ไม่รู้จักกัน

โลกสวยด้วยรัก...วันแห่งความรัก ก็เลยนำความรักมาฝากค่ะ

ปัญหาเข้าใจยาก 7 ประการซึ่ง พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้
1. สิ่งที่คมที่สุดในโลกคืออะไร

คนทั่วไปตอบพร้อมกันว่า “มีด”

พระองค์ตอบว่า…

สิ่งที่คมที่สุด คือ “ลิ้นของมนุษย์” เพราะว่า ด้วยลิ้น มนุษย์ใส่ร้ายคนอื่น ทำร้ายหัวใจคนอื่น ทำร้ายความรู้สึกคนอื่นได้

2. ระยะทางที่ไกลที่สุด (จากตัวเรา) คืออะไร

บางคนตอบว่า “ห้วงอวกาศ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ จักรวาล”

พระองค์ตอบว่า…

ระยะทางที่ไกลที่สุด คือ “อดีต” เพราะว่า ไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถย้อนกลับไปอดีตได้ ดังนั้นเราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด

3. สิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้คืออะไร

บางคนตอบว่า “ภูเขา โลก ดวงอาทิตย์”

พระองค์ตอบว่า…

สิ่งที่ใหญ่ที่สุด คือ “ความต้องการ” เพราะว่า มนุษย์ส่วนใหญ่กลายเป็นคนเคราะห์ร้าย เพราะยอมตามใจตนต่อความยั่วยวนอกุศลฝ่ายต่ำ ดังนั้นควรระมัดระวังความปรารถนา

4. อะไรที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก

บางคนตอบว่า “เหล็ก ธาตุเหล็ก หรือช้าง”

พระองค์ตอบว่า…

ยากที่สุด คือ “คำสัญญา” หมายถึง พูดง่ายแต่ทำยาก

5. อะไรที่เบาที่สุดในโลก

บางคนตอบว่า “ฝ้าย ลม ฝุ่น ใบไม้”

พระองค์ตอบว่า…

เบาที่สุดในโลก คือ “ปล่อยวาง” มองดูคนหลายๆคนวิ่งไล่ตามความร่ำรวยจนเหนื่อยล้า แต่บางคนปรารถนาเพียงความพอดีของชีวิต

6. อะไรที่ใกล้กับเรามากที่สุด

บางคนตอบว่า “พ่อแม่ เพื่อน และ ญาติ”

พระองค์ตอบว่า…

ที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด คือ “ความต-า-ย” เพราะว่าความต-า-ยเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด เกิดขึ้นได้ในเสี้ยววินาที

7. คำถามสุดท้าย “อะไรที่ง่ายที่สุดในโลก”

ทุกคนตอบว่า “การกิน การนอน การพูดคุย”

พระองค์ตอบว่า…

ง่ายที่สุด คือ “ร่วมกันแบ่งปันธรรมะ” เพราะธรรมะสามารถเข้าถึงได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การแบ่งปันธรรมะ ก็คือการปันปันกำลังใจ

หรือแนวทางดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ดีงาม เป็นการคืนคุณค่าให้แก่สังคม และดำรงตนอย่างผู้มีความสงบเย็นนั่นเอง

จากเพจ...ธรรมะพระป่าธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

มีสาระ นะครับ
สุขสันวันวาเลนไทน์

 

เอาพระสูตรมาดีกว่านะ
มันทะแม่งๆ

 

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม.. พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ใจ.. พระพุทธเจ้าได้ธรรมเป็นสมบัติ พระพุทธเจ้าก็ได้ 'ใจ' อันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า มาเป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า
.
พระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านก็ได้ ใจอันบริสุทธิ์นั้นล่ะ..เรียกว่าท่านได้ธรรมอันบริสุทธิ์มาเป็นสมบัติของท่าน
.
เราก็เหมือนกัน ในเมื่อพากันได้ใจของเรามาเป็นสมบัติของเรา เมื่อเราได้ใจเราแล้ว.. เรียกว่าเราได้ธรรรมเป็นสมบัติของเรา
.
'ธรรมะ' ก็คือ 'ใจ', ... 'ใจ' ก็คือ 'ธรรมะ' อย่าไปหมายว่า 'ธรรม' อยู่ภายนอก
.
พากันปล่อยวาง ละมันเสียอะไรที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง เราเกี่ยวข้องกันมามากแล้ว... มันน่าจะเบื่อ น่าจะอิ่มกันสักที ... ธรรมะ เรายังเกี่ยวข้องน้อย ธรรมะเรายังเกี่ยวข้องไม่มาก.. เราจึงหิวธรรม.. ทำไมจึงหิวเล่า ก็เพราะใจเรายังไม่เจอธรรมะ.. ถ้าหากว่าใจของเราเจอธรรมะเมื่อไหร่ อิ่มเมื่อนั้น..
.
ใจของเราเจอธรรมะ เจอที่ไหนเล่า ก็คือ เจอที่ใจนี้เอง..ให้พากันทราบความจริงเป็นอย่างนี้.. แล้วจะได้ไม่ต้องไปตะครุบโน่น ตะครุบอะไรต่ออะไรมาเป็นธรรม...ตะครุบอย่างที่เขาว่าเป็นธรรม อันนั้นๆ มันเป็นเรื่อง 'คนหลงธรรม'
.
โอปะนะยิโก น้อมเข้ามาดูธรรม ก็คือน้อมเข้ามาดูใจ .. โอปะนะยิโก ก็คือ น้อมเข้ามาเห็นธรรม ก็คือ เห็นใจ ไม่ใช่ไปเห็นอย่างอื่น
.
แม้แต่พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ธรรม ก็ตรัสรู้ที่ใจ ...ใจที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น ก็เป็นใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ...พระอรหันตสาวกก็เหมือนกัน ได้สำเร็จธรรม ได้สำเร็จมรรคผล ก็มารู้มาเห็นจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์นั่นเอง.. ไม่ได้ไปรู้ไปเห็นสิ่งอื่นดอก
.
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาเรื่อง
"ใจ"
วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร
(หลวงปู่แบน ธนากโร)
_/|\_ _/|\_ _/|\_

 

ขันธ์ทั้ง5 ร่วมกับจิต กลายเป็นกลุ่ม
ตามแต่แบ่งแต่ละกอง นำมารวมกันไว้
โดนอาศัย เคลื่อนย้าย จักวาล มาบรรจบ
ได้ประสบ ปรมัต ที่หมั่นหมาย
เห็นว่าดีจึงลองทำ ตามพระธรรม ขีดเขียนบนกระดาษ อย่างแยบคาย ตามหลักสูตร
แบบเฉพาะ คือ "ขันธ์กองรวมกันมี5" มิได้แยกอยู่กัน ที่ใดที่หนึ่ง รวมกันไว้เป็นวางเฉย
พึ่งเฉลย "อุปทานขันธ์5" โดยแยบคาย




ดูได้ที่นี่

http://www.nkgen.com/6.htm


อันทุกข์ ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจาก อุปทานขั้นธ์5
มิใช่ ขันธ์5 หรืออย่างนั้น
เพราะสิ่งนั้น มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
และสิ่ง ที่ เราไปกระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย

จึงจัดอยู่ ใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
มีจิตใจ ตั้งอยู่ด้วยวางเฉย จึงไม่รับรู้อะไร


.
.
.
.

 

แล้ว อายตนะ 6 ล่ะ เป็นปัจจัยเนื่องกับขันธ์ 5 รึ ป่าว..?

 

อายตนะ6 ภายใน ภายนอก ต้องมากระทบกัน แต่ถ้าไม่กระทบกัน ก็ไม่เกิดขึ้น
(เหมือน เรามีห้องเก็บของ)เราไม่ประสงค์
ให้เข้า เราก็ล็อกไว้ ประมาณนั้น

 

เที่ยงแระ.. หิวข้าว..

ปิดปาก (ล็อคไว้).. งดกินข้าวเที่ยง.. กันดีมั้ย..?

ลิ้น จะได้ไม่ ผัสสะ..

 

ของ ท่านร่อน เค้าอิ่มทิพ..ย์ นะ.

เค้าใช้สายน้ำเกลือ..

ฉีดเข้าเส้นโลหิต..แทน..

 

เขียนผิด อันท้าย คือ อุปทานขัน5 ที่เป็นทุกข์

 

แถม.. ยังหายใจ ทางผิวหนัง.. ด้วยน้าาา..

ซู้ดยอด...!!

 

ดักที่ทางเข้าอายตนะก็ได้นะครับ
ถ้ากำลังสติดีๆ ถึงตากระทบรูป ก็ไม่เกิดเวทนา
กระทบ=0 , กระทบ=0

 

ครับ เราไม่รู่สึกตามสิ่งนั้น ใช่ปะ

 

ไม่ถามกูซักคำเลยรึ

 

ดับวิญญาณ คือดับสิ่งใกล้ใจ(จิต)
เพราะเป็นการดับความรู้สึก ดับอารมณ์จิต เพื่อไม่ให้การปรุงแต่งที่พร้อมแล้ว.. ส่งถึงจิต..ให้เชื่อว่าเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้
ทั้งนี้.. สติจะต้องไวมากนะครับ

ปล. การดับนี้ก็.. มิใช่เป็นการดับที่ต้นตอนะครับ..

พิจารณากันดีๆ อย่าเชื่อนะครับ..

 

ดูปัจจุบันขณะ รู้ปัจจุบันขณะ เห็นปัจจุบันขณะ
เป็นปัจจุบันจิต ปัจจุบันธรรม แจ้งเป็นขณะๆ

สติเป็นปัจจุบันเสมอ ไปเอาอดีตมาก็ฟุ้ง มุ่งคว้าอนาคตก็ฟุ้ง

 

ใครที่อยากมีรัก ไปหาซื้อได้ที่เซเว่น
ความรักกินได้

 

ดับละเลยทำให้จบ ย้ายไปขังแม้วเลย คิดต่อไม่ได้ละ ไม่งั้นไม่จบ ย้ายลงนรกเลย
ฮ่าดี จิตมายานี่

 

จ้า