พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ทานน้อยกว่าที่คิดนะครับ(สำหรับบุพเฟ่ต์) แต่ทานปลาเยอะเชียวครับ ดีครับ
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    กำลังปรับพฤติกรรมเค้าครับจากเดิมข้าวขาหมูเนื้อหนังพิเศษหนังสัปดาห์ละ 3วัน เป็นสัปดาห์ละครั้งก็ดีขึ้นมากแล้วครับ หุ หุ
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แต่วันนี้ไปทานกลางวันที่จัสมินอีกแล้วครับ เจ้าโดเรียกร้องอีกตามเคย ส่วนผมเดี๋ยวนี้ทานทุกอย่างน้อยลงมากครับ น้ำหนักกำลังลงอย่างช้าๆครับ หุ หุ
     
  4. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    นักเดินทางได้เวลาที่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วครับ ประมาณอาทิตย์หน้าก็จะขอลาทุก ๆ ท่าน มุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดอันสุดท้ายของการเดินทางนี้

    ขอขอบคุณและโมทนาสาธุกับทุก ๆ ท่านที่เคยร่วมบุญกันมา หากมีสิ่งใดที่ผมเคยล่วงเกินท่านทั้งหลาย ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ดี โดยตั้งใจก็ดี โดยไม่ตั้งใจก็ดี ขอท่านทั้งหลายโปรดอโหสิกรรมให้ผมด้วย และสิ่งใดก็ตามที่ผู้อื่นเคยทำไว้กับผม ผมขออโหสิกรรมให้ทั้งหมดทั้งสิ้น
     
  5. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    [​IMG] สาธุ ขออนุโมทนา ด้วยจิต กาย วาจา ใจอันกุศลต่อ คุณนักเดินทาง ขอให้ความตั้งใจในครั้งนี้ ของคุณพี่ ประสบผลดังมั่นหมาย ทุกประการ

    วาระกรรม ผลกรรม อันใด ที่เคยสร้างร่วมกันมา ทั้งกาย วาจา ใจ คีตา ขออโหสิกรรม และ มอบอโหสิกรรม ต่อกันและกัน[​IMG]

    ยินดีด้วยนะครับ ดีใจมากๆๆๆๆเลย
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันนี้ ท่านโดไปทานโออิชิ รับปากแล้วนะครับว่า จะทานเผื่อ แล้วทานอะไรเผื่อบ้างครับ คุณnongnooo มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่า สุดยอดครับ อิ่มแน่นอนครับ

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พี่อโหสิกรรมให้โต้งทุกๆเรื่อง ไปตามความตั้งใจของตนเองนะครับ

    มีอะไรจะให้พี่ช่วยก็บอกได้ หรือโทร.มาก็ได้น๊ะโต้ง

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เคล็ด(ไม่)ลับ..เก็บไข่เค็มต้มให้ได้นานๆ

    http://hilight.kapook.com/view/32727


    [​IMG]


    บ้านไหนที่ชอบทานไข่เค็ม วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีเก็บไข่เค็มต้มให้เก็บไว้ได้นานๆ แถมยังมีสีสวยมาบอก...

    ถ้าพูดถึงไข่เค็ม ทุกคนก็คงนึกถึงไข่เค็มไชยา เพราะจัดเป็นไข่เค็มที่มีชื่อเสียงที่สุด มีรสชาติเค็มนิดรสมันหน่อย ไม่เค็มจัดเหมือนไข่เค็มทั่วไป สามารถนำมาแปลงเป็นอาหารได้หลายอย่าง

    ไข่เค็มประเภทดิบที่ยังไม่เค็มจัดสามารถนำมาทอดเป็นไข่ดาว ส่วนที่เป็นไข่ขาวจะออกรสเค็มไม่มาก ไข่เค็มที่ต้มสุกแล้วก็จะนำไปทานกับข้าวต้มได้รสอร่อยทีเดียว

    วิธีเก็บไข่เค็มต้มให้ได้นานๆ ทำได้โดยใส่สารส้มลงไปในน้ำที่ใช้ต้มไข่ อีกทั้งสารส้มจะทำให้สีของไข่ขาวสวยกว่าไข่ทั่วไปอีกด้วย

    ถ้าอยากเก็บไข่เค็มต้มไว้ทานนานๆ นำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    คุณgnip รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ต้องทำหลายๆทางครับ อีกทั้งยาปัจจุบัน และทานผลไม้ที่มีวิตามิน C กันให้เยอะๆครับ



    ตอนที่ผมไป ระหว่างทางเห็นต้นไม้ เดี๋ยวนี้ปลูกต้นไม้จริง และ ต้นไม้ปลอม ไว้ด้วยกัน

    ผมถ่ายตอนขากลับจากวัดไร่ขิง

    นำมาให้ชมกันครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    โมทนาสาธุครับ

    แสดงว่า ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วสิครับ ไปเที่ยวได้แล้ว
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพื่อความเข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับหลักกรรม (๑๒) เราใหญ่กว่ากรรม
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01bud02110152&sectionid=0121&day=2009-01-11
    คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>พระท่านพูดเป็นหลักว่า กรรมที่ทำลงไปเปรียบเสมือนสุนัขไล่เนื้อ ไล่ทันเมื่อใดก็กัดเมื่อนั้น ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าคนเราเกิดมาต่างก็ "วิ่งหนี" กรรมกันทุกคน พ้นบ้าง ไม่พ้นบ้าง

    โอกาสไม่พ้นมีมากกว่า แต่โอกาสพ้นก็มีไม่น้อย

    จะพ้นได้อย่างไร นี่สิครับเป็นข้อที่ควรคิด

    แสดงว่าในช่วงที่ทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป จนถึงกรรมให้ผลนั้นมันมี "ช่องว่าง" ให้เราสร้างเงื่อนไขใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ เงื่อนไขใหม่ๆ นี้แหละจะมีส่วนช่วยผ่อนคลาย หรือขวางมิให้กรรมที่ทำนั้นให้ผลเต็มที่ หรือไม่ให้ผลเลย

    ท่านพูดเป็นหลักไว้ดังนี้

    1.กรรมบางอย่าง ทำลงไปแล้วให้ผลทันตาเห็น คือชั่วชีวิตนี้ได้รับผลตอบสนองเห็นกันจะๆ เลยทีเดียว

    2.กรรมบางอย่าง ทำลงไปแล้วไม่ให้ผลในชาตินี้ ไปให้ผลในชาติหน้า

    3.กรรมบางอย่าง ทำลงไปแล้วไม่ให้ผลในชาติหน้า ไปให้ผลในชาติต่อๆ ไป

    4.กรรมบางอย่าง ทำลงไปแล้วไม่มีโอกาสให้ผล กลายเป็น "อโหสิกรรม" ไปเลยก็มี เหมือนเนื้อที่วิ่งหนีสุนัขสุดฤทธิ์ โชคดีหนีรอดชีวิตไปได้

    การพูดว่า กรรมที่ทำลงไปมีโอกาสกลายเป็นอโหสิกรรมได้นี้เอง แสดงให้เห็นว่าคนเรามีโอกาสที่จะจัดการกับชีวิตเราได้ ต้องการให้มันเป็นไปอย่างใด เราสามารถทำให้มันเป็นไปตามนั้นได้

    หลายคนมักจะเสียอกเสียใจ หรือวิตกกังวลแต่กับอดีตที่ผ่านไปแล้ว เช่น เคยผิดพลาดทำความไม่ดีอะไรบางอย่างมา แล้วก็มานั่งวิตกกังวล หรือเสียใจกับการกระทำของตน จนไม่เป็นอันกินอันนอน ไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แทนที่จะคิดว่าสิ่งที่ทำไปแล้วทำคืนไม่ได้ คือจะแก้ให้ไม่เป็นอันทำนั้นไม่ได้ แต่เราสามารถตั้งใจไม่ทำอย่างนั้นอีกได้ และสามารถทำความดีอื่นแทนได้

    มีผู้ที่เคยพบกันท่านหนึ่งเล่าว่า เคยได้เสียกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่กลับได้มาแต่งงานกับน้องสาวของผู้หญิงคนนั้น และตอนนี้ (คือขณะที่เล่าเรื่องราวนี้) มีบุตรสาวมาคนหนึ่ง บุตรสาวก็โตขึ้นทุกวันๆ ผู้เป็นพ่อ (คือท่านดังกล่าว) วิตกกังวลไม่มีความสุขเลย กลัวว่าบาปที่ตนทำไว้จะตกแก่ลูก ครั้งถามว่า จะตกแก่ลูกในลักษณะใด ท่านผู้นั้นบอกว่า กลัวลูกสาวจะถูกชายอื่นหลอกได้เสียฟรีโดยไม่ได้แต่งงาน

    ปัญหานี้ไม่น่าเป็นปัญหา มีคนไม่น้อยที่รักกันแล้ว ไม่ได้แต่งงานกัน กลับไปแต่งงานกับคนอื่น ไม่น่าจะถือเป็นบาปเป็นกรรมอะไร

    นอกเสียแต่ว่า ขณะที่เป็นแฟนกับคนพี่หมั้นหมายกันแล้วว่าจะแต่งงานกัน แล้วลอบได้เสียกับน้องสาวคนรัก ถ้าอย่างนี้พูดได้ว่า ทำผิดศีลข้อสาม ถึงกระนั้น ถ้าจะได้รับผลของการกระทำนี้ ก็ไม่จำเป็นที่ผลกรรมจะต้องไปตกที่ลูกสาว อาจจะได้รับผลในรูปแบบอื่นก็ได้

    จึงไม่ควรด่วนวิตกทุกข์ร้อนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ

    หรือพูดอีกนัยหนึ่ง การที่ทุกข์ร้อนกินไม่ได้นอนไม่หลับนั้น อาจเป็นผลของกรรมดังกล่าวนั้นก็ได้ ลองนึกดูว่าตัวเองไม่เป็นสุข เพราะเรื่องนี้มากี่ปีกี่เดือนแล้ว ถ้าเป็นมาตลอดหลังจากได้ทำสิ่งนี้ขึ้น ก็เท่ากับว่าได้รับผลกรรมนั้นแล้ว

    จึงไม่ควรคิดกลุ้มอีกต่อไป ฝึกทำใจเสียใหม่ ตั้งใจแน่วแน่ว่าตั้งแต่นี้ต่อไป เราจะทำบุญทำทานให้มาก ทำบุญทุกชนิดเท่าที่โอกาสจะอำนวย

    สิ่งที่ทำใหม่นี้ จะเป็นเงื่อนไขใหม่ ช่วย "ล้าง" กรรมชั่วที่ทำมาแล้วละลายหายไป หรือผ่อนคลายลง

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า มีอยู่ 4 เรื่องที่ปุถุชนมีกิเลสไม่ควรนำมาคิดให้ปวดสมอง เพราะคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ขืนคิดมากจะเป็นบ้า เปล่าๆ 4 เรื่องนั้น คือ

    1.เรื่องของโลก เช่นโลกเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะแตกดับเมื่อใด (ถึงจะมีคนพูดว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้สร้าง ไปๆ ก็กลายเป็นว่า "คิดเอาเอง" ทั้งนั้น)

    2.เรื่องของฌานสมาบัติ คนที่ได้ฌานสมาบัติมีฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์ บางคนได้ฌานขั้นสูง เขาจับฝังดินเป็นเวลา 7-8 วัน งัดขึ้นมายังไม่ตาย มันเป็นไปได้อย่างไร สุดที่คนธรรมดาสามัญจะหยั่งรู้ได้

    3.เรื่องการให้ผลของกรรม กรรมมันมีกฎเกณฑ์อะไรของมัน มันให้ผล ไม่ให้ผล ให้ผลเร็ว ให้ผลช้า เพราะอะไร ไม่มีใครคาดเดาได้

    4.เรื่องของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างไร ทรงเป็นมนุษย์เหมือนคนทั่วไป แต่มีอะไรพิเศษกว่ามนุษย์ทั่วไป เพราะอะไร เรื่องอย่างนี้ปุถุชนคนธรรมดาไม่สามารถคิดรู้ได้

    ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ใช่วิสัยของปุถุชนจะคิดจะรู้ได้ พระพุทธเจ้าเท่านั้นจึงจะทรงรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด อย่างไร

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการให้ผลของกรรม กรรมใดจะให้ผลเมื่อใดอย่างไร พระพุทธเจ้าเท่านั้นทรงรู้ เพราะทรงรู้ พระองค์จึงทรงช่วยเหลือมิให้คนบางคนถลำทำกรรมหนัก หรือบางครั้ง คนคนหนึ่งจะต้องถึงแก่ความตายก็เสด็จไปช่วยเหลือ ให้รอดพ้นจากความตาย

    พูดอีกนัยหนึ่ง เสด็จไปประทานโอกาสสุดท้ายให้เขาได้สร้างเงื่อนไขที่ดี เพื่อผ่อนคลายกรรมเก่า หรือตัดกรรมเก่าด้วยตัวเขาเอง

    จะขอยกตัวอย่างสักสองเรื่อง ดังนี้

    1) เรื่องที่หนึ่ง คงรู้กันทั่วไปคือ เรื่ององคุลิมาลโจร เดิมที มหาโจรคนนี้ก็เป็นคนดี แต่เพราะได้อาจารย์ไม่ดี ยุยงให้ไปฆ่าคนหลอกว่าจะถ่ายทอดวิชาพิเศษ ซึ่งตนไม่เคยถ่ายทอดให้ใคร ด้วยความอยากได้วิทยาการพิเศษนั้น หนุ่มน้อยคนนี้จึงไปฆ่าคนจนกระทั่งกลายเป็นมหาโจรลือชื่อ ลือชื่อขนาดพระเจ้าแผ่นดินส่งกองทัพย่อยๆ ออกไปปราบ มารดารู้ว่าลูกชายจะถูกฆ่า จึงรีบเดินทางล่วงหน้าไปหาลูกชายเพื่อบอกให้รู้ตัว แต่พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่า ถึงตอนนี้แล้วองคุลิมาลฟั่นเฟือนแล้ว พบหน้าใครก็จะฆ่าถ่ายเดียว ถ้าปล่อยให้สองแม่ลูกพบกัน องคุลิมาลจะต้องถลำทำบาปหนักขั้น "อนันตริยกรรม" คือฆ่าแม่บังเกิดเกล้าของตน จึงเสด็จไปดักหน้าก่อน

    องคุลิมาลเห็นพระพุทธเจ้าก็วิ่งไล่ เพื่อฆ่าเอานิ้วมือ แต่พระพุทธองค์ทรงกลับใจเธอให้สำนึกผิดชอบชั่วดี จนทูลขอบวชเป็นสาวกของพระองค์ กลายเป็นพระอรหันต์ดังที่ทราบกันดีแล้ว

    ถ้าไม่ได้พบพระพุทธเจ้า องคุลิมาลก็จะฆ่ามารดาทำกรรมหนัก ตัดมรรคผลนิพพาน แต่เพราะได้พบพระพุทธเจ้า องคุลิมาลจึงมี "โอกาส" สร้างเงื่อนไขใหม่ที่ดี และมีพลังจนกระทั่งผลักดันให้กรรมเก่า (ฆ่าคนมาเป็นร้อย) กลายเป็นอโหสิกรรมไปเลย

    เรื่องอย่างนี้ พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ และทรง "แก้ไข" ได้

    2) อีกเรื่องหนึ่ง ทรงรู้ว่าชาวนาคนหนึ่งจะถูกจับและถูกยัดข้อหาขโมยทรัพย์ของคนอื่น เช้าตรู่วันนั้น ขณะที่ชาวนาคนดังกล่าวไถนาอยู่ พระองค์พร้อมกับพระอานนท์พุทธอนุชาได้ไปยังที่นั้น พระองค์ตรัสถามพระอานนท์ดังๆ ว่า "อานนท์ เธอเห็นอสรพิษไหม" พระอานนท์กราบทูลว่า "เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษตัวใหญ่เสียด้วย"

    พอพระพุทธองค์และพระอานนท์ผ่านไปสักครู่ ชาวนาคนนั้นจึงถือไม้ตรงไปยังที่นั้น ด้วยหมายใจจะฆ่าอสรพิษตัวนั้นเสีย แต่กลับเห็นถุงเงินวางอยู่ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงเอาถุงเงินนั้นไปซุกไว้อีกที่หนึ่ง ชาวบ้านพากันตามรอยโจรมาพบถุงเงินเข้า จึงจับชาวนาคนนั้นไปขึ้นศาล ขณะถูกจับไป ชาวนาคนนั้นพร่ำรำพัน แต่คำพูดโต้ตอบกันของพระพุทธเจ้ากับพระอานนท์ว่า "อานนท์ เธอเห็นอสรพิษไหม" "เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษตัวใหญ่เสียด้วย" จนพระเจ้าแผ่นดินทรงเอะพระทัย ไปกราบทูลถามพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงเล่าให้พระเจ้าแผ่นดินฟัง พร้อมตรัสว่า ชาวนาคนนั้นมิใช่โจร แกจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด

    ยกทั้งสองเรื่องมาให้ฟัง เพื่อให้แง่คิดว่ากลไกของกรรมและการให้ผลของกรรม ไม่มีใครสามารถรู้ได้ นอกจากพระพุทธเจ้านี้ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง กรรมที่ทำลงไปแล้ว เรามีโอกาสที่จะผ่อนคลาย หรือแก้ไขให้มันให้ผลช้าลง เบาลง หรือแม้กระทั่งไม่ให้มันมีโอกาสให้ผลเลย (ในกรณีกรรมชั่ว) หรือเรามีโอกาสเสริมให้มันให้ผลดีมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ (ในกรณีกรรมดี)

    เพราะเรามีเวลาสร้าง "เงื่อนไข" ใหม่ขึ้นมาในระหว่างได้ เช่น เคยทำชั่วบางอย่างไว้ เราก็งดทำเช่นนั้นอีก ทำแต่บุญกุศลเพิ่มขึ้นๆ เรื่อยๆ ดังนี้เป็นต้น

    อนาคตแห่งชีวิตจึงอยู่ในกำมือของเรา เราจะบันดาลให้มันเป็นไปอย่างไรก็ย่อมได้ อย่างนี้ไม่เรียกว่าเราใหญ่กว่ากรรม จะให้เรียกว่าอะไรเล่าครับ
     
  12. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    โมทนาสาธุด้วยครับ
     
  13. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    คู่หูคู่กินนี่นา อาเฮีย จั๊บๆ
     
  14. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ตั้งจิต, sithiphong+, ตัวกลมๆ

    ราตรีสวาทนะก๊า คิคิ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ถึงจะไม่รู้จักโดยตรงแต่จากการตามอ่านกระทู้ก็พอจะได้ทราบอยู่บ้าง
    ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  16. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ดีจังครับ ของผมเองก็ตั้งใจจะคุมน้ำหนักเหมือนกันครับ เริ่มอึดอัดเหมือนกันครับ ยิ่งเดี๋ยวนี้ว่างก็จะนั่งสมาธิ
    ทำเอาการออกกำลังที่ปกติก็ออกน้อยอยู่แล้ว กลายเป็นไม่มี สงสัยต้องจัดโปรแกรมให้กับตัวเองเสียใหม่ครับ
    เดี๋ยวโดนพี่หนุ่มดุ ว่าไม่ดูแลสุขภาพครับ (ผมกลัวแล้วงับ กำลังจะปรับนะงับ :D)
     
  17. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405

    อ่า...ไข่เค็มเจ้าไหนได้ไข่แดงขนาดนี้ครับเนี่ย สุดยอดแห่งความน่ากินเลยครับ ผมว่าลพบุรีก็ดังอยู่นะครับ แต่ไม่เคยเห็นขนาดนี้ครับ
    ไชยาเองผมก็กินมาก่อน ก็ไม่เคยเจอนะครับ ท่านใดทราบรบกวนด้วยครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ไปรษณีย์” ทั่วประเทศ เปิดรับชำระค่าปรับจราจรทุกประเภท
    http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9520000002713
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 มกราคม 2552 12:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>“ไปรษณีย์” ทุกสาขาทั่วประเทศ เปิดรับชำระค่าปรับจราจรทุกประเภท รวมถึงความผิดที่ถูกบันทึกด้วยกล้องเรดไลท์ 30 แห่ง ที่ติดตามสี่แยกไฟแดงทั่วกรุงเทพฯ รายการละ 81 บาท รวมแวต พร้อมค่าซอง 6 บาท

    นางปริษา ปานะนนท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ปณท เปิดให้บริการรับชำระค่าปรับจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้กระทำความผิดจราจรทุกกรณี โดยนำสำเนาใบสั่ง หรือหมายเรียกมาประกอบการใช้บริการชำระค่าปรับจราจรได้ที่ไปรษณีย์ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้กระทำผิดกฎจราจรตามวันที่ได้ระบุไว้ในใบสั่งของเจ้าหน้าที่พนักงานจราจร

    สำหรับผู้ที่ขับรถฝ่าไฟแดง และถูกบันทึกการกระทำความผิดโดยกล้องเรดไลท์ ซึ่งทางกองบัญชาการตรวจนครบาล (บชน.) ได้นำมาติดตั้งบนทางแยกหลายจุดใน กทม.ตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นต้นมา ก็สามารถนำสำเนาหมายเรียกมาชำระค่าปรับได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศเช่นกัน โดยคิดค่าบริการ 81 บาทต่อหนึ่งรายการ

    ทั้งนี้ แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 และค่าซองขนาด C5 จำนวน 2 ซอง ราคา 6 บาท เพื่อจ่าหน้าถึงหน่วยงานที่ออกใบสั่ง และจ่าหน้าถึงตัวเอง ทั้งชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ให้ชัดเจน เพื่อส่งใบเสร็จตัวจริง พร้อมใบขับขี่ หรือบัตรในกรณีที่ถูกยึดไว้

    บริการดังกล่าวยังสามารถชำระค่าปรับจราจรที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศได้ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นจอดรถในที่ห้ามจอด โดนยึดใบขับ เป็นต้น ซึ่งผู้กระทำความผิดจราจร ต้องเก็บใบสั่ง หรือ หมายเรียกฉบับจริงไว้เป็นหลักฐาน เพื่อถ่ายสำเนามาใช้ชำระค่าปรับ แต่ถ้าหากสำเนาที่ถ่ายมาไม่ชัดเจน ก็ต้องจดจำข้อมูลที่สำคัญๆ ให้ได้ เช่น วัน เดือน ปี ที่กระทำผิด สถานีตำรวจที่ออกใบสั่ง และจำนวนเงินค่าปรับ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ปณ.ทุกแห่ง ฝ่ายจัดระบบบริการ โทร.02-831-3272-4
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นั่งรถเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัยสำหรับเด็ก
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000001234
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 มกราคม 2552 08:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=320>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เดี๋ยวนี้ รูปแบบการท่องเที่ยวได้เปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควรค่ะ จากในอดีตที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่าน เมื่อมีลูกก็จะเก็บหอมรอมริบ เตรียมเงินไว้ส่งเสียเจ้าตัวเล็กให้ได้เรียนในชั้นสูง ๆ โอกาสในการเดินทางไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวจึงมีค่อนข้างน้อย ขณะที่คุณพ่อคุณแม่ในปัจจุบันกลับตรงกันข้าม หลายครอบครัวเลือกที่จะพาลูก ๆ เดินทางไปด้วยกัน เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยกัน ยิ่งในยุคน้ำมันถูก (ชั่วคราวหรือเปล่าไม่แน่ใจนะคะ) โอกาสในการเดินทางท่องเที่ยว และเรียนรู้โลกของเด็ก ๆ ยิ่งเพิ่มขึ้น

    แต่เมื่อถามถึงพาหนะในการเดินทางของครอบครัวไทยส่วนใหญ่แล้วหนีไม่พ้นต้องพึ่งพา "รถยนต์" เป็นหลักค่ะ แน่นอนว่า คุณพ่อคุณแม่มักจะนั่งด้านหน้า ส่วนเจ้าตัวเล็ก บ้างก็อุ้มไว้ในตัก บ้างก็นั่งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของรถยนต์ ซึ่งจากการสอบถามจากผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์แล้ว การนั่งของเด็กในลักษณะดังกล่าวอาจไม่ปลอดภัยก็เป็นได้ค่ะ

    ทั้งนี้ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เชฟโรเล็ต ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ได้ให้ข้อมูลว่า สิ่งที่น่าจะปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กในการนั่งรถยนต์คือ child seat ค่ะ ซึ่งปัจจุบันมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่รัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาไม่ค่อยให้ความสำคัญ และมองอุปกรณ์ดังกล่าวว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย จึงทำให้ภาษีของ child seat ค่อนข้างสูง ยากแก่การหาซื้อมาใช้ในครอบครัว ในขณะที่ต่างประเทศมีการใช้อย่างแพร่หลาย

    อย่างไรก็ดี ทางบริษัทเชฟโรเล็ตก็ได้ให้คำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการนั่งรถยนต์ที่ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับเด็ก กรณีไม่มี child seat มาดังนี้ค่ะ

    - ผู้ปกครองควรให้เด็กนั่งที่นั่งตอนหลัง และนั่งชิดด้านใดด้านหนึ่ง เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ เด็กจะกระเด้งไปชนกับเบาะพนักพิง ซึ่งมีความนุ่ม ช่วยลดการบาดเจ็บลงได้ และไม่ควรให้เด็กนั่งตรงกลาง เนื่องจากเด็กอาจกระเด้งออกไปนอกตัวรถได้ค่ะ

    - ไม่ควรใช้เข็มขัดนิรภัยเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับสรีระของผู้ใหญ่มาคาดให้กับเด็ก เนื่องจากเด็กยังไม่มีกระดูก หรือกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเหมือนกับสรีระของผู้ใหญ่ จึงอาจทำให้เด็ก ๆ บาดเจ็บได้

    - ที่สำคัญ ไม่ควรอุ้มเด็กไว้บนตักในที่นั่งด้านข้างคนขับ เนื่องจากมีการศึกษาว่า ในกรณีที่รถยนต์วิ่งด้วยความเร็วเพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น น้ำหนักของเด็กจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เท่า ดังนั้น เมื่อเกิดการชน หรืออุบัติเหตุ จึงเป็นการยากที่ผู้ใหญ่จะอุ้มเด็กเอาไว้ได้ไหว จึงมักมีข่าวคราวน่าเสียใจเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่อพบว่าเด็กกระเด็นออกมานอกรถ นอกจากนั้น ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัย (Air Bag) เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แอร์แบ็กระเบิดออกมาอาจกระแทกกับลูกทำให้ได้รับบาดเจ็บได้เช่นกัน


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=163 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=163>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แต่ก็มีอีกหลายครอบครัวที่ซื้อหา child seat มาติดตั้งไว้ในรถยนต์ เพื่อความปลอดภัยของลูก ๆ ค่ะ แม้ว่าบ้านเราจะยังไม่มีกฎหมายบังคับเรื่องการใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ตาม ซึ่งหลักในการเลือก child seat จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยค่ะ

    1. โครงสร้างของเบาะต้องรับกับสรีระของเด็ก เพื่อให้เด็กนั่ง "สบาย" และเวลาเกิดการกระแทกสามารถปกป้องจุดสำคัญ ๆ ในร่างกายได้

    2. สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เช่น สามารถถอดเบาะหุ้มออกไปซักได้

    3. มีการระบายอากาศที่ดี เด็กนั่งแล้วไม่ร้อน เพราะเด็กบางคนนั่งคาร์ซีทแล้วร้อน ก็อาจหงุดหงิด ร้องไห้โยโยได้ค่ะ

    4. รองรับการเจริญเติบโตของเด็ก เพราะเด็ก ๆ สมัยนี้โตเร็วมาก ดังนั้น หากเบาะสามารถยืดขยาย ปรับระดับเก้าอี้ พนักพิงได้ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ออกไปได้อีกค่ะ

    5. มีการผลิตที่ได้มาตรฐาน หรือมีรางวัลการันตี

    6. ไม่มีส่วนที่เป็นเหลี่ยมคม ที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

    7. วัสดุที่ใช้ผลิตมีความแข็งแรง ทนทาน และถ้าจะให้ดี ควรมีน้ำหนักเบาด้วยค่ะ เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย

    อย่างไรก็ดี การติดตั้ง child seat ควรศึกษาจากคู่มือ และไม่ควรติดตั้งบริเวณเบาะหน้าด้านข้างคนขับ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ ลูก ๆ อาจบาดเจ็บจากการพองตัวของถุงลมนิรภัยได้เช่นกันค่ะ ซึ่งจุดที่ปลอดภัยที่สุดควรเป็นเบาะหลังของรถยนต์ค่ะ

    ส่วนเด็ก ๆ บางคนที่คุ้นเคยกับการนั่งตักแม่มาตลอด เมื่อมานั่ง child seat ก็อาจไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อน ทางรับมือกับปัญหานี้อาจต้องให้เด็กสร้างความคุ้นเคยกับคาร์ซีทประจำตัวกันมาก่อนบ้าง เช่น ชวนเล่น ชวนกันขึ้นไปนั่งบนคาร์ซีทเวลาอยู่ในบ้าน
    ทั้งนี้ ราคาของ child seat ที่วางขายกันในปัจจุบัน เริ่มต้นตั้งแต่หลักพัน เรื่อยไปจนถึงหลักหมื่น และหลายหมื่นบาทค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นักเดินทาง [​IMG]
    นัก เดินทางได้เวลาที่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วครับ ประมาณอาทิตย์หน้าก็จะขอลาทุก ๆ ท่าน มุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดอันสุดท้ายของการเดินทางนี้

    ขอขอบคุณและโมทนาสาธุกับทุก ๆ ท่านที่เคยร่วมบุญกันมา หากมีสิ่งใดที่ผมเคยล่วงเกินท่านทั้งหลาย ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ดี โดยตั้งใจก็ดี โดยไม่ตั้งใจก็ดี ขอท่านทั้งหลายโปรดอโหสิกรรมให้ผมด้วย และสิ่งใดก็ตามที่ผู้อื่นเคยทำไว้กับผม ผมขออโหสิกรรมให้ทั้งหมดทั้งสิ้น
    [​IMG] สาธุๆๆ
    น้องคนนี้ขออนุโมทนาทั้งกาย วาจา ใจ
    ในจิตอันเป็นกุศลในครั้งนี้ของพี่โต้งนักเดินทางนะครับ
    ขอให้ความตั้งใจในสิ่งที่ดีๆในครั้งนี้ของพี่
    ประสบผลสำเร็จด้วยเทอญ

    วาระกรรม ผลกรรม อันใด ที่เคยสร้างร่วมกันมา
    ทั้งกาย วาจา ใจ น้องขออโหสิกรรม และ มอบอโหสิกรรม ต่อกันและกันครับ[​IMG]

    ยินดีด้วยนะครับพี่โต้ง รอมานานแล้วสมหว้งซะที
    ดีใจกับพี่โต้งมากๆๆๆๆเลยนะครับ


    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...