ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    อ่านแล้วไม่ต่อยเข้าใจคำถาม
    แต่อนุมานว่า ถามว่า น้ำใบบัวบกต้มมีสรรพคุณ มากกว่า การแก้ช้ำใน ใช่หรือไม่

    ใบบัวยก มีสรรพคุณ แก้ช้ำใน แก้เบาขัด(ขับปัสสาวะ) และแก้อักเสพ
    การแก้ชำใน
    ฤทธิ์ของใบบัวบกจะไปจับกับ เลือดเสียคั่งในกาย อันเกิดจากฟกช้ำ / จากโรคเลือด(ปิตะ)บางอยาง ลึกลงภายในตับด้วย แล้วขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจาระ
    ดังนั้นการแก้โรคเลือดเกี่ยวกับตับ และมีร่องรอยผุดขึ้นเป็นรอยด่างดำ
    จึงใช้ ใบบัวบกคั้นน้ำ + น้ำมะนาว(ฟอกเลือด)+น้ำตาลทรายแดง(บำรุงตับ) แก้ได้

    ส่วนที่ใช้เป็นยาล้างไต
    บัวบก ใช้เพิ่อลดอักเสพที่เนื้อไต เก็บของเสียจากเลือดทิ้ง ขับปัสสาวะ
    รากหญ้าคา เป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ
    แห้วหมู ใช้บำรุงธาตุในกายให้สมบูรณ์ ให้ความอบอุ่น และขับปัสสาวะ
     
  2. เกล็ดเขียวขลิบแดง

    เกล็ดเขียวขลิบแดง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +15
    อาจารย์หมอค่ะ ใบบัวบก รากหญ้าคา หญ้าแห้วหมู ทั้งสามอน่างนี้ หากว่านำมาต้มแบบสด ๆ กับ ไปซื้อแบบแห้ง ๆ มาต้ม อย่างไหนสรรพคุณจะดีกว่ากันค่ะ
    ไปถามซื้อที่ร้านขายยา เค้าบอกว่าใบบัวบกไม่มีแบบแห้งค่ะ
     
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ของสดๆย่อมมีสรรพคุณดีกว่า แต่ต้องเข้าใจวิธีเก็บมาใช้

    ปกติ จะใช้ของแห้ง(ง่ายกว่ากันแยะเลย)
    แห้วหมู รากหญ้าคา อย่างตากแห้งจะหาได้ง่ายกว่า
    ส่วนใบบัวบก ให้ใช้อย่างสดได้ โดยเพิ่มน้ำหนักขึ้นอีกประมาณ 3/4 - 1 เท่าตัว
     
  4. ลูกหลานเจ้าพ่อก

    ลูกหลานเจ้าพ่อก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +171
    อนุโมทนาด้วยครับ
    เป็นโรคปวดบ่าประมาณสามเดือนแล้ว
    ยังไม่หาย ไปหาหมอ หมด ให้ยามากิน ก็บรรเทาอาการปวด
    แต่ก็ยังไม่หาย จะทดลองใช้วิธีของ ท่านปรมาจารย์ดู
    ถ้าเกิดผลอย่างไร จะมาแจ้งความคืบหน้าครับ
     
  5. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    suwi เคยเขียนบอกไว้ว่า

    หญ้าหนวดแมว, ชาจีน(อย่างดี), และน้ำต้มมะละกอดิบ

    สามอย่างชงรวมกัน สามารถแก้อาการ ปวดเข่า ปวดข้อ และปวดกล้ามเนื้อ หลังจากทำงานหนักมา (อันเกิดจากกรดยูริคคั่งค้าง)

    แต่มี้ผู้นำสูตรนี้ไปดัดแปลง เหลือเพียง
    ชาจีน และน้ำต้มมะละกอดิบ
    ใช้ ลดความอ้วน

    ความจริงแล้ว สูตรนี้ใช้ลดความอ้วนได้ระดับหนึ่ง แต่มีผลข้างเคียง

    ชาจีนจะไปลดกรดยูริค และลด/ขจัด โคเลสเตอร์ลอน
    น้ำต้มมะละกอดิบ จะชะล้างของเสียออกจากข้อ และกล้ามเนื้อ และแถมย่อยโปรตีนจากกล้ามเนื้อด้วย (ทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง/อ่อนแรง เมื่อกินไปนานๆ)

    ของเสียที่ขับออกมาจะเข้าไปอยู่ในกระแสเลือดก่อน และถูกไต ขับออกมาทางปัสสาวะ อาจมีบางส่วนถูกขับออกทางอุจจาระ

    ในสูตรยาเต็มสูตรของ suwi จะมีหญ้าหนวดแมวอยู่ด้วย
    จุดมุ่งหมายเพื่อให้ไตเร่งขับปัสสาวะเร็วขึ้น ของเสียต่างๆที่ถูกขับเข้ากระแสเลือดจะถูกชะล้างออกจากร่างกายโดยเร็ว

    ทีนี้สูตรที่ถูกดัดแลง ตัดเอาหญ้าหนวดแมวออก
    การขับปัสสาวะจะช้าลง ของเสียที่ถูกเก็บออกมาจากส่วนต่างๆของร่างกาย จะอยู่ในกระแสโลหิตนานขึ้น
    โลหิตไปที่ใหน ของเสียก็จะผ่านไปอวัยวะต่างในร่างนานขึ้น
    และมีบางส่วนตกค้างอยู่ เมื่อนานไป อาจเกิดโรคอื่นเป็นของแถมได้

    มีผู้มาปรึกษาเรื่องนี้ ว่ากินยาลดความอ้วนขนานนี้ทีไรเป็นปวดหัว ตะครั่รตะครอเนื้อตัวทุกที
    ได้อธิบายเหตุผลให้เขาฟังแล้ว
    และถ้ายังอยากกินต่อก็ให้ใส่หญ้าหนวดแมวเข้าไปหน่อยหนึ่ง อาการต่างๆจะดีขึ้น

    อ้อ..ขอเพิ่มเติมอีกนิด
    ปกติการกินยารักษาโรค เราจะกินเพียง 7 วัน 10 วัน หรือ 2 อาทิตย์ พอโรคหาย(สนิท) ก็เลิกกิน
    ยาทุกตัว แม้แต่สมุนไพร ก็มีผลข้างเคียงทั้งสิ้น ไม่ควรกินนาน
    ยกเว้น สมุนไพรที่เป็นยาอายุวัฒนะ พวกนี้จะกินได้นาน 2-3 เดือนขึ้นไป
    และยังมีข้อแนะนำ กินไปสัก 2-3 เดือน แล้วหยุดกิน สักอาทิตย์ แล้วจึงกินต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  6. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    เอ ท่านผู้นี้ นำวิธีการไปทดลองแล้ว
    ได้ผลอย่างไร ไม่เห็นมาเล่าให้ฟัง
     
  7. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    อ.suwi ครับ ปกติสมุนไพรพวกนี้หาซื้อได้ที่ไหนครับ ส่วนมากเจอแต่ร้านขายยาแผนปัจจุบัน ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไร... ถามเผื่อคนอื่นครับ
     
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ในกรุงเทพฯ แถววัดสามปลื้ม หัวเม็ด
    ร้านที่โด่งดัง คือร้านเจ้ากรมเป๋อ เวชพงษ์ แถวนี้มีหลายร้าน

    ร้านขายยาจีน บางร้าน(โดยเฉพาะต่างจังหวัด) จะมีสมุนไพรไทยขายด้วย
     
  9. asawintun

    asawintun สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    เสียงรบกวนในหู

    คุณ คุณ บุษยมาส เป็นอาการเดียวกับผมเลย ผมก็ยังรักษาไม่หาย ถ้า คุณ บุษยมาส มีวิธีใดช่วย บอกผม บ้างนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูงasawintun@yahoo.com ,asawintun@hotmaul.com หรือ โทร 081-9538469 ตั้น

    ________________________________________________
     
  10. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ปัจจุบัน โรคที่น่ากลัวและเป็นกันมาก คือโรคของหลอดเลือดและการไหลเวียนของเลือด
    เมื่อเป็นแล้วจะทำให้ หลอดเลือดแข็งตัว ขาดความยืดหยุ่น
    และเป็นต้นเหตุของโรคภัยมากมาย เช่น
    เส้นเลือดสมองอุดตัน ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เบาะๆก็อันไซเมอร์
    ความดันโลหิตสูง ก็เป็นโรคอันเกิดจากระบบ ไหลเวียนช้าลง อันเกิดจากหลอดโลหิตฝอยในอวัยวะสำคัญหดตัวตีบเล็กลง
    โรคหัวใจ โรคเสียงดังในหูจิ๊ดๆ ก็เกิดจากสาเหตุนี้


    สมุนไพรที่ใช้ในครัวหลายอย่าง นำมาปรุงแต่งให้เป็น จะช่วยแก้ไขอาการที่กล่าวได้ระดับหนึ่ง

    สูตรที่ ๑.
    ใบบัวบก ๒ ส่วน
    กระชาย(เฉพาะราก) ๒ ส่วน
    พริกไทยขาว ๑ ส่วน

    วิธีทำกิน
    ๑. ตากแห้ง บดเป็นผง ผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดในพุทราไทยกินครั้งละ ๒-๔ เม็ด วันละ ๑-๒ ครั้ง ก่อนอาหารเช้า และก่อนนอน
    ๒. นำมาปั่น คั้นน้ำกิน(สูตรนี้ ต้องลดพริกไทยลงครึ่งหนึ่ง) ทำกิยบ่อยๆ วันละ ๑-๒ครั้งๆละ ๑ แก้ว (อาจเจือน้ำผึ้ง + มะนาวสัก ๑ ซีก เพื่อเพิ่มรสชาด และเป็นกระสายยา)

    สรรพคุณ
    บำรุงสมอง บำรุงร่างกาย
    ทำให้โลหิตหมุนเวียนในเส้นเลือดฝอยได้ดี
    ผลพลอยได้ เสริมสมรรถภาพ ให้ผู้อ่อนแอ
    กินได้ทั้ง หญิง ชาย

    สูตรที่ ๒.
    กระเทียมโทน(ชนิดเปลือกสีมวง) 1 ขีด(ปลอกปลือกแล้ว)
    ขิงแก่ 1 ขีด(ปลอกเปลือกแล้ว)
    พริกไทยขาว 1/2 ขีด
    มะนาวลูกย่อมๆ 5-10 ลูก คั้นเอาแต่น้ำ

    วิธีทำกิน
    กระเทียม ขิงแก่ พริกไทย และน้ำมะนาว นำลงเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด
    แล้วนำเก็บในโถแก้ว(ขวดแก้ว) มีฝาปิด เก็บในตู้เย็น

    วิธีกิน
    ดอกคำฝอย ๑ หยิบมือ ชงน้ำร้อน ๑ ถ้วยกาแฟ กรองเอาแต่น้ำ
    นำเอากระเทียมฯ ที่ปั่นไว้ ๑-๒ ช้อนชา ใส่ลงในน้ำดอกคำฝอย
    อาจเติมน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาดและเป็นกระสายยา
    กินวันละ ๑-๒ ครั้งเช้าเย็น(หรือก่อนนอน)

    สรรพคุณ
    ลดอาการเส้นเลือดฝอยตีบตันได้ระดับหนึ่ง
    ทำให้โลหิตหมุนเวียนดี

    กินร่วมกัยสูตรที่ ๑ จะได้ผลเร็วขึ้น
     
  11. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    ขอเรียนถามอาจารย์เกี่ยวกับยาอายุวัฒนะครับ คือสูตรที่บอกว่า เหงือกปลาหมอ 1 ส่วน และ พริกไทยร่อน 1 ส่วน บดผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนขนาดเม็ดในมะยม ต้องทานวันละกี่เม็ดครับ

    ยาสูตรนี้มีสรรพคุณด้านไหนครับ ใครควรรับประทาน และต้องรับประทานนานแค่ไหนครับ ที่บอกว่ารับประทาน 2 เดือนหยุด 1 สัปดาห์นี่เหตุผลคืออะไรครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  12. Tawit

    Tawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +349
    ว่านอึ่งที่ใช้รักษาโรคผิวหนัง มีสูตรการกี่สูตรบ้างครับ
     
  13. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    ผมมีอีกคำถามครับ ยานี้ไม่ต้องปั้นกับน้ำผึ้งแต่บรรจุลงแคปซูลแทนจะได้รึเปล่าครับ
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543


    เหงือกปลาหมอ พริกไทยร่อน เสมอภาค บดผง ผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดในมะยม<O:p</O:p

    สูตรยาดังกล่าวมีสรรพคุณ แก้ภูมิแพ้ทางผิวหนัง ผื่นคัน และภูมิแพ้ในระบบการหายใจ เช่นหายใจไม่สะดวก หืด ไอ แก้สิวหนองเรื้อรัง<O:p</O:p

    ใช้ในการรักษาโรค กินครังละ 5-9 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น ก่อนอาหาร (พิจารณากระสายยาด้วย จะทำให้หายเร็วขึ้น)<O:p</O:p
    กรณีกินเป็นยาอายุวัฒนะ กินครั้งละ 5-7 เม็ด ก่อนนอน<O:p</O:p

    กระสายยา<O:p</O:p
    ๑. แก้ภูมิแพ้ระบบหายใจ ใช้น้ำขิงต้ม<O:p</O:p
    ๒. แก้ผื่นคัน ใช้น้ำมะนาว น้ำมะกรูด<O:p</O:p
    ๓. แก้ผื่นคัน ที่เป็นปื้นหนา และแตกตกสะเก็ดมีน้ำเหลืองไหล ใช้ดอกดีปลี ต้มน้ำ 3 ส่วน เอา 1 ส่วน กินพร้อมยา<O:p</O:p

    เหตุที่กินนานแล้วต้องหยุด เป็นเพราะ

    ยาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร หรือยาแนปัจจุบัน ล้วนมีผลข้างเคียงทั้งสิ้น ควรกินเพียง 5 วัน 7 วัน สูงสุดไม่เกิน 2 อาทิตย์ เมื่ออาการโรคหายแล้วควรหยุดยา หรือเปลี่ยนยาใหม่<O:p</O:p
    มีสมุนไพรบางตัวที่ถูกระบุว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ยาพวกนี้จะกินได้นานกว่า ประมาณ 2-3 เดือน (บางตัวกินได้ตลอดปี)<O:p</O:p

    การแก้ผลข้างเคียงของสมุนไพร หมอแผนไทยเราแก้ผลข้างเคียงโดยใช้สมุนไพรอีกตัวเข้าผสม<O:p</O:p
    เช่น <O:p</O:p
    ๑. (ในสูตรนี้) พริกไทยเป็นยาช่วย<O:p</O:p
    ๒. บอรเพ็ด กินนานไปมีผลเสียค่อตับ ใช้พริกไทยแก้<O:p</O:p
    ๓. ฯลฯ<O:p</O:p

    เหงือกปลาหมอ (พืชสมุนไพร)<O:p</O:p
    มีข้อบ่งใช้ใหญ่ อยู่ สองประเด็นคือ
    ๑. แก้น้ำเหลืองเสีย อันก่อให้เกิดอาการของประดง(เกิดผื่น-คัน)
    ๒. แก้ฝีหนองภายในภายนอก

    ดังนั้นจึงแก้อาการภูมิแพ้ อันเกิดจากน้ำเหลืองเสียได้(ขบวนการทำความสะอาดน้ำเหลืองในร่างกายทำงานบกพร่อง ไต-ตับ-ม้าม)
    และลักษณะของน้ำเหลืองเสียดังกล่าวยังกระทบถึงปอดด้วย ทำให้สมุนไพรตัวนี้แก้อาการภูมิแพ้ ที่ปอดอันมีอาการของหืด ไอ หายใจไม่สะดวก

    เมื่อน้ำเหลืองเสียนานๆ ของจะเสียตกค้างมาก เมื่อมีเชื้อโรคเข้าผสมโรง จึงทำให้เกิดฝีหนองได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นได้ทั้งภายใน(อวัยวะภายใน เช่น ตับ ปอด ฯ) ภายนอก(ที่ผิวหนัง) ดังนั้นจึงใช้แก้อาการของผู้เป็นสิว สิวหัวช้าง เป็นหนอง เรื้อรังได้
     
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ได้ครับ ใช้ แคปซูล 500 mg.
    กินตรั้งละ 2-4 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง ก่อนอาหาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2008
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    อ่านประโยคนี้แล้ว รับรู้ถึง สติ(สมาธิ)ไม่ตั้งอยู่บน"ความรู้รอบแห่งงาน"

    ตั้งอยู่บนความประมาทโดยแท้

    ลองศึกษาเรื่องความไม่ประมาทดู

    http://palungjit.org/showthread.php?t=111372
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ว่านอึ่ง ผมไม่รู้จักครับ
    อาจเป็นชื่อเฉพาะถิ่น

    ค้นในพจนานุกรมเภสัชสมุนไพรก็ไม่เจอ
     
  18. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
  19. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    อาจารย์ครับ อยากได้ยาระบายที่แรงกว่าปกติหน่อย เพราะญาติผมเป็นโรคท้องผูกเรื้อรัง ถ้ากินยาระบายต้อง 5-6 เม็ดจึงจะได้ผล บางทีต้องสวนหลายหลอด
     
  20. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ปกติผู้เป็นหมอ จะไม่ให้คนไข้ต้องใช้ยาระบายชนิดใดชนิดหนึ่งประจำ
    เป็นเพราะ เมื่อกินยาระบายแล้ว ร่างกายจะพึ่งยาในการทำงาน (ระบบขับถ่ายทำงานเองไม่เป็น)
    พอร่างกายชินกับยาแล้ว ก็ไม่ค่อยได้ผล ต้องเพิ่มปริมาณยาขึ้น จนถึงจุดหนึ่ง ยาจะเป็นโทษต่อร่างกาย
    พอเปลี่ยนชนิดของยาใหม่ อือ...ดีวุ้ย กินง่ายถ่ายค่องขึ้น นึกว่าเจอยาดีแล้ว
    ที่ใหนได้พอผ่านไป 3-5 วัน เริ่มเอาอีกแล้ว ถ่ายยากขึ้น ต้องกินยาปริมาณมากขึ้น
    ตกลงเหมือนเดิม

    ในคนที่ถ่ายยาก เป็นเพราะ ธาตุที่ทำงานในกายไม่สมดุลย์
    ธาตุลมจะพิการ ธาตุไฟกำเริบ และธาตุน้ำหย่อน ลำใส้เป็นธาตุดินเลยขี้เกียจทำงาน

    การรักษาผู้เป็นโรคนี้ ต้องปรับธาตุสี่ให้สมดุลย์พร้อมทั้งให้ยาระบายสักพัก(3-5 วัน) แล้ว งด/ลด ยาระบาย แต่ยังให้กินยาปรับธาตุต่อสักพัก(3-7 วัน)อาการต่างๆก็จะหาย ร่างกายก็จะพึ่งตนเองได้

    ยาปรับธาตุในแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องตรวจทั้งวันเดือนปีเกิด สถานที่อยู่อาศัย อาหารการกิน อายุ ฯ แล้วจึงคำนวนตั้งยา แล้วจึงบวกยาถ่ายลงไป

    ให้ยาไว้ทดลองกินดู (เป็นยาต้ม)ใส่น้ำ ๓ ส่วน ต้มเหลือ ๑ ส่วน
    กินเช้าเย็น ครั้งละ ๑/๒ - ๑ ถ้วยกาแฟ
    หรือกินก่อนนอน ครั้งเดียว (เพิ่มลดตามธาตุหนักเบา)

    ๑. ใบมะกา ๕ บาท
    ๒. ใบชุมเห็ดเทศ ๓ บาท
    ๓. กานพลู ๑ บาท
    ๔. ลูกกระวาน ๑ บาท
    ๕. กระเทียม ๓ บาท
    ๖. ขิง ๓ บาท
    ๗. สะค้าน ๕ บาท
    ๘. เกลือสินเธาว์ ๑-๒ บาท

    ตัวยา ๑-๒ เป็นยาระบายง่ายๆ ที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ อาจเก็บใบสดมาตากแห้งแล้วคั่วให้เเหลืองหอม แล้วชงเป็นชากินก็ได้(คั่วให้เหลืองกรอบ จะลดอาการปวดมวล ไซ้ท้องได้ ถ้าตากแห้ง อาจมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ได้ใส่ยาแก้ ๓-๔ ไว้แล้ว)
    ใบมะกาค่อนข้างขมมาก
    ตัวยา ๓-๔ เป็นยาช่วย แก้อาการปวดมวล และไซ้ท้อง
    ตัวยา ๕-๖ เป็นยาปรับธาตุไฟ
    ตัวยา ๗ เป็นยาปรับธาตุลม

    อย่าลืมกินน้ำมากๆด้วย เพื่อเพิ่มธาตน้ำ
     

แชร์หน้านี้

Loading...