แจ้งปิดกระทู้ พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตะกรุดชุดสามสหายนิดหน่อยครับ

เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อหลายวันก่อนเล่นเอ็มกับสาวๆ สาวๆเค้าอยากเห็นว่าห้องผมรกแค่ไหน(ผ่านกล้องในคอมคับ) ผมก็เลยหมุนกล้องให้ดูสภาพภายในห้อง อยู่ดีๆสาวเจ้าปัญหาก็ถามขึ้นมาว่าที่ห้องบูชาเจ้าแม่กวนอิมด้วยหรอ ผมก็งง เพราะที่ห้องผมไม่ได้บูชาเจ้าแม่กวนอิม
เค้าก็บอกให้หมุนกล้องใหม่อีกรอบให้เค้าดู(เค้าไม่เชื่อว่าไม่มี เพราะเค้าบอกว่าเค้าเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม) ปรากฏว่ารอบที่ 2 ไม่มี เค้าก็เลยบอกว่าสงสัยตาฟาด ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาคิดอีกที่ผมก็นึกขึ้นได้ว่า จุดที่สาวเค้าเห็นนั้นเป็นจุดที่ผมเก็บตะกรุดชุดสามสหายไว้ ผมสงสัยว่าจะเป็นตะกรุดเมตตาอุดสีผึ้งครับ เพราะตอนที่สาวเค้าเห็นมีอาการตกใจนิดหน่อย 55 ไม่ทราบว่าเห็นอะไร

ปล.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ

 

ตะกรุดอุดสีผึ้งใครที่ได้ไปผมว่ามีประสบการณ์แปลกๆแบบนี้ทุกคนแน่นอน อิอิ

 

ส่วนมากผมใช้ในการเข้าหาผู้ใหญ่ ผู้หญิงก็มีบ้างครับ แต่จะไม่คิดเรื่องนั้นครับ
ผมจะใช้ในทางเมตตามากกว่า เพราะมีคนรักดีกว่าคนเกลียดครับ

ผมเห็นด้วยครับ

ปล.เดี๋ยวว่างๆจะเอาชุดเรื่องเงินๆทองๆมาให้ชมครับ

 

วันนี้เงียบๆเนอะ อ.นพไมุ่่อยุ่ ผมเปิดประเด็นดีกว่า

พี่ๆน้องๆศิษย์พระอาจารย์ พกอะไรของพระอาจารย์กันบ้างครับ

แน่ะๆๆ ควักออกมาโชว์กันหน่อย 55555555

พูดคุยประสบการณ์กันได้นะ เงียบเหงาจิงๆคืนนี้

 

เพิ่งกลับจากดินเนอร์กะสาวมาคร๊าบ..

ไป ๆ มา ๆ จะ 5 แล้วน่ะ

ต้องปิดรับสมัครแล้วล่ะ ไม่งั้นต้องเบิกพาราแน่ ๆ 5 55

 

ที่ติดตัวก็มี
1. กุมาร2องค์
2.กันสะท้อน(พรายน้ำ)2ดอก
3.พระสิวลี1องค์

 

พี่ขุนบอล ไม่ต้องปิดรับสมัครครับพี่ แค่พี่แนะนำมาทางนี้ก็ได้ครับพี่ 555

วันนี้เพิ่งได้รับน้องกุมาร "ผลิตโชค"มาครับ อิอิ ได้รับของแล้วนะครับอ.นพ

 

รับทราบ พรุ่งนี้จัดการให้ครับ ส่วนที่ว่างในกล่องขอดูว่าเหลือขนาดไหนนะครับ
เพราะของที่มีตอนนี้ ขนาดใหญ่มากครับ.................

 

รับทราบครับ

 

เดิมจองไว้ เขียดคำ+อุดสีผึ้ง ก็เพิ่มมหาเสน่ห์ ครบ 3 สหายนะครับ

 

ตามนั้น แต่จะมีเพิ่มหลัก ๆ เลย ก็ชุดตะกรุดสามสหาย .... ครับ

ประสบการณ์ก็ .... เยอะแยะ ถามโจอี้ดีกว่า มีไรเล่าให้โจอี้ฟังหมด

เพราะ...... ผม ขี้ลืม 55 5 5

 

แฟนๆมาแน่นห้อง เดี๋ยวนี้เล่นมาแต่อ่านไม่ post กันซะส่วนใหญ่ ไม่งั้นทะลุ 300 หน้า
ไปแล้ว เดี๋ยวขอเคลียรอะไรนิดหน่อยแล้วมาแจ้งข่าวดีครับ

 

ก่อนจะนอนวันนี้ ขอถามหน่อย ลักษณะของคนรวย มักเป็นอย่างไร
คนรวยเป็นอย่างไร นอกจากเงินเยอะ เก่งโชคดี มีอะไรบ้าง ลองดูซิว่า
เรารวยได้ไหม ถ้าเรารู้คาแร็คเตอร์ของคนรวย............

คนรวยส่วนใหญ่ที่ผมเจอ ใจกว้างและเปิดโอกาส
ความใจกว้างเปรียบเสมือนการให้โอกาสแก่ คนทั่วไป ที่ต้องการจะทำจะใช้ เปิดโอกาส
ให้คนอื่นๆได้แสดงความสามารถ ทำให้คนรวย ทำงานน้อยลง มีคนช่วยมากขึ้น มีเวลา
ที่จะไปทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้น การใจกว้างที่ให้คนอื่นทำ อาจไม่ดีเท่าทำเอง แต่เป็นการ
สอนงาน ให้คนใหม่รู้จักทำงานเป็น ไม่งั้นต้องทำเองทั้งหมด ไม่มีโอกาสไปสร้างความรวย
อย่างอื่นเพิ่มเติม
ไม่ทราบใช่หรือเปล่า คนรวยต้องใจกว้างและให้โอกาส

คนรวยส่วนใหญ่ที่ผมเจอ เป็นนักคิด
พวกนี้ มักจะคิดกว้างคิดไกล คิดแบบไม่เหมือนที่ ชาวบ้านทั่วไปไม่คิดกัน บางคนเรียกว่า
มองลอดหว่างเซียน บางคนเรียกคิดในแง่กลับ บางคนมองให้ไกลไปอีกหน่อย
ความคิดไม่เสียเงิน มีแต่เสียเวลา ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ดีกว่าการไปเที่ยวกินเหล้าเมายา
ความคิด หากฝึกเป็นประจำ จะทำให้กลายเป็นนิสัยส่วนตัว ที่เมื่อกระทบกับอะไร ความคิด
จะวิ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ความคิดส่วนใหญ่เป็นนามธรรมล้วนๆ แต่สามารถแปรสภาพมาเป็นรูปธรรมในภายหลังได้
คนรวยส่วนใหญ่ที่ผมเจอ มักเป็นนักคิดครับ

คนรวยส่วนใหญ่ ที่ผมเจอ เป็นคนช่างสังเกตุ
เป็นคนขี้สงสัย อยากรู้อยากเห็น มีมุมมองแปลกๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเดินอยู่ริมถนน
เวลาจะไปทำงาน คุณคิดหรือทำอะไรอยู่ .....................หากมีเหตุการณ์อะไรพิเศษ
เกิดขึ้นอยู่ริมถนน ที่คุณเดินผ่านมา หากถูกสอบเพื่อหาข้อมูล เพื่ออ้างอิงถึงเหตุการณ์
นั้น คุณคิดว่าคุณตอบได้ไหม เช่น คุณเดินผ่านร้านทอง เกิดมีการปล้น คุณเดินผ่านมา
โจรวิ่งโดดขึ้น รถมอเตอร์ไซค์ วิ่งผ่านหน้าคุณไป มีตำรวจมาขอสอบว่า คุณเห็นอะไรไหม
คุณจะตอบได้ไหม ...................คนรุ่นผมเขาฝึกความช่างสังเกตุกันแบบนี้ครับ
เมื่อคุณเดินผ่านรถคันหนึ่ง โดยไม่ได้จดหรือตั้งใจมอง เมื่อเดินผ่านมาแล้ว คุณตอบได้
หรือไม่ว่า รถคันนั้น สีอะไร ยี่ห้ออะไร เลขทะเบียนเท่าไร............ถ้าฝึกบ่อยๆ มันไม่ต้อง
บังคับ หรือ ตั้งใจ มันจะเห็นและจำเองโดยอัตโนมัติ หรือการฟังวิทยุพร้อมกันทีเดียว 2
เครื่อง แล้วรู้เรื่องทั้ง 2 เครื่องพร้อมๆกัน เป็นต้น
คนรวยส่วนใหญ่ ที่ผมเจอ เป็นคนช่างสังเกตุ(มาจากการฝึกฝนทั้งสิ้น มีมากน้อยก็แล้วแต่ภูมิ)

คนรวยที่ผมเจอส่วนใหญ่ ประหยัด แต่ไม่งกไม่เหนียว
คนรวยรู้จักใช้จ่าย รู้จักเลือกที่จะใช้ รู้จักที่จะจ่าย ว่าอะไรควรหรือไม่ควร สำหรับตัวเอง
และครอบครัว ไม่เกินไปสุรุ่ยสุร่าย ถือว่าตัวเองมีเงิน
คนรวยบางคน กินเงินเดือนแต่บริจาคเงินทุกเดือนเป็นแสน ..........ผมก็เจอมาแล้ว เพราะงั้น อยากรวยต้องรู้จักใช้ เอาง่ายๆก่อนละกัน ลองกลับไปที่บ้าน แล้วดูทุกซอกทุกมุมในบ้านที่ตัวเองอยู่ แล้วลองดูครับว่า อะไรที่คุณหยิบใช้ทุกวัน...........อะไรที่คุณใช้ทุกอาทิตย์ อะไรที่คุณใช้ทุกเดือน อะไรที่ปีนึงคุณใช้ที อะไรที่เป็นปีๆ ที่คุณไม่ได้เอาออกมาใช้ คุณจะเห็นเองว่าคุณเก็บอะไรไว้ อะไรที่สมควรจะเอาออกไปบริจาค หรือขาย หรือทิ้งเสีย หากประเมินแบบนี้ได้ คุณจะเริ่มรู้แล้วว่า อะไรในอนาคต ที่คุณไม่ควรจะซื้อมาอีก มันเปล่าประโยชน์ ลองดูนะครับ ตัวอย่างเช่นรองเท้า คุณมีกี่คู่ คุณใช้ประจำกี่คู่ มันเสีย มันสึกจนคุณต้องซื้อใหม่หรือเปล่า ...หรือมีเรียงเป็นแถว บางคู่ยังไม่ได้ใช้.....บางคู่คิดว่าจะเอามาใส่ออกกำลัง ตั้งแต่ซื้อมา จนถึงวันนี้เพิ่งใส่ไปครั้งเดียว............อิอิ......ไม่ได้ออกกำลังอีกเลย อย่างนี้เป็นต้น
คนรวยที่ผมเจอส่วนใหญ่ ประหยัด แค่ไม่งกไม่เหนียว

คนรวยส่วนใหญ่ที่ผมเจอ ไม่เป็นนักคิด ก็เป็นนักอ่าน นักฟัง นักดู
คนรวยที่ผมเจอมักเป็นคนไม่ค่อยว่าง หาอะไรทำเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่นเป็นนักอ่าน
พวกนี้ อ่านเก่งอ่านทุกทีทุกครั้งที่ว่าง หาอ่านเพิ่มตลอดเวลา หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือ คู่มือ เรื่องที่สนใจเฉพาะด้าน หากเป็นนักฟังก็เลือกซื้อเลือกหาฟังเอา หรือเป็นนักดู ก็หาดูหาชมไปเรื่อยๆ
ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ชอบดนตรี หาดูตามดู คอนเสิร์ท ตลอด หาแผ่น หาเทป นักร้องนักแสดง
ที่ชอบ ไม่ได้ไปสนอย่างอื่นเลย ปัจจุบัน ผ่านงานมาหลายอย่างทั้งเสมียน ครู คนงาน ช่างทำ artwork แต่ทุกครั้งกลับมาเล่น มาตกที่ดนตรีทุกที ทุกวันนี้เขาเล่นตนตรี สอนดนตรี
ทำหนังสือดนตรี มีชีวิตสบายๆไม่เครียด มีความสุขกับครอบครัว ถึงมีเงินไม่มาก แต่ผมว่าเขารวย เพราะเขามีอิสระเรื่องเวลาที่จะไปไหนมาไหนได้ตามใจ เขามีอิสระเรื่องการเงิน ที่มีเงินใช้ตลอดสำหรับเขาและครอบครัว ไม่ขาดมือ...........
การอ่าน การดู การฟัง การพูด ล้วนเป็นพื้นฐานชีวิตทั้งสิ้น เรามี 1 ปาก 2 หู 2 ตา เรารับรู้ได้จากการ มอง เห็น ได้ยิน สัมผัส รู้สึก มีแต่ทำบ่อยๆ ทำซ้ำๆ ให้เกิดขึ้นเหมือนมันทำโดยอัตโนมัติ เหมือนหัวใจ ไม่ต้องสั่ง มันเต้นเอง ถ้าทำได้ ต้นทุนของคุณก็จะสูงกว่าคนอื่นๆ
คนรวยส่วนใหญ่ที่ผมเจอ ไม่เป็นนักคิด ก็เป็นนักอ่าน นักฟัง นักดู ครับ

คนรวยในสายตาของผม
มีอิสระ เรื่อง การใช้จ่าย
มีอิสระ เรื่อง เวลา
ไม่ใช่มีเงินใช้ ไม่บันยะบันยัง
ไม่ใช่ ไม่ทำงานทำการ แต่รู้จักใช้เวลาทำงาน

คนที่อายุ ไม่ถึง 30 ต้องระวัง
มนุษย์เราเป็นสัตว์โลก ที่ใช้เวลาผูกพัน กับครอบครัว ยาวนานที่สุด อย่างน้อยก็ 20 ปี
ถึงจะแยกไปอยู่เองได้ ไปมีครอบครัวใหม่ บางคน 30 ปียังไม่หย่านม ยังต้องกลับไปพึ่ง
พ่อแม่ ยังต้องการความช่วยเหลือตลอด เพราะเราไม่ถูกสอนคิด เรื่องใช้จ่าย กันเป็นส่วน
ใหญ่ ช่วง 20-30 ปี เป็นช่วงออกจากครอบครัว เป็นช่วงที่เรียนรู้การทำมาหากิน เป็นช่วงที่
วิ่งไปสู่สังคมใหม่ สังคมคนทำงาน ไปพบกับสิ่งที่ไม่เคยพบ ไปทำงานร่วมกับคนที่ไม่รู้จัก
ไปเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร ดี ไม่ดี ในอนาคต ช่วงนี้มีส่วนด้วย ส่วนหนึ่ง..............
ช่วงนี้ หากรู้จักตัวเอง แสวงหาสิ่งที่ตัวเองยังขาดแคลน ยังต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ
หากเตรียมตัวเองได้ดี อนาคตก็จะดี ตามไปด้วย แต่หากเตรียมตัวไม่ดี เริ่มมีเงินใช้จ่าย
เอง ไม่ต้องพึ่งที่บ้าน รับแล้วไม่รู้จักใช้ ติดเหล้า ติดเที่ยว ติดสาว ต้องระวัง ช่วงนี้ใจใหญ่
มือเติบ ใจกว้าง หากไม่ระวัง คุณอาจจะต้องหนาวไปเป็น 10 ปี หากคุณลงทุนโดยไม่ละเอียด คุณอาจต้องหลบซ่อน หนี้เจ้าหนี้ หลบเจ้าของบัตรเครดิต เลี่ยงคนที่คุณไปแลกเช็ค
จะตัดสินใจ ลงทุนอะไร ต้องถามตัวเอง................
ถามตัวเอง หลายๆรอบ ว่าได้จริงไหม เสียแล้วเป็นยังไง............เสียแล้วเสียหายมากไหม
มีปัญญา หาคืนไหมในระยะสั้น ......ถ้ายังหาคำตอบไม่ได้........อย่าเพิ่งทำหรือลงทุนเด็ดขาด คุณต้องเล่นไล่จับกับหนี้ จนเหนื่อยอ่อนเลยทีเดียว ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คิด 2 ด้านตลอด
ได้แล้วป็นไง ไม่ได้แล้วเป็นไง ถามตัวเองตลอด ถามตัวเองอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายๆรอบ
หากยังมีคำถามที่คุณตอบไม่ได้ อย่าเพิ่งทำไม่ว่ามันยั่วยวนขนาดไหน
เวลาเราจะตอบคำถามอะไรมาได้ ก็เพราะคุณรู้ ถึงตอบ แต่หากตอบไม่ได้ล่ะ ทำยังไง
ผมสอนลูกทีมบ่อยๆว่า ถ้าตอบปัญหาที่ลูกทีมคุณถามคุณ ไม่ได้ แปลว่าเรื่องนี้คุณยังรู้ไม่จริง ตัวคุณเองยังต้องการ การฝึกอบรม ตัวคุณเองต้องพัฒนา ต้องหาคำตอบ เราถูกสอนให้มองด้านดี อย่างเดียว ทำแล้วได้อย่างนั้นอย่างนี้ ทำสำเร็จแล้วได้เท่านั้นเท่านี้ แต่ไม่เคยมีใครบอกคุณเลยว่า ถ้าทำไม่ได้คุณเสียอะไร คุณต้องรับผิดอีกเท่าไร มีอะไรที่คุณยัง
ต้องรับผิดชอบเพิ่มอีกหากหุ้นส่วนคุณหนีไป ฯลฯ เยอะแยะ
คนทำงานส่วนใหญ่ ดี เสีย ช่วงก่อน 30 นี่แหละครับ คนรวยเคยพูดว่า เราต้องตั้งตัวให้ได้เร็วกว่าคนอื่น เพื่อที่เราจะมีเวลาเหลือมากกว่าคนอื่น.................อย่าเสียเวลาเฮฮามากนัก
อนาคตจะเหนื่อยมากกว่าคนอื่นๆครับ
นี่คืออีกข้อหนึ่งของคนรวย

เอาเรื่องของคนรวย มาค่อยๆลงให้ไปเรื่อยๆละกัน คงใช้เวลา ประมาณ 2-3 วัน
จะค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆ ไม่เร่งนะครับ เอา วันนี้ขอต่ออีกหน่อย
คนรวยส่วนใหญ่ ถูกฝึกมาตั้งแต่ยังไม่ 6 ขวบ
คนรวยส่วนใหญ่ ถูกฝึกมาตั้งแต่อายุไม่ถึง 6 ขวบ เพราะเด็กที่อายุที่เกิน 6 ขวบ มักจะอบรมนิสัยไม่ได้แล้ว ขี้เกียจ โยกโย้ งอแง เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัวไม่เผื่อแผ่..........ฯ พวกนี้แก้ไม่ได้แล้ว นิสัยไม่ดีเหล่านี้ก็จะติดตัวไปจนเติบใหญ่ ทำให้อยู่ในสังคมได้ลำบาก และทำให้สังคมลำบากไปด้วย

เคยเดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้า แล้วเคยเห็นเด็กร้องไห้ งอแงไหมครับ จะเอาของเล่น พ่อแม่ไม่ให้ ไม่ว่าเพราะอะไร??? เด็กก็ลงไปเถือกกับพื้น ร้องลั่นห้างจะเอา พ่อแม่บางคนอาย ก็ซื้อให้ บางคนไม่มี เจ้าอารมณ์ ก็ซัดเอาซะเด็กน่วม หรือไม่ก็ถูลู่ถูกังลากออกจากห้างไป ......แก้ไม่ได้แล้ว ต้องโทษพ่อแม่ ที่ไม่รู้จักเลี้ยง อบรมแต่แรกพอเลยวัย 6 ขวบก็สอนยาก สอนไม่ได้แล้ว ที่ทำตามก็เพราะระเบียบที่กดไว้เท่านั้น เพราะงั้นเมื่อโตขึ้นระเบียบและกฏหมายคือตัว กด และดัน บุคคลนั้นๆ

สังเกตุไหมว่า พ่อแม่สมัยนี้ ไม่ได้เลี้ยงลูกเอง จ้างคนใช้มาเลี้ยง อาจใช้ชื่อดีหน่อย ว่าพี่เลี้ยงเด็ก แต่ก็เหมือนเดิม เด็กเลียนพฤติกรรมคนสอน คนที่อยู่ด้วย คนที่อยู่ใกล้ พี่เลี้ยงเป็นลาว เด็กก็กินปลาร้าเป็น พี่เลี้ยงเป็นพม่าเด็กก็พูดไทยไม่ชัด .............มีเยอะแยะไป ถ้าพี่เลี้ยงเป็นพยาบาล เป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กแบบใหม่ทันสมัยก็ดีหน่อย เขารู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมด แต่ถามตัวเองก่อนว่ามีเงิน ส่งให้ลูกเข้าไปที่แบบนี้หรือไม่

การฝึกฝนจนชำนิชำนาญ ต้องใช้เวลา .........การเลี้ยงลูกก็เหมือนกัน คนรวยบางส่วนโชคดี ครอบครัวอบอุ่นมีคนคอยสอนคอยแนะนำ บางครอบครัวอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ไม่ขาดความอบอุ่น บางครอบครัวดีกว่านั้น มีกิจการ มีการงานดี คุณภาพชีวิตดี พวกนี้ ก็สามารถเป็นคนรวยได้เร็วกว่าคนอื่นๆ
ลองถามตัวเองว่า.............เราแก่เกินไป ที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า หรือเราจะทนอยู่แบบนี้ตลอดไป หรือเราจะมุมานะเอาให้ดีกว่านี้ เพื่อทำให้ตัวเองเป็นคนรวย เราแก้อดีตไม่ได้ แต่เราแก้อนาคตได้ ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้เมื่อเราคิดได้ คำว่าเราคิดได้หมายความว่าเราผ่านกระบวนการหลายอย่างที่ทั้งเจ็บปวด เสียหาย เสียชื่อเสียง เสียความรู้สึก เสียครอบครัว แล้วค่อยคิดได้ ตรงนี้ถึงบอกกับท่านว่า เมื่อคิดได้ก็ต้องรีบ....รีบครับ อย่าเสียเวลาออกไปอีกเลย ชีวิตคนเราสั้นนิดเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับโลกใบนี้

เคยมีเทวดามาบอกว่า ถึงแม้มีเวลาอยู่ในโลกนี้เพียงแค่วันเดียว คุณก็ต้องรีบแก้ปัญหา ไม่ใช่หนีปัญหา แม้เพียงวันเดียวก็ต้องทำ จะได้ตายอย่างมีความสุข ............(ลองเปรียบเทียบกับวิถีพุทธดู)

แล้วกลับไปย้อนดูคนในครอบครัวเรา ลูกหลานของเรา ว่าเป็นไปอย่างที่ผมว่าหรือไม่ เราไปช่วยปรับช่วยแก้ไขได้หรือไม่ ถ้าได้ก็รีบทำครับ เลย 6 ขวบ แทบจะแก้อะไรไม่ได้แล้ว..................

คนรวยส่วนใหญ่ที่ผมเจอ มักถูกสอนมาแต่เด็ก ก่อนวัย 6 ขวบครับ..........

เรื่องนี้จะดีหรือไม่ดี
คุณจะไม่รู้หากคุณไม่อ่านมัน

หากอ่านแล้วคุณจะดีขึ้นหรือเลวลง
ขึ้นอยู่กับตัวคุณว่าต้องการอะไร

อนุโมทนาด้วยครับอาจารย์นพ ด้วยความนับถือ

 

ชุดใหญ่

นี่ครบชุดใหญ่เลย นะนี่
<LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

 

นี่ก็ชุดใหญ่เหมือนกัน อิอิอิ

 

อาจารย์นพมีช่าวดีอะไรมาบอกหรอครับ

 

ว๊าว ตะกรุดหนังงู พี่ห้อยไว้หลังคอหรอครับ

ผมลองพยามไว้บนคอแล้วทำไม่ได้ใหญ่ไปหน่อย

ผมเลยคาดเอ็ว... แต่สุดๆ เลยหนังงูเนี่ย ^^

 

ข่าวดีก็ คือ ท่านพระอาจารย์ ส่งขุนแผนมาให้แล้ว 20 องค์

ตะกรุดหนังเสืออีก 15 ดอก ตามจำนวนที่ทำครั้งที่แล้ว ท่านให้ผมส่งให้แก่คนที่บูชา

ไปครั้งที่แล้ว พร้อมของแถมให้อีกท่านละ 1 ชิ้นคือ ลูกอมครับ ได้มา 15 ลูกเหมือนกัน

พรุ่งนี้ ถ้าทันจะรีบส่งให้ตามที่อยู่เดิมนะครับ

ส่วนขุนแผนก้จะถ่ายรูปแล้วเอามาออกเป็นนัมเบอร์ให้บูชากัน เพราะข้างหลังคล้ายๆกัน

แต่มีที่ไม่เหมือนก็มี จะถ่ายรูปทำสัญลักษณ์ไว้จะได้ไม่ผิดกันทีหลังนะครับ

 

ขุนแผนบูชาเท่าไหร่ครับ อ.นพ

 

หุ่นพยนต์

หุ่นพยนต์ชุดนี้ เป็นชุดแรกที่พระอาจารย์ ทำขึ้นมา แล้วคนไม่สนใจ

บอกดำ น่าเกลียด ไม่สวย แต่พอมาทีหลัง มาถามหา มาขอท่านเลย

ยกให้ผมเอามาหมด แล้วบอกไม่มีแล้ว

หุ่นพยนต์ ดีสำหรับการเฝ้าบ้าน คอยปกป้องรักษาบ้านและคนที่อยู่ในบ้าน

ออกที่ ราคา 300 บาท รวมค่าส่งแล้วครับ

องค์ที่ 1