สมเด็จพระอนุตรธรรมมารดา (เอี่ยวตี้กิมบ้อ)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ฉั่วปิงหาน, 21 ตุลาคม 2008.

  1. chinasungkia

    chinasungkia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +852
    ผมว่า เรื่องทำนองนี้ เป็นเรื่องปัจจัตตังครับ รู้ได้เฉพาะคนที่เคยสัมผัสกับท่านมาแล้วเท่านั้นครับ ก็อย่าได้ต่อว่า ต่อขานกันเลยครับ ท่านผู้ใดเชื่อก็ปล่อยไป ท่านผู้ใดไม่เชื่อก็ปล่อยไป เถอะนะครับ อย่าได้มาห่ำหั่น กันเลยว่า จริงหรือไม่ นะครับ....สาธุ
     
  2. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    ให้ประกาศจุดยืนที่แน่ชัด ว่าเป็นศาสนาอะไร อย่าบิดเบือนพุทธธรรม อย่าเหยียบย่ำศาสดาอื่นเขา ก็คงไม่มีใครค้าน ซักถามคัดค้านเพื่อหาข้อยุติ หาความจริง คุณไม่เคยรู้พระราชดำรัสของรัชกาลที่๔เลยหรืออย่างไร พระองค์ตรัสว่าพระพุทธศาสนาในไทยจะยั่งยืนถ้าพุทธบริสัท๔ช่วยกันดูแลแก้ไขในการที่จะมีผู้เข้ามาบิดเบือนฯนี่เข้าตั้งตนเป็นสมเด็จพระอนุตรธรรมมารดา เป็นทุกศาสดาในโลก คุณว่ามันเป็นไปได้ไหม มีทั้งทรงเจ้าเข้าผี อวดอุตริ อ้างว่าเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง มันก็ต้องมีการท้วงติงกันบ้างเป็นธรรมดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2008
  3. ฉั่วปิงหาน

    ฉั่วปิงหาน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +20
    ที่เอามาโพสให้อ่านเล่นๆอ่ะครับ ให้รุว่าในโลกก้อมีแบบนี้ด้วย
    ไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครไม่พอใจอ่านะครับ ต้องขออภัยจริงๆ
     
  4. ฉั่วปิงหาน

    ฉั่วปิงหาน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +20
    จุดประสงค์ของการตั้งกระทู้ไม่ได้ให้เชื่อในเรื่องทรงเจ้าเข้าผี หรือให้มาแสดงทัศนะที่รุนแรงในนี้อ่านะครับ
    ทุกคนย่อมไม่ชอบข้อความที่รุนแรงกันทุกคนอยู่แล้ว ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบใจไม่ต้องโพสนะครับ แค่เปิดใจให้กว้างเเล้วคลิกเครื่องหมายกากบาทมุมบนขวาหน้าจอก้อพอครับ
     
  5. นาย 3

    นาย 3 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +10
    เห็นด้วยกะเจ้าของกระทู้
    แต่ที่ผมงงคือ
    พระเป็นเจ้าเกี่ยวรัยกับทรงเจ้าเข้าผี
     
  6. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973

    สัมผัสท่านก็ไม่ใช่ว่าจะดี นะครับ พญามารยังแปลงร่างป็นพะพุทธองค์ได้ สำมะหาอะไรกับ ..เทวะดาธรรมดา

    ให้พิจารณาอยู่กับสิ่งที่ท่านสอน น่ะว่าผิดจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้าหรือไม่ พระไตรปิฎกมีอยู่ เป็นแนวเป็นคู่มือ ไม่ใช่กอดตำรา หากผิด อย่าเชื่อมันเลย มันก็แค่มารตนหนึ่งเท่านั้น

    นักปฏิบัติมักโดนมารหลงซะย่ำแย่ไปหลายแล้ว พวกคุณอย่าหลงเข้าละกัน

    ...............................................................................................................
    สาวพรหมจารีย์ที่อ้างว่าผ่านญานจากเทพนั่นป่ะไร .....ทรงเจ้า(เทวดาบางตนความรู้ในด้านธรรมะห่วย มีบุญหน่อยคิดว่ากูแน่ กูใหญ่ ยิ่งกวาคนอื่นก็มี คิดว่าตัวเองเป็นยังงั้นยังงี้เก่งอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นใหญ่กว่า 3โลก ก็มี บางตน บอกกูเป็นใหญ่กว่านิพพานก็มี ให้ระวังไว้ บางท่านติดสัญญาเมื่ออดีตเก่า เรื่องกินเจว่าดี ก็เอามาสอน เป็นเทวดาเพราะศีลทานสามธิ ไม่ใช่เพราะกินเจ แต่นึกว่ากินเจดี ก็สอนให้คนอื่นหลงๆไปตามนั้น เราๆก็หัดพิจารณาบ้างเถิด อย่าหลงเชื่อแบบ ปัจจัตตัง ธรรมะน่ะรู้เฉพาะตน แต่ต้องหาสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้มาพิสูจน์ ผมไม่เชื่อหรอกว่าพระองค์ท่านจะหมกเม็ดคามลับไว้ เพราะพระอานนท์ท่าน ทูลขอว่าท่านเทศน์ที่ไหนให้มาบอกท่านทั้งหมด ท่านจะได้จำไว้ เพื่อสอนสืบๆต่อไป ) และเข้าผี หากเป็นผีอื่นหรือมารเข้าดลใจ
     
  7. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973


    ทัศนะไม่รุนแรงหรอกครับ ตามความจริง เราพูดกันตามหลักธรรมที่จริงและอ้างอิงได้ เหมือนนักปราชย์เค้าพูดกัน รุนแรงแค่ไหนเค้าไม่โกรธกันเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดเเละพิสูจน์ว่านี่ถูกต้องรึไม่ ...ดูที่มิลินทปัญหาที่พระยามิลินทร์ถามพระนาคเสน รุนแรงกว่าเยอะ

    คนที่อ่านแล้วไม่ชอบให้เปิดใจให้กว้างดูว่าจะมีอะไรมาโต้แย้งกันอีก ส่วนข้อสรุป ของแต่ละคนอยู่ที่วิจารณญาน ของแต่ละท่าน

    ธรรมของแท้ ย่อมทนต่อการพิสูจน์

    ธรรมของเทียม ทุบ ตีไปเรื่อย ต่อยไป 2-3 หมัด แย็บไปหน่อย เดี๋ยวเดียวก็พัง เจอหนุมานถวายแหวน ทีเดียวก็หงาย
    เทคนิเคิล น็อกเอ้าท์ครับ
     
  8. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    ผมกราบขออภัย ถ้าใช้คำพูดรุนแรงไป ก็เพื่อหาข้อยุติ และหลักธรรม สัทธรรมปฏิรูปโผล่ขึ้นมามากทุกวัน ลัทธินี้ผมเจอมาก่อนพวกคุณเป็นแน่ถูกเขาขับออกมาจากไต้หวันเลยมาแพร่ในไทย กลัวถูกหลอกเลยกระทุ้งมาแรงๆ อิอิ ขออภัย
     
  9. ฉั่วปิงหาน

    ฉั่วปิงหาน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +20
    อย่าไปซีเรียสกับเรื่องพวกนี้เลยครับยังไงเราทุกคนย่อมยึดถือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสรณะกันทุกคนอยู่เเล้ว
     
  10. นาย 3

    นาย 3 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +10
    南无本师释迦牟尼佛
     
  11. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528

    ขอโอกาสแสดงความคิดนะครับ
    ก็ดีนะครับ อนุโมทนา กับความหวังดี
    ผมว่า เอาให้แน่ว่าศาสนาใดจะดีกว่านะครับ เพราะเห็นด้วยกับคุณเม และคุณโชติยา และเจ้าของกระทู้
    เพราะพุทธเจ้าย่อมเป็นพระศาสดาของศาสนาพุทธไม่ใช่อนุตรธรรมมารดาแน่ๆ

    คือถ้าบอกว่าแล้วแต่จะคิด คติใครคติมัน ดังนั้นก็ไปว่าคนที่มาท้วงติงไม่ได้ก็เค้ารักและเคารพพระศาสดา (เพราะพระองค์เป็นผู้แสดงธรรมให้เขาเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น รู้ในสิ่งที่ตนไม่เคยรู้)ไม่ต้องการให้ใครมาบิดเบือนคำสอนของพระองค์

    ในส่วนของคนที่ยึดมั่นในพระแม่อนุตรธรรมารดาผู้ประทานโอวาทและสัจธรรมของทุกศาสนา
    ถ้าผมเป็นคุณผมคงต้องค้นหาแล้วหล่ะครับว่าคติของตนเป็นเช่นไร ทำไมจึงมีคนมาท้วงติง เขาเป็นผู้หวังดีหรือไม่
    ขบคิด หลักธรรม คติตนเองใหม่อย่างมีสมาธิด้วยปัญญาเอง(อย่าถามผู้อื่นเพื่อหาพรรคพวก)
    เเม้ศรัทธาจะมั่นคงแต่ปัญญาเท่านั้นนะครับจะเเยกสิ่งที่เราเชื่อ ออกจากความหลงผิด
    และบอกความแตกต่างระหว่างศัทธาและงมงายได้
    อนุโมทนา เจริญในธรรมครับ

    ขอสรุปหน่อยนะครับว่า
    พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้นับถือพระเจ้า หรือเทพองค์ใดๆ ไม่ได้สั่งสอนให้เชื่อถือ นับถือหรือบูชาใครเป็นพิเศษ
    แต่ให้ถือตนเป็นหลักเป็นที่พึ่ง ทำตนให้ดีก่อน ทำตนให้รู้เเจ้งทำตนให้ออกจากทุกข์ ไม่มีใครมาพาเราไปได้ (ไม่เห็นว่าพระองค์จะกล่าวว่าใครทำการหลุดพ้นให้เเจ้งแทนใครได้เลย ตนเองต้องทำเอง)
    หากแต่ความเคารพและกตัญญู ต่อผู้มีพระคุณ(คือถ้าเป็นคนดีก็ไม่ต้องสอนเรื่องพวกนี้อ่ะนะครับ เพราะมีโดยสันดาน)มีในคนดี
    ผู้ที่เห็นชอบ ชอบใจในธรรมและคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นได้กระทำความนอบน้อม เพราะซาบซึ้งในความเมตตาต่อสัตว์โลกของพระพุทธเจ้า และซาบซึ้งเลื่อมใสในพระธรรมที่พระองค์ตรัสจึงได้เคารพพระธรรม มีความเห็นคุณประโยชน์ของพระสงฆ์จึงได้เคารพและยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เพราะได้พบผู้ทรงคุณที่ยิ่งใหญ่กว่าตน(อันนี้ก็ทำถูกแล้วนะ หากตนยังไม่ดีจงยึดสิ่งที่มั่นใจว่าดีเป็นแนวทาง) ประเสริฐกว่าตน(แต่พระองค์ก็ยังสอนว่า อัตตาหิ อัตตโนนาโถ)

    ดังนั้นความเชื่อว่ามีพระเจ้าเป็นผู้ประทานธรรมะ หรือว่าเป็นต้นคิดหรือจุดกำเนิดของสัจธรรมนั้นย่อมขัดต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง(ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน)
    เพราะสัจจธรรมย่อมมีอยู่แล้ว พระศาสดาเราเป็นผู้รู้เเจ้ง ค้นพบและนำมาเผยแผ่ เราทั้งหลายเมื่อได้ฟังธรรมจึงชอบใจในธรรมที่ผู้รู้เเจ้งตรัส
    บางคนเคารพมากจนมีใครมากล่าวผิดไปจากคำสอนไม่ได้ต้องท้วงติง(เพราะกลัวผู้อื่นเข้าใจผิด)
    บางคนยึดหลักธรรมเท่านั้นอย่างอื่นปรับได้ บางคนก็หลงผิดไปเลย อันนี้นานาจิตตัง ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมเถิดนะครับ เตือนกันแล้วก็ดีแล้ว ไม่เสียใจ ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรทึควรทำ
    ดีแล้วๆ สิ่งใดที่เราป้องกันดีแล้ว หากไม่เป็นไปตามประสงค์ย่อมเป็นไปตามกรรม ทั้งสองฝ่ายโปรดวางอุเบกขาเถิด ข้าพเจ้าเองก็เช่นกัน สาธุ

    อนุโมทนาผู้ที่ถือพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระอริยสงฆเจ้าทั้งหลายเป็นสรณะทั้งหลาย
    ด้วยอานุภาพความนอบน้อมและกล่าวว่าตนยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะด้วยใจเคารพแล้ว
    ขอผลานั้นดลบัลดาลให้ทุกท่านเจริญในธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัส(ไม่ใช่เทพเจ้ามาประทับร่างตรัสนะครับ)ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008
  12. จิตเอกภพ

    จิตเอกภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +48
    ขอแสดงความเห็นด้วยเช่นกันนะครับ

    ว่าโดยแท้จริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้า เทพเจ้า พระพุทธเจ้า ก็ล้วนแล้วแต่จิตวิญญานอันบริสุทธิ์ภายในอนัตเอกภพแห่งนี้ เราเคารพท่านด้วยคุณงามความดี เฉกเช่นบิดา มารดา หรือแม้แต่บรรพบุรุษ หรือบรรพกษัตริย์ที่ล่วงลับไปแล้ว

    จิตวิญญานเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นจิตใหญ่หรือจิตเล็กก็ตาม ก็ย่อมก่อเกิดจากที่เดียวกัน ไร้รูป ไร้มิติ และไร้กาลเวลา เป็นเพียงพลังงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

    ก็คงไม่พ้นมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษที่สามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นพราหมณ์ พระสงฆ์ นักพรต หรือมุนีก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่จิตนาการไปตามสิ่งที่เป็น หรือสิ่งที่ตนปรารถนาในรูปแบบปกรฌัม เทพนิยาย ชาดก เป็นต้น

    ก็มนุษย์อีกเช่นกันที่พยายามแบ่งแยก เพื่อความเป็นเลิศตามศรัทธาและความเชื่อแห่งตน คงไม่มีใครบอกว่าของตนไม่ดี แต่ความศรัทธาเหล่านี้กลับกลายเป็นอำนาจที่กล้บมาใช้รทำลายมากกว่าที่จะสร้างสรรค์

    หากเรายังยึดมั่น และยังขาดการพิจารณาว่าสิ่งนี้เกิดขึ้น คงอยู่ และก็ดับไปตามกฎธรรมชาติ และเป็นเรื่องธรรมดา

    และหากเรายังหลงละเริงโดยปราศจากการน้อมนำสู่การปฏิบัติ ก็คงยากที่จะบรรลุเป้าหมายได้ อีกทั้งปมปัญหาต่างๆ จะประดั่งเข้ามา เพียงเพราะกิเลสเป็นม่านบังตา

    ศาสนาทุกศาสนาเป็นเครื่องจรรโลจิตใจให้มนุษย์ใฝ่คุณธรรม จริยธรรม เพื่อก่อให้เกิดสันติภาพ และภราดรภาพในโลกใบนี้

    เฉกเช่นทุกศาสนา ก็ย่อมบังเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไป จงอย่ายึดมั่นในศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง ให้เจริญตามรอยในคุณงามความดี และยึดมั่นแห่งกายกรรม มโนกรรม และวจีกรรม ดั่งหนึ่งคนหนึ่งศาสนาและตามรอยธรรมที่ตนปรารถนา สุดท้ายก็บรรจบที่เดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008
  13. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    นี่เป็นคติปรัชญาเพื่อสันติ นี่ครับก็ดีครับ ไม่แบ่งแยก
    แต่เพราะการไม่ศึกษาในหลักธรรมของศาสนาหนึ่งๆย่อมเข้าถึงได้ยาก
    ถ้าคุณเป็นพุทธศาสนิกชนที่เข้าใจในหลักพุทธศาสนา เราทั้งหลายผู้ศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าย่อมไม่กล่าวถึงผู้ที่พ้นโลกไปแล้วว่าเป็นวิญญาณบริสุทธ์
    (ไม่กล่าวอธิบายนิพพานในรูปแบบ หากแต่เหลือแค่คติเท่านั้นเพราะการพ้นโลกแบบพระอริยะ ไม่สามารถอธิบายด้วยภาษาโลกว่าเป็นเช่นไร ถ้าคุณไม่ได้หมายความแบบนั้นผมขอ งดโทดแห่งตน ณ ที่นี้ด้วย)
    แต่ก็คุณก็เข้าใจในหลักไตรลักษณ์ ดีทีเดียว(เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) อนุโมทนาครับ


    แต่ถ้ามองในรูปแบบว่าตนเป็นจิตวิญญาณดวงนึงแล้วมาพบกับคติของศาสนาต่างๆแล้ว มองตนเป็นกลาง ศึกษาธรรมของแต่ละศาสนานำมาใช้ปฏิบัติ ย่อมเป็นการมองที่ถือว่าดีพอสมควร อนุโมทนาในปรัญชาวิเคราะห์นะครับ
    ดีแล้วๆ อนุโมทนาครับ

    ผมเองก็มองเช่นเดียวกันกับคุณนะครับถือว่าทุกคนเป็นจิตดวงนึงที่อาศัยกายเนื้อนี้จากบิดาและมารดา เพื่อค้นหาทางออกจากความไม่สบายกายความไม่สบายใจทั้งหลาย
    เพื่อบรมสุข เพื่อการหลุดพ้นจากทุกข์ และการใช่ชีวิตทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
    จึงศึกษาแนวทางและคำสอนแต่ละศาสนาแต่ไม่ได้เอามาผสมกันไปหมดนะครับ ไม่ได้ถือว่าทั้งหมดทุกคำสอนเป็นสิ่งเดียวกันมาจากแหล่งเดียวกัน แต่ผมคิดว่ามันมีอยู่แล้ว แต่ว่าเราไม่รู้(อวิชชา)
    วันนึงมีคนคนนึงที่ค้นพบสัจจธรรมนั้น(พระพุทธเจ้า) ผมจึงสนใจ เรียนรู้และชอบใจในคำสั่งสอนของพระองค์ และถือว่าเป็นผู้มีพระคุณอย่างมากมาย ยิ่งกว่าบิดามารดาผู้ให้กำเนิด(บิดามารดาให้สิ่งภายนอก แต่พระพุทธเจ้าให้สิ่งที่ช่วยให้เราพัฒนาตนภายใน)

    แต่ก็เห็นด้วยว่าการต่อความยาวสาวความยืด ไม่รู้เป็นไปเพื่อประโยชน์อันใดเหมือนกัน

    การโต้เถียง ตักเตือนชี้แนะกันแบบนี้ดีแล้ว ธรรมดาบัณฑิต และผู้มีปัญญาย่อมไม่แตกคอกันง่าย ฉันใดขอเราทั้งหลายจงเป็นเช่นนั้นเถิดสาธุ
    สู้ๆตามคติและความเชื่อของตนต่อไปครับทุกคน

    อนุโมทนาในความดีที่จะเกิดขึ้นกับทุกคนครับครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008
  14. จิตเอกภพ

    จิตเอกภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +48
    คุณปรมิตร

    ขอตอบประเด็นที่ซักถาม

    ภายใต้แห่งความว่าง ย่อมมีพลังงานรูปแบบหนึ่ง พลังเหล่านี้เกิดจากความถี่ ยิ่งความถี่มากก็จะสามารถเปลี่ยนกลายเป็นมวลสารได้ โดยมีองค์ประกอบของธาตุคาร์บอนเป็นหลัก ที่มักนิยมเรียกกันว่าโลกธาตุ อันเป็นบ่อเกิดของสรรพสิ่ง เพียงแต่พลังเหล่านี้อยู่ในรูปแบบของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไร้รูป ไร้มิติ และไร้กาลเวลา และได้สถิตย์ไว้ในกลุ่มดาราจักร ดวงดาว และระบบสุริยะภายใต้อนันต์เอกภพเหล่านี้

    ท่านต้องทำความเข้าให้ถ่องแท้เสียก่อนว่า อะไรคือแก่นศาสนา อะไรคือจิตวิญญาณ อะไรคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วสัมพันธ์กันอย่างไร สิ่งสำคัญ

    ตามคติพุทธศาสนาถือว่าการอุบัติเป็นไปได้ทั้งสี่แบบ ได้แก่ สมมุติเทพ (เทพที่เป็นมนุษย์), อุปัตติเทพ (เทพที่บังเกิดขึ้นเอง), วิสุทธิเทพ (พระอริยะเจ้า) และเทวาติเทพ (พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)

    สำหรับจิตวิญญาณอันมีที่สิงสถิตย์อยู่ในสัตว์และมนุษย์ เมื่อตายก็ย่อมไปตามยถากรรมที่ตนได้สร้างขึ้น หากดวงจิตเป็นอกุศล หนทางย่อมไปสู่ทุคติ จิตวิญญาณเหล่านี้ก็อาจไปเป็นได้ทั้งพวกผี ปีศาจ และสัตว์เดรัจฉาน

    แต่หากดวงจิตเป็นกุศล ก็ย่อมมีหนทางไปสู่สุคติ จิตวิญญาณเหล่านี้ก็อาจไปเป็นได้ทั้งเทพเทวัญ เทวดา พรหม พระอรหันต์ พระพุทธเจ้า พระผู้เป็นเจ้า ฯลฯ ตามแต่บุญบารมีที่ได้สร้างไว้ ดังนั้นจิตวิญญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ย่อมบริสุทธิ์ ไร้รูป ไร้มิติ ไร้กาลเวลา และมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติที่จะดลบันดาลให้เป็นไปได้ตามประสงค์ การรับรู้และสัมผัสกับจิตวิญญาณเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ที่มีลักษณะพิเศษ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณมีในทุกศาสนา โดยเฉพาะชีวิตหลังความตายที่มนุษย์ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้



    งั้นขอถามท่านด้วยประเด็นดังนี้
    - ทำไม เผ่ามนุษย์จึงแตกต่างกันสิ้นเชิงทางด้านกายภาพ ภาษา และวัฒนธรรม แล้วมาได้อย่างไร?
    - แล้วทำไมชะตาฟ้าจึงได้ลิขิตมนุษย์ผ่านรหัสพันธุวิศวกรรม หรือดีเอ็นเอไว้ในขันธ์ห้า ที่ร้อยเรียงยาวเกือบครึ่งโลกได้อย่างไร?
    - ทำไมศาสนาจึงเกิดขึ้นในโลกใบนี้ ต่างคติภพต่างคติภูมิกันได้อย่าง?
    - การหลุดพ้นมีในทุกศาสนาหรือไม่?
    - โลกใบอื่นดังเช่นโลกใบนี้มีหรือไม่? แล้วแตกต่างกันอย่างไร?​

    หากมองย้อนในอดีต ศาสนาพราหมณ์ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาอิหร่าน ศาสนาพุทธและศาสนาเชนได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ ศาสนาซิกข์ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธได้แบ่งแยกเป็นลัทธิต่างๆ และมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและตามวัฒนธรรมท้องถิ่น ถามว่าเป็นการบิดเบือนหรือ?

    หากมองอย่างเป็นกลาง ตามหลักการวิวัฒนาการศาสนา ทุกศาสนาก็ล้วนแล้วแต่ดัดแปลงและปรุงแต่งทั้งสิ้น แม้แต่ศาสนาพุทธเอง พระไตรปิฏกยังต้องสังคยานาจนถึงครั้งที่ 11 http://palungjit.org/showthread.php?t=10074 แล้วจะเป็นยึดมั่นทำไม อนาคตมันไม่แน่นอน ศาสนาพุทธอาจเปลี่ยนไปเป็นศาสนาอื่นก็ได้ เพราะทุกอย่างมีเหตุปัจจัย



    ดังนั้น สิ่งไหนดีเราก็น้อมนำสู่การปฏิบัติไม่ดีกว่าหรือ ดีกว่ามานั่งทะเลาะหรือขัดแย้งเพียงแค่ยึดมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยง​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008
  15. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    อนุโมทนา หากท่านจะปฏิบัติ จะปฏิบัติโดยยึดหลักใดเล่า

    ผมเองไม่ได้ยึดมั่นใน สิ่งใดเพียงแต่ถือเอาตนเองเป็นที่พึ่ง ไม่ได้มีสิ่งใดที่ผมยึดว่าเที่ยงหรือไม่เที่ยง เห็นเช่นกันว่า ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ผมเองก็กล่าวเช่นนั้น และเห็นด้วยนี่ครับ ไม่ได้กล่าวแย้งเลยสักนิด
    เพียงแต่ผมเองเชื่อถือในคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะหากไม่ถึงฝั่งเราพึงยึดถือความดีหรือบุญ ไม่พึงทำความชั่ว

    จึงเรียนถามหลักปฏิบัติของท่าน ให้เเจ่มชัด หรือจะเลือกเอา ขัอดีของแต่ละศาสนา ที่มาบรรจบกันอย่างนั้นหรือครับ
    ก็ฟังๆดูก็ดีไปหมดนะ 555 หากไม่ควรยึดสิ่งใด จะต้องเดินไป(ใช้ชีวิต)ย่างไร จะทำอะไรก็ย่อมได้ ตามใจ วันนี้อยากทำกรรมนี้ก็ทำเพราะเราไม่ได้ยึดติดว่าจะไม่ทำแบบนี้เหรอครับ ก็ดูเรียบง่ายดี น่านับถือๆ

    แล้วมีหลักใดเล่า เป็นแนวทาง มีเกณฑ์วินิจฉัยในการปฏิบัติและความเชื่อเช่นไร ถ้าทุกสิ่งไม่เที่ยง สิ่งที่ท่านว่าดี มันอาจไม่ดีก็ได้ใช่ไหมครับ
    ถามเฉยๆนะครับไม่ได้กวน ในเมื่อบอกว่าไม่เที่ยง สิ่งใดเล่าถึงจะดี

    ประเด็นคือ ผมเอง ไม่ได้ยึดถือว่า ผมเป็นพุทธศาสนิกชนที่ นับถือศาสนา พุทธว่าเป็นศาสนา ของตน ดีกว่า คนอื่น ไม่เลยไม่ได้เปรียบเทียบเลย
    ย้ำอีกครั้ง ผมเองเป็นแค่ความรู้สึกนึกคิด(จิต)ดวงเดียว อาศัยกายเนื้อนี้จาบิดาเเละมารดา ไม่รู้เบื้องต้นแห่งการเกิดแต่เข้าใจว่า เกิดจากความไม่รู้(อวิชชา) ผมเองจิงไต่ถามท่านผู้เห็นแจ้งในปรัชญาว่า เมื่อเราเกิดมาแล้ว อะไรเล่า คือสิ่งควรกระทำ อะไรเล่าคือสิ่งที่ควรปฏิบัติ เพื่อไม่ทำให้เกิดทุกข์อีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008
  16. จิตเอกภพ

    จิตเอกภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +48
    หลักคำสอนของศาสนาพุทธ สอนให้เห็นทุกข์และดับทุกข์อย่างเดียวหรือ?
    ลองศักษาศาสนาเปรียบเทียบ แล้วจะเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้น สามารถมองภาพได้กว้างมากยิ่งขึ้น
    ศาสนาเป็นเพียงปรัชญา ความเชื่อ และความศรัทธา โดยมีอุดมคติเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008
  17. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    อนุโมทนาครับ
     
  18. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
     
  19. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ประเด็นที่ผมชี้นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้เลย จึงขอหยุดประเด็นนี้เพียงเท่านี้ ไม่ตอบต่ออีกนะครับ

    ขอนุญาตกล่าว ชี้แจงว่าอย่าได้เอา มานะ ว่าศึกษามามากมาทำลาย คำชี้แจ้งของกระผมนะครับ
    ผมเองก็มีการศึกษา เหมือนกัน โปรดตอบคำถามด้วยความคิดเพราะผมถามนายด้วยความคิด
    แต่เชื่อว่าปรัชญานั้นเน้นศึกษาด้วยความคิด ไม่ใช่ด้วยแค่การเรียน
    อนุโมทนา

    ผมแค่สงสัยว่า แนวความคิดและการปฏิบัติของนาย เป็นเช่นไรเท่านั้นเอง
    หากมองพระพุทธเจ้าเป็นเพียงศาสดา สอนศาสนาก็โอเชจบแค่นี้
    (อันนี้คติใครคติมัน)

    แล้วที่บอกว่าศึกษาศาสนาเปรียบเทียบก็ดีนะครับ ผมเองก็ศึกษาแต่เปรียบเทียบแล้วหลักการคล้ายๆกันอย่างที่นายพูด แต่พุทธสาสนาน่าสนใจกว่า(ผมจะสื่อแค่นี้เองอ่ะ) เพราะผมคิดไงก็หาจุดบกพร่องของพุทธวจนะไม่ได้ จึงได้เชื่อว่าพระองค์เป็นผูรู้แจ้ง เป็นผู้โปรดเราผู้เดินไปโดยไม่รู้ว่าสิ่งใดควรมิควร จึงถือเอาตนเป้นที่พึ่ง อาศัยพระรัตนตรัยเป็นแนวทาง

    อ้อ ผมไม่ได้มัวเถียงหรือทะเลาะนาย อย่างเดียวแต่ไม่ได้ถือเอามาปฏิบัตินะครับ
    ที่มาเขียนนี้แค่คำชี้แจงเท่านั้น สิ่งนั้น ไม่ได้หมายความแค่ว่ามาทะเลาะหากแต่แค่แสดงความคิดที่แตกต่างออกไปเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008
  20. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ผมไม่ได้ ทะเลาะหรือเถียงด้วยมานะนะครับ
    ไม่ได้ยึดว่าตนเก่ง ฉลาดหรือมีปัญญามากกว่า

    ไม่ได้ยึดถือว่าคติของตนเป็นเอก คติของผู้อื่นผิด
    หากแต่เปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็น พิจารณาตามจริง ใช่ก็ใช่ เห็นด้วยก็ว่าเห็นด้วย

    และมีเหตุผลที่จะอธิบายหากมีคำถามถ้าตอบได้ ด้วยปัญญาอันน้อยนิดจะตอบตามที่คิดครับ
    โปรดชี้แนะด้วย และหากกระทบจิตทำให้ก่ออารมณ์ที่ไม่บังควรเกิดในหมู่แห่งคนดีแล้วไซ้ผมเองใครขอกราบขอขมาด้วยครับ

    จำเดิมบัณฑิต เหล่าคนดีผู้มีปัญญา ย่อมไม่แตกคอกันง่าย แสดงเหตุและผลด้วยหลักการ
    ขอเราทั้งหลายจงเป็นเช่นนั้นสาธุ
    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...