"แสงทิพย์อริยธรรม" และ "อนุตตรธรรม" คืออย่างเดียวกันใช่หรือไม่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mossolo, 12 เมษายน 2008.

  1. mossolo

    mossolo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +101
    จากที่ผมได้อ่านมาคือ จุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ทางลัดสู่นิพพาน

    แสงทิพย์อริยธรรม ( มโนมยิทธิ)
    http://www.sangthip.com/1.1mysangthip.htm
    http://ballfriend.multiply.com/journal/item/1


    อนุตตรธรรม (รับวิถีธรรม)
    http://matiepoppy.multiply.com/journal/item/45
    http://www.vithi.com/home00.html

    อยากถามผู้รู้ "แสงทิพย์อริยธรรม" และ "อนุตตรธรรม" คืออย่างเดียวกันใช่หรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2008
  2. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    จากที่ให้ข้อมูลมา อ่านแล้ว ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่มีพื้นฐานมาจากสิ่งเดียวกัน คือ ไปหนทางสู่ปัญญา แต่ก็ล้วนเป็นกุศโลบาย

    ที่เหมือนกัน คงจะเป็นเสียเวลาเหมือนกัน แต่กระนั้นถ้าหากประกอบกับการพิจารณาแล้วย่อมเกิดผลดี

    แต่ตัวตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เจริญ สติ ด้วยการปล่อยวางให้มากจักเป็นสิ่งประเสริฐสุด ลัดสั้น ง่าย ไม่เสียเวลา ไม่หลงในสภาวะ สมมติ อาทิ ความจำ และความยึดมั่นเป็นต้น แล้วจักรู้ว่าสิ่งที่กล่าวข้างต้นนั้นมีที่มาที่ไปได้เองโดยไม่เสียเวลามาก

    เจริญในธรรม
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ขอโอกาสครับ

    ตอบว่า
    มืดบอด ไม่มีความเป็นพุทธแท้ ไม่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน อย่าไปเสียเวลา ครับ

    เพราะอะไรหรือ
    จะไม่ขอกล่าวพาดพิง เพราะถ้ากล่าวไปคุณก็ยังสงสัยอยู่
    กรรมเราแก้ไม่ได้ แต่เราสร้างกรรมดี ไล่กรรมชั่วได้ด้วย สติ
    แนะนำว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก คือ ท้าให้พิสูจน์
    ธรรมะนั้นเรียบง่ายมาก ทุกอย่างอยู่ในกายเราทั้งนั้นเลย
    คนที่เข้าถึงจิต ย่อมเข้าถึงธรรม ย่อมเห็นพุทธองค์
    เมื่อนั้นใจก็จะไม่กวัดแกว่งไปในอวิชาใดๆเลย

    ทางสายเอกนั้นมีอยู่ เป็นทางสายตรงมุ่งนิพพาน นั่นคือ สติปัฏฐานสี่
    แก้ได้ตรงจุดสุดแล้วครับ
    สาเหตุที่ยังเวียนว่าย ทุกข์บ้าง สุขบ้างในโลกียะ เป็นเพราะอวิชาเนียวแน่น
    โลภ โกรธ หลง กิเลส 3 นี้ เกิดดับอยู่ในใจคนตลอดเวลา
    ทีนี้ ถ้าไม่มีสติคอยกำกับ เราก็ประมาทในกิเลสนั้นๆ
    ถ้ามันมีมากหน่อย ความละอายบาปไม่เกิดในใจ
    มันก็สร้างกรรมไปแบบหน้ามืด ทำไปแบบไม่รู้ที่มาที่ไป
    ครั้งเมื่อเจอทุกข์หนักก็ลงข่าวหน้าหนึ่งได้
    หรือไม่ก็ไปไหว้เจ้า เข้าทรง ขอให้กรรมนั้นๆหมดไป

    พระท่านจึงบอกว่า
    " ธรรมใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ธรรมนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา "

    ชี้ให้เห็นธรรมชาติของความไม่เที่ยง ไม่มีอะไรแน่นนอน
    ทุกอย่างเกิดขึ้นที่ใจ ก็ดับที่ใจ
    ทีนี้คนเราไม่ค่อยรู้ว่าโกรธ หรือหลงอยู่
    จึงต้องมีสติตามดูระลึกรู้ สภาวะกิเลส
    โกรธก็รู้ว่าโกรธ ตัวนี้เป็นสตินะ
    เมื่อรู้จนแจ้ง สติตามรู้เท่าทัน
    กิเลสมามันก็ดับตรงนั้นเลย
    ทีนี้เมื่อสติมีกำลังมากๆ ก็เห็นความจริงของไตรลักษณ์
    เป็นมหาสติ เป็นปัญญาญาณนะ
    สามารถละความยึดมั่นในตัวตน
    ความลังเลสงสัยในธรรม
    ความเห็นผิดต่างๆ
    ถ้าละได้ดังนี้ก็เป็นอริยะบุคคลแล้ว ครับ


    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 เมษายน 2008
  4. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,174
    ค่าพลัง:
    +7,815
    (good)



    นอนดึกจังนะ หุ หุ หุ
     
  5. mossolo

    mossolo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +101
    แล้วการฝึก มโนมยิทธิ คนในบอร์ดนี้หลายท่านก็ฝึกและสามารถทำได้หลายคนแล้วไม่ใช่หรอครับ
     
  6. คุณ วัชรพงษ์

    คุณ วัชรพงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +30
    ธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน เพื่อให้หลุดพ้น เหมือนกับการเดินทางครับ ถ้าคิดว่าปฏิบัติเพื่ออยาก หลงในฤทธิ์ในเดช ก็คงจะไปไม่ถึงไหนครับ เพราะมัวแต่แวะตรงนั้นตรงนี้ ติดใจในสถานที่นั้นสถานที่นี้ ก็ถึงจุดหมายปลายทางช้า หรือไม่ถึงปลายทางที่เราตั้งใจ
    เพราะเปลี่ยนใจระหว่างทาง ไม่ไปที่นั้นแล้ว ไปตรงนี้ดีกว่า สวยกว่า ดีกว่า เพราะยึดติด หลง วางไม่ได้ วางไม่ลงเสียแล้ว
     
  7. คุณ วัชรพงษ์

    คุณ วัชรพงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +30
    ควรพิจารณาให้รู้ แต่อย่าติด อย่างหลง ไปให้ถึงปลายทางโดยปลอดภัยเถิด จะช้าหรือเร็ว ก็จงมุ่มมั่นไปให้ถึงเถิดท่าน
     
  8. gupta

    gupta สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    "khun keawnum"'s words. that's true. these's dhamma in thebuddhism.

     
  9. ..ขุนพล..

    ..ขุนพล.. สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +2
    ดันให้ เดี๋ยวท่านจะหาว่า ไม่ทำหน้าที่

    อนุตระธรรมนั้นดี เป็นของแท้ มีคุณค่า
    แต่อาจารย์เบิกธรรมแล้ว ผู้ปฏิบัติทำไม่ต่อเนื่องเอง โทษใครเล่า
    แล้วก็หาว่าไม่ดี เพราะตัวทำไม่ถึงเอง
     
  10. paramitra

    paramitra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +180
    ไม่เบิกจุด ไม่ปฏิบัติ ตกนรก
    เบิกจุด ไม่ปฏิบัติ ก็ ตกนรก

    สรุป อยู่ที่ปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ ไม่เกี่ยวกับเบิกจุด/ไม่เบิกจุด
     
  11. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณใบไม้

    ขอทราบข้อมูลเป็นความรู้หน่อยครับ

    วิถีอนุตธรรมนั้น โดยแก่นธรรมแล้วคืออะไร
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพเจ้าที่เขานับถือกัน มีอะไรบ้างครับที่สำคัญๆ
    นิกายนี้ เป็นนิกายใหม่ หรือว่าเป็นศาสนาเต๋าหรือขงจือ หรืออะไรกันครับ

    ขอบคุณครับ
     
  12. mossolo

    mossolo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +101
    แน่นอนว่าปฏิบัติไม่ดีย่อมตกนรกอยู่แล้ว ใครไหนเลยจะช่วยได้ ฟ้าดินยุติธรรม

    แต่ถ้าบำเพ็ญดี ก็สำเร็จภายในชาติเดียว และไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป นี่คือความล้ำค่าของ "อนุตตรธรรม"
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    สุดท้าย...
    เข้าถึงที่สุด....ด้วย สัจจะ
    เดินตาม...หลักสัจจะธรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    จุดมุ่งเดียวกัน ความหลุดพ้น คือ พระนิพาน
     
  15. mossolo

    mossolo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +101
    ผมตอบแทนให้ละักันนะครับ

    อนุตตรธรรมไม่ใช่นิกาย ไม่ใช่ลัทธิ ไม่ใช่ศาสนา คนส่วนมากเข้าใจผิดๆ


    [FONT=times, times new roman, serif]คำว่า "อนุตตร" มาจากภาษา สันสกฤต
    ซึ่งหมายความว่า สูงส่งที่สุด วิเศษที่สุด ล้ำเลิศที่สุด
    ปราศจากสิ่งใดๆ ที่สูงส่งวิเศษและล้ำเลิศกว่านี้อีกแล้ว

    คำว่า "ธรรม" หมายถึง สภาพที่ดำรงไว้ เป็นสภาวะที่คงไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว
    ธรรมะไม่มีการเกิด ไม่มีใครทำนานได้ว่าจะสูญเมื่อไร เพราะธรรมะไม่มีการดับสิ้น
    ดังนั้น พระพุทธองค์จึงกำหนดชื่อ
    เพื่อความเข้าใจเบื้องต้นว่า "ธรรมะ" คือ ภาวะที่ดำรงไว้ นั่นเอง

    ฉะนั้นคำว่า "อนุตตรธรรม" จึงหมายถึง
    สภาพที่ดำรงไว้ซึ่งความสูงส่ง ความวิเศษ และความล้ำเลิศที่สุด
    [/FONT]
    [FONT=times, times new roman, serif]อนุตตรธรรม [/FONT]
    [FONT=times, times new roman, serif]จึงเป็นสัจธรรมแห่งสากลจักรวาล
    สัจจะคือความจริง ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่เกิดไม่ตาย
    ด้วยเหตุนี้ อนุตตรธรรม จึงเป็นสภาวะที่ดำรงไว้ซึ่งความจริงอันอมตะ

    [/FONT][FONT=times, times new roman, serif]คำนิยาม ของศาสนา

    ศาสนา มาจากคำว่า "ศาสนัง" ซึ่งแปลว่า "การสั่งสอน"
    ศาสนาจึงเป็นหลักวิธีการปฏิบัติภายนอก เพื่อเป็นวิถีสู่อนุตตรธรรม

    ถ้าจะเปรียบไปแล้ว อนุตตรธรรมเป็นสภาวะธรรมที่อยู่ภายใน
    ส่วนศาสนาเป็นธรรมานุภาพที่แสดงออกภายนอก
    [/FONT]
    [FONT=times, times new roman, serif]เพราะฉะนั้น[/FONT]
    [FONT=times, times new roman, serif] สิ่งศักดิ์สิทธิ์พุทธอริยเจ้าที่เข้าถึงวิถีธรรม
    ได้รู้แจ้งเห็นจริงในพุทธจิตธรรมญาณเดิมแห่งตน
    แล้วจึงต้องแสดงธรรมเทศนา สั่งสอนกล่อมเกลาเวไนย
    เช่นนี้เรียกว่า "ศาสนัง" หรือ "การสั่งสอน" นั่นเอง
    [/FONT]​
    [FONT=times, times new roman, serif]ด้วยเหตุนี้ ศาสนาจึงเป็นเพียงเปลือกนอก เป็นเพียงแนวทางสู่อนุตตรธรรม
    ส่วนอนุตตรธรรมเป็นแก่นของธรรมะ ไม่ว่าจะเป็น ศาสนาใดที่ตั้งขึ้นมาก็ตาม
    [/FONT][FONT=times, times new roman, serif]ล้วนเป็นเปลือกนอกของธรรมะด้วยกันทั้งนั้น

    เราจึงได้เห็นว่า ในสมัยที่พระศาสดายังมีพระชนม์ชีพนั้น ไม่มีชื่อของศาสนานั้น ๆ เกิดขึ้น
    เช่น เมื่อครั้งพุทธกาลที่พระองค์ทรงประกาศ พรหมจรรย์นั้น ยังไม่มีศาสนาพุทธ
    ตอนที่พระเยซูคริสต์ ดำรงอยู่ก็ยัง
    [/FONT][FONT=times, times new roman, serif]ไม่มีศาสนาคริสต์

    เนื่องจาก ตอนนั้น พระศาสดายังถ่ายทอดสัจธรรมแห่งพุทธจิตธรรมญาณ
    พระองค์ยังถ่ายทอด "แก่นธรรม" พระเยซูคริสต์ก็ยังถ่ายทอด "แก่นธรรม" เช่นกัน

    แก่นธรรม ที่ว่า หมายถึง ชี้ให้เห็นสภาวะธรรมแท้แห่งตน
    แต่หลังจากที่พระศาสนดาเข้าสู่กระแสปรินิพานแล้ว
    เหล่าสาวกหรือสานุศิษย์ จึงรวบรวมเอาหลัก ธรรมคำสั่งสอนที่เรียกว่า "ศาสนัง"
    [/FONT]​
    [FONT=times, times new roman, serif][FONT=times, times new roman, serif]จัดขึ้นเป็นพระสูตร พระคัมภีร์ จีงมีศาสนาเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
    ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามปราฃญ์ หรือ เต๋า[/FONT][FONT=times, times new roman, serif]ฉะนั้นทุกศาสนา จึงเกิดขึ้นหลังจากที่พระศาสดาในศาสนานั้น ๆ[/FONT]
    [FONT=times, times new roman, serif]บรรลุธรรมกลับคืนไปแล้วทั้งนั้น[/FONT]
    [/FONT]

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ พระศรีอาริยเมตไตรย พระโพธิสัตว์กวนอิม พระพุทธจี้กง พระโพธิสัตว์จันทรปัญญา
    เทพเจ้่ากวนอู (เง็กเซียนห้องเต้องค์ปัจจุบัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มิถุนายน 2008
  16. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือพระศรีอาริยเมตไตรย พระโพธิสัตวกวนอิม พระพุทธจี้กง พระโพธิสัตวจันทรปัญญา เทพเจ่ากวนอู (เง็กเซียนหองเตองคปัจจุบัน)
    ___________________________________


    แล้วไม่นับถือเหล่าหมู่หรอ


    ฝากไว้กับความจริงของอนุตตรธรรม อ่านได้จากลิ้งค์นี้
    http://palungjit.org/threads/อนุตตรธรรม-กับความจริงที่จำเป็นต้องรู้.354445/
    ___________________________________________________

    "แสงทิพย์อริยธรรม" และ "อนุตตรธรรม" คืออย่างเดียวกันใช่หรือไม่

    ไม่ว่าคำตอบจะใช่อย่างเดียวกันหรือไม่ใช่อย่างเดียวกัน
    สุดท้ายทั้งสองอย่างนี้ก็ล้วนสร้างความมัวหมอง เสื่อมเสียให้แก่พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น
    ด้วยการเกาะเกี่ยวเป็นกาฝากกับพุทธศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2012
  17. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    จ้องแต่จะจำผิดสาสน์อื่นแล้ว เอาคำว่าปกป้องศาสนามาเป็นข้ออ้าง

    เดวก็ไประรานชาวคริตส์บ้าง อิสรามบ้าง ลบหลู่ศาสดาอื่นบ้าง



    เฮ้อชาวพุทธ
     
  18. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลในตัวของมัน กรรมนำพาให้เขาต้องเป็นแบบนั้น เราเตื่อนอย่างเดียวพอ ไม่จำเป็นต้องไปจำผิด ใช้เตือนพอ ส่วนเค้าจะเชื่อหรือไม่ต้องปล่อยไปตามบุญกรรมที่เข้าสร้างมา จะดีกว่า อย่าลืมว่าพุทธเจ้าไม่เคยจำผิดใครหรือลัทธิใด หรือแม้แต่ลบหลู่ศาสดาอื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...