ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    กัมพูชาขอคุย GBC ที่มาเลเซีย
    ไทยปฏิเสธ ย้ำต้องใช้กลไกทวิภาคี
    นัดเจรจาจันทบุรี 24 ธ.ค.
    .
    วันนี้ (23 ธ.ค.) เว็บไซต์ Cambodianess ของกัมพูชา รายงานว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ร้องขอให้ประเทศไทยย้ายสถานที่จัดการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยประเด็นชายแดน ไปจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นสถานที่เป็นกลาง ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนที่ยังคงดำเนินอยู่
    .
    รายงานอ้างถึงจดหมายจาก นายเตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ส่งถึงคู่เจรจาฝ่ายไทย คือ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงจากการสู้รบตามแนวชายแดนที่ยังไม่ยุติ การประชุมควรจัดขึ้นในสถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นกลาง
    .
    Cambodianess ระบุว่า การร้องขอดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่ทั้งสองประเทศเตรียมเจรจาเงื่อนไขการหยุดยิง หลังเกิดการปะทะรุนแรงตามแนวชายแดนต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ ซึ่งทำให้ข้อตกลงหยุดยิงก่อนหน้านี้ล่มลง โดยการสู้รบที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งในเดือนธันวาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คนในประเทศไทย และ 21 คนในกัมพูชา อีกทั้งทำให้ประชาชนมากกว่า 900,000 คนในทั้งสองประเทศต้องอพยพออกจากพื้นที่
    .
    ก่อนหน้านี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ว่า ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องจะจัดการเจรจาทวิภาคี โดยระบุว่าการประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม ภายใต้กรอบคณะกรรมการชายแดนทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว
    .
    อย่างไรก็ตาม Cambodianess รายงานว่า กัมพูชาเสนอให้ย้ายสถานที่ประชุมไปจัดที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมาเลเซียซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปัจจุบัน ได้ตกลงที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาดังกล่าว
    .
    ขณะที่ความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทย มีรายงานว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ทำหนังสือผ่านเลขานุการคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ขอจัดประชุมวาระพิเศษที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ แต่ฝ่ายไทยได้ทำหนังสือตอบกลับปฏิเสธ พร้อมยืนยันให้จัดการประชุมที่อำเภอบ้านแหลม จังหวัดจันทบุรี และย้ำจุดยืนว่าการแก้ไขปัญหาควรดำเนินการผ่านกลไกทวิภาคี ไม่จัดการประชุมในประเทศที่สาม
    .
    สำนักข่าว TODAY
    สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
    .
    #สำนักข่าวทูเดย์
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/17eKsryguY/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ‘ฟิลิปปินส์’ พร้อมแตะมือ ‘มาเลเซีย’
    รับไม้ต่อไกล่เกลี่ยไทย–กัมพูชา
    ในฐานะประธานอาเซียนปีหน้า
    .
    ฟิลิปปินส์แสดงความพร้อมทำหน้าที่เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา หลังมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนในเดือนมกราคม 2026 ต่อจากมาเลเซีย
    .
    กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ระบุว่า ฟิลิปปินส์พร้อมรับบทบาทดังกล่าว หากทั้งไทยและกัมพูชาประสงค์จะใช้กลไกการอำนวยความสะดวกของประธานอาเซียน เพื่อเดินหน้าสู่การแก้ไขสถานการณ์อย่างสันติและยั่งยืน
    .
    ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นภายหลัง มาเรีย เทเรซา พี. ลาซาโร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม เพื่อหารือสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างไทยและกัมพูชา
    .
    ลาซาโรระบุผ่านโพสต์ว่า เธอได้แสดงความยินดีต่อความเปิดกว้างและความจริงใจของทั้งกัมพูชาและไทยในการเข้าสู่การเจรจาและการยุติการเป็นปรปักษ์ พร้อมย้ำว่าฟิลิปปินส์สนับสนุนข้อตกลงใด ๆ ระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่มุ่งไปสู่ทางออกอย่างสันติและยั่งยืน ภายใต้การอำนวยความสะดวกของอาเซียน
    .
    ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์จะเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนอย่างเป็นทางการในปี 2026 ต่อจากมาเลเซีย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันกระบวนการเจรจาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย–กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา
    .
    สำนักข่าว TODAY
    สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
    .
    #สำนักข่าวทูเดย์
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/17ZxR67RZi/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ช่วงนี้ถ้ามองภาพเศรษฐกิจโลก จะเห็นสิ่งหนึ่งที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ คือ หลายประเทศเลือก ‘อัดเงิน’ เข้าระบบอย่างจริงจัง เพื่อพยุงเศรษฐกิจและรักษาความสามารถในการแข่งขันเอาไว้
    .
    ขณะที่บทบาทของดอกเบี้ย ซึ่งเคยเป็นพระเอกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มลดความสำคัญลง แต่ในจังหวะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยกลับยังโตต่ำ และถูกประเมินว่ายังไม่พ้นจากความเปราะบาง แม้โลกจะเริ่มเดินหน้าเต็มสปีดแล้วก็ตาม
    .
    มุมมองนี้สอดคล้องกับการประเมินของ TISCO ESU ที่ชี้ว่า ปี 2569 โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของเศรษฐกิจ ที่ ‘การคลัง’ กลายเป็นเครื่องยนต์หลัก ขณะที่ไทยกลับมีข้อจำกัดมากเกินกว่าจะเร่งตามเกมนี้ได้
    .
    [ โลกเปลี่ยนเกม ดอกเบี้ยไม่ใช่คำตอบเดียวอีกต่อไป ]
    .
    โดย ‘TISCO ESU’ มองว่า หลังจากเงินเฟ้อทั่วโลกเริ่มชะลอลง ธนาคารกลางหลายแห่งทยอยลดดอกเบี้ยลงมาใกล้ระดับปกติ ทำให้พื้นที่ของนโยบายการเงินเริ่มจำกัด
    .
    สิ่งที่เข้ามาแทน คือการใช้นโยบายการคลังอย่างเข้มข้นสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างชัดเจน รัฐบาลเลือกกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดหย่อนภาษี การเพิ่มกำลังซื้อของครัวเรือน และการจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุน โดยเฉพาะในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งยังคงเป็นธีมร้อนแรงและสร้างอุปสงค์ในประเทศได้จริง
    .
    ยุโรปเองก็ไม่ต่างกัน เยอรมนีเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพิ่มงบด้านกลาโหม พร้อมอาศัยสภาพการเงินที่ผ่อนคลายช่วยให้ภาคธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนเริ่มฟื้นตามรายได้ที่แท้จริง
    .
    ฝั่งจีน แม้แรงส่งจากการส่งออกจะลดลง แต่รัฐบาลยังใช้นโยบายการคลังเชิงรุก เพื่อกระตุ้นการบริโภค ฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชน และยกระดับอุตสาหกรรมไฮเทค พร้อมขยายสภาพคล่องในระบบ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจ
    .
    ภาพรวมเหล่านี้สะท้อนว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงที่ ‘รัฐต้องลงมือเอง’ มากขึ้น และไม่รอให้ดอกเบี้ยทำงานเพียงอย่างเดียว
    .
    [ ทำไมไทยยังเร่งเครื่องไม่ได้ ]
    .
    เมื่อหันกลับมาดูไทย ‘TISCO ESU’ มองภาพกลับต่างออกไป เพราะเศรษฐกิจไทยปี 2569 ถูกประเมินว่าจะเติบโตเพียงราว 1.6% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าศักยภาพมาก และยังอยู่ในภาวะเปราะบาง
    .
    แรงกดดันมาจากหลายด้าน ทั้งผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่จะเห็นผลเต็มปี ความไม่แน่นอนทางการเมือง ความขัดแย้งตามแนวชายแดน รวมถึงภาคการผลิตที่อ่อนแอจากการขาดการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่
    .
    ขณะเดียวกัน เครื่องยนต์หลักอย่างการท่องเที่ยวและการส่งออกก็ไม่สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนเหมือนเดิม การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นกลับสู่ระดับก่อนโควิด และต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศคู่แข่งอย่างญี่ปุ่นและเวียดนาม
    .
    [ ข้อจำกัดใหญ่ที่ของไทยคือ ‘หนี้’]
    .
    หนึ่งในข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ไทยอัดเงินไม่ไหว คือภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง หนี้ครัวเรือนของไทย แม้จะลดลงบ้าง แต่ยังอยู่ใกล้ 90% ของ GDP ขณะที่หนี้สาธารณะก็เข้าใกล้เพดาน 70% ของ GDP
    .
    ตัวเลขเหล่านี้ทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายภาครัฐทำได้จำกัดมากขึ้น การบริโภคภาคเอกชนก็ฟื้นตัวได้ช้า เพราะครัวเรือนยังต้องระวังภาระหนี้
    .
    ซึ่งหากยังไม่มีการปรับโครงสร้างการใช้จ่ายหรือเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ภาพความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการคลังจะยิ่งชัดขึ้นไปอีก
    .
    [ FDI ความหวังที่ยังต้องลุ้น]
    .
    ‘TISCO ESU’ ประเมินถึงปัจจัยบวกที่ยังพอเห็น คือการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) หากมาตรการ Fast Pass สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนได้ตามเป้าหมาย ก็อาจช่วยพยุงเศรษฐกิจได้บางส่วน
    .
    แต่ความท้าทายสำคัญคือ ‘ความไม่แน่นอน’ โดยเฉพาะเรื่องการเมือง การจัดตั้งรัฐบาล และความล่าช้าของงบประมาณปีถัดไป ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจ แม้จะสนใจเข้ามาลงทุนก็ตาม
    .
    ดังนั้น ในวันที่ประเทศเศรษฐกิจหลักเลือกเร่งเครื่องด้วยการอัดเงินและใช้นโยบายการคลังอย่างเต็มที่ เศรษฐกิจไทยกลับยังติดอยู่กับข้อจำกัดเดิมๆ ที่สะสมมานาน
    .
    คำถามสำคัญอาจไม่ใช่แค่ว่า ปีหน้า GDP จะโตได้กี่เปอร์เซ็นต์แต่คือ ไทยจะสามารถปลดล็อกข้อจำกัดเหล่านี้ได้ทันหรือไม่ก่อนที่โลกจะทิ้งเราไว้ข้างหลังในเกมเศรษฐกิจรอบใหม่
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY
    https://www.facebook.com/share/p/1E4MmK9VX9/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    "ไม่มีใครเข้าข้างไทย"
    รมว.กลาโหม มอง ไม่มีประเทศไหนประณาม 'กัมพูชา'
    ยืนยันไทยมาถูกทาง ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์วันนี้ (23 ธ.ค.) ถึงการเตรียมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่จังหวัดจันทบุรีในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) ที่จังหวัดจันทบุรี ว่า มีสาระสำคัญ 5 ข้อ ได้แก่
    .
    1. กองทัพกัมพูชา ผิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด พบว่าผิด 3 เรื่อง คือ มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลไว้ในครอบครอง อีกประเด็นคือมีการผลิตด้วย เนื่องจากพบว่าทหารกัมพูชาได้นำทุ่นระเบิดรถถัง มาดัดแปลงเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งตนถือว่าเป็นการผลิตด้วย และมีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่เป็นทุ่นระเบิดใหม่
    .
    2. ทหารกัมพูชาใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทางทหาร 3 แห่ง คือ ปราสาทตาควาย, ปราสาทพระวิหาร และปราสาทคนา
    .
    3. ทหารกัมพูชาใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก โดยเฉพาะ BM-21 เมื่อยิงเสร็จแล้วจะเข้าที่ตั้งชุมชน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถทำลายได้ เพราะเราเคารพกติกา เราไม่ยิงในที่หมายพลเรือน
    .
    4. กัมพูชาใช้อาคารพลเรือน เป็นที่ตั้งทางการทหาร และเป็นคลังอาวุธ แต่ก็ทำให้ไทยยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว เนื่องจากกัมพูชาใช้รังสแกมเมอร์ และบ่อนกาสิโนเป็นที่ตั้ง ซึ่งเรามุ่งทำลายที่ตั้งทางการทหาร ไม่ใช่เหตุปราบสแกมเมอร์เป็นหลัก เพียงแต่เมื่อถูกใช้เป็นที่ตั้งทางการทหาร รังสแกมเมอร์ จึงถูกทำลายไปด้วย
    .
    5. กัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่ รวมถึงใช้พลเรือนมาใช้สู้กับเรา เช่นที่ปรากฎตามคลิปต่างๆ ซึ่งหากเราทำอะไรแล้วเขาเสียชีวิต ก็จะมีการโจมตีว่าทหารไทยทำร้ายพลเรือน
    .
    รมว.กลาโหม ยืนยันว่า ไทยยังยึดหลักปฏิญญาร่วม แต่คงไม่เหมือนเดิม คงต้องลงรายละเอียดมากกว่านี้ พร้อมขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในคณะ GBC ว่าจะปกป้องอธิปไตย ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และยึดถือกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะจากช่วงเวลาที่ผ่านมา เราต้องอยู่กับกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    ในช่วงหนึ่ง รมว.กลาโหมมองสถานการณ์ตอนนี้ว่า ไม่มีประเทศไหนเข้าข้างไทย
    .
    "ไม่มีประเทศใดเข้าข้างเรา สิ่งที่ผมมองอยู่ก็คือผมไม่เห็นมีประเทศไหนที่ประณามกัมพูชา ว่าทำไมวางทุ่นระเบิด ในเขตของไทย ได้แต่มาพูดว่าขอให้ไทยลดการใช้อาวุธ ลดความรุนแรง ซึ่งตอนนี้ผมมั่นใจว่ามาถูกทาง เราอยู่กับกฎหมาย และกฎหมายคือที่พึ่งของเรา" พล.อ.ณัฐพล กล่าว

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดต่างชาติจึงเชื่อกัมพูชามากกว่าไทย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่อยากพูด เพราะพูดไปก็ถูกทัวร์ลง จากข้อมูลที่มีอยู่ สิ่งแรก คือ มีนักวิจารณ์หลายคนพูดด้วยความรุนแรงมากตลอด เมื่อไทยป้องกันตัวเองก็บอกว่าไทยเตรียมการมาก่อน ไม่อยากพูดไปมากกว่านี้ เพราะครั้งก่อนที่พูดไป ก็โดนสวนกลับมา
    .
    พล.อ.ณัฐพลให้ความเห็นอีกว่า อีกอย่างหนึ่ง คือ กัมพูชาใช้ล็อบบี้ยิสต์ ส่วนรัฐบาลไทยจะใช้หรือไม่ไม่ทราบ แต่ตนเอง เชื่ออยู่อย่างหนึ่งคือความจริงสู้ได้ ที่ผ่านมาก็ใช้ความจริงสู้มาโดยตลอด จนบางครั้งผู้ใหญ่ก็เตือน ไม่อยากให้พูด เพราะพูดไปก็โดนด่าจนทำให้ท้อ แต่ส่วนตัวก็ยังคงจะใช้ความจริงเข้าสู้ เพราะเชื่อว่าวันเวลาผ่านไป จะเป็นดิจิตอลฟุตปริ้น และเป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้
    .
    สำนักข่าว TODAY
    สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
    .
    #สำนักข่าวทูเดย์
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/195X9M3QaU/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ไทยวางเส้นแดงกลางอาเซียน ไม่รับ “หยุดยิงลมปาก” กัมพูชาต้องพิสูจน์ความจริงใจ 3 เงื่อนไขคลี่คลายชายแดน เตรียมหารือ GBC 24 ธ.ค.

    23 ธันวาคม 2568 #กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ (Special AMM) ว่าด้วยสถานการณ์ไทย–กัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อหาทางลดระดับความตึงเครียดตามแนวชายแดน
    .
    การประชุมครั้งนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมและได้ชี้แจงจุดยืนของไทยต่อประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างชัดเจนว่าไทยสนับสนุนบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของ #อาเซียน และพร้อมเข้าสู่กระบวนการเจรจาบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและกลไกที่มีอยู่
    .
    ย้ำ “อดกลั้นถึงที่สุด” แต่ไม่อาจเมินการละเมิดซ้ำ
    ฝ่ายไทยยืนยันความมุ่งมั่นใน #การแสวงหาสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ไทยไม่อาจเพิกเฉยต่อ #การละเมิดข้อตกลงร่วม ระหว่างไทย–กัมพูชาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณี #การลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งยังคงสร้างความสูญเสียต่อกำลังพลและพลเรือน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2568 ส่งผลให้ทหารไทยสูญเสียขา นับเป็น ครั้งที่ 8 จากเหตุทุ่นระเบิดในช่วงความตึงเครียดรอบนี้ สะท้อนถึงปัญหาด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
    .
    3 เงื่อนไขไทย ลดตึงเครียดสู่สันติภาพ
    ในการประชุม ไทยได้แจ้งต่อประเทศสมาชิกอาเซียน ถึงเงื่อนไขสำคัญ 3 ประการ ซึ่งเห็นว่าเป็นพื้นฐานจำเป็นต่อการลดระดับความตึงเครียดและนำไปสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน ได้แก่

    - กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน ในฐานะคู่กรณีที่มีการปฏิบัติการทางทหาร

    - การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง โดยต้องสามารถตรวจสอบได้จากข้อเท็จจริงในพื้นที่ผ่านกลไกฝ่ายทหาร

    - กัมพูชาต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง เพื่อยุติภัยคุกคามต่อชีวิตของทหารและประชาชน
    .
    ไทยย้ำว่า การหยุดยิงไม่อาจเกิดจากถ้อยแถลงฝ่ายเดียว หากแต่ต้องสะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงผ่านการปฏิบัติในพื้นที่
    .
    นัดประชุม GBC 24 ธ.ค. ถกกลไกตรวจสอบหยุดยิง

    ที่ประชุมอาเซียนแสดงความยินดีที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะใช้กลไกที่มีอยู่ โดยเตรียมจัดการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: #GBC) ในวันที่ 24 ธันวาคม 2568 เพื่อหารือรายละเอียดด้านขั้นตอน การดำเนินการ และการตรวจสอบการหยุดยิง หากมีความคืบหน้าในทางปฏิบัติ
    .
    ฝ่ายไทยย้ำว่า การประชุม GBC จะต้องตั้งอยู่บนความเป็นจริงในพื้นที่ เพื่อให้มาตรการใด ๆ ที่ตกลงกันมีความยั่งยืน ไม่ใช่เพียงข้อตกลงเชิงสัญลักษณ์
    .
    ไทยชู สันติภาพต้องคู่กับความมั่นคง
    รัฐบาลไทยยืนยันความพร้อมในการเจรจาบนพื้นฐานของ อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนไทย เป็นสำคัญ พร้อมแสดงความหวังว่าจะเห็นความจริงใจจากฝ่ายกัมพูชาผ่านการกระทำที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้สันติภาพที่เกิดขึ้นเป็นสันติภาพที่จับต้องได้ ไม่ใช่เพียง “สันติภาพบนกระดาษ”
    .
    .
    #กัมพูชายิงก่อน #ชายแดนไทยเขมร
    #TeamThailnad
    #TruthFromThailand
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #กัมพูชาไว้ใจไม่ได้
    #กัมพูชาเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ
    #กัมพูชาต้องสิ้นสภาพทางการทหาร
    #PeaceBeginsWithTruth
    #HunSenwarcriminal
    .
    #Thaitribune

    https://www.facebook.com/share/1KERVpJHgc/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    4 เมียนมา บังคับโดรนบินป่วนสนามบินสุวรรณภูมิ
    -ต้องบอกเลยว่า “ซวยหนักจริง ๆ นะครับ!” ล่าสุดเมื่อวาน (22 ธ.ค. 2568) ตำรวจบุกจับ 4 หนุ่มเมียนมาในโรงแรมแกรนด์ บีเอส แอร์พอร์ต ใกล้สุวรรณภูมิ หลังสืบสวนพบว่าเป็นกลุ่มที่บังคับโดรนบินป่วนสนามบินเมื่อคืนวันที่ 21 ธ.ค. จนเครื่องบินหลายลำต้องดีเลย์ ความวุ่นวายทั้งสนามบิน

    จับได้พร้อมของกลางโดรน DJI 10 ลำ! ผู้ต้องหา 4 คน (อายุ 21-34 ปี สัญชาติเมียนมา) ให้การตรงกันว่า รับจ้างจากหัวหน้าพม่า มารับโดรนจากรถลาล่ามูฟ แล้วแยกชิ้นส่วนใส่กล่องเพื่อนำขึ้นเครื่องบินโดยสารออกนอกประเทศแบบเนียน ๆ คนละ 2-3 กล่อง สุดท้ายจะส่งต่อให้นาย Kevin Cho ในพม่า เพื่อขายให้กองทัพเมียนมาต่อ

    ดันเลือกช่วงประเทศอ่อนไหวสุด ๆ แถมไม่ใช่ครั้งแรกที่โดรนป่วนสุวรรณภูมิ โทษหนักมากนะครับ—บินโดรนใกล้สนามบินโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 1 แสน แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเจตนาไม่ดี (เช่น ลักลอบส่งอาวุธสงคราม) อาจเข้าข่ายความมั่นคงแห่งชาติ โทษสูงสุดถึงประหารชีวิตเลยทีเดียว

    งานนี้ตำรวจบอกกำลังขยายผลหา “นายเดวิด” ที่จองห้องให้ และหัวหน้าต้นทางปลายทางต่อ ซวยกันทั้งขบวนการเลยครับ

    ที่มา : Thai PBS, Matichon, Khaosod ล่าสุด 23 ธ.ค. 2568)
    https://www.facebook.com/share/17uRojfREw/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ตอนนี้จุดการปะทะหลักใน #ชายแดนไทยกัมพูชา ของพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เหลืออยู่จุดเดียวคือห้วยตามาเรีย ซึ่งเป็นร่องน้ำที่ไหลระหว่างภูมะเขือกับเขาพระวิหารลงไปที่ช่องคานม้าผ่านวัดแก้วฯ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เราเคยได้ยินกันมาตั้งแต่อดีต ตรงนี้ทหารกัมพูชายึดครองอยู่ในฐานะส่วนหนึ่งของการวางกำลังบนปราสาทพระวิหารและภูมะเขือ

    สมการการวางกำลังเปลี่ยนไปตอนที่ไทยผลักดันกัมพูชาและยึดภูมะเขือกลับคืนมาได้ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ทางตะวันตกคือช่องโดนเอาว์ ยาวไปจนถึงพลาญหินแปดก้อน เมื่อประกอบกับการที่ไทยควบคุมช่องตาเฒ่าและสัตตะโสมทางด้วยตะวันออกได้แล้ว เท่ากับว่ากัมพูชาเสียอิทธิพลในการควบคุมพื้นที่ในแถบนี้เกือบหมด เพราะไทยยึดจุดที่ได้เปรียบในทางยุทธวิธีเอาไว้ได้ ทำให้กัมพูชาต้องถอนตัวออกไปค่อนข้างไกล โดยกรณีนี้ก็ไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นบนเนิน 677 หรือเนิน 350

    แต่การที่กัมพูชากลับมาพยายามตีเพื่อยึด #ภูมะเขือ และโซน #พลาญหินแปด ก้อนใหม่ในช่วง 4 - 5 วันนี้ โดยเป็นแนวเดียวที่กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกและไทยเป็นฝ่ายรับ เราคิดว่ามีเหตุผลบางประการคือ

    1. กัมพูชาเสียพื้นที่แทบทุกแนวแล้ว อาจจะยังเหลือเนิน 745 ที่ยังไม่มีความคืบหน้า แต่จุดหลักนั้นไทยผลักดันกัมพูชากลับไปได้หมด ดังนั้นนอกจากกัมพูชาจะไม่มีอะไรไปเคลมชัยชนะกับประชาชนได้ ยังถือว่าเสียรังวัดและเสียหายทางการเมืองในประเทศค่อนข้างมาก ถ้ากัมพูชายึดบางพื้นที่กลับคืนมาได้บ้างก็จะถือเป็นชัยชนะเล็ก ๆ บนความพ่ายแพ้ใหญ่

    2. พื้นที่โซนอีสานใต้นี้กัมพูชาไม่ต้องตั้งรับแล้ว เพราะแทบไม่มีพื้นที่ให้ตั้งรับ ดังนั้นกัมพูชาสามารถรวบรวมกำลังให้เป็นกำลังขนาดใหญ่เพื่อรวมอำนาจการยิงเข้ามาในจุดเดียวได้ โดยจุดที่กัมพูชาเลือกก็คือพลาญหินแปดก้อน ภูมะเขือ และห้วยตามาเรีย

    3. คิดว่าสาเหตุที่กัมพูชาเลือกพื้นที่นี้เพราะตนเองมีพื้นที่ได้เปรียบอยู่จุดเดียวและเป็นพื้นที่ที่ไทยไม่เข้าไปยึดครองแน่นอนคือปราสาทพระวิหาร นอกจากนั้นยังควบคุมพื้นที่ในช่องคานม้าและห้วยตามาเรียเอาไว้ได้บางส่วน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรุก ถ้ากัมพูชาสามารถยึดคืนภูมะเขือได้ อิทธิพลทางทหารก็จะกลับมาสู่กัมพูชา ซึ่งอาจจะต่อยอดไปยึดครองช่องโดนเอาว์ และอาจจะใช้ความได้เปรียบทางภูมิประเทศตีต่อไปประชิดกำลังฝ่ายไทยที่ผามออีแดงได้ หรือในโซนตะวันตกถ้าสามารถบรรจบกับกำลังที่ตีขึ้นมาตรงผลาญหินแปดก้อนได้ ก็สามารถที่จะได้อิทธิพลทางทหารกลับมาในพื้นที่แถบนี้ทั้งหมดได้

    4. และการไปเชิญธงชาติกัมพูชาขึ้นบนภูมะเขือได้ ก็จะเป็นการกู้หน้าให้กับกองทัพกัมพูชาได้พอสมควรทีเดียว

    แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาฝ่ายไทยมีเวลาดัดแปลงและเสริมความแข็งแรงที่มั่นในการตั้งรับ ทำให้แนวรับตรงนี้ของไทยถือว่าแข็งพอสมควร ในทางกลับกันการที่ไทยควบคุมภูมะเขือได้ เท่ากับได้จุดตรวจการณ์ที่มองลึกเข้าไปในกัมพูชาได้เป็นสิบกิโลเมตร ซึ่งทำให้ไทยสามารถปรับการยิงปืนใหญ่ได้แม่นยำขึ้น จึงถือว่าเป็นงานที่ยากมากของกัมพูชาถ้าคิดจะตีภูมะเขือจริง ๆ และเมื่อเทียบกับของที่กัมพูชาเหลืออยู่ คิดว่าไม่น่าเพียงพอที่กัมพูชาจะตีภูมะเขือได้ทันก่อนที่การหยุดยิงที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้จะมีผลครับ

    https://www.facebook.com/share/1HkKcUj4zS/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ประชุม GBC ฝ่ายเลขาเริ่มประชุม 24 ธ.ค. รมว.กลาโหมสองฝ่ายประชุม 27 ธ.ค. ดังนั้นการปะทะยังต่อเวลาได้อีก #ชายแดนไทยกัมพูชา

    https://www.facebook.com/share/p/17qrJdZsMK/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    กกล.บูรพา ยึดคุม 2 แนวรบ
    บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา-บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง สระแก้ว
    เร่งสถาปนาที่มั่น
    ใช้อาวุธยิงสนับสนุน ควบคุมพื้นที่
    เผยเขมร ยิง BM- 21 ใส่ต่อเนื่อง
    เหลือ แนวรบบ้านหนองจาน อ.โคกสูง เขมร เสริมที่มั่นแข็งแรง ยิงปืนใหญ่ ปืนค.-BM-21 อย่างหนัก

    กองทัพภาค1 สรุปสถานการณ์ การปฏิบัติการตอบโต้และรักษาอธิปไตยเข้าสู่วันที่ 17 ว่า การปฏิบัติการ ในพื้นที่แนวรบ ทั้ง 3 แนวรบ ในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ซึ่งมีลักษณะเป็นที่โล่ง ไม่มีฐานที่มั่น หรือกำบังที่มีความแข็งแรง ง่ายต่อการเป็นพื้นที่โจมตี

    อีกทั้งฝ่ายกัมพูชายังใช้พื้นที่ของพลเรือนเป็นที่ตั้งทางทหารในการโจมตีมายังฝ่ายเรา

    1.พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ฝ่ายเราสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการต้านทานด้วยการยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM- 21 มาอย่างต่อเนื่อง

    2.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ฝ่ายเราสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการต้านทานด้วยการยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM- 21 มาอย่างต่อเนื่อง

    3.พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง เนื่องจากฝ่ายกัมพูชา ได้เสริมความแข็งแรงของที่มั่น และโจมตีฝ่ายเราด้วยอาวุธปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และBM-21 มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายเราได้ปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ และใช้อาวุธยิงตอบโต้เพื่อช่วงชิงและควบคุมพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จต่อไป

    สำหรับปฏิบัติการต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่ฝั่งปอยเปต ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ การโจมตีที่มั่นทางทหาร คลังเก็บอาวุธกระสุน ที่ตั้งพลซุ่มยิง ที่ตั้งอาวุธวิถีโค้ง ตลอดจนระบบติดตั้งหรือสื่อสารต่างๆ ที่มุ่งเป้าโจมตีมายังฝ่ายเรา

    ทั้งนี้ ปฏิบัติการต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชา เพื่อให้สิ้นสภาพต่อการเป็นภัยคุกคาม โดยคำนึงถึงการตอบโต้ตามสัดส่วน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ

    .

    #กองกำลังบูรพา
    #กองทัพภาคที่1
    #กองทัพบก
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #กัมพูชาต้องสิ้นสภาพทางการทหาร
    FB_IMG_1766545377266.jpg
    https://www.facebook.com/share/1G1RoesXyQ/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    สะเทือน Scambodia

    ไทยตัดสายป่าน ทำลายโครงสร้างแหล่งอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก

    ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ACSC)
    ให้ข้อมูล ยืนยัน ตึกหลังคาฟ้า (ตรงข้ามช่องตาติ)
    ที่กัมพูชาใช้เป็นที่ตั้งทางทหารและถูกปฏิบัติการไปนั้น
    เป็นแหล่ง Scam ที่ผู้เสียหายคนไทยถูกหลอกให้โอนเงิน
    และหลอกลงทุน มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท
    [​IMG]

    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

    Cr.
    กองทัพบก ทันกระแส

    ttps://www.facebook.com/photo/?fbid=1158276956521714&set=a.387569326925818
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ลอบกัดไม่เลิก
    หลังทหารไทยเข้ายึดที่หมาย บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา เข้าเคลียร์พื้นที่ พบระเบิดสังหารบุคคล
    และ ระเบิดแสวงเครื่อง 4 ชุด พร้อมใช้งาน

    4PQQb6wth8lrLaL4kbf99JSXT1PrD-z5SLnyv8e6hoyKVCjyzLiD4zV5nP95c&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

    Cr. กองทัพบก ทันกระแส

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ด่วน !!! CIB รวบ
    หัวหน้าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ รังแตกมาจากปอยเปต เป็นชาวมาเลเซีย ลักลอบเข้าไทยทางเส้นทางธรรมชาติ จ.สระแก้ว สารภาพว่านำเครื่องSimbox ติดตั้งที่ไทยเพื่อหลอกเงินคนไทย

    FpKmnehPqIaE0HPelGvjkLZwDJ61EqaWGmZyhotfyyMAR5kJqLtiUBXjEB_3s&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    Cr.
    Bangkok I Love You
    ttps://www.facebook.com/photo?fbid=900919972450043&set=a.210817071460340
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ข่าวดีมากๆ ทหารพรานไทย ปักธงชาติไทย
    บน“เนิน 323” ได้สำเร็จ หลังยึดคืนพื้นที่และ
    สถาปนาความมั่นคงอีกครั้ง

    g_ZyRE9iU21bJpAesX3-lCHTchz8lMNpaCRk6c-VXpabuVFt7yFHzLXNkC7Us&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    Cr Bangkok I Love You

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ด่วน!!
    กัมพูชากลับบ้านแล้ว ระดับเลขาฯ GBC พูดคุยกันไม่ถึงชั่วโมง มาตอนตอน 16.24 น. กลับ 17.00 น. มาไม่ตรงแต่กลับตรง รอฟังฝั่งไทยแถลงคุยกันได้ความอย่างไรบ้าง อมรินทร์ยังถ่ายสด

    https://www.facebook.com/share/1AQ1sD1mMo/
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ไปต่อหรือพอก่อน? ผู้ประกอบการจีนถก ‘กัมพูชา’ ยังน่าลงทุนอยู่ไหม
    .
    แม้กัมพูชาจะถูกมองว่าเป็นตลาดชายขอบในอาเซียน แต่สำหรับนักธุรกิจจีนจำนวนหนึ่ง ประเทศเล็กแห่งนี้กำลังกลายเป็นพื้นที่ในการผลิตต้นทุนต่ำในเอเชีย ขณะเดียวกัน นักลงทุนอีกไม่น้อยกลับมองเห็นภาพตรงข้าม โครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่พร้อม ระบบที่ไม่ชัดเจน และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ประเมินยาก มุมมองสองด้านนี้กำลังขับเคลื่อนกระแสทุนจีนระลอกใหม่เข้าสู่กัมพูชา หนึ่งฝั่งเห็นโอกาสจากช่องว่างทางอุตสาหกรรม อีกฝั่งระแวงต่อความเปราะบางของตลาดเกิดใหม่ เมื่อความหวังและความกังวลเดินเคียงกัน กัมพูชาจึงกลายเป็นสนามทดสอบทั้งศักยภาพและความเสี่ยงของนักลงทุนจีนในคราวเดียว
    .
    เหอเจี้ยนเก๋อ ผู้ประกอบการวัสดุกันซึมชาวจีน เปิดเผยระหว่างเดินทางตรวจงานในกรุงพนมเปญว่า ขณะนี้คำสั่งซื้อวัสดุกันซึมในกัมพูชากำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าหลายรายชำระเงินมัดจำล่วงหน้าเกือบครึ่งเดือน และส่วนใหญ่ชำระเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ
    .
    กิจการของเขาในกัมพูชาขยายตัวอย่างรวดเร็ว เขาต้องลงพื้นที่ไซต์ก่อสร้างทุกวัน ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อยังทำธุรกิจอยู่ในจีน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวส่งผลให้ยอดขายลดลงและอัตรากำไรถูกบีบอย่างหนัก
    .
    เมื่อเทียบกันแล้ว เขาพบว่าตลาดจีนมีการแข่งขันสูงและมีแนวโน้มอิ่มตัว ส่วนตลาดกัมพูชายังมีช่องว่างและความต้องการอีกมาก ทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างคล่องตัวกว่าและมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว
    .
    วันที่ 20 ต.ค. หูซินเจี้ยน ผู้ประกอบการจีน ได้เปิดตัวโรงแรม JOYA ในกรุงพนมเปญอย่างเป็นทางการ ก่อนจะเข้าร่วมพิธีเปิดใช้งานท่าอากาศยานนานาชาติเตโชแห่งใหม่ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตและภริยาเข้าร่วมในพิธีด้วย
    .
    ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่หูซินเจี้ยนเริ่มลงทุนอย่างจริงจังในกัมพูชา ท่ามกลางกระแสการขยายฐานผลิตของบริษัทจีนจำนวนมากสู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาจึงก่อตั้งบริษัท Shunming (顺鸣出海公司) เพื่อให้บริการครบวงจรแก่ธุรกิจจีนที่ต้องการออกสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    .
    ก่อนขยายออกสู่ต่างประเทศ หูซินเจี้ยนดำเนินธุรกิจระบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับเครื่องปรับอากาศในอาคารที่เซี่ยงไฮ้มากว่า 13 ปี ซึ่งเป็นธุรกิจที่พึ่งพาภาคอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เมื่ออสังหาฯในจีนเริ่มชะลอตัว เขาจึงมองหาตลาดใหม่ และกัมพูชากลายเป็นจุดหมายสำคัญในการขยายธุรกิจ
    .
    แม้ภาพจำเกี่ยวกับกัมพูชาจะยังเชื่อมโยงกับอาชญากรรมออนไลน์ แต่ผู้ประกอบการจีนจำนวนมากกลับมองเห็นอีกด้านที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตลาดเกิดใหม่ซึ่งยังขาดแคลนอุตสาหกรรมพื้นฐานและต้องพึ่งพาการนำเข้าเกือบทั้งหมด เปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้ามาก่อนสามารถยึดพื้นที่ตลาดได้ไม่ยาก
    .
    ผู้เชี่ยวชาญหลายรายประเมินว่ากัมพูชาในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายเวียดนามเมื่อสิบปีก่อน หรือจีนในยุค 90 ซึ่งกำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงเติบโตทางเศรษฐกิจ….
    .
    (อ่านต่อในคอมเมนต์)
    .
    อ่านบทความเต็มได้ที่ : https://www.jeenthainews.com/china-news/160268_20251219

    https://www.facebook.com/share/1AjVKAw86m/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ปราสาทพระวิหารและพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ปฐมเหตุปัญหาชายแดนไทยเขมร และพื้นที่ช่องคานม้า วัดแก้วสิกขาคีรี พลาญอินทรี ดินแดนที่ไทยเสียไปในอดีต

    อย่างเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่าในข้อพิพาทไทยเขมรปฐมเหตุ เกิดจากเรื่องเขาพระวิหารเมื่อนานมาแล้ว กัมพูชาได้ร้องต่อศาลโลกให้ตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของใคร ฝ่ายไทยก็เข้าร่วมสู้ในคดีนี้เพราะคิดว่าศาลโลกคือศาลยุติธรรม แต่ศาลโลกมันกลับกลายเป็นศาลการเมืองระหว่างประเทศ

    และผลคือไทยแพ้คดี
    ซึ่งถือว่าเป็นความเจ็บแค้นของคนไทยตั้งแต่นั้นตลอดมา

    คำตัดสินมี 3 ข้อหลักคือ:
    1.ตัวปราสาท ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในดินแดนของกัมพูชา
    2.ให้ไทยต้องถอนทหาร ตำรวจ หรือผู้ดูแลที่อยู่ในปราสาทหรือบริเวณใกล้เคียงในดินแดนกัมพูชาออกไป
    3.ไทยต้องคืนวัตถุโบราณที่อาจถูกนำออกจากปราสาทนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 (ปีที่ไทยเริ่มส่งกำลังไปรักษาการณ์)

    รัฐบาลไทยยอมรับผลจากคำพิพากษาศาลโลก เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ธงชาติไทยบนเขาพระวิหาร ไม่ได้ถูกชักลงจากยอดเสา แต่เรายกทั้งเสาลงมาจากเขาพระวิหารพร้อมกับธงที่ติดอยู่ปลายยอด (เสาธงและธงชาติผืนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว ถูกเก็บรักษาหรือหายไปก็ไม่ทราบน่าเสียดายนะครับเดี๋ยวไว้โพสต์อื่นๆค่อยพูดเรื่องการเก็บรักษาของต่างๆของหน่วยงานรัฐ)

    โดย ครม. ได้กำหนดให้เฉพาะตัวปราสาทเป็นพื้นที่ของเขมร

    ปัญหามันไม่จบเพราะศาลโลกไม่ได้ตัดสินว่าเขมรมีสิทธิรอบตัวปราสาทมากน้อยแค่ไหน ส่วนทางไทยก็ตีความตามศาลโลกว่าเขมรมีสิทธิเฉพาะปราสาท

    ไทยจึงกั้นลวดหนามล้อมปราสาทพระวิหารไว้ทั้งหมดให้แคบที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ส่วนกัมพูชาเองยังไม่หยุดการรุกรานไทย โดยอาศัยรูปลักษณ์เป็นชาติที่พึ่งผ่านสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มา แสดงตัวหน้าสงสารกล่าวอ้างว่าไทยรังแก

    กัมพูชาต้องการให้เขตแดนระหว่างไทย เป็นไปตามแผนที่ 1/200,000 (ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ไทยจะสูญเสียดินแดนไปจำนวนมาก รวมถึงโบราณสถานตามตะเข็บชายแดนจะตกเป็นของเขมรทั้งหมด และที่สำคัญคือความมุ่งหมายสำคัญคือแหล่งพลังงานในอ่าวไทย)

    กลับมาในพื้นที่พระวิหาร หากยึดตามแผนที่ 1/200,000 เขาพระวิหารแถบตัวปราสาท พลาญอินทรีและภูมะเขือทั้งภู ช่องคานม้า ตามาเรีย จะตกเป็นของเขมรทันที

    ทางไทยเองก็ไม่ยอมครับ จึงเกิดพื้นที่ที่เรียกว่าพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรขึ้นมา

    กัมพูชามีความพยายามอีกครั้งที่จะยึดดินแดนไทย โดยทำอุบายนำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลก

    พ.ศ.2549 กัมพูชายื่นขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียว โดยกัมพูชาได้ขอยื่นจดทะเบียนตัวปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบซึ่งกินพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเข้าไปด้วย

    รัฐบาลไทยในสมัยนั้นทีท่าที่ประนีประนอม แต่ก็ขอให้เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงตัวปราสาทเท่านั้น

    พ.ศ. 2551 รมต.ตปท.ของไทยจึงได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร

    7 กรกฎาคม 2551 UNESCO ประกาศให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา แต่ไม่เกี่ยวกับพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร

    ความตึงเครียดตามชายแดนมีมาตั้งแต่ช่วงที่เขมรจะขึ้นมรดกโลกปราสาทพระวิหารปะทุขึ้น

    15 ตุลาคม 2551: เกิดการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กและเครื่องยิงลูกระเบิด (M79) บริเวณ "ห้วยตานี" และ "ภูมะเขือ" ใกล้ปราสาทพระวิหาร หลังทหารกัมพูชาพยายามรุกเข้ามาในพื้นที่ที่ไทยถือว่าเป็นเขตแดนไทย มีทหารเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย และทหารไทยบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

    3 เมษายน 2552: เกิดการยิงปะทะกันบริเวณ ภูมะเขือ และ ผามออีแดง การรบยืดเยื้อประมาณ 1 ชั่วโมง มีการใช้ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง และเครื่องยิงลูกระเบิด ส่งผลให้มีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บ และอาคารบางส่วนในตลาดหน้าปราสาท (ฝั่งกัมพูชา) เกิดเพลิงไหม้

    กัมพูชาพยายามรุกคืบ โดยการสร้างชุมชนของคนเขมร และมีการสร้างวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระขึ้น

    รวมไปจนถึงมีการสร้างถนนคอนกรีตจากดินเขาฝั่งกัมพูชาขึ้นมาที่ช่องคานม้าแล้วผ่านไปวัดแก้วจนขึ้นไปพลาญอินทรีจนถึงตัวปราสาทประวิหาร
    ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลง MOU43 กับฝ่ายไทย

    สิ่งเหล่านี้ล้วนชักนำสถานการณ์ไปสู่สงครามใหญ่ในปี 2554

    4 - 7 กุมภาพันธ์ 2554: ปะทะกัน 4 วัน บริเวณใกล้ปราสาทพระวิหารและ ช่องโดนเอาว์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกใส่หมู่บ้านในฝั่งไทย (ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์) ทำให้ชาวบ้านเสียชีวิต 1 ราย และต้องอพยพประชาชนนับหมื่นคน ส่วนตัวปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายเล็กน้อยจากสะเก็ดระเบิด มีทหารเสียชีวิตรวมทั้งสองฝ่ายมากกว่า 10 นาย

    ความขัดแย้งลามไปถึงปราสาทตาควายและตาเมือนธม

    โดยวันที่ 22 เมษายน - ต้นพฤษภาคม 2554 เกิดการปะทะอย่างหนักบริเวณ ปราสาทตาควาย และ ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์

    การรบนานกว่า 10 วัน มีการใช้ปืนใหญ่ยิงลึกเข้าไปในดินแดนของกันและกัน โรงเรียนและบ้านเรือนประชาชนใน อ.พนมดงรัก และ อ.กาบเชิง ได้รับความเสียหายอย่างมาก ชาวบ้านต้องอาศัยในหลุมหลบภัยและศูนย์อพยพนานนับสัปดาห์

    การปะทะในปี 2554 นำไปสู่การที่กัมพูชายื่นคำร้องต่อศาลโลก เพื่อขอให้คุ้มครองชั่วคราวและตีความคำพิพากษาปี 2505 ใหม่ว่า กัมพูชา มีสิทธิเหนือพื้นที่รอบปราสาทตลอดจน 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือไม่

    ศาลโลกรับคำร้องและมีคำตัดสินในปี 2556

    โดยศาลโลกไม่ได้ตัดสินยกพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.ให้เขมร และมองว่าภูมะเขือไม่ได้เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหาร

    แต่ศาลก็มองว่าเขตแนวรั้วเดิมที่ไทยกำหนดไว้ ตาม มติ ครม.ปี 2505 นั้นมันชิดรอบตัวปราสาทมากเกินไป (ปัจจุบันไม่มีรั้วแล้ว เพราะเขมรรื้อทิ้งไปหมดแล้ว) ศาลมองว่าจริงๆเขมรควรมีสิทธิ์ในพื้นที่มากกว่านี้ในบริเวณพื้นที่ยอดของเขาประวิหารเท่านั้น ไม่ได้กว้างใหญ่เหมือนที่เขมรต้องการ

    แต่ศาลเองไม่ได้ระบุชี้ชัดอยู่ดีว่าจากจุดใดไปจุดใดเพียงพูดคลุมๆว่าด้านบนของยอดเขาเท่านั้น

    และก็ต้องใช้การพูดคุยของทั้งสองประเทศมาหาข้อตกลง ซึ่งอย่างที่เราเห็นกัมพูชาไม่มีทางทำตามข้อตกลงถ้าตนเองเสียเปรียบ

    ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาความพยายามขยายและรุกคืบเข้ายึดพื้นที่พลาญอินทรี คานม้า ห้วยตามาเรีย ภูมะเขือส่วนติดหน้าผา ช่องโดนเอาว์ พลาญยาว ไล่เรียงไปจนถึงพลาญหินแปดก้อน ด้วยทุกเลห์กล การแอบเข้ามาตั้งฐาน การขอลาดตระเวนร่วมกับทหารไทยแล้วสุดท้ายก็บอกว่าตรงนั้นคือพื้นที่มัน และอื่นๆ

    เมื่อยึดพื้นที่ได้เขมรก็จะพยายามขยายแนวเข้ามาเรื่อยๆเพื่อเบียดทหารไทยให้ถอยไป

    หลังจากสงคราม 5 วันเรายึดภูมะเขือได้ทั้งหมด มีกำลังทหารไทยที่ห้วยตามาเรีย(ซึ่งเกิดเหตุเหยียบระเบิดไปก่อนหน้านี้)

    และฝ่ายกัมพูชาได้วางทหารและอาวุธจำนวนมากในแถบพื้นที่ ห้วยตามาเรียส่วนที่ไหลลงจากเขาพระวิหาร พลาญอินทรี คานม้า วัดแก้วสิกขาคีรี ตลอดจนพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร

    และเมื่อฐานทหารหรือฐานยิงอาวุธวิถีโค้งที่อยู่ในพื้นที่เขาพระวิหารทั้งหมด ยิงใส่เราเป็นภัยคุกคามกับทหารไทย

    ฝ่ายเราเองมีสิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง และทำลายภัยคุกคามเหล่านี้

    ขอเป็นกำลังใจให้ทหารไทยสถาปนาอำนาจรัฐไทยให้สุดเส้นปฏิบัติการ 1/50,000 ปิดช่องคานม้า ตัดขาดเส้นทางขึ้นปราสาทพระวิหาร

    ให้เขมรมันกลับไปเดินแบกของขึ้นทางช่องบันไดหักแทน ไม่ต้องมีหน้ามาขับรถขึ้นลงแถวช่องคานม้าอีกต่อไป

    ขอเป็นกำลังใจให้กับทหารไทยครับ ขอให้ทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงและปลอดภัย พวกเราอยู่เคียงข้างพวกท่านเสมอ

    FB_IMG_1766624117227.jpg

    ภาพที่1 เป็นภาพสามิติบริเวณภูมะเขือและปราสาทพระวิหารและจุดชื่อเรียกบริเวณต่างๆ

    FB_IMG_1766624122326.jpg

    ภาพที่ 2 บริเวณพื้นที่เป็นของไทยตามแผนที่ 1/50,000 ที่เรายังไม่ได้กลับคืนมาในสงคราม 5 วัน

    FB_IMG_1766624123410.jpg
    ภาพที่ 3 แผนที่ L7017 บริเวณภูมะเขือเขาพระวิหาร

    FB_IMG_1766624124064.jpg
    ภาพที่ 4 พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร


    Cr.
    https://www.facebook.com/share/17bhzbSUE4/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    กองทัพภาคที่ 2 ประกาศยึดเนิน 225 ได้สำเร็จเท่ากับว่าตอนนี้ตาควายและเนิน 350 ของเราจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

    คือผมถือว่าเมื่อกองทัพภาคที่ 2 ประกาศอย่างเป็นทางการ ก็เท่ากับว่ากองทัพต้องการให้ประชาชนได้ทราบ และสื่อไปถึงเขมรด้วย

    เพราะฉนั้นสิ่งที่ผมพูดต่อไปนี้ไม่ ดราม่า นะครับกองทัพเผยแล้ว เขมรก็มีแผนที่ระวางเดียวกับเราเช่นกัน ทหารเขมรที่ฐานบริเวณเนิน 225 ก็ต้องแจ้งไปยังฝ่ายเสธของเขมรแล้วเช่นกันว่าฐานแตกให้กับทหารไทยไปแล้ว

    อยากสร้างความเข้าใจที่ดีให้คนไทยที่ติดตามข่าว คือในบริเวณแถบปราสาทตาควายจะมีช่องตามแนวชายแดนถึงสามช่อง เริ่มจากช่องตาควายซึ่งเป็นจุดปราสาทตาควายตั้งอยู่ ถัดไปจะเป็นเนิน 350 และช่องติ๊กเบาะ

    เลยไปอีกหน่อยจะเป็นเนิน 225 แล้วสุดท้ายคือในช่องกร่างบริเวณหมู่บ้านทมอโดนของเขมร

    ในอดีตกัมพูชา สร้างถนนคอนกรีตแยกจากทางหลวงหมายเลข58 ขึ้นสู่หมู่บ้านทมอโดนตรงช่องกร่าง

    และยังสร้างถนนคอนกรีตแยกออกจากถนนที่ไปหมู่บ้านทมอโดน โดยสร้างถนนอีกเส้นเพื่อมุ่งหน้าไปยังปราสาทตาควายซึ่งอยู่ห่างประมาณ 7 กิโลเมตร (ผมวาดเส้นถนนด้วยสีเหลืองนะครับจะได้เข้าใจ)

    ถนนคอนกรีตเส้นนี้ถือว่าเป็นเส้นทางในการขนส่งยุทธปัจจัยและเสริมกําลังให้กับกองทัพ กัมพูชา ในการสู้รบกับทหารไทยมาโดยตลอด (นอกจากนี้ยังมีกระเช้าที่ถูกสร้างจากพื้นที่ราบของเขมรขึ้นมายังฐานที่ตาควายด้วย)

    การที่กองทัพภาคที่ 2 ยึดเนิน 225 ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของปราสาทตาควายไปประมาณ 2.4 กิโลเมตร ก็เท่ากับว่าเราสามารถรบกวนการส่งกำลังบำรุงและทหารหรือถึงขั้นตัดเส้นทางที่ทหารกัมพูชาจะเข้าถึงเนิน 350 และปราสาทตาควายตามเส้นทางถนนได้แล้ว

    การยึดเนิน 225 ก็เป็นการเสริมแรงให้การสถาปนาความมั่นคงให้เนิน 350 และปราสาทตาควายยิ่งเข้มแข็งมากขึ้น

    ปัจจุบันไม่มีข่าวเอ่ยถึงทหารเขมรที่ช่องติ๊กเบาะเลย ผมเข้าใจว่าก็น่าจะถอนกำลังไปหมดแล้ว หรือถ้ายังอยู่ก็เท่ากับว่าทหารชุดนี้ถูกปิดล้อมครับ

    ปล.ถ้าทหารเขมรจะขึ้นมาตีในอนาคตก็ยากหน่อยครับตอนนี้ เพราะเข้าใจว่าไอ้กระเช้าจากพื้นที่ราบขึ้นมาคงถูกทหารไทยทำลายไปแล้วเช่นกัน หรือถ้ายังใช้ได้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักในยามที่มีการปะทะกัน
    FB_IMG_1766632622518.jpg FB_IMG_1766632624645.jpg FB_IMG_1766632626759.jpg
    https://www.facebook.com/share/1C8f5rekUT/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ถก หยุดยิง Day#2
    บรรยากาศตึงๆ
    หลัง “รมว.กัมพูชา” เสนอ4 ข้อ ซ่อนเงื่อน
    พร้อมแสดงทีท่าว่า ไม่ใช่เป็นฝ่ายขอเจรจาหยุดยิง
    แต่ทำตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่กัวลาลัมเปอร์

    พลเอกณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ในฐานะ เลขาธิการคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และ General Nhem Boraden, หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ GBC กัมพูชา เริ่มการประชุมวันที่2 ที่จุดผ่านแดน บ้านผักกาด โป่งน้ำร้อน จันทบุรี โดยมีเวลาการประชุม ของคณะเลขาธิการ 22 - 26 ธันวาคมนี้ เพื่อเตรียมการ สำหรับการประชุมใหญ่ของรัฐมนตรีกลาโหมไทยและกัมพูชา 27 ธันวาคมท

    ทั้งนี้ 4 ข้อเสนอ รมว.กห.กัมพูชา พลเอก เตียเซรยฮา ส่งถึง พลเอกณัฐพล นาคพานิชย์
    .
    1. การประชุม GBC ครั้งนี้ควรจัดขึ้นในรูปแบบเดียวกับการประชุม GBC พิเศษ
    เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามที่ระบุไว้ในวรรคที่ 13 ของรายงานการประชุมที่ตกลงกันไว้

    2. ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเนื่องจากการสู้รบที่ยังคงดำเนินอยู่ตามแนวชายแดน การประชุมนี้ควรจัดขึ้นในสถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นกลาง ในเรื่องนี้ มาเลเซียได้ตกลงที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์

    3. ในวาระการประชุม ควรมีการหารือใน 4 หัวข้อดังต่อไปนี้:

    ก) การยุติการสู้รบทั้งหมดโดยทันที และการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 อย่างเต็มที่ รวมถึงข้อตกลงอื่นๆ ที่บรรลุภายใต้กรอบนี้

    ข) การกลับคืนสู่ถิ่นฐานและวิถีชีวิตปกติของพลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบอย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี โดยปราศจากการขัดขวาง เช่นเดียวกับก่อนเกิดการสู้รบ;

    ค) การระงับข้อพิพาทอย่างสันติวิธีโดยการกลับมาปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 อย่างเต็มรูปแบบโดยทันที และการเปิดใช้งานกลไกที่มีอยู่ภายใต้กรอบนี้อย่างเร่งด่วน รวมถึงการกำหนดเขตแดนและการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม

    ง) การเสริมสร้างบทบาทของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ในการรับรองการดำเนินการและการตรวจสอบการหยุดยิงและข้อตกลงอื่น ๆ ที่บรรลุภายใต้ปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์

    โปรดรับคำรับรองจากข้าพเจ้าด้วยความซาบซึ้งและพิจารณาอย่างจริงใจ

    ลงนามโดย พลเอกเตีย เซรยฮา รมว.กลาโหม

    #gbcthaicambodia
    #กัมพูชาเป็นภัยความมั่นคงของชาติ
    #GBCไทยกัมพูชา

    https://www.facebook.com/share/1AHjxUv88t/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    กองทัพ แจง เหตุรื้อล้ม เทวรูปพระวิษณุ
    ข่องอานม้า แค่บริหารจัดการพื้นที่
    ไม่มีเจตนา ด้านศาสนาหรือความเชื่อใดๆ ชี้ กัมพูชา สร้างขึ้นในพื้นที่ประเทศไทย แสดงการยึดครอง
    เผย เป็นเทวรูป สร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เป็นทางการ
    ยัน ประเทศไทยให้ความเคารพต่อทุกศาสนา-ทุกความเชื่อ
    หลัง อืนเดีย ท้วงติง !!

    ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ชี้แจงกรณีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

    ตามที่มีการเผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีลักษณะคล้ายประติมากรรมทางศาสนา ในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชา จนก่อให้เกิดความห่วงกังวลและการตีความที่หลากหลายในสังคมนั้น

    ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ขอชี้แจงว่า การดำเนินการดังกล่าว มิได้มีเจตนาเกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อ หรือการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ แต่เป็นการดำเนินการด้านการบริหารจัดการพื้นที่และความมั่นคง ภายหลังจากฝ่ายไทยสามารถกลับเข้าควบคุมพื้นที่ซึ่งอยู่ในเขตที่ประเทศไทยยืนยันสิทธิอธิปไตย

    สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นโครงสร้างที่ถูกติดตั้งขึ้นภายหลัง และไม่ได้เป็นศาสนสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ

    การดำเนินการจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันการควบคุมพื้นที่ ลดความเสี่ยงของความเข้าใจคลาดเคลื่อน และป้องกันไม่ให้เกิดการใช้สัญลักษณ์ที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดเพิ่มเติม

    ประเทศไทยให้ความเคารพต่อทุกศาสนาและทุกความเชื่ออย่างเท่าเทียม รวมถึงศาสนาฮินดู ซึ่งมีความผูกพันทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกับประเทศในภูมิภาคมาอย่างยาวนาน

    พร้อมทั้งตระหนักถึงความรู้สึกของประชาชนและผู้ที่นับถือศาสนาทั่วโลก และขอแสดงความเสียใจหากเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความไม่สบายใจอันเนื่องมาจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

    ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ ขอเน้นย้ำว่า ประเทศไทยยึดมั่นในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี การใช้การทูต และการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดี ลดความขัดแย้ง และรักษาบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างประเทศและประชาชนของทั้งสองฝ่าย

    “เป็นการดำเนินการด้านการบริหารจัดการพื้นที่ มิได้มีเจตนาเกี่ยวข้องกับศาสนาหรือความเชื่อใดๆ“


    Joint Press Center on the Thailand–Cambodia Border Situation

    Clarification Regarding the Removal of a Structure at the Border Area

    Following the circulation of images and video clips on social media showing the removal of a structure representing a religious deity in an area near the Thailand–Cambodia border, which has given rise to concern and varied interpretations, the Joint Press Center on the Thailand–Cambodia Border Situation would like to offer the following clarification.

    The Joint Press Center wishes to emphasize that the actions taken to remove the said structure were not motivated by religion, belief, or any intent to disrespect sacred symbols or any faith. The operation was carried out solely as part of area administration and security management, following the restoration of control over Thai sovereignty.

    The structure concerned was not installed as a registered or officially recognized religious site. More importantly, its removal was undertaken with the objective of affirming effective control of the area, reducing the risk of misunderstanding, and preventing the use of structures and symbols that could be exploited to lead to further tension.

    Thailand holds deep respect for all religions and belief systems, including Hinduism, which shares longstanding historical and cultural connections with countries across Southeast Asia. The Thai side is mindful of the feelings of people of all faiths worldwide and expresses sincere regret for any discomfort that may have arisen from misunderstandings due to the circulation of images without full context.

    The Joint Press Center reiterates that Thailand remains firmly committed to peaceful means, diplomacy, and responsible communication. These principles guide Thailand’s efforts to promote mutual understanding, prevent escalation, and preserve an atmosphere of friendship and goodwill between nations and their peoples.

    “The action was related to security considerations and area administration and not intended to disrespect any religion or beliefs.”

    #กัมพูชาเป็นภัยความมั่นคงของชาติ

    https://www.facebook.com/share/p/1BegXK4bMX/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,929
    ค่าพลัง:
    +97,153
    วันนี้ (25 ธ.ค.2568) เวลา 10.28 น.ภายหลังการประชุมประมาณ 1.30 ชั่วโมง คณะเลขานุการจีบีซีฝ่ายไทย พาคณะจากกัมพูชาไปส่ง โดยผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.แฌม โบราเดน ในฐานะประธานเลขาฯ ฝ่ายกัมพูชาว่าวันนี้มีการนำเรื่องหยุดยิงมาพูดหรือไม่ พล.ต.แฌม ยกมือปฏิเสธไม่ตอบ เมื่อย้ำถามว่าการประชุมวันนี้จบแล้วหรือไม่ คณะเลขาฯ ฝ่ายกัมพูชา เดินทางกลับจังหวัดไพลินทันที

    ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสังเกตสีหน้าของคณะเลขาฯ ฝ่ายกัมพูชา พบว่าไม่แสดงความตึงเครียดแต่อย่างใด

    #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพภาคที่1 #กองทัพภาคที่2 #กองทัพบก #กองกำลังบูรพา #กองทัพเรือ #ประชุมGBC #GBC #ข่าวไทยพีบีเอส #ข่าวที่คุณวางใจ #ThaiPBSnews

    https://www.facebook.com/share/14SePPQBs4E/
     

แชร์หน้านี้

Loading...