ติดตามสถานะการณ์

อนุทิน คาดปลาย ก.พ.นี้ จัดส่งวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกให้โรงพยาบาลเป้าหมายได้

วันที่ 24 ก.พ.2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย Mr.Yang Xin อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย, ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข, นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและประธานองค์การเภสัชกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ติดตามการลำเลียงวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกของบริษัทซิโนแวคจำนวน 2 แสนโดสเข้าสู่คลัง และระบบการจัดเก็บวัคซีนภายในห้องควบคุมอุณหภูมิมาตรฐาน โดยวัคซีนล็อตนี้ บรรจุในหลอดวัคซีน ใน 1 กล่องเล็ก มีวัคซีน 40 หลอด

นายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายฉีดให้กับทุกคนในประเทศไทยตามความสมัครใจ ช่วยเสริมระบบการป้องกันโรคให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยวันนี้ได้รับวัคซีนของบริษัทซิโนแวคล็อตแรกจำนวน 200,000 โดสแล้ว จะได้รับเพิ่มอีก 800,000 โดสในเดือนมีนาคม 2564 และอีก 1 ล้านโดสในเดือนเมษายน 2564 รวมทั้งสิ้น 2 ล้านโดส ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 ในเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2564 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ในการจัดเก็บ บรรจุ ภายในห้องจัดเก็บยาเย็น (Cold Chain) และกระจายภายใต้มาตรฐานสากล และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเข้าไปตรวจสอบคุณภาพ ตามมาตรฐาน

นายอนุทิน คาดว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้จะจัดส่งไปยังโรงพยาบาลตามแผนการฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย ประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อสม. ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวม 18 จังหวัด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งระบบการเก็บและการจัดส่งวัคซีนจะควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 2-8 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณภาพของวัคซีน โดยวัคซีนโควิด 19 ของซิโนแวคได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผลของวัคซีน และขึ้นทะเบียนวัคซีนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้วเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 นอกจากนี้ จะได้รับวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าอีก 61 ล้านโดส ฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายระยะที่ 2 ในเดือนมิถุนายน – ธันวาคม 2564 คาดว่าจะสามารถเปิดประเทศในปลายปี 2564 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปกป้องสุขภาพประชาชนได้

#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

 

‘DKSH’ เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘ดีทแฮล์ม’ ทำงานร่วมกับองค์การเภสัชกรรมของไทย มากว่า 10 ปี
.
1/ วัคซีนซิโนแวค 2 แสนโดสจากจีนมาถึงไทยเช้าวันพุธที่ 24 ก.พ. ถูกบรรจุอยู่ในหลอดวัคซีน / 1 กล่องเล็กมีวัคซีน 40 หลอด ตอนนี้ วัคซีนทั้งหมดถูกจัดเก็บอยู่ที่คลังสำรองวัคซีนขององค์การเภสัชกรรม (คลังศรีเพชร DKSH) บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ถนนบางนา-ตราด กม.19
.
2/ คลังของ DKSH มีระบบการจัดเก็บภายในห้องควบคุมอุณหภูมิมาตรฐานที่เรียกว่า ห้องจัดเก็บยาเย็น (Cold Chain) และเมื่อวัคซีนได้รับการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว DKSH จะกระจายวัคซีนภายใต้มาตรฐานสากล
.
3/ อุณหภูมิที่ใช้ในการจัดเก็บและจัดส่งวัคซีนจะอยู่ที่ 2-8 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณภาพของวัคซีน
.
4/ DKSH เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘ดีทแฮล์ม’ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในการจัดเก็บ บรรจุ ขนส่งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ได้คุณภาพ รักษามาตรฐานสูงสุดตลอดการขนส่ง
.
5/ DKSH มีประสบการณ์การกระจายวัคซีนให้แก่คนไทยมากว่า 10 ปีแล้ว ภายใต้ความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรมในหลายๆโครงการ
.
6/ สำหรับครั้งนี้ วัคซีนซิโนแวค 2 ล้านโดส DKSH พร้อมที่จะสนับสนุนการกระจายวัคซีน โดย‘ไม่คิดค่าใช้จ่าย’
.
7/ วัคซีนจะถูกขนส่งด้วยบรรจุภัณฑ์พิเศษที่เรียกว่า ‘Brilliant Box’ ใช้เทคโนโลยีพิเศษในการควบคุมอุณหภูมิของสินค้าในกล่อง เหมาะอย่างยิ่งกับการบรรจุและขนส่งยาเย็น อย่างเช่น วัคซีนโควิด-19 ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิไว้ไม่เกิน 2 – 8 องศาฯตลอดการขนส่ง เพื่อรักษาคุณภาพ
.
8/ บรรจุภัณฑ์ Brilliant Box มีน้ำหนักเบา ทนทาน สามารถนำมาใช้ซ้ำได้เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
.
9/ สำหรับรถขนส่งปรับอากาศของ DKSH มีระบบเก็บความเย็นเพื่อควบคุมอุณหภูมิในรถที่เหมาะกับการขนส่งวัคซีนโดยเฉพาะ
.
10/ และภายในรถขนส่ง มี Data Logger ติดตั้งอยู่ สามารถตรวจวัดอุณหภูมิภายในรถได้ตลอดการขนส่ง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานวิธีการที่ดีในการกระจายยาและมาตรฐานสูงสุดด้านการกำกับดูแลและการประกันคุณภาพ
.
ขอขอบพระคุณ DKSH เป็นอย่างสูงครับ
.
ข้อมูลจาก...www.thaigov.go.th/news/contents/details/39382
.

 

PLANT: Super Plant พืชช่วยดูดซับมลพิษทางอากาศ
.
การใช้รถบนท้องถนนเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยโดยเฉพาะในกรุงเทพ เพราะฉะนั้นมลพิษทางอากาศบนท้องถนนนั้นจึงมีเป็นจำนวนมาก แล้วจะมีอะไรมั้ยที่สามารถมาช่วยลดมลพิษเหล่านี้ได้บ้าง?
.
นักวิทยาศาสตร์จาก Royal Horticultural Society (RHS) ได้ทำการเปรียบเทียบความสามารถในการดูดซับมลพิษทางอากาศของพืชประเภทพุ่มไม้หลากหลายชนิด รวมถึงพืช Cotoneaster, Hawthorn และ Western Red Cedar นักวิทยาศาสร์ได้ค้นพบว่า Cotoneaster พืชที่มีโครงสร้างที่ซับซ้อน ปกคลุมด้วยใบจำนวนมาก และมีขนจำนวนมากบนใบที่มีความแข็งแรง สามารถช่วยดูดซับมลพิษตามท้องถนนที่มีความหนาแน่นสูงได้ดีที่สุด ซึ่ง Cotoneaster มีประสิทธิภาพในการดูดซับที่ดีกว่าพุ่มไม้ชนิดอื่น ๆ อย่างน้อย 20% อย่างไรก็ตาม สำหรับถนนที่ความหนาแน่นต่ำ พุ่มชนิดนี้ก็จะมีความสามารถพอ ๆ กับพุ่มชนิดอื่น
.
Cotoneaster หรือ โคโตเนสตอร์ เป็นพืชไม้พุ่มสูง 2-3 เมตร ชอบแสงแดด เลี้ยงง่าย สามารถเติบโตได้กับทุกสภาพอากาศโดยไม่จำเป็นต้องใช้ดินพิเศษ ใบมีลักษณะแคบแหลม สีเขียวเข้ม และเป็นไม้พุ่มที่มีผลไม้สีแดงขนาดเล็กซึ่งเป็นอาหารที่นิยมของนก
.
Dr Tijana Blanusa ได้กล่าวว่า Cotoneaster เป็นพืชที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการปลูกตามท้องถนน เพราะเพียงแค่ในระยะเวลา 7 วัน พุ่มไม้ที่มีการดูแลอย่างดีจะสามารถดูดซับมลพิษได้เท่ากับจำนวนมลพิษที่รถยนต์ปล่อยมาตามระยะทาง 500 ไมล์
.
ในขณะที่ RHS ได้ทำการสำรวจ จากคนจำนวน 2,056 คน พบว่าคนจำนวน 33% ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ และมีเพียงแค่คน 6% ที่ลงมือรับมือเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างจริงจัง นอกจากนี้ การสำรวจโดย YouGov ยังพบว่า มีคนจำนวนมากถึง 86% สนใจเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ในขณะที่คนจำนวน 78% กังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ทาง RHS จึงหวังว่าการค้นพบนี้จะเพิ่มความสนใจ และผลักดันให้ผู้คนหันใส่ใจสิ่งแวดล้อมภายในสวนของพวกเขากัน
.
Prof Alistair Griffiths ผู้บริหารด้าน Science and Collections กล่าวว่า พวกเราได้หา Super Plant ที่สามารถเป็นทั้งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และยังสามารถให้ประโยชน์ที่มากขึ้น เมื่อนำมาอยู่รวมกับพืชพันธ์ุชนิดอื่นอยู่เรื่อย ๆ ในขณะนี้ พวกเราค้นพบว่า Ivy Wall ที่ปกคลุมเลื้อยตามผนังของอาคารช่วยให้อาคารเย็นขึ้น
.
ส่วน Hawthorn และ Privet ช่วยบรรเทาความรุนแรงของฝนฤดูร้อน และลดน้ำท่วมในพื้นที่ท้องถิ่นได้ Alistair ยังเสริมอีกว่า ถ้าเราปลูกพืชเหล่านี้ในสวนของเรา หรือบริเวณพื้นที่สีเขียวที่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมแพร่หลาย เราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ
.
ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จาก RHS ได้ย้ายสถานที่ทำงานไปที่ Hiltop Centre มูลนิธิของสวนในเขต Surrey ประเทศอังกฤษ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้สามารถเพิ่มการวิจัยในบริเวณนั้น อีกทั้งให้ใช้พื้นที่สำหรับการจัดนิทรรศการและสวนปฏิบัติการ
.
เนื่องจาก Cotoneaster เป็นพืชที่ปลูก และดูแลง่าย ถ้าเราเอามาปลูกตามถนนบ้านเราอาจจะเป็นการช่วยลดมลพิษตามท้องถนนได้ในระดับนึง อย่างไรก็ตาม จากจำนวนรถบนถนน และการรถติดของบ้านเรานั้นการปลูกต้นไม้อย่างเดียวคงจะเอาไม่อยู่ อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า การหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ในกรุงเทพนั้นเป็นอะไรที่ทำได้ยาก แต่เราสามารถช่วยกันลดมลพิษทางอากาศได้หลายวิธีมากมาย เช่นลดการสร้างขยะเพื่อลดการเผาขยะ ปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน หรือ ลดการสั่งของออนไลน์ เพราะทุก ๆ การกระทำของพวกเรานั้นมีผลกระทบทั้งดี และไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับเราว่าเราเลือกที่จะทำแบบไหน
Source
1.https://www.theguardian.com/environ...per-plant-that-absorbs-roadside-air-pollution (ข่าว)

2. https://th.unastarmedia.com/3154-cotoneaster.html (ข้อมูลเกี่ยวกับ Cotoneaster)

เรียบเรียง: buras

 

รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดแผนสร้างความเชื่อมั่น!
“หากได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีน!”

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งเกาหลีออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ

รัฐฯ เผยแผนการรับผิดชอบหากผู้รับวัคซีนได้รับผลข้างเคียงจนถึงแก่ชีวิต รัฐฯยินดีชดเชยค่าเสียหายให้สูงถึง 430 ล้านวอนต่อเคส รวมถึงเกิดกรณีได้รับผลข้างเคียงถึงขั้นโคม่าด้วย

นอกจากนั้นหากมีกรณีได้รับผลข้างเคียงในระดับกลาง รัฐฯ จะรับผิดชอบต่อผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้รับวัคซีนที่ 55% ของยอด 430 ล้านวอนที่กล่าวไว้ข้างต้น

ในกรณีที่ได้รับผลข้างเคียงภายในระยะเวลา 5 ปีหลังได้รับวัคซีน ผู้รับวัคซีนจะสามารถขอเคลมเงินประกันชดเชยค่าเสียหายนี้ได้กับทางศูนย์สุขภาพแห่งชาติ (보건소)

 

เจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดกาญจนบุรี สามารถจับจระเข้ความยาวเกือบ 2 เมตร ที่อาศัยอยู่ในคลองท่าสาร-บางปลา พื้นที่หมู่ 7 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี หลังจากช่วงกลางเดือนมกราคม 2564 ชาวบ้านพบเห็นจระเข้ขนาดใหญ่ว่ายน้ำอยู่ภายในคลอง ค้นหาต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2564 จับจระเข้ความยาว 2 เมตรได้ 1 ตัว

กระทั่งวานนี้พบเห็นจระเข้อีก 1 ตัวกำลังนอนอาบแดดอยู่ริมตลิ่ง เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมาจับจระเข้ตัวดังกล่าวเอาไว้ได้สำเร็จ ตรวจวัดความยาวของจระเข้ได้ 2 เมตร ซึ่งหลังทราบข่าวมีชาวบ้านในพื้นที่ต่างรีบมามุงดูจระเข้ตัวดังกล่าว โดยชาวบ้านเชื่อยังมีจระเข้ตัวอื่นอยู่อีก เนื่องจากพบเห็นในครั้งแรกมีความยาวกว่า 3 เมตร แต่จระเข้ตัวที่เจ้าหน้าที่จับได้มีความยาวเพียง 2 เมตร

#กาญจนบุรี #จระเข้ #ล่าจระเข้
#ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

กล่าวหาอย่างไม่มีหลักฐาน

#มอร์มูฟเป็นข่าว งานเข้าไทยแลนด์!!!
#รัฐบาลต้องTakeAction อะไรบ้างนะครับ
Politiken สื่อเดนมาร์ก รายงานว่า หลังจากทีมวิจัยจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ไปเยือนเมืองอู่ฮั่นประเทศจีนเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพื่อสืบหาต้นตอการแพร่ระบาดของ COVID-19 และพบหลักฐานว่า COVID-19 ไม่น่าเกิดขึ้นที่อู่ฮั่นเป็นที่แรก ล่าสุด นักวิจัยของ WHO ได้ตั้งสมมติฐานว่า COVID-19 อาจมาจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีน และหนึ่งในสมมติฐานคือมาจาก 'ประเทศไทย'

ทีมนักวิจัยขององค์การอนามัยโลก WHO มองว่า 'ตลาดนัดจตุจักร' ของไทย ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายสัตว์มีชีวิตจากทั่วทุกมุมโลก อาจเป็นต้นตอที่แท้จริงของการระบาด

** ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2020 มีผู้เชี่ยวชาญบางรายบอกว่า ตลาดจตุจักรเป็นแหล่งเพาะฟักที่สมบูรณ์แบบสำหรับไวรัสชนิดใหม่ และตอนนี้ตลาดชื่อดังของไทยกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลัง ศ.ดร.ธีอา ฟิชเชอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข การติดเชื้อและโรคระบาด จากโรงพยาบาลนอร์ทซีแลนด์ เดนมาร์ก มองว่า มีความเป็นไปได้มากที่ COVID-19 จะแพร่จากตลาดขายสัตว์จุตจักรไปยังอู่ฮั่น โดยเธอบอกว่า ตลาดนัดจตุจักรในกรุงเทพฯ ซึ่งขายสัตว์แทบจะทุกอย่างตั้งแต่เมียร์แคต งู แมงมุม ค้างคาว หมาน้ำ เป็นหนึ่งในสถานที่เสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19

จากข้อมูลขององค์กรสัตว์ระหว่างประเทศ จตุจักรเป็นศูนย์กลางการค้าสัตว์แปลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สัตว์เหล่านี้มักถูกขังอยู่ในกรงอย่างแออัดมาก จนสัตว์สัมผัสกันได้ง่าย สูดอากาศเดียวกัน และสัมผัสกันด้วยปัสสาวะและอุจจาระ หากสัตว์เพียงตัวเดียวติดเชื้อไวรัส สัตว์นั้นจะสามารถแพร่กระจายโรคได้ง่าย “ตลาดนัดอย่างจตุจักรเป็นสถานที่ที่เรามองด้วยความหวาดกลัว เพราะมันเต็มไปด้วยเลือด อุจจาระ น้ำลาย ขนสัตว์ และสื่งอื่น ๆ ทุกประเภทที่อาจมีไวรัสมาสัมผัสกับสัตว์และมนุษย์อื่น ๆ อีกมากมาย” ฟิชเชอร์กล่าว

คำพูดของฟิชเชอร์มีน้ำหนักมากในโลกสากล เนื่องจากเธอเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยจากองค์การอนามัยโลกที่ไปเยือนอู่ฮั่น ขณะนี้ WHO กำลังพิจารณาอย่างจริงจังแล้วว่า การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อาจเริ่มต้นขึ้นที่ตลาดนัดจตุจักรจริง.

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว กูเพิ่มอีกแล้ววววว!!! คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานมีมติอนุมัติตามที่ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ (คณะกรรมการฯ) เสนอ การปรับปรุงแผนการก่อหนี้ใหม่ ที่ปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 74,394 ล้านบาท จากเดิม 1,465,438 ล้านบาท เป็น 1,539,832 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังให้มีการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้เดิม ที่ปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 124,534 ล้านบาท จากเดิม 1,279,446 ล้านบาท เป็น 1,403,981 ล้านบาท รวมถึงการปรับปรุงแผนการชำระหนี้ ที่ปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 505 ล้านบาท จากเดิม 387,354 ล้านบาท เป็น 387,860 ล้านบาท

สาระสำคัญของการปรับปรุงแผนฯในครั้งนี้ คือ

1) การกู้เงินเพื่อดำเนินแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินเพื่อแก้ปัญหา COVID-19 เพิ่ม 76,239 ล้านบาท

2) การปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 120,000 ล้านบาท เนื่องจากรายจ่ายสูงกว่ารายได้

3) การกู้เงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานภาครัฐและโครงการพัฒนาของรัฐวิสาหกิจ

** การจัดทำแผนฯคาดว่า ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ 56.74% (กรอบไม่เกิน 60%) รวมทั้งได้จัดทำประมาณการหนี้สาธารณะต่อจีดีพีช่วงปีงบประมาณ 2565 - 2568 อยู่ระหว่าง 56.74 - 59.66% ซึ่งยังอยู่ภายใต้สัดส่วนที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนดที่ระดับ 60% นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การพิจารณาเตรียมความพร้อมในการจัดหาแหล่งเงินกู้ให้เพียงพอทั้งในภาวะปกติและภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (Scenario Analysis) เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การดำเนินมาตรการของภาครัฐมีความต่อเนื่อง เพียงพอ และทันการณ์.

 

ฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎหมายห้ามซุปเปอร์มาร์เก็ตทิ้งเศษอาหาร โดยมีโทษปรับสูงถึง 4,500 เหรียญต่อครั้ง ส่งผลให้ห้างใหญ่ ๆ ต้องทำสัญญากับมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อ “บริจาค” อาหารก่อนวันหมดอายุ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนยากจน
.
อ้างอิง :

 

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องคดีเขื่อนปากแบง โดยมีเหตุผล ดังนี้

1. การจัดรับฟังความคิดเห็นตามกระบวนการ PNPCA เป็นการดำเนินการตามข้อตกลงแม่น้ำโขง ซึ่งพันธกรณีระหว่างประเทศที่รัฐไทยไปลงนามเป็นภาคีไว้ จึงไม่อาจจเอากฎหมายไทยมาบังคับใช้ และรัฐไม่ได้มีอำนาจในการอนุมัติ อนุญาต เพิกถอนโครงการดังกล่าวได้ เนื่องจากไม่อยู่ในอธิปไตย (โครงการอยู่ใน สปป.ลาว)

2. การฟ้องให้ผู้ถูกฟ้องคดีออกข้อบังคับต่างๆ ในกรณีผลกระทบข้ามพรมแดน เช่น การออกกฎหมายการประเมินผลกระทบข้ามพรมแดน ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ปี 2535 ไม่มีการบัญญัติเรื่องการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนไว้ และหน่วยงานผู้ถูกฟ้องคดี ไม่ใช่หน่วยงานตามกฎหมายที่จะออกได้

3. สทนช. ที่ปฏิบัติงานในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงแห่งประเทศไทย ดำเนินนการในฐานะตัวแทนของรัฐบาล การทำความเห็นเกี่ยวกับเขื่อนปากแบง ตามที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องนั้น ถือเป็นการดำเนินการตามอำนาจบริหารของรัฐบาล ไม่ถือเป็นการกระทำทางปกครองที่ศาลปกครองจะรับฟ้องได้ คำขอที่ให้ สทนช.มีข้อแนะนำ หรือข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานภายใน กฟผ. และหน่วยงานอื่น ให้พิจารณาการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับเขื่อนปากแบงก็ไม่ใช่เป็นการกระทำทางปกครองที่จะรับฟ้องได้

4. ศาลจึงถือว่าคดีถึงที่สุด

ขอบคุณข้อมูล : The Maekong Butterfly

 

อุทยานฯ โต้สื่อต่างชาติออกข่าวไทยเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 ยันเก็บตัวอย่างสัตว์ตลาดนัดจตุจักรไม่พบไวรัสโคโรน่า ส่วนค้างคาวเกือกม้าในป่าตะวันออกมีพันธุกรรมคล้ายไวรัสโคโรนาเพียง 91% แต่ไม่ก่อโรคในคน
.
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตอบโต้สำนักข่าวต่างประเทศ 2 แห่งคือสำนักข่าวโพลิทิเคนของเดนมาร์กที่รายงานข่าวว่า ตลาดค้าสัตว์ในสวนจตุจักร กทม. อาจเป็นต้นกำเนิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนจะมีการแพร่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่นของจีน และเกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก
.
สำนักข่าวแห่งนี้ได้อ้างข้อมูลจาก เธีย เคิลเซน ฟีสเชอร์ แพทย์ชาวเดนมาร์ก ซึ่งทำงานกับองค์การอนามัยโลก และยังได้รายงานการพบเชื้อไวรัสชนิดนี้ในค้างคาวบางสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอีกด้วย
.
ขณะที่สำนักข่าวสปุตนิก (Sputnik) ของรัสเซีย อ้างผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Nature Communications เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยระบุว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ถูกพบในเลือดของค้างคาวเกือกม้า 5 ตัว ที่อาศัยอยู่ในถ้ำจำลองของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งหนึ่งทางตะวันออกของไทย ซึ่งคณะนักวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าเลือดของค้างคาวฝูงนี้ มีรหัสพันธุกรรมเหมือนกับของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ถึง 91.5%
.
กรมอุทยานฯ ชี้แจงว่า จากการสำรวจสัตว์ที่มีการค้าในตลาดจตุจักร และเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อในสัตว์ทุกกลุ่มเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 เช่น สัตว์กลุ่มกระรอก แมว สุนัข หนู กระต่าย และสัตว์ต่างประเทศ เช่น ลิงมาโมเสท เม่นแคระ เมียร์แคท ชูการ์ไกลเดอร์ เป็นต้น ปรากฏว่าไม่พบเชื้อไวรัสโคโรน่าในสัตว์ที่มีการค้าขายในตลาดจตุจักร
.
ดังนั้น ข้อมูลที่กล่าวว่าไทยอาจเป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (SARS-CoV-2) นั้น จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
.
ทั้งนี้สัตว์ที่มีการค้าในตลาดจตุจักรเป็นชนิดพันธุ์ที่ได้รับอนุญาตให้มีการเพาะพันธุ์และค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งสัตว์ต่างประเทศที่มีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย โดยมีชุดปฏิบัติการ 1362 ของกรมอุทยานฯ เข้าตรวจตรา ป้องกันการกระทำผิด รวมทั้งให้คำแนะนำในเรื่องความปลอดภัยและการป้องกันโรคจากสัตว์ป่าสู่คนอย่างต่อเนื่อง
.
สำหรับประเด็นการพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในค้างคาวเกือกม้านั้น ขอเรียนชี้แจงว่า ในเดือนมิถุนายน 2563 คณะนักวิจัยของไทย ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมอุทยานฯ ได้ลงพื้นที่สำรวจกลุ่มค้างคาวมงกุฎ (ค้างคาวเกือกม้าที่กล่าวถึงในข่าว) ในหลายพื้นที่ และถ้ำหลายแห่งที่เป็นแหล่งเกาะนอนของค้างคาวมงกุฎยอดสั้นใหญ่

"ได้เก็บตัวอย่างมูลค้างคาวและเลือด เพื่อตรวจหาไวรัสโคโรน่า 2019 โดยความร่วมมือทางวิชาการกับโปรแกรมการศึกษาและวิจัยโรคอุบัติใหม่ มหาวิทยาลัย Duke-NUS พบว่าไวรัสที่ตรวจพบในค้างคาวมีลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายไวรัสโคโรน่า 2019 เพียง 91% ซึ่งไม่สามารถก่อโรคในมนุษย์ได้
.
"นอกจากนั้นกรมอุทยานฯ ยังได้ดำเนินการเชิงรุกโดยมีการสำรวจเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในค้างคาว และลิ่นในธรรมชาติ รวมถึงสัตว์ชนิดอื่นที่อาจเป็นตัวกลางอย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังการเกิดโรคอุบัติใหม่หรือการกลายพันธุ์ของเชื้อ รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้งดการล่า ค้า รวมทั้งบริโภคสัตว์ป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันโรคจากสัตว์สู่คน" กรมอุทยานฯระบุ

 

"ร่วมลุ้นให้ไทยเปิดประเทศ"

เมื่อวานเพื่อนร่วมงานชาวเยอรมัน 2 คน พ่อบ้านเดินเข้ามาถามพ่อบ้านโดยไม่ได้นัดหมายว่า

"ประเทศไทยจะมีแผนเปิดประเทศเมื่อไหร่?"

พ่อบ้านเลยตอบไปตรงๆ ว่ายังไม่ชัวร์เลยขอหาข้อมูลก่อน ซึ่งก็พบข้อมูลหลักๆ ว่า

ททท. กำลังผลักดันในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และพยายามจะเปิดให้ได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ และ สายการบินกว่า 7 สายการบินก็กำลังผลักดันให้วัคซีนพาสปอตเป็นอีกหนึ่งหนทางในการเปิดประเทศ หรือมีแนวทางที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไทยได้ง่ายมากขึ้น

ซึ่งถามว่าทำไมต้องอยากให้มีการเตรียมแผนเปิดประเทศให้ชัดเจนมากขึ้นโดยเร็ว พ่อบ้านขอให้เหตุผลไว้ดังนี้

1. คนเยอรมันและยุโรปจะวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้า เช่น สิงหาคมคือเดือนแห่งการปิดเทอมที่แต่ละครอบครัวจะท่องเที่ยวยาวๆ แต่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่นี่จะจองกันตั้งแต่ กพ. หรือ มี.ค แล้วว่าจะไปเที่ยวไหนดีในเดือน สิงหาคม

2. สถานการณ์การติดเชื้อในหลายๆ ประเทศนั้นดีขึ้นมาก และมีการฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่องจนหลายประเทศนั้นเตรียมส่งสัญญาณ หรือมีการแถลงแล้วว่าจะยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเรียบร้อย

3. ประเทศในกลุ่มดังกล่าวนั้นยกตัวอย่างเช่น กรีซ อิสราเอล สเปน และ UK ที่ผลักดันมาตรการ วัคซีนพาสปอตอย่างเต็มที่และคาดว่าจะเปิดให้คนที่ฉีดวัคซีนเดินทางเข้าออกประเทศได้ง่ายขึ้นภายในเร็วๆ นี้

4. อันนี้สำคัญคือคนไทยในต่างแดนเองก็รอกลับบ้าน เพื่อไปเยี่ยมเยียนครอบครัวเช่นกัน ซึ่งหลายคนก็ฉีดวัคซีนรอแล้วเรียบร้อยและพร้อมจองตั๋วทันทีที่มาตรการผ่อนคลายลง (หลายคนเลือกไม่กลับเพราะต้องกักตัว ก็เลยรอไปก่อน)

5. อย่างที่บอกไปก็คือคนยุโรปกำลังอยู่ในช่วงวางแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ซึ่งแต่ละประเทศท่องเที่ยวนาทีนี้ต่างกำลังแย่งชิงกันเพื่อเปิดประเทศและกำหนดมาตรการเพื่อให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากที่สุดเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมของประเทศตัวเอง

6. นาทีนี้พ่อบ้านเชื่อว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบินนั้นอยู่ในช่วงโคม่าโค้งสุดท้ายแล้วหล่ะครับ และนี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะช่วยต่อลมหายใจให้พวกเค้าได้

7. นิวซีแลนด์เริ่มทดสอบบินเที่ยวบินที่ใช้วัคซีนพาสปอต กับออสเตรเลียแล้วด้วยนะ

8. วัคซีนเริ่มทยอยกันฉีดด้วยความเร็วที่สูงมากแล้วนะครับ และประเทศไทยเองก็ได้รับวัคซีนชุดแรกแล้วเรียบร้อย

โดยพ่อบ้านคิดว่าอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดอิสระหมดทุกประเทศแต่อาจจะเริ่มเป็นทีละประเทศ
จำกัดโซนหรือเขตการท่องเที่ยวให้ชัด

หรือเป็นรายชื่อสำหรับประเทศที่มีการติดเชื้อน้อยมากๆ และคนที่มาอาจจะต้องมีการฉีดวัคซีนอย่างถูกต้อง หรืออาจจะมีมาตรการอย่างอื่นร่วมด้วยก็จะช่วยป้องกันได้อีกในระดับนึง

โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดเดือนนี้เดือนหน้า อาจจะเริ่มตั้งแต่กลางปีหรือปลายปีนี้ ก็ได้แต่จะดีมากถ้ารู้และมีแผนชัดเจนว่าประมาณเมื่อไหร่ เพราะยิ่งชัดเจนเร็วก็จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เร็วโดนที่เค้าไม่ปันใจไปที่อื่นครับ

ซึ่งข้อมูลที่ได้ศึกษามาเราจะต้องมาลุ้นกันในเดือนมีนาคมนี้ครับว่า ทางภาครัฐจะมีแผนในการเปิดประเทศอย่างไร แต่ยังไงพ่อบ้านก็

"เป็นกำลังใจให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว, การบิน และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่กำลังวางแผนและผลักดันเรื่องนี้อยู่ครับ"

"ปล. พ่อบ้านขอสนับสนุนอีกเสียงนึงในการเปิดประเทศครับ และเข้าใจครับว่ายังไงก็ต้องดูสถานการณ์อีกที"

#พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #เยอรมนี #travel #germany #german

ที่มาของข้อมูล:

7 สายการบินชงเรื่องวัคซีนพาสปอต
https://www.thansettakij.com/content/business/469888

กรีซ และ UK คุยกันเรื่อง วัคซีนพาสปอต
https://www.theguardian.com/world/2...e-uk-to-allow-holidays-with-vaccine-passports

ลุ้นเปิดประเทศ ในเดือน มีนาคม
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/923941

 

#พาณิชย์เตือน! ร้านร่วมโครงการ “เราชนะ” ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าแพงเกินจริง มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท เตรียมส่งเจ้าหน้าที่ลุยตรวจสอบทั่วประเทศ

อ่านข่าว https://bit.ly/3aPkIOW

 

"วราวุธ" ต้องการให้ชาวกะเหรี่ยงบางกลอยปรับตัวตามยุคสมัย ไม่ยึดติดกับวัฒนธรรมการทำกินดั้งเดิม เพราะที่ดินมีจำกัด ไม่ยอมให้มีการทำลายป่าต้นน้ำ
.
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า การแก้ปัญหาที่ดินทำกินชาวกะเหรี่ยงบางกลอยซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังต่อรองให้ชาวบ้านเหล่านี้ออกจากป่าแก่งกระจานซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานลงมาอยู่ในที่ดินที่รัฐจัดให้จะจบด้วยวิธีการเจรจาและไม่มีการใช้ความรุนแรง
.
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอที่ดินทำกินที่ให้รัฐจัดให้คนละ 150 ไร่นั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะหากกลุ่มอื่นเรียกร้องให้รัฐจัดหาที่ดินให้บ้างก็อาจจะต้องหาที่ดินนับหมื่นไร่
.
"ผมบอกแล้วว่าที่บอกว่าเป็นเรื่องของวัฒนธรรมหรือประเพณีอาจจะใช้ไม่ได้ในยุคนี้จะให้ธรรมชาติปรับมาหาเราไม่ได้เราต้องปรับไปหาธรรมชาติ ไม่มช่การดูดายปัญหา แต่ประชาชนไม่ได้มีแค่ที่บางกลอย อย่ามาปรามาสผมวันนี้เราไม่ได้พูดเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่พูดประชาชนไม่มีที่ดินทำกิน อย่าโยงไปเป็นเรื่องอื่น ซึ่งกลุ่มคนบางกลุ่มไม่อยากให้จบ
.
"ถ้ามีการทำลายป่าต้นน้ำแล้วจะเอานำที่ไหนมาทำการเกษตร การทำไร่หมุนเวียนที่นักวิชาการบอกว่ามีประโยชน์ก็ถูก แต่ไม่ถูกทั้งหมด เพราะเรามีที่ดินเท่านี้ ไม่งั้นแก่งกระจานจะเป็นโล้นกระจาน
.
"จาก 98 มาเป็น 1,300 ถ้าอีก 20 ปีเพิ่มเป็น 6,000 คนจะทำอย่างไร ถ้าชุมชนอื่นจังหวัดอื่นเขาไม่ได้ก็มีปัญหา ที่แก่งกระจานก็ไม่ได้มีปัญหาทั้งหมด แค่ร้อยกว่าคน อย่ามาดราม่า อย่าไปโยงเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่มีเรื่องชาติพันธุ์ ผมไม่เคยพูดคำนี้ มีแต่ชาตินี้กับชาติหน้า" นายวราวุธกล่าว
.
นายวราวุธ กล่าวระหว่างมอบนโยบายการบริหารจัดการไฟป่าและเปิดตัวโครงการ "ชิงเก็บ ลดเผา" ตอนหนึ่งว่า มนุษย์ต้องเรียนรู้อยู่กับธรรมชาติ ไม่ใช่ให้ธรรมชาติปรับเข้าหา เพราะคนเพิ่มขึ้น ป่า ที่ดินลดลง ดังนั้นวัฒนธรรมที่ทำกันมาช้านานจะต้องปรับตัว ถ้าต้องการอยู่ไปถึงศตวรรษหน้าไม่ว่าชาติพันธุ์หรือกลุ่มใดต้องปรับตัว
.
สำหรับความเคลื่อนไหวที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เครือข่ายชาวเลจากทะเลอันดามันและเครือข่ายได้นำข้าวปลาอาหารแห้งมาแจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่เพื่อขอนำอาหารประมาณ 200 กิโลกรัม และข้าวสาร 4,000 กิโลกรัม มอบให้ชาวบ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
.
อย่างไรก็ตาม นายจิตณาพงศ์ บัณฑิตสมิทธ์ รักษาการหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไม่อนุญาตให้กลุ่มชาวเลเข้าไปมอบอาหารแก่ชาวบ้าน ณ บ้านโป่งลึก-บางกลอย ทำให้มีการเจรจราต่อรองกัน กระทั่งช่วงบ่ายที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จึงยินยอม แต่กำหนดเงื่อนไขต้องเดินทางกลับออกมาภายในวันเดียวกัน
.
สำหรับข้อเสนอจากชาวบ้านบางกลอยว่าต้องการที่ดินทำกิน 150 ไร่นั้น นายนิรันดร์ พงษ์เทพ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอย ปฏิเสธข่าวนี้โดยระบุว่าอาจเป็นการสื่อสารผิดพลาดของชาวบ้านที่ไม่เข้าใจคำถาม แต่ความจริงชาวบ้านแค่มีที่ทำกินปีละ 2.5 - 3 ไร่ก็เพียงพอสำหรับการดำรงชีพแล้ว

 

1 > รายงานฉบับใหม่ที่ชื่อ 'ปลาที่ถูกลืมของโลก' ของ IUCN/WWF ทำการสำรวจสถานะของปลาน้ำจืดทั่วโลกและชี้ว่า 1 ใน 3 ของปลาน้ำจืดเผชิญกับการสูญพันธุ์ และฟังดูอาจไม่น่าเชื่อแต่ปลาประเภทปลาดุกมีประชากรลดลงในอัตราที่หายนะมากๆ ถึง 94% และหนึ่งในปลาประเภทปลาดุกที่ IUCN ประกาศสูญพันธุ์คือปลาในเมืองไทยนั่นคือ ปลาหวีเกศ (Siamese schilbeid catfish)

2 > เฉพาะปี 2563 เป็นปีที่เลวร้ายมากสำหรับปลาน้ำจืด เริ่มปีด้วยการยืนยันของการสูญพันธุ์ของปลาฉลามปากเป็ดจีน ปลายักษ์เฉพาะถิ่น
ของแม่น้ำแยงซีและจบปีด้วยการที่ IUCN ยังประกาศการสูญพันธุ์อีก 15 สายพันธุ์ในฟิลิปปินส์โดยรวมแล้วปลาน้ำจืด 80 ชนิด ถูกประกาศว่าสูญพันธุ์โดย IUCN และ 115 ชนิด ถูกจัดอยู่ในประเภท "อาจสูญพันธุ์หรือใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง"

3 > การสูญพันธุ์ของปลามีหลายสาเหตุ รวมถึงการทำลายที่อยู่อาศัย การสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำที่ไหลอย่างอิสระ การใช้น้ำมากเกินไปเพื่อการชลประทาน และมลพิษในประเทศเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ปลาน้ำจืดยังมีความเสี่ยงจากการทำประมงมากเกินไปและกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

4 > การสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำที่ไหลอย่างอิสระเป็นปัญหาที่ใกล้ตัวคนไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก เพราะปลาอพยพในแม่น้ำโขง ซึ่งการเดินทางตามฤดูกาลเป็นแรงกระตุ้นต่อระบบนิเวศ และให้เกิดการเคลื่อนไหวของนักล่าอันดับต้นๆ ของแม่น้ำนั่นคือโลมาแม่น้ำอิรวดี ซึ่งตอนนี้เสี่ยงที่จะสูญหายไปจากแม่น้ำโขง ส่วนหนึ่งมาจากการสร้างเขื่อน

5 > รายงานระบุว่าพื้นที่ลุ่มน้ำแม่น้ำโขงเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณการจับปลาน้ำจืดมากที่สุดในโลก คือ 14 - 18% เมื่อเทียบกับปริมาณปลาน้ำจืดที่จับได้ทั่วโลก ขอยกตัวอย่างกัมพูชาปัจจุบันชาวกัมพูชาได้รับโปรตีนจากสัตว์ราว 16% โดยเฉพาะจากการประมงในลุ่มแม่น้ำโขงที่มีปริมาณมาก

6. > แต่แม่น้ำโขงถูกคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าหากการทำประมงน้ำจืดของกัมพูชาล้มเหลวจากเขื่อนและความแห้งแล้งทำให้ระดับน้ำโขงต่ำเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กัมพูชาจะต้องเพิ่มพื้นที่ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์เพื่อกินเนื้อทดแทนปลามากถึง 155% และพื้นที่เพาะปลูก 59% เพื่อตอบสนองความต้องการอาหารที่หมดไปเพราะแม่น้ำโขงถูกทำลาย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มโหฬารมาก

7 > ตอนนี้ไม่มีวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพของโลกไหนจะรุนแรงไปกว่าระบบนิเวศน้ำจืดอีกแล้ว การสร้างเขื่อนยังกระทบต่อการอพยพของปลาโดยตรง ทั้งปลาสเตอร์เจียน ปลาแซลมอน ปลาฮิลซาและปลาดุกลายลดลงถึง 76% นับตั้งแต่ปี 2513

8 > ประชากรปลาขนาดใหญ่ซึ่งเป็นมหาอำนาจของโลกปลาน้ำจืด เช่น ปลาสเตอร์เจียน ปลาเบลูกา และปลาบึกได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยลดลง 94% ตั้งแต่ปี 2513 ซึ่งอยู่ในระดับหายนะมากๆ

9 > ตัวอย่างการทำประมงแบบทำลายล้าง หรือการประมงที่ไม่ยั่งยืน เช่น การลักลอบจับปลาสเตอร์เจียนผิดกฎหมายเพื่อค้าไข่ปลาคาเวียร์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลาสเตอร์เจียนเป็นหนึ่งในกลุ่มสัตว์ที่ถูกคุกคามมากที่สุดในโลก ซึ่งไข่ปลาปลาสเตอร์เจียนก็คือไข่คาเวียร์ที่เราเรียกกันจนติดปากนั่นเอง

10 > ก่อนที่จะไม่มีปลากิน (เหมือนที่กัมพูชาอาจจะประสบ) เราต้องเร่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ คือการปล่อยให้แม่น้ำไหลอย่างอิสระและฟื้นฟูถิ่นอาศัยของปลา ลดการทำประมงเกินพิกัด และจับตาไม่ให้มีปลาเอเลี่ยนที่ทำลายปลาพื้นถิ่นหลุดเข้าไปในแหล่งน้ำ

11 > การรื้อเขื่อนกั้นน้ำยังเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เช่น ตัวอย่างของการรื้อเขื่อนกั้นแม่น้ำพีน็อบสก็อต (Penobscot river) ในสหรัฐอเมริกา ปล่อยให้ปลาอพยพว่ายจากทะเลไปยังต้นน้ำอีกครั้ง ทำให้จำนวนปลาเฮอริ่งในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นจาก 2,000 - 3,000 ตัว เป็นมากกว่า 2.8 ล้านตัว

อ้างอิง
• "The World’s Forgotten Fishes". (Feb 2021). WWF.
• "World’s Forgotten Fishes Vital For Hundreds Of Millions Of People But1/3 Face Extinction, Warns" (24Feb 2021) Scoop

 

สี่ปีภายใต้นโยบายของโดนัล ทรัมป์ ที่ถือเป็นยุคมืดของวงการสิ่งแวดล้อมสหรัฐ ทั้งในเชิงนโยบาย และความร่วมมือกับนานาชาติ ที่ไม่เพียงแต่นำประเทศออกจาร Paris Agreement ยังมีนโยบายอีกหลายด้านที่ขัดต่อกาารส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามมติของ UN
.
การเข้ามารับตำแหน่งใหม่ของปธน. โจ ไบเดน ในช่วงแรกจึงเป็นการเคลียร์ความเป็นทรัมป์ออกไป โดยส่ิงหนึ่งที่ยังไม่เลยหลุดจากปากผู้นำของสหรัฐเลยคือการประกาศเป้าหมาย Net Zero Emission ของประเทศ ซึ่งประเทศใหญ่ๆ ทั้ง ยุโรป เอเชียต่างประกาศหมดแล้ว โดยส่วนใหญ่จะตั้งเป้าไปที่ปี 2050 ยกเว้นจีนที่ขอต่อเวลาอีก 10 ปี เป็นปี 2060
.
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากการพบกับปธน. ทรูโด ของแคนาดาเป็นครั้งแรก ไบเดนจึงถือโอกาศตั้งเป้าหมาย Net Zero Emission ในปี 2050 รวมถึงเป็นพันธมิตรด้าน วิกฤตโลกรวนกับแคนาดาซะเลย ซึ่งก่อนหน้าที่ ไบเดน ก็ได้เซ็นต์กลับเข้าร่วม paris agreement อย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน
.
การประกาศครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะตอนนี้ประเทศมหาอำนาจ รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ ก็ประกาศเป้าหมาย Net Zero emission หมดแล้ว (ยกเว้น รัสเซีย) ก็ต้องมาดูกันว่า จะทำได้จริงกันแค่ไหน และประเทศที่รอท่าทีของอเมริกาอยู่จะเข้าร่วมขบวนนี้ด้วยหรือเปล่า
.
ปล. ถ้าถามถึงประเทศไทยคือ ยังไม่มีเคยประกาศอะไรพวกนี้นะ
.
https://www.independent.co.uk/news/...-trudeau-meeting-zero-emissions-b1806495.html
https://www.independent.co.uk/clima...greement-biden-trump-john-kerry-b1804243.html

 

24.02.21

Finans Norge แผยแพร่รายงานในปี 2020 ที่ผ่านมา ว่ามีการฉ้อโกงการประกันภัยมากขึ้น การโกงที่การเพิ่มขึ้นที่มากที่สุดคือ การประกันภัยรถยนต์

1.Stine Neverdal ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารของ Finans Norge กล่าวว่า เหตุที่มีการฉ้อโกงกันมากที่สุดคือ อุบัติเหตุรถยนต์ / การวางเพลิงรถ / การขโมยของมีค่าจากรถของตัวเอง เป็นต้น ความพยายามฉ้อโกงในแต่ละครั้งมี มูลค่าวงเงินประกันรถยนต์เฉลี่ย 120,000 Kr

2.Neverdal กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ในเรื่อง ประกันภัยรถยนต์ เท่านั้น ยังรวมไปถึง ประกันการเดินทาง / ประกันสุขภาพ และ ประกันความทุพพลภาพ ที่ผู้คนพยายามฉ้อโกง ด้วยวงเงินประกันที่สูงมาก โดยจำนวนเงินประกันที่มีความพยายามฉ้อโกงสูงที่สุด มีมูลค่าถึง 8.5 ล้าน Kr

3.ในปีที่แล้ว บริษัทประกันภัยต้องปรับเปลี่ยนกลงยุทธ์การตรวจสอบใหม่ เนื่องจาก นักต้มตุ๋น ที่ถูกตรวจพบมีทุกช่วงอายุ ผู้ที่ถูกตรวจสอบการฉ้อโกงส่วนมากจะเป็น เพศชาย มากกว่า เพศหญิง และ จะเป็น เพศชาย ที่กลับมาฉ้อโกงซ้ำอีกในกรณีนี้ ด้วยวิธีที่แยบยลขึ้น

4.การฉ้อโกงอีกกรณีหนึ่งที่ บริษัทประกันภัย พบมากคือ เคลมประกันของหาย เช่น ผู้เคลมมีแว่นกันแดดยี่ห้อ H&M ราคาถูก แต่พอเคลมประกัน กลับกลายเป็นแว่นตายี่ห้อ Oakley ราคาแพงไปได้

5.ตัวแทนจาก บริษัทประกันภัย Gjensidige กล่าวว่า บริษัทตรวจพบเอกสารปลอมมากขึ้น เป็นสัญญาณที่ไม่ดีที่คนมากมายหาทางที่จะปลอมแปลงเอกสาร เพื่อฉ้อโกงเงินประกันภัย การฉ้อโกงฯ ถือเป็นอาชญากรรมและ บริษัท รายงานการโกงทุกกรณีต่อ ตำรวจ และ ศาล จะดำเนินการลงโทษในกรณีดังกล่าวอย่างจริงจัง แม้ว่าจำนวนเงินที่โกงไปจะไม่มาก แต่ก็สามารถนำไปสู่ การจำคุก โดยไม่มีการอุธรณ์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

.........................

อ่านรวมข่าว & มาตรการโคโรนา ของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Thor-Albert Frøsland : Journalist

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/norge/vi-svindlet-mer-pa-forsikringen-1.15387283

 

24.02.21

(หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรงแรมกักกัน สามารถติดต่อ UDI ได้โดยตรงค่ะ และ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.udi.no/om-koronasituasjonen หรือ ที่เวปไซต์ของ รัฐบาล : https://bit.ly/2P9g1Hh )

(สรุป) แถลงข่าว เรื่อง สถานการณ์โคโรน่าไวรัส ใน ประเทศนอร์เวย์ และ เปลี่ยนแปลงกลวิธีการฉีดวัคซีน

วันพุธที่ 24.02.21 เวลา 14.00 น. มีผู้เข้าร่วมการแถลงข่าว 4 ท่านคือ

▪รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม Monica Mæland
▪รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข Bent Høie
▪ผู้อำนวยการสถาบัน FHI Bjørn Guldvog
▪Camilla Stoltenberg จาก สถาบัน FHI
.
1.รมต.ยธ กล่าวว่า รัฐบาล กำลังเพิ่มความเข้มงวด กฎการกักกัน โดยมีการเปลี่ยนแปลง 3 ประการคือ
*ผู้ที่ถูกกักกัน ณ สถานที่แรกที่มาถึงนอร์เวย์ จะต้องอยู่ที่นั้นจนกว่าจะเสร็จสิ้นการกักกัน เช่น มาถึงสนามบิน Gardermone ก็จะต้องกักตัวในบริเวณนี้ ไม่สามารถไปกักตัวที่เขตอื่นๆได้ (กรณีอยู่ที่โรงแรมกักกัน)
*มอบหมายให้ เทศบาล ส่งรายงานเกี่ยวกับ ผู้ที่อยู่ในโรงแรมกักกัน ว่าอยู่ครบตามกำหนดกักตัวหรือไม่และ กำหนดให้ เทศบาล ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้ที่ถูกกักกันปฏิบัติตามกฎการกักกัน อย่างถูกต้อง
*ผู้ที่อยู่ในโรงแรมกักกันจะต้องลงทะเบียน และรายงานตัวด้วย

2.รมต.ยธ กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดพรมแดนได้ในขณะนี้ เนื่องจาก อัตราการติดเชื้อที่ยังรุนแรงในต่างประเทศ และ การติดเชื้อในทวีปอื่นๆ แต่ก็ยังมีข่าวดีเล็กๆในเวลาที่มีแต่ข่าวร้าย นั่นคือ อัตราการติดเชื้อในนอร์เวย์ ยังต่ำกว่าหลายประเทศในยุโรป เธอเข้าใจดีว่า หลายคนต้องการให้มีการเปิดพรมแดนมากขึ้น แต่ด้วยอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ เราจะต้องรอให้ อัตราการติดเชื้อ ลดลงเสียก่อนที่เราจะเปิดพรมแดนได้มากขึ้นอีกครั้ง

ข่าวดีเล็กๆ

3.รมต.สธ กล่าวว่า รัฐบาล กำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดสังคม โดยราวๆกลาง เดือนมีนาคม นี้ รัฐบาล จะพิจารณาปรับมาตรการระดับชาติอีกครั้ง โดยจะใช้สถานการณ์การติดเชื้อจะเป็นพื้นฐานสำหรับการประเมิน ว่าการเปิดสังคมใหม่จะเป็นไปในรูปแบบใด เราจะทำอะไรต่อไป โดย รัฐบาล จะประกาศมาตรการเพื่อเปิดสังคมใหม่ภายในสิ้น เดือนมีนาคม

รมต.สธ ไม่อยากให้ผ่อนคลายมาตรการเร็วเกินไปเพราะอาจทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เราสูญเสียการควบคุม พร้อมทั้งกล่าวว่า

"เรากำลังจะก้าวไปสู่วันที่สดใสอย่างช้าๆ แต่ก็ขอให้ทุกคนอย่าได้ประมาท และ อดทนต่อไป"

4.Folkehelseinstituttet ได้ส่งข้อมูลการปรับเปลี่ยนกลยุธท์ฉีดวัคซีน ให้กับ กระทรวงสาธารณสุข เทศบาลต่างๆ โดยมีใจความสำคัญว่า เทศบาลหลายแห่งที่มีอัตรา ผู้ติดเชื้อสูงมาก สมควรได้รับวัคซีนในปริมาณที่มากกว่า เทศบาล ที่มีผู้ติดเชื้อเพียงเล็กน้อย หรือ ไม่มีเลย

5.รมต.สธ กล่าวว่า รัฐบาล ได้ตัดสินใจที่จะทำข้อตกลงกับผู้ผลิตวัคซีน Moderna โดยใช้งบประมาณ 200 ล้าน Kr ซื้อวัคซีนเพิ่มเติมผ่านข้อตกลงใหม่ของความร่วมมือจาก สหภาพยุโรป ทำให้นอร์เวย์สามารถรับวัคซีนเพิ่มขึ้น 2.46 ล้านโดส หลังจาก ไตรมาสที่ 3 ในปีนี้ โดยในเดือนมีนาคม นอร์เวย์ จะได้รับวัคซีนของ Moderna จำนวน 650,000 โดส เพื่อเตรียมความพร้อมหากเราต้องประสบกับสถานกาณ์ที่ วัคซีน ใช้ไม่ได้ผลกับ ไวรัสกลายพันธุ์ ชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

6.รมต.สธ กล่าวว่า ขณะนี้ ชาวนอร์เวย์มากว่า 400,000 คน ได้รับวัคซีนโดสแรก แล้ว แต่มีเพียง 300,000 คน เท่านั้นที่ได้รับ วัคซีนครบ 2 โดส

7.FHI ประเมินว่า R-number ในเมืองออสโลในเดือนกุมภาพันธ์คือ 1.4 แต่ในขณะเดียวกัน อัตราการติดเชื้อในเมืองหลวง ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน

8.รมต.สธ กล่าวว่า มีความปลอดภัยที่จะใช้วัคซีนในแต่ละขวดของ Pifer ถึงจำนวน 7 โดส จากขวดเดียวกัน แต่ไม่ควรผสม วัคซีน ที่เหลือจากแต่ละขวดที่ไม่ใช่ขวดเดียวกัน สิ่งสำคัญคือเราต้องใช้ปริมาณวัคซีนทั้งหมดไม่ควรเหลือทิ้ง FHI ได้ตัดสินใจว่าการใช้วัคซีนโดสที่ 7 จากขวดวัคซีนของ Pfizer จะต้องได้รับการอนุมัติจาก แพทย์ผู้รับผิดชอบ ก่อนนำไปใช้ซึ่งจะต้องเป็น «ผู้รับผิดชอบต่อผลที่ตามมาของการใช้งานดังกล่าว»

-------------------------
Credit @bent Høie
↔️↔️ Holde avstand - รักษาระยะห่าง
Holde deg hjemme hvis du er syk - อยู่บ้านเมื่อคุณป่วย
Holde hendene rene - ล้างมือบ่อยๆ
Holde nede antall personer du møter - หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนจำนวนมาก
➖➖➖➖➖➖➖➖

อ่านมาตรการระดับชาติ ฉบับที่ 2
https://norgetiltak.blogspot.com/2021/01/2.html

อ่านมาตรการระดับชาติ ฉบับที่ 1
https://norgetiltak.blogspot.com/2020/11/051120.html

⏪สรุปแถลงข่าว เดือน มกราคม 2021
https://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ที่มา เวปไซต์รัฐบาล Regjeringen /NRK :
https://www.nrk.no/norge/regjeringen-strammer-ytterligere-inn-karantenereglene-1.15388922

https://www.regjeringen.no/no/aktue...erens-orientering-24.-februar-2021/id2836309/

ข้อมูลเพิ่มเติม กักกันโรงแรม :
https://www.regjeringen.no/no/tema/...estriksjoner/id2703365/?expand=factbox2784621

 

24 ก.พ.2564 จากกรณีที่ สำนักข่าว Politiken ของเดนมาร์ก ได้นำเสนอข่าวว่า ตลาดค้าสัตว์ในกรุงเทพฯ อาจเป็นสถานที่ ที่นำไวรัสโควิด-19 มาสู่ เมืองอู่ฮั่น และทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยผู้ที่ตั้งข้อสังเกตนี้คือ แพทย์จากองค์การอนามัยโลกชาวเดนมาร์ก เธีย เคิลเซน ฟีสเชอร์ โดนเธอตั้งข้อสงสัยว่า ตลาดนัดจตุจักร อาจเป็นแหล่งต้นตอของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่นำพาเชื้อดังกล่าวไปสู่เมืองอู่ฮั่น ในประเทศจีน ศูนย์กลางการระบาดโควิด-19 นั้น

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า กรมควบคุมโรคขอยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งการระบาดของโรคโควิด-19 มีข้อสงสัยว่าอาจจะข้ามมาจากสัตว์ แต่ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่ามาจากสัตว์ชนิดใด และมีการลงพื้นที่ตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19ในจีน ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเช่นกัน จึงอาจทำให้มีการมองหาประเทศอื่นๆที่มีชายแดนติดจีน อีกทั้งเป็นการพูดแบบกว้างๆ โดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการมายืนยัน

สำหรับ ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังโดยมีนักวิจัยที่เก็บตัวอย่างค้างคาวมงกุฎมาตรวจสอบเพื่อหาเชื้อโควิด-19 โดยร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติและพันธุ์พืช ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศึกษาค้าวคาวในเมืองไทยต่อเนื่องมา 20 ปีว่า โอกาสที่จะมีโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนหรือไม่ ทั้งนี้ สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่า มีหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ก่อโรคเฉพาะในสัตว์โดยไม่แพร่สู่คน เช่น เชื้อไวรัสโคโรน่าในสุนัขและแมว ก็พบในสัตว์อื่นเช่น ค้าวคาว ยังไม่มีข้อมูลหลักฐานชี้ชัดว่าเชื้อโควิด-19 ที่มีการระบาดในขณะนี้มาจากสัตว์ชนิด

“ผลการวิจัยที่พบว่ารหัสพันธุกรรมของค้าวคาวมงกุฎมีความคล้ายคลึงกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงร้อยละ 91.5 นั้น แต่ไม่ติด่อระหว่างค้างคาวสู่คน ทั้งนี้กรมขอแนะนำว่า ประชาชน ไม่ควรรับประทานสัตว์ป่าโดยเฉพาะค้าวคาว และไม่ควรล่าสัตว์ ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรคยังได้ร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมปศุสัตว์ เฝ้าระวังเชื้อโรคจากสัตว์สู่คน มีการเฝ้าระวังตลาดค้าสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยง เช่น ตลาดจตุจักร ตลาดในเขตมีนบุรี และพุทธมณฑล เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” นพ.เฉวตสรร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ไทยมีการเฝ้าระวังโรคจากสัตว์สู่คน อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เคยมีการระบาดของโรคจากสัตว์สู่คนในไทย เช่น โรคซาร์ โรคเมอร์ เป็นบทเรียนให้เราเฝ้าระวังเรื่องสัตว์ป่า ถ้ามีโรคใหม่ๆ ระบาดจะมีสัญญาณบอกเหตุที่ผิดสังเกต เช่น ก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ไทยก็ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ใดๆ หรือพบผู้ป่วย ที่เป็นกลุ่มก้อนผิดสังเกตก่อนการระบาดในอู่ฮั่น เช่น อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือปอดบวม มากผิดปกติแบบไม่ทราบสาเหตุ จึงเป็นความมั่นใจของกรมควบคุมโรคว่า ไทยไม่ใช่แหล่งกำเนิดโรคโควิด-19

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/924329
https://politiken.dk/udland/art8108...kan-være-det-sted-der-bragte-corona-til-Wuhan

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

24 ก.พ. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวจากประเทศฝรั่งเศส ว่า ทีมนักวิจัยชาวฝรั่งเศสได้คิดนวัตกรรมสุดล้ำสำหรับใช้ในการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่สามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว จากโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่เรามี โดยนักวิจัยชาวฝรั่งเศสได้ทำการทดสอบการตรวจเชื้อแอนติบอดี้ในร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์ ซึ่งได้ผลเร็ว และเที่ยงตรง

สำหรับนวัตกรรมนี้ มีชื่อว่า “CorDial-1” ยังคงเป็นเพียงนวัตกรรมต้นแบบและยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ โดยจากการทดลอง 300 ตัวอย่าง ให้ผลตรงถึง 90% เทียบกับผลการตรวจเชื้อแบบ PCR ที่เป็นวิธีการตรวจเชื้อที่เที่ยงตรงที่สุด / รู้ผลเร็วใน 10 นาที ขณะที่ PCR นั้น จะใช้เวลานานหลายชั่วโมง และต้องตรวจในห้องแล็บเท่านั้นด้วย

วิธีการของมันคือ ภายในอุปกรณ์ จะมีส่วนประกอบของแอนติบอดี้จากอูฐ หรืออัลปากาส์ ที่เรียกว่า “nanobodies” เพราะแอนติบอดี้ของพวกมันมีความเสถียรมากกว่าสัตว์ประเภทอื่น ซึ่ง nanobodies ของสัตว์เหล่านี้ จะถูกเชื่อมต่อไปยังผิวของอิเล็กโทรด หรือขั้วไฟฟ้า และหากมันสัมผัสกับหนามโปรตีนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก็จะมีการทำปฏิกิริยา ไปเปลี่ยนแปลงกระแสไฟฟ้าในอิเล็กโทรด

ส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ จะอยู่ในรูปแบบคล้าย USB ที่เสียบต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนของเรา และเมื่อเรานำสารคัดหลังจากร่างกายเรา วางลงบนผิว มันก็จะทำปฏิกิริยาต่อกัน และผลการตรวจเชื้อก็จะแสดงบนหน้าจอเป็นกราฟขึ้นมา ว่ามีเชื้อไวรัสในร่างกายอยู่หรือไม่ สำหรับขั้นตอนถัดไป คือจะทดลอง 3 เดือนกับอาสาสมัคร 1,000 คน

คริสตอฟ เดไมลย์ หัวหน้าทีมวิจัยเคมีไฟฟ้าระดับโมเลกุลแห่งมหาวิทยาลัยปารีส ระบุว่า การตรวจเชื้อแบบนี้ อยู่บนพื้นฐานของการส่งสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งมีความแม่นยำสูง และเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์อย่างมาก

https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-france-covid-test-idUKKBN2AN0U2

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. อธิบายถึงความหลากหลายทางชีวภาพของไทยจนค้นพบราแมลงชนิดใหม่ของโลก ว่า ไบโอเทคดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับราแมลงนานกว่า 25 ปี จากการริเริ่มของ ดร.ไนเจล โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติซึ่งเป็นนักกีฏวิทยา จนสำรวจพบราแมลง Hirsutella citriformis (เฮอร์ซูเทลลา ซิตริฟอร์มิส) ก่อโรคบนเพลี้ยกระโดดในแปลงนาข้าวครั้งแรกในประเทศไทย

ล่าสุดได้ค้นพบราแมลงชนิดใหม่รวม 47 สปีชีส์ โดยเป็นสกุลใหม่รวม 8 สกุล ถือเป็นการค้นพบราแมลงชนิดใหม่จำนวนมากที่สุดของโลก ด้วยบ้านเราถูกจัดว่าเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายของราแมลงมากแห่งหนึ่งของโลก และการศึกษาวิจัยต่อยอดยังพบว่า ราแมลงบางชนิดมีคุณสมบัติในการสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพระดับห้องปฏิบัติการ และสามารถนำมาขยายผลใช้ประโยชน์ทั้งด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการแพทย์

สำหรับตัวอย่างความหลากหลาย และโดดเด่นของราแมลงชนิดใหม่ที่พบ 47 สปีชีส์ ยกตัวอย่าง ราในสกุล เมตาไรเซียม (พบมากถึง 21 สปีชีส์ใหม่) และ ราสกุล บิวเวอเรีย (สปีชีส์ใหม่ที่พบคือ Beauveria mimosiformis : บิวเวอเรีย มิโมสิฟอร์มิส)
รากลุ่มนี้สามารถนำมาพัฒนาเป็นสารชีวภัณฑ์ควบคุมแมลงศัตรูพืช ซึ่งที่ผ่านมาไบโอเทค สวทช. ได้มีการศึกษาคัดเลือกราแมลงสายพันธุ์ บิวเวอเรีย บาสเซียนา (Beauveria bassiana) มาพัฒนาเป็นสารชีวภัณฑ์ที่ใช้ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชหลายชนิด โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง

ขณะที่เชื้อราในสกุล เมตาไรเซียม (Metar hizium) เป็นกลุ่มราแมลงที่สามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ โดยในระยะสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ราจะสร้างสปอร์สีเขียวขึ้นคลุมแมลงเจ้าบ้าน แต่ในระยะสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ จะสร้างก้านรางอกจากตัวแมลง มีความสามารถก่อโรคบนแมลงได้หลายชนิด เช่น หนอนผีเสื้อ หนอนด้วง ด้วงตัวเต็มวัย ตัวอ่อนจักจั่น จักจั่นตัวเต็มวัย และเพลี้ยกระโดด

ดังนั้น การค้นพบราเมตาไรเซียม และราบิวเวอเรียชนิดใหม่จำนวนมากในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะค้นหาสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการพัฒนาสารชีวภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ควบคุมแมลงได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการใช้สารเคมีในทางการเกษตร ไม่มีสารพิษตกค้างในผลผลิต และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และผู้บริโภค

ราแมลง Gibellula pigmentosinum (จีเบลลูลา พิกเมนโตสินัม) ที่ค้นพบใหม่สามารถสร้างสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพต้านการสร้างไบโอฟิล์มของแบคทีเรีย มีศักยภาพอาจนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เช่น ยาปฏิชีวนะเพื่อยับยั้งการสร้างไบโอฟิล์มของแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ในอนาคต

อีกทั้งยังค้นพบราแมลงชนิดใหม่ในสกุลแบล็กเวลโลไมซีส (Blackwellomyces) และคอร์ไดเซปส์ (Cordyceps) สร้างก้านราสีสดออกจากตัวแมลง พบได้ตามเศษซากใบไม้และขอนไม้ผุ ก่อโรคกับหนอนด้วงและหนอนผีเสื้อ โดยราบางชนิดในสกุลคอร์ไดเซปส์ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์แผนจีน ในลักษณะเดียวกับถั่งเช่า

ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/2038455?cx

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com