อาการขณะสวดมนต์ใครเป็นบ้าง

เวลาสวดมนต์เคยออกอาการบ่อย แต่คิดว่าน่าจะอุปาทาน มือจะทำนิ้วแบบโอเค สองมือเลย แต่ใช้นิ้วกลางมาติดนิ้วโป้ง อยู่ๆ ทำไปเอง ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้อยากทำ ครั้งไหนเป็นแบบนี้จะรีบเอาลง บางทีนั่งเฉยๆ บนหัวกลางกระหม่อมจะซ่าๆ แล้วคันบ่อยๆ ตรงกลางหน้าผาก บางครั้งได้กลิ่นธูปหรือดอกไม้หอมๆ บางทีดึกๆ หูได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงหลายคนมาร้องไห้ บางวันหนักกว่านั้นเป็นเสียงหัวเราะ เป็นมานานจากที่รู้สึกว่าประสาทไม่ปกติ จนชักจะชินแล้ว พยายามคิดเป็นเรื่องจิตวิทยา ไม่อยากคิดมากเพราะเคยอ่านเรื่องลี้ลับ ไม่อยากให้เป็นอะไรไปมากกว่าเรื่องคิดไปเอง

 

เคยเป็นแบบว่าเวลาสวดมนต์มือมันจะสั่นๆ เคยพยายามบังคับไม่ได้สั่นไม่ได้ ยิ่งฝืนก็ยิ่งสั่นแรงขึ้น อยู่บ้านไม่เท่าไร แต่เวลาไปส่วนมนต์ที่วัด ก็กลัวคนอื่นจะเห็น แก้ไม่หายซักที กลุ้มอยู่เหมือนกัน

 

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมสวดมนต์ตามปกติ ปกติจะสวด ยอดพระกัณพระไตรปิฏก พาหุง ชินบัญชร แต่ที่ไม่ปกติก็คือวันนั้นผมตั้งใจจะสวด คาถายอดพระกัณพระไตรปิฏกให้ครบ 3 จบ แล้วพาหุงมหากา ชินบัญชรอย่างละจบ แต่ในขณะสวดยอดพระกัณพระไตรปิฏกจบที่ 3 ก็เกิดอาการที่ขนลุก เข้ามา ซึ่งปกติไม่เคยเป็น เลยบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใดที่รู้สึกอย่างนั้น จิตใจผมตั้งใจจะสวดให้ครบ 3 จบเพียงอย่างเดียว

 

เร่งทำสมาธิเข้า ยุคนี้เป็นยุคเทพ เทวดาทั้งหลาย ลงมาหาร่างมนุษย์เพื่อ สืบพระศาสนา ตามที่ได้เคยสัญญากับพระพุทธองค์เอาไว้ ตามนี้นะ ลอกเขามา ร่างทรงองค์เทพ เมื่อได้คุยกันถึงเรื่องความเข้าใจผิดหรือความหลงผิดของมนุษย์มาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ความคิดเหล่านี้ก็ยังมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย จนบางครั้งดูเป็นความหลงผิดอย่างมหันต์ เช่น ความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ต่าง ๆ โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง หลงยึดติดในเรื่องอิทธิฤทธิ์จนเกินไป ทำให้หลงเป็นเหยื่อของเหล่า 18 มงกุฎ ที่ชอบอวดอ้างตนเอง ตั้งตัวเองเป็นเกจิอาจารย์ ใช้เล่ห์กลมายาและหน้าม้าขบวนการหลอกล่อ กระทำเรื่องราวต่าง ๆ อวดอ้างเป็นผู้วิเศษในเรื่องราวต่าง ๆ จนผู้คนหลงเชื่อ ในที่สุดก็ต้องสูญเสียเงินทองไปกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างช่วยไม่ได้ การเจ็บป่วยของมนุษย์นั้น จัดได้ว่าเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งที่พบเห็นกันอยู่ทุกวัน ดังได้กล่าวมาแล้ว หากเกิดจากดินฟ้าอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ก็อาจเจ็บป่วยเป็นไข้หวัด ไอหรือจาม เพียงกินยาหรือหาหมอก็หาย บางคนอาจมีวิตกจริตมากชอบคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมากมายจนเกิดความเครียด นำไปสู่โรคหัวใจ โรคประสาท ก็เป็นไปได้ แต่บางโรคเพียรพยายามจะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย กินยากันเป็นปี ผ่าตัดกันเป็นประจำ ก็ไม่หาย ดังนั้นหนทางแห่งการแก้ไข ก็เลยหนีจากทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มาเป็นไสยศาสตร์ หาร่างทรงองค์เทพกันไป หายก็มี ไม่หายก็มี เพราะถ้าโชคดี พบกับผู้มีภูมิความรู้จริง ๆ ก็คงจะหาย แต่ถ้าพบผู้แอบอ้างแฝงมาหากิน ก็คงจะเสียเงินมากกว่าจะหาย สิ่งหนึ่งที่มักจะพบเห็นมักได้แก่ ถูกทักทายว่ามีองค์ และจะต้องครอบขันธ์ครู รับองค์เทพไปบูชามิฉะนั้นจะไม่หายป่วย บางทีอาจถึงตาย คนเรามาถึงขั้นนี้มีหรือจะไม่ยอม ส่วนใหญ่จะยอมรับขันธ์กัน เพราะอยากหายและอยากรวย ดังนั้นเมื่อถูกทักว่ามีองค์ก็อย่าเพิ่งหลงดีใจ เพราะอาจจะเป็นก้าวแรกที่ท่านจะต้องเสียเงินให้แก่ตำหนักนี้อีก เรื่อย ๆ เช่น การครอบขันธ์ งานไหว้ครู เป็นต้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า ท่านมีองค์จริงหรือ ?

 

ผมง่วง ^^

 

เฮอ......เห็นใจนะ

​

ความเครียด......กินโดยไม่รู้ตัว สังเกตุดูดีๆ เชื่อเถอะ​

 

ขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้ความคิดเห็น แต่เราคงไม่ได้คิดไปเองหรอก บางครั้งเราก็ฝืนนะ บางครั้งก็ดูมัน แต่มันฝืนไม่ได้ จะเป็นทุกครั้งที่สวดบทพาหุงมหากา หลังจากเป็นอาการนั้นแล้วการสวดมนต์และนั่งสมาธิจะสงบและเป็นสมาธิเร็วกว่าแต่ก่อน ไม่รู้อึดอัดแต่อย่างใด

 

อะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อน เราย่อมไม่รู้

และเมื่อบังเอิญไปรู้เข้า มันก็ตกใจ ดูไปเผินๆ เหมือนได้ขับอะไรสักอย่าง ที่พิเศษ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็รู้ว่ามันไม่เที่ยง ไม่ได้เกิดขึ้นอีก แต่เราก็ตัดบทว่า
มันไม่เคยเกิดขึ้นไม่ได้

แล้วเมื่อเวลาผ่านไปอีก เมื่อชัดแล้วว่าไม่รู้สึกอีก ไม่ได้เกิดขึ้นอีก เราก็
ไคว่คว้าหาสิ่งอื่นมาแทน มาเสริมเพิ่มเติมจากจุดนั้นไป เพราะใจมันยังยึด
ว่า สิ่งนั้นมันเคยเกิดขึ้น และมันยังคาใจ ไม่อยากให้หายไป

 

ขออนุญาตจัดย่อหน้าใหม่นะครับ ติดกันเป็นพืดอ่านยากมาก เพื่อประโยชน์ของผู้อ่านรายต่อไปครับ ^^

เร่งทำสมาธิเข้า ยุคนี้เป็นยุคเทพ เทวดาทั้งหลาย ลงมาหาร่างมนุษย์เพื่อ สืบพระศาสนา ตามที่ได้เคยสัญญากับพระพุทธองค์เอาไว้ ตามนี้นะ ลอกเขามา <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o> </o>
ร่างทรงองค์เทพ<o></o>
เมื่อได้คุยกันถึงเรื่องความเข้าใจผิดหรือความหลงผิดของมนุษย์มาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ความคิดเหล่านี้ก็ยังมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย จนบางครั้งดูเป็นความหลงผิดอย่างมหันต์ เช่น ความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ต่าง ๆ โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง หลงยึดติดในเรื่องอิทธิฤทธิ์จนเกินไป ทำให้หลงเป็นเหยื่อของเหล่า 18 มงกุฎ ที่ชอบอวดอ้างตนเอง ตั้งตัวเองเป็นเกจิอาจารย์ ใช้เล่ห์กลมายาและหน้าม้าขบวนการหลอกล่อ กระทำเรื่องราวต่าง ๆ อวดอ้างเป็นผู้วิเศษในเรื่องราวต่าง ๆ จนผู้คนหลงเชื่อ ในที่สุดก็ต้องสูญเสียเงินทองไปกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างช่วยไม่ได้<o></o>
<o> </o>
การเจ็บป่วยของมนุษย์นั้น จัดได้ว่าเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งที่พบเห็นกันอยู่ทุกวัน ดังได้กล่าวมาแล้ว หากเกิดจากดินฟ้าอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ก็อาจเจ็บป่วยเป็นไข้หวัด ไอหรือจาม เพียงกินยาหรือหาหมอก็หาย บางคนอาจมีวิตกจริตมากชอบคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมากมายจนเกิดความเครียด นำไปสู่โรคหัวใจ โรคประสาท ก็เป็นไปได้ แต่บางโรคเพียรพยายามจะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย กินยากันเป็นปี ผ่าตัดกันเป็นประจำ ก็ไม่หาย ดังนั้นหนทางแห่งการแก้ไข ก็เลยหนีจากทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มาเป็นไสยศาสตร์ หาร่างทรงองค์เทพกันไป หายก็มี ไม่หายก็มี เพราะถ้าโชคดี พบกับผู้มีภูมิความรู้จริง ๆ ก็คงจะหาย แต่ถ้าพบผู้แอบอ้างแฝงมาหากิน ก็คงจะเสียเงินมากกว่าจะหาย <o></o>
<o> </o>
สิ่งหนึ่งที่มักจะพบเห็นมักได้แก่ ถูกทักทายว่ามีองค์ และจะต้องครอบขันธ์ครู รับองค์เทพไปบูชามิฉะนั้นจะไม่หายป่วย บางทีอาจถึงตาย คนเรามาถึงขั้นนี้มีหรือจะไม่ยอม ส่วนใหญ่จะยอมรับขันธ์กัน เพราะอยากหายและอยากรวย ดังนั้นเมื่อถูกทักว่ามีองค์ก็อย่าเพิ่งหลงดีใจ เพราะอาจจะเป็นก้าวแรกที่ท่านจะต้องเสียเงินให้แก่ตำหนักนี้อีก เรื่อย ๆ เช่น การครอบขันธ์ งานไหว้ครู เป็นต้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า ท่านมีองค์จริงหรือ ?

 

Q : ถ้าสวดมนต์แล้วอาเจียน??
A : ไม่ทราบเคยไปรับขันธ์ หรือไปตามสถานที่ที่วิญญาณผ่านเยอะ ๆ มาหรือเปล่าคะ
เพราะถ้ารับวิญญาณผีเข้ามาจะทำให้มีอาการ คลื่นใส้ เวียนศีรษะแปลก ๆ ได้ค่ะ

ขอให้สวดมนต์ให้ต่อเนื่อง บางคนที่สวดมนต์จะมีเสลดออกมาตลอดเวลา บางครั้งสวด ๑ ชั่วโมงก็มีแต่เสลดเหนียว ๆ ออกมาตลอดแต่ไม่ได้เป็นหวัด เป็นการขับโรคค่ะ บางคนเป็น ๓ เดือน บางทีเป็นอยู่เป็นปี ๆ เลยค่ะ ดังนั้นการกินของที่มาจากสถานที่บางอย่าง ของอยู่ในร่างกาย ถ้าสวดมนต์ระลึกคุณพระรัตนตรัย บ่อย ๆ และกำหนดสติเท่าที่ทำได้ ไม่ว่าจะ พุท-โธ , พองหนอ-ยุบหนอ , สัมมา - อะระหัง ฯลฯ เท่าที่ทำได้ ก็จะดีขึ้นค่ะ

(ต้องดูว่าคุณมีปัญหาเรืองภูมิแพ้หรือไม่นะคะ เพราะสถานที่ที่มีคนไปเคารพบูชามาก ๆ มักมีธูป เทียน พวกนี้จะมีผง น้ำมันหอมระเหย คุณอาจมีปฏิกิริยาได้ ลองดูก่อนนะคะ)


<HR>

Q : สวดมนต์แล้วเสียงเปลี่ยน
A : จิตที่เป็นพระด้านใน (บางท่าน "จิต" เป็นพระแต่ยังได้บวช ) หรือ มีเทพ เทวา มาช่วยสวดมนต์ บางทีก็เป็นวิญยาณที่แฝงอยู่ แล้วแต่ ... นะ

ไม่ต้องตกใจค่ะ แต่ไม่ต้องไปยึดติดอะไรนะ เพราะยึดว่าดี เด๋วเทวดาองค์เดียว ถ้าไม่ยึดไม่แน่มาหลายองค์ อิอิ .. เพราะบทไหนเป็นของพระท่านไหนเทวดารักษาบทสวดมนต์ท่านก็เข้ามาร่วมสวดด้วย ถ้าคน sense ดี ๆ จะสัมผัสได้ เช่น ได้กลิ่นหอมดอกไม้ ได้ยินเสียงคนมาสวดเบา ๆ หรือรู้สึกว่ามีคนมานั่งอยู่เต็ม ก็มีค่ะ แต่สิ่งเหล่าน้เป็นปกติของโลกทิพย์อยู่แล้ว สิ่งที่ดีจริง คือ สวดไปจนกว่าจะไปเที่ยวไกล ๆน่ะคะ ดีสุด



<HR>

Q : อาการขนลุก
A : อาการขนลุก น้ำตาไหล มดไต่ หรือสั่น โยก อาการร่างกายเหล่านี้ แสดงออกเพื่อบอกให้ทราบว่า จิต มีความยินดี ส่วนขั้นของฌาณต่าง ๆ จะดูได้จากอาการทั้งในส่งนี้ และอาการของจิตที่จะมีมากขึ้น ถ้าสนใจปฏิบัติให้เร็ว และถูกทางลองสอบถามครูบาอาจารย์กรรมฐาน (ที่ไหนก็ได้ลองอธิษฐานจิตดู ก่อนไปพบ) เพื่อให้ได้คำตอบและปรับการปฏิบัติของท่านให้เหมาะกับจริตค่ะ

และเพราะเทวดารักษากายของเราท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญที่เราสวดมนต์ (จิตเป็นสมาธิ) และบางครั้งยังมีพ่อแม่พี่น้องที่เขาเห็นเราทำความดี
คือ การกล่าวยกย่องสรรเสริญพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และกล่าวเทศนา การสวดมนต์คือ คำกล่าวยกย่องสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และหลักธรรมต่าง ๆ ขอพระพุทธเจ้า ชนิดไม่ผิดเพี้ยนเลยเท่ากับเราเทศนาตลอด ให้เทวดาและสรรพวิญญาณ ทั้งหลายฟังด้วย ได้บุญโขเลยทีเดียว

การสวดมนต์นั้น นอกจากทำให้จิตสงบแล้ว บางบทที่ปลงสังขาร ยังทำให้วิญญาณบางส่วนหลุดพ้นก็มีค่ะ บางทีก็หลุดโดยคำว่า "สังขารา อนิจจัง" แค่นี้ .... เขาฟัง เขาหลุดปล่อยจิตออกจากสังขารที่ไม่มีแล้ว แต่จิตยังประหวัดยึดอยู่ ... นี่ก็บุญ

สวดทุกวัน ออกเสียงหน่อยก็ดีนะ เท่ากับบริหารปอด อีกอย่างการสวดเป็นคาบลม ถาสวดได้คาบลมยาว ๆ ปอดก็ได้ออกกำลัง กระบังลมทำหน้าที่ขยับบ้าง สวดบ่อย ๆ เอวจะได้คอดนะ


<HR>

Q : การสวดมนต์ต้องเชิญเทวดาไหม
A : จารย์ตอบว่า ถ้าเชิญยังงัยก็มา อืม.. เทวดามาบ้าน บ้านจะสว่าง วิญญาณไม่ชอบ ถ้าเชิญมาบ่อย ๆ ก็ดี เพราะเมื่อเราสวดมนต์ พระคุณเจ้าต่าง ๆ ก็มาร่วมสวดด้วย เทวดาเขาก็อยากมาฟัง ถ้าไม่เชิญมาท่านก็มาบ่ได้ บางส่วนนะ แต่ถ้าเชิญมาต้องเชิญกลับเพราะ เทวดา มีทั้งดี และไม่น่ารัก ทุกท่านอยากได้บุญทั้งนั้น ส่วนความอดทนมากน้อยเหมือนคนแหละค่ะ ดังนั้นเชิญท่านมา แล้วเชิญท่านกลับด้วย เหมือนไปรับมาส่ง โหย...อย่างนี้ผู้ใหญ่รักตายเลย ... ออกเสียงให้ถูกด้วยนะ อย่าใจร้อน

อีกอย่างการเชิญท่านมาฟัง ท่านอนุโมทนาแล้วท่านได้กำลังบุญ ท่านก็จะอำนวยอวยพรให้แก่บุคคลที่สวด พร้อมทั้งบ้านรือนให้แคล้วคลาดปลอดจาก ภัยจากมนุษย์ ภัยจากวิญญาณร้าย ภัยจากโรคร้าย ภัยธรรมชาติ ค่ะ สาธุ


<HR>

Q : สวดมนต์นอนไม่หลับ มีอาการหน่วงคิ้ว เห็นหน้าหลวงปู่ทวด
A : สวดต่อไปจะดี พระท่านจะเปิดตาให้เห็น แต่ขอให้เป็นการเห็นเพื่อพิจารณา (ขันธ์ ๕ ธาตุ๔ ) แต่การจะเห็นจะได้สิ่งนี้ ไม่ใช่ว่าจะบรรลุธรรม แล้ว แต่ขอให้สวดต่อไปกิจการฯ ที่ทำอยู่จะดีขึ้นด้วยค่ะ


<HR>

Q : สวดมนต์ชินบัญชรแล้วฝันร้าย
A : สวดมนต์แล้วฝันร้าย จริง ๆ แล้ววิญญาณเป็นญาติเราทั้งนั้นที่เข้าฝันน่ะค่ะ แต่เนื่องจากชินบัญชร คำสวดบางตอนนั้นเป็น "บทลงโทษ" ซึ่งบทลงโทษสามารถทำร้ายวิญญาณทั้งดี และไม่ดี ได้ด้วยค่ะ

แต่ถ้าสวดด้วยจิตศรัทธา บทนี้ก็จะให้จิตใจเข็มแข็งขึ้นค่ะ เพราะเป็นบทไปออกรบ ถ้ารู้สึกเป็นคนขี้โมโหนิดนี๊ส แนะนำสวดบทเมตตาจะดีมั่ก ๆ ค่ะ แต่ถึงอย่างไร ถ้าชอบสวดชินบัญชรไม่เป็นไรค่ะ สวดบทเมตตาต่อท้ายด้วยทุกครั้ง หลังสวดบทนี้ก็จะดีค่ะ เหมือนกินทุเรียนแล้วกกินมังคุดต่อ แก้กันดีค่ะ






อนุโมทนาค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์เสริมศิลป์ ขอนวงค์

 

ใช่ค่ะประสบเหมือนกัน ตัวเบาค่ะ .. น่าจะเป็นปีติ

แสงสว่าง ผ่านแว๊ป.. อุปจารสมาธิ แต่ทรงอยู่ได้ไม่นาน ...
ก็แวบเดียวจริงๆๆ ค่ะ แต่ไม่เกิดทุกครั้ง

 

สวดมนต์ชอบสดุ้งที่เเขนขวา ไม่ีรู้เป็นเพราะอะไร สดุ้งมือจะหนักขณะพนมมือไหว้

 

สวดมนต์แล้ว เบลอๆ.........หุหุหุ.....
แต่ถ้าใครโดนผีอำ ก็ตั้งสติ สวด อิติปิโสฯ ไปเลยค่ะ....
ได้ผลดีนักแล
^_/\\_^~

 

สวดแล้วง่วงครับ


อ่านบทสวดผิดๆ ถูกๆ

 

อนุโมทนาสาธุ ค่ะ

 

- เมื่อก้าวเข้าไปในห้องพระ จะรู้สึกได้ถึงพลังแห่งพระพุทธคุณ จิตจะสงบและนิ่ง ๆ และอยากสวดมนต์มาก ๆ
- พอเริ่มสวดชุมนุมเทวดา จะขนลุกในบางขณะจิต
- ด้วยพุทธคุณของบทสวดที่เราตั้งใจสวด และแผ่จิตเมตตาออกไป จะรับรู้ได้ทั่วบริเวณ
( สังเกตุจากคนที่มาเยี่ยม จะคุยนานและอยากอยู่นาน ๆ เหมือนใจร่ม ๆ ดูเขามีความสุขมากขึ้น อย่างบอกไม่ถูก..เค้าว่านะ )
- รู้สึกถึงความสำคัญของการสวดมนต์และนั่งสมาธิ หากวันไหนไม่ทำจะเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง จิตจะกระวนกระวาย สับสน
อยากให้สัมผัสได้เพียงเท่านี้... ไม่อยากมีอาการแปลกไปมากกว่านี้ ... ก็เพียงพอแล้วครับ. ( เป็นสุขใจ )

 

คำตอบส่วนใหญ่อยู่ใน คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ครับ
แต่ถ้าจะเอาง่ายๆก็ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ตามอย่างเดียว ...สักครู่จะหายไปเอง...ศึกษาเพิ่มเติม คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ครับ.....สวดเสร็จอย่าลืมแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลด้วยล่ะ....

 

เป็นเช่นกัน พึ่งมาเป็นด้วยซ้ำ ตอนท่องคาถายอดไตรปิฏก แค่ประมาณ 3วันอ่ะค่ะ เริ่มได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังก้องในหูเลย แล้วได้ยินเสียงสวดมนต์ค่ะ แต่เป็นพระสวด ตอนแรกคิดว่า จิตปรุงแต่ง แต่ก็ยังไม่หายอ่ะ ตอนนี้หยุดสวดไปเพราะ ทำให้เราจิตไม่ปกติ อ่ะค่ะ หรือว่าเราท่องผิด ไปก็ได้นะค่ะ แต่แบบนี้ ไม่รุ้จริง ๆ ตอนนี้พยายามจะเฉย ๆๆค่ะ