อยากรู้ว่าคนนับถือคริสต์ตายแล้วไม่ตกนรก 100% จริงหรือไม่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย TONY2, 18 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. TONY2

    TONY2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +110
    อยากรู้ว่าคนนับถือคริสต์ตายแล้วไม่ตกนรก 100% จริงหรือไม่?​

    จากหัวข้อผมสงสัยมากๆว่าคนนับถือคริสต์ ถ้าเชื่อในพีระเจ้า! เวลาตายแล้วไม่ต้องตกนรกจริงหรือ? และได้ไปพบพระเจ้าเลยใช่หรือไม่? ถ้าเปรียบเทียบกับพุทธทำผิด เอะอะไรต้องตกนรก (ข้อคิด: 1.สมมุติถ้าเป็นงั้นจริงนับถือคริสต์ไม่สบายกว่าหรือ คนก็แห่ไปถือคริสต์กันหมดได้ไม่ต้องตกนรก 2.ถ้าไม่จริงแล้วทำไม....พระเจ้าเป็นใคร ..เทพองค์หนึ่งหรือ?)​

    เชิญผูรู้ช่วยตอบ....plaese;aa37 ​
     
  2. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    คนคริสต์ประพฤติตัวไม่ดี ตายไปก็ต้องตกนรกครับ
     
  3. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    กระทู้ล่อเป้านะเนี่ย......
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทำไมจะไม่มีคนตกนรกในศาสนาคริสต์ ก็ในเมื่อคนคริสต์เขาก็รู้ แต่เขาเรียกให้สวยงามว่า ไฟชำระ ก็คนบาปในศาสนาคริสต์เมื่อตายไปแล้ว จะต้องไปอยู่ในไฟชำระก่อน

    ไฟชำระนี้ ชาวคริสต์ืเชื่อถือมากๆ เพราะว่า เด็กสามคน ชื่อ ฟรานซิสโก ยาซินทา และ ลูซีอา ได้พบกับพระแม่มารีอา พระแม่มารีอาได้กระทำอัศจรรย์ ต่อเด็กสามคน คือ เปิดสวรรค์ ให้เห็น เปิดนรกให้เห็น และ เปิดไฟชำระให้เห็น พร้อมกับ บอกทำนายความลับ 3 ข้อให้กับเด็กทั้งสาม พระแม่มารีอากล่าวถึงความลับทั้งสามข้ออย่างไร ลองไปหาคำตอบเอาเอง

    เด็กทั้งสามคน ถูก จับไปสอบสวนหาว่า โป้ปดมดเท็จ พระแม่มารีอาบอกว่า จะเสด็จมาที่ เนินฟาติมา ให้เด็กทั้งสามบอกคนทั่วไป

    ก็ปรากฎว่า วันที่พระแม่มารีอาเสด็จมา นั้น มีแสงสว่างประหลาด และ ฝนตก ซึ่งคนที่แห่ไปดูนั้น ไม่เปียกฝน และทุกคนต่างได้เห็นแสงประหลาดนั้น

    ภายหลังจากนั้นไม่นาน ฟรานซิสโก และ ยาซินทา ก็ได้เสียชีวิตลงเพราะป่วยเป็นโรค ซึ่งพระแม่มารีอาได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่า เด็กทั้งสองจะต้องตาย จะเหลือแต่ลูซีอาเพียงคนเดียวที่จะเป็นประจักษ์พยานอยู่บนโลกนี้ แต่เด็กทั้งสองมีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่กลัวตายเลย ทั้งสองคนพร้อมจะยอมตายเพื่อไปอยู่กับพระแม่มารีอา


    ความลับข้อที่สาม ถูกเปิดเผย จากปากลูซีอาเมื่อไม่นานมานี้ ทางสำนักวาติกันได้เฉลยมา ลองไปดูที่
    http://www.vatican.va/roman_curia/c...on_cfaith_doc_20000626_message-fatima_en.html
     
  5. Lokudtradham

    Lokudtradham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +339
    กฏแห่งกรรมไม่เคยละเว้นผู้ใด
     
  6. อันนาม

    อันนาม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    มีแบบนี้ด้วยหรือครับ อภิสิทธิ์เหนือระดับ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ผมว่านะ
     
  7. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เอ้า....เค้ามีคนเชื่อจริงๆนะครับ ประมาณว่าการกระทำเช่นนี้แม้เป็นคำที่คนทั่วไปเรียกว่า

    บาป แต่ถ้าทำโดยสุจริตใจคิดเป็นกุศลด้วยความตั้งมั่น ก็สามารถจะหนีกฎแห่งกรรมไม่บาป

    ได้ ในห้องนี้ก็มี...มั้ง พระพุทธพจน์ข้ออื่นผมไม่รู้อ่ะ จำไม่ได้ แต่มีข้อนึงท่านว่าไว้ครับ

    แล้วจำได้ขึ้นใจ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมเช่นใด

    ย่อมได้รับผลเช่นนั้น องค์คุลีมาล ฆ่าคนโดยเจตนาบริสุทธิ์ว่าจะเป็นทางสำเร็จวิชา สุดท้าย

    ก็ต้องรับผลของกรรมเมื่อออกบวชช่วงแรกก็โดนขว้างปาก้อนหินใส่จนแทบทนไม่ได้แต่

    พระพุทธเจ้าก็บอกว่านั่นคือผลกรรมที่ท่านฆ่าผู้อื่นไว้ต้องรับไปเช่นนั้น.....ไม่เห็นมีใครหนี

    กรรมได้นี่ครับ ไม่ว่าช้าหรือเร็ว เว้นแต่ผู้เข้าสู่ความเป็นอริยะ ประตูนรกย่อมปิดแต่ก็มีเศษ

    ของวิบากกรรมมาให้เห็นจนกว่าจะละสังขารนี้ไป แม้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงถ่าย

    เป็นพระโลหิตก่อนที่จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานด้วยซ้ำ ย่อมเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า แม้

    ตถาคตเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นเอกในโลกก็ไม่พ้นกฎแห่งกรรม และไม่ได้มีสิทธิเหนือผู้อื่นที่จะอยู่

    เหนือความตายไปได้ ท่านได้แสดงให้เห็นแล้วว่า วาระความเป็นสัตว์โลกย่อมอยู่ในกฎแห่ง

    กรรมเป็นธรรมดา ย่อมมีความป่วยเป็นธรรมดา ย่อมมีความแก่เป็นธรรมดา และท้ายที่สุด

    แม้แต่องค์ตถาคตเจ้าก็ย่อมมีความตายเป็นธรรมดา จงใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท

    เพราะเราล้วนอยู่ในทุกสิ่งที่เป็นอย่างธรรมดา การที่เอาความเป็นธรรมดามายึดมั่นถือมั่น

    เสมอว่าเป็นความไม่ธรรมดาไม่เพียงมองแค่ความเป็นธรรมดา ทางหลุดพ้นก็จะไม่เกิด

    ความเป็นอริยะก็ไม่มา (ท่อนหลังความคิดผู้เขียนนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ)
     
  8. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ต้องเข้าใจคำว่า ลัทธิหรือศาสนาก่อน ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร
    พุทธนี่แยกออกไปเป็นมหายานร่วมๆ20กว่าสาย เถรวาทร่วมๆ10กว่าสายแล้ว
    แค่ศึกษาแก่นของแต่ละสายก็คล้ายคลึงกันแตกต่างกันมากมาย
    คริสต์ก็แยกเป็น2สายมั๊ง ไหนจะศาสนาอื่นๆลัทธิอื่นๆรวมไปถึงลัทธิทรงเจ้าเข้าผีอีก มากมายบานตะเกรียง
    เวลาผมศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ เบื้องต้นก็ต้องไปอ่านหนังสือเล่มนี้ของคุณหลวงวิจิตรวาทการก่อน เพื่อความกว้างไกล
    ต่อมาก็ต้องไปกราบเรียนถามพระป่า ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัติโต เลือกองค์ที่ทันท่านอาจารย์ใหญ่นะ
    เสร็จแล้วจึงรู้เหมือนไอน์สไตน์รู้ว่า ศาสนาพุทธเถรวาทสายพระป่านี่แหละ ของจริงแท้แน่นอน อธิบายได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องคนที่นับถือคริสต์ถ้าทำชั่วไม่ตกนรกนั้น ไม่จริง
     
  9. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +939
    ความลับของชีวิตหลังความตายนั้น ก็คือจิตก่อนตาย หากจิตขณะตายคิดถึงสิ่งที่ดีๆ เช่นพระเจ้า สวรรค์ พระพุทธเจ้า บุญ แล้วตาย ก็ไปยังภพภูมิที่ดี หากจิตก่อนตายทุขเวทนามาก คิดถึงความดีไม่ไหว เจ้ากรรมนายเวรที่เคยไปทำเค้าไว้มาคุกคามมาก ให้คิดถึงบาป มีกิเลสครบถ้วน ราคะ โทสะ โมหะ ก่อนตาย จิตนั้นย่อมไปสู่ภพภูมิที่ชั่ว เรียกว่า อบายภูมิ อันมี
    นรก เปรต อสูรกาย เดรัจฉาน

    ดังนั้นเป็นไปได้ว่าคนที่นับถือคริสต์ก่อนตายนึกถึงกรรมดี พระเจ้า มีที่ยึดเนี่ยวจิตใจ เค้าย่อมไปในภพภูมิที่ดี คุณพุทธก็เช่นกัน หากก่อนตาย นึกถึงพระ พระพุทธรูป บุญที่เคยทำมา เค้าก็ไปสวรรค์ได้ ดังนั้นไม่เกี่ยวกับศาสนา เกี่ยวกับจิตมากกว่า ว่าขณะตายคุณนึกถึงอะไร
     
  10. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +939
    หากคุณจะแย้งว่า งั้นไม่ค้องทำดีอะไรเลยก็ได้ แค่ก่อนตายคิดถึงสิ่งดีๆก็พอใช่ไหม อย่างนั้นมันก็จะดูมักง่ายเกินไป เพราะคุณไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร ถูกไหมคะ ดังนั้นศาสนาพุทธจะสอนให้ภาวนาไงคะ พุทโธ ทุกลมหายใจเข้าออก เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้าไปในตัว หากคุณสามารถภาวนาได้ ทั้งวัน รับรองเลยคุณไม่ตกนรกแน่ๆ ไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน นอน แค่กำหนดลมหายใจเข้า -พุท ลมหายใจออก -โธ
    หรือหากตลอดชีวิตนี้คุณไม่เคยทำดีเลย ถามว่าจะนึกถึงความดีออกไหมคะ ถ้าคุณไม่เคยสัมผัสความดี หรือหากคุณธรรมความดีมาน้อย แต่ก่อนตายระลึกถึงความดี นึกถึงพระพุทธเจ้า คุณก็ไปสวรรค์ได้ แต่อยู่ได้แป๊ปเดียว ตามผลบุญที่คุณได้เคยทำ หลังจากนั้น ก็ ป๋อง...คงต้องถึงเวลารับผลของความชั่วแล้วนะคะ

    แก่นแท้จุดมุ่งหมายของศาสนาพุทธนั้น ไม่ใช่สวรรค์ หรือ พรหม แต่เป็นนิพพานต่างหากคะ การเปลี่ยนแดนเกิดไปเรื่อยๆ เสมือนการย้ายบ้านเช่า สะสมความดีมาก ก็เหมือนสะสมเงิน ทอง ก็มีโอกาสไปเช่าอยู่บ้านสวยๆ ดีๆ หากเงินหมดเมื่อไร คือไม่สะสมความดีเมื่อไร จะเอาทรัพย์ที่ไหนมามาเช่าบ้านดีๆล่ะคะ ก็ต้องนอนข้างถนน ขอเค้ากิน
    และหากจะถามว่าทำไมไม่สร้างบ้านซะที สร้างบ้านถาวรก็เหมือนนิพพานไงคะ ไม่ต้องย้ายอีก ก็คือไม่มีการเกิดอีก ไม่ต้องรับผลความทุกข์อีก

    แล้วแต่วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ควรศึกษาเองเพิ่มเติม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2009
  11. บุคคลไปทั่ว

    บุคคลไปทั่ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +106
    นับถือและปฎิบัติตาม ย่อมไม่ตก 100 % หรือคุณว่างัย
     
  12. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ตกครับ เราต้องไปสวรรค์นรกในที่ๆเดียวกันหมด
     
  13. เศษผง

    เศษผง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    คริสต์เขาก็มีนรกนะครับ โปรดอย่าได้เข้าใจผิด
    คนที่ทำความชั่ว ทำบาปไว้มากมาย แล้วไม่เคยสำนึกผิด ไม่เคยเป็นทุกข์ถึงบาปที่ตัวเองกระทำ ไม่ยอมสารภาพบาป ทั้งบาปทางกาย วาจา ใจ ถ้าตายในขณะที่มีบาปหนัก แล้วยังไม่ได้สารภาพบาป ยังไม่ได้ใช้โทษบาป แล้วละก็ .... มีนรกเป็นที่ไป
    ส่วนไฟชำระ ชาวคาทอลิคถ้าไม่มีบาปหนักจนต้องตกนรกเสียก่อน จะต้องผ่านไฟชำระเกือบทั้งหมด (ไม่น่าจะมีใครที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ตรงดิ่งขึ้นสวรรค์ได้ในทันที) เพื่อชำระให้วิญญาณบริสุทธิ์ก่อนเข้าอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า แค่ไฟชำระนี่ก็อ่วมแล้ว
    ชาวคาทอลิคยังเชื่อว่า ผู้ที่มีชีวิตอยู่สามารถช่วยวิญญาณที่ติดอยู่ในไฟชำระได้ โดยการสวดภาวนา การทำบุญต่างๆ เพื่อช่วยลดระยะเวลาที่ต้องทรมาณในไฟชำระด้วย
     
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ชั่วก็ไปตามชั่ว ดีก็ไปตามดี....นั่นหละ...
     
  15. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    ความเชื่อกับความจริง เป็นคนละอย่างกัน
    มนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อ ก็ต้องปล่อยเขาไป
    หากเราไปบอกว่าไม่จริง แทนที่เขาจะเห็นความหวังดีของเรา เขากลับโกรธเคืองเราอย่างรุนแรง หาว่าเราดูหมิ่นศาสนาของเขาเสียอีก
    กฎของจักรวาลเป็นสากล มีมาตรฐานเดียว ไม่double standards เหมือนของมนุษย์
     
  16. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    639
    ค่าพลัง:
    +707
    ก็แล้วแต่จะเชื่อกันไปครับ
     
  17. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    639
    ค่าพลัง:
    +707
    แต่ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ

    ทำอันใดไว้

    ก็ต้องได้อย่างนั้นซักวัน
     
  18. อารมณ์สุนทรีย์

    อารมณ์สุนทรีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +1,740
    พระเยชู (Jesus)

    ตามที่หลวงพ่อได้กล่าวไว้ ท่านอยู่ ชั้น ดุสิต

    เป็นท่านหนึ่งที่ปราถนา พุทธถูมิ

    ขณะท่านตายได้ถูกตรึงกางเขน

    แต่มิได้ไปนรก แสดงว่าท่าน จิตใจแข็มแข็งมาก

    ท่านใดเคยได้สร้างบารมีกับท่าน

    ก็จะนับถือท่าน

    แต่ท่านใดมิได้สร้างมาด้วยกับท่าน แม้จะเกิดในตระกูล คริสต์ แต่สุดท้ายก็มิได้นับถือ

    ถามว่า ไม่ตกนรก รึ เป็นไปมิได้ กฏแห่งกรรม ไม่เคยละเว้นผู้ใด แม้แต่พระพุทธเจ้า


    ท่านใดได้มโนมยิทธิ ก็สามารถไปดูได้ด้วยตัวเอง

    ส่วนท่านที่ยังไม่ได้ ก็ฝึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2009

แชร์หน้านี้

Loading...