำให้ได้สติและไม่ประมาทดังคำพุทธองค์ต่อไป จะคอยเป็นกำลังใจให้นครับ สูัๆๆๆ
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    เรื่องโฟตอนโซน (photon zone) เข้าไปอ่านได้ในนี้นะครับ

    http://palungjit.org/threads/การเตร...างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/



    ส่วนเรื่องจุดศูนย์ (Zero point) เข้าไปอ่านในกระทู้นี้นะครับ

    http://palungjit.org/threads/zero-point-พลังงานแห่งสรรพสิ่ง.221209/
     
  9. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    จากหนังสือ CWG. เล่ม 2 หน้า 51 - 52

    นีล...ไม่เข้าใจครับ

    พระเจ้า...เธอไม่มีทางเข้าใจหรอก หมายถึงเข้าใจอย่างบริบูรณ์น่ะ แต่เธออาจเริ่มเข้าใจได้ ความเข้าใจขั้นต้นคือทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับตรงนี้

    ฉะนั้น...แค่ฟังฉัน

    "เวลา" ไม่ใช่สิ่งต่อเนื่อง แต่เป็นหน่วยของพัทธภาพที่ดำรงอยู่ในแนวตั้งมิใช่แนวราบ

    พึงอย่าเข้าใจว่าเวลาเป็นสิ่ง "จากซ้ายไปขวา" ...เป็นเส้นเวลาที่ไหลเคลื่อนจากเกิดสู่ตาย (สำหรับบุคคคล) และจากจุดที่แน่นอนจุดหนึ่งไปยังจุดที่แน่นอนอีกจุด (สำหรับเอกภพ)

    "เวลา เป็นสิ่ง "บนล่าง" ต่างหาก! ลองคิดว่าเป็นเสมือนแกนแนวตั้งซึ่งแสดงถึงปัจจุบันอันเป็นนิรันดร์ก็แล้วกัน


     
  10. chanwen

    chanwen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +62
    สวัสดีครับ
    ด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างทำให้ผมนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Deep Impact ตอนช่วงประธานาธิปดีของสหรัฐแถลงข่าวช๊อคโลกน่ะครับ(ถ้าใครเคยชมคงจะพอมองเห็นภาพนะครับ)
    และมีความรู้สึกว่าจะต้องนำมาแชร์ลงในบอร์ดด้วยน่ะครับ
    ขณะนำข้อความมาลงอย่างงงๆ
     
  11. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    ถูกต้องพ้องกันค่ะ ไม่มีอะไรที่ขัดกัน ต้องไปตามอ่านที่ คุณ zipper อธิบายไว้ค่ะ แล้วจะเข้าใจว่า มันคือสิ่งเดียวกัน สมมติเราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตใน 2 มิติ แล้วมีนิ้วจิ้มลงมา นิ้วนั้นอยู่นอกเหนือ 2 มิติของเรา

    นิ้วที่จิ้มลงมา ก็เปรียบเหมือนแกนแนวตั้ง (มันแกน xหรือแกน y อ่ะ หมวยลืม 555 เข้าใจคือไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจคือเข้าใจ ค่ะ) ที่นีลได้เขียนไว้จากการสื่อสัญญาณ เพราะฉะนั้น ถ้ามองจากมิติของเรา ทุกอย่างจึงเกิดขึ้นพร้อมกันหมด

    คำว่า ซ้ายไปขวา ก็คือ Linear ตามวิถีของเราในมิติเรานี่ บนลงล่าง ที่จิ้มทะลุลงมาบน ซ้ายไปขวา จึงเกิดจุดตัด จุดซ้อนทับ

    ความเข้าใจในเรื่องนี้ เป็นแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น เนื่องจากเรายังทำความเข้าใจในฐานะมนุษย์กายเนื้อแบบ Linear


    *0*

    ขอเสริมอีกนิด ว่า เส้นที่เราพูดถึง มันก็คือ จุดๆๆๆๆ หรือ "หน่วย" นั่นเอง ที่เรียงต่อกันซะจนเนียนนนน(ยืมแจ้เดรดมา อิอิ)ต่อเนื่องกันจนความคิดเชิง Linear ของเราเห็นว่ามันดำเนินไปเป็นเส้นลำดับก่อนหลัง นี่พูดถึงแค่เส้นมิติของเวลา เส้นเดียวนะเนี่ยะ นิ้วเดียว จุดตัดจากการเรียงตัวของหน่วยของพัทธภาพเพียงชนิดเดียว แล้วลองคิดดูซิว่า ถ้ามีเป็นอนันต์ล่ะ หุหุ ขอกรี๊ดค่ะ กรี๊ดๆๆๆ *0*

    แล้วหมวยก็คิดว่า ไอน์สไตน์ ชนะ นีล บอร์ห ตอนแข่งขันกัน ซึ่งดูเหมือนว่า ไอน์สไตน์ จะพิสูจน์ ไม่ได้ แต่ความจริงแล้ว ไอน์สไตน์เริ่มมองเห็นได้ไกลกว่านีล บอร์ห ต่างหาก จึงถอยออกมาเหมือนยอมแพ้นีล บอร์ห แต่ที่จริงไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ ต่อให้นีล บอร์ห พิสูจน์ จนเป็นบ้า ก็ยังค้นหาได้ไม่หมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2010
  12. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    I amar prestar aen, han mathon ne nen, han mathon ne chae a han noston ned 'wilith.

    ภาษาเอลฟ์หรือเปล่าคะ
    ไม่รู้ความหมาย แต่สื่อว่าเสมือนเสียงดนตรีทิพย์
    บอกความหมายได้ไหมเอ่ย
     
  13. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    ใช่ค่ะ ภาษาเอลฟ์ แปลว่า

    "The world is changed; I can feel it in the water, I can feel it in the earth, I can smell it in the air."

    ขอบคุณค่ะพี่ *0*
     
  14. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เพิ่งตื่นจ้า
    มาวิ่งตามคุณชยุตกับน้องๆ ด้วยคนนะ
    Creator works in a mysterious way.
    กำลังถูกผลักดันให้ทำงานระบบอยู่
    ถ้าเป็นงานระบบจริงจะรู้ผลเร็วๆ นี้ แล้วค่อยเล่าเมื่อถึงเวลาค่ะ ไม่นานเกินรอ (ไม่เกินหนึ่งเดือน)

    ด้วยรัก แด่มวลมนุษยชาติ สายน้ำและผืนดิน
    บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินใบนี้...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2010
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ขออนุโมทนามหาอนุโมทนากับคุณชยุต ที่นำบทความดีๆ มาให้อ่านกันครับ






    ข้อความนี้ดีมีประโยชน์มากครับ

    ท่าน อ.โนวา อนาลัย กล่าวว่า

    “เธอไม่ใช่มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณ แต่เธอคือจิตวิญญาณที่มาหาประสบการณ์ในร่างมนุษย์”
     
  16. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    ท่าทางอาการจะหนัก
     
  17. mooing2546

    mooing2546 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +571
    มาช่วยดันกระทู้ค่ะ
     
  18. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    ทีแรก นึกว่าเข้ามาผิดห้อง
    แหวกผักตบชวา ออกมาเจอกระทู้คุณชยุต .. อ๋อ...ไม่ผิด
    ค่อยยังชั่วหน่อย ว่าแต่ คุณชยุต หลุดโค้งไปไหนเนี่ย
    :'(
     
  19. TeachMe

    TeachMe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +117
    หมกมุ่นเรื่องนี้ด้วยตัวเองมานานครับ ข้อมูลส่วนมากก้อหาเจอในยูทูบ แล้วก้อแวะมาดูในเมืองไทยว่ามีใครสนใจบ้าง โชคดีมาเจอเวบพลังจิตนี่ละครับ เลยได้รู้ว่ามีคนเหมือนเราอยู่เยอะจัง ตอนผมเริ่มสนใจตอนแรกๆก้อรุสึกตื่นเต้นปนกลัวนิดๆแทนคนที่รักครับ(เหนื่อย มะได้นอน) แต่จริงๆก้อไม่ได้กลัวอะไรครับ เพราะผมมีพระรัตนไตรเปนที่พึ่งทางจิต และรู้วิธีใช้อำนาจนี้เพื่อนำพลังจักวาลที่มีมาทำอำนาจมืดให้คลายหรือเปลี่ยนเปนสว่างได้(พระที่เคารพมากสอนมาครับ) ได้ผลจริงๆครับ นี่ไงครับ ผมกำลังสื่อสารกับญาตๆของผมด้วยความหวังดี และก้อได้รับความหวังดีจากญาตๆของผมผ่านช่องทางนี้ด้วย ขอบคุณครับพี่ Chayutt

    พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นหูที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นกายที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นใจที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง
    พระไตรปิฏก เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง

    จากวัดสามแยก
     
  20. TeachMe

    TeachMe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +117
    จริงๆแล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทุกศาสนาแหละคับ เพียงแต่ว่าคำสอนในศาสนาต่างๆถูกทำให้เข้าใจผิดโดยอำนาจมืดมานาน ใครพอจะพ้นจากอำนาจเหล่านี้ได้ก้อมาช่วยๆกันบอกความจริง ผมเองเปนคนพุทธ จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่าท่านเปนผู้สร้างหรือผู้บันญัตอะไรนะคับแต่ท่านมาบอกทางที่ควรเดินและวิธีการที่จะไปให้ถึงได้อย่างปลอดภัยด้วยกันทั้งหมดตามธรรมชาต พระพุทธเจ้าก้อเปรียบเหมือนครู พระไตรปิฏกก้อคือวิชาความรู้เรื่องกฏของธรรมชาตที่พระองมีประสปการมาด้วยตัวเอง พระสงฆคือผู้ที่สาบาญตนว่าจะทำตามที่ท่านสอนและช่วยสอนคนให้เข้าใจในพระธรรมในพระไตรปิฏกต่อไป ส่วนตัวผมเชื่อว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองคก้อคือส่วนหนึ่งของพระผู้สร้างที่จงใจส่งมาเพือเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ที่ผ่านมาพระพุทธเจ้า4พระองคก้อคือ พุทธ ซึ่งหมายถึง ความรู้ เหมือนกันหมด ผมเชื่อว่าพระพุทธเจ้าองคที่5จะเหมือนพระผู้เสร้างมาเองด้วยซ้ำ>>>ในพระไตรปิฏกท่่านสอนให้พึ่งอำนาจ พุทธ ธรรม สงฆ(พระผู้สร้าง) เพื่อนำบุญ(พลังจักวาล) มาให้พวกทิพที่เกี่ยวข้องกับเราเช่นพวก ญาต เทวดาที่รักษา(พวกเทวดาหรือพวกที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าเราขึ้นไปมีงานทำกันทุกคนส่วนมากก้อดูแลมนุษนี่แหละ เทวดา2 ต่อมนุษ1คน) เชื้อโรค และนายเวร ที่อยู่ในมิติต่างๆเพื่อสร้างมิตรในสังคมทิพ
     

แชร์หน้านี้

Loading...