ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    โชคดี เมื่อคุณพอเป็นงาน ให้ทำดังนี้
    ท่าบริหารที่บอกมา เวลาชูมือขึ้นหันฝ่ามืออกนอก ให้เอาฝ่ามืออีกข้างมาลูบๆเกาๆที่ซี่โครงด้านข้าง และเน้นใต้รักแร้
    เวลาลูบให้ส่งพลังเข้าไปที่กล้ามเนื้อพังผืดที่เกาะกระดูกซี่โครงด้วย ทำทั้งสองข้าง อาการคุณจะดีขึ้น
     
  2. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ขอบพระคุณมากครับอาจารย์
    ลองทำดู เจ๋งไปเลยครับ
    เลือดเดินเข้าแขน ร้อนวูบวาบ
    แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยครับ
    สาธุ...กราบ กราบ กราบ
     
  3. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    อาจารย์คะ ตรงขมับขวายังมีอาการตึงๆอยู่ค่ะ ตอนนี้ฝึกเลี้ยงลูก(กล่อมลูก)อยู่ค่ะ หัวยังระบมๆอยู่อะคะ
     
  4. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ทำอย่างน้อย วันละ ๑-๒ ครั้ง เช้าเย็น จะหายเร็วขึ้น (ทำอย่างกับจ่ายยาให้กินเลยวุ้ย)
    ในท่วงท่าที่ชูมือขึ้นฟ้า มีอยู่ท่วงท่าหนึ่ง หงายฝ่ามือดันฟ้าปลายนิ้วหันเข้าหากัน(อรหันต์ค้ำฟ้า)
    หายใจเข้าลึกๆ ดันฝ่ามือขึ้นไปสูงๆ ยืดกระดูกสันหลังด้วย ทำค้างไว้สักพัก หายใจออกลดตัวลง ทำสัก ๓-๕ รอบ จะหายเร็วยิ่งขึ้น
     
  5. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ถ้าปั้นลูกบอลพลังจิตได้
    ฝึกปั้นบอล ฝึกหมุนลูกบอลให้หมุนติ้ว
    แล้วเอาลูกบอลที่หมุนเคลื่อนไหว เข้าไปวางไว้ที่ขมับ(บริเวณที่ปวดตึง)สักพัก อาการจะดีขึ้น
     
  6. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    มีโรคโบราณอยู่โรคหนึ่ง ท่านเรียกว่าโรค อีงุ้ม อีแอ่น
    มีบันทึกอยู่ในคัมภีร์ตักศิลาเป็นมากไข้จับ ชัก ถึงตาย
    มีชือเรียกเป็นทางการว่า ไข้คด ไข้แหงน

    ไข้คด(อีงุ้ม) เมื่อไข้จับจะชักงอเข้าจนเส้นหลังขาด ตาย
    ไข้แหงน(อีแอ่น) เมื่อไข้จับจะชักตัวแอ่น แอ่นอกจนเส้นท้องขาดตาย

    ไข้ดังกล่าวเกิดจาก กิมิชาติ(ไวรัส-ลมเพลมพัด-จิตวิญญาน) ชนิดหนึ่งแทรกเข้าไปในกายเข้าไปอยู่ที่ นทีแห่งพลัง(เส้นทางของพลังชีวิต)
    ทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อเกิดการเกร็งตัวหดรั้ง ทำให้ร่างกายงอเข้า(อีงุ้ม) หรือร่างกายแอ่นไปด้านหลัง(อีแอ่น)

    ถ้าคนผู้นั้นมีถูมิต้านทานดี อาการไข้จะไม่ปรากฏ แต่เส้นเอ็นก็จะยังหดรั้งเข้ามาอยู่ จะเร็วช้าขึ้นอยู่กับภูมิต้านทาน
    ถ้าเป็นด้านหน้า ร่างก็จะงุ้มลง ถ้าเป็นด้านหลังร่างก็จะแอ่น
    และจะเป็นไปอย่างช้าๆ กินเวลาเป็นปีๆ

    อาการ อีงุ้ม เวลาเดิน/นั่ง หลังจะงุ้มลง ยืดตัวไม่ขึ้น เวลานอนราบจะปวดหลังร้าวไปชายโครง ต้องยกขาหรือเอาหมอหนุนไต้ขาพับ จะค่อยยังชั่ว

    อาการ อีแอ่น เวลาเดินตัวจะตรงแหนว หน้าเชิด อกแอ่น เวลานั่งราบกับพื้นแล้วยืดขาตรง จะนั่งไม่ได้ ต้องเกร็งตัวจนปวดขา จึงพอจะนั่งได้
    พอเป็นมากขึ้นจะนั่งไม่ได้เลย ตัวจะเอนล้มไปด้านหลัง เป็นมากขึ้นไปอีกจะนั่งยองๆไม่ได้

    ปกติทุกคนมีเชื้อนี้และผู้มีพลังชีวิตดี จะไม่มีอาการใดๆ เหมือนคนมีเชื้อไวรัสในตัวแต่ไม่มีอาการ
    ผู้ที่ติดเชื้อนี้ มีภูมิพลังชีวิตคุ้มกันต่ำ อาการไข้จะปรากฏ อาการชักจะมีร่วมด้วย อายุไข้อยู่ที่ ๑-๒ วัน ก็บ้ายบาย

    การรักษา
    นวดทะลวงเส้นพลัง ให้นทีปลอดโปร่ง
    สอนให้รู้จักการเดินพลังเพื่อเพิ่มพลังชีวิตให้ตัวเอง
    กินยาอายุวัฒนะ พระนาราย์
     
  7. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    ท่านอาจารย์...จารย์...จารย์...มังกรไม่สะบายครับ

    เวลาที่กินของเผ็ด พอกลืนแล้ว มันส่งผลขึ้นไปแถว ๆ หน้าผาก

    เวลาที่ดื่มน้ำเย็น แถวหน้าอกและลำตัว เหมือนซ่า ๆ ยิบ ๆ

    ต้องปล่อยตามยถากรรม หรือแก้อย่างไรครับ

    เป็นมาประมาณ 2 อาทิตย์

    (อิอิ เจ็บตัวที วิ่งมาหาอาจารย์ เห่อะ ๆ ๆ)

     
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ติดงาน สมุนไพรแห่งชาติที่เมือทองธานี และงาน 30 ปี ม.สุโขทัยธรรมาธิราช

    เดี๋ยวจะหาเวลาว่างๆมาตอบให้ เรื่องนี้เป็นเรื่องยาว เกี่ยวพันควมรู้หลายอย่าง และการดำรงค์ตนเหนือธรรมชาติ
     
  9. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    ข้อเสนอแนะ

    อาจารย์น่าจะมีการรวบรวมคำถาม-คำตอบ ปัญหาทางด้านสุขภาพ แล้วพิมพ์เป็นไฟล์ข้อมูล หรือ เป็นหนังสือ ให้คนที่สนใจได้อ่านสืบทอดวิชาต่อไปครับ
    อาจารย์ที่ดี หนึ่งท่านมีลูกศิษย์ได้หลายท่านครับ
    ทานที่ประเสริฐ วิทยาทาน สาธุในกุศลจิต ของท่านครับ
     
  10. suwinai

    suwinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +275
    ตามมากระทู้นี้ ผมปวดหลังครับครูเวลานอนแล้วบิดตัวจะดังก๊อบแก๊บครับ ร่างกายไม่อ่อนเลยแข็งไปหมด
    เป็นภูมิแพ้ด้วยครับ เมื่อตอนเด็กเป็นหนักมาก น้องผมก็เป็น น้าผมก็เป็น แต่ตอนนี้ภูมิแพ้เป็นน้อยลงบางวันไม่มีอาการครับ

    อนุโมทนาสาธุ ขอให้ทุกท่านหายไวๆครับ
     
  11. bluephoenix

    bluephoenix Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +40
    รบกวนอาจารย์อีกครั้งครับ มีเพื่อนคนหนึ่งเขาเป็นซีทต์ อาจารย์พอมีวิธีรักษาไหมครับ
     
  12. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ตัวยาหลักในการรักษา ซีทต์ คือ กระเทียม ขิงแก่ และดีปลี

    ตัวยาช่วย มีสามกลุ่ม

    ๑. ซีทต์อันเกิดจาก ปิตะ โดยมากเกิดในระบบเลือด น้ำเหลือง ตับ ม้าม และเยื่อกระดูก
    ตัวยามีหลายตัวเช่น ดอกคำฝอย ผักเสี้ยนผี เหงือกปลาหมอ ฯลฯ

    ๒. ซีทต์อันเกิดจาก วาตะ เกิดบวมลมในกล้ามเนื้อ และอวัยวะภายใน เมื่อนานเข้า ร่างกายจะสร้างพังพืดมารัด ต่อมาก็จะมีแคลเซี่ยมมาเกาะทีพังพืด
    ตัวยา เช่น สะค้าน พริกไทย ฯลฯ

    ๓. ซีทต์อันเกิดจาก เสมหะ เกิดบวมน้ำก่อน ทั้งในกล้ามเนื้อและอวัยวะภายใน แล้วเกิดพังพืดมารัดและมีแคลเซี่ยมมาเกาะเช่นกัน
    ตัวยาเช่น หญ้าหนวดแมว หญ้าชันกาด ฯลฯ

    และยังมีตัวยเสริมแก้อาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ อีกชุดหนึ่ง เช่น ดอกเก็กฮวย ดอกจันทร์ กานพลู ฯลฯ

    บางครั้งสาเหตุที่เกิดก็ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว เช่น บ้างเกิดจากปิตะเสมหะระคนกัน บ้างเกิดจาก วาตะเสมหะแลปิตะระคนกัน(สันนิบาต)เป็นต้น

    เพื่อนคุณเป็นใครหญิงหรือชาย ซีทต์เกิดจากอะไร เกิดที่ใหน ล้วนเป็นปรัศณีทั้งสิ้น
     
  13. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ท่านผู้นี้เป็นงานพอตัว ให้ใช้วิชา ฤๅษีลีลา (โยคะเคลื่อนไหว- สงสัย ให้ถามมังกรบูรพา)) ประกอบการเดินปราณ ทะลวงทางเดินเลือดลมในกาย
    หมั่นฝึกฝนทุกวันทีละเล็กละน้อย

    ทำยาอายุวัฒนะพระนารายย์ กิน (ผู้ที่มีอายุเกิน 36 ปีขึ้นไป ถ้าอายุน้อยกว่านี้ให้ทำยาปลูกไฟธาตุกิน)
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    รับไว้พิจารณาครับผม
    คุณปานโสมแนะนำผม คุณคือผู้หนึ่งที่จะคุยได้
     
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwinai [​IMG]
    ตามมากระทู้นี้ ผมปวดหลังครับครูเวลานอนแล้วบิดตัวจะดังก๊อบแก๊บครับ ร่างกายไม่อ่อนเลยแข็งไปหมด
    เป็นภูมิแพ้ด้วยครับ เมื่อตอนเด็กเป็นหนักมาก น้องผมก็เป็น น้าผมก็เป็น แต่ตอนนี้ภูมิแพ้เป็นน้อยลงบางวันไม่มีอาการครับ

    อนุโมทนาสาธุ ขอให้ทุกท่านหายไวๆครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เคล็ดลับ วิชา ฤๅษีลีลา คือ การเคลื่อนไหว + การเดินปราณ + อาณาปราณสติ

    ฤๅษีลีลาเยื้อง ดัดตน
    สี่อริยาบถวน เปลี่ยนท่า
    สุวินันท์มีใจดล เรียงร้อย ใหม่นา
    เดินปราณผ่านร่างล้า โรคร้าย หายสูนย์

    สุวินันท์เป็นผู้ เจนปราณ
    องค์พรหมลิขิตอาจารย์ สอนไว้
    ก้นกบสู่เศียรธาร กลางกระ หม่อมเฮย
    เวียนบนลงล่างได้ ในนอก รอบกาย

    อาณาปราณสติพร้อม ทั่วกาย
    พระพุทธองค์แย้มพราย สอนแล้ว
    สามรวมหนึ่งจึงกลาย เลิศสุด โลกา
    เทพมนุษย์ก่อเกิดแก้ว ปลอดโรค พ้นภัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2008
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    มีเรื่องต้องรู้สามสี่เรื่องประกอบกัน จึงจะเป็นคำตอบและวิธีแก้ใข ในสิ่งที่ถามมา

    เรื่องจริงอิงนิยาย เรื่องที่ 1

    ปฐมบทแห่งโรคภัยไข้เจ็บ

    ข้าได้สดับจากท่านผู้เฒ่ามาเช่นนี้

    ในอดีตกาลที่ล่วงผ่าน อันไม่อาจนับประมาณเวลาได้
    หลังจากเทพมนุษย์คู่แรกได้ถึอกำเนิดมาในโลกนี้แล้ว และได้ให้กำเนิด เทพมนุษย์คนแล้วคนเล่า
    สมัยหนึ่ง ท่านได้ให้กำเนิดบุตรแฝด สี่ท่าน
    ทั้งสี่เจริญเติบโตขึ้น ได้ศึกษาวิทยาการทั้งปวงแห่งเทพมนุษย์ อันเหมาะกับตน
    เมื่อเจนจบในวิทยาการ แต่ละท่านต่างเชี่ยวชาญไปคนละแบบ

    หนึ่ง สามารถควบคุมและบัญชาธาตไฟ ในทุกรูปแบบ มีนามว่า "อัสนี"
    หนึ่ง สามารถควบคุมและบัญชาธาตดิน ในทุกรูปแบบ มีนามว่า "พสุธา"
    หนึ่ง สามารถควบคุมและบัญชาธาตลม ในทุกรูปแบบ มีนามว่า "วายุ"
    หนึ่ง สามารถควบคุมและบัญชาธาตน้ำ ในทุกรูปแบบ มีนามว่า "พิรุณ"

    ทั้งสี่เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เยาว์วัย
    แต่ละครั้งที่ได้รวมตัวพบกัน ต่างใช้ความรู้ที่มีอยู่แสดงอำนาจแห่งตน จนสุดฤทธิ์ เพื่อหาผู้ที่เหนือกว่า
    แต่ทุกครั้งก็ไม่มีผู้ใดเหนือกว่าผู้ใด
    แม้แต่เมื่อเจนจบในวิทยาการแห่งเทพมนุษย์แล้ว ก็ยังไม่มีผู้ใดเป็นเลิศกว่า

    ทุกครั้งที่ท่านทั้งสี่ได้พบกัน ต่างเข้าเริงฤทธิ์ แล่นกันด้วยความรื่นเริง
    ในสถานที่นั้นๆ ล้วนอึมครึ้ม ไปด้วยเมฆหมอกและฝุ่นฝง แสงเสียงแห่งอัสนี
    สายฝนและลมพายุหวลไปมา

    ในระหว่างการเริงฤทธิ์แต่ละครั้ง
    มีสิ่งที่อุบัติขึ้น ลักษณะดังฟองสบู่เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง มีแสงสีประจำตนเป็นสีต่างๆ แดงบ้าง เขียวบ้าง บ้างก็ม่วงสดใส ฯลฯ ระยิบระยับดั่งสีรุ้ง
    ฟองอากาศนี้เกิดขึ้นและกระจายออกจากศูนย์กลางการเริงฤทธิ์นั้น
    ปลิวไปเกาะกับกิ่งไม้ และสิ่งรอบข้าง

    ไอ้เจ้าฟองแก้สนี้คล้ายมีชีวิต เมื่อเข้าเกาะสิ่งใด ก็ทำตนกลมกลืนกับสิ่งนั้น
    บ้างเกาะกิน บ้างอาศัยร่วมกัน บ้างแปรเปลี่ยนสิ่งที่เกาะเป็นที่อาศัยดุจการสร้างเรือนเป็นที่อยู่แห่งตนฉะนั้น ฯลฯ

    สิ่งที่เกิดให้เห็นสร้างความสงสัยให้ท่านผู้เฒ่ายิ่งนัก

    ท่านจึงตั้งคำถาม (ด้วยความรอบคอบ และตั้งบนความไม่ประมาท) ลงบนห้องสมุดคอกลวง(กึ่งกลางคอ, ทันตา, จักระห้า, จุดรวมของอายตนะหก)
    และรวมสิ่งที่รู้ ที่เห็น(input จากอายตนะหก/ภายใน) เข้าประเมินผล ณ จุดกลางตัว(จักรสี่)
    และสิ่งที่รู้ที่เห็นเป็นดังนี้

    การเริงฤทธิ์ของท่านทั้งสี่เกิดมานานนักจนเป็นปกติ พบกันครั้งใดก็จะมีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเสมอ แม้จวบจนปัจจุบันก็ยังมีอยู่
    ฟองแก้ส(ฟองอากาศ) ที่เห็นให้ถอยออกมาดูไกลๆ และเข้าไปดูใกล้ๆ (Zoom out - Zoom in) แล้วพิจารณาสิ่งที่เห็น และรับรู้ความเป็นไป

    เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ
    สิ่งที่เห็น ฟองแก้ส มีลักษณะเฉพาะตัวแบ่งเป็นพวกๆ บ้างกลมกิ๊ก บ้างเป็นเหลี่ยมมุม ฯลฯ มีสีสันแตกต่งกันไป
    เห็นมันเกาะเกี่ยวกันเกาะติดกับสิ่งต่างๆดูคล้ายต้นไม้หรือร่างแห

    สักพักก็คล้ายมีลมร้อนกรรนโชคมาเป็นห้วงๆ
    บางครั้งก็คล้ายมีลม มีน้ำ พัดผ่าน

    เมื่อพวกฟองแก้สเหล่านั้น ถูกลมร้อน(คล้ายเปลวไฟกระโชกผ่าน) ส่วนใหญ่ก็ถูกเผาเป็นจุล พวกที่หลบตามซอกหลืบก็ลอดตัวไป
    และเมื่อถูกสายน้ำ(น้ำกรด)พัดผ่าน บ้างก็หลุดลอยไปตามน้ำ และสลายตัวไป
    พวกที่มีเหลี่ยมมุมเฉพาะตัว ที่เข้ากันได้กับกิ่งก้านของร่างแห ก็ล็อกตัวติดแน่นกับร่างแหนั้น พวกนี้ก็ลอดตัว

    บางครั้งทั้งสายลมเปลวไฟและกระแสน้ำ ก็หมุนวนผ่านมา ฟองแก้สทุกตัวไม่ว่าจะหลบอยู่อย่างไร ก็ล้วนถูกพายุหมุนทำลายเสียสิ้น
    จะเหลือก็เพียงพวกที่เจาะเข้าอาศัยเป็นส่วนหนึ่งของร่างแหนั้น
    แต่ด้วยอานุภาพของพายุหมุนที่รุนแรง และพัดอย่างยาวนานเพียงพอ ไม่ว่าจะเข้าฝังตัวอย่างไรก็ถูกทำลายจนหมดสิ้นทุกซอกมุม

    และเมื่อถอยออกมาดูไกลๆ(Zoom out)

    ภาพที่เห็นเริ่มรวมตัวกัน
    ภาพที่เห็นเป็นต้นไม้หรือร่างแห ก็เริ่มรวมตัวกันเป็นภาพ ก้อนดิน ก้อนหิน ต้นไม้/ต้นหญ้า สัตว์เล็กสัตว์น้อย
    บ้างก็เป็นสัตว์ใหญ่ แม้แต่มนุษย์ก็ใช่

    และได้คำตอบต่อมาว่า
    ฟองแก้สที่เห็น คือสิ่งที่มนุษย์ตั้งชื่อเรียกว่า "ไวรัส"
    และฟองแก้สที่มีสีสันเป็นสีม่วง,สีทอง,และที่มีรัศมีแพรวพราว พวกนี้จะสามารถมีพัฒนาการแห่งชีวิตที่เป็นเลิศ
    และให้ติดตามดูวิวัฒนาการในช่วง พันปี หมื่นปี แสนปี ฯลฯ
    พวกนึ้สามารถรวมความรู้ในการพัฒนาการจนเป็สัตว์ใหญ่ได้ แม้กะทั่งความเป็นมนุษย์

    สิ่งที่ได้เห็นได้รับรู้ทำเอาอึ้งไปชั่วครู่
    สิ่งที่ได้เห็นได้รับรู้ทำเอาท่านผู้เฒ่าอึ้งไปชั่วครู่

    ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หายนะ ตายกันหมดซิ
    ไม่หรอก เอ็งดูตอนที่เข้าไปใกล้ๆซิ สังเกตุเห็นใม๊ มีบางอย่างทำลายฟองแก้สพวกนี้ได้โดยธรรมชาติ
    สายลม เปลวไฟและสายน้ำที่เห็นนะรึ มันคืออะไร?
    พลังชีวิต หรือ ปราณของสิ่งมีชีวิต จะรักษาและทำลายสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นได้

    แล้วทำไมคนยังป่วยตากกันมาก
    ดูให้ดีซิ ตอนปราณพัดผ่าน ยังมีบางพวกรอดอยู่มาก
    มีบางพวกฝังตัวลงในเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ(พวกเชื้อโรค,แบคเตรี,เชื้อรา) แล้วเปลี่ยนเป็นทีอาศัยของตน
    บ้างฝังตัวยึดเนื้อเยื่อเชลของชีวิตมนุษย์ด้วย(การตัดต่อยีน แล้วแปรไปเป็นเนื้อร้าย และมะเร็ง และการกลายพันธุ์ของเชื้อโรคต่างๆ)
    พวกนี้ทำให้เกิดโรค และตายกัน

    ดูให้ดีซิ พวกนี้จะถูกทำลายหมดเมื่อปราณพัดรุนแรงเป็นพายุหมุน
    และตายสิ้นเชื้อเมื่อ ลม ไฟ น้ำรวมตัวเป็นพายุหมุนที่รุนแรงและมากพอ
    แล้วพายุนี้ไม่ทำลายเนื้อเยื่อของกายมนุษย์หรือ
    มีบ้าง แต่ไม่มากนัก
    และปราณที่ผ่านการฝึกมาดีแล้วบางส่วนจะทำลายสิ่งแปลกปลอมทั้งปวง
    และบางส่วนจะเสริมขบวนการสร้าง ซ่อมแซมร่างกายให้คืนสภาพ

    โดยปกติในชีวิตทั่วไป ปราณจะไหลไปมาดุจกระแสน้ำ
    ปราณที่ถูกฝึกมาดี จะมีปริมาณมากกว่าปกติ
    การไหลของปราณจะช้าเร็วหรือหมุนวนกลับไปมา ได้คล่องขนาดใหนขึ้นอยู่กับการฝึก
    เห็นหรือไม่มีบางจังหวะ ปราณ ไหลมาเป็นก้อนโต กระแทกเข้าที่จุดรวมพลของสิ่งแปลกปลอม จนกระจายและสลายจนหมดสิ้น
    น้ำจะกวาดต้อนชะล้างขับออกจากกายทางเหงื่อ ปัสสาวะและอุจาระ

    แล้วเราจะฝึกและบังคับปราณอย่างไร ให้รักษากายนี้ได้
    ฝึกซิ ฝึกการเคลื่อนไหว เดินปราณ(ยาม)ประกอบลมหายใจ (อาณาปราณสติ)เป็นจุดเริ่มของการฝึกทั้งปวง

    ฝึกยังไง
    ขอวิธีฝึกด้วยนะ... วิธีใช้ด้วยนะ
    เริ่มต้นนะให้ทำดังนี้..
    และแล้ว


    ฤๅษีลีลา ก็เริ่มปรากฏ

    ฤๅษีลีลาเยื้อง ดัดตน
    สี่อริยาบถวน เปลี่ยนท่า

    สุวินันท์มีใจดล เรียงร้อย ใหม่นา
    เดินปราณผ่านร่างล้า โรคร้าย หายสูนย์

    สุวินันท์เป็นผู้ เจนปราณ
    องค์พรหมลิขิตอาจารย์ สอนไว้
    ก้นกบสู่เศียรธาร กลางกระ หม่อมเฮย
    เวียนบนลงล่างได้ ในนอก รอบกาย

    อาณาปราณสติพร้อม ทั่วกาย
    พระพุทธองค์แย้มพราย สอนแล้ว
    สามรวมหนึ่งจึงกลาย เลิศสุด โลกา
    เทพมนุษย์ก่อเกิดแก้ว ปลอดโรค พ้นภัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2008
  17. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    อ.suwi กลับมาแล้ว... สงสัยยาวเดี๋ยวมาอ่านต่อครับ
     
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เรื่องจริงอิงนิยาย เรื่องที่ 1 (ต่อ)

    เรื่องนี้ มังกร ทำได้แล้ว และผ่านมาแล้ว
    ปราณ เริ่มทำความสะอาดร่างกายแล้ว แม้จะยังไม่หมดจด แต่ก็สะอาดกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป
     
  19. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เรื่องจริงอิงนิยาย เรื่องที่ 2

    อาหารใหม่-อาหารเก่า

    คำว่า อาหารดังกล่าวข้างบน มีความหมาย สองนัยยะ
    นัยยะที่ ๑.
    อาหารใหม่ หมายถึง อาหารที่เริ่มกินเข้าไป ยังไม่ย่อย
    อาหารเก่า หมายถึง อาหารที่ย่อยแล้วและถูกส่งไปเลี้ยร่างกาย/และมีส่วนเหลือเป็นกาก(อุจาระ-ปัสสาวะ)

    นัยยะที่ ๒.
    อาหารใหม่ หมายถึงอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ซิงๆ และรวมถึงพืช สัตว์ ที่เก็บเกี่ยว มาใหม่ๆ ยังสดๆ
    อาหารเก่า หมายถึง อาหารที่เก็บค้างไว้ ไม่ว่าจะโดยวิธีใดๆ ไม่ให้อาหารนั้นเน่าเสีย

    อาหารใน นัยยะที่๑. เมื่อเข้าสู่ร่างกายและถูกย่อยแล้ว ปราณ ในอาหารจะถูกนำไปหล่อเลี้ยงร่างกาย แทบจะพูดได้ว่าทันที
    และผลของปราณนั้นจะทำให้ร่างกายรู้สึกมีปฏิกริยากับอาหารนั้น สดชื่นขึ้น มีเรี่ยวแรง หรือมึนหัว หายใจไม่คล่อง ปวดบ่า ปวดท้อง มีปฏิกริยากับไต ฯลฯ
    ผลนี้ ผู้มีพลังจิตจะสามารถรู้ได้ แม้จะยังไม่ได้กินอาหารนั้น เพียงแต่สัมผัส หรือมองอาหารนั้น ก็รู้ได้ทันที ว่าอาหารชนิดนั้น หากกินเข้าไป เราจะไม่สบายตัว

    ยิ่งร่างกายสะอาดมาก ปฏิกริยาตอบโต้ก็จะยิ่งรุนแรง บางครั้งถึงกับทนไม่ไหวอยากอ้วก

    ผู้มีพลังดีร่างกายสะอาด หากมีปราณเสีย แทรกซึมเข้าไปในร่างกายไม่ว่าทางใด
    อาจมากับอาหาร หรือแทรกซึมทางผิวหนัง ฯลฯ ปราณในตัว จะขับของเสียเหล่านี้ออกจากกาย ทางอุจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อ

    อาหารใหม่-อาหารเก่า ใน นัยยะที่๒
    อาหารที่เก็บไว้นาน จะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปปนเปื้อนในหาร เชื้อโรค ชนิดต่างๆ
    เมื่ออาหารเก็บนาน จะเกิดการสลายตัวของอาหาร โบราณกล่วว่ามันไม่สดใหม่ มีปราณเสียเข้าไปผสม
    แต่ถ้าอธิบายแบบปัจจุบัน ก็จะพูดว่า อาหารที่เก็บไว้นาน แม้ไม่เสีย แต่ยิ่งเก็บนาน อนุมูลอิสระก็จะยิ่งมาก
    หากกินเข้าไป อนุมูลอิสระ จะไปขัดขวาง ขบวนการทำงานของร่างกาย

    ผู้มีพลังจิตดี จะสามารถตรวจสอบอาหารเหล่านี้ได้
    แม้จะเป็นอาหารชนิดเดียวกัน ตัวหนึ่งเก็บไว้นานค้างคืน อีกตัวทำใหม่ซิงๆ ปฏิกริยาตอบโต้ในกายก็แตกต่าง
    อาหารที่ทำค้างอุ่นแล้วอุ่นอีก ทำให้ร่างกายไม่สบาย
    อาหารใหม่ รู้สึกดีต่อร่างกาย

    แม้ว่า อาหารจะใหม่ แต่ก็ยังคงมีปราณเสียผสมอยู่ แม้ว่าจะน้อยนิด
    แต่ผู้ที่ฝึกที่ร่างกายสะอาดมากขึ้นๆ จะทนไม่ได้ กับปราณเสียนี้ และจะทนไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

    ท้ายสุด อาหารที่ยังชีพ จะเหลือเพียง กินแสงสุริยัน ดื่มแสงจันทรา เท่านั้น
    อย่างสกปกที่สุด ก็จะมีเหลือเพียงผลไม้ และน้ำเปล่า
     
  20. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เรื่องจริงอิงนิยาย เรื่องที่ 2 (ต่อ)

    สักหลายๆปีที่ผ่านมา สุวิทดลองเล่น กับอาหารเก่า อาหารใหม่อยู่พักใหญ่เสียดายไม่ได้จดรายละเอียดไว้
    จำได้ว่า ข้าวสวย ค้างคืน(อยู่ในหม้ออุ่นทิพย์-ร้อนกร่น) ทำให้ปวดบ่า พวกแป้งผสมยีสต์(พวกขนมปัง)ก็ทำให้จุกอก ฯลฯ

    ยิ่งฝึกชำระกายให้สะอาด (การอาบน้ำทิพย์ เป็นหนึ่งในวิธีชำระกายธาตุ) ปฏิกริยาที่กระทบกายก็ยิ่งชัดเจน
    เพียงตาเห็นอาหารก็สะอึกจุกคอหอย และพอนึกว่าต้องกิน บางครั้งถึงอวกแตกอวกแตน

    อาการเหล่านี้ มังกร ก็มีอาการแล้ว เพียงยังไม่สังเกตุเป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...