เห็นพระทำผิด...คิดอย่างไรจึงได้บุญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 18 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. บัณฑิต ธัมโม

    บัณฑิต ธัมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +396
    ขออนุโมทนากับกระทู้นี้ครับ.....

    พระธรรมวินัย เปรียบเหมือน...ทะเลหลวงที่สิ่งสกปรกจะอยู่ไม่ได้นาน...จะโดนคลื่นซัดขึ้นฝั่งเสมอๆ เปรียบดังเช่นนักบวช...ถ้าไม่ทำตัวเองให้บริสุทธิ์...แล้ว ย่อมถูกพระธรรมวินัยซัดออกจากพระศาสนา...เช่นกัน

    แล้วใยเราต้องไปซ้ำเติมพระพุทธศาสนาของตนเองเล่าสิ่งที่น่าจะมองเมื่อเราเห็นพระต้องหัดมอง แบบ การเห็นสมณะ เป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง......
    อืม...ท่านใส่จีวรสีเหลือง เป็น ผ้ากาสายพัฒน์ คือธงชัยพระอรหันต์...ท่านออกจากบ้านจากเรือน...นอนก็ลำบาก...อยู่ก็ลำบากทวนกระแสสังคม...ท่านบรรพชามาเพื่ออะไรน๊อๆๆๆ อ้อท่านเนกขัมมะ เพื่อ มุ่งสู่ อริยะธรรมอันประเสริฐ คืออริยะสัจ 4 ตามรอยพระพุทธองค์ อืม..มีอะไรบ้างน๊อ...อืม...ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อืม เราจะรู้ได้อย่างท่านไหมน๊อ อืม...ฆราวาส ก็รู้ได้ด้วย...

    นี้คือลักษณะการมองให้เปนมงคลนะครับ...สาธุๆๆๆๆๆๆ

    ขอฝากห้องที่ใฝ่สันติสุขครับ......

    http://udompon.com/chat%20room/chat%20to%20new.html
     
  2. anukool202

    anukool202 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +5
    แต่เท่าที่ผมดูนะพริงที่ปฏิบัติจริงเป็นอริยสงฆ์ในพ.ศ.2500-ปัจจุปันก็มีหลายท่านแต่ส่วนใหญ่ที่ผมเป็นพระเดี๋ยวนี้ตามวัดต่างๆผิดวินัยกันมากบางองค์ฉันท์ข้าวเย็นก็มีเอาสุราไปดื่มในกฏิก็มี
     
  3. แพ้สะกดยังงัย

    แพ้สะกดยังงัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +69
    เมื่อก่อนนี้มีพระอยู่สองรูปพอผ่านแม่น้ำเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยากจะข้ามแม่น้ำแต่ข้ามไม่ได้

    พระที่อายุมากกว่าก็แบกผู้หญิงคนนั้นข้ามแม่น้ำไปส่วนพระที่อายุน้อยเห็นแล้วก็รู้สึกไม่

    สบายใจเขาคิดตั้งแต่ริมแม่น้ำจงขึ้นไปถึงยอดเขา ในที่สุดก็ถามว่าเพราะอะไรหรือทำไม

    ท่านต้องแบกผู้หญิงคนนั้นข้ามแม่น้ำไปด้วย พระอีกรูปก็ได้แต่ยิ้มๆแล้วก็ตอบว่าเมื่อสาม

    ชั่วโมงก่อนนี้เราวางไปแล้ว แต่เป็นตัวท่านเองต่างหากละที่ยังไม่วาง.. (คุณเข้าใจไหม)
     
  4. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    เคยได้ยินหลวงพี่เล็กท่านบอกว่า ทุกๆ ดวงจิตเกือบจะทั้งหมด ในอนันตจักรวาลนี้ เป็น
    ว่าที่อรหันต์ กันทุกคน แต่บางคนยังไม่ถึงเวลา บางคนกำลังเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้นั้นอาจจะผิด
    แบบสุดขั้วเลยก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไง ซักวัน เค้าจะค่อยๆ เข้าใจ และพัฒนาดวงจิตขึ้นไปเรื่อย ๆ
    เพียงแต่ เราอยู่กับปัจจุบัน ตัดสินจากที่เห็น ก็เลยเป็นเช่นนี้แล
     
  5. นาคกัญญา

    นาคกัญญา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +20
    ถึงพระจะกระทำผิด ท่านก็ถือศีลเหนือกว่าเรา เราควรจะวางเฉยเพราะถึงอย่างไร ท่านก็เป็นศิษย์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า การด่าว่าหรือมองท่านในแง่ร้ายย่อมหมายถึงการลบหลู่พระศาสนา จะทำให้ตัวเราก่อบาปกรรมมหันต์โดยไม่รู้ตัว
     
  6. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    เอาเป็นว่าให้เราตั้งอยู่ในพรหมวิหาร 4 ก็พอ

    เคยมีพระมาหาผมบอกผมว่าอยากสร้างโน่นสร้างนี้แต่ไม่มีปัจจัย ผมก็เลยบอกกับพระรูปนั้นไปว่า ปัจจัยมันมีอยู่ในตัวท่านแล้วทำไมท่านไม่สร้างมันละ ทำไมท่านถึงอยากจะสร้างแต่วัตถุภายนอก แต่วัตถุภายในกลับไม่ยอมสร้าง หากท่านเอาเวลาที่ท่านมานั่งคิดจะสร้างโน่นสร้างนี่ แล้วท่านไปทำความเพียรผมว่าป่านนี้ท่านคงจ่อประตูพระนิพพานแล้ว(พูดสมัยบวชอยู่)
    สมัยผมเป็นพระอยู่ไม่เคยมีปัจจัยติดตัวสักบาท แต่ก็อยู่ได้คนนิมนต์ไปสวดที่ใหนเขาใส่ปัจจัยให้เราก็ทำบุญกลับ กลัวว่าเงินที่เขามาหามาด้วยความยากลำบากแล้วเราเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกจะเป็นบาป เป็นพระไม่มีเงินติดตัวทำความเพียรอย่างเดียว ถึงเวลาบารมีถึงทุกสิ่งมันก็มาเอง ไม่ว่าจะเป็นรั้ววัดศาลาแท็งน้ำอยู่ๆมันก็มาเอง รั้ววัด 2 กิโลกว่าสร้างไม่ถึงปีก็มาจากบารมีครูบาอาจารย์ด้วย พอช่วงหน้าแล้งลำบากเรื่องน้ำเทวดาก็พาคนใจบุญหลงทางมาหาเห็นพระเณรลำบากไปตักน้ำก็ถวายแท็งน้ำ ก็ไม่เห็นต้องไปเรี่ยไรใครที่ใหนก็สร้างได้ขอเพียงรักษาศิลให้บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
    แต่บุญบวชผมมันน้อย บวชได้ 7 ปี พ่อก็มาป่วยไม่มีใครดูแลธุรกิจที่บ้าน พอพ่อป่วยก็มีคนเริ่มโกงจึงจำใจต้องสึกออกมา อยากฝากถึงท่านที่บวชเป็นพระให้คนกราบใหว้นั้น หากเป็นผ้าเหลืองมาผมกราบหมดนั่นแหละ แต่ท่านอย่ากให้คนกราบศิลที่บริสุทธิ์ของท่าน หรือกราบผ้าเปล่าๆ ทุกวันนี้อยากบวชก็ยังบวชไม่ได้ยังติดภาระทางโลกอยู่ ยังไงก็ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  7. buschannarong

    buschannarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +541
    พระดีๆก็มีเยอะ แต่สังคมสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งค่านิยม และวัฒนธรรม

    ตอนที่ผมเข้าค่ายธรรมะ พระก็พูดตลกซะมาก แต่งกลอนหวาน กลอนฮาๆขำ
    แล้วก็ร้องเพลงบ้างแถมพระยังเปิดเพลงสตริงค์ฟังเลย(ไม่สำรวมและไม่สมควรเลย)

    พระแถวบ้านผมยังเล่นเกมเลย พระบิณฑบาตรแล้วเอาของที่ญาติโยมนำมาทำบุญแล้วเอาไปแอบขายอีก หรือไม่ก็เดินวงไปเวียนมาแล้วก็ไปขึ้นรถที่ท่านนั่งมา(ของลูกศิษย์มั้ง)
    แล้วก็ไปแหล่วชุมชนต่อ แล้วก็เอาไปแอบขายอีก เฮ้ออออ..แหม..ไม่อยากพูด...แต่ก็ไม่อยากให้พระพุทธศาสนาเสื่อมเลย เพราะสมมติสงฆ์บางท่านแท้ๆ
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่รู้จะพูดอย่างไรนะ....แต่รู้สึกว่าอ่านแล้ว.....ผมไม่เห็นด้วยทั้งหมดนะครับ....

    มีอยู่หลายครับที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน....เช่นหลวงพ่อฤาษี ท่านสอนว่า การว่ากล่าวพระนี้ถ้าท่านผิดจริงก็เสมอตัว....แต่ถ้าท่านไม่ผิดนี่ติดลบเราเลย....

    หลวงแม่ใหญ่(แม่ชีทศพร)....เคยสอนพระเป็นเนื้อนาบุญ ไม่ว่าท่านจะถูกจะผิด...ไม่ให้ไปว่าท่าน.....

    มาเจอกระทู้นี้ ก็บอกว่าให้เมตตาทรงพรหมวิหาร.....แล้วอ้างพระพุทธเจ้าว่าให้เมตตาท่าน....ยังไม่พอไม่อ้างพระสูตร....ที่ท่านกล่าว.....





    **************************************************************



    ผมพูดตามตรงเลยว่าคำสอนผมน้อมรับใส่เกล้าแต่ถ้าเห็นว่าผิดวินัยร้ายแรงแล้วลอยนวลอยู่..ผมเห็นกับตา...ผมยอมไม่ได้........ไม่ใช่ว่าตัวเองต้องการไปปรามาสท่านนะครับ.....ผมไม่ได้มีเจตตาตรงนั้น.....แต่ลองถามใจตัวเองดูสิครับ.....ใครจะรักษาพระพุทธศาสนา...พระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าท่านบอกว่าเป็นของพุทธบริษัท ๔ ไม่ใช่เหรอ......



    ครั้งหนึ่งผมเคยอ่านเจอในหนังสือ......พระนางวิสาขา ท่านไปเห็นพระภิกษุอยู่กับสตรีเพศ...ในที่ลับตา....ท่านกล่าวบอกตรงนั้นเลยว่า พระคุณเจ้า ท่านทำเช่นนี้ไม่ควร.....พระสงฆ์องค์นั้นไม่สนใจกลับกล่าวว่าพระนาง....พระนางจึงเอาเรื่องนี้ทูลแก่พระพุทธเจ้า.....พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติวินัยห้ามภิกษุอยู่กับมาตุคามในที่ลับ...ปรับโทษหนักด้วยนะ.....

    คำถามว่าพระนางทำผิดใหมที่ทรงห้ามสงฆ์และทูลเรื่องนี้ต่อสมเด็จพระพุทธเจ้า.....



    ***************************************************************



    ถ้าคุณเห็นภิกษุท่านหนึ่งกินเหล้า หรือเอาสีกามานอนด้วย จับไม้จับมือสีกา พูดเกี้ยวสีกา เดินเรื่อไรในที่สาธารณะ ซึ่งผิดวินัยสงฆ์ รู้ทั้งรู้กลับเฉย แถมคิดแบบปล่อยวาง คิดแบบเมตตาอีก......อย่างนั้นเหรอ.....

    สำหรับผม...ผมไม่นะ....ผมเดินเข้าไปถาม...และตำหนิเลย....ผมไม่เพียงแค่คิดหลอก.....ไม่พอคิดว่าไม่เข้าท่าหลอกลวงผมแจ้งตำรวจ หรือไม่ ผมแจ้งพระฝ่ายด้านการปกครองในพื้นที่นั้นตรวจสอบทันที.....

    เพราะอะไร.....เพราะผมไม่ต้องการให้บุคคลเหล่านั้นทำลายความดีพระศาสนา....ไม่ยังศรัทธาให้เกิดแก่พระศาสนา.....

    มาดูด้านประวัติศาสตร์..พระเจ้าอโศกจับพวกนอกศาสนามาสึก....เนื่องจากสงฆ์ไม่ทำสังฆกรรมกับพวกนอกศาสนาห่มเหลือง ....ท่านจับศึก ไล่ ประหาร ระนาว เพื่อรักษาพระศาสนาไว้.....ท่านบาปไม.....

    คนไทยเป็นคนเมตตาสูง และเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน....แต่บางครั้งต้องรู้บางว่าอะไรควรไม่ควรเมตตา....เพราะอย่างนี้พระศาสนาจึงมีอายุน้อย....ใครไปรู้ถ้าปล่อยพวกโจรพวกนี้อยู่...ก็ทำลายชื่อเสียงไปเรื่อยๆ...อาจไม่ถึง ๕๐๐๐ ปี ในไทยศูนย์หายไปเจริญที่อื่นแทน....ถ้าเราไม่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา.....และรักษาไว้ซึ่งพระศาสนา....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2010
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730

    [​IMG]

    ถาม : อยากให้สรุปวิธีคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระอีกครั้ง
    ตอบ :
    ๑. พบเห็นพระทั่วไปให้คิดเห็นอกเห็นใจที่ท่านด้อยโอกาส แล้วคิดช่วยเหลือท่านให้ได้รับการศึกษาที่ดี
    ๒.พบเห็นพระทำผิดให้คิดสงสารที่ท่านไม่ได้รับการศึกษา ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้ แล้วคิดช่วยกันแก้ไข
    ๓.ได้ทราบข่าวพระหลอกลวงประชาชน จาบจ้วงพระธรรมวินัย ให้คิดเวทนาสงสารที่บุคคลเหล่านี้
    ว่าต้องตกอยู่ในความร้อนรุ่ม อยู่ไม่เป็นสุขไปตลอดกาลนาน แล้วคิดช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา



    [​IMG]
    กราบอนุโมทนาค่ะ

    เมื่อวานนี้ ติงได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์ที่ติงเคารพ
    ท่านกล่าวว่า
    ผู้ใดยังไม่ได้ปฏิบัติ ยังไม่นับเป็นภิกษุสงฆ์
    (ภิกษุสงฆ์ หนึ่งในพุทธบริษัท 4)
    เป็นได้แค่นักบวช

    [​IMG]



     
  10. Khun_Nu

    Khun_Nu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +24
    สาธุ.....อย่าไปโทษทางสงฆ์แต่ฝ่ายเดียว เพราะถ้าเรียนรู้ให้ลึกซึ้งจะเห็นแจ้งว่า ทางสงฆ์มักจะประกอบด้วยเมตตาเป็นจุดเริ่มต้นซึ่งเป็นฉนวนแห่งความดี และที่เหลือก็ไม่ได้คิดไปในทางประหัตประหารหรือจัดการเด็ดขาดเหมือนทางฆาราวาส ท่านทราบหรือไม่ ฆาราวาสที่งมงายและกิเลสหนาต่างหากที่ได้รับการศึกษาน้อยกว่าทางพระ จะเห็นได้จากเรื่องงมงายต่างฯที่เกิดในสังคมโดยมีที่ตั้งเหตุคืออยากได้บุญมากฯ ไม่ได้ใช้ปัญญากลั่นกรองว่า สมแก่เหตุและผลหรือป่าว ดังเช่นตัวอย่างถูกหวย รวยรางวัล ก็ทำบุญถวายปัจจัยพระสงฆ์เยอะฯ ทั้งที่พุทธกาล เงินมันเป็นอาสวะกิเลสหรืองูพิษ สำหรับสงฆ์ ยากนักที่จะตัดได้ ไม่เชื่อถามคนที่เคยบวชนานฯดู กิจนิมนต์ หมายถึงจะได้ปัจจัย ถวายอาหาร ไม่สู้ถวายปัจจัย ส่วนมากเป็นทุกที่ ไม่ทราบแก้ยังไง เดี๋ยวต่อไป จะรับอารธนาโยมต้องดูว่ามีฐานะป่าว ต้องให้การศึกษาโยมก่อนเพราะเป็นสาเหตุแห่งอุบัติการณ์ พระสมัยนี้ส่วนมากไม่มีตบะแก่กล้าเหมือนพุทธกาลเด้อ^^^^เคยได้ยินป่าวคำนี้หยุดซื้อก็หยุดทำลาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    ขอบคุณค่ะ............<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +510
    พระทำผิด

    เท่าที่ผมได้ศึกษา และแสวงหาความรู้มาบ้าง ก็พอมีความเข้าใจบ้างในระดับหนึ่ง ในยุคของเรามันเป็นยุคใหม่เป้นยุคทุนนิยม(ผมว่าเงินเป็นใหญ่)
    ในความรู้ของผมๆรู้มาว่า คนรู้จักศาสนามีทั่าทุกมุมโลก คนที่เข้าใจในศาสนา(เฉพาะประเทศไทยเรา)มีอยู่1ใน3 แต่มีคนทีเข้าใจอย่างถ่องแท้และลึกถึงแก่นมีอยู่ไม่ถึง1ใน3เท่านั้น
    การมองอะไรว่าผิดหรือถูกให้ดูที่เจตนาเป็นหลัก ให้มองจากตัวเราออกไปหาผู้อื่น การที่เราจะรู้จักศีลได้ก็ต้องลงมือปฏิบัติ จะมีสมาธิได้ก็ต้องปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติโดยเสมอกันแล้วก็อดทนรอให้ทั้งสองอย่างเต็มโดยสมบูรณ์ นั่นแหละปัญญาญาณรู้จะเกิด
    ถ้าเราปฏิติตามหลักง่ายๆขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โดยตั้งใจ
    จริง หรือโดยสม่ำเสมอไม่ต้องถึงกับอุกฤต จิตเราจะรู้ได้เอง สัมผัสได้เอง
    โดยไม่ต้องตั้งคำถามใดๆที่สร้างความขุ่นมัวให้เกิดในจิต
    พระสงฆ์เรานั้นในเรื่องการปฏิบัติมีสองอย่าง
    พระบ้านหรือพระเมืองการปฏิบัติก็จะเน้นหนักในเรื่องการศึกษา
    พระป่าจะเน้นไปในการปฎิบัติ
    "พระพุทธเจ้าของเราเคยกล่าวไว้ว่าไม่มีใครจะทำลายศาสนาของเราได้นอกจากเรากันเอง ทำลายกันเอง"
    เราเป็นอุบาสก อุบาสิกา หนึ่งในบริษัทสี่ แล้วเราทำหน้าที่ของเราจนถึงความสามารถของเราแล้วหรือ
    ยังมีอีกมากที่เรายังไม่เข้าไปศึกษา เรียนรู้
    เราจะทำอย่างไรให้เป็นที่พึ่งของพระได้ต้องแก้ที่ตัวเราก่อน
    ปล. ความรู้ผม บวชสามพรรษา นักธรรมเอก ปฏิบัติสมถกรรมฐานแบบอุกฤตด้วยตัวเองสามปี เดินธุดงค์แท้ๆสองเดือนครึ่งในป่าทุ่งใหญ่เนรศวร-ห้วยขาแข้ง ฝืกวิปัสสนาสายพอง-ยุบรุ่นหนึ่งในกองทุนในหลวงสามเดือน ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระวิปัสนาจารย์ เป็นอาจารย์สอนธรรมวินัยทั้งภิกษุและฆราวาส นี่เป็นความรู้เพียงหางอึ่งครับยังไม่ดีพอจะไปกำหนดใครว่าผิดถูกยกเว้นตัวผมเอง
    สิ่งที่ผมทำมาตลอดคือทำประโยชน์ของตัวเองให้พร้อมเสมอสำหรับช่วยผู้อื่นทำประโยชน์ สาธุอนุโมธามิ
     
  13. onpilin

    onpilin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +234
    ข้าพเจ้าโชคดีแล้วที่เกิดทันพระพุทธศาสนา และขออยู่ในพระพุทธศาสนาต่อไปจนกว่าจะไม่ต้องมาเกิดอีก
     
  14. ooic

    ooic Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +46
    สิ่งที่ห้ามล่วงเกินเด็ดขาดคือ พ่อ แม่ และ พระรัตนไตย

    เราว่าต้องยอมรับนับถือกฎธรรมดาหรือกฏแห่งกรรมให้มาก วางอุเบกขา เห็นตามความเป็นจริง จิตก็จะเป็นกุศล

    ไม่เผลอไปคิดหรือวิจารณ์สิ่งที่ไม่ควร ซึ่งเป็นเหตุให้ต่อภพต่อชาติไปอีก
     
  15. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ความเห็นส่วนตัวของผม

    พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า อย่าไปตำหนิผู้อื่นนะครับ

    แม้เป็นฆราวาสทำผิด ก็ไม่ควรไปตำหนิเขา ซึ่งนั่นเป็นที่มาของคำสอนที่ว่า

    อัตตนา โจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทความผิดของตัวไว้เสมอ อย่าไปยุ่งกับคนอื่น

    โมทนา
     
  16. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    ดูจิตดูใจตนเองเสียก่อน คอยตำหนิตนเองอยู่เป็นนิจ อย่าเอาเวลาไปคอยตรวจสอบคนอื่น ตำหนิคนอื่นให้เวลามันหมดไปโดยเปล่าประโยชน์
     
  17. F๐rNirvana

    F๐rNirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +317
    ขออนุโมทนา สาธุครับผม ขอบพระคุณมากครับ ที่ให้ธรรมทานกับผม(f)
     
  18. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    พระท่านจริงๆแล้วก็เป็นคนนะผมว่า พระที่ไม่ทำผิดเลย ผมว่าก็มีแต่พระพิมพ์พระเหรียญ พระโลหะ หรือพระที่สร้างขึ้นไว้เคารพบูชา
    แต่พระที่เป็นคนมีเลือดเนื้อ ยังต้องอาศัย อายตนะภายใน 6 ภายนอก 6 จะห้ามไม่ให้มีเรื่องหม่นหมองก็คงเป็นไปไม่ได้ โลกธรรม 8 เป็นของคู่กับโลก ยังไงก็หนีไม่พ้นครับ
    แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินหรือจะสิ้นคนนินทา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2010
  19. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อาบัติ แบ่งได้ ๓ อย่าง ปราชิก สังฆาทิเสท ทุกกฏ ......แบ่งตามลำดับ....โทษที่ผิด.....

    ถ้ารักษาวินัยไม่ได้.....ก็สึกไปเสีย....ไม่ต้องมาเป็นพระให้เสียข้าวชาวบ้าน....เสียแด่พระศาสนา......ถ้าท่านพอใจจะทำบุญกับโจรปล้นพระพุทธศาสนาก็เรื่องของท่าน.....

    แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่จะไม่มีวันที่จะสนับสนุนคนเหล่านี้.....ถ้าเห็นผิดวินัยหนักจริงก็แจ้ง(ถ้าอย่างนั้นจะมีพระปกครองไว้ทำไม...มีตำรวจพระไว้ทำไม)...เพราะไม่ใช่ว่าไม่รู้จักวินัยสงฆ์ว่ามีอย่างไร.....ผมถือว่าผมทำประโยชน์เพื่อพระศาสนา.....ผมถือว่าผมทำบุญ......ไม่ได้ปรามาส.....เพื่อประโยชน์พระศาสนาจะตั้งอยู่ได้....มัวแต่วางเฉย...ช่างมัน...ไม่ใช่เรื่องของตน....อย่างนี้ก็ศูนย์สิ้นกันหมด...ใครก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตนแล้วก็ไม่สน...มันเป็นเรื่องปกติ....

    เห็นอยู่กับตาไม่ตระขิตใจ...จะให้หลอกใจตัวเอง...ก็แล้วแต่...

    ใครจะคิดอย่างไร...ก็แล้วแต่ความคิดของใครแล้วกัน....

    ใครจะกราบไหว้พระทุศีล....มีเมีย....หรือโจรปล้นพระศาสนา.....ก็แล้วแต่แล้วกัน.....แต่ถ้าเป็นผม...ไม่มีวัน.....ถ้าเห็นก็ไม่มีวันยกให้เช่นกัน....(ข่าวพระปลอมก็ทั่วบ้านทั่วเมือง..มัวแต่จะวางเฉย...และก็แผ่เมตตา..สนับสนุน...ให้เขาอยู่กันได้..ก็เรื่องของท่าน...)....

    เมื่อเกิดสนิมกินเนื้อเหล็ก.....อันบัณฑิตย่อมป้องกันขัดถู....ลงน้ำมันเพื่อรักษาเนื้อเหล็กไว้....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2010
  20. KhunMafia

    KhunMafia Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34
    เครือข่ายชาวพุทธฯ ผู้เรียบเรียงบทความนี้ คือใครครับ ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...