คนที่ไม่เคยเห็นวิณญานเลย แสดงว่าเป็นคนที่บุญน้อยรึเปล่าคะ...

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย deedyangels, 11 สิงหาคม 2008.

  1. mangsawe

    mangsawe สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +24
    ไม่เคยเห็นผีเหมือนกันค่ะ เพียงแต่ว่าจะรุ้สึกได้ทางกลิ่นหอม กลิ่นธูปเท่านั้นเองค่ะ
    ส่วนเรื่องทำบุญ ไม่ค่อยมีโอกาสทำเท่าไหร่ จะทำก็ตอนกลับบ้านค่ะ กลับบ้านทุกครั้ง
    จะพยายามหาโอกาสไปทำบุญให้ได้ เพราะปัจจุบันกำลังเรียน ตื่นสายด้วยเลยไม่มีโอกาสเท่าไหร่
    เวลาทำบุญก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ ก็จะคิดเพียงแค่ว่า ขออุทิศบุญนั่นนี่ ให้คนนั้น คนนี้ ให้เจ้ากรรมนายเวร
    ไม่ทราบเราสามารถอุทิศส่วนบุญให้คนเป็นได้ไหมค่ะ แต่ทุกครั้งก็จะอุทิศให้พ่อกับแม่เลี้ยงด้วย
    (พ่อแม่จริงๆเสียชีวิตไปนานแล้วค่ะ)
    เหมือนกับว่าอะไรที่เราเคยล่วงเกินท่าน ก็ขอให้ท่าน อโหสิกรรมให้เราด้วย ประมาณนี้ค่ะ
    ไม่ได้ทำบุญเพราะต้องการสะสมบุญแต่ทำเพราะต้องการความสบายใจ
    อยากแผ่เมตตา ให้ใจตัวเองเป็นสุขมากกว่าค่ะ
     
  2. BlOoD_DevIL

    BlOoD_DevIL สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +4
    ไม่เคยเห็นเหมือนกันครับ แล้วก็ไม่คิดอยากจะเห็นด้วยครับ น่ากัวอ่า
     
  3. NOTHINGinDark

    NOTHINGinDark สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    เหล่าโอปปาติกะนี้ล้วนเป็นกายทิพย์ที่เกิดขึ้นตามสภาวะจิตนะครับ ผุ้สร้างสมผลบุญเกิดสภาวะจิตดีก้อจะได้อยู่ในที่ที่สมควรแก่บุญนั้น ส่วนผู้ที่รังแต่จะทำความชั่วให้หมักหม่มอยู่ในสันดานสภาวะจิตก้อจะหมองหมายปองแต่อบายภูมิ เหล่าโอปปาติกะ มีมากมายหลากหลาย เช่น เหล่าเทพเทวา เหล่าอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ เปรต อสุรกาย ผีสาง นางไม้ เป็นต้น ล้วนเปนกายทิพย์ที่ไม่อยู่ในภูมิแห่งเรา เราจึงไม่เห็นกายอันเปนทิพย์เหล่านั้นครับจากคำถามของคุณ deedyangels นะครับการที่เราจะพบเหนพวกเขาเหล่านั้นเกิดจาก1.เขาต้องการให้เราพบเห็นบ้าง แต่ต้องอยุ่ในเงื่อนใขที่ว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันมาก่อนทั้งเมื่ออดีตกาล หรือครั้งกาลปัจจุบันก้อตามนะครับ2.เมื่อชาติก่อนเราสมเร็จฌาณสมาบัติขั้น 4 ได้ทิพยจักษุมาส่งผลหใชตินี้เราสามารถเห็นพวกเขาเหล่านั้นได้แต่ไม่ใช่จะเห็นได้ทุกครั้ง เพราะเป็นเพียงแรงจากบุญเก่าเท่านั้นแต่ถ้าเราฝึกภาวนา วิปัสสนา กรรมฐาน ดีแล้วเราก้อจะเห็นได้เอง3.เราฝึกจิตของเราให้ละเอียดดีแล้วเราก้อจะสามารถรับรู้ถึงการปรากฏตัวของเขาได้เช่นกันแต่อาจไม่เห็นถี่ชัดนัก เพราะเรายังไม่สำเร็จในทิพยจักษุนั่นเอง4.ส่วนเรื่องบุญมากน้อยจะไม่ค่อยเกี่ยวโยงสักเท่าไร เพราะผุ้ที่ปล่อยจิตให้ว่างจนถึงอุปจารสมาธิได้ก้อมีบุญบารมีมากยิ่งแล้ว ดังที่พระพุทธองค์ตรัว่า...ภิกษุสงฆ์ผู้เคร่งในพระวินัยรักษาศีลทั้ง227เป็นนิจมิได้ขาด สมบูรณ์ดีแล้ว เป็นเวลา 100 ปี ก้อไม่เท่าการเกิดจิตว่างจากสมาธิเพียงชั่ว งูแลบลิ้น ช้างกระดิกหู เท่านั้นแล ครับดังที่กล่าวแล้วนะครับก้อเป็นไปตามนั้นหากมีใครที่มีข้อเสนอนะครับ หรือจะสอบถามอะไรที่เกี่ยวกับวิญญาณก้อส่งข้อความมาถามได้นะครับตอนนี้ผมมีอายุ 16 ปี นะครับ ผมต้องการฝึกวาโยกสิณนะครับ ถ้าผู้ที่สำเร็จอภิญญาแล้วช่วยแนะแนวทางให้หน่อยนะครับ ขออนุโมทนาบุญกับสาธุชนทุกท่านนะครับที่ใฝ่ศึกษาหาความรู้เพื่อจะได้หลุดพ้นจากวัฏสงสารนะครับ สาธุครับ
     
  4. mailny

    mailny สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
  5. dmnoo123

    dmnoo123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2009
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +418
    ผมขอเสนอความเห็นด้วยคน
    ผมว่าเราไม่เห็นเขาก็ดีนะ เพราะถ้าเห็นแล้วจิตเราจะตั้งได้หรือเปล่า..ผมกลัวว่าเราจะกลัวจนคุมสติไม่ได้...และที่เขามาให้เห็นเขาคงคิดว่าบุคคลนั้น คือบุคคลที่พิเศษสำหรับเขา
    (อย่าว่าผมเลยนะที่เสนอแบบไม่เข้าท่า)...ผมว่าเราแผ่เมตตาไปให้เขามากๆจะดีกว่า
    เพราะรอบๆตัวเรา เขากำลังทุกข์อีกเยอะ เพียงแตเราไม่เห็นเขาอ่ะครับ
    ผมขออนุโมทนา กับท่านที่มองเห็นนะครับ ขอผลบุญที่ผมได้ทำ ไปถึงพวกเขาด้วย..สาธุ
     
  6. สไบนาง

    สไบนาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +481
    เราก็ไม่เคยเห็นหรอกนะผีน่ะ แต่จะได้กลิ่น เมื่อก่อนเราอยู่แถวหนองจอก ซึ่งเป็นถิ่นของคนอิสลาม (แต่เราเป็นพุทธ) พอเรากลับมาถึงบ้านประมาณเกือบสองทุ่ม เราได้กลิ่นสาบแรงมากๆ (ซึ่งไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน กลิ่นเหมือนเนื้อวัวเนื้อควายแต่แรงกว่า..เราไม่กินเนื้อค่ะได้กลิ่นเนื้อทีไร ท้องไส้ปั่นป่วนพาลจะอาเจียนทุกที) เราก็ถามคนในบ้านว่าได้กลิ่นอะไรหรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย ทีนี้กลิ่นสาบแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเราพูดขึ้นมาว่าเราจะทำบุญตักบาตรไปให้นะ ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้นอีกจนเราทนไม่ไหว พูดขึ้นมาดังๆ ว่าอย่าให้ต้องแช่งกันเลยนะ ต่างคนต่างอยู่ แล้วเราจะทำบุญไปให้ เท่านั้นแหล่ะ กลิ่นหายไปทันทีค่ะ..ยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะค่ะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ
     
  7. lonely-wolf

    lonely-wolf สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +14
    เหอะๆ ผีนี่น่ากลัวมั้ยครับ คนที่เห็นอยู่ทุกวันอะครับ ถ้าผมเห็นจิงๆ นึกไม่ออกเลยว่า
    จะเป็นยังไง สงสัยต้องฝึกมรณานุสติ ดูรูปซากศพบ่อยๆ แล้วมันคงจะปลงได้
    ผมเป็นคนนึงที่อยากเห็นภพภูมิอื่นๆ มากๆ แต่ดันเป็นคนที่ฟุ้งซ่าน ไม่้กล้าฝึกสมาธิ
    ตอนกลางคืน กลัวความมืด อยากจาร้องไห้จิงๆ TT
     
  8. pangbood

    pangbood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +69
    ไม่เจอก็ดีแล้วนะคะ เป็นธรรมดาที่คนไม่เคยเห็นก็อยากจะเห็น ส่วนตัวก็เห็นมาบ้างแต่ไม่บ่อย ตอนที่เห็นก็นั่งอยู่เฉยๆนี่แหละหน้าร้านค้าประมาณสามสี่ทุ่มก็เห็นเองไม่เห็นน่ากลัวเลย เค้าคงมาขอส่วนบุญเพราะตอนนั้นเป็นตอนเข้าพรรษาเราถือศีล5และกินมังสวิรัตตลอดพรรษาสวดมนต์ทุกวันเลย เค้าเลยมาให้เห็น เข้าพรรษานี้ลองดูสิคุณอาจจะเห็นเหมือนเราก็ได้นะ เคยเจอมาหลายครั้งก็ไม่เห็นน่าหลัวอย่างในทีวี เอ...หรือว่าเรายังไม่เคยเจอแบบที่น่ากลัวน้า ฮึฮึ ไม่เห็นอยากเจอเล้ย สาธุ
     
  9. dannychinny

    dannychinny สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +5
    คิดว่าไม่เกี่ยวกับบุญมากบุญน้อย คนส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครเห็น ปัจจัยแรก มันขึ้นอยู่กับว่าวิญญาณ เขาอยากแสดงตัวให้เราเห็นหรือเปล่า เช่นมาขอส่วนบุญ เป็นต้น ยิ่งมีความผูกพันธ์เช่นเป็นญาติกัน หรือเพื่อนรัก ก็จะเห็นกันง่ายเพราะวิญญานอยากแสดงตัว ปัจจัยที่สอง คือ ประสาทสัมผัสของเรารับการมาปรากฎของวิญญาณได้หรือไม่ บางคนได้แค่กลิ่น บางคนเห็น บางคนรู้สึกว่ามีลมเย็นพัดใส่ ไอ้ประสาทสัมผัสมันเรื่องของบุญทำกรมแต่ง หากเคยปฏิบัติสมาธิมาบ้างในอดีต ก็รับรู้ได้ดีกว่าคนที่ไม่มีบารมีอะไรมาเลย
     
  10. OuIvI

    OuIvI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +50
    ของดิฉันมาเกือบทุกคืนเลยค่ะ
    เมื่อคืนล่ะสยองง

    เปิดเพลงฟังไปเลนเน็ตไป
    อยู่อยู่เพลงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เหอๆ - -\
    พอหรี่เสียงลง
    มันกลับดังขึ้นเรื่อยๆ
    แถมมีการมาทุบประตูหลังบ้านตอนดึก - -\
    ไม่ไหวจริงๆพวกนี้
     
  11. ecco1

    ecco1 พุทธัง บังเกิด ธัมมัง บังเกิด สังฆัง บังเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +87
    มีเรื่องเกี่ยว..กะ..ผีมาเล่าให้ครับ หลายปีก่อนตอนไปทำงานที่เชียงใหม่แล้ว ไปพักที่บ้านพักของทางหน่วยงาน.......ซึ่งไม่มีใครเข้าไปพักมา เกือบสองปี แล้ว.เนื่องจากเจ้า ของห้องเดิมเค้าเสียชีวิต จากอุบัติเหตุ แต่เนื่องจากเป็นคนไม่กลัวผี เพาระว่า ช่วง
    เป็นวัยรุ่นได้ เดินทางเสาะหาผีมาเยอะแล้ว ไม่เคยเจอซักที แต่ว่าไม่ใช่ไม่เชื่อว่าไม่มี ยังคงเชื่ออยู่ ตลอดเวลา พอนอนไปคืนที่ 3 ก็ปรากฏว่า ขณะกำลังใกล้จะหลับแล้วรู้สึกว่ามีมือของใครคนนึ่งมาดึงข้อมือซ้ายจนเกือบจะตกเตียง....คือว่าตกไปครึ่งตัวแล้ว คือ ขาข้างนึ่งหล่นลงเตียงไปแล้วในท่านอนคว่ำ ก็เลยลืมตาขึ้นมาดู....แต่ปรากฏว่าไม่เห็นอะไรเลยแต่ว่าขณะที่ยังคงถูกดึงที่ข้อมืออยู่เหมือนเดิม ก็เลยพูดไปว่าอย่าเล่นน่าผมจะนอน เค้าคน(ผี)นั้น ถึงปล่อยมือออก ก็เลยค่อยๆกระดึบๆกลับขึ้นเตียง ไปนอนต่อ...แล้วจะมาเลาประสบการณ์ต่อไปครับ(มีอีกล่ะ...)
     
  12. pangbood

    pangbood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +69
    ประสบการณ์ผีมากวนตอนนอนนี่ก็เคยเจอเหมือนกัน ตอนนั้นนอนที่ร้านหลับอยู่ดีๆคงดึกมากๆแล้วก็แบบสะลึมสะลือสะบัดผ้าห่มให้ห่มที่ตัว(คือนอนอยู่แล้วผ่าห่มมันไปกองอยู่ข้างๆตัว) ก็ในจังหวะที่สะบัดผ้าห่มก็มีคนดึงผ้าห่มอีกข้างกับเราแล้วก็เกิดการยื้อผ้าห่มกันไปมา เราก็ไม่ปล่อยประมาณว่าผ้าห่มตูอย่ามาแย่งนะเฟ้ย แล้วก็สู้แรงเค้าไม่ได้ เค้าก็ดึงไปใกล้ๆจนหน้าเรากับหน้าเค้าเกือบจะติดกันเลย (ประมาณเล่นชักคะเย่อ) จำหน้าเค้าได้แม่นเลย พอหน้าใกล้กันจนจมูกเกือบจะชนกันอยู่แล้ว อ๊ะ..ไม่ไหวแล้วเลยถวายคำด่าไปหนึ่งคำ คำเดียวเท่านั้น เน้นๆ ไอ้เห.... เลยหลุดมาได้แล้วก็หลับต่อ เช้ามาก็บ่นและก็โวยวายอยู่คนเดียวในร้าน สงสัยอยากได้อะไรเป็นพิเศษ ฮุฮุ
    ถ้ามากวนตอนนอนละก็ แม่ด่ารวด ถ้ามาดีๆก็โมทนาละคร้าไม่ว่ากะไรเลย
     
  13. ktitle38

    ktitle38 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +1
    1. คนที่เคยมีสัมผัสเรื่องวิญญาน เป็นคนที่มีความผูกพันธ์กับดวงวิญญานที่เห็นใช่รึเปล่า หรืออาจเป็นเพราะเค้ามีบุญกรรมร่วมกันมาคะ
    ตอบ มีส่วนมากครับ การผูกพันนั้นไม่ได้มีเฉพาะวิญญาณหรอกครับ คน สัตว์ ได้ทั้งนั้น
    2. คนที่เคยสัมผัสเรื่องวิญญานอาจเป็นเพราะเขาเหล่านั้นมีบุญมาก จึงทำให้วิญญานเหล่านั้นต้องการที่จะขอส่วนบุญด้วยใช่รึเปล่าคะ
    ตอบ การที่วิญญาณจะมาปรากฏนั้น เขาต้องรู้ว่าเราสามารถช่วยเขาได้ เขาจึงมาขอส่วนบุญ
    3. เรื่องความสามรถในการพบเห็นสิ่งเหล่านี้เกี่ยวกับดวงชะตา วันเดือนปีที่เกิดด้วยรึเปล่าคะ
    ตอบ มีส่วนแต่ไม่เสมอไป บางคนมีบุญมากแต่ไม่เคยเจอมีมากไป เพราะคนนั้นทำบุญเสมอการอโมทนาจึงบังเกิดเป็นปกติ
    ดังนั้นการที่ไม่เคยเจอไม่ได้หมายความว่า ไม่มีบุญหรือบุญน้อยประการใด
     
  14. Saisawan

    Saisawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +296
    เราเคยเห็นผีผู้หญิงกลางวันแสกๆเลย มานั่งยิ้มให้แต่เขาสวยแบบน่ากลัวมากใส่ชุดสีแดงเพลิงทั้งตัว พอเรามองเขาก็ยิ้มให้ เราจ้องเขาตั้งนานแล้วเดินไปใกล้ พอไปถึงเขาทุกอย่างที่เราเห็นเปลี่ยนไปหมด เขาก็หายไปสถานที่เขานั่งก็ลกไปหมด แต่เราไม่กลัวนะ ยังมีอีกนะสมัยเรายังเรียนเราฝันว่ามีแม่ลูกมาหาแล้วบอกให้ช่วยหน่วย เราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงแล้วพวกเขาก็หายไป พอตอนเช้าเราต้องเดินไปขึ้นรถประจำทางระหว่างทางเราเจองูสองตัวเป็นแม่ลูกกันถูกรถทับตาย เราเลยเข้าใจทันทีว่าเขามาขอส่วนบุญ เรามักมีคนมาขอส่วนบุญบ่อยเราเข้าใจ มีอีกครั้งหนึ่งเราฝันว่ามีผีหัวขาดเดินถือหัวแล้วเดินตามเรามาเราวิ่งหนีเขาก็วิ่งตามจนเราหนีกลับบ้านเขาก็ยังมาเคอะประตูอีก เราต้องแผ่ส่วนบุญให้ เราลืมบอกไปเรามีเทพดูแลเราอยู่เขาหล่อมากเลยชอบมาพูดกลอกหูเราด้วยเราจะเจอกับเขาได้บางครั้งถ้าเขาต้องการจะบอกอะไรเราจริงๆ
     
  15. djannie

    djannie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +97
    อ่านเรื่องของเพื่อนๆมาเยอะ จนทำให้อดเล่าไม่ได้...ที่ใครหลายคนบอกว่า
    มีบุญมากบ้าง มีซิกเซนท์บ้าง ฯลฯ
    ตัวเองไม่เคยคิดถึงเรื่องอีกโลกนึง(หลังจากตายไปแล้ว) ตอนที่เห็น..
    ไม่เคยปฏิบัติ นั่งสมาธิ(ไม่เคยทำ)
    สวดมนต์(ไม่เคยสวดซักครั้งในชีวิต)
    ไม่รู้จักธรรมะเลย..ว่างั้น..ซึ่งตอนที่เห็นครั้งแรก อายุประมาณ20ปี
    ทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนึง..
    วันนั้นหลังจากพักเที่ยง ก่อนจะเข้างานตอนบ่ายโมง ก็ยืนส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยของใบหน้า แล้วเราก็เห็นผู้หญิงชุดขาว ผมดำหยิกๆ แบบแขกเลย เดินผ่านทะลุกระจกที่เรายืนดูอยู่ไปต่อหน้าต่อตา....เราอยู่ในห้องพักคนเดียว สิ่งที่เห็นมันคืออะไร ไม่เชื่อสายตัวตัวเอง ตอนนั้นถามตัวเอง ที่เราเห็น!! คือวิญญาณใช่มั๊ย? เลยวิ่งออกไปเล่าให้พี่ร่วมงานฟัง เค้าบอกว่าทำมา10ปียังไม่เคยเห็นเลย แล้วก็บอกว่าเจ้าที่ที่โรงพยาบาลนี่เป็นแขก ซึ่งมันก็ตรงกับที่เราเห็นเพราะเห็นผมหยิกๆ ดำๆ ยาวๆ คือผมคนแขกเลย...
    หลังจากนั้นมันทำให้เราคิดตลอดว่า เราไม่เคยปฏิบัติ แต่ทำไมเราถึงเห็น บางคนบอกว่ามาขอส่วนบุญ แต่ถ้าเราเห็นเจ้าที่ล่ะ ท่านต้องการอะไรคะ พี่ที่ทำงานบอกว่า เราเป็นน้องใหม่ (ทำงานประมาณ4เดือนกว่า)อาจจะมาทักทาย -..-" ก็ได้
    แต่หลังจากที่ได้เห็น ก็ยังไม่ได้ปฏิบัติอะไร จนวันนึง..
    เราต้องเข้ารับการผ่าตัด อย่างเรงด่วน ครั้งแรกในชีวิตมันกระทันหันมากๆ
    เพราะเราไม่เคยเป็นโรคอะไรเลย วันนั้นมันปวดท้อง ซาวด์ไป ซาวด์มา หมอบอกรังไข่แตก!! ต้องผ่าตัดด่วน.. งานเข้าเลยคะคราวนี้..
    คืนที่เราผ่าตัดนั่นแหละได้เห็นอีก มีผู้ชายนุ่งโจงกระเบนสีแดง (จำได้แม่นที่สุดในชีวิตเลยคะ) มาพาเราไปจากห้อง ล่ามโซ่แล้วให้เราเดินตามเค้าไป แล้วสิ่งที่เราไปเห็นมา มันคือนรกอะ เห็นคนทรมานตัวเองเต็มไปหมดเลย ปีนต้นงิ้วบ้าง เอาไม้ตีหัวตัวเองบ้าง แล้วตรงกลางที่เราเดินรอบนั้นมันเป็นกระทะทองแดง เค้าพาเราเดินรอบกระทะ แล้วเราก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อจริงเราอะ พิมพ์มาดา พิมพ์มาดา พิมพ์มาดา!! แล้วเราก็สะดุ้งตื่น ตอนตี5!
    เราลืมตาจับแขนตัวเองก่อนเลย เพราะรู้สึกว่ามันร้อนๆ คืนนั้นไม่มีใครเฝ้าไข้เราด้วย ก็กลัวนะคะ แต่ที่กลัวคือเรารู้สึกเหมือนกับเราหลับไป3วันหลังจากที่ผ่าตัดอะ แต่จริงๆแล้วเราหลับไปวันเดียวเท่านั้นเอง มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก หลังจากพักฟื้น..สิ่งที่เราเห็นไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง กัวเค้าว่าเราบ้า! แล้วเราก็เริ่มศึกษา และปฏิบัติมาจนวันนี้คะ แปลกดีที่คนไร้สาระอย่างเรา บาปหนาอย่างเรา วันนึงจะได้ให้เรื่องแบบนี้กับเค้าด้วย..แต่ต้องขอบคุณพวกเค้า ที่เป็นใครก็ไม่รู้ ที่ทำให้เราเปลี่ยนไป และที่สำคัญ เป็นคนดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับจากนี้...และตลอดไปคะ..
     
  16. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    มีอีกอย่างนึง คือเราไม่เชื่อว่าสิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นจริง มันก็เลยทำให้เราไม่เห็น
     
  17. ลูกหลานปู่

    ลูกหลานปู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +74
    การเห็นผี

    มนุษย์ กายละเอียดกว่าพวก วิญญาณครับ ถึงแม้ พวกวิญญาณ เปรต หรือว่าอสุรกาย จะเป็นวิญญาณที่มีพลังในตัว มีฤทธิ์อยู่ตามกำลังบุญของเขา แตด้วยกายจิตที่ละเอียดต่างกัน ถ้าเขาไม่ให้เราเห็นเราก็ไม่สามารถเห็นเขาได้ครับ เว้นแต่มีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เขาจะให้เราเห็นครับ เหมือนเทพเทวดาก็เช่นกันครับ เพราะว่าเทพเทวดา กายเป็นกายทิพย์ละเอียดกว่ามนุษย์มาก ถ้าท่านไม่ให้เราเห็นเราก็ไม่เห็นท่านเช่นกันครับ เว้นแต่เราฝึกปฎิบัติจนจิตเราเป็นทิพย์ได้เราก็จะมีกายทิพย์ในตัวได้เช่นกันครับ เห็นเทพเทวดาได้ เห็นเปรตอสุรกายวิญญาณได้ เพราะเราละอียดกว่ามากอยากเห็นก็เห็นได้ แต่ถ้าเราหยาบกว่าเราจะเห็นกายที่ละเอียดกว่าไม่ได้ เหมือนเทวดาที่เห็นมนุษย์ เห็นวิญญาณได้ แต่ไม่มารถเห็นพรหมได้ถ้าท่านไม่ไห้เห็น แต่พรหมสามรถเห็นตั้งแต่เทวดาลงมาได้ มนุษย์เราถ้าปฎิบัติถึงที่จนกายละเอียดจิตละเอียดลงไปก็สามารถที่จะไม่ให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเห็นตัวเองได้ครับ เพราะความละเอียดของกายและจิตต่างกันนั่นเองครับ ให้เห็นก็เห็น ไม่ให้เห็นก็มองไม่เห็น เคยลองถ่ายรูปพระอริยะเกจิไหมละครับ ถ้าท่านให้ถ่ายติดเราก็ถ่ายได้ ถ้าท่านไม่ให้เห็นคือไม่ให้ถ่ายติด เราก็จะถ่ายภาพท่านไม่ติดไงครับ สาเหตุก็เพราะความหยาบความละเอียดของกายและจิตนั่นเองแหละครับ

    ส่วนที่ว่ามีบูญมากจึงได้เจอใช่ไหมนี่ อันนี้ ผมไม่แน่ใจครับ แต่ทว่า ถ้าเราเผลอเดินทางไปเจอเขา ในที่ในทางของเขาจริงๆแล้ว ถ้าเราเป็นคนดี เขาอาจมาขอส่วนบุญจากเราได้ แต่ก็นั่นอีกนั่นแหละครับ ถ้าเรามีร่างกายที่สะอาดสว่างมาก และไม่มีจิตที่คิดไม่ดีเลย บางที ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาจะไม่กล้าเขาไกล้ หรือไม่กล้ามารบกวนเลย

    ผีก็เหมือนคนนั่นแหละครับ มีทั้งผีที่ดี และผีที่อาฆาตถ้าผีที่ดี ส่วนใหญ่ยังจะอยู่ต่อไปเกิดไม่ได้เพราะยังห่วง ยังกังวลมีภาระ ผู้ที่มีโอกาสได้เจอ ก็แผ่เมตตาให้เขาครับ ส่วนผีอีกประเภทหนึ่งที่อาฆาตมากๆอยู่เพราะกรรมมากไปเกิดไม่ได้นิ ถ้าเราเป็นคนปฎิบัติธรรม มีบุญบารมีมาก เขาไม่กล้า มาหลอกหลอนหรือว่ารบกวนเราแน่ๆครับ เปรียบเหมือนโจร ที่ไม่กล้าเข้าไกล้ตำรวจนั่นแหละครับ

    ดังนั้นจงอย่าได้กังวลกับเรื่องบุญบารมี เห็นผีหรือไม่เห็นผีเลยครับ ปฎิบัติให้ดีปฎิบัติให้ได้เถิด ท่านอยากเห็นอะไรก็ได้เห็นหมดนั่นแหละครับ แค่กำหนดดูเท่านั้นแทบไม่ต้องเดินทางไปไหน อยากเห็นเทพท่านก็จะได้เห็นเห็นพรหมท่านก็จะได้เห็น นับประสาอะไรกับวิญญาณละครับ มิหนำซ้ำถ้าท่านอยากจะเห็นนรก สวรรค์ก็เห็นได้ ดั่งใจทั่งหมด เห็นไหมละครับ จิตดวงเดียวกันนิ จะทำให้ดีก็ดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ จิตใจเรายิ่งฝึกปฏิบิติให้ละเอียดได้มากเท่าไหร่ยิ่งมีผลดีครับ
     
  18. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    ดีแล้วครับที่คุณไม่เห็น หากเห็นจริงๆ คุณก็จะอยากกลับไปเป็นไม่อยากเห็นเหมือนเดิมครับ
    คนละมิติดีแล้วครับ ไม่ต้องไปอยากเห็น ไม่ต้องอยากรู้เหตุผลด้วยครับ ทางใครทางมันดีกว่าครับ เกิดคุณเห็นจริงๆ ช้อคไปจะทำยังไงครับ หากเห็นจริงๆ แล้วคุณไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะผีมากวน คุณจะไหวหรือครับ หรือหากผีมาขอส่วนบุญทุกวัน คุณก็ต้องใส่บาตรให้ทุกวัน ไหวไหมครับ
     
  19. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    อยากเห็นผี แต่ไม่ยักกะเห็น บางทีคนไม่อยากเห็นแต่กลับเห็นก็แปลกดีนะครับ มีเรื่องเล่านะครับ ทีเราเคยได้ยินได้ฟังกันมา ว่าคนที่ตายไปแล้วมาเข้าฝันว่าอยากกินอย่างโน้น อย่างนี้ ขอไห้ลูกหลานทำบุญไปไห้ คือจิงจิงแล้วท่านผู้รู้ท่านบอกว่ามาจิงนะครับ สำหรับพวกท่านที่ยังไม่ได้ไปไหนต่อไหนนะที่เรียกกันสัมภเวสีประมาณนั้น(ถ้าตายแล้วไปสู่ภพภูมิอื่น หรือลงไปข้างล่างแล้ว ก็เหมือนคนที่ติดคุกเสร็จหมดสิทธิ์จะไปไหนได้ล่ะอันนี้ไม่มาแล้วนะครับ) บางทีก็รับสัมผัสได้ บางทีก็รับสัมผัสไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับความสะอาดของใจในตอนนั้น ถ้าใจไม่ขุ่นมัวจนเกินไปก็มีโอกาสที่จะได้ยินเสียง หรือไม่ก็เห็นภาพ ใจขุ่นก็เหมือนน้ำขุ่นมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ถ้าอยากเห็นขั้นแรก รักษาศิลห้าก่อนนะปูพื้นฐานก่อนนะ ทำใจสบายตัดความอยากทิ้งไปก่อน ไห้เริ่มภาวนา พยายามไห้รู้ลมหายใจเข้า หายใจออกไห้มีสติระลึกอยู่กะตัวตลอด ยกตัวอย่างนะ ถ้ามีอารมณ์ใจโกรธ ขัดข้อง ขุ่นเคืองต้องขจัดทิ้งนะ อารมณ์ใจขุ่นก็น้ำขุ่นนะเสร็จไม่เห็น ขณะที่เรากำลังกำหนดจิตหรือทำสมาธิพยายามนะอย่าไห้อารมณ์อื่นใดเข้ามาแทรก ไม่ว่าจะคิดฟุ้งไปในอดีต หรืออนาคต ต้องไห้ใจอยู่กะปัจจุบันกำลังจิตจะสงบ ระงับเป็นลำดับไป ความสงบของใจพอถึงขั้น ก้คล้ายๆนะ สัญญาณวิทยุ สมมุตติ สัญญาณของโลกทิพย์อยู่ที่97mhz พอเราทำกำลังใจหรือสมาธิอยู่ใรดับคลื่น97mhz ก็โปะเชะสัญญาณ june ตรงกันพอดีก็สามารถที่จะรับคลื่นความถี่นั้นนั้นได้ ก็คือเห็นผีนั้นเอง แต่อย่าไปนึกอยากเห็นนะ เห็นหรือไม่ ไม่ไช่อยู่ที่ความอยากนะ อยู่ที่ว่าเราทำถูกหรือเปล่า และสิ่งที่เราเห็นนั้น จะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่า ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วไห้เชื่อได้ว่าไม่ใช่อุปทานแน่ เพราะอุปทานเราต้องคิดไว้ก่อนแล้วไช่ไหม ก่อนนั่งสมาธิก็ไห้สวดมนต์สมาทานพระกรรมฐาน ตั้งใจรักษาศิลห้า อาบน้ำ อาบท่า ภารกิจที่ทำไห้เรากังวลใจในชีวิตประจำวันทำเสียไห้เรียบร้อย เคลียร์ไห้ลงตัวเวลาเราทำสมาธิจะได้ไม่กังวล สมาธิจะก้าวหน้าได้เร็ว แค่นี้ก่อนนะ อย่าพึ่งเชื่อนะลองทำดูก่อน ทีแรกอาจจะไม่เห็นนะ ทำบ่อยๆพอกำลังใจถึงจะเห็นเอง อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2009
  20. Bizzo_TiiT

    Bizzo_TiiT สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ส่วนตัวเอง คิดว่าน่าจะเคยเจอ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ไม่ต่ำกว่าห้าครั้งในชีวิต ส่วนใหญ่จะเจอตอนที่ไม่สบายหรืออ่อนเพลียค่ะ
    เเต่ว่าเป็นคนความรู้สึกช้าอ่ะค่ะ...ตอนที่เจออ่ะไม่รู้ตัวว่าโดนเข้าให้เเล้ว<o:p></o:p>
    ผ่านเหตุการณ์ไปเเล้วอ่ะเพิ่งจามาคิดได้ ..<o:p></o:p>
    เเต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกกลัวอะไรนะคะ เพราะส่วนใหญ่จะมาดี<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เคยมีอยู่ครั้งนึง..ตอนนั้นตัวเองไม่สบาย ต้องเข้ารับการผ่าตัด<o:p></o:p>
    เเต่ปิดไม่ให้ที่บ้านรู้อ่ะค่ะ ตอนพักฟื้นเลยต้องไปนอนที่บ้านเพื่อน<o:p></o:p>
    เเผลผ่าตัดค่อนข้างใหญ่มันเจ็บทรมานมาก บวกกับว่าลุกไปไหนไม่ไหว<o:p></o:p>
    ได้เเต่นอนอยู่กะที่ เวลาลุกขึ้นกินยาหรือฝึกเดินก็ร้องไห้ไปตลอด<o:p></o:p>
    ช่วงนั้นก็เลยอารมณ์บูดตลอดวัน พาลใส่ทุกคนเลยค่ะ <o:p></o:p>
    ขนาดกับเพื่อนที่คอยดูเเลเราก็ไม่เว้น โชคดีที่สนิทกันมากมันก็เข้าใจ<o:p></o:p>
    เเล้วเเฟนเราเค้าก็รู้ตั้งเเต่วันที่เราออกจากโรงพยาบาลเเล้ว <o:p></o:p>
    เเต่ช่วงนั้นงานเค้ายุ่งมาก เลยไม่มีเวลามาดูเเล<o:p></o:p>
    ตอนนั้นทั้งน้อยใจทั้งโกรธ ก็ต่อว่าแฟนไปทางโทรศัพท์<o:p></o:p>
    ยอมรับว่าพูดเเรงเหมือนกัน สำหรับเราที่อ่อนกว่าเเฟนเจ็ดปี<o:p></o:p>
    เเต่เค้าก็ฟัง ยอมให้เด็กรุ่นน้องเกือบสิบปีว่าจนพอใจ วางโทรศัพท์เสร็จ <o:p></o:p>
    น้ำตาไหลเลย รู้สึกผิดมากสงสารเเฟน ก่อนจะนอนเราก็นึกถึงเเฟนเก่าของเเฟน<o:p></o:p>
    ผู้หญิงคนนั้นเค้าเคยคบกับเเฟนมาก่อนหน้าเรา เป็นคนดีมาก เเต่ว่าเสียชีวิตไปเเล้ว<o:p></o:p>
    เราก็นึกในใจว่า ถ้าเป็นเค้า เค้าจะทำยังไงนะ <o:p></o:p>
    ที่เเน่ๆคงไม่ขึ้นเสียงด่าเเฟนอย่างที่เราทำหรอก ก็นึกหน้าเค้าเเล้วก็พูดขอโทด<o:p></o:p>
    ว่าวันหลังจาถนอมน้ำใจเเฟนดีๆ จะไม่ทำอีกเเล้วก็หลับไป<o:p></o:p>
    หลับไปสักพัก ก็ต้องตกใจตื่นค่ะ เพราะมีเสียงเคาะที่ฝาห้อง ไม่ใช่เสียงลมหรือเสียงจิ้งจกเเน่นอน มันเหมือนคนเอาปลายนิ้วเคาะลงบนฝาไม้เป็นจังหวะ <o:p></o:p>
    ตอนเเรกเสียงมันเบาเเล้วค่อยๆดังขึ้นเหมือนจงใจจะให้เราตื่น พอเราตื่นก็ยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ เวลานั้นเรารู้เลยว่า เค้ามาหาเรา กลัวมาก เเต่ก็อยากจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่เสียงอย่างอื่น<o:p></o:p>
    เลยกลั้นใจลุกขึ้นเดินไปดูเลย ตอนนั้นทุกคนในบ้านหลับหมดเเล้ว ปิดไฟมืดหมด น่ากัวมากค่ะเปิดประตูไปคือไม่มีอะไรเลย ก็กรี๊ดเเล้วก็เรียกหาเพื่อนดังมากเเต่ไม่มีใครได้ยินเสียงเราเลย ซึ่งมันผิดปกติมาก เลยต้องกลับไปนอนที่เก่า เเล้วก็คิดในใจบอกเค้าว่า<o:p></o:p>
    เราจะไม่ทำนิสัยเเบบนี้อีกเเล้ว จะดูเเลเเฟนให้ดีขึ้น <o:p></o:p>
    คิดว่าจิตใจเค้าน่าจะรักเเฟนมากเเล้วก็ยังเป็นห่วงพะวงอยู่กับเเฟนเราเพราะเค้าร่วมทุกร่วมสุขกันมากนาน ทุกวันนี้ถึงเราจาเลิกกะเเฟนเเล้วเเต่เราก็ยังดูเเลเค้าอยู่<o:p></o:p>
    อย่างน้อยก็เพื่ออีกคนนึงที่เค้าไม่มีโอกาสเเล้ว ^ ^<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...