ธรรมะหรือธรรมชาติ เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ค่ะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nunnapath, 19 กรกฎาคม 2009.

  1. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    หลังจากที่ฝึกปฏิบัติธรรมมา 3 ปี ค้นหาอะไรมากมายในชีวิต ในที่สุดก็พบว่า ธรรมะและธรรมชาติสำหรับตัวเราแล้วคือสิ่งเดียวกัน วันนี้รู้แล้วว่าการเกิดของเราคืออะไร เกิดมาทำไม แล้วจะต้องทำอย่างไรต่อไป สำหรับเราแล้ว เราเกิดมาเพื่อเรียนรู้กฏของธรรมชาติ เกิดมาเพื่อเรียนรู้สภาวะในโลกใบนี้ และเข้าใจแล้วว่า ไม่มีอะไรเลยที่ยึดมั่นถือมั่นได้เลยว่าเป็นของเรา เพราะทุกสิ่งล้วนต้องเกิดและดับไปพร้อม ๆ กัน วันนี้ทำใจที่จะอยู่กับธรรมชาติของโลกใบนี้ เรียนรู้จนกว่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ คือความว่างเปล่านั้นเอง
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอแสดงความคิดเห็นครับ

    ธรรมะ กับธรรมชาติ เป็นคนละความหมายกันครับไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

    ธรรมมะคือการรู้ตามความเป็นจริงของธรรมชาติ คืออริยสัจ 4

    เมื่อใดที่เรารู้พร้อม รู้แจ้งรู้ชัดในธรรมชาติ เราย่อม เรียกว่า เข้าถึงธรรมมะ
     
  3. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ธรรมมะกับธรรมชาติไม่ใช่สิ่งเดียวกันนะครับธรรมมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เราไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นและธรรมชาติ ให้เราเข้าใจธรรมชาติอยู่กับธรรมชาติไม่ยึดติดในรูปรสกลิ่นเสียงทุกอย่างที่ธรรมชาติมี เปิดเผยความจริงให้เราได้รู้ถึงความจริงว่าทุกอย่างเกิดขึ้น คงอยู่ และดับสูญไม่มีความแน่นอนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ของเรา เพราะเราควบคุมมันไม่ได้ไม่มีสิ่งไหนเป็นของเราแม้นแต่ตัวเราก็เป็นที่ประชุมของดินน้ำลมไฟเรายังควบคุมกายนี้ไม่ได้เลยมันอยากเจ็บก็เจ็บอยากป่วยก็ป่วยเราทำได้แค่รักษามันเท่านั้นรักษาได้ก็ได้ไม่ได้ก็ตายแค่นั้นเองท่านถึงให้เรานึกถึงความตายใว้อย่าได้ประมาทในชีวิตความตายอยู่กับเราตลอดเวลาแค่เราหายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้วหรือหายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายแล้วเป็นเพียงดินน้ำลมไฟที่มาประชุมกันแล้วมีจิตเข้าไปอาศัยอยู่ชั่วคราวเดี่ยวก็ต้องจากกันแล้วท่านสอนให้เรามีศีลสมาธิสติและปัญญาในการตามดูตามรู้ตามความเป็นจริงไม่ทำร้ายหรือเบียดเบียนสัตว์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายเหมือนเราใครฆ่าเราทำเราเจ็บเราไม่ชอบใจเราก็อย่าได้ทำแบบนั้นกับใครเพราะเค้าก็ไม่ชอบใจเหมือนเราทุกอย่างท่านสอนให้เราอยู่กับความจริงอยู่กับธรรมชาติเข้าใจธรรมชาตินะครับอย่าได้เข้าใจผิดว่าธรรมมะกับธรรมชาติอย่างเดียวกัน สาธุ
     
  4. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมเข้าใจนะครับที่คุณเห็น แต่มีอีกสิ่งที่คุณเห็นแล้วหรือยังครับ ความจริงของธรรมชาติทั้ง๔ประการ เห็นหรือยังครับ ถ้าเห็นแล้วก็อนุโมทนาด้วยครับ
     
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    [​IMG]

    [music]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=22684[/music]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  6. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ขึ้นอยู่กับนิยามของคุณเอง ว่า ธรรมะ คืออะไร ธรรมชาติคืออะไร
    แต่มันมีความแย้งกันในตัวระหว่างนิยามของธรรมชาติกับธรรมอยู่มากมาย เช่น
    ธรรมชาติของมนุษย์ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    ธรรมของนิพพานคือ พ้นจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    สมมติก็เป็นอย่างนี้แหละ
     
  7. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    ขอบพระคุณทุกท่านที่เมตตาที่ให้คำตอบในแนวคิด คนเราอาจคิดต่างปฏิบัติต่างมุมกัน แต่เป็นแนวทางเดียวกันก็อาจเป็นไปได้ ธรรมะเป็นการสอนการอบรมการบ่มจิตใจ แต่สิ่งที่เรียนรู้ทุกวันนี้มันเป็นความจริงของชีวิต เดินไปตามหลักของมรรค ไม่ขัดหลักของธรรมชาติ มนุนษย์เกิดมาเพื่อเรียนรู้สภาวะต่าง ๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย ทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุดเพื่อหลุดพ้นตอนนี้อยู่ในช่วงเรียนรู้กฎของสภาวะธรรมะและกฎของธรรมชาติอยู่ ทุกอย่างต้องไปพร้อมกันหรือเปล่าค่ะ
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ธรรมชาติมีหลายระดับ ตั้งแต่หยาบไปละเอียด
    การเรียนรู้ความจริงของธรรมชาติของตัวเราเอง ก็เหมือนกัน
    ถ้าเรารู้จักธรรมชาติของตัวเราเองที่เป็นความจริงตามจริงของเรา
    พอเราเห็นความจริงของเรา จะเริ่มจากหยาบๆก่อน พอรู้เรื่องหยาบๆจนชัดแจ้ง
    ไม่มีสงสัยคลางแคลงใจ ยอมรับความจริงได้ พอใจเป็นกลางต่อสภาวะๆหยาบๆที่รู้ได้แล้ว
    ลำดับต่อไป จิตมันจะทะลวงขึ้นไปรู้ที่ละเอียดขึ้นได้เอง แต่ถ้ายังไม่หยุดวิจัยในส่วนใด
    ยังมีติดใจ มีสงสัย เหมือนมีนิวรณ์กั้นขวางอยู่มันก็ไปรู้ธรรมชาติส่วนที่ละเอียดขึ้นไม่ได้
    อาจเรียกว่า ติดรู้ ติดใจ ติดวิจัย ติดสุข ติดอกติดใจ ก็ติดอยู่ในธรรมชาติของเราเองใน
    ระดับนั้น จะช้าหรือเร็ว อยู่ที่การรู้สึกตัวทันและปล่อยวางไป หรือถ้าเป็นอีกอย่างก็พอใจ
    ธรรมชาติที่ระดับนี้ แล้วก็เกยตื้นอยู่ก็มี คิดว่าถึงที่สุดแล้วก็มี แล้วแต่ความเฉลียวใจของแต่ละคน

    ธรรมชาติของแต่ละ ระดับขั้น ก็มีความวิจิตรพิสดารแตกต่างกันไป
    ธรรมชาติของแต่ละเรื่อง ก็มีความจริงที่รอการค้นพบอยู่
    อยู่ที่เราจะทำได้เข้าถึงความจริงแท้ของธรรมชาติได้ไหม
    ถ้าเข้าถึงรู้แล้ววางไปไม่ยึดทุกสิ่งไว้เป็นเรา ก็คงจะไปถึงที่สุดได้
    ถ้าไม่แน่ใจ ก็รู้กิเลสตนเองให้ทันไปเรื่อยๆ ธรรมชาติของกิเลสก็มีตั้งแต่
    เรื่องหยาบไปจนเรื่องละเอียด ก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทต่อกิเลส
     
  9. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    อนุโมทนาน๊ะค่ะ ทุกครั้งที่ได้อ่านข้อความของคุณ k.kwan จะรู้สึกดี เพราะคุณเข้าใจสภาวะจิตที่เป็นธรรมะและธรรมชาติ ความเป็นกลางที่ต่างกัน แต่อ่านแล้วเข้าใจกัน ย่อมมีความหมายในที่สุดค่ะ
     
  10. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    ความเป็นกลางที่ต่างกันเป็นเช่นไร
    อ่านแล้วเข้าใจย่อมมีความหมายในที่สุด ความหมายและความเข้าใจนี้ต่างกันไหม
     
  11. อู๋ซิน

    อู๋ซิน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +45
    ธรรมมะ จะสอนว่าธรรมชาติทั้งปวงไม่น่ายึดติด ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าอุปทาน ครับ มันเลยไม่น่าจะเป็นอย่างเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  12. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ธรรมชาติรอบตัวเรานี้หากมองดูให้ดีทุกอย่างเป็นธรรมะได้แทบทั้งสิ้น น้ำเคยอ่านในหนังสือเจอค่ะ
     
  13. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    จิตตัวเดียวที่ตอบได้การเข้าถึงซึ่งสภาวะธรรมชาติถ้าเราทำความเข้าใจ เราก็จะเห็นแจ้งในที่สุด
    เราอย่ามองข้ามคำว่าเห็นแจงในสภาวะธรรมชาติสิ
     
  14. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    ตราบใดที่ยังยึดความเป็นเราเป็นตัวเราเป็นของเราอยู่สภาวะธรรมก็ยังมีความเป็นเราตัวเราไปสอดแทรกลองถอดถอนความเป็นตัวเราแล้วดูความเป็นธรรมชาติที่แต่จริงจะแสดงให้เห็นธรรมะ ตราบใดที่ยังปรุงก็ยอมมีรสชาติเป็นธรรมดา[​IMG]
     
  15. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมจะกล่าวตามที่พระพุทธเจ้าสอนแล้วกันนะครับ ไม่ว่าคุณจะเกิดมาบนโลกใบนี้หรือว่าไม่เกิดก็ตาม ธรรมชาติของโลกใบนี้ก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงไป มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของมันอย่างนั้น แต่พอเกิดมีตัวเรา มีตัวตนของเราเกิดขึ้น ก็เลยไปยึดเอาสิ่งที่มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปนั้นว่าเป็นตัวตนของเรามันก็เลยเป็นทุกข์เพราะมันจะไม่มีวันสมัครคีสมัครสมานกับเราได้มันมีแต่จะผันเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัยปรุงแต่งของมัน ซึ่งความจริงมัน(ตัวธรรมชาติทั้งหลาย)มันถือเป็นเรื่องปกติ แต่เราหรือการมีตัวเราเกิดขึ้นนั้นอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจึงเป็นเรื่องไม่ปกติถ้าจับไว้และยึดไว้ จนกว่าเมื่อจิตใจปล่อยวางก็จะเห็นว่าจริงๆมันก็เท่านี้เอง เมื่อพิจารณาตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็จะเห็นบางอย่างตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ไม่ผิดเพี้ยนเริ่มจากรูปทั้งหมดที่สามารถเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น สัมผัสได้ ทั้งหมดเข้าสู่วัฏจักร และอารมณ์ความรู้สึกต่างๆก็เช่นกัน จะพบว่าถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วแบบนี้ก็จะไม่มี หรือ ทำแบบนี้แล้วแบบนี้ก็จะไม่มี ซึ่งต้องมีการศึกษาพิจารณากันไป เมื่อลงตัวมันก็จะครบองค์ประกอบของการดำเนินไปเพื่อความไม่ยึดติดต่อสิ่งใดทั้งสิ้นครับ และจะพบความหมายที่แท้จริงว่าคนเราเกิดมาเพราะอะไร
    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2009
  16. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    ทุกคนที่บอกเล่าให้ฟังไม่มีใครถูกและไม่มีใครผิด ทุกอย่างเป็นไปตามสภาวะที่เข้าใจของแต่ละคน สังคมเปลี่ยนความคิดในการปฏิบัติเปลี่ยนแล้วแต่ใครจะพบหนทาง ข้าพเจ้าเป็นบุคคลหนึ่งที่นับถือศาสนาพุทธอยู่เต็มร้อย ศรัทธาในพระศาสนา เชื่อถือในคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวดมนต์ไหว้พระประจำ นั่งสมาธิ เพียงแต่จิตเข้าไปนึกถึงสภาวะที่เป็นกลางมากกว่า ถามว่าเราเกิดมาทำไม แล้วจะไปไหนต่อถ้าต้องจากสังขารนี้ไป ทุกคนที่ปฏิบัติย่อมอยากไปพระนิพพานกันหมด แต่เราเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเราหรือยัง เข้าถึงจิตเดิมของเราหรือยัง เพราะธรรมชาติสร้างเรา ธรรมชาติก็ย่อมทำลายเราได้เช่นกัน
    ขอให้เจริญในธรรม และมีสติอยู่ในปัจจุบัน เพราะจักรวาลล้วนว่างเปล่า สุขหรือทุกข์ไม่มีตัวตน
     
  17. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    แค่คำว่าธรรมมะกะธรรมชาตินะเนี่ย ยังขนาดนี้ เห็นไหม ว่าแต่ละคนก็พูดออกมาจากสิ่งที่ตัวเองพบตัวเองเขาใจทั้งสิ้น เพราะตัวเองก็มีธรรมชาติของตัวเอง มีธรรมมะของตัวเอง ทีนี้ความเขาใจที่ถูกต้องคืออะไร ธรรมมะ ธรรมชาติ ลองหลับตาแล้วไม่คิดอะไรดูซัก สิบนาทีพอลืมตาขึ้นมาความรู้สึกแรกนั่นแหละคือธรรมมะ พอเริ่มเห็นมันชัดขึ้นแล้วนั่นแหละคือธรรมชาติ
     
  18. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    เรื่องเดียวกันล้วนๆ
     
  19. ผู้ไร้ความกังวล

    ผู้ไร้ความกังวล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +60
    ธรรม ธรรมชาติ ผมว่าคืออย่างเดียวกันนะ

    ศึกษาธรรม ก็คือ ศึกษากับธรรมชาติ ศึกษาทุกอย่างให้เข้าใจธรรมชาติ

    ไม่หลงไหลเพราะมันคือสิ่งธรรมดาธรรมดา เพราะมันเป็นแค่โลกธาตุไม่คงที่

    เข้าใจกฎของธรรมชาติ ทุกอย่างคือธรรมชาติ เพียงแต่คนไม่ปรุงแต่งมัน ว่าป็น อย่างนั้น

    อย่างโน้น ไปตั้งชื่อมันอีก - - จริงๆ มันไม่มีชื่อหรอกแค่ สมมุติ ขึ้น

    เอาเป็นว่า ศึกษา ธรรมก็คือศึกษาธรรมชาตินั้นเองแหละ

    จริง ๆ ธรรมชาติ มนุษย์ก็แค่ ต้องการแค่ปัจจัย 4 แค่นั้นเอง

    แค่นั้นเองเท่านั้น
     
  20. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งของของท่านกฤษณมูรติรู้สึกดีจึงนำบางตอนมาเล่าสู่กันฟังค่ะ "ปัญญาไม่ใช่ความรู้ แม้ท่านอ่านหนังสือได้หมดทั้งโลก แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เกิดปัญญา ปัญญาเป็นภาวะละเอียดอ่อนลึกซึ้งและไม่มีขอบเขต ปัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อท่านเข้าใจกระแสของจิตใจทั้งหมด ไม่ใช่จิตใจในความหมายของนักปราชญ์หรือของครู แต่หมายถึงจิตใจของท่านเอง จิตใจของท่านเป็นสาระแห่งความเป็นมนุษย์และเมื่อท่านเข้าใจมัน ท่านไม่จำเป็นต้องศึกษาจากหนังสือแม้แต่เล่มเดียว เพราะว่าจิตใจของท่านนั้นได้บรรจุความรู้แห่งมนุษย์ไว้ ดังนั้นปัญญาจะเกิดขึ้นด้วยความเข้าใจในตัวเอง และความสามารถเข้าใจตัวเองจะเกิดขึ้นเมื่อท่านใส่ใจกับโลก กับคนกับสิ่งของ และกับความคิดที่อยู่รอบตัวท่าน ปัญญาไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้เหมือนการเรียนในห้องเรียน แต่ปัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อท่านปฏิเสธสิ่งที่ครอบงำ นั้นก็คื่อเมื่อท่านปราศจากความกลัว ซึ่งโดยแท้จริงแล้วมันก็หมายถึงการที่ท่านได้สัมผัสกับความรัก เพราะเมื่อปรากศจากความกลัวเท่านั้นที่ความรักแท้จริงจะเกิดขึ้น"
    จากหนังสือแห่งความเข้าใจชีวิตและการศึกษาที่แท้
     

แชร์หน้านี้

Loading...