ฝึกกรรมฐานแบบไหนถึงจะตรงกับเรามากที่สุด โดย หลวงพี่เล็ก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Phanudet, 27 กรกฎาคม 2009.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    [​IMG]


    ฝึกกรรมฐานแบบไหนถึงจะตรงกับเรามากที่สุด ?



    ถาม : เราจะทราบได้ยังไงว่าเราต้องฝึกกรรมฐานแบบไหนถึงจะตรงกับเรามากที่สุด ?

    ตอบ : เอาคู่มือปฏิบัติกรรมฐานบูชาหน้าหิ้งพระเลย จุดธูปอธิษฐานชอบอันไหนเอาอันนั้น ถ้าชอบเยอะก็เอาอันที่ชอบที่สุด เพราะอันที่ชอบที่สุดก็คือ เราเคยทำมามากที่สุดแล้วก็เริ่มลุยเลย

    ถาม : ตอนนี้ที่ทำอยู่ก็คือวาโยกสิณ ?

    ตอบ : วาโยกสิณ ก็ง่ายดีจับลมหายใจเข้าออกตัวเอง เพียงแต่นึกภาพให้เห็นเท่านั้น

    ถาม : แล้วภาพนี่ต้องเป็นภาพเดียวกันตลอดมั้ยคะ ?

    ตอบ : ไม่จำเป็น เพราะว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา บางทีมันก็ชัดเจน บางทีมันก็ไม่ชัด บางทีก็มัว บางทีก็ใส ตอนไหนกำลังใจกิเลสเกาะเยอะ มัวๆ ก็ช่างมัน เรามีหน้าที่ประคับประคองไว้ มันจะมั่วก็เอาทั้งมั่ว นั่นแหละ พอกำลังใจทรงตัวมันก็ดีขึ้นเอง

    เรื่องของกสิณเรื่องเป็นเรื่องของคนที่ฝึกแรกเริ่ม มโนมยิทธิข้ามมาถึงตรงจุดนี้ใช้ผลของกสิณแล้ว กสิณทั้งหมดมันก็กลายเป็นของเด็กเล่นไปคือ เรารู้จักนิพพานแล้วมันก็ผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ไม่ต้องไปเล่นของเด็กๆ เกาะนิพพานเอาไว้ดีกว่า

    ถาม : จะไปฝึกเขาบอกว่าไม่ต้องฝึก ?

    ตอบ : ไม่ต้องหรอก อาตมาก็ยืนยันว่าไม่ต้อง ถ้าหากว่าเราทำกำลังใจของเราในด้านมโนมยิทธิไปเรื่อย เกาะพระไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพอเวลากำลังใจมันทรงตัวของเก่ามันมาทั้งหมดเอง ตอนนี้ที่เราไม่สามารถจะใช้อภิญญาเต็มที่ได้ทั้งๆ ที่อดีตเราเคยทำมาแล้วเพราะว่า เรายังไม่ยอมรับกฎของกรรมอย่างจริงจัง อภิญญานี่ถ้าเต็มสภาพเต็มกำลังของมันนี่มันฝืนกฎของกรรมได้ เห็นคนเจ็บไข้ได้ป่วยมาคิดให้เขาหายเขาก็หาย เห็นคนเป็นง่อยมา แขนขาดขาขาด คิดให้เขามีแขนมีขาให้มันหายง่อยมันหายเดี๋ยวนั้นเลย เพราะเป็นการอธิษฐานอำนาจของกสิณโดยเฉพาะธาตุ ๔

    คราวนี้พวกเราถ้าไม่ยอมรับกฎของกรรม เห็นปั๊บสงสารช่วยเขา จะทำเอากฎของกรรมอลเวงไปหมด เพราะว่าเราลืมดูไปว่าเขาเป็นอย่างนั้น เพราะอดีตทำอะไรมา เขาก็มีกรรมที่จำเป็นที่เขาจะต้องรับ ดังนั้นว่า ถ้าตราบใดที่เรายังไม่ยอมรับกฎของกรรมอย่างจริงจังนี่ โอกาสจะใช้อำนาจอภิญญาได้เต็มที่อย่างอภิญญาใหญ่นั้นอย่าหวังเลย โดนล๊อคหมด จะได้โล่งใจซะที ไม่งั้นมัวจะคิดอยู่นั่นล่ะ เอ๊ะ...ทำได้ขนาดนี้อภิญญาไม่เกิดซะที เกิดเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้นล่ะ โดยเฉพาะพวกเรา พวกเรามันเชื้อสายพุทธภูมิเก่า พุทธภูมิคือผู้ที่ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า คนที่ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้านี่ คนอื่นลำบากแค่ไหนตัวเองก็ยอมช่วยเขา ช่วยเขาโดยไม่เห็นแก่ความลำบากของตัวเอง

    ในเมื่อทำในลักษณะนั้นมันจะเผลอไปฝืนกฎของกรรม ลองดูซิพอได้แล้วลองไปช่วยใครเข้าซักยกหนึ่งซิเดี๋ยวมันก็เสื่อม นี่ไม่ใช่กำลังใจเราเสียเอง บางทีท่านตัดผลมันไปดื้อๆ ต่อให้จับภาพกสิณได้ชัดเจนแจ่มใสโตเต็มฟ้าเลย ขยายให้ใหญ่ก็ได้ ให้เล็กก็ได้ ให้มาเมื่อไหร่ก็ได้ ให้หายไปเมื่อไหร่ก็ได้ ใช้อะไรไม่ได้หรอก ถ้าหากไปฝืนกฎของกรรม

    ถาม : หมายความว่าต้องมีกำลังใจมั่นคงใช่มั้ยคะ ?

    ตอบ : ถ้ากำลังใจไม่มั่นคงนี่ไม่ได้รับประทานหรอก ถ้ายิ่งปฏิสัมภิทาญาณ นี่ยิ่งหนักเลย เพราะว่าอำนาจของปฏิสัมภิทาญาณนี่ สามารถคุมได้ทั้งสุกขวิปัสสโก คือผู้ที่ปฏิบัติเรียบๆ แล้วบรรลุมรรคผลไป เตวิชโช คืิอผู้ที่ปฏิบัติแล้วมีความสามารถพิเศษ ๓ อย่าง ฉฬภิญโญ คือผู้ที่ปฏิบัติแล้วได้อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณจะคลุมได้หมด ความสามารถเหมือนเขาหมด เก่งกว่าเขาด้วย แล้วมีความสามารถเหนือขึ้นไปอีก ๔ อย่างคือ ธัมมาปฏิปทาสัมภิทา คือรู้เหตุทุกอย่าง อัตถปฏิสัมภิทา รู้ผลทุกอย่าง แล้วก็ ปฏิภาณปฏิสัมภิทามีปฏิภาณว่องไวมากไม่ว่าใครเขาจะไล่ต้อนจะถามท่าไหนไม่เคยจนแต้ม นิรุกติปฏิสัมภิทา รู้ทุกภาษาทั้งในโลกนี้และโลกอื่น

    เพราะฉะนั้นว่ายิ่งมาก็ยิ่งใช้ยากขึ้นๆ น่ะ แต่ถ้าเรารู้จักควบคุมกำลังใจของเราให้ยอมรับกฎของกรรมมันก็จะใช้ได้บ้างไม่มาก สมัยที่อยู่วัดท่าซุง ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้าโดยเฉพาะพระอรหันต์วัดท่าซุงนี่ตั้งแต่ตั้งวัดมาสมัยหลวงปู่ใหญ่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน สมัยหลวงพ่อเล่ง หลวงพ่อไล้ ยังไม่นับหลวงพ่อของเรามีพระอรหันต์ต่อเนื่องกันมา ๗๒ องค์ด้วยกัน ระยะเวลา ๒๐๐ กว่าปีมีพระอรหันต์ต่อเนื่องกันมา ๗๒ องค์ไม่เคยขาดเลย

    ในเมื่อเป็นในลักษณะดังนี้เวลาพระปฏิบัติก็จะมีท่านทั้งหลายเหล่านี้มาช่วย อย่างของอาตมานี่ หลวงปู่ขนมจีน ท่านคุมแจเลย เพราะว่าโดนท่านเฉ่งก่อนถือว่าเป็นลูกคนโต ท่านเลยตามเฆี่ยนตามตีตลอด เมื่อฝึกมโนมยิทธิก็ดี ฝึกกรรมฐานอื่นๆ ก็ดี เสร็จแล้วเราจะไปคุยผลกัน





    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมีนาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา..
    http://palungjit.org/threads/ฝึกกรรมฐานแบบไหนถึงจะตรงกับเรามากที่สุด.147879/
     
  2. พรปู่

    พรปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +277
    อนุโมทนาบุญครับ


    ตัวผมเองก็กำลังหาว่าการฝึกแบบไหน เหมาะกับตนเองที่สุดเหมือนกัลลป์
     
  3. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    โมทนากับธรรมะดีๆ ไม่ต้องเลือกมาก อันไหนพอใจรีบใช้เดี๋ยวนั้นเลย วันพรุ่งนี้อาจไม่มีสำหรับเรา แต่ บุญกุศลที่เราทำ สังฆทานก็ดี วิหารทานก็ดี ธรรมทานก็ดี เลี้ยงดูพระอรหันต์ในบ้านก็ดี มีโลกหน้าแน่นอน นรก สวรรค์ นิพพานไม่สูญ แน่นอนครับ < สำหรับผมใช้พุทธโธ>
     
  4. ren

    ren เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,646
    อนุโมทนาสาธุ ด้วยคะ่
    คิดถึงหลวงพี่เล็กจังเลย ท่านน่ารักมากๆ แล้วก็ใจดีด้วย


    เคยนำเทปฝึกกรรมฐานของหลวงพี่เล็กไปฝึกดีมากๆ
    แต่ไงฝึกไปฝึกมา ได้ยินเสียหลวงพี่ปุ๊บหลับทันที เหอๆ
    แบบว่าซึ้งจัดมั้งคะ่ ^_^



     
  5. K.Weasley

    K.Weasley สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    แล้วลักษณะที่ฝืนกฏของกรรมนี่ มันประมาณไหนหรือคะ แบบที่เจอคนรถล้มแล้วไปช่วย เห็นคนจมน้ำแล้วผายปอดช่วยชีวิต นี่ถือว่าฝืนกฏของกรรมมั้ยคะ ไม่เข้าใจจริงๆอะค่ะ รบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646

    ในกรณีที่คุณถามนั้นถือว่าไม่เกินกฏแห่งกรรมหลอกครับ......ตรงนั้นทำได้เลย...ถือว่าเป็น อัตถจริยา ในสังคหวัตถุ 4 คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ..

    ในกรณีที่หลวงพี่ท่านบอกนั้นเป็นเรื่องของท่านผู้ได้อภิญญาแล้ว....ที่สามารถช่วยคนเกินเหตุแห่งกรรมได้........แต่มันไม่ใช่วิสัยนะครับ....โดยเฉพาะเหล่าพุทธภูมิ...ที่มีกำลังใจเมตตาสาธารณะอยู่เป็นปกติ....ลองอ่านดูดีๆอีกครั้ง....จะเข้าใจเพิ่มขึ้นนะครับ....
     
  7. LADLHUMKAEL

    LADLHUMKAEL สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอบคุณครับ อนุโมทนาด้วยครับผมก็กำลังมองหากรรมฐานอยู่เหมือนกัน
     
  8. อู๋ซิน

    อู๋ซิน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +45
    จิตใจสงบฝึกวิปัสสนา จิตใจไม่สงบก็ฝึกสมถะ (ไม่ว่าวิธีฝึกวิปัสสนา หรือ สมถะ เลือกฝึกมันทุกวิธีแหละ วันเวลาผ่านไปมันจะรู้ว่าอะไรที่ไม่เหมาะกับเรา มันก็จะเลิกสนใจของมันไปเอง จนเหลือวิธีที่เหมาะกับเราจริงๆไม่กี่วิธี )
     
  9. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    สมาธิ กับ วิปัสสนา ต้องเป็นของคู่กัน ฝึกสลับกันไปกันมาได้ ต้องรักษา ศิลแล้วแผ่เมตตาด้วยนะครับ บางคนก็ฝึกสมาธิ แล้วเข้าไปพิจารณา(วิปัสสนาปัญญา) รู้ว่า รูป นาม เกิด ดับ เป็นพระไตรลักษณ์ เรียกว่า วิปัสสนา(ปัญญา) แต่ถ้าทำจิตให้นิ่ง แล้วนึกถึง พุทโธ หรือ ยุบหนอ พองหนอ ฯลฯ เป็นสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิดีแล้ว ก็ไปฝึกวิปัสสา เห็น รูป นาม (ร่างกายและวิญญาณคือความนึกคิดของเรา) มันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ๆ แล้วไปพิจารณาหลัก พระไตรลักษณ์ ทุกสรรพสิ่งทั้งหลายก็ต้องตกอยู่ภายใต้กฎของพระไตรลักษณ์ ทั้งสิ้น คือ อนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอนมีการแปรปรวนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลา ทุกขัง คือ ทุกสรรพสิ่งเป็นทุกข์ทรมาน ก็ลองนึกดูว่าตั้งแต่เราเกิดมาจนถึงทุกวันนี้มีความสุขจริง ๆ จัง ๆ กี่ครั้ง มีแต่ทุกข์มากมายก่ายกอง มีโศกเศร้าผิดหวัง เสียใจ ทุกข์ระทม เศร้าโศก และมีอันตรายอยู่รอบ ๆ ตัวเราตลอดเวลา(ความตาย) เกิดเมื่อไรก็ทุกข์เมื่อนั้น เป็นเด็กก็ทุกข์แบบเด็ก เป็นผู้ใหญ่ก็ทุกข์แบบผู้ใหญ่ ฯลฯ อนัตตา ทุกสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่มีตัวตนที่แท้จริง แม้แต่ร่างกายของเรา จะสั่งไม่ให้มันแก่ ก็ไม่ได้ ไม่ให้มันเจ็บก็ไม่ได้ ไม่ให้มันคิดก็ไม่ได้ ฯลฯ ไม่ต้องไปสั่งคนอื่นหรอกตัวเราเองยังสั่งตัวเราจริง ๆ ไม่ได้เลย และทุกสรรพสิ่งทั้งหลายเราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของจริง ๆ เป็นเจ้าของได้ชั่วคราว ในสมบัติ อำนาจ ยศ บริวาร ลูก เมีย เพื่อน ลูกน้อง ฯลฯ ก็ลองไปพิจารณาดูเอานะครับ แล้วก็เกิดความเบื่อหน่ายในร่างกายและจิตวิญาณ ( รูป กับ นาม ) แล้วมีจิตค้นหาความสุขจริง ๆ หลักศาสนาของเรา ก็คือ พระนิพพาน ซึ่งเป็นสถานที่ดับทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง เป็นสถานที่บรมสุข ที่พระพุทธเจ้าและพระอริยะสาวก ได้เข้ากันไปแล้ว และท่านได้กล่าวว่า พระนิพพาน มีอยู่จริง ๆ ซึ่งไปได้ด้วยจิต และต้องปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้า ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติเองและใช้ปัญญากันเอาเอง จะให้ผู้อื่นทำแทนกันไม่ได้เลย แม้แต่พระพุทธองค์ก็ปฏิบัติเอง พระพุทธอริยะสาวกก็ปฏิบัติเอง ทั้งนั้น คือ มีทาน ศิล สมาธิ วิปัสสนาปัญา รู้ อริยสัจ 4, เดินทางสายกลางคืออริยะมรรค 8 , รู รูปนาม เกิดดับ เป็นพระไตรลักษณ์ แล้วปล่อย ปละ ละวาง ว่างเบา สบาย มีจิตจับกับ พระนิพพาน ไว้ถึงแม้ไม่ได้ไปก็น่าจะได้ไป สู่สุขคติภูมิ แต่ถ้าได้ไปเข้าสู่พระนิพพานได้ ก็ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมาน ใน รูป นาม กันอีก พระนิพพาน ไปได้ด้วยจิต ก็ลองไปศึกษา พระนิพพาน กันดูนะครับ บางท่านอาจมีบุญกุศลเก่ามาก ก็เข้าสู่ พระนิพพาน ได้ง่าย ๆ ลองดูนะครับ ไปฝึกไปศึกษากันดู เรายังฝึกศึกษาอย่างอื่นกันได้ ลองฝึกศึกษาคำว่า "พระนิพพาน" กันดูบ้างซิว่าเป็นอย่างไร เหมือนกับเราเล่นกีฬาหรืออะไรสักอย่าง อย่าไปซีเรียสมาก เอากลาง ๆ พอดี ๆ ผมว่าน่าจะหาคำตอบได้ เพราะนี่เป็นสุดยอดของธรรมะ และเป็นธรรมะที่ประเสริฐที่สุด ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ คือ "พระนิพพาน" ธรรมะมีมากมาย ให้เรานำมาใช้ให้พอดี ๆ กับตัวเรา เหมือนอาหารมีหลายอย่าง เราก็เลือกกินทีละคำแค่พออิ่มท้องของเรา ก็ขอให้ท่านนำไปพิจารณาดูและปฏิบัติกันนะครับ ก็ขออนุโมทนา กับ ผู้ที่ได้ปฏิบัติไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ สาธุ ๆ คนเราถึงที่สุดแล้วเดี๋ยวก็ตายจากกันไปหมดเกิดมาเท่าไรก็ตายเท่านั้น การที่เรามาพบกันก็เคยมีบุญกุศลเคยร่วมกันมาก่อน แต่ก็มาพบกันชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็ต้องจากกันไปอีก แล้วก็มาพบกันอีกแต่ไม่รู้ว่าชาติไหน แต่ชาตินี้เราได้มาพบกันแล้วแม้จะชั่วคราวก็ตาม ผมก็ขอให้สิ่งที่ผมได้ศึกษาหาความรู้มากับท่านทั้งหลายได้พิจารณาและนำไปปฏิบัติกันดู เพราะชีวิตเรามันสั้น เดี๋ยวก็ตายจากกัน ชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไรก็ไม่รุ้ ต้องรีบเร่งทำความดี เรามีทั้งดีและไม่ดี อยู่ในตัวเราเอง เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด วนเวียน เวียนวน กันอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะเข้า สู่ พระนิพพาน ให้ได้จึงไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด เกิดแล้วตาย เกิดใหม่ก็ทุกข์ ใหม่ ตัวกามตัณหา มันทำให้เราเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ต้องพยายามตัดกามตัณหาให้ได้ นะครับ ก็ขอโทษด้วยถ้าเขียนซะมาก ก็พอมีความรู้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คิดว่าดี ก็เอามาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้รับรุ้กันไว้บ้าง ก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2009
  10. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    ขออนุโมทนา สาธุ ๆ กับทุก ๆ ท่าน ที่ได้ทำบุญในเวปนี้ในทุก ๆ สิ่ง ด้วยนะครับ และก็เวปที่สมทบทุนบูรณะพระพุทธรูปที่ชำรุดทั่วประเทศด้วยนะครับ ผมส่งเงินไปร่วมทำบุญด้วยแล้วครับ ก็ขอให้เพื่อน ๆ สมาชิก ได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกัน ลองไปอ่าน ประวัตินางวิสาขาดูนะครับว่าซ่อมพระพุทธรูปที่ชำรุดได้ อานิสงค์ อย่างไรบ้าง ในเวปก็น่าจะลงอานิสงค์ไว้ด้วยนะคร้บ พุทธศาสนิกชน จะได้ทำบุญกันมาก ๆ แต่ก็ขออนุโมทนากับท่านและทางวัดที่ได้มีโครงการบูรณะซ่อมพระพุทธรูปที่ชำรุดทั่วประเทศและผู้ร่วมทำบุญต่าง ๆ ทุก ๆ ท่าน ทั้งปัจจัย แรงกาย แรงปัญญา ฯลฯ ด้วย นะครับ สาธุ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2009
  11. ต้นไทร

    ต้นไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +666


    ขอบคุณ คับ ได้ ความรู้ มเลย อนุโมทนา คับ
     
  12. K.Weasley

    K.Weasley สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ อนุโมทนาค่ะ
     
  13. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    อนุโมทนาเช่นกันครับ ผมเพิ่งทราบว่า การกำหนดลมหายใจเข้าออก ก็เป็นวาโยกสิณอย่างหนึ่ง ขอบคุณครับ
     
  14. siltham

    siltham สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +2
    ขออนุโมทนาในข้อความดังกล่าวมา แบบไหนๆๆก็ดีทั้งนั้น ขอเพียงเริ่มต้นด้วยการบริจาคทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา แต่ตนเองนั้นฝึกในสายสติปัฎฐานสี่ เพราะรู้มาว่าพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า " คือ ทางสายเอก แห่งการไปถึงพระนิพพาน" เวลามีค่าจึงต้องไปทางตรง....
     
  15. ตายแน่!

    ตายแน่! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +509
    อนุโมธนาสาธุครับ

    ผมอยากได้อภิญญาที่รู้ใจตนเองรู้เท่าทันอารมณ์จริงๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...