ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    *อนุโมทนา กับ ทุกๆท่านครับ*สวัสดีครับผมได้รับพระแล้วครับ
    ฿฿เดือนหน้าและเดือนต่อๆไปครอบครัวผมจะส่งเงินร่วมทำบุญทุกๆครั้งครับ ฿฿
     
  2. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ตอนนี้ยอดบุญมีพี่ๆ ร่วมบุญกันมาแล้ว 1,700.- บาทครับ

    พรุ้งนี้ค่อยๆ ว่ากันต่อไปครับ จักนำส่งวันอาทิตย์นี้ครับ

    สาธุครับ
     
  3. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    พี่โสระครับ วันนี้คุณแม่ของผมได้นำเงินฝากผ่านเคาน์เตอร์เข้าบัญชีของพี่จำนวน 650 บาทเมื่อเช้าเวลาประมาณเก้าโมงกว่าๆ ของวันนี้แล้วนะครับ โดย 600 บาทเป็นเงินที่ร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯ ประจำเดือนนี้ครับและ อีก 50 บาทเป็นค่าจัดส่งพระครับ
    </O:p
    และคุณแม่ได้รับพระที่พี่ส่งให้แล้วครับ มาถึงตอนเย็นนี้เอง ขอบคุณมากๆ นะครับและขออนุโมนทนากับทุกๆ ท่านครับ <O:p</O:p
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,096

    ถึงจะเป็นน้องเล็ก แต่จิตใจมั่นคงดีมาก พี่ขอโมทนาบุญด้วย
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,096
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 1:40:30 น.-->พระประธานวัดเขมาภิรตาราม
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระประธานวัดเขมาภิรตาราม

    วัดเขมาภิรตาราม เป็นวัดโบราณมีมาก่อนสมัยอยุธยา ต่อมาจากแผ่นดินพระเจ้าอู่ทอง เดิมมีชื่อเรียกสั้นๆว่า
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,096
    พระประจำวันเกิด ต่อไปจะได้นำพระประจำวันเกิดมาลงให้ครบทั้ง 7 วันครับ เริ่มจาก....

    <TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>พระประจำวันเกิด ความเชื่อและการบูชาให้ถูกโฉลก (วันพุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์)
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระประจำวันเกิด ความเชื่อและการบูชาให้ถูกโฉลก (วันพุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์)
    พระประจำวันเกิด ความเชื่อและการบูชาให้ถูกโฉลก (วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร)

    พระประจำวันพุธ : พระปางอุ้มบาตร (ทรงโคจรบิณฑบาต)

    [​IMG]

    พุทธประวัติ ตอนทรงโคจรบิณฑบาต

    เมื่อพระบรมศาสดาบันดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงในท่ามกลางสมาคมพระญาติแล้ว และได้ตรัสเทศนามหาเวสสันดรชาดก แก่เหล่าศากยราชทั้งหลายจนจบ และพากันกลับไปโดยมิได้นิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าให้รับภัตตาหาร ครั้นรุ่งเช้า พระบรมศาสดาจึงทรงบาตรพร้อมด้วย พระขีณาสพภิกษุสงฆ์ ๒ หมื่นเป็นบริวาร เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมืองกบิลพัสดุ์ไปตามลำดับบ้านไม่มีเว้น ประชาราษฎร์ต่างก็ได้มีโอกาสชมพระบารมี และมีความปิติยินดี ประนมมือนมัสการ นับเป็นครั้งแรก ที่ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ ได้เห็นพระบรมศาสดาทรง อุ้มบาตรโปรดประชาราษฎร์
    ขณะที่พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเมื่อเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่นิโครธาราม พร้อมด้วยพระประยูรญาติ แล้วไม่ได้ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ของพระองค์ แต่ครั้นทรงทราบจากที่พระนางพิมพาไปทูลว่า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกจำนวนมากมิได้เสด็จตรงไปยังพระราชนิเวศน์ แต่กลับเสด็จบิณฑบาตไปตามถนนหนทางในเมือง ก็ทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก ทรงเสด็จลงจากพระราชนิเวศน์ บทจรโดยด่วนไปหยุดยืนอยู่ในที่เฉพาะพระพักตร์พระศาสดาแล้วกราบทูลว่า
     
  7. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    โมทนาบุญด้วยครับ
    รบกวนเรื่องฝากทำบุญตามที่ได้คุยกันนะครับ
    น้องเอ
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,096
    พระสังกัจจายน์ : พระอรหันต์ผู้บันดาลโชคลาภ
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระสังกัจจายน์ : พระอรหันต์ผู้บันดาลโชคลาภ
    ปัญญา และเมตตามหานิยม


    พระสังกัจจายน์ เป็นพระอรหันตสาวกอีกองค์หนึ่ง ที่มีผู้นิยม กราบไหว้บูชากันเป็นจำนวนมาก และก็มีผู้เข้าใจสับสนกับพระศรีอารยเมตไตรย ของจีนกันมากเช่นกัน ด้วยรูปลักษณ์ ที่ละม้ายคล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นพระอ้วน พุงพลุ้ย นั่นเอง ผู้ที่ไม่ได้มีความรู้ หรือศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับท่าน จึงเข้าใจผิดโดยรูปลักษณ์ นี่เอง

    [​IMG]

    ถ้ามาดูประวัติแล้ว จะเห็นว่า ที่มาที่ไปนั้น คนละเรื่องกันทีเดียว แต่การที่ท่านจะสังเกตนั้น กลับไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะศิลปะไทยกับจีนนั้นแตกต่างกันมาก ดูก็รู้ทันที ถ้าเป็นพระไทยก็จะเป็นพระสังกัจจายน์ แน่นอน แต่ถ้าเป็นพระจีนนั้นคือพระศรีอารยเมตไตรย หรือที่เขาเรียกกันว่า happy Buddha หรือ smile Buddha นั่นเอง (ที่จริงศัพท์อังกฤษนี่ก็ไม่น่าจะเรียกว่า Buddha ด้วยซ้ำ เพราะเห็นอะไรเข้าข่ายเป็นพระพุทธรูป ก็เรียกเหมารวมไปหมดเลยว่า Buddha ที่จริงนอกจากพระพุทธรูปที่เป็นรูปแทนพระสมณโคดมแล้ว ยังมีพระโพธิสัตว์ พระอัครสาวก พระอริยสงฆ์ อีกมากมาย ที่ควรจะเรียกต่างกัน) ดังนั้นการแยะว่าองค์ไหนเป็นองค์ไหนนั้น ดูที่ศิลปะเป็นหลัก ดูที่วัดก็ไม่ได้นะครับ เพราะเดี๋ยวนี้วัดไทยหลายๆวัด ก็นิยมสร้างพระศรีอารยเมตไตรย กันมาก สร้างพร้อมกับพระโพธิสัตว์กวนอิม (อันนี้พระสงฆ์ท่านสร้างเพื่อเป็นกุศโลบายในการหาปัจจัยบำรุงวัดมากกว่า เพราะก็ต้องยอมรับกันว่า คนไทยเชื้อสายจีนนั้น ค่อนข้างมีฐานะดี เข้าวัดไหนก็จะทำบุญวัดนั้นมาก)

    [​IMG]

    ประวัติของพระสังกัจจายน์

    พระสังกัจจายน์ มีพุทธลักษณะอ้วน พุงพลุ้ย จึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ ท่านเป็นหนึ่งในพระสาวกผู้ใหญ่ ที่เป็นเอตทัคคะองค์หนึ่งในบรรดาพระเอตทัคคะ ๔๑ องค์ ลักษณะของพระสังกัจจายน์ โดดเด่นแตกต่างจากพุทธสาวกองค์อื่นๆ ทั้งปวง

    พระสังกัจจายน์ เป็นบุตรของพราหมณ์ปุโรหิต กัจจายโคตร หรือกัจจายนโคตร ในแผ่นดินของพระเจ้าจัณฑปัชโชต กรุงอุชเชนี เมื่อกัจจายนะกุมารเจริญวัย เรียนจบไตรเพท บิดาได้ถึงแก่กรรม จึงได้รับตำแหน่งปุโรหิตแทนบิดา ครั้นต่อมาพระเจ้าจัณฑปัชโชต ทรงทราบว่า พระศาสดาตรัสรู้แล้ว และเสด็จเที่ยวโปรดสัตว์สั่งสอน ธรรมะที่พระองค์สอนนั้น เป็นธรรมที่แท้จริง ยังประโยชน์แก่ผู้ประพฤติตาม จึงมีพระประสงค์ใคร่เชิญเสด็จพระบรมศาสดาไปประกาศที่กรุงอุชเชนี จึงรับสั่งให้กัจจายนะปุโรหิตไปทูลเสด็จยังกรุงอุชเชนี

    กัจจายนะปุโรหิตพร้อมด้วยผู้ติดตาม ๗ คน จึงออกจากกรุงอุชเชนี ครั้นมาถึงจึงพากันเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา พระองค์ทรงเทศน์สั่งสอน ในที่สุดบรรลุอรหันต์ทั้ง ๘ คน หลังจากนั้น ทั้ง ๘ ก็ทูลขออุปสมบท ทรงอนุญาต ครั้นอุปสมบทแล้ว จึงทูลเชิญเสด็จกรุงอุชเชนี ตามหน้าที่ พระองค์รับสั่งว่า
    "ท่านไปเองเถิด เมื่อท่านไปแล้ว พระเจ้าปัชโชตจักทรงเลื่อมใสท่าน"
    พระกัจจายนะจึงออกเดินทางพร้อมพระอรหันต์อีก ๗ องค์ ที่ติดตามมาด้วย กลับคืนสู่กรุงอุชเชนี และประกาศสัจธรรมให้แก่พระเจ้าจัณฑปัชโชต พร้อมชาวพระนคร ให้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและถ้อยคำประกาศอันเป็นสัจธรรม หลังจากนั้นจึงกลับคืนสู่สำนักของพระพุทธองค์

    พระพุทธองค์ ตรัสว่า ท่านเป็นผู้ฉลาดในการอธิบาย แห่งการย่อคำพิสดาร
    นับจากนั้นมาพระสังกัจจายน์ก็เป็นผู้สรุปย่อคำสอน บอกแก่บรรดาสาวกทั้งหลาย ด้วยความพอใจอย่างยิ่งในคำย่อนั้น และยังเป็นผู้ทูลขอให้พระพุทธองค์บัญญัติแก้ไขพุทธบัญญัติบางประการ ปรากฏว่าเป็นที่พอพระทัยแก่องค์พระศาสดาเป็นอย่างมาก

    [​IMG]

    พระสังกัจจายน์ เป็นผู้มีรูปงาม ผิวเหลืองดุจทอง ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีโสเรยยะบุตรเศรษฐีคะนอง เห็นพระสังกัจจายน์จึงปากพล่อยกล่าวว่า ถ้าเราได้ภรรยามีรูปกายงดงามเยี่ยงท่านนี้ จักพอใจยิ่ง พลันปรากฏว่าโสเรยยะบุตรมหาเศรษฐีหนุ่มคะนองปาก ได้กลายเพศเป็นหญิงในทันที จึงหลบหนีไป ต่อมาได้สามีและบุตรสองคน จึงกลับมาขอขมากับพระสังกัจายน์ โสเรยยะจึงกลับคืนสู่เพศชายเช่นเดิม นับว่าพระสังกัจจายน์มีฤทธิ์อำนาจยิ่งองค์หนึ่งในพุทธสาวก และเพราะรูปกายอันงดงามของพระสังกัจจายน์ นี้เองได้สร้างความปั่นป่วนแก่อิตถีเพศอย่างมาก ทานจึงได้เนรมิตกายใหม่ให้อ้วน พุงพลุ้ย น่าเกลียด เพื่อความสงบแห่งจิตและกิเลส ของผู้พบเห็น

    [​IMG]

    ชาวพุทธเราจำนวนไม่น้อยต่างหวังแต่โชคลาภ สักการะ อันเป็นทรัพย์สมบัติ แต่ลาภอันประเสริฐที่แท้จริง คือ "ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" นั้น ตามบาลีที่ว่า "อโรคฺยาปรฺมา ลาภา" กลับไม่ค่อยสนใจ

    พระพุทธองค์ ทรงเน้นเรื่องโรคทางใจมากกว่าเรื่องโรคทางกาย พระองค์สรุปว่า "ผู้ที่ไม่มีโรคทางกายเป็นเวลาหลายปีนั้นพอหาได้ แต่ผู้ที่ไม่มีโรคทางใจแม้เพียงชั่วเสี้ยวนาที ก็หาได้ยาก"

    [​IMG]

    ชาวพุทธเรากราบไหว้สักการบูชาพระสังกัจจายน์เพื่อให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล 3 ประการแก่ตนเองและครอบครัวคือ
    1. โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ พระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องให้เป็นพระผู้อุดมด้วยโภคทรัพย์ และลาภสักการะเสมอด้วยพระสิวลี
    2. สติปัญญา เนื่องเพราะพระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศในทางอธิบายความพุทธภาษิต ท่านเป็นอรหันต์ผู้มีปฎิภาณเฉียบแหลม
    3. ความงามและความมีเสน่ห์ เนื่องจากเพราะก่อนที่ท่านจะอธิษฐานจิตให้รูปร่างเปลี่ยนแปลง พระสังกัจจายน์มีผิวดั่งทองคำและมีรูปงามละม้ายเหมือนพระพุทธเจ้า จนแม้แต่เทพยดา พรหม มนุษย์ทั้งปวงพากันรักใคร่ชื่นชม

    ส่วนประวัติของพระศรีอารยเมตไตรย นั้นมีว่า
    พระศรียอารยเมตไตรยเป็นพระโพธิสัตว์ รอที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ถัดไป เมื่อสิ้นพุทธกาลของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีตำนานกล่าวถึงรูปลักษณ์ไว้สองเรื่อง คือ

    ตำนานแรก บอกว่ามีพระสงฆ์ชื่อ ชีฉื่อมีรูปร่างอ้วนท้วน แต่พยากรณ์อากาศและโชคชะตาได้แม่นยำได้ทิ้งปริศนาธรรมไว้ก่อนมรณภาพเกี่ยวกับ "พระศรีอารยเมตไตรย" ต่อมาจึงทราบว่าหลวงจีนท่านนี้คือนิรมาณกาย (การแบ่งภาคมาเกิดในโลกมนุษย์) ของพระศรีอารยเมตไตรย จากนั้นก็เลยยึดเอารูปร่างของพระชีฉื่อมาเป็นต้นแบบในการสร้างประติมากรรมเพื่อระลึกถึงพระศรีอารยเมตไตรยนั่นเอง

    [​IMG]

    ส่วนตำนานที่สอง กล่าวว่า ในการชุมนุมเทพยดาตามเรื่องราวคัมภีร์มิลอแอ้แซเก็ง เซียนองค์หนึ่งพรรณาไว้ว่า เห็นพระศรีอารยเมตไตรยประทับอยู่เบื้องขวาของพระพุทธเจ้า รูปลักษณ์ของท่านจำได้ง่าย ด้วยว่าท่านห่มจีวรแบบเปิด เห็นท้องที่ใหญ่และหน้าตายิ้มแย้มตลอดเวลา ซึ่งจากตำนานนี้ก็ยังยืนยันว่าท่านมีลักษณะอ้วนอยู่เองก่อนแล้ว ต่างกับตำนานแรกว่าคนยึดเอารูปหลวงจีนชีฉื่อมาเป็นต้นแบบเพราะถือว่าเป็นนิรมาณกายของพระโพธิสัตว์

    [​IMG]

    ดังนั้นเรื่องนี้คงจะทำให้ทุกท่านไม่สับสน และเข้าใจผิดต่อไปว่าเป็นองค์เดียวกัน การกราบไหว้บูชาก็จะกระทำได้ถูกต้อง อธิษฐานขอพร ก็จะไม่ผิดองค์นะครับ

    การบูชาพระสังกัจจายน์ให้เป็นมงคล
    บูชาด้วยธูป 3 ดอก พร้อมดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมต่างๆ หรือดอกบัว มิว่าจะบูชาด้วยดอกใดให้ใช้ 7 ดอก ถวายน้ำสะอาด 1 แก้วและถวายผลไม้ทุกวันพระ

    คาถาบูชา
    กัจจานะ จะ มหาเถโร พุธโธ พุทธานัง พุทธะตัง พุทธัญจะ พุทธะ สุภา สิตัง พุทธะตัง สะมะนุปปัตโต พุทธะ โชตัง นะ มามิหัง ปิโยเทวะ มะนุสสานัง ปิโยพรหม นะ มุตตะโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง ปิยินทะริยัง นะ มามิหัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ปุริโสชะนา อิถีชะนา ราชาภาคินิ จิตตัง อาคัจฉาหิ ปิยังมามะฯ

    คาถาบูชาขอลาภ (สวดบทนี้ได้ทุกวันเพื่อสิริมงคล)
    กัจจายะนะ มะหาเถโร เทวะตานะระ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง ภะวันตุ เม ลาเภนะ อุตะโมโหติ โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง สัพพะลาภา สะทาโสตถิ ภะวันตุ เม
    [/SIZE]


    ขอขอบคุณ

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=travelaround&group=6
     
  9. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้ได้โอนเงินจำนวน 7000 บาท เข้าบัญชีของทุนนิธิฯ เป็นเงินทำบุญตามรายนามดังนี้ครับ
    คุณกนกพร นิตย์ธีรานนท์ 1098 บาท
    คุณพิชญ์ธนัน อนันธรสิริ 102 บาท
    คุณมาลินี ชาติขุนพล 100 บาท
    คุณชัชวาล คูสมิทธ์ 300 บาท
    คุณอนันต์ และ คุณสุนารี ตั้งธาราวิวัฒน์ 1000 บาท
    คุณวิศัลย์ ณ ระนอง 1000 บาท
    คุณนพวรรณ อัครวิทยาภูมิ 1000 บาท
    คุณไตรเทพ พฤกษ์ประเสริฐดี
    คุณปราณี พฤกษ์ประเสริฐดี 1000 บาท
    คุณนาลดา อมรพัชระ 300 บาท
    เด็กชาย วิภูช์ ตั้งธาราวิวัฒน์ 100 บาท
    คุณพลภัทร ตั้งธาราวิวัฒน์ และ ทุกๆท่านที่โอนเงินช่วยค่าส่งพระและเหลือนำมาร่วมกัน1000 บาท

    บางท่านผมเขียนชื่อหรือนามสกุลผิดก็ขออภัยด้วยครับ ส่วนบางท่านรวมกันมาไม่ได้บอกชื่อ แต่ก็ส่งเงินให้ครบครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2008
  10. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    วันนี้ก็มีพี่ฝากร่วมบุญมา 3,000 กว่าๆ รวมกับ 1700 ก็ 5,000 ได้ครับ

    จักนำไปร่วมบุญ วันอาทิตย์นี้ครับ

    สาธุครับ
     
  11. onimaru_u

    onimaru_u เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +854
    วันที่ 24/05/08 เวลา 09.04 น. ได้โอนเงินจำนวน 300 บาท
    ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธฯ แล้วครับ
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  12. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้โอนเงินเข้าทุนนิธิฯอีก1250บาทโดยมีรายชื่อดังนี้ครับ
    คุณธิติ 600บาท
    คุณภิญญดา ตั้งธาราวิวัฒน์ 650บาท
    ขอโมทนากับทั้งสองท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2008
  13. narin96

    narin96 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +28
    แจ้งการได้รับพระและการร่วมบุญ
    เคยร่วมบุญไปนานแล้ว ไม่นึกว่าจะได้รับพระครับ แต่ก็ได้รับแล้ว ขอขอบคุณ

    เช้าวันนี้ ๒๔ พค.๕๑ ได้โอนเงิน ๒๕๐ บาท เข้าทางกสิกรไทยเพื่อเป็นค่าจัดส่ง ๕๐ บาท ที่เหลือเข้าร่วมบุญครับ
     
  14. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ณ ตอนนี้ยอดร่วมบุญ ประมาณ 6,300.- บาทครับ

    เมื่อเช้าโทรถามน้องสาวว่าจะมาด้วย ก็ประมาณกว่านั้นครับ

    และยังมีน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ อาจารย์ ที่จะไปในวันพรุ้งนี้ครับ

    ผมเองก็ไม่ได้ตรวจถาม ทุกท่าน หลังออก E-Mail ถามบางท่าน

    พี่ๆ เตรียมตัวละกันนะครับ ไม่แน่ใจว่ากองจะใหญ่ไหมครับ

    ผมเองก็ไม่รู้ครับ พรุ้งนี้พบเจอก็ว่ากันไปครับ
    เรียกว่า คณะ Chaipat ละกันจะเข้าใจง่ายครับ

    ไม่มีความหมายใดๆ ลึกซึ้งนะครับ เป็นคำ แทนของกลุ่มละกันครับ

    สาธุครับ
     
  15. 16

    16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +419
    ดีแล้วครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ :cool:
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,096
    พระพุทธรูปปางป่าเลไลย์

    [​IMG]

    พุทธประวัติ ตอนป่าเลไลย์

    ณ เมืองโกสัมพี มีพระภิกษุ ๒ ฝ่ายอยู่ในวิหารเดียวกันคือฝ่ายพระวินัยธร ที่ถือเคร่งครัดทางพระวินัย และฝ่ายพระธรรมธร ที่ถือการแสดงธรรมเป็นใหญ่ แต่ละฝ่ายก็มีลูกศิษย์เป็นบริวารมากมาย วันหนึ่งพระธรรมธรได้เข้าไปในห้องน้ำ ใช้น้ำแล้วเหลือไว้นิดหนึ่ง เมื่อพระวินัยธรเข้าไปเจอน้ำเหลือไว้ จึงได้ตำหนิพระธรรมธร ตัวพระธรรมธรเองก็ได้ยอมรับผิดต่อพฤติกรรมนั้น แต่พระวินัยธรกลับนำเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้ไปพูดกันไป พูดกันมา จนเป็นสาเหตุให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการทะเลาะวิวาทกันรุนแรง เพราะเหตุเพียงเล็กน้อยเอง เมื่อไม่สามารถจะระงับกันได้ พระพุทธเจ้าได้แสดงเหตุของการแตกแยก และคุณของความสามัคคี แต่ก็หาเชื่อต่อพระพุทธเจ้าไม่ ซ้ำยังแสดงคำพูดที่ไม่เหมาะสมว่า ขอให้พระพุทธเจ้าอยู่เฉยอย่ามายุ่ง พระพุทธองค์เห็นว่าไม่สามารถจะระงับได้ จึงส่งพระโมคคัลลานะ ไปช่วยระงับ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ยอมเชื่อฟัง ทำให้พระพุทธองค์เกิดความเบื่อหน่ายระอาใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง แม้ชาวบ้านเองก็แตกเป็น ๒ ฝ่ายตามพระที่ตนเองนับถือ ส่วนพุทธศาสนิกชนที่มีศีลก็ระอาพากันคว่ำบาตร ไม่ให้การบำรุงพระสงฆ์เหล่านั้น เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ายพระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จไปอยู่ ณ ป่าได้มีช้างปาริไลยกะและลิงคอยทำการอุปัฏฐาก มีความพระเกษมสำราญในการอยู่คนเดียว จากเหตุการณ์นี้ ถือว่าเป็นเหตุการณ์อันน่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงพฤติกรรมของพระ ๒ ฝ่ายในขณะนั้น ไม่เชื่อฟังแม้กระทั้งพระพุทธเจ้า พุทธศาสนิกชนจึงได้สร้างพระปางนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถึงการแตกสามัคคี การทะเลาะวิวาทกัน

    ดวงชะตา
    สิทธิการิยะ คนเกิดวันพุธแยกเป็นสองนัยคือ พุธกลางวันอย่างหนึ่ง
    พุธกลางคืนอย่างหนึ่ง
    คนเกิดวันพุธกลางวันนั้น ท่านว่าเป็นคนมีฝีปากกล้า ค้าขายคล่องแคล่ว เดินทางเก่ง ติดต่อสื่อสารกับผู้ใดมักได้ลาภเสมอ แต่มักทำคุณคนไม่ขึ้น ทำดีสิ่งใดมักไม่มีใครเห็น โบราณจารย์ท่านจึงได้ให้พระปางอุ้มบาตร เป็นพระประจำวันเกิด มีความหมาย ถึงการบิณฑบาต โปรดสัตว์ โดยมิได้เห็นแก่พระราชามหากษัตริย์หรือขอทานยาจก แม้ผู้ใดปรารถนาในกุศล ท่านโปรดเท่าเทียมกัน จึงเป็นอนุสติ แก่เจ้าชะตาผู้เกิดในวันพุธกลางวัน ว่าแม้ทำความดี มิมีได้เห็น ก็ไม่ต้องใส่ใจ

    คนเกิดพุธกลางคืนนั้น ท่านว่า เป็นคนลึกลับมีความรู้ความสามารถในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถ มักจะมีลางสังหรณ์ทราบการณ์ล่วงหน้า แต่มักไม่ค่อยมีคนเข้าใจเวลามีปัญหา โบราณจารย์ท่านจึงให้พระปางป่าเลไลย์เป็นอนุสติ เนื่องจากพระปางนี้ เป็นปางที่พระพุทธเจ้าทรงเบื่อหน่ายพระสาวกที่ขัดแย้งกัน พระพุทธองค์จึงทรง เสด็จไปเพียงลำพัง ณ ป่าเลไลย์ มีช้างป่ามาถวายกล้วย และ ลิงมาถวายน้ำผึ้ง ฯลฯ

    พระเครื่องที่เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธกลางวันนั้น เนื่องจากวันพุธเป็นฤกษ์แห่งการทำกิน พระเครื่องที่เหมาะสมนั้นควรเป็นพระประเภทลีลา หรือปางลีลาเสด็จกลับจากดาวดึงส์ มีความหมายแห่งความก้าวหน้า อาทิเช่น พระกำแพงเพชรลีลา พิมพ์ต่างๆ เช่น ลีลาเม็ดขนุน , ลีลาพลูจีบ , ลีลากลีบจำปา , ลีลาเมืองสวรรค์ ชัยนาท ลีลายี่สิบห้าพระพุทธศตวรรษ พุทธมลฑล ฯลฯ
    สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันพุธกลางวัน พระคู่กายคือ พระยืนปางลีลาต่างๆ (พระลีลายี่สิบห้าพระพุทธศตวรรษ จัดสร้างที่พุทธมลฑล สร้างขึ้นจำนวนมาก หาง่ายและไม่แพง 200-300 บาท ก็เช่าได้แล้ว แต่ลีลาอื่นๆนั้น เป็นหมื่นเป็นแสนทั้งสิ้น)

    สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืนนั้น เนื่องจากลักษณะวันนั้น ผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืนมักมีสัมผัสพิเศษ และมีลางสังหรณ์มากกว่าวันอื่น ดังนั้นนอกจากพระเครื่องพระพิมพ์ที่อาราธนาแล้วควรจะมีเครื่องราง เสริมดวงได้ป้องกันอาถรรพ์ต่างๆ ซึ่งคนที่เกิดในวันนี้ สัมผัสได้ง่าย ตัวอย่างเครื่องรางที่ควรพกพา เช่น ราหูอมจันทร์ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง , ตะกรุดคณาจารย์ต่างๆ , ลูกอมผงพุทธคุณ ฯลฯ
    สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันพุธกลางคืน พระคู่กายคือ พวกเครื่องรางแบบต่างๆ (ที่จริงเครื่องรางต่างๆก็คือเครื่องรางจริงๆตามชื่อ ไม่ใช่พระเครื่อง หาไม่ยาก พระราหูก็ไม่ใช่พระเครื่องเช่นกัน อาจจะมีบ้างที่สร้างเป็นพระเกจิอาจารย์ด้านหน้า และพระราหูอยู่ด้านหลัง น่าจะเหมาะกว่าการใช้เครื่องรางของขลัง เพราะเราชาวพุทธ ย่อมพึ่งพระรัตนตรัยเป็นสรณะ )
    ผู้ที่เกิดวันพุธ ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีเขียว หรือสีเขียวใบไม้ ส่วนสีรองๆ ลงมา คือ สีเหลือง สีเทา สีดอกรัก สีเมฆหมอก สีขาวนวล พึงเว้น สีม่วง

    วันพุธ (กลางวัน)
    คาถาสวดบูชา
    สัพพาสีวะชาตีนัง ทิพพะมันตาทะคัง วิยะ ยันนาเสติ วิสังโฆรัง
    เสสัญจาปิ ปะริสสะยัง อาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณิณัง
    สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะเส ฯ


    อาหารที่ควรถวายพระประจำวันนี้
    อาหารคาว : เน้นสีเขียว-หมู แกงเขียวหวานหมู หมูปิ้ง หมูทอด ผัดพริกหมู คะน้าน้ำมันหอย
    อาหารหวาน : ขนมเปียกปูนเขียว น้ำฝรั่ง ชมพู่เขียว องุ่นเขียว มะม่วงเขียวเสวยฝรั่ง ชามะนาว
    ของถวายพระ : สมุด กระดาษ ปากกา ดินสอ อุปกรณ์การเรียนการศึกษา
    การทำทาน : คนพิการทางหู โรงพยาบาลโรคสมอง โรงเรียนสอนคนหูหนวก
    การประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : อ่านหนังสือธรรมะ ร้องเพลง ฝึกสร้างความมั่นใจให้ตนเอง

    วันพุธ (กลางคืน)
    คาถาสวดบูชา
    สัพพาสีวะชาตีนัง ทิพพะมันตาทะคัง วิยะ ยันนาเสติ
    วิสังโฆรัง เสสัญจาปิ ปะริสสะยัง
    อาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณิณัง
    สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะเส ฯ

    อาหารที่ควรถวายพระประจำวันนี้
    อาหารคาว : ของหมักดอง ผักกาดดองผัดไข่ อาหารกระป๋อง แกงใบยอ หมูยอ แหนม ไข่เยี่ยวม้า ห่อหมก
    อาหารหวาน : ข้าวหมาก ขนมเปียกปูนดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผลไม้หัวโตๆ ทุเรียน
    ของถวายพระ : พัดลม เทปธรรมะ ยาแก้โรคลม ยาหอม
    การทำทาน : มูลนิธิหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับยาเสพติด
    การประพฤติตนของคนเกิดวันนี้ : เลิกบุหรี่ เลิกดื่มหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เลิกการพนัน เลิกทำตัวเหลวไหล เลิกเที่ยวกลางคืน เลิกยาเสพติดทุกชนิด
    ผู้ที่เกิดวันราหู หรือวันพุธกลางคืน นี้ ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีเมฆหมอก สีเทา หรือสีดำหลัว ส่วนสีรองๆ ลงมา คือ สีแดง สีขาวนวล สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ พึงเว้นสีเหลือง




    ขอขอบคุณ

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=travelaround&group=21




     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,096
    เวบที่ควรเข้าไปหาความรู้ ขอให้เข้าไปดูที่นี่แทนก็ได้ครับ
    http://www.freewebs.com/buddhaimages/


    Buddha Images :
    On Life of the Buddha
    The completed story of Lord Buddha
    with colorful pictures of Buddha Images & sculptures.
    From Thailand and all over the world of Buddhist Country.
    Thai Version : Please visit this website -
    http://buddhaimages/blogth.com.
    ( now updated to 114 postures )
    [​IMG]
    The life of the Buddha presented in the subsequent acts as a report of the founder of Buddhism as the Buddhist tradition tells it. The whole story of the Buddha takes on a mythic and legendary character. A wealth of detail is to modern sensibilities of a decidedly "miraculous" and "supernatural" nature. This legends surrounding the life of the Buddha have been the principal sources of inspiration for the creators of Buddhist art especially the Buddha Images. A knowledge of these are needed for a meaningful insight into the nuances of Buddhist art, since each stage of the Buddha's many existences plays a part in the development of this art in many country which people are Buddhism.

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    <O:p</O:p
    Of course, modern scholars have attempted to find out who was the historical Buddha and have agreed upon a few bare facts of the life of a man who, some 2,500 years ago, left home to become a wandering ascetic and attained perfect enlightenment. But then they have faced another problem of missing the story’s own sense of truth, which has made a great impact on the mentality of Buddhist followers throughout ffice:smarttags" /><ST1:place w:st="on">Asia</ST1:place>. In other words, that legendary account of the Buddha in turn constituted another reality on which Buddhist thoughts and practices have prevailed.

    <O:p</O:p
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    <!-- ParagraphBodyEnd --><!-- ParagraphEnd 112104330 -->
    <!-- ParagraphStart 112104639 -->
    <!-- ParagraphTitleStart --><!-- ParagraphTitleEnd -->

    <!-- ParagraphBodyStart -->Over 100 pictures of Buddha Image postures
    in colorful and interested original wood craving Buddha images.
    And Painted sculptures panel from Thailand
    Notes : This story still not finished , we still research for more postures
    that ever made and will be added and updates all the time.
    If you have any comments or suggestions, please feel free to
    send E-mail to : d_sign_place@yahoo.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,096
    เรื่องพระพุทธประวัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฯ องค์ปัจจุบัน เป็นเรื่องที่น่าอ่าน น่าติดตามมาก เพื่อเป็นเผยแพร่และเทิดทูนพระคุณท่านที่ประกอบด้วยวิริยะ อุตสาหะ รวมถึง พระเมตตา บารมี ที่ได้ทรงสั่งสอนปวงสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากวัฏฏะสงสารนี้ จึงจะทยอยนำมาลง ในกระทู้ให้อ่านกัน โดยขออนุญาตท่านเจ้าของลิขสิทธิไว้ใน comment ในบทแรกของเรื่อง ตาม blog travelaround.bloggang.com โดยนามท่านผู้เขียนคือ travelaround จึงขอขอบคุณท่านไว้ ณ ที่นี้


    พระพุทธประวัติ : ตอนที่ ๑ - สุเมธาดาบส
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พุทธประวัติ ภาคพิเศษ[/SIZE]

    [SIZE=-1]ผมอยากนำเสนอเรื่องราวของ พระพุทธประวัติ ในอีกรูปแบบหนึ่ง สืบเนื่องมาจาก การค้นคว้าเรื่องของปางพระพุทธรูป ซึ่งอ้างอิงจากตำราต่างๆเสร็จไปแล้ว ยังมีความเห็นว่า แต่ละตำราที่เขียนหรือแปลกันขึ้นนั้น ไม่ว่าจากพระไตรปิฎกฉบับไหน นิกายไหน จะมีความละเอียดหรือเน้นเรื่องราวต่างกัน ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน จึงมีความคิดที่จะนำมารวบรวมเข้าด้วยกัน โดยยึดหลักตามพุทธประวัติที่ต่อเนื่องตามพรรษาตั้งแต่ทรงประสูติ จวบจนปรินิพพาน ในเชิงบุคคลาธิษฐาน เพื่อให้ผู้อ่านได้จินตนาการเรื่องราวไปกับอดีต และเกิดปีติซาบซึ้งใจในพระจริยาวัตรหรือพระอิริยาบทต่างๆ โดยมีภาพประกอบเป็นพระพุทธรูปหรือภาพเขียน ให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ผมไม่ใช่ผู้รอบรู้ในทางพุทธศาสนามากนัก จึงอาจจะเขียนอะไรผิดพลาดไปได้ หวังว่าผู้ที่รู้คงจะช่วยติชม ชี้แนะในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อแก้ไขปรับปรุงเนื้อเรื่องให้ดีขึ้นต่อไป [/SIZE]

    [SIZE=-1]แต่ตอนแรกนี่ขอนำเรื่องพระสุเมธดาบสมาเริ่มก่อน เพราะน่าสนใจไม่น้อย[/SIZE]

    [SIZE=-1]พระสุเมธดาบส[/SIZE]

    [SIZE=-1]เมื่อกาลเวลาจะถึงสมัยพุทธภูมิ ของสมเด็จพระสัมมาทีปังกรพุทธเจ้า อนิยตโพธิสัตว์ ก็จุติเป็นบุตรของพราหมณ์มหาศาล ซึ่งเป็นบุตรโทน มีทรัพย์สินมากมาย เป็นผู้เชียวชาญในเชิงมนต์ และรู้แจ้งในไตรเภท มีนามว่า สุเมธ เมื่อบิดามารดาได้สิ้นชีวิตหมดแล้ว ท่านสุเมธ ก็ดำหริกับตัวเองด้วยจินตามยปัญญาว่า "ทรัพย์สินที่เรามีมากมายนั้น ช่วยอะไรได้เพราะชีวิตนี้ก็ต้อง แก่ ต้องเจ็บและต้องตาย แล้วทรัพย์สินก็ไม่สามารถติดตามไปได้เมื่อเวียนว่ายตายเกิด โดยไม่รู้ถึงจุดหมายปลายทาง เราจะห่วงอะไรกับสิ่งที่เป็นภายนอก ควรแสวงหาโมกธรรม อันเกษม เพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ในจิตใจเสียดีกว่า [/SIZE]

    [SIZE=-1]เมื่อท่านสุเมธคิดได้ดังนี้ จึงตัดสินใจบริจาคทรัพย์สินมากมายใช้เวลาเป็นเดือน จึงหมดสิ้น เหลือแต่บริขารออกบวชเป็นดาบส สุเมธดาบสได้สร้างอาศรม อยู่ในราวป่าแห่งหนึ่ง บำเพ็ญภาวนาจนบรรลุอภิญญา 5 และสนใจอยู่ในการเข้าสมาบัติเป็นประจำ เมื่อสมเด็จพระทีปังกรพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ทรงสั่งสอนสรรพสัตว์ ให้ก้าวล่วงพ้นจากภพ จากวัฐฏสงสาร แม้เสียงกล่าวถึง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จะขจรไกลไปทั่ว แต่สุเมธดาบสหาได้รับรู้ไม่ เพราะมัวแต่สนใจเข้าสมาบัติ [/SIZE]

    [SIZE=-1]ณ วันหนึ่งสุเมธดาบส ออกจากฌานสมาบัติ ประสงค์รสอาหารที่ต่างจากผลไม้ จึงดำริที่จะบิณฑบาตในเมือง จึงเข้าอภิญญาเหาะไปในนภากาศ ซึ่งในขณะนั้น พระทีปังกรพุทธเจ้าทรงเสด็จโปรดประชาสัตว์ มีผู้คนรอรับเสด็จมากมายเรียงรายกันเป็นทิวแถว เมื่อสุเมธดาบสเหาะมาทางอากาศ ก็ได้ยินเสียงกล่าวว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาๆ และเห็นหมู่เหล่าเทพเทวดา ทำการพุทธบุชากันมากมายด้วยทิพย์จักษุ เมื่อได้ยินได้เห็นเหล่ามนุษย์และเทพเทวดาทำพุทธบุชา จึงบังเกิดความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เหาะลงบริเวณที่ฝุงชนเรียงแถวกันรอรับเสด็จ และแลเห็นฝุงชนกำลังทำทางดำเนินรับเสด็จให้ราบเรียบ แต่ละท่านก็แบ่งเป็นส่วนๆ สุเมธดาบสก็มีความประสงค์ที่จะสร้างบุญกุศลแด่องค์สมเด็จพระสมมาสัมพุทธเจ้า จึงขอแบ่งที่มาตอนหนึ่งจากชาวบ้าน สุเมธดาบสมีความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงนำดินขนทราย มาทำทางดำเนินให้ราบเรียบ แต่ตรงส่วนที่สุเมธดาบสทำนั้นเป็นหลุมเป็นบ่อมีน้ำขัง สุเมธดาบสทำทางเกือบเสร็จแล้ว เหลือพืนที่เพียง 1 ช่วงตัวที่ยังมีน้ำขังอยู่ และพระพุทธองค์ก็กำลังเสด็จมา ซึ่งจะขนดินทรายมาถมก็ไม่ทันการณ์ จึงเอาลำตัวนอนคว่ำปิดช่วงที่น้ำขังนั้น และมีจิตจินตนาการด้วยความปีติยินดีไปว่า "เราได้ทำมหากุศลนี้แก่พระพุทธองค์ และเหล่าพระสาวก เพื่อประสงค์ให้ตรัสรู้ เป็นดังพระพุทธองค์ในภายหน้า " ขณะนั้นพระทีปังกรพุทธเจ้าทรงเสด็จมาถึงเบื้องหน้า สุเมธมาบสก็กราบทูลว่า "ขอให้พระพุทธองค์ทรงดำเนินไปบนหลังข้าพระองค์ ไม่ให้พระบาทของพระองค์เปียกด้วยโคลนตม" ครั้นนั้นพระพุทธองค์ทรงพิจารณาด้วยพระสัพพัญญูตาญาณ แล้วตรัสพระวาจา แก่ชาวประชาพุทธบริษัททั้งหลายในที่นั้นว่า [/SIZE]
    [SIZE=-1]"ถ้าท่านทั้งหลายแคล้วคลาดจากอมตธรรมไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานในศาสนาของเรานี้ และยังต้องท่องเที่ยวอยู่ในภพสงสาร นานไปในอนาคตกาลเบื้องหน้า ก็จงปรารถนาให้ใด้บรรลุในศาสนาของดาบสนี้เถิด ในอีก 4 อสังไขยแสนกัป ดาบสผู้นี้จะได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในโลก มีนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า" หลังจากนั้นทั้งมนุษย์และหลายเทพเทวดาก็กล่าวสาธุการ สนั่นดังไปทั่ว [/SIZE]
    [SIZE=-1]ขณะนั้นก็มีหญิงสาวผู้หนึ่งเข้ามากราบแทบพระบาทของพุทธองค์ แล้วกล่าววาจาว่า " ข้าพระบาทได้แลเห็นท่านดาบส ลงมาจากนภากาศ ข้าพระบาทมีความศรัทธาในท่านดาบส เห็นท่านดาบสสร้างทางและทอดกายเป็นสะพาน ข้าพระบาทมีปีติและศรัทธายิ่งขึ้น และเมื่อพระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ ท่านดาบสว่า จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ข้าพระบาทเกิดศรัทธาปิติยินดียิ่งขึ้น ก็มีใจรักปราถนาเป็นคู่สูขคู่ทุกข์คู่ยาก ช่วยสร้างสมบารมีให้สมบูรณ์" [/SIZE]
    [SIZE=-1]เมื่อพระพุทธองค์ตรวจสอบด้วยพระสัพพัญญูตาญาณแล้วจึงตรัสวาจาพยากรณ์ว่า "ความปรารถนา ของนางจะสำเร็จตามปรารถนาจะได้เป็นพระชายาทรงนามว่า ยโสธารา" เหล่ามนุษย์และเทพยดาต่างสาธุการดังก้อง แล้วพระพุทธองค์ยกพระบาทเบื้องขวาดำเนินไปบนกายของสุเมธดาบส ตามด้วยพระอริยะสาวก เหยียบกายสะพานนั้นไป [/SIZE]

    [SIZE=-1][​IMG][/SIZE]


    [SIZE=-1]ถ้าในขณะที่สุเมธดาบสทอดกายเป็นสะพาน และดำริในใจก่อนที่ว่า "ปรารถนาละกิเลสบรรลุถึงนิพพานโดยเร็วพลัน" เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึง พระพุทธองค์ก็จะแสดงธรรมให้ฟังเพียงกึ่งบทคาถา สุเมธดาบสก็จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ในทันที แต่เมื่อสุเมธดาบสปรารถนาในพระโพธิญาณอย่างไม่ย่อท้อ พระพุทธองค์จึงตรัสพุทธพยากรณ์ [/SIZE]

    [SIZE=-1]เมื่อพระภิกษุสงฆ์เดินไปหมดแล้ว นิยตโพธิสัตว์สุเมธดาบส (นิยตโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตวที่เทียงแท้แน่นอน) ก็ลุกขึ้นแล้วเหาะไปที่สงบ แล้วนั่งพิจารณาตัวเองด้วยอภิญญา หามีมหาฤาษีใดเทียบได้ พิจารณาบารมีทั้ง 30 ที่เพียรได้บำเพ็ญมา เมื่อครบถ้วนสมบูรณ์ ก็บังเกิดแผ่นดินสั่นหวั่นไหว แล้วเหล่าเทพเทวดาทั่วหมื่นโลกธาตุก็ประชุมกันสักการะด้วยทิพย์สุคนธมาลัย แล้วกล่าวอำนวยพรว่า " ท่านสุเมธดาบส วันนี้ท่านได้รับพุทธพยากรณ์แห่งองค์สมเด็จพระทีปังกรพุทธเจ้า ท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอนในอนาคต คำตรัสพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าเที่ยงแท้แน่นอนไม่มีเป็นสอง ขอให้ท่านดาบสทรงบำเพ็ญบารมีให้ถึงที่สุด เพื่อประโยชน์แก่เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย" เมื่อสุเมธดาบสนิยตโพธิสัตว์ได้เห็นหมู่มนุษย์และเทพเทวดาทำสักการะบูชา และกล่าวคำอวยพรเป็นอันมาก ก็มีความยินดีปรีดา จึงอธิษฐานมั่นด้วยวิริยะบารมี หน่วงเอาพุทธานุสติเป็นอารมณ์ นมัสการไปยังทิศ ซึ่งพระทีปังกรพุทธเจ้าเสด็จอยู่ แล้วเหาะไปยังอาศรมแห่งตน เจริญอภิญญาสมาบัติมิให้เสื่อม สิ้นอายุขัยไปอุบัติเกิดในพรหมโลก [/SIZE]
    <!-- End main-->

     
  19. นวล

    นวล สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    วันนี้โอนเงินมาร่วมทำบุญแล้วค่ะ 500 บาท ตอนประมาณ 6โมงเย็น
     
  20. กุ้งมังกอน

    กุ้งมังกอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +1,181
    ขออโมทนาบุญกับทุกท่านไปร่วมงานวันอาทิตย์ 25 นี้ด้วยครับ.ติดทำงานเช้าครับ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...