วิธีแก้จิตที่เจ้าเล่ห์และรวดเร็วเหมือนลิง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปถุชนคนดี, 5 มีนาคม 2009.

  1. ปถุชนคนดี

    ปถุชนคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +214
    ผมอยากทราบวิธีแก้จิตน่ะครับ ผมดูภาพปลงอสุภะผมรู้สึกใจเต้นแรงนิดหน่อยแต่ก็ดูได้ระหว่างดูผมพยายามคิดว่ามนุษย์เราก็มีเพียงเท่านี้หาสิ่งที่น่าพิสมัยไม่ได้เลย ความสวยความงามภายนอกมันก็แค่ห่อหุ่มสิ่งน่ากลัวอยู่ภายในหาใช่ของจริงผมพยายามคิดแบบนี้อยู่ตลอดเวลา แต่จิตผมมันก็ก็ชั่งรวดเร็วยิ่งกว่าลิงแถมเจ้าเล่ห์อีก มันก็คิดว่าในเมื่อมนุษย์เราก็มีเท่านี้เป็นเรื่องธรรมดาควรยอมรับมัน จิตมันก็เกิดปลงไม่ได้ขึ้นมาแล้วมันยังชอบหาข้ออ้างข้อแย้งอีก แต่ผมก็ยังรู้สึกกลัวแขยงภาพอสุภะอยู่นะครับไม่ได้รู้สึกเฉยชาไปซะทีเดียวแต่จิตเจ้าเล่ห์นี้มันจะแย้งขึ้นมาก็เมื่อผมเปรียบเทียบกับมนุษย์เราเท่านั้น เช่น คนสวยๆเป็นต้น

    ผมอยากทราบว่าจะแก้จิตเจ้าเลห์แบบนี้อย่างไรน่ะครับช่วยแนะนำด้วยนะครับผมอยากปลงใน สิ่งที่มันสวยมันงามทั้งหลายให้ได้น่ะครับมันคงจะเป็นประโยชน์มากถ้าผมปลงได้

    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2009
  2. pat_ann17

    pat_ann17 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +80
    อนุโมทนาค่ะ

    ก็ไม่ยากเลยนะคะ...เพียงแต่เราแค่ดูเฉย ๆ

    ไม่ต้องเอาไปคิดหรือไปเปรียบเทียบกับอะไรเลย

    แรก ๆ ก็อาจจะกลัวและวูบไปบ้าง สักพักก็จะลืมได้เอง

    ทำใจไม่คิดมันก็พอ...เดี๋ยวจิตเราก็ปลงได้เอง.............*-*
     
  3. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
  4. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เป็นเรื่องปกติที่อารมณ์เร็วกว่าสติ หากเมื่อรู้ตัวก็ต้องรีบดึงสติกลับมา บางทีไปแบบไม่รู้ตัว อันที่จริงไม่ต้องเริ่มด้วยอสุภะ ก็ได้ มองแบบปกติก็ได้ ลองพิจารณาว่า หากนำมาแยกชิ้นส่วน เราจะรักหรือชอบหรือเปล่า ท่านเคยเห็นผู้หญิงที่สวยที่สุดแล้วเวลาเธอตาย ก็นำไปเผาทิ้งหรือฝังลงพื้นดินไปเลย ทำไมไม่เก็บไว้ แล้วทำให้สวยงามตลอดเวลา คิดแบบนี้ก็จะมองหญิงสาวคนใดก็เหมือนกันหมด ผมคิดแบบนี้ทุกครั้งครับ
     
  5. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อนุโมทนาคับ จิตผมไวยังกะปลอด -*- จับได้บ้างไม่ได้บ้างก็ค่อยๆฝึกกันไป ^^ อิอิ
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตั้งสติก่อนดูเหมือนกับตั้งท่าจ้องแบบนักกีฬาก่อนเป่านกหวีด แล้ว ระงับความรู้ึสึกให้ได้ให้ทันเช่นพอ เจอภาพปั๊บอย่าให้มันเข้าถึงใจ นี่แหละ ใครทำได้ จะทันต่อตัวผัสสะ อันจะเป็นเหตุให้ดับทุกข์จริงๆ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ดูผิดที่ครับ

    ดูอสุภะนี้ ต้องดูย้อนมาที่ตัวเป็นหลัก แต่ธรรมดาคนเราจะมองมาที่ตัว
    แล้วจะเห็นว่าไม่งาม ไม่หล่อ ไม่เทห์ นี่แสนยาก แค่เห็นหางตาแหลมๆ
    ไม่เหมือนใคร แค่นั้นก็จับหล่อแล้ว ทีนี้ หล่อ มันจับใจเราอยู่ มันก็ผลัก
    คุณไปมองสาวๆหละทีนี้ ทำไง คุณไม่รู้ทันใจตัวเองที่หล่อมันจับอยู่
    เลยคิดว่า สาวนั้นแหละที่ปรุงสาวเข้ามาจับคุณ ก็เลยไปแก้ด้วยการเพ่ง
    อะไรข้างนอกไม่สวยงาม โอ้ย ยังกะปลกกล้วยเข้าปาก ต่อให้สวยขนาด
    ไหน พอได้คบหา หรือรู้จนหมดรสหวานคราวนี้ อสุภะ กรรมฐานขึ้น

    เห็นไหม่ว่า ต่อให้เห็นข้างนอกเป็นอสุภะ ปัญหาจิตจับหล่อนั้นมันไม่ได้
    ถูกละวางออกไป แถมไปส่งจิตออกนอก ภาวนารู้อยู่นอกๆ ก็ไม่เห็น
    บ้านเรือนตัวเอง

    ถ้าพอเข้าใจอยู่บ้างนะครับ ลองไปทำดู

    ลองดูอสุภะให้พอจดจำภาพได้ ให้เกิดความรู้สึกไม่ชอบ แล้วมองมาที่
    ตัวเอง ดูสิสภาวะอารมณ์ไม่ชอบตะกี้เป็นอย่างไร หายไปหรือเปล่า แล้ว
    อะไรมาแทนที่ คุณจะเห็นเลยว่า ดูข้างนอกนี่มีสภาวะธรรมอารมณ์ไม่ชอบ
    แต่พอมองย้อนมาที่ตัว อารมณ์นั้นก็หายไป แล้วเกิดเป็นอารมณ์อื่นๆ สลับไป
    สลับมา แบบนีเรียกว่า เห็นธรรมคู่ เห็นอารมณ์หลายแบบแตกต่างกัน เราเรียก
    ว่าเห็นธรรมคู่

    เราก็อาศัยการตั้งอยู่ ดับไป ของธรรมคู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อรู้ธรรมหนึ่ง

    พอรู้ธรรมหนึ่ง ก็จะเป็นการรู้ที่เปี่ยมไปด้วยปัญญาอินทรีย์ ไม่ใช่รู้เพราะ
    สร้างภาพเอาไว้เพื่ออยู่ เพื่อหมายให้มันเที่ยง แบบนั้นจะไม่ใช่เป็นกลาง
    ด้วยปัญญา พอจิตจะไหวไปข้างเกลียด หรือ ชอบใจในกาย เราฉลาดใน
    การเห็นอารมณ์เห็นสภาวะธรรมแล้ว มันขยับปุ๊ปเราก็เห็น มันก็ลากเราไปไม่ได้
    โดยที่เราไม่ต้องออกแรง ก็แค่รู้ กับ รู้ชัด

    อ้อ แล้วต้องตั้งเป้าหมายที่การละอัตตา ตัวตน จิตจับหล่อนะครับ อย่า
    พึ่งไปตั้งเป้าละกาม เว้นแต่คุณจะเป็นสกิทาคามีแล้ว กำลังจะเป็นอานาคามี
    ก็ตั้งเป้าละกามได้ อย่าภาวนาผิดฐานะ จะผลาดเป้า ผิดฐานเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2009
  8. mouy1331

    mouy1331 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +15
    อนุโมทนาคะ...สาธุ เคยเป็นเหมือนกันจะพยายามแก้ไขเช่นกันคะ
     
  9. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    การดูจิตแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาแล้วนี่ครับ

    ปฏิบัติต่อไปครับ


    ขออนุโมทนา
     
  10. ทดแทน

    ทดแทน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +116
    ผมว่าเรื่องจิตที่โดนส่งออกนอกสตินะมันเป็นเรื่องธรรมดานะครับเป็นกันทุกคนเหละครับ ต้องใช้เวลาและฝึกควบคุมครับ แต่ส่วนตัวผมก้เป้นเช่นกันครับ แต่ก็ฝึกไปเรื่อยๆครับ
    อนุโมทนา สาธุด้วยครับ
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เป็นเรื่องธรรมดาครับ...จิตเรานั้นมีความเร็วมากๆ......กรรมฐานที่คุณฝึก คือ อสุถะกรรมฐาน (ใน กรรมฐาน 40 ) หรือ นวสีวถิกาบรรพ (ใน มหาสติปัฏฐานสูตร) ...เป็นกรรมฐานระงับและดับกาม........เรื่องธรรมดาครับเมื่อตอนเราฝึกนั้นจิตอาจมีความสงบนะ.....แต่เมื่อใดมากระทบโลก....เมื่อนั้นหละจะเป็นบทพิสูจน์ว่ากรรมฐานที่เราฝึกเป็นอย่างไร....ได้ผลบ้างใหม.....ดูกิเลสก็รู้......

    ตอนผมฝึกนะ.....นั่งจ้องศพและดูแล้วพิจารณาอย่างคุณนะหละ......บางครั้งเมื่อมีการจัดครูใหญ่ผมก็ไปดู........นะ.....เป็นเรื่องธรรมดาครับ......กิเลสตัวนี้จะละได้เด็ดขาดก็ต่อเมื่อ เป็นพระอนาคามี.......

    วิธีการของผมที่ใช้นะครับ(ก็เอามาจากครูบาอาจารย์)ก็คือพิจารณาตามที่คุณทำ...แต่ไม่ใช่เวลานั้นเวลาเดียวนะ....คือทุกครั้งที่ว่างจากการงาน....เห็นใครเดินผ่าน.....จับผ่าให้หมดเลย....บางครั้งเมื่อมองตัวเองไม่เห็นไม่ถนัดนัก....ก็จับข้างนอกผ่าก่อน....แล้วย้อนเข้ามาดูตัวเอง...บ้างเป็นต้น........บางครั้งจนมีสถาวะแบบว่า....โลกทั้งโลก.....มีแต่ศพเต็มไปหมด......แม้แต่เราเอง.....มองเห็นไอ่ร่างกายขันธ์ 5 นี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มันเป็นเพียงธาตุ 4 ที่มาประชุม สักวันมันก็ตายเมื่อตาย มันก็เน่าของมันไปเป็นวันๆ เป็นต้น........ไม่เป็นเหตุที่เราจะไปยึดมั่นถือมั่น เป็นต้น.........ในบางครั้ง เห็นไอ่ที่ว่าสวยๆ...เดินมา ....พิจารณาปุ้บ.......ไอ่หน้าขาวๆ ใส ๆเริ่มอืด...สีเริ่มคล้ำ น้ำเหลืองไหลออกมา แล้วก็หนอนไต่.....ไปเรื่อยๆๆ...จนเป็นผง แล้วก็หายไปเลย.......อารมณ์ที่ว่าไอ่เร็วๆนั้นนะ จบ เลยครับ......อาจเป็นช่วงนี้ที่คุณฝึกนั้นยังพิจารณาไม่ได้จริงๆ(คือไม่ซึ้ง)......เมื่อมากระทบโลก...ก็ไม่เอามาด้วย(ดาบที่ฝนแล้วควรนำมาใช้...ไม่ใช่เก็บไว้ในฝัก)...มันจึงไปจับก็เลสได้ง่ายๆ...นะครับ....จุดสำคัญคือ...ต้องใช้ให้ได้ตลอดเวลาที่เรามีอารมณ์ปกติและเมื่ออารมณ์ทางกิเลศเกิดขึ้นเลยนะครับ(มันจะเป็นอัตโนมัติ).....จึงจะฝึกได้คล่องจริงๆ...

    ผมเคยทำกระทู้เรื่องนี้อยู่นะ อ้างอิงจากพระไตร และหลวงพ่อด้วยนะครับ ...เนื้อหาไม่มากนะครับลองเข้าไปดูก็ได้...
    http://palungjit.org/showthread.php?t=171900
     
  12. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    ขอตอบเจ้าของกระทู้ดังนี้

    สิ่งที่คุณปฏิบัติอยู่โดยการดูอสุภะนี้ถูกแล้ว ที่จะมีความรู้สึกขยักแขยง เพราะจิตที่จะเข้าสู่โลกุตระได้นั้นจะต้องมีความรู้สึกเป็นลำดับๆ ไป คือ กล่าวคราวๆ เริ่มแรกจิตจะต้องเห็นความจริงให้ได้เสียก่อน การกระทำที่คุณทำอยู่นี่แหละเป็นการกระทำวิธีการหนึ่งที่ทำให้เห็นความจริงได้ จากนั้นต่อไปเมื่อเห็นแรกๆ จิตจะขยักแขยงอย่างนี้เป็นธรรมดาของการรับรู้ที่เกิดขึ้น ให้หมั่นทำไปเรื่อยๆ จิตจะเกิดเห็นไตรลักษณ์ได้และสักแต่ว่าได้ในที่สุด
    แต่ทั้งนี้จะไม่ใช่ว่าทำแล้วจะได้เลย ขึ้นอยู่กับอินทรีย์ของคุณเองด้วยว่ามีมากน้อยเพียงไร หากอินทรียของคุณอ่อน จิตของคุณยังไม่ถึงระดับที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรได้ จึงยังต้องหวั่นไหวไปตามกระแสของโลกธรรม เช่น รูปสวยๆ เป็นต้น ได้อีกเป็นธรรมดา

    ขอให้หมั่นทำไปนะครับ และปรับอินทรีย์ให้พร้อมแล้วจะถึงฝั่งได้ครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  13. cap5123

    cap5123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +85
    มันธรรมดาของชีวิต มีเกิดก็ต้องตาย เป็นนิดแม้แต่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าที่มีชีวิตไม่ตายยังต้องละสังขารของพระองค์เรารู้อย่างนี้แล้วเราจะโกธรจะโลภไปทำไมกัน
     
  14. runandyaow

    runandyaow Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +65
    จิตผมก็ไวเหมือนกันแต่ผมแก้ด้วย อาณาก่อนนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...