หัวใจธาตุ นะ มะ พะ ทะ

นะ มะ พะ ทะ ธาตุน้ำ
มะ พะ ทะ นะ ธาตุน้ำ
พะ ทะ นะ มะ ธาตุน้ำ
ทะ นะ มะ พะ ธาตุน้ำ

ใครรู้วิธีใช้บอกด้วย แลกเบลี่ยนความรู้กัน

 

เล่นธาตุน้ำอย่างเดียวเลยเหรอ
ต้องอย่างนี้
นะ มะ พะ ทะ ธาตุน้ำ
มะ พะ ทะ นะ ธาตุดิน
พะ ทะ นะ มะ ธาตุไฟ
ทะ นะ มะ พะ ธาตุลม
ถึงจะถูกนะ

 

เล่นธาตุ ต้องทำไงบ้างครับ

 

ก็ต้องรู้ทั้งแม่ธาตุ และวิธีการหนุนธาตุ รวมทั้งการถอดอักขระ และจุดประสงค์มุ่งหมายในตัวธาตุนั้นๆ

 

รวมธาตุทำยังไงครับ

 

นะมะพะธะ แปลว่า ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า

 

ตามนี้ครับ

ครับ....หลวงพ่อบอกว่า นะมะพะธะ ที่ใช้ในมโนยิทธิ แปลว่า ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า ครับ คนละตัวกับ นะมะพะทะ ที่เป็นหัวใจธาตุทั้ง 4 ครับ

 

ยังงัยก็ยังงง คัยก็ได้อธิบายให้ละเอียดได้ปะ จะได้ใช้บ้าง

 

เกราะมโนยิทธิ

ให้ท่านกำหนดจิตนำคาถามโนยิทธิทั้ง4ธาตุ16คำสร้างเป็นกำแพง6ด้าน หน้า ขวา หลัง ซ้าย บน ล่าง โดยมีกายท่านอยู่ตรงกลาง เหมือนกับท่านนั่งลอยอยู่กลางผลึกแก้วรูปกล่องสี่เหลี่ยม ภาวนาหมุนวนขวาบนล่างไปเรื่อยๆ คาถามโนยิทธิ4ธาตุนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าอ่านได้ทั้งแนวนอนซ้ายไปขวา แนวนอนบนลงล่าง ให้คิด ว่า นะ เป็นก้อนอิฐแก้วผลึก มะ เป็นอีกก้อน พะ เป็นอีกก้อน ธะ เป็นอีกก้อน หัดก่ออิฐทั้ง16ก้อน หัดทีละด้านหัดทั้งแนวตั้งและแนวนอน พอเก่งแล้วหัดเพิ่มเป็นกำแพงทีละด้านโดยวนขวา ล่าง บน โดยทำซ้อนเพิ่มบนอิฐก้อนเดิมทุกครั้งให้ใจสงบจนสามารถตั้งรูปนิมิตเป็นตนเองนั่งอยู่ตรงกลางก้อนผลึกโดยไม่ต้องภาวนาคาถาได้อย่างรวดเร็วทุกครั้งเหมือนกับกำหนดสติโดยไม่ยึดติดกับคาถาซึ่งแค่อุบายในการสำรวมจิตเท่า มโนยิทธิที่แท้จริงเป็นฤทธิ์ทางใจใช้เอาชนะกิเลสอย่ายึดติดกับตัวคาถาให้รู้จักสติโดยใช้นิมิตร่วมเป็นกุศโลบายได้อยางรวดเร็วที่สุดให้เท่าความเร็วของจิตเท่านั้นเอง แต่ที่ได้จะออกมาแตกต่างกันในแต่ละบุคคลเพราะมีบุญกุศลและลักษระจิตแตกต่างกันไปแต่อิทธฤทธิ์เป็นแค่ของเล่นไม่ใช่สาระสำคัญการหมดกิเลสพ้นทุกข์ได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่าหลงในอิทธฤทธิ์จะเสียเวลาแต่เอาไว้ใช้ตนเองและผู้อื่นเวลามีทุกข์หรืออันตราย ส่วนมากผู้ฝึกสำเร็จด้านนี้จะมีฤทธิ์ทางใจอธิษฐานอะไรในทางดีเป็นกุศลจะสำเร็จได้ง่าย จากBKK801@YAHOO.COM
[b-wai]

 

งงตึบ

 

เหมียนกัน ???

 

งา ผมสร้างอยู่ประจำเลย มันเป็นไปเอง ไม่รู้ว่าเป็นคาถา ( ขอบคุณที่โพสคับ )

 

งงมากครับ

 

ถ้า นะ มะ พะ ธะ แบบเว้นกัน คือ คาถาธาตุ ครับ
ถ้า นะมะพะธะ แบบติดกัน คือ นอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งจะใช้
ในมโนมยิทธิครับ โดย หายใจเข้า นะมะ หายใจออก พะธะ ครับ
ถูกไหมครับ คนที่รู้ ช่วยบอกด้วยน่ะครับ เผื่อผม อธิบายผิดไป

 

...

 

ขอบคุณครับ

 

เอาสะมึนเลยนะ หุๆ

 

การตั้งธาตุ และหนุนธาตุ

<O</Oธาตุ
<O</O
<O</O
สิทธิการิยะถ้าจะเรียนปลุกเสกใดๆก็ดี พึงให้รู้จักธาตุเป็นต้นไปก่อนจึงจะทําได้เป็นทุกสิ่งแล
<O</O
<O</O
นะ คือธาตุนํ้าหล่อเลี้ยงร่างกายและดวงจิต เรียกว่า อาโปธาตุ <O</O
โม คือธาตุดินได้แก่ของที่แข็ง มีหนัง มีเนื้อ มีกระดูก เรียกว่า ปฐวีธาตุ <O</O
พุท คือธาตุไฟได้แก่ความอบอุ่นในร่างกาย เรียกว่า เตโชธาตุ <O</O
ธา คือธาตุลม ลมหายใจเป็นต้น เรียกว่า วาโยธาตุ <O</O
ยะ คืออากาศธาตุ

นะ คือธาตุนํ้า กําลัง =12 <O</O
โมคือธาตุดิน กำลัง = 21 <O</O
พุท คือธาตุไฟ กำลัง = 6 <O</O
ธา คือธาตุลม กำลัง =7 <O</O
ยะ คืออากาศธาตุ กำลัง =10 <O</O
รวมทั้งหมด=56 คือคุณของพระพุทธ <O</O
<O</O

คุณพระพุทธ56 นี้ ถ้าแบ่งครึ่งออกจะเป็น= 28 และ เอาอากาศธาตุ10 บวกรวมเข้าไปจะเป็น=38 คือคุณพระธรรม<O</O
คุณพระพุทธ56 นี้ ถ้าแบ่งออกเป็น4ส่วนก็จะ =14 คือคุณพระสงฆ์ <O</O
<O</O

ฉะนั้นคุณพระพุทธ56 คุณพระธรรม38 คุณพระสงฆ์14 <O</O
บวกรวมกันจะ =108 ดังนั้นสายประคําเขาจึงทำ 108 เม็ด

ในธาตุทั้ง5กอง นี้โดยเฉพาะอากาศธาตุนั้นมีอยู่โดยรอบในส่วนอันว่างเปล่าฉะนั้นจึงให้พิจารณาเพียง4 ธาตุ คือ ดิน นํ้า ลม ไฟ ที่คาถาเรียกว่าธาตุ 4คือนะมะพะธะ นะมะพะธะ นี้ถอดมาจากแม่ธาตุใหญ่คือ นะโมพุทธายะ <O</O
นะโมพุทธายะ นี้เปรียบเสมือนแม่ธาตุใหญ่เป็นรากเง่าของธาตุทั้ง 4 <O</O
<O</O

นะโมพุทธายะ ย่อมาจาก<O</O
นะ = พระกุกกุสันโธ <O</O
โม = พระโกนาโคม <O</O
พุท = พระกัสสปะ <O</O
ธา = พระสมณะโคดม<O</O
ยะ = พระศรีอาริยะเมตตรัย <O</O

ฉะนั้นต้องจํา คือ <O</O
อาโปธาตุน้ำ (นะ) = นะ <O</O
ปฐวีธาตุดิน (โม) = มะ<O</O
เตโชธาตุไฟ (พุท) = พะ<O</O
วาโยธาตุลม (ธา) = ธะ ทั้งหมดรวมกันเป็น นะ มะ พะ ทะ<O</O
<O</O

เมื่อเราจะประกอปพิธีกรรมใดๆก็ดี เช่นจะปลุกเสกนางกวัก กุมารทอง รักยม หนุมาน สิงห์ เสืออะไรก็ดีที่มีชีวิตต้องประจุหรือใส่ธาตุทั้ง4 ก่อน แล้วตามด้วย อาการ32 ที่ว่า อัตถิอิมัสมิง กาเย เกษา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ

วิธีตั้งธาตุการตั้งธาตุนั้นให้ตั้งแม่ธาตุใหญ่ก่อน คือ นะโมพุทธายะแล้วตามด้วยธาตุ4 คือ นะมะพะธะ หนุนด้วยธาตุกรณีคือ จะภะกะสะก่อนที่จะตั้งธาตุให้ว่า<O</O
<O</O

คาถาชุมนุมธาตุ ดังนี้<O></O>

เอหิปะถะวีพรหมา เอหิอาโปอินทราเอหิเตโชนารายะ เอหิวาโยอิสสะรา<O</O​

<O</O

คาถาตั้งแม่ธาตุใหญ่ ว่าดังนี้<O</O

นะอิเพชรคงอะระหังสุคะโตภะคะวา โมติพุทธะสังอะระหังสุคะโตภะคะวาพุทปิอิสะวาสุอะระหังสุคะโตภะคะวา ธาโสมะอะอุอะระหังสุคะโตภะคะวายะภะอุอะมะอะระหังสุคะโตภะคะวา<O</O

<O</O​

​

นะมะพะะธะ ต้องมีธาตุพระพุทธเจ้า คือ ธาตุพระกะระณี ตั้งกํากับลงไปด้วย คือ จะภะกะสะเพื่อเป็นพี่เลี้ยงคุมธาตุลงไปอีกทีหนึ่ง

วิธีตั้งธาตุพยายามจําให้ได้มีประโยชน์มากต่อผู้ที่เรียนคาถาอาคมว่าดังนี้ <O</O
<O</O
ตั้งอาโปธาตุ (ธาตุนํ้า) ว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ จะภะกะสะ<O</O
ตั้งปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) ว่า นะโมพุทธายะ มะพะธะนะ ภะกะสะจะ <O</O
ตั้งเตโชธาตุ (ธาตุไฟ) ว่า นะโมพุทธายะ พะธะนะมะ กะสะจะภะ<O</O
ตั้งวาโยธาตุ (ธาตุลม) ว่า นะโมพุทธายะ ธะนะมะพะสะจะภะกะ

<O</O
<O</O
วิธีหนุนธาตุ
การหนุนธาตุจํายากหน่อยนะครับ แต่อย่าท้อรักจะเรียนคาถาอาคมต้องรู้ให้จริงอย่ารู้แบบงูๆปลาๆอายเขาครับเมื่อตั้งธาตุเป็นแล้ว<O</O
ต้องหนุนธาตุท่านให้หนุนด้วยแก้ว4 ดวง คือ นะมะอะอุ <O</O
<O</O

นะ คือ แก้วมณีโชติ<O</O
มะ คือ แก้วไพทูรย์<O</O
อะ คือ แก้ววิเชียร<O</O
อุ คือ แก้วปัทมราช<O</O
<O</O

เมื่อตั้งอาโปธาตุ (ธาตุนํ้า) ให้เอาแก้วมณีโชติหนุน<O</O
เมื่อตั้งปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) ให้เอาแก้วไพทูรย์หนุน<O</O
เมื่อตั้งเตโชธาตุ (ธาตุไฟ) ให้เอาแก้ววิเชียรหนุน<O</O
เมื่อตั้งวาโยธาตุ (ธาตุลม) ให้เอาแก้วปัทมราชหนุน<O</O
<O</O

จะทําการปลุกเสกวัตถุมงคลใด ๆ ก็ ให้พิจารนาว่าต้องการมุ่งไปในทางด้านใด<O</O

ก็ตั้งธาตุนั้นแล้วหนุนธาตุนั้น ของจึงจะขลังได้ผลดีวิเศษนักแล

<O</O​

​

หลักของการใช้ธาตุมีดังนี้
<O</O
<O</O
ธาตุนํ้า ใช้ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม<O</O
ธาตุดิน ใช้ทางอิทธิปาฏิหารย์ คงกระพันชาตรี<O</O
ธาตุไฟ ใช้ทางสะเดาะกุญแจขับไล่ผี<O</O
ธาตุลม ใช้ทางสะกด กําบังตัว ล่องหน<O</O
<O</O

ต้องจําให้ดีนะว่าต้องหนุนด้วยแก้ว 4 ดวง ดังนี้
<O</O
<O</O
นะ แก้วมณีโชตินั้นคือ หนุนอาโปธาตุนํ้า<O</O
มะ แก้วไพทูรย์นั้นคือ หนุนปฐวีธาตุดิน<O</O
อะ แก้ววิเชียรนั้นคือ หนุนเตโชธาตุไฟ<O</O
อุ แก้วปัทมราชนั้นคือ หนุนวาโยธาตุลม<O</O
<O</O

เราจะปลุกเสกของให้ไปทางด้านใดก็ภาวนาตั้งธาตุหนุนธาตุดังนี้<O</O

<O</O

​

<O</O

ทางเสน่ห์ เมตตามหานิยมใช้ธาตุนํ้า (อาโปธาตุ) ภาวนาว่า<O</O

<O</O

นะโมพุทธายะ นะมะพะธะจะภะกะสะ แล้วหนุนด้วยแก้วมณีโชติว่า นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ
<O</O
<O</O
ทางคงกระพันภาวนาปฐวีธาตุ(ธาตุดิน)ภาวนาว่า<O</O
<O</O
นะโมพุทธายะ มะพะธะนะ ภะกะสะจะหนุนด้วยแก้วไพทูรย์ว่าต่อ มะนะนะมะ มะอะอะมะ มะอุอุมะ<O</O​

​

<O</O

ทางเสดาะขับไล่ผีภาวนาเตโชธาตุ(ธาตุไฟ) ภาวนาว่า<O</O

<O</O

นะโมพุทธายะ พะธะนะมะ กะสะจะภะหนุนด้วยแก้ววิเชียร ว่าต่อ อะนะนะอะ อะมะมะอะ อะอุอุอะ<O</O​

​

<O</O

ทางสะกด ล่องหน กําบังตัวภาวนา วาโยธาตุ(ธาตุลม) ภาวนาว่า<O</O

<O</O

นะโมพุทธายะ ธะนะมะพะ สะจะภะกะ หนุนด้วยแก้วปัทมราชว่าต่อ อุนะนะอุ มะมะอุ อุอะอะอุ<O</O​

​

ลองเอาไปใช้ดูนะครับลองฝึกฝนดูค่อยๆทำไปครับ น่าจะเป็นประโยชน์ได้บ้างครับ

 

เท่าที่รู้มาจากไหนไม่แน่ใจน่ะครับ
นะ มะ พะ ทะ หรือ นะมะภะธะ
เป็นเพียงเสียงของอักขระขอมซึ่ง
เชื่อว่าเป็นภาษาที่ได้รับมาจากเทพโดยตรง
เสียงที่ออกมาแต่ละพยางค์ จะมีคลื่นมนต์ตราติดมา
ตามความเชื่อ แต่ละคำก็จะมีพลังเป็นของตัวเองเช่น นะ เป็นพลังที่จะร่วมสมาธิและพลัง
เคยเห็นพิธีที่ให้คนที่สักยันต์ ท่องแต่ นะ คำเดียวแล้วมีอาการของขึ้น
กันไหมครับเมื่อสักเกือบ10ที่แล้วเคยออกข่าวดัง
พิสูจน์กันมากมายแต่ก็ไม่สามารถทำได้ นั้นคือพลังจากคลื่นมนตรา
ส่วนที่ว่าๆกันมาว่าหมายถึงโน่นนี่นั้นผมไม่ทราบว่ามาจากแหล่งใดแต่เป็นทีเชื่อกันต่อๆมากนานแล้วครับ
นะโมพุทธายะ ก็เหมือนกัน แปลกันไปต่างๆนาๆ แต่ที่จริงแล้วเป็นการ นำอักขระทั้งหมดมาลดรูปหรือลบผงอะไรสักอย่างผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน
จากมีหลายตัวจนเหลือ นะโมพุทธายะ และลดลงไปอีกเป็น นะมะพะทะ
และลดลงไปเป็น มะอะอุ และสุดท้ายก็เหลือ เพียงตัวเดียว ไม่ขอบอกน่ะครับเพราะจำไม่ได้
เท่าที่รุ้ก็มีแค่นี้ครับ ไม่อยากลบหลู่ใครแต่เป็นข้อมูลที่ผมเชื่อถือมากที่สุดเพราะมีการอ้างอิงที่ดี
แถมหนังสือที่ผมได้มาก็บอกราบละเอียดทุกขั้นตอนของการลดอักขระ ลบผง หรืออะไรประมาณยั้นครับ

 

ยังไงก็โมทนา สาธุครับ หนังสืออิติปิโสนพเคราะห์ อิติปิโสนพคุณ มีคาถาเรียกธาตุ หนุนธาตุ เปิดโลกธาตุ รวมถึงคาถามหาจักรพรรดิ์ เเละอื่นๆอีกมาก ลองหาดูนะครับ (เหมือนหนังสือเล่มนี้เป็นของสายหลวงพ่อฤาษีลิงดํา วัดท่าซุงครับ)

ผมเพิ่งเริ่มสวด เเต่จะสวดพาหุงมหากา ชินบัญชรตามหลวงพ่อจรัญท่านมากกว่าครับ