ตัวรู้กับตัวคิด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Tboon, 17 ธันวาคม 2009.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ผู้ใดเห็นความยึดมากกกทุกข์มากก(ท่านย่อมเรียกว่ารู้)
    ย่อมไม่พยายามแบกเพิ่ม(ท่านว่าใครใช้รู้และคิดทำให้มันหนักขึ้นๆเป็นเหตุให้ทุกข์มาก)
    ผู้นั้นย่อมหาทางวางมันลง(ท่านย่อมเรียกว่าใช้รู้และใช้คิดให้เกิดประโยชน์เป็นใช้ให้มันเบาลงๆ)
    วางได้ก็เบาลงๆวางได้หมดคงสบ๊ายยสบาย(ท่านว่าคงไม่ต้องใช้แล้วทั้งรู้และคิด)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ธันวาคม 2009
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เป็นห่วงนะคะ กลัวจะเมาจิต เมาอาการจิต
    เรา ก็คือ เรา
    จิต ก็คือ จิต
    ถ้าวันไหนไม่มีเรา จิตก็เป็นอิสระ พ้นจากแรงดึงดูดของอวิชชาเพราะไม่มีเรา ก็ได้ ใครจะรู้
    หรืออาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้ ก็ยังไม่รู้ เดาไปก่อนก็คงไม่รู้อยู่ดี เพราะมันเป็น คิด ไม่ใช่ รู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2009
  3. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    เราเป็นเพียงสมมุติที่ใช้เรียก จิตเท่านั้น แต่ไม่ใช่จิตที่รู้อารมณ์นะ
    หลวงปู่เทศก์ ท่านเรียกว่า ใจ ครูบาอาจารย์ผมท่านก็เรียก ใจ
    คุณขวัญน่าจะเห็นสภาวะนี้แล้วนะ
    ถ้าจะเปลี่ยนคำพูดสมมุติให้เข้าใจง่ายๆประสาผู้ปฏิบัติเน้นทางจิตแบบผมคือ เขาก็คิดของเขาเอง ทำเอง เกิดเอง รู้เอง ดับเอง...นั่นแหละเราก็ดูเขาไปแล้วกัน แล้วก็แยกให้เห็นว่า เขาไม่ใช่เรา ก็ดูไปแบบนี้ เอาอะไรมาก
    ยิ่งเอามากยิ่งฟุ้งมาก ๆเรื่องเปล่าๆ ใช้ขันติมากๆแล้วกัน อย่าใช้ขันแตก หุ หุ หุ
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรา รู้
    เรา คิด

    ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร
    รู้แต่ว่า
    เวลาที่เรารู้อยู่ เราก็ไม่ได้คิด
    เวลาที่เราคิดอยู่ เราก็ไม่ได้รู้
    เราผลุบๆโผล่ เดี๋ยวก็รู้ เดี๋ยวก็คิด(ไม่รู้) สลับไปๆมาๆ
    เวลาที่เรารู้ เราจะเห็นเขา เหมือนดูหนัง
    เวลาที่เราไม่รู้ ก็ไม่มีเราแต่สงสัยจะรวมอยู่กับเขาไปซะละมั้ง (เราเผลอสติ ขาดสติ)
    รู้แค่นี้ เรียกว่า คิดมากไปไหม
     
  5. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ขอบคุณที่เป็นห่วง กลัวเรา(จิต)จะเมาจิตสังขารเมาอาการของจิต

    เราก็คือจิตผู้ปฏิบัติ เพราะเรา(จิต)ปฏิบัติทางจิต

    ถ้าวันไหนเรา(จิต)เห็นว่า ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา(จิต)
    จิตก็เป็นอิสระ พ้นจากการครอบงำของอวิชชา
    เพราะเรารู้อยู่ เห็นอยู่ว่า ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ขันธ์ ๕

    เราคือจิตผู้ปฏิบัติต้องรู้ต้องเห็นตลอดสายของการปฏิบัติ


    (smile)
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถึงคุณพี่ธรรมะสวณัง

    รับทราบค่ะ

    [​IMG]
     
  7. pao31

    pao31 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +25
    เพราะเรามี จึงมีทุกข์ ใครทุกข์ ก็เราทุกข์ไง แต่เพราะเรามันไม่จริง ทุกข์จึงไม่จริง

    จึงเรียกว่าเรามีแต่ไม่จริง เราจึงไม่มี มีใครเข้าใจบ้างไหมหนอ
     
  8. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    อยากรู้จัง คนที่ไม่คิดเลยจะเป็นอย่างไงนะ
    ทำไมกลัวความคิดกันจัง
    พูดจริง ๆ นะนี่
    ฟุ้งกับคิดมันต่างกันนะ ....
     
  9. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    ไม่รู้ซิว่าคิดมากไปหรือเปล่า นอกจากเจ้าของคิดเองถึงรู้
    แต่ก็เห็นแล้ว รู้แล้วไง เหลือแต่ละนั่นแหละ
    ละได้เมื่อไหร่สบายเมื่อนั้น
    นี่ก็ละได้แค่บางเวลาที่มีสติ เหมือนกัน
    แต่ละได้บ้างก็ยังดีกว่าละไม่ได้เลย
    พิมพ์ไปก็ยึดดีอีกแล้วเห็นไหม ...เขาถึงไม่ให้พูด หุ หุ หุ
     
  10. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    อยากรู้จัง คนที่ไม่คิดเลยจะเป็นอย่างไงนะ
    ทำไมกลัวความคิดกันจัง

    คนไม่คิดเลย ก็คนปัญญาอ่อน หรือสมองกระทบกระเทือน น่ะซิ
    หลับมันยังคิดเลย (ฝัน) ธรรมชาติมันก็ต้องคิดทั้งนั้นแหละ
    แต่จะคิดเอา...หรือไม่เอาล่ะ..
     
  11. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    อืม มันก็แค่นี้แหละ ปัญญาอ่อน ปัญญากล้า
    เอ..พระอรหันต์ท่านยังคิดอีกไหมนะ
    คิด & พิจารณา
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถ้าเป็นคนที่ภาวนาอยู่
    คนที่ไม่คิด ก็จะมีสติ รู้ ทันความทุกข์ ได้ตลอดเวลา ไง
    รู้ การทำงานของขันธ์5 ไม่ได้ร่วมทางคิดไปกับขันธ์5 ไง

    แต่ใครจะมี สติ สมาธิ ตั้งมั่น รู้ได้ตลอดเวลา ไม่มีเผลอคิดเลย ล่ะ
     
  13. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    สาธุจ้า .....
     
  14. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    พระอรหันต์ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็ทำได้ทุกอย่างตามปกติของมนุษย์
    เพียงแต่ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง คิดก็เป็นเรื่องของเขาคิด ท่านไม่ได้คิดนี่...เวลามีอารมณ์ต่างๆกระทบสติที่แกร่งกล้าก็ดีดออกไป
    ถ้าจำไม่ผิดเคยอ่านเจอหลวงตาบอกว่า พระอรหันต์ก็เป็นคนเหมือนกัน ...
    ผิดถูกขอขมาต่อพระรัตนตรัยด้วยครับ
     
  15. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    แต่ใครจะมี สติ สมาธิ ตั้งมั่น รู้ได้ตลอดเวลา ไม่มีเผลอคิดเลย ล่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    ก็พระอรหันต์ไง
     
  16. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    จะไปรู้ทันทุกข์ทำไม ไม่เข้าใจเลย ถ้าทำได้หรือทำตามที่พระพุทธเจ้าสอนจริงต้องรู้ทันในสิ่งที่ทำให้เป็นทุกข์สิ ไม่งั้นก็ต้องจมอยู่กับทุกข์อยู่ร่ำไปนะสิ ก็ไม่รู้นะเพราะคำว่ารู้ทันด้วยสตินั้น สำหรับผมต้องเห็นสิ่งที่เป็นเหตุทั้งหลายเท่านั้น ที่เหลือเรียกเกิดแล้วจึงมีสติรู้ เลยเรียกกันว่า เพียงตามรู้เท่านั้น ส่วนของท่านอื่นที่พิจารณาได้คงเห็นได้ประมาณนี้เช่นกันใช่ไหมครับ
     
  17. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    มันก็ตามรู้ทั้งนั้นแหละครับ แต่รู้ได้เร็วหรือช้าก็ขึ้นกับสติและอารมณ์ที่มากระทบ
    ถ้ารู้เท่าทันจริงๆก็มีแต่พระอริยะเท่านั้นครับ
    ตามขั้นตอนก็ต้องรู้จักทุกข์ก่อน แล้วถึงรู้เหตุแห่งทุกข์
    พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสอนอริยสัจ 4 ว่าข้อ 1 คือ ทุกข์ 2 คือสมุทัย
    แต่ก็แล้วแต่เราจะปฏิบัติครับ มันก็ผสมอยู่ด้วยกันในขันธ์ 5 นั่นแหละ
    แล้วแต่เราจะเห็นตัวไหนก่อน เท่านั้นเอง
    อย่าไปละทุกข์อย่างเดียวแล้วกัน เดี๋ยวจะยึดสุขไว้จนไปไหนไม่ได้
    ขออนุโมทนาครับ
     
  18. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ครับเมื่อเห็นทุกข์ได้ก็ควรเห็นสุขได้เมื่อละทุกข์ได้ก็ควรละสุขได้ เพราะสุขและทุกข์นั้นเป็นของคู่กัน ครับก็คงจะเป็นอย่างนั้นถ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่พระอริยะเจ้าอริยะบุคคลทำได้เท่านั้นก็สุดแล้วแต่ แต่ผมก็เชื่อว่าก่อนที่พระอริยะเจ้าอริยะบุคคลจะเป็นเช่นนั้น ก็เคยเป็นปุถุชน ก็คงเป็นเช่นท่านว่าละครับ ก็คือ เห็นอริยะสัจทั้ง ๔ แต่ปุถุชนยังทำไม่ได้เพราะองค์ประกอบหลายๆอย่างยังไม่ครบ ใช่ไหมครับ
     
  19. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    รู้เข้าไปให้ถึงปรมัตถ์ที่เรียกว่ายึดว่าปล่อย ว่าอัตตาในทุกอย่างที่เกิดขึ้นณ.ปัจจุบัน ว่าอนัตตาในทุกอย่างที่ปรากฏ ไม่ใช่แค่รู้อารมณ์

    แต่จะเรียกว่ารู้ได้ต้องรู้จักกับอารมณ์เป็นก่อนว่านามเป็นอย่างไรรูปเป็นอย่างไร อัตตาที่มีอยู่ต่อหน้าในปัจจุบันเป็นเช่นไร อนัตตาเป็นเช่นไร ฉะนั้นที่เรียกว่ารู้แบบวิปัสสนาน่ะยากมากถ้าไม่มีกำลังของสมาธิมาหนุน หรือรู้จักกับอารมณ์และขันธ์มาอย่างชำนาญ

    รู้จักกับสิ่งที่ยึดที่ปล่อยมีสภาวะเป็นอย่างไร สิ่งที่ไปรู้ยึดปล่อยอารมณ์เป็นอย่างไร
    หยั่งลงถึงปัจจุบันด้วยกำลังของสมาธิ ควบคุมการทำงานด้วยสติ ปล่อยวางด้วยปัญญา ท่านเรียกว่าพิจารณาสังขาร

    ครูบาอาจารย์ท่านถึงสอนให้ทำสมาธิเป็นบาทฐานเป็นหลักใจไว้เพื่อให้มีกำลังตั้งมั่น พร้อมด้วยสติ จึงเป็นเหตุให้เกิดปัญญา เมื่อจิตฟุ้งซ่านกลับมาทำความสงบใหม่แล้วพิจารณาไปมา

    การพิจารณาสังขารจึงไม่ง่ายอย่างที่คิดว่ารู้กัน ทั้งการพิจารณาธาตุและสังขารนั้นก็ต้องมีหลักของใจ ไม่งั้นก็จะทำได้แค่หลงในสังขารโดยที่หาทางวางสิ่งที่ยึดมั่นลงไม่เปน ปัญญาก็ไม่เกิด

    ถ้าใครคิดว่ารู้คือแค่การเข้าไปรู้อารมณ์นั้นต้องลองกับไปพิจารณาด้วยโยณิโสมนสิการ อันนั้นยังไม่ก้าวเข้าสู่วิปัสนาเพื่อให้เกิดปัญญาเพื่อความปล่อยวาง

    ที่กล่าวคือการพิจารณาสังขาร มิใช่พิจารณาธาตุขันธ์ตามที่กระผมเข้าใจ
    สิ่งที่แนะนำไม่ใช่ธรรมะมีผิดมีถูก เป็นทิฐิความเห็นโปรดพิจารณาด้วยปัญญา
    ยินดีรับคำชี้แนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ธันวาคม 2009
  20. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    ส่วนความคิด
    ท่านไม่ได้ห้ามไม่ให้คิด แต่ท่านไม่ให้คิดให้เป็นกิเลส
    ให้ใช้ความคิดให้เป็น คิดให้เป็นมรรค ให้คิดให้เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คิดเป็นธาตุเป็นขันธ์ ไม่ใช่ตัวไม่ใชตน ก็เพื่อปล่อยวางความยึดมั่นในขันธ์ทั้ง5 และทิฐิทั้งหลาย

    แต่ท่านก็ไม่ได้ให้ยึดมั่นถือมั่นในความคิดและทิฐินั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...