ต่ออายุด้วยอำนาจพระปริตร

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    [​IMG]


    การต่ออายุนั้นโบราณทำกันมาหลายแบบหลายพิธี เช่น

    (1) “พิธีบังสุกุลเป็น” เมื่อมีคนป่วยหนัก ท่าทางจะไม่รอด ญาติพี่น้องจะนิมนต์พระมาทำพิธีบังสุกุลเป็น ตามปกติพระจะบังสุกุลคนตายเท่านั้น แต่ในกรณีนี้ท่านจะบังสุกุลคนเป็น จึงเรียกพิธีนี้ว่า “บังสุกุลเป็น” บทสวดก็มีต่างหาก ไม่เหมือนบังสุกุลทั่วไป และก็ปรากฏว่าได้ผล ผู้ป่วยมักจะหายวันหายคืน

    (2) นิมนต์พระมาสวดมนต์ให้ผู้ป่วยฟัง ส่วนมากจะสวด “โพชฌงคปริตร” เนื่องจากมีเหตุการณ์ในสมัยพุทธกาล พระสาวกผู้ใหญ่คือ พระมหากัสสปะ พระโมคคัลลานะ ป่วยหนัก พระพุทธองค์ทรงมีบัญชาในพระสาวกสวดโพชฌงคปริตรให้ท่านทั้งสองฟังแล้วหายป่วย คราวหนึ่งพระพุทธองค์ทรงพระประชวร จึงรับสั่งให้พระสาวกสวดโพชฌงคปริตรถวาย พระองค์ทรงสดับแล้ว ก็หายพระประชวร

    (3) การทำบุญทั่วไป ทำบุญ เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นการสร้างบุญกุศล หรือสร้าง “เงื่อนไข” ที่ดีๆ ขึ้นในตัวเรา อานุภาพบุญกุศลก็อาจช่วยยืดอายุได้สักระยะหนึ่ง สัปดาห์ก่อนโน้นในคอลัมนี้นี่แหละ ผมได้เล่าถึงเหลี่ยวฝานได้รับพยากรณ์จากหมอดูว่าจะเกิดเหตุอย่างนั้นๆ ในชีวิต อายุเท่านั้นจะแต่งงาน ได้เลื่อนขั้น แต่ไม่มีบุตร อายุเท่านั้นจะตาย ปรากฏว่าเป็นจริงทุกอย่างจนตกใจ ต่อมาได้พบพระภิกษุรูปหนึ่ง ท่านแนะนำให้เจริญภาวนา แผ่เมตตาให้มาก ทำบุญให้ทานให้มาก ต่อมาท่านก็ได้บุตรชาย และเมื่อครบอายุที่หมอบอกว่าจะตาย ท่านก็ไม่ตาย อยู่มาได้ถึง 120 ปีจึงสิ้นชีวิต ทั้งหมดนี้แสดงถึงบุญกุศลสามารถต่ออายุได้จริง เรื่องทำนองนี้เหนือสามัญวิสัยจะรู้ได้โดยปุถุชนเช่นเราๆ ท่านๆ แต่ไม่เชื่ออย่าดูหมิ่น

    พูดถึงเรื่อง การต่ออายุด้วยอำนาจพระปริตร มีเล่าไว้ในอรรถกถาธรรมบท (ธัมมปทัฏฐกถา) น่าสนใจ สามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเป็นอดีตฤๅษีชีไพร มีบุตรชายเล็กๆ รูปร่างน่าเกลียดน่าชัง สามีพาภรรยาและบุตรไปเยี่ยมหลวงพ่อ เพื่อนเก่า เวลาตนหรือภรรยาไหว้ ท่านฤๅษีก็อวยพรให้มีอายุมั่นขวัญยืน แต่พอให้เด็กไหว้ท่านบ้าง ท่านกลับนั่งเฉย ไม่อวยพรอะไร ทั้งสองจึงถามว่า ทำไมเวลาให้เด็กไหว้ ท่านไม่อวยพรอะไรเลย

    “เด็กคนนี้จะอายุไม่ยืน” หลวงพ่อฤๅษีกล่าว ทำให้ทั้งสองตกใจมาก

    “จะอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน หลวงพ่อ” ผู้สามีถาม

    “ไม่เกินเจ็ดวัน เด็กนี้จะต้องตาย” ฤๅษีผู้เคร่งฌานฟันธง

    “จะให้ทำอย่างไรครับ ลูกชายผมถึงจะมีชีวิตยืนยาว” เขาถามท่าทางกังวลมาก

    “อาตมาไม่ทราบ รู้แต่ว่าอายุจะไม่ยืน แต่จะทำอย่างไรจึงจะต่ออายุได้ ข้อนี้ไม่ทราบ แต่มีท่านผู้หนึ่งอาจช่วยได้” ฤๅษีบอก ความหวังที่ริบหรี่ค่อยเรืองรองขึ้นมาบ้าง

    “ท่านผู้นี้คือ พระสมณโคดมพุทธเจ้า” หลวงพ่อฤๅษีบอก

    ทั้งสองสามีภรรยาจึงพาบุตรชายไปไหว้พระสมณโคดมพุทธเจ้า ขณะทั้งสองไหว้ พระพุทธองค์ก็ตรัสอวยพรให้มีอายุมั่นขวัญยืนแบบเดียวกับฤๅษี พอให้เด็กไหว้ พระองค์กลับประทับนิ่งไม่ตรัสอะไร เมื่อกราบทูลถามก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกับที่ฤๅษีบอก ทั้งสองจึงกราบทูลขอให้ทรงต่ออายุให้บุตรชายของตน

    พระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้พระสงฆ์เตรียมปะรำพิธีสวดพระปริตร เอาด้ายสายสิญจน์ขึงเป็นวงกลม 7 ชั้น ให้เอาเด็กนอนภายในวงสายสิญจน์ พระสงฆ์เปลี่ยนกันสวดพระปริตรเป็นชุดๆ ไม่ขาดตอน ตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน ว่ากันว่ายักษ์ที่จะมาเอาชีวิตเด็กไม่มีโอกาสคร่าชีวิตเด็กได้ เพราะขณะพระสงฆ์สวดพระปริตร บรรดาเทพน้อยใหญ่พากันมาฟังการสาธยายพระปริตร เทพที่มีศักดิ์น้อย เมื่อเทพผู้มเหสักข์ (มีศักดิ์มาก) พากันมา ก็ถอยออกไปยืนอยู่รอบนอก แล้วที่นี้ยักษ์ซึ่งไม่มีซีอะไรสักขั้นไม่ว่ามากหรือน้อย ยิ่งต้องถอยออกมาห่างๆ หาโอกาสไปจับเด็กกินไม่ได้ ก็เลยอดว่าอย่างนั้นเถอะ

    พระคัมภีร์กล่าวว่า พอพ้นเจ็ดวัน เคราะห์กรรมของเด็กว่าจะสิ้นอายุก็หมดสิ้นไป เด็กน้อยจึงรอดชีวิต ไม่รอดเปล่าๆ กลับอยู่มาได้จนอายุ 120 ปี อดีตเด็กน้อยคนนี้จึงมีชื่อภายหลังว่า

    “อายุวัฒนกุมาร” (กุมารผู้มีอายุยืน)

    เนื่องจากเป็นคัมภีร์รุ่นหลัง จึงต้องฟังด้วยโยนิโสมนสิการ คัมภีร์อรรถกถานี้แต่งสมัยพุทธศตวรรษที่ 10 ที่ศรีลังกา แต่พยายามโยงให้ถึงสมัยพุทธกาล คือให้เข้าใจว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในสมัยพระพุทธเจ้า มีอะไรบางอย่างค้างใจผม เช่น

    ธรรมเนียมขึงด้ายสายสิญจน์รอบปะรำพิธี ไม่ปรากฏว่าในสมัยพุทธกาลมีการใช้ด้ายสายสิญจน์ ยิ่งสวดพระปริตรเพื่อป้องกันภัยต่างๆ กระเดียดไปทางไสยศาสตร์ มากกว่าเพื่อเจริญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ดังที่ปรากฏแพร่หลายในศรีลังกาจนไทยรับเอาแบบอย่างมา

    เรื่องนี้มีแง่ถกเถียงกันได้มาก แต่จะไม่ถกเถียงละครับ เพราะบทความนี้เขียนไปเรื่อยๆ ตามสไตล์ มิใช่บทความทางวิชาการ

    การต่ออายุในกรณี “อายุวัฒนกุมาร” เป็นการอาศัยเงื่อนไขภายนอกเป็นหลัก คืออาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของพระปริตร มิได้เกิดจากเงื่อนไขภายในคือกรรม (การกระทำ) ของผู้นั้นเอง ถ้ามันจะศักดิ์สิทธิ์ หรือมีผลสำเร็จจริง ก็อาจเป็นเพราะเงื่อนไขอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ก็ควรฟังๆ ไว้ “ไม่เชื่อก็อย่าดูหมิ่น”

    (เนื้อหาบางส่วนของบทความเรื่อง"ธรรมะต่ออายุ" โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก หนังสือพิมพ์มติชน คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ)


    คัดลอกจาก http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8140
    ภาพประกอบจากอินเตอร์เนท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มกราคม 2009
  2. TANAKORN17

    TANAKORN17 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +17
    อนุโมทนาสาธุครับ
    อาทิตย์แรกของเดือน จะมีพิธีสวดพระปริตรเพื่อสะเดาะเคราะห์เสริมมงคลชีวิต
    อาทิตย์ที่สองของเดือน สวดโพชฌังคะปริตเพื่อรักษาโรคดังสมัยพุทธกาล
    อาทิตย์ที่สามของเดือน สวดพลจักรรัตนสูตร
    อาทิตย์ที่สี่ของเดือน สวดพระอภิธรรม
    อาทิตย์ที่ห้าของเดือน สวดพระปริตรเพื่อสะเดาะเคราะห์เสริมมงคลชีวิต
    หากมีข้อสงสัยหรือสนใจสอบถาม เข้าร่วมสวด โทร 02 311 1387 ,02 311 3903 เริ่มสวด 16.00 น ฟรีไม่เสียกะตัง แถมมีห้องแอร์ให้นั่งสวด เย็นสบายใจมากครับ ที่ห้องบรรยายฯ สถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล
    สุขุมวิทซอย 101
     
  3. pooky

    pooky Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +63
    อนุโมทนาด้วยค่ะ ขอให้คนที่มา post ข้อความ และผู้อ่านทุกท่านมีอายุยืน และอยู่อย่างเป็นสุขด้วยเถิด
     
  4. ก.แก้วคำ

    ก.แก้วคำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +71
    ขออนุโมทนาสาธุครับ บทสวดนี้ภาวนาแล้วเป็นสิริมงคลเป็นอย่างมากครับ
     
  5. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,332
    รายละเอียดของบทสวดและคำแปลของ
    โพชฌังคปริตร มีดังนี้

    โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา
    ( โพชฌงค์ 7 ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์ )
    วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร
    ( วิริยะสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ )
    สะมาธุเปกขะโพชฌังคา
    ( สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ )
    สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา
    ( 7ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว )
    ภาวิตา พะหุลีกะตา
    ( อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว )
    สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา
    ( ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน )
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    ( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
    เอกัสมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา
    ( ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ
    และพระมหากัสสปะเป็นไข้ ได้รับความลำบาก )
    โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ
    ( จึงทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง )
    เต จะ ตัง อะภินันทิตวา
    ( ท่านทั้งสองนั้น ชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌงคธรรม )
    โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ
    ( โรคก็หายได้ในบัดดล )
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    ( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
    เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต
    ( ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง (พระพุทธเจ้า) ทรงประชวรเป็นไข้หนัก )
    จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตวานะ สาทะรัง
    ( รับสั่งให้พระจุนทะเถระ กล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ )
    สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส
    ( ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน )
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    ( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
    ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง
    ( ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง 3 องค์นั้น หายแล้วไม่กลับเป็นอีก )
    มัคคาหะตะกิเลสาวะ ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง
    ( ดุจดังกิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้ว ถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา )
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    ( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ เทอญ. )


    โพชฌังคปริตร ถือเป็นพุทธมนต์ที่ช่วยให้คนป่วยที่ได้สดับตรับฟังธรรมบทนี้แล้วสามารถหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้
    ที่เชื่ออย่างนี้เพราะมีเรื่องในพระไตรปิฎกเล่าว่า พระสัมมาสัมพุทธเจา้ได้เสด็จไปเยี่ยมพระมหากัสสปะที่อาพาธ
    พระองค์ทรงแสดงสัมโพชฌงค์แก่พระมหากัสสปะ พบว่าพระมหากัสสปะสามารถหายจากโรคได้
    อีกครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธ หลังจากนั้น พบว่า พระโมคคัลลานะก็หายจากอาพาธได้
    ในที่สุด เมื่อพระพุทธองค์เองทรงอาพาธ จึงตรัสให้พระจุนทะเถระแสดงโพชฌงค์ถวาย ซึ่งพบว่าพระพุทธเจ้าก็หายประชวร

    พุทธศาสนิกชนจึงพากันเชื่อว่า โพชฌงค์นั้น สวดแล้วช่วยให้หายโรคได้ ซึ่งในพระไตรปิฎกกล่าวว่า ธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นธรรมเกี่ยวกับ

    ปัญญา เป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นความจริงในเรื่องการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับ

    ร่างกาย เนื่องจากกายกับใจเป็นสิ่งที่อาศัยกันและกัน จึงทำให้หายจากโรคได้
    ..................................................................................
    ฟังเสียงสวดได้ที่
    http://www.oknation.net/blog/buddhamantra/video/14381
     
  6. สัทธาธิกะ

    สัทธาธิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +373
    อีกวิธีนึงที่เค้าใช้ต่ออายุกันครับ ก็คือใช้บทสวด อุณหิสวิชยคาถา

    อุณหิสวิชยคาถา ตามประวัติตำนาน บอกว่า

    คราวหนึ่งเทพอุณหิสวิชัย รู้ศึกร้อนรุ่มกาย เครื่องประดับองค์ทรง

    เศร้าหมองไม่แปล่งปลั่งเดิมแต่เดิม ทรงมีพระทัยวุ่นวายอยู่พิกลๆ

    ประจวบเหมาะที่พระพุทธองค์บรมศาสดาตถาคตเจ้าทรงเสด็จขึ้นสวรรค์

    เพื่อโปรดพระพุทธมารดาพอดี พระอุณหิสวิชัยทราบในพระทัยว่า

    พระองค์ทรงใกล้วาระที่จะจุติแล้วเพราะพระองค์ ใกล้จะหมดบุญเต็มที

    แต่ด้วยความสุขที่ได้อยู่ในสวรรค์ทำให้ทรงอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก

    จึงทรงเข้าเฝ้าพระบรมนาถบพิตรตถาคตเจ้า ว่าจะทำอย่างไรให้เสวยสุข

    ในสวรรค์ต่อไปได้ ( ยืดอายุ ) พระพุทธเจ้าทรงแย้มพระสรวญนิดๆ

    กล่าวว่า จะทรงมอบคาถาต่อชีวิตให้ จึงเกิดเป็นคาถา อุณหิสวิชัยขึ้น

    ไว้ใช้ต่ออายุ แต่ว่าพระพุทธเจ้าบอกว่า คาถานี้หากท่อง

    จะเป็นการเร่งบุญที่สะสมมาเอามาใช้ก่อนเวลาอันควร

    คือง่ายๆ มีชีวิตต่อไปได้แต่ความสุขสบายจะลดลงตามลำดับ

    คาถานี้ ต้องควบคู่กำการทำบุญเนืองๆจึงจะ เกิดผล

    อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย ธัมโมโลเก อะนุตะโร

    สัพพะ สัตตะ หิตัตถายะ ตัง ตวัง คัณหาหิ เทวะเต

    ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก

    พยัคเฆ นาเค วิเสภูเต อะกาละ มะระ เณนะวา

    สัพพัสมา มะระณา โหตุ เทโว สุขี สะทา สุทธะสีลัง

    สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร ตัสเสวะ

    อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา ลิกขิตัง จินติตัง

    ปูชัง ธาระณัง วาจะนังคะรุง ปะเรสัง เทสะนัง

    สุตวา ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะ ตีติ


    อธิษฐานให้ใครก็เอ่ยชื่อคนนั้นครับ

    ท่อง 3 จบยิ่งดีมาก

    http://romphosai.com/forums/forum17/thread1874.html
     
  7. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,167
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    มหา อนุโมทนา สาธุ

    OOOOOOOOOOOOOO


    ขอจงเป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิต ที่ต้องการมีธาตุขันธ์ยืนยาวเพื่อทำดีต่อไป


    ส่วนธาตุขันธ์นี้ ปล่อยตามปัจจัย....แล้วแต่ฟ้าดิน
     
  8. ถนอม021

    ถนอม021 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,098
    ค่าพลัง:
    +3,163
  9. tanakorn6355

    tanakorn6355 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +22
    อนุโทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...