การเปิดพระโอษฐ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ืnokyam, 16 พฤศจิกายน 2008.

  1. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25


    จากเว็บ www.satusanya.com

    มนุษย์เราเกิดมาจะมีองค์บารมีคุ้มครองสังขารกันทุกคน จะเป็นองค์เทพ-พรหมหรือสัมภเวสี ก็แล้วแต่กุศลมูลเดิมหรือสัญญาที่ได้ให้กันไว้ตั้งแต่ในอดีตชาติ คนเราไม่สามารถที่จะเลือกองค์บารมีประจำสังขารได้ บุคคลใด ที่พูดว่าเทพองค์นั้นองค์นี้ เสด็จมาประทับร่างของตนนั้น เป็นการพูดเพื่อยกตนให้สูงขึ้น โดยไม่รู้จริง องค์เทพที่เจ้าตัวได้คุยเอาไว้นั้น แม้แต่ช่วยตัวร่างเองไม่ได้แล้ว ยังจะมีฤทธิ์ไปช่วยเหลือมนุษย์อื่นใดได้หรือ?

    การเชิญองค์บารมีของตนเองมาประทับร่าง หรือเรียกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2008
  2. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25
    คนที่ชอบไปตำหนักทรง



    เรื่องจริงของน้องน้ำ
    จาก www.satusanya.com


    เรื่องมีอยู่ว่า.....

    เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 เวลาประมาณ 9.09 น. เราได้ทำพิธีรับขันมา 2 ขัน ถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับเราหรือ..... ก่อนหน้านั้น ภายในครอบครัวของเราเกิดเรื่องราววุ่นวาย ที่ไม่สามารถแก้ไขได้มานานมากแล้ว จนกระทั่ง ล่าสุด พ่อกับน้องเขย มีปัญหากันอย่างรุนแรง สาเหตุมาจากปลาที่เลี้ยงในตู้มันกัดกันตาย พ่อจะตักตัวที่กัดตัวอื่นออก น้องเขยไม่พอใจ บอกให้ตักออกหมดเลย พ่อได้ยินก้อไม่ถูกหู เลยสวนกลับ ก้อเลยมีเรื่องกัน ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา ถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน ใครห้ามก้อเอาไม่อยู่ ยายก้อเข้ามาผสมเรื่องจนกลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โตทั้งบ้าน น้องเขยกับน้องสาวก้อหอบเอาลูกสองคนออกจากบ้านไป ร้องห่มร้องไห้กันใหญ่โต จนในที่สุดพ่อก้อหอบเสื้อผ้าขับรถออกจากบ้านไปอีกคน เมื่อน้องกลับมา เรากับน้องก้อออกไปตามหาพ่อ ในใจก้อคิดว่า ยังไงเขาก้อเป็นพ่อ ออกไปจะอยู่ที่ไหน อย่างไร เงินทองก้อไม่มี เรากับน้องก้อไปเจอพ่อที่ห้วยแก้ว นั่งขอร้องอ้อนวอนให้พ่อกลับบ้านนานพอสมควร พ่อก้อไม่ยอมกลับ จนในที่สุดก้อใจอ่อน ยอมกลับบ้าน แต่เรากับน้องเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะพ่อขับรถเร็วมาก เรากลัวว่าพ่อจะหนีไปก้อขับรถไล่ตาม ตอนนั้นมันก้อไม่คิดถึงชีวิตหรอก เมื่อพาพ่อกลับมาได้แล้ว รุ่งขึ้น เรากับแม่ก้อเลยพากันไปที่หางดง ไม่ได้ตั้งใจจะไปทางนั้นหรอก แต่ตอนนั้นมันมืดมนไม่รู้จะแก้ไขปัญหาในครอบครัวได้อย่างไร.....

    แม่พาเราไปพบกับเจ้าทรงคนหนึ่งชื่อแม่ดี เป็นร่างทรงอยู่ที่ตำหนักหนึ่งที่หางดง เพื่อถามดูว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมครอบครัวของเราเป็นกันแบบนี้ อยากหาวิธีแก้ไข เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ทำมาหมดทุกหนทาง เหลือแต่ทางนี้แหละ แม่ดีเค้าก้อเข้าทรงเจ้าน้อย บอกว่าที่จริงไม่มีอะไรหรอก เหมือนหมากับแมว แนะนำว่าให้นำเทียนครอบครัวไปบูชา แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ทำไม่ถูกต้อง คือต้องทำการตั้งศาลเจ้าที่ใหม่ เพราะที่ทำไว้แต่เดิมไม่ถูกต้อง เลยทำให้บ้านมันร้อน คนในบ้านก้อทะเลาะกัน อยู่ไม่สบาย ซึ่งมันก้อจริง เพราะพ่อกับแม่ทำการตั้งศาลเจ้าที่เอง เราเลยคิดว่าที่เขาบอกมามันก้อถูกนะ เรากับแม่ก้อเลยตกลงที่จะทำตามที่เขาแนะนำ ทั้งนี้เพื่อให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน .....

    ไม่น่าเชื่อว่า

    จะมีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างตามมา คงเป็นหนี้กรรมที่เราต้องชดใช้ เริ่มจากกการนำเทียนครอบครัวมาจุด 2 เล่ม ราคาก้อประมาณเล่มละ 299.- บาท 2 เล่ม ก้อรวมเป็น 598.- บาท พอจุดเสร็จแล้วก้องั้น ๆ แหละ ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา ต่อมาก้อให้แม่ดีพาพ่อหนานมาตั้งศาลเจ้าที่ใหม่ เราซื้อศาลใหม่สีฟ้าราคาประมาณ 900.- บาท ให้เขาเอาไปส่งที่บ้าน ค่าทำพิธีก้อมีใส่ขันร่างทรง 3 ร่าง ๆ ละ 109.- บาท รวมเป็น 327.- บาท ให้พ่อหนาน 500.- บาท ให้แม่ดีอีก 300.- บาท ค่าของทำพิธี เช่น หัวหมู ผลหมากรากไม้อีก ประมาณ 1,500.- บาท เบ็ดเสร็จก้อประมาณ 3,000.- บาท หลังจากนั้นเราก้อเทียวไปเทียวมาหาแม่ดี จนกระทั่งวันหนึ่งเรากับน้องก้อไปถามเรื่องพิธีรับขัน เนื่องจากเค้าบอกว่าเรามีองค์อยู่รับขันซะแล้วจะดีขึ้นเอง เค้าให้เรารับขัน 2 ขัน ซึ่งตอนนั้นเราเองก้อยังไม่เข้าใจหรอก ว่าการรับขันเป็นอย่างไร เพียงแต่ต้องการทำอะไรก้อได้ เพื่อหวังว่าจะมีอะไรดีขึ้นมาในครอบครัวของเราบ้าง กลับกลายเป็นว่า เราก้อเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกใช้เป็นเส้นทางทำมาหากินของพวกร่างทรงแบบแม่ดี ซึ่งในการรับขันนี้ เราเสียเงินไปมากพอสมควร เบ็ดเสร็จก้อเกือบสองหมื่นบาท แม่ดีสบายไปเลย แต่เราสิโง่ เงินตั้งมากมายให้เค้าไปได้อย่างไรกัน

    เล่าถึงการทำพิธีบ้างดีกว่า หลังจากจ่ายเงินจ่ายทองไปเป็นค่าขันแล้ว แม่ดีก้อนัดเราว่าให้มารับขันในวันศุกร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา 09.09 น. โดยในวันนั้นเราใส่ชุดขาว มีแม่ดีที่เป็นร่างทรงเป็นผู้ทำพิธีให้ พร้อมกับร่างทรงอีก 2 ร่าง ตอนทำพิธีรับขัน เราเองก้อยังคลางแคลงใจอยู่เหมือนกัน เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่าง แต่เราก้อไม่อยากคิดอะไร รู้แต่ว่าอยากทำให้มันเสร็จ ๆ ไป พิธีเขาก้อช่างดูขลังเหมือนจริงซะงั้น เราเองตอนแรกมีความภาคภูมิใจมาก แต่หารู้ไม่ว่า ขันที่เขาให้เรารับนั้น มันเป็นขันอะไรกันแน่

    เมื่อทำพิธีรับขันเสร็จแล้ว แม่ดีก้อนำขันมาส่งเราที่บ้าน ตอนแรกก้อตั้งไว้บนหลังตู้ แต่รู้สึกเหมือนกับมันไม่เหมาะเลยซื้อหิ้งบูชามาอีก 2 หิ้ง ติดไว้ที่ตรงหน้าต่าง ย้ายหัวเตียง จัดห้องใหม่ เปิดไฟเพียงสลัว ๆ เท่านั้น จากนั้นเราเองก้อไม่ค่อยกินข้าวกินปลาอยู่หลาย เกือบสองอาทิตย์เชียวล่ะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จนผอมลง น้ำหนักลดลงไปหลายกิโล อ้อ!!! ยังมีอีกหลังจากที่รับขันจากแม่ดีมาแล้ว หน้าตาของเราก้อเศร้าหมอง ไม่สบายใจ จิตใจหดหู่ ไม่อยากพูดคุยกับใคร ไม่อยากเห็นใคร มีความรู้สึกเหมือนกับว่า มีเพียงแม่ดีคนเดียวเท่านั้นที่ดีกับเรา เรารู้สึกรักเค้ามาก อยากพูดคุย อยากเจอ อยากไปอยู่กับเค้า เราแทบไม่สนใจคนที่บ้านเลย

    เลิกงานตอนเย็นก้อไปจมอยู่บ้านแม่ดี กลับบ้านก้อประมาณทุ่มกว่า สองทุ่มทุกวัน เทียวซื้อของ เช่น ดอกไม้ มาลัย ผลไม้ ไปให้เค้าเป็นประจำ ความจริงคือ เพียงแค่อยากไปหา ไปพบ ไปพูดคุยกับเค้า ซึ่งในแต่ละครั้งก้อจะต้องเสียเงินในการซื้อของไปให้เสมอ กลับบ้านมาก้ออยู่แต่ในห้อง ไม่อยากพูดคุยกับใคร ทำตาขวางใส่คนอื่น เวลามีคนมากวนใจก้อทำหน้าตาน่ากลัว เหมือนไม่ใช่ตัวเราเอง

    จากนั้น แม่ดีก้อให้คนทำบายศรีเงิน บายศรีทองมาให้ ซึ่งเราก้อเสียเงินอีกประมาณ 1,500.- บาท แม่ดีนำมาส่งให้ที่บ้านพร้อมกับหิ้งบูชานั่นแหละ เวลาเราสวดมนต์แล้วนั่งสมาธิ ก้อจะรู้สึกสั่นและหมุน แล้วปวดที่หัวใจ เราเองก้อพาลคิดไปว่าองค์เรามา มีสิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่าง เวลาเรามองตัวเองในกระจก แล้วมองตาตัวเอง รู้สึกกลัวตัวเองอย่างประหลาด อะไรกัน กลัวตาตัวเองก้อมีแฮะ หลัง ๆ เลยไม่กล้ามองตาตัวเองในกระจก มันเหมือนไม่ใช่ตาของเราเอง

    คนในบ้าน ก้อไม่มีใครอยากเข้าไปห้องเรา เพราะบรรยากาศมันน่าสะพรึงกลัวอยู่เหมือนกัน เราเองก้อกลายเป็นหลงผิด อะไรก้อแม่ดี แม่ดี ไปซะหมดทุกเรื่อง ไม่ว่าใครจะเตือนยังไงก้อไม่ฟัง อาการเหมือนโดนมนต์เสน่ห์เลยแหละ นี่ถ้าเป็นสมัยวัยรุ่น ก้อต้องเรียกว่า " ลักเมา" เค้าอะไรทำนองนั้นแหละ

    พอวันหยุดก้อพากันไปทำความสะอาดที่ดงพระเจ้านั่งกร๋น ซึ่งเป็นต้นตำรับของแม่ดีเค้า เราก้อเสียเงินอีก ประมาณ ครั้งละ 500-600 บาท เป็นค่าจ้างคนทำความสะอาด และซื้อกับข้าวเลี้ยงเค้าตอนกลางวัน ตอนอยู่ที่นั่นก้อใจคอไม่ค่อยดี แม่ดีบอกว่า องค์ของเราเก่ง เค้าจะเอาเป็นลูกศิษย์ หมายถึงเป็นร่างทรง เราเองก้อไม่รู้แน่ชัดว่าองค์เราคือใครกันแน่ เพราะแม่ดีเองก้อบอกกำกวมเหลือเกิน แต่ด้วยความที่เราปักใจ ก้อเชื่อว่าเป็นทูลกระหม่อมพ่อ ร.5 องค์หนึ่ง เพราะเราห้อยมาตั้งแต่เล็ก อีกองค์เค้าบอกว่าเป็นพระแม่กวนอิม เราเองก้อคิดว่า น่าจะใช่เพราะเราสามารถงดเนื้อสัตว์ได้เป็นระยะเวลานาน ๆ ก้อคิดว่าพระแม่ประทานพร ยังไม่พอนะ แม่ดียังให้เราทำพิธีเข้าทองในวันจันทร์ คือเข้าทองหน้าเก้าหลังเก้า เราเองก้อไม่รู้หรอกว่าเค้าทำอะไรกับเราบ้าง แต่ก้อต้องจ่ายเงินค่าซื้อแผ่นทองอีกแหละประมาณ 500.- บาท เราควักเงินแต่ละครั้งง่ายมาก ๆ พอเข้าทองเสร็จ เราก้อเป็นหนักยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า หายใจเข้า-ออก เป็นแม่ดีไปหมด

    มีอยู่วันหนึ่ง เราไปซื้อเทปเพลงเจ้าแม่กวนอิมที่ร้านเจอิ่มบุญ เกิดอาการประหลาด เราไปกับน้องที่ทำงาน พอเข้าไปสักครู่ เราก้อเกิดอาการแน่นหน้าอก ใจคอไม่ดี ปวดไปหมด หายใจไม่ทัน รู้สึกเหมือนจะตาย จนกลับมาที่ออฟฟิต เพื่อนที่ออฟฟิตได้ช่วยกันพยาบาลจนเราดีขึ้น เราโทร.หาแม่ดีทันที ก้อไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ว่าเราเป็นอะไรกันแน่ เพราะในร้านเจอิ่มบุญนั้น มีแต่เทพเทวามากมาย แม่ดีก้อบอกว่า เราเป็นร่าง พอพวกเค้าเห็นก้ออยากมาทักทาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราครั้งนั้น ทำเอาเราเกือบตาย

    ยังมีอีก แม่ดีให้หยกกับเรามาแผ่นหนึ่ง บอกว่าเป็นของดีอยู่กับเค้ามานานกว่า 14 ปี แต่เค้าอยากให้เราเก็บเอาไว้ เพราะเป็นของเย็น แล้วก้อมีองค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งบูชาอีก 999.- บาท มีซื้อหิ้งเพิ่มอีกด้วย เราก้อจ่ายไปอีกรวม 1,500.- บาท แม่ดีบอกว่าอยากทำขันรักษาตัวให้เรา และเปลี่ยนบายศรีให้ใหม่ เพราะอันเก่าเหี่ยวแล้ว มีอีกนะแม่ดีจะทำพิธีรับขวัญมัดมือให้กับเราโดยใช้ไก่คู่ เราก้อรู้สึกว่า ยังก่อนดีกว่า เพราะเงินเราก้อเริ่มเหลือน้อยแล้ว แม่ดีบอกว่าไม่ได้ใช้เงินมากมายอะไร เราก้อเกิดอาการสองจิตสองใจ เราอยากให้ผ่านวันอาทิตย์นี้ไปก่อน แล้วค่อยว่ากัน แม่ดีก้อบอกว่าตามใจเรา

    ด้วยบุญบารมีขององค์บารมีประจำสังขารที่แท้ของเรา ท่านได้ช่วยให้เราพ้นหนี้กรรมในครั้งนี้.......... เราได้เข้าไปค้นดูรายละเอียดในอินเตอร์เนท เกี่ยวกับเรื่องราวที่เราเองสงสัย หรือข้องใจ เช่น หัวข้อ การรับขัน ร่างทรง ตำหนักทรง ดูไปเรื่อย ๆ เจอข้อมูลที่น่าสนใจมากมาย แล้วก้อเจอหัวข้อ " ร่างทรงองค์เทพ" "ภาษาเทพ" ยิ่งอ่านยิ่งน่าสนใจ ยิ่งอ่านยิ่งกระจ่าง ยิ่งอ่านยิ่งรู้ แต่เราเองในตอนนั้นก้อยังไม่มั่นว่า แม่ดีจะทำร้ายเราถึงเพียงนั้น

    เรามีความรู้สึกว่าอยากเปิดพระโอษฐ์เพื่อพูดภาษาเทพได้ แล้วเราจะกลับไปพูดกับแม่ดี เราค้นเจอเว็บของอาจารย์ประหยัด เจริญบุญ เราจึงได้ติดต่อกับอาจารย์ ขอเข้าไปพบอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องการทำพิธีเปิดพระโอษฐ์ และการลงองค์พระธรรม น่าแปลก ที่อาจารย์เองก้อว่างพอดี เราไปพบอาจารย์ในวันอาทิตย์ ที่ 18 ธันวาคม 2548 เวลา 09.00 น. ในการนี้เราเตรียมธูป 1 ห่อ เทียนขาว 1 ห่อ ดอกบัว 5 ดอก และดอกไม้สีขาว เพื่อไปใช้ในการยกถาดกับอาจารย์ ในครั้งนี้ น้องสาวของเราได้ไปด้วยกัน

    เมื่อไปถึงที่บ้านของอาจารย์ ซึ่งหาได้ง่ายมาก อยู่เยื้องกับตลาดสารภี เราเจออาจารย์ที่หน้าบ้านของท่านพอดี เมื่อเข้าไปในบ้านในห้องทำพิธีแล้วก้อพูดคุยเล่าเรื่องของเราให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ก้อบอกว่าขันที่เรารับมาน่ะรู้เหรอว่าขันอะไร ไม่ใช่ขันองค์ของเราหรอก เผลอ ๆ รับขันผีมาเลี้ยงน่ะสิ ถูกเขาหลอกแล้วล่ะ เรางี้แทบไม่อยากเชื่อเลยล่ะ อาจารย์บอกให้เรานำขันนั้นไปลอยน้ำเสีย อย่าเอาไว้ในบ้านอีกจากนั้นอาจารย์ก้อทำพิธีเปิดพระโอษฐ์ให้เรา โดยให้เรานั่งขัดสมาท เอามือวางไว้ที่หน้าขา แล้วพูดคำว่า "ยูไล" ไปเรื่อย ๆ สักพัก เราก้อพูดภาษาอื่นออกมา ซึ่งไม่ใช่ภาษาที่เราเคยพูด เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นยิ่งนัก เป็นได้ได้อย่างไรกัน นี่คงเป็นภาษาเทพจริง ๆ เพราะเราพูดไปโดยที่เราเองมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา จากนั้นอาจารย์ก้อลงองค์พระธรรมให้ แล้วก้อเชิญองค์บารมีประจำสังขารของเรามา ปรากฏว่าองค์บารมีประจำสังขารของเราคือองค์เทพที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในบรรดาเทพฝ่ายหญิง ซึ่งก้อคือ องค์พระแม่อุมาศรีมหาเทวี ส่วนตัวอาจารย์เองก้อเชิญองค์พระศิวะมาสนทนากับองค์บารมีของเรา ปรากฏว่าสามารถพูดคุยภาษาเทพกันได้เป็นอย่างดี เหมือนกับคุ้นเคยกันมาก่อน

    เป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจเป็นยิ่งนัก

    กลับบ้านมา เราจัดห้องใหม่หมด เปิดไฟสว่างไสว รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้ส่งขันคืนเจ้าของเค้าไป เราคิดว่าทุกอย่างเราทำดีที่สุดแล้ว ขอให้เราแข็งแรงกว่านี้เราจะไปหาแม่ดี ทีนี้ก้อจะได้รู้กันเสียทีว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ เรารู้สึกเสียใจนะที่แม่ดีทำกับเรามากมายขนาดนี้ ตอนกลางคืนเราก้อสวดมนต์เสร็จก้อเชิญองค์บารมีประจำสังขารมาร่วมสวดมนต์ภาษาเทพ แล้วก้อนอนไม่หลับกระสับกระส่าย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน จากนั้นเราและน้องก้อได้แวะไปหาอาจารย์ลงองค์พระธรรมเพิ่มอีก

    ในวันที่สองตอนที่อาจารย์ลงองค์พระธรรมให้ เป็นองค์พระนารายณ์ปราบมาร เราเจ็บมาก ปวดใจ ปวดไปหมด ทั้งร่างกาย และจิตใจ หายใจไม่ออก อึดอัด อาจารย์บอกว่ากำลังขับไล่สิ่งไม่ดีออกจากร่างกายของเรา ให้เอามือวางข้าง ๆ ตัว เวลาสิ่งไม่ดีออกจากตัว มันจะออกทางปลายมือปลายเท้า สักพักมือและเท้าของเราก้อชาไปหมด เป็นอย่างที่อาจารย์ว่าจริง ๆ ไม่รู้ว่าแม่ดีเอาอะไรใส่ให้เราบ้าง มันถึงเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ เราอดทนจนอาจารย์ลงองค์พระธรรมให้เราเสร็จ เราก้อลุกขึ้นไม่ได้ อาจารย์บอกว่าอีกสักครู่ค่อยลุกขึ้น เราก้อพยายามลุกขึ้นด้วยความยากลำบากพอควร

    พอกลับมาบ้าน ปรากฏว่าเราปวดไปหมดทั้ง แขน ขา ตัว เดินแทบไม่ไหว อาจารย์บอกว่าเนื่องจากตัวเราเหมือนสนามรบ พอขับสิ่งไม่ดีออกแล้วก้อย่อมปวดเป็นธรรมดา แต่พอนอนหลับแล้วรุ่งเช้าตื่นขึ้นมา อาการดังกล่าวก้อหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่มีความเจ็บปวดใดใดหลงเหลืออยู่อีกเลย เราเลยคิดย้อนไปถึงตอนที่เราไปซื้อเทปที่ร้านเจอิ่มบุญ เราไม่น่าโง่ ก้อนั่นเทพทั้งนั้น ตอนนั้นเราเป็นมารเข้าไป มิน่าล่ะ เจ็บแทบตาย พอไปลงองค์พระธรรมในวันที่สามเราก้อไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีก

    จากนั้น เรารู้สึกสบายใจ โล่งอก ไม่มัวหมอง กินข้าวกินปลาตามปกติ แม่ดีจะรู้มั๊ยว่า เราคืนขันของเค้าไปแล้ว ทุกอย่างลอยกลับไปพร้อมกับสายน้ำ ต้องขอกราบขอบพระคุณองค์บารมีประจำสังขารของเรา ที่ท่านได้ช่วยแก้ไขสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเรา ขอขอบคุณท่านอาจารย์ประหยัด เจริญบุญ แห่งสายสัญญา ที่ได้ช่วยขจัดสิ่งไม่ดีทั้งหลายออกไปจากตัวเรา ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ.....

    ทุกวันนี้ เราเองก้อเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป มีชีวิตอย่างธรรมดา สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน และเชิญองค์บารมีประจำสังขารมาร่วมสวดมนต์ภาษาเทพด้วยกันทุกวัน อยู่อย่างมั่นใจ และสบายใจว่า พระแม่อุมาองค์บารมีประจำสังขารของเราท่านทรงสถิตย์อยู่กับเราตลอดเวลา ทรงปกป้องคุ้มรอง และดูแลตัวเราอยู่เสมอ โอม เจ มาตากี ขอพระแม่ทรงอยู่กับลูกตลอดไป ขอพระแม่ทรงอวยพระพรให้กับลูกอยู่เสมอ ขอพระแม่ทรงนำทางชีวิตของลูกไปในทางที่ควรจะเป็น ไป และสุดท้าย หวังว่าเรื่องนี้คงจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจใครหลาย ๆ คนได้ ไม่มากก้อน้อย

    กนกพิชญ์ ทองอ่อน ( น้ำ )
    ๐๘๔–๑๗๔๖๑๗๐, ๐๘๑-๓๓๗๗๔๒๗
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2008
  3. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25
    ทิดวี
    Newbie
    กระทู้: 15

    ผู้ที่เริ่มสนใจในสายสัญญาโปรดอ่าน
    « เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2007, 05:12:30 am


    สำหรับผู้ที่เข้ามาใหม่ หรือเริ่มที่จะสนใจในสายสัญญา แต่ยังเกิดความสงสัยหรือความกลัว ว่าทำไม ข้อความที่อาจารย์ประหยัด ท่านแสดงออกในกระทู้ ทำไมถึงได้ดุดัน วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและไม่กลัวใคร ทำให้บางท่าน เกิดความคิดที่ลังเลสงสัย

    ผมในฐานะศิษย์คนหนึ่งในสายสัญญา จึงอยากจะเรียนชี้แจง ให้ท่านได้เข้าใจดังนี้

    1. ทำไมอาจารย์ประหยัด ถึงได้พูดตรง ดุดัน และไม่เกรงใจใคร

    เพราะอาจารย์ต้องการสอนให้ทุก ๆ ท่าน ที่เป็นศิษย์ในสายสัญญา หรือที่กำลังจะเป็นศิษย์ในสายสัญญาไม่ให้หลงทาง ผิดพลาดในชีวิต โปรดอย่าลืมว่า กว่าท่านอาจารย์ประหยัด จะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ นับเวลาสิบกว่าปี

    ท่าน ได้เจอ เสือ สิงห์ กระทิง แรด เจอเขี้ยว เจอหลอก เอาเปรียบมาไม่รู้เท่าไหร่ ท่านไม่อยากให้ศิษย์ทั้งหลายต้องพบสิ่งที่ไม่ดีเหมือนท่านมาก่อน อาจารย์ประหยัดต้องตีแรง ๆ เตือนแรง ๆ ศิษย์จะได้จำ เพื่อไม่ให้ศิษย์ ต้องพบ สิ่งที่ไม่ดี เหมือนที่ท่านได้พบมา

    2. ทำไมอาจารย์ประหยัดถึงได้ วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและไม่กลัวใคร

    “เพราะสายสัญญาเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร” บุคคลต่าง ๆ ที่อ้างว่าเป็นองค์เทพนั้น จริง ๆ แล้วเป็นองค์เทพของแท้นั้น น้อยมาก อาจารย์ท่านพบมามาก ท่านจึงไม่อยากให้ศิษย์ของท่าน ต้องเสียรู้ให้ใครอีก เช่น เสียสติ เสียเงิน ถูกร่างทรงให้รับขันธ์ เสียเงิน เสียทอง แล้วชีวิต ต่ำลง ถูกวิญญาณ เข้าแทรกเป็นเดือนเป็นปี บางท่านโชคดีที่มาเจออาจารย์ ก็พบทางสว่าง ช่วยแก้ไขให้

    ตามที่เคยได้อ่านข้อเขียนของอาจารย์ที่ผ่านมา ท่านอาจารย์ไปพิสูจน์ตำหนักทรงที่ไหน ส่วนใหญ่พอท่านกลับมาแล้ว ตำหนักทรงที่ท่านไปพิสูจน์มา อีกไม่นานต้องปิดตัวลง เพราะอะไร ? เพราะเจอของจริงหรือปล่าว และที่สำคัญ ร่างทรงที่อ้างว่าเป็นองค์เทพ ที่ถูกอาจารย์วิพากษ์วิจารณ์ เคยกล้ารับคำท้า พิสูจน์ตัวเอง ให้อาจารย์เห็น บ้างไหม ?

    ครับ ใครที่สนใจอยากจะเป็นศิษย์ในสายสัญญา ท่านมาหาอาจารย์ได้ ด้วยความสบายใจ เงินไม่ต้องเสียสักบาท บรรยากาศเป็นมิตร และอบอุ่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2008
  4. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25
    ทิดวี Newbie กระทู้: 15

    Re: ผู้ที่เริ่มสนใจในสายสัญญาโปรดอ่าน
    « ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2007, 05:14:19 am

    ขั้นตอนในการเป็นศิษย์สายสัญญา

    ขอเล่าง่าย ๆ ภาษาชาวบ้าน เพื่อบางท่านจะได้เข้าใจ (ขอเล่าด้วยความรู้สึกของผมครับ อันใดกล่าวผิดพลาดไป ขอน้อมรับแต่ผู้เดียว และอาจารย์ประหยัดได้โปรดแก้ไขให้ด้วย)

    1. ให้ท่านมาเปิดพระโอษฐ์ กับอาจารย์

    เปิดพระโอษฐ์ ก็คือการที่จะดูว่า ร่างของท่าน มีเทพองค์ใด วิญญาณ ใด เป็นผู้ดูแล บางครั้งก็จะทำให้รู้ว่ามีวิญญาณใดเกาะมา หรือถูกทำคุณไสย ใส่มา เมื่อท่านเปิดพระโอษฐ์แล้ว ทุก ๆ วัน ขอให้ท่านมีเวลาสวดมนต์ แล้ว
     
  5. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25
    ทิดวี Newbie กระทู้: 15

    Re: ผู้ที่เริ่มสนใจในสายสัญญาโปรดอ่าน
    « ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2007, 05:15:58 am


    ทุกอย่างอยู่ที่การลงมือปฏิบัติ อย่าพึงสงสัย เหมือนที่ผมเคยเห็นคำถามเวปไซต์พลังจิตมีคนสงสัย ถามว่า”สายสัญญาคืออะไร” (ทำไม ไม่เข้ามาถามอาจารย์ประหยัดในเวปนี้ละครับ) คำตอบที่ผมเห็นคือ “ไม่ใช่คำสอนในพระไตรปิฎกบ้าง” “ไม่ใช่ทางไปสู่นิพพานบ้าง” ตอบอย่างนี้ อย่าไปเชื่อครับ เอาเท้าดีด คนตอบลงคลองไปเลยครับ “มันเกี่ยวอะไรกับ พระไตรปิฎก มันเกี่ยวอะไรกับทางไปสู่นิพพาน”

    ไอ้ตัวคนตอบนะ ก็ได้แค่คุยว่าเป็นศิษย์ปฏิบัติสายนู้น สายนี้ ได้ฤทธิ์ทางใจ บ้าง ได้ฤทธิ์นู้น ฤทธิ์นี้บ้าง ขอโทษเถอะครับ ฤทธิ์ทางใจที่ท่านได้ แล้วคุยว่า ไปนรก ไป สวรรค์ ได้เห็นอะไรต่าง ๆ เนี่ยะ เป็นแค่สิ่งเบื้องต้นครับ เมื่อคุณได้เห็นสวรรค์ เห็นนรกแล้ว มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่า เวรกรรมมีจริง จึงไม่กล้าทำบาป มันเป็นเพียงหนทางที่จะทำให้คุณอยากไปนิพพานมากขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คุณได้ไปนิพพาน

    ขอโทษเถอะครับ

    1. ฤทธิ์ที่ท่านได้ ท่านสามารถเชิญองค์เทพมาได้ไหม
    2. ฤทธิ์ที่ท่านได้ ท่านสามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ตัวเอง และคนอื่น ๆ ได้ไหม
    3. ฤทธิ์ที่ท่านได้ ท่านสามารถขับคุณไสย ไล่ผี ได้ไหม
    4. ฤทธิ์ที่ท่านได้ ท่านสารถ ลงเมตตา, อำนาจ, เสน่ห์ , ทำน้ำมนต์ ฯลฯ ได้ไหม
    5. ฤทธิ์ที่ท่านได้ ท่านสามารถ สร้างบารมีเข้าสู่ยุคองค์ 5 ไหม
    6. ยังมีอีกมากมายที่ กล่าวไม่หมด

    ตามประวัติ องค์พระบรมครูสายสัญญาบารมี หน้าที่สี่ วรรค 3 ลองหาอ่านมาดูสะ ท่านจะรู้ว่าพระบรมครูสายสัญญาบารมี ท่านเคยเป็นศิษย์ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์มาก่อนนะครับส่วนในยุค พระโคตโม พระองค์บรมครูสายสัญญาบารมี ท่านมีพระนามว่าอะไร ไม่ขอกล่าว แต่ขอให้รู้ว่าไว้ ระดับศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้า มาถ่ายทอด มาเป็นองค์พระบรมครูสายสายสัญญาบารมีใครได้เป็นศิษย์ท่าน ถือว่าสุดยอดแล้ว “สายสัญญาเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร”

    สุดท้ายขอฝากวินัย และ ข้อปฎิบัติ ของศิษย์สายสัญญา และผู้ที่จะเป็นศิษย์สายสัญญาไว้เตือนใจหนึ่งข้อ

    ***ผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติใหม่ ต้องประคับประคองตนให้มี กาย วาจา จิตให้เป็น ศีลมัย พึงระวังการหลง ในอำนาจอิทธิฤทธิ์ เพราะเป็นขั้นต้นของการได้รับเหตุในทางธรรมะ เป็นอำนาจอิทธิฤทธิ์ฝ่ายกุศลรับรอง มักจะลืมตน หลงตน ทนงตัว จะเกิดพฤติกรรมที่ปรากฏให้เห็นได้ชัด เช่น อวดรู้ เพ้อเจ้อ ปั่นจิตไหวหวั่น ยกตนเทียมท่าน ข้ามเกินครูบาอาจารย์ และเหตุอันเป็นประมาทด้วยนานาประการทั้งปวง***

    ทิดวี Newbie กระทู้: 15

    Re: ผู้ที่เริ่มสนใจในสายสัญญาโปรดอ่าน
    « ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2007, 05:35:05 am

    และแล้วผมก็ได้รับเมล์จาก คุณริชชี่ หลังจากที่รอมากว่า 2 เดือน

    เขาตอบมาว่าดังนี้

    "ผมไม่ใช่คนรับแก้กรรมให้ใคร อย่ามาคาดหวังว่าให้ผมแก้ไขปัญหาให้คุณ คุณต้องแก้เอง กรรมที่ใครก่อผู้นั้นต้องแก้เอง ไม่มีเทพองค์ใดมาฝืนกรรมหรือแก้ให้ใครได้หรอกครับ"

    ครับ ผมเข้าใจครับน้อง ริชชี่ แต่เมื่อท่านประกาศในเวปว่า ใครมีปัญหา อะไรในชีวิต ให้"ไปซื้อหนังสือ" ของน้องมาอ่านดูก่อนถ้าไม่เข้าใจแล้วค่อยเมล์ มาถาม

    พอถามไป แล้วตอบกลับมาอย่างนี้ ปวดหัวครับ

    ผมเข้าใจอยู่ "ว่ากรรมใคร กรรมมัน"

    แต่ทำไมท่าน "ไม่ชี้แนะแนวทางชีวิต ละครับ ว่าควรปฏิบัติอย่างไร" ถ้าองค์เทพ (ของจริง) ที่ลงมาประทับร่างของน้อง ตอบได้แค่นี้ ทำประโยชน์ได้เท่านี้ จะลงมาทำไม เชิญท่านกลับไปดีกว่ามั๊ง
     
  6. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25

    >>>>>ร่างทรงระดับนายพล<<<<<

    อาจารย์ประหยัดได้รับข่าวร่างทรงระดับนายพล จากญาติของอาจารย์ประหยัดคือ คุณประพันธ์ วันนี้จึงได้ โทรไปหา ท่าน พล.โท.สนอง อุทธโยยา โทร. 02-5730650 เมื่อเวลา 17.21 น. ก็เจอกับท่านพอดี อาจารย์ประหยัดก็ขอเวลาจากท่านว่า ผมจะมาหาท่านในวัน เสาร์-อาทิตย์ได้ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ได้ จะต้องมาหาท่านในวันอังคารเท่านั้น แล้วท่านบอกอาจารย์ประหยัดว่าท่านเป็น
     
  7. foundman

    foundman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +734
    อยากจะรู้ว่า พูดภาษาเทพไปเพื่อ

    แล้วเทพ นี่ท่านพูด ภาษาปกติไม่ได้หรือไร

    แล้ว ฝึกมโนยิดธิทำไมจะเชิญเทพ ลงมาไม่ได้ ผมว่าเชิญได้ง่ายมากมายนะ


    อีกอย่าง เป็น การฝึก วิชชา 3 วิชชา 8 ไปในตัว แล้ว ฤทธิ์ต่างๆ ทำไมจะทำไม่ได้หว่า

    แล้วการทำ สมาธิ ให้จิต สงบ แค่ ช่วงเวลาไก่กระพือปีก ก็ได้ อนิสงมากมายและ

    ฝึกกรรมฐานไม่ดีกว่าหรือท่าน มีตั้ง 40กอง สำเร็จกองไหนกองหนึ่งก็ สุดๆ แล้ว เป้นแค่

    การแสดงความคิดเห็นนะอย่าคิดมาก ถ้าผมเข้าใจไรผิดก็ แนะนำด้วยนะงับ
     
  8. longer_85

    longer_85 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +7
    ยิ่งอ่าน ยิ่งงง

    เอ๊ะ หรือผมเข้าเว็บโฆษณาชวนเชื่อ???
     
  9. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25

    จะถามกลับคุณ man ว่า ถ้ามีผีเข้าผู้หญิงคนหนึ่ง คุณแมนไปกับผม แล้วเปลี่ยนกันจับมือผู้หญิงคนนั้น ถามว่าพี่ในร่างนั้นจะกลัวคุณแมนหรือกลัวผม

    ผมตอบให้ได้เลยว่า ผีมันไม่กลัวคุณแมน แต่มันกลัวผม ซึ่งถ้าผมพูดภาษาเทพออกไป มันก็จะกลัวมากยิ่งขึ้น แล้วถ้าผมน้ำเอามะพร้าวอ่อนมาเสก มันก็จะเกิดอาการอ๊วกออกจนหมดไส้หมดพุง

    การฝึกสมาธิ นั้นเป็นของดี แต่มีกี่คนฝึกแล้วได้ดังที่เขาเล่ามา ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยฝึก แต่ฝึกมาแล้ว เมื่อมันไม่ถูกจริตของเรา ก็จะฝึกไปทำไม ถ้าเราอยากเป็นผู้พิพากษา แต่พ่อแม่ให้เราเรียนหมอ มันจะได้จบมาหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะเราไม่ชอบ ตามที่คุณแมนพูดว่าฝึกกรรมฐาน ๔๐ กอง นั้นก็ถูกต้อง ซึ่งคุณแมนนั้นยังไม่ได้ฝึก ก็คงจะสอนใครไม่ได้ กรรมฐาน ๔๐ กองนั้นผมเองก็ฝึกเป็นประจำ แต่เป็นกรรมฐานที่ดัดแปลงแล้ว เปรียบให้ฟังอย่างง่าย ๆ คือ ถ้าคุณแมนซื้อรถกระบะดีเซลมา เมื่อน้ำมันขึ้นราคาไปลิตรละ ๔๔ บาท คุณแมนก็เปลี่ยนเครื่องยนต์ มาใช้ LPG ราคาลิตรละ 12-13 บาท แต่ถ้าสิ้นปีนี้ LPG ขึ้นราคาอีกลิตรละ ๖ บาท บรรดาแท๊กซี่ทั้งาหลายก็เอา LPG ไปขายคืน แล้วเปลี่ยนเป็น NGV ทำไมจึงต้องให้มีขั้นตอนมากอย่างนี้ ซื้อไอ้ที่มันติดถัง NGV มาใช้เสียเลยไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้ก็มีรถเชฟออกมาติด NGV มาเรียบร้อย

    ไม่มี "พระองค์" ไหนที่ไล่คุณไสย มีฝีมือเหนือกว่าผม หลวงพ่อทูล ขิปฺปปัญโญ ซึ่งเพิ่งจะมรณะภาพไปนั้น ลูกศิษย์ของท่านชื่อพระอาจารย์โต้ง อยู่้ที่วัดดอยผาส้ม จังหวัดเชียงใหม่ ถูกคุณไสยอยู่บ่อย ๆ ผมเองก็เป็นคนแก้ให้ แต่เมื่อพระโต้งไปหาหลวงพ่อทูล ซึ่งบรรดาลูกศิษย์ยกให้เป็นพระอรหันต์ ไม่เห็นว่าท่านแก้ให้ได้เลย ท่านบอกว่า ไสยดำนั้นไม่มีจริง แต่ที่มีจริงนั้นก็คือ "มะเร็ง" ในกระดูก ที่กัดกินหลวงพ่อจนทนความเจ็บปวดไม่ไหว ต้องฉีดมอฟีนทุกชั่วโมง แล้วในที่สุดก็ตายเพราะมอฟีนนั่นแหละ

     
  10. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25

    เรียนคุณยาวนาน

    คุณเองนั้นไม่ได้เข้ามาในเว็บโฆษณาชวนเชื่อหรอก เว็บพลังจิตนั้นเป็นเว็บสำหรับผู้ที่ไม่รู้เข้ามาอ่าน และเป็นเว็บที่คนราคาคุยเข้ามาอ่าน ก็คุยโม้โอ้อวดกันจริง เว็บที่เป็นเรื่องเดียวกันนี้แต่ไม่มีราคาคุย ของจริงทั้งนั้น ให้คุณเข้าไปอ่านแล้ว ไปสัมผัสเสียก่อน www.satusanya.com เว็บนี้มีลูกศิษย์คนหนึ่งอยู่ กองบิน ๔๑ เขาเขียนในเว็บว่า

    ทิดวี Newbieกระทู้: 15

    ผู้ที่เริ่มสนใจในสายสัญญาโปรดอ่าน

    « เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2007, 05:12:30 am » อ้างถึง

    ________________________________________
    สำหรับผู้ที่เข้ามาใหม่ หรือเริ่มที่จะสนใจในสายสัญญา แต่ยังเกิดความสงสัยหรือความกลัว ว่าทำไม ข้อความที่อาจารย์ประหยัด ท่านแสดงออกในกระทู้ ทำไมถึงได้ดุดัน วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและไม่กลัวใคร ทำให้บางท่าน เกิดความคิดที่ลังเลสงสัย

    ผมในฐานะศิษย์คนหนึ่งในสายสัญญา จึงอยากจะเรียนชี้แจง ให้ท่านได้เข้าใจดังนี้

    1. ทำไมอาจารย์ประหยัด ถึงได้พูดตรง ดุดัน และไม่เกรงใจใคร

    เพราะอาจารย์ต้องการสอนให้ทุก ๆ ท่าน ที่เป็นศิษย์ในสายสัญญา หรือที่กำลังจะเป็นศิษย์ในสายสัญญาไม่ให้หลงทาง ผิดพลาดในชีวิต โปรดอย่าลืมว่า กว่าท่านอาจารย์ประหยัด จะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ นับเวลาสิบกว่าปี

    ท่าน ได้เจอ เสือ สิงห์ กระทิง แรด เจอเขี้ยว เจอหลอก เอาเปรียบมาไม่รู้เท่าไหร่ ท่านไม่อยากให้ศิษย์ทั้งหลายต้องพบสิ่งที่ไม่ดีเหมือนท่านมาก่อน อาจารย์ประหยัดต้องตีแรง ๆ เตือนแรง ๆ ศิษย์จะได้จำ เพื่อไม่ให้ศิษย์ ต้องพบ สิ่งที่ไม่ดี เหมือนที่ท่านได้พบมา

    2. ทำไมอาจารย์ประหยัดถึงได้ วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและไม่กลัวใคร

     
  11. foundman

    foundman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +734
    วิชาที่คุณพี่ nokyam เรียน นี่เหมื่อน กับ วิชา ธรรมบรรดาน ปะ
     
  12. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +10,787
    มีสติกันหน่อย จะเป็นทำไม ร่างทรง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสุงสุดครับ
     
  13. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25

    วิชาธรรมบันดาล นั้นมีเจ้าของสำนักชื่อ อ.วัลลภ ธรรมบันดาล ซึ่ง อ.วัลลภ นั้นเป็นลูกศิษย์ของ อ.พงษ์วิทย์ บูรณะอุดม อาจารย์สายสัญญา แล้ว อ.พงษ์วิทย์ ก็เป็นอาจารย์ของ อ.ประหยัด อ.วัลลภ นั้นเอาแค่ส่วนหนึ่งของสายสัญญาไปใช้ทำมาหากิน

    ซึ่งในสายสัญญานั้นมีการชูบารมี โดยใช้คำว่า "สัญญานะ" แต่ อ.วัลลภ นั้นตัดเอาเพียง "นะ" ตัวเดียวไปใช้ โดยให้คนที่ไปนั่งในพิธีกรรมที่ท่านเรียกว่า "ตัดกรรม" พูด นะ ๆ ๆ ๆ ถ้าใครที่พูดแล้วไม่แสดงอาการออกมา ก็จะบอกว่าคนนั้นมีกรรมมาก ก็ให้ไปทำสังฆทานเสียก่อน แล้วมาทำพิธีใหม่ พิธีครั้งแรกนั้นต้องยกถาดสองร้อยกว่าบาท ต่อมายกถาดทุกครั้งก็คงจะหนึ่งร้อยบาท ซึ่งลูกศิษย์ อ.วัลลภ ไปตั้งสำนักหากินที่เชียงใหม่ ก็เจ๊งไปตั้งนานแล้ว

    ลืมบอกไปว่า วิชาธรรมบันดาล นั้นเรียกได้ว่าเป็น ขั้นอนุบาล ของสายสัญญา ถามว่าอาจารย์ประหยัด ทำได้ไหม ก็ขอตอบว่า "สุกร" แปลว่า หมูเหลือเกิน

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2008
  14. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25

    คุณเป็นคนที่น่าสงสารมาก

     
  15. ผู้นอบน้อมสุดใจ

    ผู้นอบน้อมสุดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,094
    ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตามหลักศาสนาพุทธนี่น่าสงสารตรงไหนหรอครับ ช่วยอธิบายที
     
  16. atataya

    atataya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +278
    อภิญญาหรือวิชชาต่างๆเป็นเพียงบันใดขันแรกอย่าย่ำอยุ่กับที่เลยค่ะ ก้าวข้ามมันอย่ายึดติดวิชชามากนัก เดียวจะหลงทาง
     
  17. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25

    น่าสงสารตอนที่ว่า หัวข้อกระทู้นี้เขียนว่า "เปิดพระโอษฐ์" แต่คนที่เข้ามาโพส น่าจะเป็น "ลิเก" หลงโรง ซึ่งถ้าจะสอนธรรมะก็น่าจะเข้าไปโพสที่เว็บ ของ อาจาร์สุจินต์ บริหารวนเขต เปิด Google แล้วพิมพ "บ้านธัมมะ" หรือ พิมพ์ชื่ออาจารย์สุจินต์ ลง ไป ก็จะมีธรรมะเยอะแยะให้อ่าน หรือจะเข้าไปสอนก็ได้

     
  18. ผู้นอบน้อมสุดใจ

    ผู้นอบน้อมสุดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,094
    อ่าถูก หัวข้อกระทู้คือเปิดพระโอษฐ์จริงๆ
     
  19. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25

    คุณatataya ไม่รู้ตัวเลยหรือว่า ตนเองนั้นหลงทางเข้ามาในกระทู้ "เปิดพระโอษฐ์"
    ไม่ใช่กระทู้ไป อรหันต์ หรือนิพพาน

     
  20. black Bird

    black Bird เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +808
    ขอคําบูชาต่างๆที่จะต้องเอาไปปฏิบัติได้ไหมค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...