สุริยุปราคา ๒๒ ก.ค. เหตุใดจึงไม่ควรดู

ในวิชาโหราศาตร์ ครูบาอาจารย์แต่โบราณห้ามหนักหนาว่าอย่าดู อย่ามอง ด้วยเหตุว่า ขณะที่เกิดคราสหรือเงาบดบังพระอาทิตย์นั้น ด้วยเหตุที่พระอาทิตย์เป็นศุภเคราะห์ใหญ่มีความหมายถึง กษัตริย์ ผู้นำ ทหาร ตำรวจ ผู้มีชื่อเสียง ชื่อเสียง เกรียติยศ เมื่อถูกบดบังต้องคราส มนุษย์ทุกคน ทุกดวงชะตาย่อมต้องมีพระอาทิตย์อยู่ในดวงเป็นดาวสำคัญเมื่อต้องคราสในราศีใดเจ้าชะตาย่อมต้องได้รับความเสียหายตามแต่พื้นชะตาของแต่ละคน การไปมองดูนั้นเปรียบเหมือนกับการยอมรับหรือการที่ออกไปยืนตากฝนเมื่อฝนตก ใครที่พื้นดวงดีก็เหมือนคนแข็งแรงอาจไม่เจ็บไข้(แต่ก็เปียกปอนแน่นอน) หากใครที่สุขภาพไม่ดีนักก็ย่อมเจ็บไข้ได้ป่วย
เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดคือไม่ดูไม่มอง เหมือนกับการที่เราไม่ออกไปยืนตากฝน นั้นแล

 

ถ้างั้นเมื่อคราว พ.ศ.2538 คนก็ป่วยทั้งประเทศเลยสินะครับ
ความเชื่อบางอย่างเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่บางอย่างงมงายเกินไป

ปัจจุบันความเชื่อถูกทดสอบด้วยวิทยาศาสตร์และข้อมูล
สรุปผลออกมายหลายอย่างแล้วนะครับ
เรื่องแบบนี้ถึงต้องมีคำต่อท้ายด้วยคำว่า *** โปรดใช้วิจารณญาณ

ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณที่เอาความคิด ว่าทำไม ในด้วนโหรฯมาให้ได้เข้าใจ ขอบคุณครับ

 

เห็นด้วยกับคุณkonngaam

 

ไปตามค้นมาให้เพื่ออ้างอิงครับ
วารสารสยามจดหมายเหตุ ปี 2538
รวบรวมข่าวและเหตุการณ์สำคัญตลอดปี 2538 อาทิ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีสวรรคต, ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายของกลุ่มศาสนาในญี่ปุ่น (โอมชินริเคียว)
สิ่งที่เขียนเป็นคำเตือน โปรดใช้วิจารณญาณ

 

โธ่เอ๊ย

สมัยก่อนเขาไม่มี แว่นกันแสงแดด คนโบราณเขากลัว ลูกหลานตาจะบอด เขาก็เลย มีอุบายบอก หลอกเด็กไงครับ

เขารักลูก ห่วงหลานจึงออกบุราณอุบาย

นี่คือจุดอ่อน ของสังคมไทย ที่ไม่ใช้เหตุผล ไงครับ

ถ้ามีความคิดแบบมีเหตุมีผล คนไทย คงพัฒนาไปไกลกว่านี้ครับ

 

แล้วแต่ควมคิดครับผมคน1เคยดูตอนเด็กๆๆพอโตมาไม่เคยดูครับ

 

ตอบ แบบ ธรรมครับ สมมุตว่ามันเป็นตามทีบอกจริงงงงงง พวกเราตายทุกคนครับ พระอาทิตย์ เป็นองค์เทพ ผู้ให้กำเนิด ข้าวปลาอาหาร เพราะต้นไม้ต้องได้รับแสงแดดครับ ถ้าไม่มีท่านดวงอาทิตย์ เราอดตาย สุมมุติว่าท่านจะทำร้ายเราบ้างก็ช่างมันเถอะครับ เพราะมันแปปเดียว ไม่ถึง ชั่วโมง เพราะตลอดชีวิตของเรา เราต้องการแสงอาทิตย์ เพือปรุงอาหาร แก่พิช ฃึ่งเป็นหลักใหญ๋คือข้าว ดังนั้นอย่าสนใจครับ ท่านทำร้ายเราอยู่อย่างเดียวครับ คือ รังษีวียู ตากแดดมาก หมอเขาว่า เป็นมะเร็งผิวหนัง ดังนั้น เลี่ยงแสงแดดจร้าครับ ดังนั้น ลืมมันเถอะครับ แล้วเอาผ้าไปตากแดด ดีกว่า จะได้ไม่เหม็นอับ มีประโยชน์กว่าความกลัว ครับ แต่ถ้าตอบแบบนักพยากรณ์ ก้ตอบว่า คนยิ่งใหญ่จะหมดอำนาจครับ

 

นานาจิตตังครับ มีสติดีกว่าครับ ทุกอย่างแล้วแต่ความคิดของคนแต่ละคน
ใครดูแล้ว ไม่เกิดไร ก็ มาบอกัน อีกที นะครับ

 

ไม่น่าเกี่ยวนะครับ คุณ ศิษย์ธรรมเทพ เพราะเหตุใด เดี๋ยวผมมาวิเคราะห์ แป๊บ

 

บางอย่างมีพลังงานที่มองไม่เห็นอยู่

ฟังหูไว้หู แต่ไม่ดูก็ดีแล้ว เสี่ยงดวงตาเสียหาย >_<

อย่างแรงดึงดูด ตอนนี้วิทยาศาสตร์ก็เริ่มเจอแล้ว

ว่ามีพลังงานที่ทำหน้าที่ของมัน ไม่แน่การบินอาจเป็นเรื่องธรรมดาในอนาคต

การที่มองไม่เห็นและวิทยาศาสตร์ยังไม่เจอ ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่จริง

แค่วิทยาศาสตร์ของเรายังก้าวไม่ถึงขีดสุด แค่นั้นเอง

 

ก็คิดว่าคงจะมีผลกระทบบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ..
คิดดี ทำดี พูดดี ปฎิบัติดี เท่านี้ก็สุขใจ
-------------------------------------------------
อนุโมทนาบุญครับ

 

อย่าดูถูกภูมิปัญยาของคนโบร่ำโบราณนะครับเพราะเรี่องบางอย่างเราก็ไม่อาจพึสูจนได้ด้วยวึทยาศาสตร ทั้งนี้การที่จะมีผลกะทบกับผู้ดูมั้ยมันมีองคประกอบหลายๆอย่างในหลักโหราศาสตร์ เหมีอนไข้หวัด2009ที่เขารณรงกันใหญ่โตทำไมบางคนติด ทำไมบางคนไม่ติดเพราะคุณจะไม่รู้หรอกว่าในตัวคุณมีภูมึคุ้มกันแค่ไหน พอที่จะต้านทานเหมีอนกับดวงคนเราน่ะครับบางคนดวงอ่อนบางคนดวงแข็ง ปะเหมาะเคราะไม่ดีดาวในพี้นดวงทำมุมไม่ดีอยู่แล้ว พอมารับอึทธึพลจากคราสเข้าอีกเลยโป๊เชะ ดังนั้นจะใส่น่ากาก จะดูหรีอไม่ดู ก็อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ล่ะท่านล่ะครับ

อนุโทนากะจขกทที่มาเตีอนนะครับ:z12

 

ขนาดเห็นดวงอาทิตย์ แดดจัดๆแจ้งๆทุกวันดวงชะตาไม่เห็นจะดีขึ้นเลย
หรือดูจากคนที่ทำงานกลางแดดจัดๆกันคนที่ทำงานในร่มแอร์เย็น ใครละเงินดีกว่ากัน

 

ใช้สติพิจารณาแล้วจักเกิดปัญญาคับ

 

*** มันเป็นเรื่อง แรงดึงดูดระหว่างมวลของพระอาทิตย์ต่อโลกมีแนวตรงกับแรงดึงดูดระหว่างมวลของพระจันทร์กับโลกครับ ทำให้เกิดการเสริมแรงกันขึ้นเป็นอย่างมากเพราะพระจันทร์อยู่ใกล้กับโลก

*** F = g M1.M2/ R.R หมายความว่า แรงดึงดูด เท่ากับมวลพระอาทิตย์(M1)คูณมวลของโลก(M2)หารด้วยระยะห่างของพระอาทิตย์กับโลกยกกำลังสอง(คูณด้วยค่าคงที่(g)ตัวหนึ่ง ไม่ต้องสนใจครับ) นี่ สมการที่1
*** แรงดึงดูดระหว่างโลก(M1)กับพระจันทร์ (M2) สมการที่สอง .....สมการอื่นๆ คิดเป็นก็จินตนาการเอาเอง อิอิอิอิ
*** แรงทั้งส่วน 2 นี้ที่กระทำต่อโลกมีอยู่ตลอดเวลา แต่มากน้อยแปรผันตามระยะห่างของวัตถุทั้ง 3 นี้ ) แต่ น่าร้อนจะมีมากกว่า และพระจัทร์มีส่วนมากด้วยเมื่อแรงดึงดูดเป็นแนวเดียวกัน ครับ ..นึกเอาพูดมากกว่านี้ เดียวทุกคนจะขาดจินตนาการ อิอิอิอิ

 

เป็นเพียงประกฎการณ์ทางธรรมชาติ เกิดมาตั้งนานแล้ว

 

ผมมาสรุปให้หลังจากสุริยุปราคา ผ่านไปแล้ว
ผมยืนยันว่าเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติครับ แต่ผลที่กระทบนั้นวิทยาศาสตร์ก็อธิบายได้ไม่ทั้งหมด เปรียบได้ดังเรื่องที่ พระอรหันต์นั้นเมื่อนิพพานแล้วกระดูกจะตกผลึกเป็นพระธาตุก็เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่วิทยาศาสตร์ก็หาข้ออธิบายไม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธในสิ่งที่เรายังไม่รู้ เพราะโบราณมานิทานเรื่องปลากับเต่า บอกว่า เต่าเล่าให่ปลาฟังว่าเหนือน้ำนั้นมีสิ่งต่างๆมากมาย ปลาไม่ยอมเชื่อเพราะว่าตนนั้นขึ้นไปเหนือน้ำไม่ได้ (เหมือนที่นักวิทยาศาสตร์ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนพิสูจน์ไม่เป็น) เพราะฉะนั้น นักปราชญ์จะทำตัวเป็นชาครึ่งถ้วยเสมอเปิดรับแต่ไม่งมงาย ฟังไว้หาวิธีแก้ไข ไม่ใช่ปฏิเสธอย่างเดียว

เมื่อผ่านปรากฏการณ์ตามธรรมชาติมาแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าเมืองหลวงของไทย ได้รับการช่วยเหลือจากธรรมชาติ(สิ่งศักดิ์สิทธิ์) เพราะท้องฟ้าส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ ปิดคือมีฝนตกในช่วงเวลาดังกล่าวทำให้ไม่ต้องอาเภทรุนแรง(แต่ก็คงไม่เบา)

ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ไม่ดูถูกผู้อื่นไม่ปรามาศว่าร้ายผมเกินไป

 

คิดว่ามีส่วนค่ะ..ปี2538เจอกับตัวเองมาแล้ว..ปีนี้ฝนตกทั้งวันจึงมองไม่เห็น...

 

*** วันนี้ ผมเขียนยันต์สุริยะประภาได้ 6 ใบ เพื่ออนุรักษ์มรดกของคนโบราณที่ท่านนิยม จารไว้ที่กะลาตาเดียว แต่มันทำได้น้อยและยุ่งยาก เลยขอนอกคอกบ้าง มีการพุทธาภิเศกเมื่อใดคงได้เอาไปเข้าพิธีอีกครั้ง ........*** ผมเคยเขียนและปลุกตามตำรา เมื่อราวปี 2549 ในฤกษ์ทั่วไป ได้ผลดีมาก มีคนนำอาหาร พาไปเลี้ยงข้าวแพงๆ 3 วันติดต่อกันแบบเหลือเชื่อ นอนไปคิดไปแม้คืนที่สาม ยังขำไม่หาย ว่า..นี่คืนวันที่ 3 แล้วนะตรูยังแน่นท้องมากๆ อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ...เพราะตอนนั้นผมประสพปัญหาการเงิน อาชีพ...เพราะขี้เกียจทำงานขึ้นมาดื้อๆ รู้สึกการมีชีวิตมันวุ่นวาย เราเกิดมาทำไหม เพื่อสิ่งใดกันแน่ ที่เป็นนี่มันไม่ใช่..อกุศลกรรมกำลังเข้าทีเดียว... นับแต่ปี2546-2549 ตอนนั้น..นานจริงๆ

*** นับแต่ทำตระกรุดดอกนี้ได้แล้ว ผมเก็บไว้ที่กระเป๋าทำงานตลอดเวลา ผมก็มีความเป็นอยู่ดีขึ้นเรื่อยๆ(พึ่งมาสังเกตตอนนี้เองครับ) นับแต่ มีคนเปิดร้านค้าและลงทุนให้ ในปี2550 ตามมาด้วยการมีรายได้จากการทำวัตถุมงคลบางส่วน...พออยู่ได้ จากนั้น ทางบ้านผมเกิดได้เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรการเกษตรรายใหญ่ที่สุดถึง 2 จังหวัด..ในภาคกลางไม่ขอระบุจังหวัดนะครับ...เดิมผมไม่เคยไปยุ่งกับงานทางบ้านเท่าใด แต่เนื่องด้วยงานมากและต้องการคนที่ไว้ใจ และเป็นเรื่องงานเอกสารและทำงานจุกจิกได้ น้องชายตัวดีเลยชวนให้กลับมาช่วยกิจการทางบ้าน ทั้งที่ผมไม่เคยเหลียวแลทรัพย์สมบัติทางบ้านเลย....ครับ แปลกแต่จริง ผมได้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศนานๆ มีคนเรียกว่าเฮียครับ..เฮีย(ออกเสียงให้ถูก เด้อ..55555)


*** พอทำตระกรุดได้ไม่นาน กระแสจตุคามท่านก็ดังมากๆ ผมกลับไปบ้าน ก็ได้ทำบุญบูชากับน้องชายไปหลาย...บาท แต่เราทั้งสอง ได้มุ่งมั่นที่จะทำบุญไปด้วยครับ(ส่วนใหญ่จะเอาเงินทำบุญบูชาท่านไปสร้างวัด) แม้จะเห็นว่าเป็นการเก็งกำไรด้วยก็ตาม แต่เราขอท่านได้เสมอๆ การค้าดีมากที่สุดในชีวิตที่ค้าขายมา เพิ่มเป็น 4-10 เท่า จากเดิม จึงทำเฉยจริงๆเมื่อกระแสท่านลง แล้วท่านก็สงเคราะห์ทิ้งทวนให้จริงๆครับ ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า เราอยู่ดีกินดี และสนใจการบุญการกุศล มานับแต่นั้นเลยครับ.... บุญ-บาปมีจริง....

 

ครับผ้ายันต์เราทำได้ง่ายๆ หากเป็นรูปภาพให้ท่านนำแบบมาถ่ายเอกสารและนำมาวางบนผ้า(ควรเป็นผ้าเนื้อละเอียดหน่อย) แล้วใช้ภู่กันจุ่มทินเนอร์ทาบนรูปที่ถ่ายเอกสารมาให้ด้านที่พิมพ์ติดผ้านะครับ ระวังอย่าให้กระดาษเขยื่อน...เท่านี้ ท่านก็จะได้รูปสวยๆที่ผ้าแล้วครับ


*** ส่วนเลขยันต์ต้องลบออกก่อนนำมาทาทินเนอร์นะครับเพราะต้องลงเอง..ลงแล้วปลุกตามตำรา แต่มีวิธีที่ผมใช้คือ ท่านต้องขอบารมีพระราหูที่มีบารมีมากที่สุด เท่าที่จะทราบได้คือ...พระอสุรินร์ราหูโพธิสัตว์ ซึ่งจะมาเป็นพระพุทธเจ้าในภัทรกัปล์หน้า นามว่าสมเด็จพระพุทธนารทะ ครับ..ส่วนพระราหูอื่นส่วนใหญ่น่าจะเป็นเทวดา.แต่ที่ไม่ใช่ก็ มีมาแจม ดังนั้นให้ชุมนุมเทวดาก่อนปลุกก็จะดีครับ พวกตาดีๆยังโดนหลอกกันมามากแล้ว... ลงอักขระเสร็จก็เพิ่มเติมตามแบบผมเอง โดยลงยันต์องค์พระและ ลงอักขระคำว่า "พุท ธะ สัง มิ" เหนือพระยันต์สุริยะประภานี้ครับ ตอนจะปลุกมีความรู้สึกแทรกมาว่าให้ลงคาถาปัดอุปสรรคไว้ด้วย ว่า "สัม ปะ จิต ฉา มิ" ครับ

*** ตามประสพการณ์ เมื่อปี 2549 ตอนปลุกได้ 100 จบแล้วจะเสร็จที่ 108 ครับ ได้เกิดไฟฟ้าในบ้านดับลงชั่วขณะ ทำให้ผมมั่นใจแปลกๆอยู่ครับว่าแสงสว่างดับลง..น่าจะใช้ได้..และประสพการณ์ก็ปรากฏตามที่เล่าไปก่อนหน้านี้แล้ว แสดงว่ามีผลอยู่บ้าง

*** เมื่อวันที่ 21 กค.52 ผมได้มอบตระกรุดดอกดังกล่าวให้เพื่อนสนิทไว้ เพราะเพื่อนท่านนี้เป็นคนดังที่ได้ออกทีวีหลายครั้งแล้ว สายนี้พระราหูจะช่วยเขาได้มาก ตอนให้เขาก็ดูๆและส่งกลับมา ผมบอกว่าให้ยืมเพราะเป็นของที่หวงมาก ติดกระเป๋ามานาน ระหว่างทานข้าวอยู่ ผมก็เล่าเรื่องที่เล่าให้เพื่อนๆฟังนี่แหละครับ ปรากฏว่าทานกันเสร็จ กำลังจะแยกย้ายกันกลับ ไฟฟ้าในร้านก็ดับลง ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็มา พร้อมกับสีหน้าเพื่อนที่เปลี่ยนไปและผมส่งตระกรุดให้ไป ปรากฏว่าจะเอามาร้อยใส่เอวทันที(ท่านนี้ชอบใส่ตระกรุดมากสงสัยเป็นคนสมัยโบราณ อิอิอิ)


*** ครับ ผ้ายันต์ที่เขียนวันที่ 22 กค นี้ เวลาปลุกก็เลยดับไฟเลยครับเพราะมันเกิดที่ท้องฟ้าอยู่แล้ว.....และเป็นการแก้ทางกำลังใจเรา ว่าจะได้ไม่ต้องสนใจเรื่องประสพการณ์คราวที่แล้วที่ไฟฟ้าดับ...ตัดปัญหาเลยด้วยความคิดที่แว็บมาก่อนปลุก...ปรากฏว่าเสร็จแล้วเอามาให้เพื่อนที่ทำงานดู ซึ่งจะต้องให้เขาเพราะสัญญาไว้ แต่ยังไม่เข้าพุทธาภิเษกเลย ผมออกไปธุระข้างนอก กลับมาเขาบอกว่าพอผมออกไปไฟฟ้าก็ดับ....ผมขำๆ แล้วก็เดินไปหยิบ 1 ผืนมาให้เขาไป ที่เหลือรอเข้าพิธีต่อไป...ผมนี่..คุยจัง..ช่วงนี้ อิอิอิ