ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285

    สำหรับเครื่องมือทางการแพทย์มีท่านผู้ใจบุญเมตตาบริจาคเงินให้ทางทุนนิธิฯเพิ่มเติมอีก 5000 บาทเพื่อร่วมสมทบเพิ่มเติมในครั้งนี้ แต่ท่านไม่ต้องการให้ออกนามจริงของท่าน แต่ผมเรียกท่านว่า เฮียเว้ง ซึ่งโดยปกติเฮียก็จะร่วมบริจาคเงินให้กับทางทุนนิธิฯในทุกๆเดือนอยู่แล้วก็กราบขอขอบพระคุณเฮียมาอย่างสูงและโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยนะครับ

    โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ

    ส่วนพระพิมพ์พระกรุพระโลกอุดร(กรุเก่าหรือกรุแรก)ที่จะนำไปให้ศึกษาและชมกันในวันอาทิตย์นี้จำนวน 13 องค์ จะเป็นพิมพ์ดังรูปข้างล่างนี้ครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2009
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]<!--coloro:#2E8B57--><!--/coloro--><!--sizeo:5--><!--/sizeo-->พระครูประสาธน์วิทยาคม(หลวงพ่อนอ จันทสโร) <!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc--><!--/colorc-->
    วัดกลางท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

    [​IMG]

    [​IMG] Reduced: 91% of original size [ 701 x 600 ] - Click to view full image
    [​IMG]
    เมื่อกล่าวถึงเรื่องตะกรุดหนังหน้าผากเสือจะเว้น ไม่กล่าวถึงท่านหลวงพ่อองค์นี้ไม่ได้เลย


    <!--coloro:#0000FF--><!--/coloro-->ประวัติของท่าน <!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->ท่านเกิดเมื่อ วันอังคารที่ 31 มกราคม 2435 ตรงกับขึ้น 14 ค่ำ เดือน 3 ปีมะโรง
    ณ บ้านศาลาลอย อ.ท่าเรือ เป็นบุตรของ นายสวน นางพุฒ งามวาจา

    บรรพชา เมื่อ อายุ 17 ปี ณ วัดกษัตราธิราช
    อุปสมบท เมื่อปี 2458 ณ วัดศาลาลอย

    มรณภาพ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2521 ตรงกับขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 ปีมะเมีย
    สิริรวมอายุ ได้ 86 ปี 63 พรรษา

    โยม บิดาตั้งนามว่า "นอ" อายุได้ 7 ขวบ ได้เข้าเล่าเรียนอักขระสมัยกับพระสวย ที่เป็นหลวงลุงที่วัดกษัตราธิราช
    และได้บรรพชาเป็นสามเณรที่นั่น อายุครบบวชจึงได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดศาลาลอย
    ท่านได้เล่าเรียนวิชาอาคมกับพระอาจารย์นาค และพระอาจารย์วงษ์
    ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ที่มีอาคมแก่กล้าเป็นที่นับถือในหมู่คนทั่วไป

    โดยพระอาจารย์วงษ์เก่งทางด้านคงกระพัน พระอาจารย์นาคเก่งทางด้านมหาอุด
    โดยได้ศึกษามาจากสำนักวัดประดู่ทรงธรรมพระนครศรีอยุธยา

    ท่านได้มา เป็นเจ้าอาวาสวัดกลางท่าเรือเพราะญาติโยมที่เคยเห็นสรรพคุณของท่านมาก่อน
    ได้นิมนต์มาช่วยสร้างวัด เนื่องจากเวลานั้นวัดกลางท่าเรือเป็นวัดที่แทบจะเป็นวัดร้าง

    หลวงพ่อนอได้แสดงเด็ดเดี่ยวกับกรรมการวัดไว้ว่า
    "ไม่เป็นไร เมื่อไว้ใจให้ฉันมาช่วยสร้างวัด คอยดูนะ ฉันจะจารตะกรุดสร้างวัดให้พวกแกดู"

    การก็เป็นความจริง หลวงพ่อนอลงตะกรุดโทนตะกรุดหนังหน้าผากเสือหาเงินเข้าวัด
    สร้างโบสถ์และเสนาสนะ

    ปรากฏว่าตะกรุดของท่านท้ายิงได้ทุกดอก ยิงออกไม่ต้องเอาเงินทำบุญ

    หนังสือเครื่องรางยุคเก่าจัดลำดับให้หนังหน้าผากเสือหลวง พ่อนอ อยู่ในลำดับยอดนิยมอันดับ ๕
    แต่ปัจจุบันหลวงพ่อนอ น่าจะอยู่ในอันดับที่ 4 ครับ ตามลำดับ ดังนี้...หลวงปู่นาค - หลวงปู่บุญ -
    หลวงพ่อหว่าง - หลวงพ่อนอ - หลวงพ่อเต๋ - หลวงพ่อตาบ - หลวงพ่อคง จันทบุรี ฯลฯ >>>

    ฟอร์มมาตรฐาน ตะกรุดจะมีถักหุ้มหัวท้าย (หรือเรียกว่าลายกระสอบ) =>>
    ราคาทำบุญจากวัดดอกเล็ก 500 บาท (ประมาณปี 2480 - 2495 ถือว่าแพงมากในสมัยนั้น
    และที่สำคัญมีการลองยิงในวัดทีเดียว ขลังมากครับ) //

    หนังหน้าผากดีทางมหาอำนาจสูงมาก แต่ทั้งนี้เสือนั้นมีดี 3 อย่าง =>
    (1)...เป็นเจ้าป่า มีตบะเดชะมหาอำนาจ แค่เพียงกลิ่นสาปเสือโชยไปกระทบสัตว์อื่นเป็นต้องหวาดกลัว
    (2)...ถึงแม้เสือจะเป็นสัตว์ที่ดุและน่ากลัวแต่คนก็อยากเห็นและอยากเจอเสือ ข้อนี้ท่านว่าเป็นเมตตามหานิยมครับ
    (3)...หากินคล่องไม่มีฝืดเคืองเรื่องอาหาร //

    นอกจากตะกรุดแล้ว วัตถุมงคลที่ท่านสร้าง ยังมีอีกหลากหลาย
    ทั้งพระผง เหรียญ พระบูชา

    ที่ได้มีการนำขึ้นูลเกล้าฯถวายพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.2495 เป็นตะกรุดหน้าผากเสือ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    สมเด็จพระประธาน หลวงพ่อนอ พิเศษสุด ปี 2514

    [​IMG]

    [​IMG] Reduced: 53% of original size [ 1200 x 800 ] - Click to view full image
    [​IMG]
    ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ​

    <!--coloro:#008080--><!--/coloro-->หลวงพ่อนอท่านลงตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ถวายพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี 2495
    (จากบันทึกของสำนักราชเรขาธิการ ลงวันที่ถวาย 10 สิงหาคม 2495) //
    และพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯให้จัดไตรครองนำมาถวายหลวงพ่อนอ 1 ชุด
    ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2495<!--colorc-->
    <!--/colorc-->ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ สนามพระ

    บันทึกเพิ่มเติมเรื่องการทำตะกรุด
    แต่ เดิมหลวงพ่อสร้างจะใช้แต่หนังเสือเพียงอย่างเดียวมาทำการปลุกเสกเมื่อ
    เสร็จ ก็ทำการแจกจ่ายให้ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ในระแวกนั้นนำไปใช้พกติดตัวทำกิจวั
    ตรประจำวัน
    ทำให้ตระกรุดโดนเหงื่อโดนน้ำโดนฝน ก็ทำให้ตระกรุดเกิดความเสียหาย ยุ่ยเปื่อย เสียรูปทรงง่าย

    หลวงพ่อคงทราบจากชาวบ้านหรือลูกศิษย์ ก็จึงคิดพัฒนาโดยการนำไม้ไผ่มาเหลาไว้
    เพื่อใช้เป็นแกนกลางก่อนที่จะนำหนังเสือมาพันไว้รอบแกนไม้ไผ่อีกที
    จากนั้นจึงนำมาถักเชือกลงรัก ซึ่งต่อมายุคหลังๆ แกนกลางจะใช้ทองแดง

    คงไม่มีใครปฏิเสธ เมื่อถ้ามีโอกาสเที่ยวสวนสัตว์ หรือคนสมัยก่อนเมื่อเข้าป่า
    ก็อยากเห็นหรือเจอเสือ ในทางกลับกันในใจเมื่อเห็นก็กลัวสุดๆ

    การสร้างตระกรุดต่างๆ มีการนำวัตถุหลายๆ อย่างหลายประเภทมาสร้าง
    หนังเสือก็เป็นส่วนหนึ่งเพราะเป็นอาถรรพณ์วัตถุศักดิ์สิทธิในตัวมีทั้ง เมตตามหานิยม
    พลังมหาอำนาจ และแคล้วคลาด

    บวกกับขั้นตอนในการบรรจุวิทยาคม ของหลวงพ่อนอ
    ซึ่งขั้นตอนในการปลุดเสกไม่มีอาจารย์ท่านใดเหมือนแน่นอน
    ก่อนปลุกเสกท่านจะใช้เหล้าเพื่อบูชาครู จากนั้นตัวของท่านจะแดงมาก
    ท่านจะปิดกุฏิปลุกเสกเงียบๆ องค์เดียวอยู่ในกุฏิ

    ช่วงเวลาปลุกเสก ลูกศิษย์จะได้กลิ่นสาปเสืออบอวลทั่วทั้งบริเวณตลอด
    จนเป็นเรื่องเล่าขานสืบต่อมา ไม่รู้จบ ของพิธีกรรมปลุกเสกที่เข้มขลังในยุคนั้น

    ตระกรุดหนังเสือเป็นเครื่องรางที่มองดูผิวเผินก็ดูจะธรรมดาๆ
    แต่จริงๆ แล้วทุกท่านก็คงประจักษ์กันมานักต่อนักแล้วแม้นจะเป็นเรื่องเล่าขาน สืบต่อ
    หรือประสบการณ์กับตนเองในเรื่องของพุทธคุณไม่เป็นรองวัตถุมงคลใดๆเลย

    โดยจะเห็นได้จากปัจจุบันตระกรุดหนังเสือสำนักนี้มีราคาค่างวดสูงมากยิ่งขึ้น แรงแซงทางโค้ง
    เนื่องจากเจตนาการสร้างดี พุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ ความมาตรฐานนิยม
    ความหายาก และจะเป็นเช่นนี้ต่อไปจวบจนนิรันดร์
    บทความจาก
    AmpolJane Community
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2009
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    บทความที่ดีและไม่ควรมองข้าม พระพิมพ์สมเด็จเหล่านี้ มีของจริงและสามารถให้ดูได้ตลอดเวลาหรือตรวจเนื้อหาหรือพลังจิตขององค์ผู้เสกได้เช่นกัน ศึกษาไว้ นับว่าไม่เสียหลาย แม้บางพิมพ์เป็นพระนอกมาตรฐานวงการพระเครื่อง แต่ก็ไม่ใช่พระพิมพ์ ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านไม่ได้เสก และก็ไม่ใช่พระเก๊โดยเด็ดขาดเพียงแต่ว่า เราไปยึดติดเพียง 3 วัดเท่านั้น เหมือนกับว่าเราไปยึดติดว่าสมเด็จพระสังฆราชท่านต้องเสกพระที่วัดบวรฯ เท่านั้น ชั่วชีวิตท่าน เสกพระที่อื่นไม่มีหรือ แล้วที่วัดพระแก้วล่ะ แล้วที่พิธีต่างๆ ที่เชิญท่านเป็นองค์ประธานล่ะ แล้วที่ส่วนพระองค์ของท่านล่ะ...มีอีกเพียบ ลองอ่านดูกันครับ และก่อนอ่านบทความ ผมก็มีข้อคิดนิดนึงว่า ใครเคยเห็นหลวงปู่ทวดบ้าง มีจริงมั๊ยท่านอยู่วัดไหนล่ะ แล้วทำไมซื้อขายท่านเป็นวรรคเป็นเวร เป็นแต่เพียงคำล่ำรือ แต่ขอบอก พลัีงท่านสุดยอดมากไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน เล่นหากันตั้งแต่รุ่น 97 ที่หลวงพ่อทิมท่านเชิญ แล้วคนรุ่นก่อนไม่มีใครทำพระพิมพ์ของท่านรึ คนโบราณเค้าเก่งกว่าหลวงพ่อทิมมีถมถืด ฝากให้ช่วยพิจารณาด้วย บางทีเชื่อคนขายพระมาก ก็เลยละทิ้งของถูกไปก็มาก...ของดีของแท้ที่แผงข้างทางท่าพระจันทร์รับรองว่ายังมีอยู่เยอะครับ แต่เป็นนอกมาตรฐานเท่านั้นเอง

    บทความจากสยามอมูเล็ตพระเครื่อง

    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="95%"><tbody><tr><td style="padding: 5px;" align="left" bgcolor="#014990">พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่(4405)

    </td> </tr> <tr><td>
    </td></tr> <tr><td class="txtNormal">ลำดับต่อไปนี้เป็นการคัดลอกจาก ตำราของอาจารย์ พน นิลผึ้ง จากหนังสือทีเด็ดพระสมเด็จมาให้อ่านกัน เรื่องความรู้ตามตำรานี่หาอ่านได้ไม่ยาก สมเด็จแบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ๆดังนี้
    1. สมเด็จพิมพ์ชาวบ้าน หมาย ถึงพระสมเด็จที่ชาวบ้านที่เป็นช่าง แกะแม่พิมพ์พระถวายให้ท่าน ที่รู้จักกันทั่วไปเช่น นายเทด แห่งบ้านช่างหล่อซึ่งเป็นหลานชายของสมเด็จโตเอง นายจอน นายเจิม นายเจียน บ้านช่างหล่อ ช่างจีนมี เจ็กตง เจ็กไต๋ เจ็กกง ท่านเหล่านี้ได้แกะพิมพ์ไว้ให้ท่านหลายแบบ เช่น พิมพ์ซุ้มกอ นางพญา พระรอด พระผงสุพรรณ พระขุนแผน พระเม็ดขนุน พระกลีบบัว พระหลวงพ่อโต พระข้างเม็ด พระพิมพ์เล็บมือ พิมพ์ขอบกระด้ง หน้าโหนกอกครุฑไกเซอร์ กลักไม้ขีด ว่าวจุฬา(คล้ายพิมพ์อกครุฑเศียรบาตร) นักเลงโต เศียรโล้น ซุ้มระฆัง ปิดตา หูไห และพิมพ์สี่เหลี่ยมชิ้นฟักอีกหลายพิมพ์ ซึ่งเป็นฝีมือแกะของช่างชาวบ้านทั้งสิ้น บางพิมพ์ดูตลกเลยเรียกว่าพิมพ์ตลกไปเลยก็มี พิมพ์ไม่สวยไม่ได้สัดส่วนไม่ปราณีตงดงาม ส่วนผสมไม่ค่อยดีจึงร้าวง่าย แตกหักเปราะง่าย จึงไม่นิยมกันจะมีเหลืออยู่บ้างก็น้อยมาก
    2.สมเด็จวังหน้า กรม พระราชวังบวรวิชัยชาญทรงให้เจ้าฟ้าอิศราพงศ์และช่างของพระองค์แกะพิมพ์ถวาย สมเด็จโตทำแจกพระประยูรญาติและเจ้านายผู้ใหญ่ ข้าราชบริภารในวังหน้า สมเด็จวังหน้ามีอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์เช่น พิมพ์เทวดาทรงเครื่อง พิมพ์ซุ้มระฆัง พิมพ์กลีบบัว พิมพ์เศียรโล้น พิมพ์อุ้มบาตร พิมพ์ปิดตา พิมพ์ข้างเม็ด พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโต บางพิมพ์ฝังอัญมณี มีจารึกไว้ข้างหลังและพิมพ์สี่เหลี่ยมชิ้นฟัก พิมพ์นี้ค่อนข้างมาก มีการลงลักปิดทอง ปัจจุบันลักทองล่อนออกแล้ว พระพิมพ์ชุดนี้เป็นยุคกลางสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯและพระบาทสมเด็จพระ ปิ่นเกล้าฯพิมพ์จะสวยกว่าพิมพ์ชาวบ้าน ทำที่วังหน้าโดยเอาผงวิเศษมาทำแล้วให้ท่านปลุกเศกอีกครั้งก่อนแจก
    3.สมเด็จวังหลัง กรมหมื่นอดุลย์ลักษณสมบัติ์ สมัยรัชกาลที่4 ทรงให้เจ้ากรมช่างสิบหมู่ หลวงวิจิตรนฤมล (พึ่ง จิตรปฏิมากร) แกะพิมพ์ลักษณะสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก ถวายสมเด็จโต เป็นพิมพ์ทรงชลูด ทรงต้อลังกา ทรงกรวย ทรงโย้เกศเอียง พิมพ์จะลึกกว่ายุคต้น องค์พระเส้นซุ้มเล็กโปร่งบาง เน้นความเรียบร้อย ความอ่อนช้อยสวยงามเป็นหลัก เส้นซุ้มจะเรียบมีขนาดกลาง มักจะทารงค์ - ลงรัก - ชาด - ทอง - เทือก เพื่อรักษาเนื้อพระไม่ให้แตกหัก ปัจจุบันรักชาด ทองเทือก จะร่อนหลุดแล้ว เหลือเป็นบางจุด ทำให้พื้นผิวพระจะแตกเป็นลายงาหรือลายสังคโลก มวลสารละเอียดเพราะใช้เครื่องบดยามาบดผงพระ มีพิมพ์ที่งดงามอยู่หลายพิมพ์เช่น พิมพ์เกศทะลุซุ้ม พิมพ์ทรงเทวดา พิมพ์ทรงเจดีย์ ไม่มีฐานปิดพิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ซุ้มระฆัง เป็นต้น
    4.สมเด็จช่างหลวง หลวงวิจารณ์เจียรนัย ช่างหลวงสมัยปลายรัชกาลที่ 4 และต้นรัชกาลที่ 5 มีเรื่องเล่าว่าแต่ก่อนภรรยาของหลวงวิจารณ์เป็นคนที่เคารพนับถือสมเด็จโตมาก จะทำสำรับกับข้าวคาวหวานไปถวายสมเด็จเป็นประจำ บางครั้งดูว่าหลวงวิจารณ์จะมองว่าภรรยางมงายกับสมเด็จโตมากไป มีการพูดกระแนะกระแหนอยู่บ่อยครั้ง ต่อมาหลวงวิจารณ์ได้เบิกทองท้องพระคลังมาเพื่อจะทำเครื่องทรงประดับถวาย รัชกาลที่ 4 จู่ๆทองที่เบิกมาหายไปจากลิ้นชักที่เก็บ หลวงวิจารณ์ตกใจได้ไต่ถามคนในบ้านก็ไม่มีใครรู้เห็น จึงเป็นทุกข์กังวลกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ภรรยาจึงแนะนำให้ท่านไปหาสมเด็จโต เพื่อจับยามสามตาดู หลวงวิจารณ์ไม่มีทางใดที่ดีกว่านี้จึงให้ภรรยาทำกับข้าวคาวหวานไปถวาย สมเด็จ ก่อนที่จะพูดเรื่องของตน สมเด็จท่านรู้ด้วยญาณว่าหลวงวิจารณ์มาหาท่านด้วยเรื่องอะไร ท่านเลยแซวหลวงวิจรณ์ว่าเดือดร้อนแล้วซิถึงได้มาหา หลวงวิจารณ์ได้บอกท่านเรื่องทองคำท้องพระคลังที่เบิกมาหายไปอย่างไร้ร่อง รอย สมเด็จท่านตอบว่า คนใจไม่บริสุทธิ์ก็ทำให้ตามืดมัวสมองสับสนหลงๆลืมๆ ไปตั้งสติและทำใจให้ดีก็จะพบทองเอง ทองไม่ได้ไปไหน แต่ความเขลาทำให้มองไม่เห็น หลวงวิจารณ์กลับไปบ้านไปสวดมนต์นั่งสมาธิ แล้วมาค้นหาทองก็พบทองอยู่ในที่เดิม เรื่องแบบนี้โบราณเรียกว่าผีลักซ่อน หลวงวิจารณ์จึงเลื่อมใสศรัทธาสมเด็จโตมาก ไปมาหาสู่เอาอาหารคาวหวานไปถวายท่านพร้อมภรรยาอยู่เป็นนิจ ครั้นท่านได้ไปวัดได้ไปเห็นการทำพระสมเด็จแต่ดูพิมพ์ทรงไม่สวยไม่ถูกตามพุทธ ลักษณะ ด้วยหลวงวิจารณ์เป็นนักสะสมพระบูชาจึงรู้พุทธลักษณะที่งดงามของพระเชียงแสน สุโขทัย ลังกา อู่ทอง ลพบุรี จึงเอาแบบพุทธศิลป์ พุทธลักษณะที่งดงามของพระบูชาดังกล่าวมาแกะเป็นแม่พิมพ์พระสมเด็จถวายแด่ สมเด็จโต จนกลายเป็นพิมพ์สมเด็จที่นิยมมาถึงปัจจุบัน และยังมีน้ำมันตังอิ๊วจากจีนมาเป็นส่วนผสมเนื้อพระสมเด็จทำให้พระสมเด็จ เนือ้หนึก นุ่ม แกร่ง ไม่ร้าวไม่แปราะไม่แตกหักอีกต่อไป
    5. สมเด็จสองคลอง คือ พระสมเด็จวัดระฆังที่สมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังสี นำไปผสมกับพระสมเด็จวัดใหม่อมตะรสบางขุนพรหม เพื่อให้ครบจำนวน 84000 องค์เท่ากับพระธรรมขันธ์ตามหลักนิยมในการพระบรรจุกรุ
    6. สมเด็จตกเบ็ด คือพระสมเด็จกรุบางขุนพรหม ที่ถูกขโมยออกจากกรุก่อนเปิดกรุ เป็นพระที่อยู่ในช่วงบนหรือรอบนอกของกองพระในกรุและอยู่ในกรุได้ไม่นาน จึงมีคราบกรุน้อยและบาง การขโมยพระสมเด็จบางขุนพรหมโดยการตกเบ็ด ขโมยจะใช้ของเหนียวๆ เช่นดินเหนียว ยางไม้ กาวจิ้งจก ผูกเชือกแล้วนำไปผูกกับปลายไม้ หย่อนตกลงไปตามช่องที่เจาะ พระติดของเหนียวที่ติดขึ้นมาเรียกว่าสมเด็จตกเบ็ด
    7. สมเด็จบางขุนพรหมกรุเก่า คือสมเด็จบางขุนพรหมกรุวัดใหม่อมตะรสที่มีคนลักลอบตกเบ็ดขโมยขุด ออกมาจากเจดีย์ที่บรรจุกรุพระไว้ก่อนที่จะมีการเปิดกรุเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2500 นั่นคือพระกรุบางขุนพรหมถ้าออกมาก่อนเปิดกรุจริงเรียกว่าพระกรุเก่าทั้ง สิ้น ลักษณะของพระกรุเก่าจะมีคราบกรุน้อย บางองค์แทบจะไม่มีเลย
    8. สมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่ คือพระสมเด็จบางขุนพรหมที่เปิดจากกรุบางขุนพรหม เมื่อพ.ศ. 2500 เรียกกันเป็นบางขุนพรหมกรุใหม่ จะมีคราบกรุมากและหนากว่าพระกรุเก่า สมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่และกรุเก่าก็คือสมเด็จบางขุนพรหมจากกรุเดียวกันนั่น เอง
    9. สมเด็จสัตตศิริ คือพระสมเด็จที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นศิริมงคล โดยสร้างพระให้มีสีตามวันทั้ง เจ็ดวัน คือวันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีเหือง วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว วันพฤหัสสีส้ม วันศุกร์สีฟ้า วันเสาร์สีม่วง เป็นลักษณะพระสีประจำวัน แต่บางองค์จะทำองค์เดียวเจ็ดสีเลยก็มี สมเด็จสัตตศิริสร้างที่วัดพระแก้ว กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเจ้าฟ้าอิศราพงศ์แกะพิมพ์ และเอาผงสมเด็จจากวัดระฆังมาผสมในเนื้อสัตตศิริ สร้างแจกพระประยูรญาติ และเจ้านายผู้ใหญ่ คนในวังหน้า ส่วนที่เหลือได้นำไปบรรจุกรุเจดีย์ไว้ที่วัดพระแก้ว มีหลายพิมพ์ทรงตามพระวังหน้า พิมพ์ที่นิยมคือพิมพ์พระแก้วมรกต และพิมพ์เกศทะลุซุ้ม
    10. สมเด็จนางใน เรื่องสมเด็จนางในนี้ทราบว่า เมื่อครั้งสมเด็จโตได้เข้าไปเทศนาในวังสมัยรัชกาลที่ 4 ท่านได้แจกพระสมเด็จแก่คนในวังเป็นสมเด็จชิ้นฟักขนาดใหญ่ สนมนางในวังได้บอกท่านว่า ท่านทำแต่พระองค์ใหญ่ๆ เหมาะสำหรับผู้ชาย อยากให้ท่านทำพระองค์เล็กๆ ที่เหมาะแก่ผู้หญิงที่จะเอามาห้อยคอบ้าง ท่านจึงไปทำสมเด็จขนาดเล็กที่เหมาะแก่เด็กและผู้หญิง ดังเช่นพิมพ์สมเด็จแหวกม่านชั้นเดียวดูสวยงามมาก และแจกให้แก่สนมนางในไว้ใช้บูชา จึงเรียกพระสมเด็จพิมพ์นี้ว่าสมเด็จนางในนี่เอง คงจะไม่มีมากนักเพราะทำแจกแต่เพาะสนมนางในเท่านั้น
    11. สมเด็จยายจันทร์ ยายจันทร์เป็นแม่ค้าขายของอยู่แถวใกล้ๆวัดระฆัง มีฐานะยากจนแต่ใจบุญสุนทาน เอาสำรับกับข้าวมาถวายสมเด็จบ่อยๆ วันหนึ่งสมเด็จท่านถามยายจันทร์ว่าหมู่นี้ค้าขายเป็นอย่างไร ยายจันทร์ตอบว่า แย่มีแต่พอทุนและขาดทุนขายไม่ค่อยดี จึงต้องมาหาท่านบ่อยๆเผื่อจะขายของได้ดีบ้าง สมเด็จโตจึงให้พระพิมพ์ นางพญาเนื้อสมเด็จ แก่ยายจันทร์ไป แล้วบอกมาว่าต่อไปนี้คงขายของได้ดีมีกำไร รำรวยจะได้ไม่ต้องมาหาบ่อยๆ ตั้งแต่ยายจันทร์ได้ของไปก็ค้าขายร่ำรวยจริงๆ พระสมเด็จนางพญาพิมพ์นี้จึงเรียกขนานนามกันต่อมาว่า สมเด็จยายจันทร์ตั้งแต่นั้นมา
    </td></tr> <tr><td>
    </td></tr> <tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="620"><tbody><tr><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td></tr><tr><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td></tr><tr><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2009
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="95%"><tbody><tr><td style="padding: 5px;" align="left" bgcolor="#014990">พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์เจ้าเงาะ(1242)

    </td> </tr> <tr><td> </td></tr> <tr><td class="txtNormal"> ในลำดับต่อไปนี้ จะเป็นตำราเพื่อเป็นจุดสังเกตุ เพื่อดูลักษณะเด่นของพระพิมพ์ของหลวงวิจารณ์เจียรนัย ซึ่งท่านได้เข้ามาแกะพิมพ์พระสมเด็จในยุคหลัง (รุ่นสุดท้าย)
    1. เนื้อพระ จะเป็นหินเปลือกหอยดิบ หรือที่เรียกว่าปูนเปลือกหอยดิบเนื้อพระจะแน่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ไม่มีรอยแตกให้เห็น ผิวเนื้อพระจะมีสีขาวอมเหลือง หรือสีน้ำตาลอ่อน มีคราบตังอิ๊วเป็นสีน้ำตาลติดอยู่ตามผิวพระ หรือตามรอยแยกหดตัวของพระจะมีตังอิ๊วอุดอยู่ที่เราเรียกว่ารอยหนอนด้นบางคน เรียกว่ารอยปูไต่ ด้านข้างองค์ที่มีมวลสารมากๆจะหดตัวมองเป็นร่องช่องโหว่เข้าไป เนื้อพระจะมีทั้งเนื้อแน่นละเอียด และแบบหลวมหยาบเพราะมีมวลสารมาก
    2. พื้นผิวพระ สีจะออกขาวอมเหลืองหรืออมน้ำตาล ผิวจะย่นด้านหน้า เพราะเนื้อจะยุบหดตัวตรงที่มีมวลสารพระหัก มีเศษพระหัก มีพระธาตุ มีอัญมณี จะเป็นรอยยุบโบ๋ลงไปมองเห็นก้อนมวลสารนั้นได้ ถ้ามวลสารนั้นเป็นอินทรีย์สารพวกว่านไม้มงคลที่ผุพังได้ ก็จะเห็นรอยเป็นหลุมไม่มีมวลสารที่เรียกว่าหลุมโลกพระจันทร์รอยรูเข็ม ผิวพระองค์ที่สมบูรณ์จะมีรอยคราบสีขาวฝังอยู่ตามผิวพระที่เรียกว่า คราบแป้งรองพิมพ์ติดฝังอยู่ในพื้นผิวจะไม่หลุดถ้าไม่ไปขัดล้างพื้นผิวจะเป็น 3 มิติลดหลั่นกันจากนอกซุ้ม ในซุ้ม ซอกแขนและรักแร้จะเป็นสามมิติ
    ด้านหลังพระพื้นผิวจะเรียบก็ มี เป็นรอยขรุขระก็มี เป็นรอยเส้นนูนก็มี หรือที่เรียกว่ารอยกาบหมากหรือรอยกระดาน รอยกาบหมาก หรือรอยกระดานจะมีเพียงบางองค์เท่านั้น คือเกิดจากตอนที่อัดเนื้อพระลงแม่พิมพ์ เขาใช้กาบหมากหรือแผ่นกระดานปิดทับ หลังพระบนแม่พิมพ์แล้วเอาค้อนยางตอก ถ้าองค์ไหนตอกเสมอพอดีก็จะมีรอยเส้นกาบหมากเส้นเสี้ยนไม้กระดานติดอยู่ ถ้าองค์ไหนตัดไม่ลงเนื้อเกินก็จะปาดออก จะมีรอยปาดเป็นเส้นเป็นขยักที่เรียกว่ารอยขั้นบันได ด้านหลังริมขอบพระจะมีรอยแยกปริมีตังอิ๊วมาอุดอยู่ที่เรียกว่ารอยหนอนด้น บางคนเรียกรอยปูไต่ ความจริงแล้วรอยปูไต่จะเป็นหลุมเล็กๆ เป็นแนวเส้นโค้งตามด้านหลังพระ เกิดจากการปาดหลังพระก่อนถอดพิมพ์ เหมือนรอยตีนปูเวลามันเดิน รอยตีนจะเรียงเป็นเส้นโค้ง บางองค์จะมีรอยพรุนเท่ารูเข็มเรียกว่ารอยตีนปูอยู่ถ้าพระองค์นั้นใส่ อินทรีย์สารไปด้วย
    ขอบข้างพระ องค์ที่เนื้อแน่นจะมีรอยร่องยุบตัวเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีก็ได้ ส่วนองค์เนื้อหยาบมีมวลสารด้านข้างจะมีรอยยุบตัวเป็นร่อง เป็นหลุมลึก เห็นเม็ดมวลสารชัดเจน บางองค์ที่ลงลักปิดทองหรือลงเทือกชาด พอรักร่อนจะเห็นลักอุดอยู่ในร่องที่แยกออกลักษณะเหมือนหนอนด้น พระสมัยหลวงวิจารณ์ที่ลงลักไว้ผิวจะไม่แตกลายงา ลายสังคโลก
    3. ซุ้มและองค์พระ เส้นซุ้มจะหนาใหญ่ส่วนบนแคบกว่าส่วนล่าง เป็นรูประฆังคว่ำ ขอบเส้นซุ้มด้านนอกจะเอียงลาด ด้านในจะตั้งมากกว่า องค์พระพิมพ์ใหญ่จะเหมือนพระสมัยสุโขทัย พิมพ์เจดีย์จะเหมือนพระแก้วมรกต พิมพ์ฐานแซมจะเหมือนพระอู่ทองอกร่องผอมบาง พิมพ์เกศบัวตูมจะเหมือนพระเชียงแสน
    4. ตำหนิที่ซ่อนเร้น
    พิมพ์ใหญ่ มีเส้นผ้าทิพย์บางๆ ซ่อนอยู่ใต้เข่า มีหูพระลางๆ มีขอบสังฆาฏิรักแร้ขวาบางๆ หัวไหล่ขวามน หัวไหล่ซ้ายตัดเอียง ช่องรักแร้ซ้ายสูงกว่าช่องรักแร้ขวา ใต้รักแร้ขวามีรอยเข็มขีด ฐานชั้นกลางบางคนมีฐานสิงห์ชัดข้างไม่ชัดข้าง ฐานล่างหนา ตรงกลางยุบลงมองดูเป็นขอบฐาน ขอบจะชี้เข้ามุมเส้นซุ้ม
    พิมพ์เจดีย์ มีขอบสังฆาฏิขวาลากลงมาถึงท้องพระ มีหูลางๆ เกศขยักเป็นตุ่ม ขาซ้อนขัดสมาธิเพชรเห็นหัวแม่เท้า แขนท่อนบนใหญ่กว่าท่อนล่างมาก ฐานชั้นที่ 1 หัวแหลมทางด้านขวา มุมฐานล่างด้านขวาจะมีเส้นเล็กๆชี้ไปเข้ามุมซุ้ม ฐานชั้นแรกจะมีฐานแหลมข้างขวา
    พิมพ์ฐานแซม นั่งขัดสมาธิเพชร มีรอยสังฆาฏิจากองค์พระถึงเอว หูยานเกือบถึงบ่า มีเส้นแซมฐาน 1 - 2ชั้น มีทั้งอกนูนและอกร่องขอบสังฆาฏิ
    พิมพ์เกศบัวตูม พิมพ์แรกเส้นแซมบนมีรอยขาดเป็น2ท่อน พิมพ์ที่สองมีเนื้อเกินใต้แขนขวา
    พระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้ สำคัญนัก เป็นพิมพ์นิยมขอยืมหลวงปู่มาให้บรรดาศิษย์สมเด็จทั้งหลายที่เคารพนับถือท่าน ได้ชมกันในอีกสภาวะหนึ่ง นั้นก็คือสภาวะที่สมบูรณ์แบบคือเห็นแม้กระทั่งพระกรรณ์ ทั้งที่ยังคงมีแป้งรองพิมพ์จับหนาดูเหมือนพระใหม่ แล้วเราจะดูอย่างไรกับพระสมเด็จองค์นี้ว่าเป็นพระดี พระแท้ ความแปลกประหลาดของพระองค์นี้ก็คือผิวพระน่าจะดูว่าใหม่ หรือเป็นพระใหม่ก็ได้เลยไม่มีใครต่อว่า ตอนที่ผมได้ท่านมาก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเพราะก็คิดว่าเป็นพระใหม่เนื้อไม่ ถึงยุคแน่นอน ก็วางเอาไว้ดูองค์อื่นๆไปเรื่อยๆ ครั้นพอตกดึกเข้าก็เหลือบมองไปมองมาผ่านพระสมเด็จองค์นี้มองผ่านทีไรก็สะดุด ตา ก็เลยหยิบขึ้นมาพิจารณาดูเห็นขอบด้านหลังซ้ายบนเป็นสีเหลืองเหมือนน้ำมันตัง อิ้ว เลยลองใช้น้ำอุ่นลูบดูทั้งหน้าแลหลังก็เลยกระจ่างพระสมเด็จองค์นี้หากล้าง แป้งรองพิมพ์ออกแล้วละก็ผมรับรองได้เลยว่า สีของผิวพระจะเหมือนอำพันเลยละครับ คือสีของเนื้อพระจะสุกเหลืองแบบมุมบนซ้ายตลอดทั่วทั้งองค์ ส่วนด้านหลังเมื่อลูบน้ำอุ่นแล้วแลเห็นรอยแตกปริบริเวณขอบหลังของพระ การย่นยุบก็เป็นคลื่นๆธรรมชาติมาก โดยส่วนตัวแล้วอยากจะล้างเนื้อพระองค์นี้เป็นอย่างมาก เพราะรู้อยู่แก่ใจเลยละครับว่าท่านจะเป็นพระที่มีผิวสวยสุกปลั่งแบบอำพัน เพราะบริเวณหน้าอกของท่านผมลองเอามือลูบดู สีก็ออกมาเหลืองหนำซ้ำยังเห็นน้ำมันตังอิ้วออกมาเป็นสีน้ำตาลด้วย จากประสพการณ์ที่ดูมาเยอะเห็นมาแยะนี่บอกได้เลยว่าเก๊ไม่เป็นพระเนื้ออย่าง นี้ เท่านั้นแหละครับผมยกมือท่วมหัวลำลึกถึงสมเด็จโตเลย ปลื้มปิติมาก (ไม่ได้ปลื้มปิติเพราะได้พระที่มีราคาแพงๆมาครอบครองเพื่อจะได้เปลี่ยนเป็น เงินนะครับ) ดีใจที่สมเด็จท่านประทานพระพิมพ์นิยมมาให้เพื่อที่ผมจะลงเวปมาประกอบการแนะ นำ ให้ผู้ศึกษาชมกัน ว่าเออนี่ไม่ธรรมดานะองค์สวยๆเขาก็มีให้มันดูน่าเชื่อ มั่นหน่อย สำหรับพระสมเด็จองค์นี้ให้ชมในสภาพที่มีแป้งรองพิมพ์นี้เพียงชั่วระยะเดียว นะครับ ผมจะล้างผิวพระออกเพราะผมหลงไหลในสีที่สุกปลั่งเหมือนอำพันนั้น รีบๆชมกันซะต่อไปผมจะชมบ้าง
    </td></tr> <tr><td> </td></tr> <tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="620"><tbody><tr><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td></tr><tr><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td></tr><tr><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td></tr><tr><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td><td style="padding: 5px;" align="left" valign="top" width="155">[​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    อย่างที่ลงให้ดูเป็นตัวอย่าง หลายคนยังไม่เคยเห็น ดังนั้น ในวันอาทิตย์นี้ที่ รพ.สงฆ์ หลังจากเสร็จจากงานบุญของทุนนิธิฯ แล้ว พระทั้งหมด อันประกอบด้วย พระพิมพ์สกุลหลวงปู่เทพโลกอุดรทั้ง 13-15 พิมพ์ทรง พระพิมพ์สกุลกรมท่าที่เป็นเนื้อกังไส พระพิมพ์สกุลปัญจสิริบางส่วน จะนำไปสอนและให้ชมกันอีกครั้งโดยนายสติเพื่อฟื้นความรู้กัน ตลอดจนพระพิมพ์ต่างๆ ก็จะนำไปให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้ดูหรือได้ทำบุญกันครับหากว่าง เวลา 7.30 น.ไปเจอกันที่โรงอาหารของ รพ.สงฆ์ขาเข้า รพ.อยู่ซ้ัายมือสุด ขึ้นไปถวายสังฆทานอาหารเช้ากัน เสร็จแล้วค่อยมาสู่กระบวนการพบปะสังสรรค์ตามกำหนด และเรียนรู้เรื่องพระพิมพ์นอกมาตรฐาน แต่อิทธคุณขององค์ผู้เสก "เหนือจักรวาล" ครับ
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ลืมตอบไปครับ ไม่ได้แจกนานแล้วครับ แต่ถ้าทำบุญมาเรื่อยๆ สัก 4-5 เดือน ก็ให้ครับ ไม่มีปัญหา เพราะพระยังมีอยู่หลายองค์ครับ แต่เวลาทำบุญขอให้ตั้งใจช่วยพระน๊ะครับ อย่าตั้งใจเอาพระ เพราะผิดเจตนาของทุนนิธิฯ ที่สำคัญตัวผู้บริจาคเองทำบุญหวังพระก็คงได้บุญน้อยกว่าคนอื่นนา...เ้อ้า.ตั้งใจใหม่ครับไม่เป็นไร เรามาช่วยพระสงฆ์อาพาธกัน ท่านทุเลาโรค ท่านหายจากโรคเราก็ยินดี ถ้าท่านไม่หายก็ถือว่าเราได้สงเคราะห์แล้ว บุญไม่หนีไปไหน มีผู้ที่บันทึกบุญไว้แล้ว อย่างน้อยก็จิตเรานั่นเองครับ
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอขอบคุณ คุณอมริศา และน้องเอมากครับ ขอกุศลผลบุญทั้งหลายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ขอให้ทั้งสองท่านและครอบครัว ได้รับผลนั้นอย่างเต็มที่และสมบูรณ์ตลอดเวลา และตลอดกาลครับ นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ.

    [​IMG]
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    รายละเอียดของสินค้า : <table align="center" border="0" cellpadding="5" width="98%"><tbody><tr bgcolor="#f0f0f0"> <td width="22%">ราคา :</td> <td width="78%">5,000.00 บาท</td> </tr> <tr> <td>ต้องการ :</td> <td> ให้เช่า </td> </tr> <tr bgcolor="#f0f0f0"> <td>ประเภทสินค้าและบริการ :</td> <td> ศิลปะ และของเก่า </td> </tr> <tr> <td>ยี่ห้อ : </td> <td>
    </td> </tr> <tr bgcolor="#f0f0f0"> <td>รุ่น : </td> <td>
    </td> </tr> <tr> <td> : </td> <td> [​IMG]


    เห็นในเวบหนึ่ง ประกาศขายในราคานี้ แต่พวกที่ทำบุญทุนนิธิฯ ที่ รพ.สงฆ์มีกันแทบทุกคน เพราะผมออกนำมาให้บูชาเฉพาะตอนนั้น องค์ละ 200.-บาท เพื่อหาปัจจัยเข้าทุนนิธิฯ เป็นหลวงพ่อเงินที่มีกระแสพลังที่แรงมาก เพราะหลวงพ่อเงินท่านเสกที่กรุงเทพในสมัย ร.5 ทำมาจากทองเนื้อแปดที่ไม่ใช่ทองเหลือง เนื้อจะสุกและปลั่งเหมือนทองจริง และให้อาจารย์ของท่านคือท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านเสกอีก แต่ที่แปลกก็คือเม็ดกริ่งข้างในกลับเป็นของหลวงปู่อุตตระ หลวงปู่ใหญ่องค์ที่หนึ่งอาจารย์ใหญ่ ของบรมครูของพระธรรมฑูตเทพโลกอุดรทั้ง 5 องค์ ท่านเสก วันไหน สมาธิดีๆ เผลอไปจับท่าน กระแสท่านคมและเร็วมากจริงๆ แต่ต้ัองดูอย่าเอาองค์ที่เม็ดกริ่งตาย ก็แล้วกัน เดี๋ยวนี้ยังมีแหล่งให้หาของที่ท่าพระจันทร์อีกหลายร้านครับ อ้อ..เกือบลืม เมื่อคราวก่อนเจอหน้าแม่ค้าพระ ยังถูกแซวเลยว่า อาจารย์มีอีก 10 องค์เอามั๊ย...หึ ไม่เอาแล้ว มีเยอะแล้ว (พี่ใหญ่เล่าให้ฟังว่า ตอนที่เอาพระไปดูกันใหม่ๆ ตอนที่เพิ่งได้ท่านมา ปรากฏว่า ท่านมาหาด้วยองค์จริงที่บ้านแบบกายเนื้อ มาบอกว่า เดี๋ยวจะได้เงิน ปรากฏว่าอีก 2 วัน พี่ใหญ่ ได้เงินมา 2 ล้าน ก็เลยฮือฮากัน หาเก็บไว้ใช้ส่วนตัวและลูกหลานไว้ใช้กันหลายองค์ และยังคงเห็นในคอลูกศิษย์รุ่นใหญ่ของ อ.ประถมฯ ห้อยอยู่ นับว่าวางท่านไม่ลงครับ พระราคาหลักร้อยนี่ล่ะสุดยอดเหลือประมาณ)
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2009
  9. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    ขอพรนั้นกลับไปกับพี่เสือและพี่ๆทุกๆท่านด้วยเช่นกันครับ โมทนาบุญด้วยครับ สาธุๆๆๆ
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    องค์แบบนี้ล่ะ ที่ตอนนี้แขวนอยู่ในคอผมตลอด ซึ่งมีเนื้อนี้พิมพ์นี้ และเนื้ออื่นๆ ด้านหลังมีทั้งหลังเรียบ และหลัีงตามรูป แต่รุ่นนี้ เนื้อนี้ สวยสุด ก็แขวนตามประสาคนตัวใหญ่ไปยังงั้น แต่ถ้าแขวนเดี่ยวอย่างของผมก็ขอบารมีท่านข้างบนช่วยให้หน่อยเพื่อความมั่นใจและเป็นสิริมงคล ก็เลยใช้เวลาทำนานตามที่ท่านฯ กำหนด เพิ่งเสร็จเมื่อตอนออกพรรษานี่เอง กะว่าปลายปีคงได้ทำกุฎิทองคำให้ท่านอยู่ (องค์นี้จุดตายอยู่ใต้ฐานครับ)

    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="830"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="5" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#000000" height="197" valign="middle">[​IMG]
    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td align="left" valign="top">
    </td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="5" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#000000" height="197" valign="middle"> [​IMG]
    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td class="tx_4" align="left" valign="top"> [ชื่อพระ] สมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่อย่างหนา
    </td> </tr> <tr> <td class="tx_4" align="left" valign="top"> [รายละเอียด] สมเด็จ วัดระฆังองค์นี้ไม่ใช่พิมพ์พิเศษ เป็นพิมพ์ชายจีวรบางอกกระบอก พระเกศจรดซุ้ม ของช่างหลวงเจียรนัย แต่มีความพิเศษตรงที่มีการใช้เนื้อมวลสารมากและตัดอย่างหนา และการตัดก็ตัดได้อย่างประนีตเรียบร้อย บูชาองค์นี้องค์เดียวคุ้มสุดคุ้ม

    ภาพจากเวบตลาดพระ
    </td></tr></tbody></table>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2009
  11. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <TABLE class=ms10 cellPadding=2 width=560 bgColor=#f2f2e6 border=0><TBODY><TR><TD align=left width="50%">ชื่อผู้ทำรายการ Transfered By</TD><TD align=left width="50%">บุรักษ์ ศาลากิจ</TD></TR><TR><TD align=left> วัน/เวลา ทำรายการโอน Transfer Date/Time</TD><TD align=left>23/10/2009 03:56:51 PM</TD></TR><!-- From Account --><TR><TD align=left> ชื่อบัญชีส่วนตัวผู้โอน From Account Nickname</TD><TD align=left>aaa01</TD></TR><TR><TD align=left> ชื่อบัญชีผู้โอน From Account Name </TD><TD align=left>นาย บุรักษ์ ศาลากิจ </TD></TR><!-- To Account --><TR><TD> ธนาคารผู้รับโอน To Bank</TD><TD>ธ.กรุงศรีอยุธยา - BAY</TD></TR><TR><TD> ชื่อบัญชีผู้รับโอน To Account Name</TD><TD>PRATOM F. </TD></TR><TR><TD> เลขที่บัญชีผู้รับโอน To Account No. </B></TD><TD>348-1-23245-9</TD></TR><TR><TD align=left> จำนวนเงินโอน Amount ( Baht )</TD><TD align=left>500.00</TD></TR><TR><TD align=left> ค่าธรรมเนียมการโอน Transfer Fee</TD><TD align=left>25.00</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=ms10 width=560 bgColor=#d8d8b1 border=0><!-- Confirmation Reference #--><TBODY><TR><TD align=left width="50%"> หมายเลขอ้างอิงรายการ Reference No.</TD><TD align=left width="50%">tmbi1202757 </TD></TR><TR><TD align=left width=270> หมายเลขอ้างอิงระหว่างธนาคาร ORFT Ref. No.</TD><TD align=left width=290>256288182270</TD></TR></TBODY></TABLE>

    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพและพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า ไม่รู้ ไม่มี ไม่สำเร็จ จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  12. นว

    นว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +2,445
    ร่วมบุญด้วยครับ 200 บาท โอนวันที่ 23/10/52
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    แนะนำพระเครื่องดีพระสงฆ์ดีประจำวันศุกร์วันนี้มาเร็วหน่อย มาดูกันครับ พระอริยสงฆ์รูปนี้ ท่านยังมีชีวิต (ดำรงค์ขันธ์) อยู่ แต่เกศาท่าน แปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุแล้ว ไม่ต้องคิดให้มากความ ถ้าเอาตามตำราหรือตามที่พ่อแม่ครูอาจารย์เคยบอกไว้ก็คือ ท่านสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ควรแก่การบูชา และการกราบไหว้แล้ว มาอ่านบทความกันเลยดีกว่า เผื่อใครหาของๆ ท่าน มาเก็บไว้ได้เร็วในราคายังไม่แพง จะได้รีบเก็บกัน "อย่างครูบาอินทร์ วัดฟ้าหลั่ง" ที่เป็นพรอรหันต์ที่ทรงอภิญญาดั่งหลวงพ่อเกษมเป็นต้น ที่ตอนนี้ราคาเริ่มขยับบ้างแล้ว ของครูบาดวงดีก็เช่นกัน ไว้วันหล้ังจะนำมาให้อ่านกันครับ ส่วนวัตถุมงคลของท่านอริยสงฆ์ที่แนะนำในวันนี้ มีให้บูชาทางไปรษณีย์ด้วย เอ้ามือใครยาวสาวได้สาวเอาก็แล้วกัน

    หลวงปู่ครูบาบุญยืน ถาวโร พระอริยะที่ยังมีชีวิตเกศาเป็นธาตุ


    หลวงปู่ครูบาบุญยืน ถาวโร วัดสบล้อง ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ปัจจุบันท่าน อายุ ๘๒ ปี ๖๑ พรรษา

    [​IMG]

    [​IMG]

    พระ ครูถาวรธรรมวัตร หรือ หลวงปู่ครูบาบุญยืน ถาวโร ปัจจุบันหลวงปู่ท่านมีอายุ ๘๒ ปี หลวงปู่ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนองค์หนึ่งที่กราบได้อย่างสนิทใจ เวลาที่เข้าไปกราบท่านสิ่งแรกที่ท่านมอบให้ก็คือ รอยยิ้มแห่งความเมตตา ท่านจะสอนเสมอว่าให้ยิ้มเข้าไว้อย่าทำหน้าบึ้งในเวลาทำงานหรือจะค้าขายอะไร ก็แล้วแต่ หลวงปู่ท่านเป็นพระที่เรียบง่าย อยู่ง่ายๆกินง่ายๆ ที่วัดในแต่ละปีแทบจะไม่มีงานอะไรเลยเพราะหลวงปู่ท่านบอกว่า"เกรงใจศรัทธา ญาติโยมทั้งหลายเขาต้องหาเช้ากินค่ำ เวลาวัดมีงานทีก็ต้องเรี่ยไรชาวบ้านแต่ละหลังคาเรือนอีก เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องจัดดีกว่า อยู่อย่างธรรมดาง่ายๆดีแล้วไม่ต้องเดือดร้อนใคร"

    ปัจจุบันนี้เส้น เกศา(ผม)ของหลวงปู่ได้แปรสภาพเป็นพระธาตุแล้ว หลวงปู่บอกว่าเป็นไปได้หรือ?เพราะท่านไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เมื่อลูกศิษย์ลูกหาในต่างอำเภอต่างจังหวัดทราบเรื่องก็พากันเข้าไปขอกับท่าน จนไม่มีเหลือ จนท่านต้องบอกว่า "ขูดหัวให้ไม่ทันแล้ว เดี๋ยวงวดหน้าจะใช้บูชาเป็นเส้น" ทำเอาพวกที่ผิดหวังไม่ได้เกศาหัวเราะกันยกใหญ่

    ข้อมูลจาก เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม

    ถ้าใครได้ผ่านไปเที่ยวลำพูนนะครับน่าจะไปกราบท่านสักครั้งเพื่อเป็นมงคลชีวิตครับ

    แจ้งข่าวเพิ่มเติมครับตอนนี้ข้อความจากเว็บ เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม ว่า
    คณะ ลูกศิษย์ของครูบาได้ขออนุญาตท่านสร้างวัตถุมงคลอันเป็นรุ่นแรกของท่าน(กว่า ที่ท่านจะยอมให้ทำผมขออนุญาตท่านมากกว่า ๗-๘ ครั้ง)เพื่อนำออกให้บูชา ปัจจัยทั้งหมดทุกบาทถวายแด่หลวงปู่ ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด มวลสารทุกอย่างผมหาเองทั้งหมด ขณะนี้สร้างเสร็จหมดแล้วแต่ละอย่างมีจำนวนน้อยมาก หลวงปู่อธิษฐานจิตปลุกเสกให้เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหา (วันแม่) เป็นเวลา๒๐กว่านาที เกิดปาฏิหาริย์ด้วย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหาอ่านได้ใน "นิตยสารอุณมิลิต ฉบับเดือนกันยายนในคอลัมม์พระเวทย์ลานนานะครับ" หลังจากนั้นได้นำไปให้หลวงปู่เสกปิดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมี ครูบาข่าย วัดหมูเปิ้ง (องค์นี้ก็ไม่ธรรมดานะครับ) อายุ ๙๐ ปี และครูบานะ อยู่ที่ดอยอีหุ้ยได้ปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นนี้ด้วยนะครับ

    รายการวัตถุมงคลที่จัดสร้าง....

    พระผงเกศารุ่นแรกสร้าง ๔๐๐ องค์ บูชาองค์ละ ๓๐๐ บาท
    พระรอดเกศา(ขาว) รุ่นแรกสร้าง ๑๓๒ องค์ บูชาองค์ละ ๒๐๐ บาท
    พระรอดเกศา(ดำ) รุ่นแรกสร้าง ๑๓๔ องค์ บูชาองค์ละ ๒๐๐ บาท
    รูปถ่ายอัดกระจกย้อนยุคทำแบบโบราณ(หลังติดผ้าจีวรและเกศา) สร้าง ๑๐๘ องค์ บูชาองค์ละ ๕๐๐ บาท
    ตะกรุดสาริกา(คู่) ทำตามสูตรแบบโบราณที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย ทำได้ยากมาก สร้าง๕๐คู่ บูชาคู่ละ ๕๐๐ บาท

    ***ปัจจัย ทุกบาททุกสตางค์ถวายแด่หลวงปู่ทั้งหมด ผมเชื่อว่าการที่ได้ทำบุญกับพระอริยะแบบนี้ พระที่เกศาท่านขึ้นธาตุตั้งแต่ยังไม่มรณภาพแบบนี้ บุญกุศลที่ได้ผมว่ามันมากมายมหาศาลเลยนะครับ
    ท่านที่สนใจอยากจะร่วมทำ บุญกับหลวงปู่ ติดต่อได้ที่ คุณอนุพงษ์ แก้วมา โทร 084-1754573, 085-5257479 วันจันทร์-พฤหัส ขอเป็นเวลาหลัง 11.00 น. นะครับ(ผมสอนหนังสือเด็กอยู่)


    ...
    ส่วนตัวผมเองก็เช่าเก็บไว้แล้วเหมือนกันครับ เพราะได้ยินคนแถวนั้นว่าท่านเก่งเรื่องเมตตา มหานิยม ค่าขาย

    ชุดพระเกศาที่ให้บูชา

    [​IMG]

    พระผงเกศา

    [​IMG]

    พระรอดเกศา (ขาว)

    [​IMG]

    พระรอดเกศา (ดำ)

    [​IMG]

    รูปถ่ายอัดกระจก

    การทำบุญข้างต้น ผมได้คุยกับคุณอนุพงษ์แล้ว ทราบว่าตะกรุดหมดแล้ว ส่วนวัตถุมงคลอื่นๆ ยังเหลืออยู่ ส่งปัจจัยไปตามนี้เลยครับ
    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...ืน-ถาวโร-วัดสบล้อง-อ-บ้านโฮ่ง-จ-ลำพูน.204038/


    ข้อมูล up-date ครั้งสุดท้ายในบทความวันที่ 23/10/52
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2009
  14. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านนะคะ ให้น้องชายโอนเงินร่วมบุญพรุ่งนี้นะคะพี่เสือ
     
  15. Punipa

    Punipa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +57
    ดิฉันเพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้เพราะเพิ่งสมัครเป็นสมาชิก ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมบริจาก ตั้งใจว่าวันนี้จะไปโอนเงินสมทบช่วยบริจากด้วยคนค่ะ และจะแจ้งยอดบริจากเข้ามาให้ทราบหลังโอนแล้ว และจะบอกต่อๆให้เพื่อนๆช่วยบริจากด้วยค่ะ
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    จำนวนพระสงฆ์ที่จะถวายสังฆทานภัตตาหารเช้าในวันพรุ่งนี้เท่าที่ได้รับแจ้งในวันศุกร์ที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 165 รูป ส่วนภัตตาหารที่จะถวายมีทั้งหมด 4 อย่างคือ

    1. ข้าวน้ำพริกปลาทูพร้อมผักสด
    2. ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือพร้อมผักสด
    3. ข้าวไก่กระเทียมไข่ดาว
    4. ข้าวผัดปู

    ส่วนขนมก็จะประกอบด้วยขนมบราวนี่และขนมถ้วยฟู

    สำหรับใครที่ไปในวันพรุ่งนี้จะติดขนมไปฝากกันบ้างก็ได้ครับ จะได้ช่วยเหลือแบ่งๆ กันทาน ตอนที่เสร็จจากถวายสังฆทานแล้ว เพราะขนมส่วนนี้ไม่ได้ใช้เงินจากทุนนิธิฯ ในการจัดซื้อ เพียงแต่คุณเพชร เพื่อนคุณโสระรับเป็นเจ้าภาพให้ทุกครั้ง แต่คราวนี้คุณเพชรและภรรยาไม่ได้มาร่วมงานด้วย เกรงว่าจะมีทานกันไม่ทั่วถึงกัน ยังไงก็ช่วยๆ กันนิดนึง..ส่วนน้ำมีไว้ให้บริการตลอดไม่ขาดครับ

    พันวฤทธิ์
    24/10/52
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097


    พระชุดนี้คุณโสระแอบบอกมาว่า ดีทางโชคลาภและเมตตานำครับพ้ม...ใครสนใจพระที่มีเอกคุณทางด้านนี้ลองทำบุญดูกันครับ
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เห็นข้าวน้ำพริกปลาทูที่ถวายภัตตาหารทีไร อดซื้อกลับมาทานที่บ้านต่อไม่ได้สักที กล่องละแค่ 30.-บาทเอง อร่อยมาก วันนี้เลยนำข้าวน้ำพริกปลาทูสูตรของวัดอ้อน้อยมาลงให้ดูกัน (แต่รับรองที่ร้านคุณวรรณของ รพ.สงฆ์ รสชาดเด็ดขาดดีเหมือนกันครับ)

    ~ ข้าวคลุกน้ำพริกปลาทู ~
    <!-- Main -->[SIZE=-1]วันหยุดยาวกำลังจะผ่านไปแล้ว ทำไมรู้สึกเหมือนยังไม่ได้หยุดนะ
    ไม่ได้เป็นข้าราชการ ไม่งั้นคงได้หยุดต่อแล้ว[​IMG]

    เอาค่ำคืนสุดท้ายของวันหยุดนี้มาปล่อยของดองค่ะ

    [​IMG]

    เมนูของวันนี้ คือ ข้าวคลุกน้ำพริกปลาทู ค่ะ
    สูตรนี้ได้มาจากหลวงปู่วัดอ้อน้อยค่ะ แต่เชฟใหญ่ที่บ้านมาแสดงฝีมือเหมือนเดิม
    ไม่เคยกินของที่หลวงปู่ทำ ก็เลยไม่รู้ว่ารสชาติจริง ๆ จะเป็นยังไง
    วันนี้ก็เลยอร่อยตามแบบของเชฟใหญ่ค่ะ
    เพิ่มนั่นนิด นี่หน่อย ออกมาหน้าตาใช้ได้เลยแฮะ[​IMG]

    [​IMG]

    เรื่องของเรื่องคือ ได้ปลาทูแม่กลองมาค่ะ
    ของแท้ต้องหน้างอ คอหัก ใช่ป่ะ

    ไอ้เรื่องหน้างอคอหักนี่ ไม่ได้เป็นเฉพาะปลาทูแน่ ๆ เลย
    ที่ทำงานมีคนอยู่คนนึง บ้านอยู่แม่กลอง หน้างอคอหักเหมือนปลาทูเดะ ๆ
    เค้าก็แซว ๆ กันว่า สมเป็นคนแม่กลองจริง ๆ
    แต่จริง ๆ เราก็รู้นะว่า คนแม่กลองไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคนหรอก

    ปลาทูเนี่ย จริง ๆ จะทอดกินเฉย ๆ ก็อร่อยอยู่แล้ว
    แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เชฟใหญ่อยากลองของค่ะ


    [​IMG]

    เริ่มต้น ก็ทอดปลาทูก่อนค่ะ เอาให้เหลือง ๆ พอนะคะ อย่างให้ถึงกับไหม้
    กลับอีกด้าน ทอดให้สีเหลืองเสมอกัน


    [​IMG]

    ตักขึ้นมา พักไว้ก่อนค่ะ


    [​IMG]

    กุ้งแห้งตัวเล็กค่ะ ทอดสักพักค่ะ ให้หอม ๆ


    [​IMG]

    ตักขึ้นมากพักไว้ค่ะ ใช้กระดาษรองซับน้ำมันไปด้วย


    [​IMG]

    เครื่องปรุงของวันนี้ค่ะ แต่ในรูปยังขาดกะปิไปนะ ลืมเอามาเตรียมไว้ก่อน
    แล้วก็มีปลาทูแกะเอาแต่เนื้อ 1 ตัวค่ะ


    [​IMG]

    ใช้น้ำมันที่เหลือจากเมื่อกี้ค่ะ แต่ให้เหลือนิดเดียวพอนะคะ
    พริก กระเทียม ลงไปผัดค่ะ


    [​IMG]

    ใส่กะปิลงไปนิดนึง ผัด ๆ ให้มีกลิ่นหอม ๆ
    น้ำพริกเผานิดนึงค่ะ นิดเดียวพอนะคะ ไม่งั้นมันจะกลบกลิ่นกะปิ และจะหวานไปค่ะ
    ใส่ข้าวลงไปผัด ๆ ๆ
    ใส่ปลาทูลงไป คลุกสักสองสามที
    ปรุงรสค่ะ น้ำปลานิดนึง ซอสหอยนิดนึง น้ำตาลไม่ต้องนะคะ มันออกจะหวานอยู่
    อย่าลืมบีบมะนาวลงไปด้วยนะ ชอบเปรี้ยว ๆ


    [​IMG]

    ตักใส่จานค่ะ
    โรยผักชีลงไปหน่อย ให้มีสีสัน
    เสริฟพร้อมกับกุ้งแห้งทอด และหอมแดงซอย


    [​IMG]

    จานที่ทำนี้ รสชาติออกหวานไปนิดนึง
    สงสัยจะใส่พริกเผามากไปนิดนึง
    แต่ก็อร่อยนะคะ


    [​IMG]

    แถมข้าวผัดหมูให้อีกจานค่ะ เผื่อไม่ชอบจานข้างบน
    [/SIZE]
     
  19. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้ได้โอนเงินทำบุญจำนวน 11,100 บาทเข้าบัญชีของทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธฯ ไว้พรุ่งนี้ได้รายชื่อผู้ร่วมทำบุญทั้งหมดจะมาแจ้งรายชื่อให้ร่วมโมทนากันครับ
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097


    [​IMG]

    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่อเมริกา หลายปีมาแล้ว
    ชายคนหนึ่งเป็นคนทำความสะอาดรถแช่เย็น วันนั้นขณะที่เขากำลังทำความสะอาดห้องเย็นของรถคันหนึ่ง
    อยู่ เกิดลมพัดปิดประตูห้องเย็น
    เขาพยายามตะโกนเรียกให้คนช่วย แต่ไม่มีใครได้ยิน คนอื่นกลับบ้านไปแล้ว เพราะเป็นเย็นวันศุกร์
    กว่าจะมีคนมาอีกทีก็เช้าวันจันทร์!!!
    เขาคิดว่าเขาคงต้องตายแน่ๆ ในอุณหภูมิ -10 องศา คนปรกติคงรอดได้ไม่นาน
    เขาเลยคิดจะทำความดีครั้งสุดท้ายโดยเขียนให้รู้ว่า คนที่ต้องตายเพราะความเย็นจัดนั้นจะมีอาการเช่น
    ไร อย่างน้อยมันยัง
    เป็นประโยชน์กับวงการแพทย์ เขาเขียนทุกอย่างที่เขารู้สึกอย่างละเอียด...

    เช้าวันจันทร์มีคนมาพบศพ ชายผู้นี้ พร้อมกับกระดาษที่เขาเขียนเอาไว้
    ทางการแพทย์ บอกว่า มันเป็นอาการของคนที่ตายจากความเย็นจัด จริงๆ ตรงทุกประการ
    แต่สิ่งเดียวที่ผิดปรกติก็คือ...ห้องเย็นนั้น ไม่ได้เปิดระบบทำความเย็นเอาไว้ มันเป็นอุณหภูมิ
    ปรกติ!!!!!
    เขาตายเพราะเขาคิดไปเอง!!!!!
    **********************
    เรื่องต่อมา เป็นเรื่องที่โด่งดังมาก เกิดเมื่อ 100 ปีมาแล้ว ที่ประเทศอังกฤษ
    คุกที่เมือง บริสตอล นักโทษคนหนึ่งโดนตัดสินประหาร ชีวิตด้วยการแขวนคอในวันรุ่งขึ้น
    เย็นวันก่อนประหาร มีนักจิตวิทยา2คนที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้ทำงานทดลอง ได้ปลอมตัว มาบอก
    กับนักโทษประหารคนนี้ว่า พรุ่งนี้แทนที่เขาจะโดนแขวนคอ ได้มีการเปลี่ยนกฎหมายใหม่จากการแขวนคอ
    มาเป็นเชือดคอแทน!!!!

    นักโทษผู้น่าสงสาร คงไม่ได้นอนทั้งคืนและคิดแต่ว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะต้องโดนเชือดคอ และเมื่อตอนเช้า
    มาถึง เขาถูกมัดมือไพล่หลังเอาผ้าปิดตา และถูกพาตัวมา ณ ห้องแห่งหนึ่งซึ่งเขาไม่รู้เลยว่า มัน เป็น
    แค่ห้องสังเกตการณ์ เฉยๆ เขานึกว่าเป็นห้องประหาร!!!

    ได้มีการจัดฉากไว้เรียบร้อย ในห้องนั้นมี นักจิตวิทยา เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล และ มีพระมาสวดครั้งสุด
    ท้ายให้เขา
    และนักจิตวิทยาคนแรก แสดงเป็นคนลงมือเชือดคอนักโทษคนนี้
    มีดที่ใช้เชือดคอ ก็คือมีดแบบที่เขาใช้โกนหนวด แต่เขาเอาด้านทื้อของมีด ผาดผ่านไปที่ลำคอ
    (เขาบอกว่ามีดนั้นไม่ได้สัมผัสลำคอนักโทษเลยแม้แต่น้อย ) แล้วนักจิตวิทยา อีกคน ทำเสียงน้ำไหล ให้
    เหมือนเลือดกำลังไหล

    นักโทษคนนี้ รู้สึกเย็นที่ลำคอเพราะโลหะของมีดโกน และได้ยินเสียงน้ำไหลเขาคิดว่า เลือดเขากำลัง
    ไหลออกจากคอหอย แล้วเขาก็ล้มลงสิ้นใจตรงนั้นเอง !!!!! เขาตายเพราะเขาเชื่อว่าเขาตายแน่
    เขาคิดไปเอง!!!!

    ******************
    จากเรื่องที่เล่ามาทั้ง 2 เรื่อง เป็นเรื่องจริง และทำให้เราเห็นได้ เลยว่าความเชื่อ และใจคิดของ
    คน
    เรา นั้นมีอำนาจมากแค่ไหน และถ้ามันฆ่าเราได้
    จินตนาการดูซิว่ามันจะช่วยให้เราได้มากแค่ไหน
    ????

    ในทางพุทธศาสนาจึงบอกว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน""ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจของเรานี้เอง"
    ถ้าเรากลัวตาย และคิดว่าเราจะตาย เราก็จะตาย เพราะความกลัวที่เกิดจากใจที่คิดไปนั่นเองที่ฆ่า
    เรา!!!!

    ปัญหาส่วนใหญ่ที่เราต้องเจอล้วนมาจาก ใจที่เป็นลบ ใจที่คิดแต่เรื่องไม่ดี
    ดังนั้น เราต้องแก้ไขที่ใจของเรานี้ เวลาเราอยู่ในอารมณ์ที่ดีๆ ใจสบายๆ มีเรืองเกิดขึ้นเราจะรู้สึกว่า
    เรื่องเล็กน้อย

    ธรรมชาติของคนเรา เวลาเราเป็นสุข เราอยากจะแบ่งปันความสุข เช่น
    เวลาเราสอบได้ดี ได้เลื่อนขั้น ถูกหวย เราแทบจะวิ่งแจ้นไปบอกเพื่อนฝูง เวลาความรักของเรากำลัง
    ไปด้วยดี
    เราจะเห็นโลกเป็นสีชมพูทุกอย่าง อะไรก็ได้ ดีไปหมด

    แต่ ถ้าเราเป็นทุกข์ เราก็จะหน้าตาบูดบึ้ง ใส่คนที่อยู่รอบๆ เรา
    โมโหเป็นฟืนเป็นไฟแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย และบ่นๆ เจอหมาเตะหมา เจอแมวเตะแมว เพราะ ว่า
    เรา
    กำลัง เป็นทุกข์!!
    เราอยากจะให้ทุกคนรู้ว่า ฉันเป็นทุกข์นะ ช่วยฉันด้วย.. (เพียงแต่เราไม่ได้พูด)
    แต่กลับแสดง ออกด้วยการ" ร้าย" ใส่คนอื่น!!!

    และนี้ก็คือสิ่งที่ท่านพยายามบอกเราว่า ให้เรารักษาใจของเราให้เป็นสุขอยู่เสมอ โดยวิธีทำสมาธิ
    การทำสมาธิคือ การหยุดคิดทุกสิ่งในโลก อดีต อนาคต หยุดความกังวล และ
    มีความสงบสุข และสันติสุข..

    ใจที่จะทำการงานได้ดี คิดได้ดี คิดแต่สิ่งที่ดีๆ ก็คือ ใจที่สงบสุขจากการทำสมาธิ นี้เอง....เอ้า...หัดนั่งสมาธิกัน ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นั่งตัวตรงไม่ได้ ก็หันหลังเข้ากำแพง เอาหลังยันไว้ให้ตรง ทำใจให้นิ่ง ค่อยๆ คิดจากปลายผม ปอยผม หนังหัว หน้าผาก คิ้ว ลูกตา หูซ้าย หูขวา ไล่มาเรื่อยๆ หลอกจิตให้มันอยู่กับตัวก่อน ไล่ไปจนถึงเล็บเท้าข้างซ้าย เมื่อลมหายใจนิ่งแล้ว ค่อยเอาพุท-โธ จับ ลมหายใจ อิ่มแล้วก็เลิก 3 นาที 5 นาที นี่ล่ะ ฝึกไว้ หัดไล่ไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็ร่นภพ ร่นชาติได้เยอะแล้ว...

     

แชร์หน้านี้

Loading...