ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <TABLE width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#f7f7f7 width="80%" align=center border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top borderColor=#ffffff bgColor=#f7f7f7><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#99cc00 height=23>สิ้นสุดที่ความตาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ในอดีตกาล ณ กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ เจริญวัยแล้วเล่าเรียนศิลปะในเมืองตักกสิลา แล้วกลับไปยังสำนักของบิดามารดา ทั้งที่พระโพธิสัตว์ไม่ต้องการครองเรือน บิดามารดาก็ได้ทำการสมรสให้กับ กุมาริกาผู้มีรูปร่างงดงาม ชื่อ สัมมิลลหาสินี (ต่อไปจะเรียกย่อๆ ว่า สินี)
    เมื่อบิดามารดาของพระโพธิสัตว์สิ้นชีวิตแล้ว พระโพธิสัตว์และนางสินี ก็สละทรัพย์ทั้งหมดให้เป็นทาน แล้วทั้งสองก็ออกบวชไปอยู่ป่าหิมพานต์
    วันหนึ่ง นักบวชทั้งสองออกจากป่าหิมพานต์ เที่ยวไปถึงพระราชอุทยาน เมืองพาราณสี นางสินีเกิดอาพาธและมีอาการทรุดลงเพราะไม่ได้ยาที่สมควร พระโพธิสัตว์จึงพยุงนางไปที่ประตูพระนคร ให้นอนในศาลาแห่งหนึ่ง ส่วนตนเข้าไปภิกขาจาร เมื่อพระโพธิสัตว์ยังไม่ทันกลับมา นางได้ถึงแก่กรรมลง มหาชน เห็นรูปสมบัติของนางก็พากันห้อมล้อมร้องไห้
    พระโพธิสัตว์กลับมาพบเข้าก็ดำริว่า สิ่งที่มีอันจะแตกไปเป็นธรรมดาย่อมแตกไป สังขารทั้งปวงไม่เที่ยงหนอ แล้วนั่งบริโภคอาหารบนแผ่นกระดานที่นางนอนอยู่
    มหาชนถามว่า นักบวชหญิงนี้เป็นอะไรกับท่าน
    พระโพธิสัตว์กล่าวว่า เมื่อเวลาเป็นคฤหัสถ์ นางเป็นภรรยาของเรา
    มหาชนถามว่า แม้พวกเรายังทนไม่ได้พากันร้องไห้ เพราะเหตุไรท่านจึงไม่ร้องไห้
    พระโพธิสัตว์ตอบว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ นางย่อมเป็นอะไรๆ กับเรา บัดนี้ไม่เป็นอะไรๆ กัน เพราะนางไปสู่โลกอื่น ไปสู่อำนาจของคนอื่นแล้ว
    จากนั้นก็แสดงธรรมแก่มหาชนว่า นางสินีได้ไปอยู่กับผู้ที่ตายไปแล้วเป็นจำนวนมาก เมื่อนางไปอยู่กับพวกนั้นแล้ว ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเรา เพราะฉะนั้น เราจึงไม่เศร้าโศกถึงนางสินีผู้เป็นที่รักนี้
    ถ้าบุคคลเศร้าโศกถึงผู้ใด แล้วทำให้ผู้นั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ บุคคลก็พึงเศร้าโศกถึงตน ซึ่งตกอยู่ในอำนาจของมัจจุราชทุกเมื่อ
    อายุสังขารใช่จะเสื่อมไปเฉพาะเมื่อยืน นั่ง นอน หรือเดินอยู่เท่านั้นก็หาไม่ แม้ในเวลาอันน้อยนิดชั่วหลับตาลืมตา วัยก็เสื่อมไปแล้ว
    เมื่อชีวิตและร่างกายดำเนินไปสู่ความเสื่อมเช่นนี้ ความพลัดพรากจากกันก็ต้องมีโดยไม่ต้องสงสัย ผู้ที่ยังอยู่ควรเมตตาต่อกัน ส่วนผู้ที่ตายไปแล้วไม่ควร เศร้าโศกถึง
    เมื่อพระโพธิสัตว์แสดงธรรมแล้ว มหาชนพากันกระทำฌาปนกิจศพนางสินี จากนั้นพระโพธิสัตว์ก็ไปป่าหิมพานต์ ทำฌานและอภิญญาให้บังเกิด มีพรหมโลก เป็นที่ไปในเบื้องหน้า
    (อนนุโสจิยชาดก ๒๗/๖๑๐-๖๑๓)
    คติที่ได้จากเรื่องนี้คือ คนเราจะมีความสัมพันธ์กันในฐานะต่างๆ เช่น พ่อแม่ พี่น้อง บุตรหลาน ญาติมิตร คู่ครองหรือคนรัก ต่อเมื่อต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อฝ่ายหนึ่งตายจากไป ความสัมพันธ์ก็สิ้นสุดลง เหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำ ของผู้ที่ยังอยู่ ความทรงจำนี้เปรียบเหมือนความฝัน ซึ่งว่างเปล่าไม่จริงจังอะไร จึงไม่ควรเก็บเอามาคิดปรุงแต่งให้อาลัยอาวรณ์ เศร้าใจ เสียใจไปเปล่าๆ
    <TABLE cellSpacing=2 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ละครโลก รับบท กำหนดเล่น</TD><TD>ต่างรำเต้น ตามไป ในคอกขัง</TD></TR><TR><TD>พอจบฉาก จากไป ไม่จีรัง</TD><TD>มิอาจหวัง วิงวอน ย้อนกลับคืน</TD></TR><TR><TD></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD>........................
    ขอขอบคุณ
    http://www.dhammajak.net/book/soka/soka11.php


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. Ugood

    Ugood ธรรมชาติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +490
    โอนไปแล้วนะครับวันที่9/10/08
    เลขที่บิล B771B417
    100บาทครับ
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ขอแสดงความเสียใจกับพี่พันวฤทธิ์ และครอบครัวครับ
    nongnooo...
     
  4. narin96

    narin96 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +28
    ได้รับแล้ว
    ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
     
  5. Nutuk

    Nutuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +347
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

    การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไปเพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพานการสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่น คือ
     
  6. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    ผมและครอบครับขอแสดงความเสียใจกับพี่พันวฤทธิ์และครอบครัวด้วยนะครับ และสำหรับพระเครื่องที่ทุนนิธิฯ มอบให้ ผมได้รับแล้วครับ ต้องขอขอบคุณพี่โสระและคณะกรรมการทุกๆ ท่านด้วยครับ
     
  7. BD

    BD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +419
    ไม่ได้เข้ามาช่วงวันหยุด เลยไม่ได้ไปร่วมสวดพระอภิธรรม

    ขอแสดงความเสียใจมายังคุณพันวฤทธิ์และครอบครัวด้วยครับ
     
  8. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    เรื่องใหญ่อย่างงี้ เพราะเกรงใจจึงไม่บอกใคร เดาได้ไม่ยาก ...ขอบคุณนายสติอย่างมากที่นำข่าวมาเล่า...น้องคนนี้ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่พี่ต้องสูญเสียบุพการีไป ขอบุญกุศลที่น้องได้ทำมา อดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี แม้อนาคตชาติก็ดี ขอน้อมนำแผ่กุศลให้กับคุณพ่อของพี่นะครับ ขอให้พ่อของพี่ไปสู่ภพภูมิที่ดีที่สุด ได้ต่อยอดสู่เป้าหมายอันสูงสุดของชีวิตและจิตวิญญาณ และขอกำลังนี้ ส่งให้พี่และครอบครัวพี่ เข้มแข็งกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้นะครับ...ชาญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2008
  9. onimaru_u

    onimaru_u เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +854
    ขอแสดงความเสียใจมายังคุณพันวฤทธิ์และครอบครัวด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2008
  10. thanyaka

    thanyaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,497
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นายสติ [​IMG]
    กรณีนี้ต้องขอชี้แจงและขออนุญาตคุณพันวฤทธิ์บอกกล่าวทางกระทู้เสียหน่อยนะครับ

    เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 9 ต.ค. 2551 คุณพ่อของคุณพันวฤทธิ์ได้ถึงแก่กรรมขณะนี้ได้ตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่วัดชมนิมิตร อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการเป็นเวลา 3 วันและจะฌาปนกิจศพในวันจันทร์ที่ 13 ต.ค. 2551 เวลา 16.00 น.ท่านใดที่จะไปร่วมสวดพระอภิธรรมหรือฌาปนกิจศพ ก็ขอเรียนเชิญนะครับ ก็ขอชี้แจงมาให้ทุกๆท่านได้ทราบทั่วกันนะครับ

    ในนามของคณะกรรมการ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ขอแสดงความเสียใจมายังคุณพันวฤทธิ์และครอบครัวไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ขอแสดงความเสียใจมายังคุณพันวฤทธิ์และครอบครัวด้วยค่ะ
     
  11. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    "ศีลนี้ ทำให้คนเราสูงกว่าสัตว์ ดีกว่าสัตว์....
    แต่ถ้าหากเราผิดศีลข้อหนึ่ง ก็เท่ากับว่า เราใกล้ความเป็นสัตว์เข้าไป 20 เปอร์เซ็นต์แล้ว...
    หากผิดสองข้อ ก็ใกล้ความเป็นสัตว์เข้าไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์....
    ผิดสามข้อ ก็ยิ่งเป็นสัตว์เข้าไป 60 เปอร์เซ็นต์....
    ที่สุด หากผิดศีลหมดทั้ง 5 ข้อ ก็ไม่เหลือความเป็นคนอะไรอีกแล้ว
    มีแต่ความเป็นสัตว์สิ่งเดียรัจฉานเต็มตัวหมดเท่านั้นแหละ....!!!!!!"

    (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่)

    ขอขอบคุณ
    http://www.phuttawong.net/index.aspx?ContentID=ContentID-061211083305143
     
  12. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    พระพุทธวจนะในพระธรรมบท
    มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
    มโนเสฏฺฐา มโนมยา
    มนสา เจ ปทุฏเฐน
    ภาสติ วา กโรติ วา
    ตโต นํ ทุกฺขมเนวติ
    จกฺกํ ว วหโต ปทํ

    ใจ เป็นผู้นำทุกสิ่งทุกอย่าง ใจเป็นใหญ่
    ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ถ้าคนเรามีใจชั่วเสียแล้ว
    การพูด การกระทำก็พลอยชั่วไปด้วย
    เพราะการพูดชั่วทำชั่วนั้น ทุกข์ย่อมตามสนองเขา
    เหมือนล้อหมุน ตามรอยเท้าโค

    Mind foreruns all mental conditions,
    Mind is chief,mind-made are they;
    If one speaks or acts with a wicked mind,
    Then suffuring follows him
    Even as the wheel,the hoof of the ox.

    ขอขอบคุณ
    http://www.phuttawong.net/index.aspx?ColumnID=ColumnID-060127170200330
     
  13. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ธรรมเทศนา โดย หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

    คนเรา... เกิดมาแล้วต้องแก่เจ็บตาย เมื่อตายแล้วก็ไม่ได้เอาอะไรติดตัวไป มีแต่บุญกับบาปที่ทำเท่านั้น
    ติดตามไป เพราะฉะนั้น ต้องระวังอย่าไปทำบาป บาปมันอำนวยผลให้เป็นทุกข์
    บุญอำนวยผลให้เป็นสุข ควรทำบุญดีกว่าทำบาป ทางไปสวรรค์นิพพานก็คือบุญนั่นแหละ
    ทางมันไปนรกก็คือบาป มันเช่นนั้นเอง เพราะฉะนั้นทุกคนต้องให้เข้าใจไว้
    ในคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยย่ออย่างเนี้ย ถ้าจะว่าไปมาก มากไปก็เท่านั้น
    แต่นี่เอาว่า แค่ได้ใจความ ใจความชัดๆ ได้ใจ ของผู้ฟังของผู้คิด ดังแสดงมา


    ที่มา : http://www.relicsofbuddha.com/worralapo/
     
  14. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นายสติ [​IMG]
    กรณีนี้ต้องขอชี้แจงและขออนุญาตคุณพันวฤทธิ์บอกกล่าวทางกระทู้เสียหน่อยนะครับ

    เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 9 ต.ค. 2551 คุณพ่อของคุณพันวฤทธิ์ได้ถึงแก่กรรมขณะนี้ได้ตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่วัดชมนิมิตร อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการเป็นเวลา 3 วันและจะฌาปนกิจศพในวันจันทร์ที่ 13 ต.ค. 2551 เวลา 16.00 น.ท่านใดที่จะไปร่วมสวดพระอภิธรรมหรือฌาปนกิจศพ ก็ขอเรียนเชิญนะครับ ก็ขอชี้แจงมาให้ทุกๆท่านได้ทราบทั่วกันนะครับ

    ในนามของคณะกรรมการ ศ.ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร ขอแสดงความเสียใจมายังคุณพันวฤทธิ์และครอบครัวไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอแสดงความเสียใจกับพี่พันวฤทธิ์ และครอบครัวด้วยครับ
    น้องเอ
     
  15. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    วันนี้ก่อนเที่ยง ได้ส่งเงินทำบุญประจำเดือน อีกรอบ 1010 บาท ในนามของ
    ลูกสาวคนเล็ก น้องฝ้าย...ฐิตาพร วงศ์กาฬสินธุ์ 350 บาท
    เพื่อนพ้องน้องพี่ แผนก Engineering 660 บาท
    โมทนากับทุกท่านด้วยครับ
     
  16. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ในวันนี้ข้าพเจ้าได้โอนเงินร่วมทำบุญ
    วันที่................เวลา..................หมายเลข
    14/10/08........08:36................C227B122

    จำนวนเงิน 500- บาทครับ
    ขอให้ผลบุญนี้ได้สำเร็จกับบิดา-มารดา บุตร-ภรรยา ครูอุปัชญาอาจาย์ และท่านผู้มีพระคุณ
    ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า
    ท่านเจ้าที่ที่พัก ที่ทำงาน และที่บ้าน ตลอดจนถึงญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้วขอให้ได้รับผลบุญนี้ด้วยเถิด

    ณรงเวทย์-รำไพ ชัยช่วย
    พร้อมครอบครัว
     
  17. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    วิชชาและจรณะ

    .....คำว่า
     
  18. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    อิติปิโส ภะคะวือ

    นึกถึงนิทานย่อๆ ที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยเล่าให้ฟังเสมอ หลวงตาพรอาจารย์ของหลวงพ่อนักธรรมตรีก็ไม่ได้ สอนลูกศิษย์ลูกหาก็ไม่มีปฏิภาณโวหาร แต่ว่าลูกศิษย์สอบได้นักธรรมตรี โท เอก ท่านกลัวว่าลูกศิษย์จะลบหลู่ดูหมิ่นท่านหรืออย่างไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่ท่านก็เล่านิทานอันนี้ให้ฟังอยู่บ่อยๆ ท่านบอกว่า

    มีครูบาอาจารย์สำนักหนึ่งสอนลูกศิษย์ให้ภาวนา อิติปิโส ภะคะวือ แล้วลูกศิษย์ที่ยังไม่มีความรู้กว้างขวาง ก็ปฏิบัติตามครูบาอาจารย์อย่างคนว่าง่าย แต่มาภายหลังลูกศิษย์เหล่านั้นมีโอกาสได้ไปศึกษาเล่าเรียนในต่างสำนัก บางท่านก็ได้เป็นมหาเปรียญกลับมา ทีนี้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ก็ไปค้นคว้าตำรับตำราหาคำว่า อิติปิโส ภะคะวือ ไม่มีเลย

    ทีนี้พอกลับมาแล้ว ก็มาปรึกษาหารือว่าอาจารย์ของเรานี้ เข้าใจผิดซะแล้วล่ะ พวกเราต้องมาช่วยกันแก้ทิฏฐิของอาจารย์ มีอย่างที่ไหน อิติปิโส ภะคะวือ มาสอนกัน มันไม่มีในตำราสักหน่อยหนึ่งเลย พอกลับมาก็เข้าไปกราบอาจารย์ "อาจารย์ๆ สอนพวกเราว่า อิติปิโส ภะคะวือ นี้สอนผิดซะแล้วล่ะ ควรแก้ใหม่ พวกเราไปค้นตำรับตำรากันหมดพระไตรปิฎกแล้ว ไม่เจอคำว่า อิติปิโส ภะคะวือ กันสักแห่งเลย อาจารย์เอาที่ไหนมาว่าก็ไม่รู้ล่ะ"

    ทีนี้อาจารย์ท่านก็บอกว่า "เราก็ปฏิบัติของเรามาอย่างนี้ ของพวกท่าน อิติปิโส ภะคะวา ก็คืออิติปิโส ภะคะวา ไปซิ จะมาให้ผมเลิก อิติปิโส ภะคะวือ นี้มันเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะผมปฏิบัติมานานแล้ว" ลงผลสุดท้ายอาจารย์กับลูกศิษย์เถียงกันไม่ตก ก็เลยต้องแยกทางกัน อาจารย์บอกว่า "เออ ! ถ้า อิติปิโส ภะคะวา ของท่านทั้งหลายถูกต้อง พวกท่านพากันอยู่วัดเสีย ผมจะไปภาวนา อิติปิโส ภะคะวือ ของผมบนภูเขาโน้น" ว่าแล้วท่านก็เตรียมบริขารของท่านไปอยู่บนเขา

    ฝ่ายลูกศิษย์อยู่ทางวัด ข้อวัตรปฏิบัติก็ย่อหย่อน แล้วประชาชนทั้งหลายก็เสื่อมศรัทธาไม่มีความเลื่อมใส เพราะว่าพระภิกษุไม่สำรวมในสิกขาบทวินัย ไม่เคร่งครัดในข้อวัตรปฏิบัติ เขาไม่มีศรัทธา ไม่มีใครทำบุญก็พากันอดอยากเกิดความเดือดร้อน แล้วก็พากันคิดถึงครูบาอาจารย์ ก็มาปรึกษาตกลงกันว่า เราจะไปอาราธนาอาจารย์ของเรากลับคืนมา ว่าแล้วก็พากันไป ขึ้นไปบนภูเขาที่อาจารย์ท่านพักอยู่ พอไปถึงก็พากันไปกราบอาจารย์ อาจารย์ก็เดินจงกรมเฉย

    ทีนี้ลูกศิษย์ก็กราบเรียนท่าน ท่านก็หันหน้ามา ลูกศิษย์องค์หัวหน้าก็กราบเรียนท่านว่า "พวกเรามาขอพักกับอาจารย์สักคืนหนึ่ง" "เออ ! ที่พักที่นี้กุฏิก็ไม่มี มีแต่ร่มไม้กับพลาญหิน เสื่อหมอนก็ไม่มี มีแต่ก้อนหินกับใบไม้นั้นแหละ พวกท่านต้องการที่ไหนเป็นที่สบายก็นิมนต์จัดหาเอาเอง" พอเสร็จแล้วพระทั้งหลายก็พากันจัดที่พักผ่อนหลับนอนตามอัธยาศัย

    พอตื่นเช้าขึ้นมา อาจารย์ก็เดินจงกรมเฉย จนกระทั่ง ๑๑ โมง มันเพลแล้วยังไม่พาบิณฑบาตเลย "อาจารย์เมื่อไหร่จะพาออกบิณฑบาตซักที" "ฮือ ! หิวแล้วหรือ" "หิวแล้วล่ะ" "อ้าว ! ถ้าหิวก็เก็บก้อนหินใส่บาตร" พอเก็บก้อนหินใส่บาตรมา มาประเคนอาจารย์ อาจารย์ก็นั่งหลับตาลง ก็เพ่งลงในบาตร แล้วท่านก็สวด อิติปิโส ภะคะวือ อิติปิโส ภะคะวือ ก้อนหินที่อยู่ในบาตรกลายเป็นข้าวมธุปายาส อันหอมตลบไปทั่วทุกทิศทุกทาง พอเสร็จแล้วก็ยื่นมาให้พวกลูกศิษย์ "อ้าว ! เอาไปฉันซะ" ทีนี้พระทั้งหลายก็พากันฉัน ฉันเสร็จแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัย

    พอวันหลังมาลูกศิษย์ก็พากันไปกราบอาจารย์ "อาจารย์ๆ วันนี้พวกเราขอทดลองดูหน่อยนะ" "เออ ! ตามใจ" พอเสร็จแล้วต่างคนก็ต่างเก็บก้อนหินใส่เข้าไปในบาตรแล้วก็ไปนั่งบริกรรมภาวนา อิติปิโส ภะคะวือๆๆ จิตมันก็ไม่เป็นสมาธิสักที อิติปิโส ภะคะวือ นึกขึ้นมาเมื่อไหร่มันก็ไม่เป็นสมาธิสักที ลืมตาขึ้นมาก้อนหินก็คงเป็นก้อนหินโค่โร่อยู่อย่างเก่า ผลสุดท้าย ๑๑ โมงถึงเวลาฉัน ยอมจำนนเข้าไปกราบอาจารย์ "โอ๊ย ! อาจารย์ไม่ไหวแล้ว ท่องมาจนเมื่อยแล้วไม่เห็นเป็นข้าวมธุปายาสสักที" "หือ ! อ้าว ! เอาบาตรมาตั้งเรียงกัน" ตอนนี้อาจารย์แสดงปาฏิหาริย์ใหญ่เลย เอามือไปแตะบาตรเท่านั้นแหละ ในบาตรควันตลบขึ้นมากลายเป็นข้าวมธุปายาส

    ทีนี้พอตกตอนเย็นมา อาจารย์ก็เรียกมาประชุมกัน ท่านก็เทศน์ให้ฟัง ท่านบอกว่า อิติปิโส ภะคะวือ หรือ อิติปิโส ภะคะวา นี่นะมันเป็นแต่เพียงคำบริกรรมภาวนาเท่านั้นเองแหละ เมื่อก่อนนี้ผมก็ภาวนาอิติปิโส ภะคะวา เหมือนกัน พอภาวนาไป ภาวนาไป จิตมันเคลิ้มๆ ลงไปสักหน่อยหนึ่งคำว่า อิติปิโส ภะคะวือ มันก็โผล่ขึ้นมา ผมก็เลยจับเป็นอารมณ์ภาวนาเรื่อยมา จนกระทั่งได้สมาธิ ได้ญาณ สามารถเสกก้อนหินเป็นข้าวกินได้

    เพราะฉะนั้น พวกท่านจะไปสำคัญมั่นหมายอะไรกับคำบริกรรมภาวนา ท่านจะเอาคำไหนมาบริกรรมภาวนาก็ได้ทั้งนั้น ขอแต่ว่าให้เราจริงใจอดทน พากเพียรพยายามเท่านั้นเป็นพอ

    ทีนี้ถ้าจะพิจารณาตามนิทานย่อๆ นี้ เราก็ไม่น่าจะไปสงสัยข้องใจกับคำบริกรรมภาวนา ภาวนาพุทโธไม่หยุด จิตมันก็เป็นสมาธิได้ สัมมา อรหัง ไม่หยุด จิตมันก็เป็นสมาธิได้ ยุบหนอ พองหนอ ไม่หยุด จิตมันก็เป็นสมาธิได้ เพราะฉะนั้นญาติโยมทั้งหลายอย่าไปข้องใจสงสัยในเรื่องคำภาวนา หรืออารมณ์จิตในการภาวนา

    ขอขอบคุณ
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vikings&month=04-2008&date=14&group=30&gblog=4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2008
  19. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    มงกุฎพระพุทธเจ้า บทสวด

    <!--Main-->[SIZE=-1]"อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ" [/SIZE]

    [SIZE=-1].........ธะ.................. ปิ ................โส[/SIZE]
    [SIZE=-1].........พุทธ............... ติ ................วิ[/SIZE]
    [SIZE=-1].............................. ↑ ...................[/SIZE]
    [SIZE=-1]..........ตัง.....โส... ← อิ → ... เส ......เส[/SIZE]
    [SIZE=-1].............................. ↓ ..................[/SIZE]
    [SIZE=-1]..........ธะ................. เม ..................พุทธ[/SIZE]
    [SIZE=-1]..........พุทธ.............. นา ..................ธะ[/SIZE]


    [SIZE=-1]อ่านจาก ตรงกลาง คือ อิ [/SIZE]
    [SIZE=-1]อ่านเป็น วง ๆๆ 4 ทิศ[/SIZE]


    [SIZE=-1]1. ขี้นบน เวียนขวา " อิติปิโสวิเสเสอิ "[/SIZE]
    [SIZE=-1]2. ไปทางขวาเวียนลง " อิเสเสพุทธะนาเมอิ "[/SIZE]
    [SIZE=-1]3. ลงล่าง เวียนซ้าย " อิเมนาพุทธะตังโสอิ "[/SIZE]
    [SIZE=-1]4. ไปทางซ้ายเวียนขึ้นบน " อิโสตังพุทธะปิติอิ "[/SIZE]

    [SIZE=-1]ในที่สุด อ่าน ทั้ง สี่ วง ...จะได้พระคาถาเต็ม ๆ ว่า[/SIZE]
    [SIZE=-1]"อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ" [/SIZE]

    [SIZE=-1]ขอขอบคุณ[/SIZE]
    [SIZE=-1]http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vikings&month=04-2008&date=14&group=30&gblog=6[/SIZE]
     
  20. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 21:48:49 น.-->คาถาอิติปิโส ๘ ทิศ
    <!--Main-->[SIZE=-1]สำเร็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์

    ตั้งนะโม ๓ จบ

    ๑. อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา

    [SIZE=-1]บทนี้ชื่อกระทู้ ๗ แบกประจำอยู่ทิศบูรพา(ทิศตะวันออก) คนเกิดวันจันทร์สวดวันละ ๑๕ จบ
    ๒. ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
    บทนี้ชื่อว่าฝนแสนห่าประจำอยู่ทิศอาคเณย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้)คนเกิดวันอังคารสวด ๘ จบ
    ๓. ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
    บทนี้ชื่อนารายณ์เกลื่อนสมุทร ประจำอยู่ทิศทักษิณ(ทิศใต้) เกิดวันพุธกลางวันสวดวันละ๑๗ จบ
    ๔. โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
    บทนี้ชื่อนารายณ์ถอดจักร์ ประจำอยู่ทิศหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) คนเกิดวันเสาร์สวดวันละ ๑๐ จบ ถอดถอนคุณไสยศาสตร์
    ๕. ภะ สัม สัม วิ สา เท ภะ
    บทนี้ชื่อนารายณ์ขว้างจักร์ตรึงไตรภพ ประจำอยู่ทิศประจิม (ทิศตะวันตก) คนเกิดวันพฤหัสสวดวันละ ๑๙ จบ ทางเมตตามหานิยม
    ๖. คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ
    บทนี้ชื่อว่านารายณ์พลิกแผ่นดิน ประจำอยู่ทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) คนเกิดวันพุธกลางคืนสวด ๑๒ จบ ใช้แก้ความผิดต่าง ๆ
    ๗. วา โธ โน อะ มะ มะ วา
    บทนี้ชื่อตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ประจำอยู่ทิศอุดร (ทิศเหนือ) คนเกิดวันศุกร์ สวดวันละ ๒๑ จบทาง เมตตามหานิยม
    ๘. อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ
    บทนี้ชื่อนารายณ์แปลงรูป ประจำอยู่ทิศอีสาน (ทิศนะวันออกเฉียงเหนือ) คนเกิดวันอาทิตย์สวดวันละ ๖ จบ ทางเมตตามหานิยม

    สิทธิการิยะ พระอิติปิโส ๘ ทิศนี้มีอานุภาพมากหลาย ป้องกันได้สารพัดตามใจปรารถนา พระอาจารย์เจ้ากล่าวไว้ว่า ฝอยท่วมหลังข้างแลมีอุปเท่ห์มากมายเหลือจะพรรณนา จะกล่าวไว้ย่อ ๆ พอเป็นบรรทัดฐานดังนี้
    แม้จะยาตราไปทางสารทิศใด ให้ภาวนาพระคาถาประจำทิศตามทิศที่จะไปนั้น หรือทำน้ำมนต์ลูบหน้าปะพรมพาหนะที่จะไป จะปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง ไม่มีมารบกวนเลย ป้องกันได้สารพัด แม้ว่าทิศที่จะไปนั้นจะต้องผีหลวงหรือหลาวเหล็ก (ทิศที่ร้ายตามตำราโหราศาสตร์) ก็ดี คุ้มกันได้สิ้น ไปสงครามก็มีชัยชนะ ไปทำมาค้าขายก็กำไร มีความเจริญรุ่งเรืองบังเกิดลาภผลพูนทวี จะลงเป็นประเจียดป้องกันศาตราอาวุธก็ได้ ทั้งเป็นเสน่ห์แก่ฝูงชนทั้งปวง เขียนบูชาไว้กับบ้านเรือน ป้องกันภัยอันตรายได้ทุกอย่าง ถ้าจะไปนอนกลางป่าให้เสกก้อนดินไปวางไว้ตามทิศ เมื่อจะวางทิศไหนให้เสกด้วยคาถาประจำทิศนั้นอีกทิศละ ๘ จบ กันสารพัดสัตว์ร้าย เปรียบประดุจมีกำแพงแก้วคุ้มกันตนไว้ถึง ๗ ชั้น ถึงแม้จะถูกข้าศึกโจรผู้ร้ายล้อมไว้ก็ดี จะหักออกทางทิศไหน ให้ภาวนาคาถาประจำทิศนั้นเถิด แล้วให้หักออกมาจะแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งสิ้น พระคาถาบทนี้มีอิทธิฤทธิ์มากมายสุดที่จะกล่าวได้[/SIZE]
    [SIZE=-1]

    [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE>[/SIZE]

    ขอขอบคุณ
    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=prapathep&date=09-07-2007&group=3&gblog=12
     

แชร์หน้านี้

Loading...