รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Inner smile ครับ

    ปรึกษาน้อง Xorce หน่อยครับ
    1.เรื่องนอนสมาธิ ตอนนอนพี่ทำด้วยการนอนกำหนดจิตวิ่งขึ้น-ลง จากเท้าไล่ขึ้นศรีษะจากศรีษะลงเท้า ช่วงหลังมีปัญหาตอนเคลิ้มๆจะรู้สึกเหมือนมีอะไรวิ่งอยู่ในข้อพับขาขวาทำให้กระตุก+จักจี้ เลยพาลทำให้นอนไม่หลับ ช่วงหลังนี่เล่นโผล่ข้อพับแขนขวาด้วย ช่วงหลังลองหยุดทำสมาธิตอนนอน อาการนี้ก็หายไปด้วย ช่วยแนะนำด้วยครับ คือถ้าไม่ทำสมาธิ ปกติหัวถึงหมอนไม่เกิน 5 นาทีหลับแล้ว
    2.ถ้านั่งสมาธิก่อนนอน ไล่ตั้งแต่ช่วงจมูก+แก้มขึ้นไปจนถึงกระหม่อม มันจะตึง+เย็นมาก (นั่งช่วงเช้าก่อนไปทำงานไม่เป็น ส่วนใหญ่จะตัวโล่งเบา)<!-- google_ad_section_end -->

    เปลี่ยนมาทำสมาธิด้วยการจับลมหายใจแทนครับ
    จับลมหายใจสบายๆ จนลมหายใจหยุดนิ่ง

    ถ้าเราฝึกปฏิบัติได้ถูกต้องอารมณ์จิตจะต้องมีความเบาสบาย ต้องสามารถหลับได้อย่างเป็นสุข
    การปฏิบัติใดที่ทำให้เรานอนหลับไม่ได้ เกิดความไม่สบาย ระคายเคืองแก่ร่างกายและจิตใจ
    การปฏิบัตินั้นเป็นไปเพื่อความสุขหรือไม่ ขอให้ลองพิจารณาครับ

    เราต้องเลือกวิชาที่จะฝึก เลือกเฉพาะวิชชาของพระพุทธศาสนา ของพระพุทธเจ้า
    ฝึกจนแตกฉานทีละวิชชา อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนไม่ก้าวหน้าในวิชชาใดๆเลย

    ถ้าจับลมหายใจ ก็ต้องฝึกจนลมหายใจหยุด สงบระงับ
    ถ้าแผ่เมตตาก็ต้องให้จิตมีความชุ่มเย็น

    ขอให้กราบขอขมาพระรัตนตรัย และหันกลับมาปฏิบัติในแนวทางแห่งสัมมาทิฏฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติดังเดิม และมีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    พี่ชัด ผมลองนั่งแล้วปล่อยให้จิตมันว่าง พอมันว่างปุ๊ป มันก็นิ่งจนเหมือนไม่ยอมรับรู้อะไรกระทั่งลมหายใจยังเหมือนขาดช่วง เสียงก็ได้ยินเสียงของหัวใจเต้นมันเหมือนกับว่าเราคุมตัวเองไม่ได้เลย มันเป็นอย่างนี้ที่เรารู้สึกมันเหมือนผ่านไปแค่เสี้ยววินาที แต่ผมปลุกนาฬิกาไว้ ตอน7โมง รู้สึกตัวอีกทีตอน11โมง20 เริ่มนั่งตั้งแต่6โมงครึ่ง ยังงงๆอยู่ว่ามันเป็นเพราะอะไร ผมเลยอยากถามให้แน่ใจหน่ะครับ

    เป็นฌาณละเอียดครับ บางครั้งจะนานหลายชั่วโมงแบบนี้แหละครับ
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านจะแนะนำว่า ก่อนที่จะเข้าให้เราอธิษฐานไว้ก่อน
    ว่าจะเข้านานซักแค่ไหน จะได้ไม่เลยเวลาที่เราต้องการ พอถึงเวลา

    เช่น 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง มันจะถอนเองเลยครับ ไม่งั้นบางครั้งจะเลย
    หลวงพ่อท่านเคยเข้า6โมงเย็น รู้สึกตัวอีกทีประมาณ7โมงเช้า

    ให้เราอธิษฐานปักหมุด เป็นวสี จดจำอารมณ์เอาไว้ด้วยครับ ว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์นี้ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพรนะพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง จะได้เข้าออกได้คล่องครับ


    ช่วงพักหลังมาผมขาดการนั่งสมาธิเพราะนอนดึกจากการทำงาน 2-3วัน เหมือนกับมีคนเตือนผมอยู่ในใจว่า ให้นั่งได้แล้วเลยต้องกลับมานั่งใหม่

    พักนี้มีโดนเตือนหลายคนเหมือนกันครับ

    ส่วนเรื่องผู้หญิงคนที่ผมนึกถึงระหว่างที่เคยนั่งสมาธิช่วงนี้หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าหมดความรู้สึกห่วงหรืออย่างไร แต่เวลาที่นึกถึงเขาเดี๋ยวนี้มันรู้สึกสบายใจ เหมือนกับรู้สึกว่าช่วงนี้เขามีความสุขดีแล้ว เมื่อก่อนเวลาคิดถึงแน่นหน้าอกพอสมควร อาจจะเกิดจากอาการคิดมากซึ่งเป็นปกติวิสัยของผมเอง (คิดว่านะ)

    แน่นหน้าอก เพราะจิตพะวงมากเกินไปน่ะครับ
    พอใจสบายไม่พะวงแล้ว ก็จะหายแน่นไปเองครับ

    ขอให้สามารถรักษาจิตที่มีความสงบสุข ชุ่มเย็นได้ตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  3. nut1319

    nut1319 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +651
    อนุโมทนาสาธุค่ะ แล้วจะปฏิบัติตามค่ะ
     
  4. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    ขอบคุณครับ น้อง Xorce
    ปกติพี่จับลมหายใจเกือบทั้งวันอยู่แล้วครับ ช่วงแรกๆเผลอไปบังคับลม ตอนหลังไม่ได้บังคับแล้ว มีบ้างนานๆครั้งก็เผลอไปบังคับโดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน ส่วนใหญ่นั่งสมาธิช่วงเช้าลมหายใจหยุดสงบนิ่งแทบทุกครั้งครับ มีบ้างในบางครั้งจะออกจากสมาธิแล้ว จิตกลับดิ่งลึกเข้าไปในสมาธิอีก (ไม่บ่อย)
    ส่วนกลางคืนจะพักไปซักระยะนึงครับ ขอบคุณครับ
     
  5. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    คือผมไม่รู้ว่ามันจะเข้าหรือไม่เข้ายังไงหน่ะครับ ยังงงๆอยู่ เพราะบางทีผมปล่อยให้จิตมันนิ่ง แต่ในใจมันก็ยังฟุ้งซ่าน หรือบางที่ก็รู้สึกแค่สมาธิจดจ่อที่ลมหายใจเท่านั้นเองครับ ผมยังพอจำอารมณ์ของวันนั้นได้อยู่ จำเป็นต้องจดจ่อที่อารมณ์ของวันนั้นด้วยรึปล่าวครับ

    ช่วงหลังนี้ผมต้องเริ่มแบ่งเวลาแล้วหน่ะครับ ทำอะไรมากเป็นอย่างๆคงไม่ได้ ต้องแบ่งให้มันพอกันหมด เรียน เล่น ฝึกจิต ฝึกกาย นอน เลยกลัวว่าบางทีเราใช้เวลามากเกินไปในการนอน หรือการเล่น กับการฝึกจิต ผมก็ยังห่วงอยู่บ้าง เนื่องจากแต่ก่อนนอนไม่เป็นเวลาทำให้เสียนิสัยตื่นสายประจำ
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    คือผมไม่รู้ว่ามันจะเข้าหรือไม่เข้ายังไงหน่ะครับ ยังงงๆอยู่ เพราะบางทีผมปล่อยให้จิตมันนิ่ง แต่ในใจมันก็ยังฟุ้งซ่าน หรือบางที่ก็รู้สึกแค่สมาธิจดจ่อที่ลมหายใจเท่านั้นเองครับ ผมยังพอจำอารมณ์ของวันนั้นได้อยู่ จำเป็นต้องจดจ่อที่อารมณ์ของวันนั้นด้วยรึปล่าวครับ

    ไม่ต้องไปพยายามเข้ามากครับ จิตจะฟุ้งซ่าน
    ให้เราอธิษฐานขอเข้าสู่อารมณ์เดิม แล้วก็ทำสมาธิไปตามปกติครับ

    ตอนนี้ให้จับลมหายใจจนลมหายใจหยุด
    แล้วหันมาฝึกในขั้นเมตตาอัปปมาณฌาณ ต่อไปได้เลยครับ

    ช่วงหลังนี้ผมต้องเริ่มแบ่งเวลาแล้วหน่ะครับ ทำอะไรมากเป็นอย่างๆคงไม่ได้ ต้องแบ่งให้มันพอกันหมด เรียน เล่น ฝึกจิต ฝึกกาย นอน เลยกลัวว่าบางทีเราใช้เวลามากเกินไปในการนอน หรือการเล่น กับการฝึกจิต ผมก็ยังห่วงอยู่บ้าง เนื่องจากแต่ก่อนนอนไม่เป็นเวลาทำให้เสียนิสัยตื่นสายประจำ<!-- google_ad_section_end -->

    ฝึกจิตนี่ เราสามารถทำได้ตลอดทั้งวันครับ
    จะเรียน เล่น ออกกำลังกาย ก็สามารถประคองจิตให้เป็นสมาธิ จับลมหายใจ หรือแผ่เมตตาได้ตลอด
    ให้เราปฏิบัติ รักษาใจเอาไว้ ในทุกๆอิริยาบถ การปฏิบัติของเราจะยิ่งก้าวหน้าได้เร็วครับ
     
  7. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ผมจะอธิบายอารมณ์ของผมคร่าวๆนะคับมันเหมือนกับตัวผมโปร่งใสและ ข้างในเหมือนมีก้อนน้ำแข็งที่เย็นๆอยู่ตรงลิ้นปี่อ่ะคับแต่ยังเม็ดเล็กเท่าสองนิ้วมือติดกันแล้วแผ่ออกไปยังกับสายน้ำที่พุ้งฉีดออกไปเป็นละอองไอน้ำแต่พุ้งโดยที่ไม่มีน้ำหนักนะครับ มันไม่ตกลงพื้นแต่มันจะพุ้งตามทิศทางที่ออกไป มันออกไปทั่วเลยครับ360องศารอบตัวผมเลย แผ่ทีจะมีความรู้สึกขนลุกด้วยครับ วันนั้นมันขนลุกที่ว่ามันไม่ใช่มันเยอะเกินจะเรียกว่าขนลุกแล้วอ่ะคับ ตัวมันจะลอยเลย ก็อารมณ์ประมาณนี้ครับเมื่อไหร่ที่ผมกำหนดจิตมันจะรู้สึกตึงและแน่นไปทั่วไม่เว้นกระทั้งอาการเก็งตรึงบริเวณหน้าผากปลายจมูกคอ แต่ผมก็แผ่เมตตาหลังจากกำหนดจิต เหมือนกับ ผมกำหนดจิตให้นิ่งเสร็จแล้วก็ขยายให้อาการเกร็งนั้นหายไป แต่ไม่กำหนดก็ได้นะครับ จะแผ่เมตตาอย่างเดียวก็ได้แต่จิตมันจะไม่นิ่งมันคอยนึกเรื่องนู๊นเรื่องนี้หน่ะคับ ก็เลยต้องกำหนด

    อ่อแล้วอีกอย่างนึงนะคับ ผมนึกจะแผ่ไปที่ไหนให้กับใครมันก็จะรู้สึกและสัมผัสได้คับว่าเราส่งไปแต่เค้าจะได้หรือไม่นั้นผมก็ไม่แน่ใจแต่ที่ผมแน่ใจคือผมได้ส่งออกไปคับ และก็สามารถกำหนดส่งไปให้ใคร ที่ไหนสถานที่ โดยรวม หรือ เจาะจงก็ได้คับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มิถุนายน 2009
  8. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    ผมจะอธิบายอารมณ์ของผมคร่าวๆนะคับมันเหมือนกับตัวผมโปร่งใสและ ข้างในเหมือนมีก้อนน้ำแข็งที่เย็นๆอยู่ตรงลิ้นปี่อ่ะคับแต่ยังเม็ดเล็กเท่าสองนิ้วมือติดกันแล้วแผ่ออกไปยังกับสายน้ำที่พุ้งฉีดออกไปเป็นละอองไอน้ำแต่พุ้งโดยที่ไม่มีน้ำหนักนะครับ มันไม่ตกลงพื้นแต่มันจะพุ้งตามทิศทางที่ออกไป มันออกไปทั่วเลยครับ360องศารอบตัวผมเลย แผ่ทีจะมีความรู้สึกขนลุกด้วยครับ วันนั้นมันขนลุกที่ว่ามันไม่ใช่มันเยอะเกินจะเรียกว่าขนลุกแล้วอ่ะคับ ตัวมันจะลอยเลย ก็อารมณ์ประมาณนี้ครับ

    อารมณ์ของเมตตานี้ ปฏิบัติได้มีความละเอียดดีแล้วครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ

    เมื่อไหร่ที่ผมกำหนดจิตมันจะรู้สึกตึงและแน่นไปทั่วไม่เว้นกระทั้งอาการเก็งตรึงบริเวณหน้าผากปลายจมูกคอ

    ตอนกำหนดจิตเราใช้อารมณ์หนักไปมากครับ ให้เราหาอารมณ์ใจที่เบาสบายกว่านี้ครับ
    ถ้าเราอารมณ์หนักมาก จะทำให้เมตตาไม่เย็นเท่าที่ควร

    เวลาเราจะกำหนดจิตนะครับ ให้เราผ่อนคลายทำใจเบาๆ สบายๆ
    ดูลมหายใจ จนกระทั่งลมหายใจหยุดนิ่ง
    ถ้าคล่องแล้วจะกำหนดให้จิตหยุดเลยก็ได้
    พอจิตหยุดนิ่ง ด้วยความ เบาสบายแล้ว เราจึงค่อยแผ่เมตตาครับ

    อย่าใช้อารมณ์ที่หนัก จนถึงขนาดรู้สึกเกร็งทั้งตัว
    ถ้าเราวางอารมณ์ถูก จะไม่มีอาการเกร็งเลยครับ

    แต่ผมก็แผ่เมตตาหลังจากกำหนดจิต เหมือนกับ ผมกำหนดจิตให้นิ่งเสร็จแล้วก็ขยายให้อาการเกร็งนั้นหายไป แต่ไม่กำหนดก็ได้นะครับ จะแผ่เมตตาอย่างเดียวก็ได้แต่จิตมันจะไม่นิ่งมันคอยนึกเรื่องนู๊นเรื่องนี้หน่ะคับ ก็เลยต้องกำหนด

    อ่อแล้วอีกอย่างนึงนะคับ ผมนึกจะแผ่ไปที่ไหนให้กับใครมันก็จะรู้สึกและสัมผัสได้คับว่าเราส่งไปแต่เค้าจะได้หรือไม่นั้นผมก็ไม่แน่ใจแต่ที่ผมแน่ใจคือผมได้ส่งออกไปคับ และก็สามารถกำหนดส่งไปให้ใคร ที่ไหนสถานที่ โดยรวม หรือ เจาะจงก็ได้คับ<!-- google_ad_section_end -->

    ที่แก้ไขก็มีตรงการกำหนดจิตครับ เราจะต้องใช้อารมณ์ที่เบากว่านี้
    แล้วเดี้ยวผมจะนำการฝึกในขั้นต่อไป มาลงให้ครับ

    ขอให้สามารถเข้าถึงอารมณ์จิตที่มีความเบา สบาย หยุดนิ่ง ไม่ซัดส่าย และเข้าถึงซึ่งอารมณ์ของเมตตาที่มีความชุ่มเย็น ยิ่งๆขึ้นไป ได้อย่างฉับพลันทันใดด้วยเทอญ
     
  9. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    เมตตาอัปปมาณฌาณ นี่ต้องทำอย่างไรบ้างครับ ผมตอนนี้แผ่เมตตา อย่างที่พี่ชัดบอก แผ่เสมอทุกครั้งที่ทำบุญ นึกถึงสัมภเวสี ผี เจ้ากรรมนายเวร ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พ่อแม่ คนในครอบครัว ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เรานึกขึ้นมาได้ ทุกครั้งที่กินอาหารเสร็จ แผ่ให้สัตว์ที่เรากินไป แผ่ให้คนที่เขาฆ่าสัตว์เพื่อที่จะให้เราได้กิน แผ่ให้ถึงคนทำอาหารให้เรากิน แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแปลกนะครับ ปกติผมเป็นคนมีความสุขตลอดเวลาอยู่แล้วด้วย เว้นแต่ช่วงที่มีคนมากวนอารมณ์ผมอารมณ์ร้อนง่ายมาก ก็พยายามดูตัวเอง สำรวจตัวเอง อารมณ์มันร้อนขึ้นมาผมก็สงบมันลง ช่วงนี้เลยไม่ค่อยว่าใคร ไม่ค่อยบ่นงึมงำ แต่ยังรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ร้อนอยู่
    แล้วก็พยายามฝึกสมาธิในทุกอิริยาบทอยู่ แต่พอฝึกตอนเล่นกีฬา เล่นไม่ค่อยออกครับตอนเล่นเกมหัวมันก็จดจ่ออยู่กะเกม เสียมากกว่าแต่ก็พยายามเล่นไปแล้วก็สัมผัสถึงลมหายใจไป ตอนเดิน นั่ง นอน กิน เรียน ผมสัมผัสลมหายใจไปด้วยได้หมดแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2009
  10. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    เรียน ท่านผู้รู้ ที่มีจิตเมตตา
    ผมขอคำปรึกษาด้วยครับ เพราะตอนนี้ผมมีปัญหา
    " ปัญหาของผมคือ การเข้าภาวะไม่หายใจของผมไม่ทรงตัว " ทำอย่างไรผมจึงจะเข้าได้ทุกวัน? ขอบคุณมากครับ
     
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    ขอให้อ่านและทำตามไปเลยครับ
    <O:p></O:p>
    ให้เราจับลมหายใจจนลมหายใจหายไป เสร็จแล้วให้เราประคองอารมณ์นิ่ง หยุดคิดอาการหยุดของจิตเอาไว้<O:p></O:p>
    จะเป็นอารมณ์ที่นิ่ง หยุด ไม่มีการคิดไม่มีการซัดส่าย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากนั้นให้เราประคองความสงบนิ่งเอาไว้ซักระยะหนึ่ง<O:p></O:p>
    เสร็จแล้ว ให้เราพิจารณาต่อไปว่ายังมีอารมณ์จิตที่มีความสุขสงบ ประณีตยิ่งขึ้นไปกว่านี้<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ขอให้ทุกๆคนที่ได้อ่านข้อความนี้ลองทำตามไปเลยนะครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    หลังจากนั้น ให้เรานึกถึง<O:p></O:p>
    ควมสุขกายสุขใจ ความอิ่มเอิบกายอิ่มเอิบใจความชุ่มเย็น ความเบากายสบายใจความรัก ความเมตตาความปรารถนาดีต่อผู้อื่น บุญกุศล คุณงามความดี <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ให้ความรู้สึกแห่งความสุข ความชุ่มชื่น ชุ่มเย็น ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามา<O:p></O:p>
    จนกระทั่งความสุขกายสบายใจ อิ่มเอิบใจ เอ่อล้น ท่วมท้นในดวงจิตของเรา<O:p></O:p>
    จนดวงจิตของเราเริ่มรู้สึกชุ่มเย็น เบาสบายอิ่มเอิบอิ่มเอม<O:p></O:p>
    จนจิตใจของเราแย้มยิ้มกายภายนอกของเราก็แย้มยิ้ม<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ดวงจิตของเราเป็นเหมือนกับดอกบัวดอกบัวนี้เป็นเหมือนดอกไม้แห่งความดีงามในจิตใจของเรา<O:p></O:p>
    ที่ค่อยๆ เบ่งบานขึ้น จนกระทั่งดอกบัวนี้ เบ่งบานแย้มกลีบออกมา<O:p></O:p>
    ความดีงามของเราก็ตื่นขึ้นจากภายในพร้อมๆกัน<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ให้ความสุข ความแช่มชื่นใจ หล่อเลี้ยงดวงจิตของเรา<O:p></O:p>
    จนดวงจิตของเราเบิกบาน เอิบอิ่ม เปี่ยมด้วยความรักความเมตตา ต่อผู้อื่น
    เราจะสัมผัสได้ถึงความชุ่มเย็น ที่บริเวณลิ้นปี่ของเรา
    <O:p></O:p>
    จากนั้นก็ให้เรานึกภาพ จินตนาการ ทำความรู้สึกว่า<O:p></O:p>
    มีคลื่นสีทองแห่งความเมตตาชุ่มชื่นชุ่มเย็นนี้แผ่ขยายออกมาเป็นวงกว้างจากดวงจิตของเรา จากลิ้นปี่ของเรา
    แผ่ออกไปปกคลุมยังทุกๆคนที่อยู่ในห้องของเราจนห้องของเราเรืองแสงสว่างเป็นสีทองทั้งหมด<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากห้องของเราแสงสว่างสีทองนี้ ก็แผ่ขยายออกไปจนปกคลุมยังบ้านทั้งหลังของเรา<O:p></O:p>
    ขอให้ทุกๆคน ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ มีแต่ความสุข ความรักความเมตตาความปรารถนาดีต่อกัน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากบ้านของเราแสงสว่างสีทองนี้ก็แผ่ขยายออกไปจนปกคลุมยังบริเวณรอบๆบ้านของเรา<O:p></O:p>
    และขยายออกไปเรื่อยๆ ยังทั้ง ตำบล อำเภอยังทั้งจังหวัดที่เราอาศัยอยู่<O:p></O:p>
    จนกระทั่งจังหวัดของเราเรืองแสงสว่างเป็นสีทอง<O:p></O:p>
    ขอให้ทุกๆคนที่อยู่ในจังหวัดนี้มี แต่ความสุขกายสบายใจมีแต่ความรักความเมตตาต่อกัน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากจังหวัดนี้เรืองแสงสว่างสีทองก็ให้เราแผ่คลื่นสีทอง แห่งความรักความเมตตาของเราออกไป<O:p></O:p>
    จนปกคลุมยังทั้งประเทศไทยเอาไว้ทั้งหมดเห็นว่าประเทศไทยเรืองแสงสว่างเป็นสีทอง<O:p></O:p>
    ขอให้ทุกๆคนในประเทศไทย มีแต่ความรักความปรองดองสมานฉันท์ ไม่มีศึกสงคราม ไม่มีความแตกแยก มีแต่ความรักความเมตตาต่อกันปราศจากซึ่งภัยพิบัติอันตรายทั้งปวง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากประเทศไทย คลื่นแห่งความเมตตาของเราก็แผ่ขยายจนไปปกคลุมยังทั้งโลก<O:p></O:p>
    โลกใบนี้เรืองแสงสว่างเป็นสีทอง<O:p></O:p>
    ขอให้โลกใบนี้มีแต่สันติสุข มีแต่ความสงบสุข ปราศจากซึ่งสงครามซึ่งความวุ่นวาย<O:p></O:p>
    ทุกๆคนมีแต่ความรักความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากโลกใบนี้ คลื่นแห่งความรักความเมตตาของเราก็แผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ แผ่ออกไปยังทุกๆทิศทางแผ่ออกไปยังทั้งจักรวาล<O:p></O:p>
    ไม่มีสถานที่ใด ดวงจิตใดที่ไม่ได้รับสัมผัสจากความรักความเมตตาของเรา<O:p></O:p>
    ขอให้ทุกๆดวงจิต ทั่วทั้งอนันตจักรวาล มีแต่ความสุขกายสุขใจมีแต่ความชุ่มเย็น เบากายสบายใจอิ่มเอิบอิ่มใจมีแต่ความรักความเมตตาต่อกัน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากนั้นคลื่นสีทองแห่งความเมตตาของเราก็แผ่ลงไปยังทิศเบื้องล่าง<O:p></O:p>
    ยังภพภูมิของสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก<O:p></O:p>
    ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้พ้นจากความทุกข์ได้สัมผัสกับความสุข ความชุ่มเย็น เบากายสบายใจ แบบที่เรากำลังสัมผัสอยู่ ณ ขณะนี้ด้วยเทอญ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากนั้นให้เราแผ่คลื่นสีทองแห่งความเมตตาขึ้นไปยังทิศเบื้องบน<O:p></O:p>
    ผ่านสวรรค์ พรหมตลอดไปจนถึงพระนิพพาน<O:p></O:p>
    ขอให้เหล่า พรหม เทพ เทวดา คุณครูบาอาจารย์ท่านผู้มีพระคุณทุกๆท่านทุกๆพระองค์<O:p></O:p>
    ได้สัมผัสกับความชุ่มเย็น อิ่มเอิบอิ่มเอมที่ละเอียดประณีตยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เสร็จแล้วให้เราแผ่คลื่นเมตตาสีทองนี้ออกไปยังเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย<O:p></O:p>
    ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย<O:p></O:p>
    ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายได้สัมผัสความสุขความชุ่มเย็นแบบที่ข้าพเจ้ากำลังสัมผัสอยู่ณ ขณะนี้<O:p></O:p>
    และได้โปรดเมตตาอโหสิกรรมโทษ อดโทษงดโทษให้กับข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากนั้นให้เราแผ่เมตตาอัปปมาณฌาณคือความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณของเราออกไปยังทุกๆทิศทางอีกครั้งนึง<O:p></O:p>
    แผ่คลื่นสีทองแห่งความรักความเมตตาของเราออกไปเรื่อยๆ<O:p></O:p>
    สัมผัส เสวยสุขจากเมตตา จนจิตใจของเราอิ่มเอิบอิ่มเอมมีแต่ความชุ่มเย็น<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากนั้นให้เราตั้งจิตอธิษฐานว่า<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งเมตตาอัปปมาณฌาณคือความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณนี้ได้ทุกครั้ง ทุกเวลาทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    จากนั้นให้เราทรงสมาธิเอาไว้นานตราบเท่าที่เราต้องการ

    พอเราต้องการจะออกจากสมาธิให้เราหายใจเข้าลึกๆหายใจออกช้าๆ สามครั้ง
    หายใจเข้าครั้งที่หนึ่งภาวนา พุทธ หายใจออกภาวนา โธ
    หายใจเข้าครั้งที่สอง ภาวนา ธัมหายใจออกภาวนา โม
    หายใจเข้าครั้งที่สาม ภาวนา สังหายใจออกภาวนา โฆ

    แล้วจึงค่อยๆถอนจิตออกจากสมาธิช้าๆ<O:p></O:p>
    อารมณ์จิตแห่งเมตตานี้เป็นอารมณ์ที่มีความสำคัญมากในการเจริญพระกรรมฐาน<O:p></O:p>
    ให้เราฝึกประคองให้อารมณ์จิตของเราเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาเอาไว้ทุกขณะจิต<O:p></O:p>
    ทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญาของเรา จะทรงตัวไม่ถอยหลัง <O:p></O:p>
    จะยิ่งมีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป<O:p></O:p>

    ขอให้ทุกๆคนสามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์จิตที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณต่อผู้อื่นและทรงได้ทุกขณะจิต<O:p></O:p>
    ได้อย่างฉับพลันทันใดด้วยเทอญ<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2009
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ โทสะ ครับ

    เรียน ท่านผู้รู้ ที่มีจิตเมตตา
    ผมขอคำปรึกษาด้วยครับ เพราะตอนนี้ผมมีปัญหา
    " ปัญหาของผมคือ การเข้าภาวะไม่หายใจของผมไม่ทรงตัว " ทำอย่างไรผมจึงจะเข้าได้ทุกวัน? ขอบคุณมากครับ<!-- google_ad_section_end -->

    ให้เรากลับเข้าสภาวะที่ไม่หายใจอีกครั้งนึง

    จากนั้นให้เรา อธิษฐานปักหมุด เป็นวสีว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งสภาวะ ที่จิตหยุดนิ่ง หยุดคิด ลมหายใจหายไปนี้ ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง

    จากนั้นให้เราถอนจิตออกจากสมาธิช้าๆ
    และหลังจากนั้น ให้เราลืมตา และลองกำหนดจิตให้หยุด ให้นิ่ง จากนั้นประคองเอาไว้ซักระยะหนึ่ง

    ให้เราลองซ้อม ฝึกหยุดจิต ให้ได้ทุกๆสถานที่ จะเล่น อยู่ กินข้าวอยู่ นึกจะหยุดจะต้องหยุดได้ทันที

    เสร็จแล้วครั้งต่อไปที่เราจะฝึกสมาธิ เราก็ไม่ต้องมานั่งไล่จับลมหายใจใหม่
    พอเราทำสมาธิปุ้ป ให้เรากำหนดหยุด จากนั้นให้ทำสมาธิต่อจากจุดนี้ได้เลย
    ไม่ต้องถอยหน้าถอยหลัง ไล่ทำใหม่ตั้งแต่ต้นครับ

    และถ้าต้องการกลับเข้าสภาวะที่ไม่หายใจอีกครั้งนึง

    ให้เราทำขั้นตอนนี้ครับ

    ก่อนที่จะจับลมหายใจให้เรา

    หายใจเข้าลึกๆ สัมผัสถึงความเย็นเบาสบายของลมหายใจ จนลมหายใจเต็มปอด
    จากนั้นกักลมหายใจเอาไว้สบายๆและภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมาประมาณ10วินาที

    พอครบ10วินาทีจึงหายใจออกและทำซ้ำ10ครั้ง
    เสร็จแล้วให้เราจับลมหายใจเหมือนเดิมให้เราคอยตามดูลมหายใจไปเรื่อยๆ
    ลมหายใจของเราจะช้าลงๆ จนหยุดไปเอง

    ขอให้สามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์จิต ที่ตั้งมั่น ไม่ซัดส่าย หยุดนิ่ง ได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ
     
  13. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    อ่าคุ้นๆ เหมือนผมเคยอ่านเจอ ในบอร์ดนี้เนี่ยแหล่ะ อาจารย์ที่สอนพระพุทธผมก็เคยให้ทำตั้งแต่ม.6แล้ว ตอนนี้อยู่ปี3 ขอบคุณที่เอามาย้ำให้ผมคิดได้คับ

    ผมออกจากสมาธิ ไม่เป็นหน่ะครับ มันออกตอนไหนก็ออกเองเลย = =
     
  14. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    อนุโมทนา สาธุ อย่างสูง กับเทคนิคที่แนะนำครับ เป็นประโยชน์กับผมมาก เพราะที่เคยปฏิบัติมาต้องมาขึ้นบันไดขั้นที่ 1 ไล่ไปเรื่อยๆ วันไหนไม่เอาเรื่องตกบันไดซะด้วยซ้ำ ไม่เคยเอาทุนเดิมที่ทำได้ มาใช้ ขอบคุณอีกครั้งครับ
    มีเรื่องเล่าให้ฟังเล่นๆครับ เป็นนิมิตครับที่เกิดกับผม ประมาณเดือนที่แล้ว ผมฝันเห็นพระพุทธองค์ครับ ท่านมายืนอยู่หน้าผม ผมนั่งพับเพียบพนมมืออยู่(แต่ก่อนหน้านั้นจำไม่ได้ว่าฝันว่าอะไร) ท่านได้ประทานต้นกล้าต้นโพธิ์ให้ผมต้นนึง แล้วบอกว่า นี่คือต้นกล้าแห่งความดี จากนั้นผมก็ตื่น(ตี 4 พอดีเป็นเวลาที่ผมต้องมาฝึกสมาธิประจำของผม)และก็นึกทบทวนความฝัน ของตัวเอง จากนั้นมาไอ้ภาวะลมหายใจหายก็เข้ายาก เข้าเย็นครับ อาจเป็นเพราะความอยากได้มากไปหรือปล่าวก็ไม่รู้...
     
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    ผมออกจากสมาธิ ไม่เป็นหน่ะครับ มันออกตอนไหนก็ออกเองเลย = =<!-- google_ad_section_end -->

    ให้เราหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ หายใจออกลึกๆช้าๆ
    แล้วค่อยๆ ถอนจิตออกจากสมาธิครับ

    ถ้าเราเข้าสมาธิลึก จะรู้สึกว่าจิตมีลักษณะดิ่ง ลงไปสงบระงับอยู่ในส่วนลึกของเรา
    พอเราจะออกจากสมาธิ เราจะรู้สึกคล้าย ดวงจิต หรือความรู้สึกของเรา ค่อยๆลอยขึ้นๆ
    ลอยขึ้น จากสภาพที่ดิ่ง แล้วความรู้สึกทางร่างกายของเราก็จะค่อยๆ กลับมา
    พอลอยกลับขึ้นมาเต็มที่ เราก็จะสามารถจะควบคุมร่างกายได้
    แล้วเราก็ค่อยๆ ลืมตาช้าๆ


    ถ้าเราออกจากสมาธิ เร็วไป จะทำให้จิตเรากระเทือน อาจจะมีอาการใจสั่น หรือกลับเข้าสมาธิยากขึ้น
    เพราะบางคนเข้าสมาธิลึกๆ แล้วอยู่ดีๆ ลุกพรวดพราด หรือตกใจกลัวขึ้นมา
    จิตจะกระเทือนได้ต้องระวังครับ

    แต่ถ้าสมาธิของเรา มันถอนของมันเอง ก็ไม่เป็นไรครับ
    เพราะมันจะผ่านกระบวนการในตัวเองอยู่แล้ว
    แต่ให้เราลองฝึกถอนจิตออกจากสมาธิด้วยตัวเองด้วยครับ
    จะได้สามารถคุมได้ทั้งการเข้าสมาธิ และการออกสมาธิ

    ลองนำไปปฏิบัติดูครับ
     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ โทสะ ครับ

    อนุโมทนา สาธุ อย่างสูง กับเทคนิคที่แนะนำครับ เป็นประโยชน์กับผมมาก เพราะที่เคยปฏิบัติมาต้องมาขึ้นบันไดขั้นที่ 1 ไล่ไปเรื่อยๆ วันไหนไม่เอาเรื่องตกบันไดซะด้วยซ้ำ ไม่เคยเอาทุนเดิมที่ทำได้ มาใช้ ขอบคุณอีกครั้งครับ
    มีเรื่องเล่าให้ฟังเล่นๆครับ เป็นนิมิตครับที่เกิดกับผม ประมาณเดือนที่แล้ว ผมฝันเห็นพระพุทธองค์ครับ ท่านมายืนอยู่หน้าผม ผมนั่งพับเพียบพนมมืออยู่(แต่ก่อนหน้านั้นจำไม่ได้ว่าฝันว่าอะไร) ท่านได้ประทานต้นกล้าต้นโพธิ์ให้ผมต้นนึง แล้วบอกว่า นี่คือต้นกล้าแห่งความดี

    อนุโมทนาด้วยครับ ก็ขอให้ต้นไม้แห่งความดีงาม เติบโตขึ้นภายในดวงจิตของคุณครับ

    จากนั้นผมก็ตื่น(ตี 4 พอดีเป็นเวลาที่ผมต้องมาฝึกสมาธิประจำของผม)และก็นึกทบทวนความฝัน ของตัวเอง จากนั้นมาไอ้ภาวะลมหายใจหายก็เข้ายาก เข้าเย็นครับ อาจเป็นเพราะความอยากได้มากไปหรือปล่าวก็ไม่รู้...<!-- google_ad_section_end -->

    ภาวะที่ลมหายใจหายไปนี่ เข้าได้บ่อยไหมครับ

    ขณะที่เรากำลังอ่านอยู่นี้ ลองกำหนดให้จิตหยุด นิ่ง หยุดคิด ตั้งมั่น เป็นเอกคตา
    จิตนิ่ง ไม่กระเพื่อม ไม่หวั่นไหว เสร็จให้เราประคองเอาไว้ซักระยะหนึ่ง
    พอจิตนิ่งแล้ว ให้เราย้อนมาดูลมหายใจ จะพบว่าลมหายใจหายไปเช่นกัน
    ลองทำตามเลยครับ


    ต้องวางอารมณ์สบายๆ ไม่อยากจนเกินไปครับ ทำใจสบายๆ
    ลองยิ้มออกมาจากดวงจิตด้วยครับ พอจิตของเรายิ้ม กายของเรายิ้ม ใจของเราจะสบาย
    ลมหายใจจะหายไปได้ง่ายครับ

    ถ้าเราไปใช้อารมณ์หนัก อยากได้มากไป หรือบีบบังคับมากไป
    จิตจะฟุ้งซ่าน ลมหายใจจะไม่สงบระงับ
    ลองทำเลยนะครับ
     
  17. sadyh

    sadyh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +37
    แล้วถ้าจับอานาปานสติ จะทราบได้ยังไงครับว่าเข้าฌาณ 4 จะดู จะทราบ สังเกตจากตรงไหน
    แล้วท่าเป็นฌาณ 8 ล่ะครับจะทราบได้ยังไงเพราะมันว่างไปหมด
     
  18. ภูมินที

    ภูมินที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +289
    สวัสดีครับ คุณXorce คือผมมีปัญหาจะถามนะครับ

    ตอนกำหนดแผ่เมตตาอัปมานฌาน ผมกำหนดแผ่รัศมีสีทองไม่ได้อ่ะครับ ผมชอบนึกถึงภาพดอกบัวแก้ว หรือไม่ก็พระพุทธรูปแก้วสีขาวที่มีประกายระยิบระยับ พอคิดอย่างนี้แล้วจะมีความสุข แล้วจึงกำหนดแผ่เมตตาออกไป

    คำถามก็คือ ถ้าไม่ใช่รัศมีสีทอง จะหมายความว่าผมตกคุณธรรมเรื่องความเมตตาไปรึป่าวครับ?

    และคนที่จะฝึกเป็นครูสอนคนอื่นนี่ต้อง แผ่กระแสเมตตาได้ไกลแค่ไหนครับ?

    ปล.ตอนฝึกสมาธิที่สวนลุม 21 มิย. ผมนั่งข้าง คุณnakamura นะครับ

    dannce_
     
  19. OuIvI

    OuIvI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอถามอีกค่ะ

    เวลาทำสมาธิ ดิฉันลองทำแบบที่คุณXorceว่าคือ
    ทำจิตใจให้สบายๆ ปล่อยนิ่ง หน้าที่ของเราคือดูจิต ดูลมหายใจเท่านั้น
    พอดูไปเรื่อยๆซักพัก เหมือนลมหายใจมันเริ่มนิ่งสงบขึ้นค่ะ แล้วพอผ่านไปซักพัก เหมือนร่างกายมันเริ่มเก็บลมหายใจไว้ในอก ดิฉันเลยลองตามดูลมหายใจต่อ เหมือนในอกมันเก็บลมเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะไม่หายใจ เหมือนมันจะหยุดไป จนไปถึงจุดหนึ่ง รู้สึกว่าลมมันอัดแน่นอยู่ในอกค่ะ พอถึงตรงนี้ดิฉันเลยไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะรู้สึกว่าลมมันแน่นอกมาก รบกวนคุณXorceช่วยบอกทีค่ะว่าดิฉันมาถูกทางรึป่าว? หรือว่าต้องแก้ไขตรงไหน เพราะพอถึงตรงนี้แล้วดิฉันไปต่อไม่เป็นจริงๆค่ะ

    ขอบคุณค่ะ -*- ^^
     
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ sadyh ครับ

    แล้วถ้าจับอานาปานสติ จะทราบได้ยังไงครับว่าเข้าฌาณ 4 จะดู จะทราบ สังเกตจากตรงไหน
    แล้วท่าเป็นฌาณ 8 ล่ะครับจะทราบได้ยังไงเพราะมันว่างไปหมด

    ถ้าจิตเป็นฌาณ4 ลมหายใจจะสงบระงับ จะรู้สึกคล้ายกับไม่หายใจ จะไม่รู้สึกถึงลมหายใจ
    จิตจะมีอาการหยุดนิ่ง หยุดคิด จะไม่มีความคิดปรุงแต่ง ใจจะมีความเบาสบาย ลอยอยู่นิ่งๆ

    ส่วนอรูปฌาณนี้ สุดท้ายอารมณ์จะเป็นความว่าง เวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาว แผ่ไปสุดลูกหูลูกตาเหมือนกัน
    แต่ในแต่ละขั้น จะต่างกันตรงอารมณ์ที่เราพิจารณาเพื่อเพิกออกไป

    ในขั้นแรก อากาสานัญจายตนะ จะเป็นการพิจารณาเห็นว่า รูปเป็นปัจจัยให้เกิดทุกข์ เราจะไม่ยึดติดในรูปอีก
    ขอเพิกรูปทั้งหมดออกจากความยึดมั่นของเรา
    เหลือแต่ความว่างเปล่า สีขาว

    ในขั้นที่สอง วิญญาณัญจายตนะ จะพิจารณาว่า อายตนะทั้ง5 การสัมผัสรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทางกาย เป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์
    เราขอเพิกการรับรู้อายตนะทั้ง5 ออกไปจากดวงจิต ก็จะเหลือแต่วิญญาณ ที่เป็นธาตุรู้
    เหลือแต่ความว่างเปล่า สีขาว

    ในขั้นที่สาม อากิจจัญญายตนะ ให้พิจารณาว่า สรรพสิ่งทั้งหมด ทั้งโลก ทั้งจักรวาล ล้วนไม่เที่ยง ต้องพังทลายแตกสลายเป็นธุลีหายไปหมด
    หากจิตเราไปยึดย่อมเกิดความทุกข์ เราจะไม่ยึดทั้งในวัตถุธาตุ และไม่ยึดในสิ่งต่างๆอีกต่อไป
    เพิกความยึดมั่นในวัตถุธาตุต่างๆออกไปจากดวงจิตทั้งหมด เหลือแต่ความว่างเปล่า สีขาว

    ในขั้นที่สี่ เนวะสัญญานาสัญญาญตนะ ให้พิจารณาว่า ความทรงจำทั้งหลาย การจดจำหมายรู้ ในสิ่งต่างๆ เป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์
    ความทรงจำที่ไม่ดีทำให้เกิดทุกข์ ทำให้จิตเราเศร้าหมอง ความทรงจำที่ดี ก็ทำให้จิตเราโหยหา เป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์
    เราจะขอเพิกสัญญาทั้งหมด ออกไปจากจิตของเรา ไม่ยึดติดในสัญญาทั้งหมด
    เหลือแต่ความว่างเปล่าสีขาว
    ไม่ใช่ทั้งมีสัญญา ไม่ใช่ทั้งไม่มีสัญญา เพระว่าจิตยังมีสัญญา แต่เราไม่รับรู้ ไม่ยึดติดในสัญญาทั้งหมด
    จึงเรียกว่าเนวะสัญญานาสัญญายตนะ

    ในแต่ละขั้นจิตจะมีความเบาสบาย ยิ่งๆขึ้นไป ตามลำดับของอรูปฌาณ

    พอถึงอรูปฌาณขั้นสุดท้าย ก็ให้เราพิจารณาว่า แม้อรูปฌาณ ที่มีความสุขเป็นความว่างเปล่า สีขาวนี้
    ก็ยังไม่ใช่พระนิพพาน ยังไม่ใช่ที่สุดแห่งทุกข์ ยังมีอารมณ์ ที่มีความละเอียดกว่านี้
    ดังนั้นเราจะไม่พอใจอยู่เพียงแค่นี้ เราจะพอใจอยู่เพียงจุดเดียวคือพระนิพพานเท่านั้น

    จากนั้นให้เราหันมาเจริญวิปัสสนาญาณ ด้วยกำลังของอรูปฌาณต่อไป
    โดยกำหนดจิตพิจารณาไล่ในสังโยชน์แต่ละข้อ
    และกำหนดว่า ขอความยึดติดในสังโยชน์ข้อนี้ จงสลายออกไปจากดวงจิตของข้าพเจ้า
    สลายไป เหลือแต่ความว่างเปล่าสีขาว ดวงจิตของเราสะอาด ว่างจากสังโยชน์

    จากนั้นให้พิจารณาไล่ไปจนครบทั้งสิบข้อ

    พอถึงจุดนี้ให้เราตั้งจิตถึงพระพุทธเจ้า จับภาพพระพุทธเจ้าให้ชัดเจน
    จากนั้นขอบารมีพระท่านเมตตาสงเคราะห์ ขอให้ข้าพเจ้าได้เห็นและสัมผัสสภาวะพระนิพพานที่แท้จริง ว่ามีสภาวะอย่างไรด้วยเทอญ

    จากนั้นสภาวะแห่งพระนิพพานจะปรากฏแก่ดวงจิตของท่านเอง

    หากใครได้มโนแล้ว ถึงจุดนี้ ให้เราดำเนินไปตามที่ได้เคยปฏิบัติได้เลยครับ

    ขอให้ทุกๆคน สามารถเข้าถึงซึ่งรูปฌาณ อรูปฌาณ ตลอดจนถึงอารมณ์พระนิพพานได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...