ติดตามสถานะการณ์

Feb 11 , 2021 TMB Analytics คาดยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้ 8.35 - 8.50 แสนคัน หรือขยายตัว 5.5 - 7.3% จากส่งออกดีขึ้น-ภาคเกษตรทยอยฟื้นตัว
.
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาดว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 จะอยู่ที่ 8.35 - 8.50 แสนคัน โดยรถยนต์นั่งจะขยายตัว 4.7-6.5% และรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัว 6.1-7.9% โดยประเมินว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี ยอดขายจะมีทิศทางชะลอตัวลง เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากนั้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ยอดขายจะทยอยปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติอีกครั้ง โดยจะได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านพฤติกรรม ดังนี้
.
ปัจจัยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ
.
1) การส่งออกสินค้าฟื้นตัว การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในหลายประเทศ จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศการค้าโลกปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2564 โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัวได้ 3.4% จากปีก่อนที่หดตัว -6.9% ซึ่งสินค้าที่ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักร ดังนั้นแรงงานที่อยู่ในภาคธุรกิจดังกล่าวจะยังคงมีกำลังซื้ออยู่
.
2) ภาคเกษตรดีขึ้น ในปี 2564 จีดีพีภาคเกษตรมีแนวโน้มขยายตัว 1.3-2.3% จากสภาพอากาศที่เอื้อต่อการทำเกษตร ปริมาณน้ำมีเพียงพอ และนโยบายประกันราคาสินค้าเกษตรของภาครัฐ ทำให้แนวโน้มสินค้าเกษตรหลายชนิด ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม สับปะรด ทุเรียน ไก่ สุกร ปรับตัวดีขึ้น ทั้งในด้านปริมาณและราคา เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นแรงงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่กระจายตัวในส่วนภูมิภาค จะยังมีความสามารถซื้อรถยนต์ได้ โดยเฉพาะรถปิคอัพ
.
3) ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และมีโปรโมชันต่างๆ จูงใจผู้ซื้อ ทิศทางดอกเบี้ยในปีนี้ จะยังคงอยู่ระดับต่ำตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ทรงตัวอยู่ที่ 0.50% ประกอบกับโปรโมชันกระตุ้นยอดขายของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ด้วยอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (flat interest rate) ที่อยู่ประมาณ 2-3% ต่อปี และโปรโมชันผ่อนชำระยาวจะจูงใจให้ผู้บริโภคที่ยังพอมีกำลังซื้อตัดสินใจได้
.
ปัจจัยสนับสนุนด้านพฤติกรรม
.
1) ความต้องการเปลี่ยนรถใหม่จากกลุ่มผู้ซื้อรถในโครงการรถคันแรก โครงการรถยนต์คันแรกในช่วงปี 2554 -2555 มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1.1 ล้านคัน ซึ่งตามหลักเกณฑ์ต้องถือครองรถยนต์มากกว่า 5 ปี จึงสามารถขายออกได้ ทั้งนี้ จะเห็นว่าผู้เข้าร่วมโครงการที่ถือครองรถยนต์ 6-7 ปี ได้ทยอยขายรถยนต์แล้วเปลี่ยนรถใหม่บางส่วน ทำให้ยอดขาย 6-7 ปีต่อมา สามารถแตะระดับปีละ 1 ล้านคัน ในช่วงปี 2561-2562
.
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณายอดขายในช่วงโครงการรถยนต์คันแรก และการกระตุ้นยอดขายของค่ายรถยนต์ในช่วงปี 2555 - 2556 ที่มียอดขายสะสมรวมกัน 2.77 ล้านคัน เทียบกับยอดขายสะสมในปี 2561-2562 จำนวน 2.05 ล้านคัน จะพบว่ายังมีความต้องการจากผู้ถือครองรถยนต์ภายใต้โครงการรถคันแรกที่ถือครองรถมากกว่า 7 ปี ที่พร้อมขายเพื่อเปลี่ยนรถใหม่อยู่ประมาณ 6-7 แสนคัน หากมีความมั่นใจรายได้ของตนเองในอนาคต
.
2) ความต้องการเปลี่ยนรถใหม่ เนื่องจากอายุรถยนต์สูงขึ้น เมื่อพิจารณาอายุรถยนต์เฉลี่ยที่วิ่งบนท้องถนน พบว่า อายุรถยนต์เฉลี่ยที่วิ่งบนท้องถนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (2550-2563) โดยในปี 2563 รถยนต์เชิงพาณิชย์ที่วิ่งบนท้องถนนมีอายุเฉลี่ย 12.3 ปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่อยู่ที่ 10.8 ปี ในขณะที่รถยนต์นั่งมีอายุเฉลี่ย 9.1 ปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเล็กน้อยที่มีอายุอยู่ที่ 8.7 ปี อายุรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งเหตุผลสนับสนุนเพิ่มเติมของการฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในปีที่แล้ว นอกเหนือจากปัจจัยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
.
3) เทคโนโลยีรถยนต์ใหม่ จูงใจผู้ซื้อ ผู้ผลิตรถยนต์นำรถยนต์รุ่นใหม่ออกจำหน่าย นอกจากจะแข่งขันกันออกแบบรูปลักษณ์รถยนต์ให้สะดุดตาแล้ว ยังแข่งขันด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเสนอต่อผู้บริโภค อาทิ ระบบความปลอดภัย ระบบช่วยเบรก ระบบประเมินสภาพแวดล้อมการขับขี่ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังนำเสนอเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ประหยัดพลังงานทั้งระบบไฮบริด พลังงานไฟฟ้า เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
.
TMB Analytics มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศยังคงมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ 1) ระยะเวลาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หากต้องมีการควบคุมอย่างความเข้มงวดและมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เกินกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ จะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป
.
2) หนี้ภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง (มากกว่า 85% ของจีดีพี) ระดับหนี้สินต่อรายได้ที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และสถาบันการเงินจะเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อในปีนี้ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นแรงงานในธุรกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว
.
3) ภาคการท่องเที่ยวที่ยังชะลอตัว เป็นปัจจัยที่จะลดกำลังซื้อที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวซึ่งอยู่ในภาคบริการ จากการศึกษาของ TMB Analytics พบว่าการทำให้การบริโภคภาคเอกชนกลับมาขยายตัวได้อย่างแท้จริง จนนำไปสู่การบริโภคสินค้าคงทน ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฯลฯ เพิ่มขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งนั้น ต้องประกอบด้วยการใช้จ่ายในสินค้าคงทน และการใช้จ่ายในภาคบริการจะต้องกลับมาเติบโตไปด้วยกัน ดังนั้น ความหวังของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงปลายปี จะเป็นปัจจัยในการฟื้นภาคการบริการให้กลับมา และทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศปรับตัวดีขึ้นได้
.
TMB Analytics ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ปลายปีนี้ มีโอกาสฟื้นตัวกระโดดมากกว่าคาดการณ์ได้ หากว่าภาคบริการสามารถกลับมาฟื้นตัวจากความหวังของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่นำออกมาใช้กับประชาชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวทยอยกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งจะนำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และเมื่อรวมกับเหตุผลปัจจัยความต้องการเปลี่ยนรถใหม่ทั้งจากผู้ซื้อรถยนต์โครงการรถคันแรกที่ถือครองมากกว่า 7 ปี และอายุรถยนต์เฉลี่ยบนท้องถนนของเมืองไทยที่ปรับตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตแล้ว จะเป็นตัวเร่งความเป็นไปได้ของการฟื้นตัวกระโดดในช่วงปลายปีนี้ได้
.
ทั้งนี้ ในปี 2563 ยอดขายรถยนต์ในประเทศเท่ากับ 792,146 คัน หรือ หดตัว -21.4% สาเหตุหลักมาจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวในช่วงต้นปี ประกอบกับช่วงเม.ย.-มิ.ย.63 ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกแรก
.
อย่างไรก็ดี ภายหลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ยอดขายรถยนต์ในภาพรวมได้ค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยในครึ่งปีหลัง หดตัวลดลง -4.2% ซึ่งดีกว่าครึ่งปีแรกที่หดตัวกว่า -37.3% และเมื่อมาพิจารณาดูประเภทของรถยนต์พบว่า ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ครึ่งปีหลังขยายตัว 2.5% ซึ่งดีกว่าครึ่งปีแรกที่หดตัว -34.4% ในขณะที่รถยนต์นั่งครึ่งปีหลังหดตัว -11.8% ดีกว่าครึ่งปีแรกที่หดตัว -40.6% จะเห็นว่าครึ่งปีหลังรถยนต์เชิงพาณิชย์มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
.
#TMB #รถยนต์ #ในประเทศ #ยอดขาย #Misterban

 

(รวมคลิป) หลังผ่านภัยแล้ง ได้ฝนพืชผลดี ก็มาเจอหนูระบาดอีก ผู้เชี่ยวชาญบอกคุมยาก หนูคู่หนึ่งออกลูกได้ 600 ตัวในหนึ่งฤดูกาล

 

ต้นไผ่เงิน สำหร้บเลี้ยงสัตว์
ข่าวทั่วไทย

ไผ่เงิน (Thyrsostachys siamensis Gamble) มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย เป็นพืชกลุ่มไผ่ขนาดเล็ก ลำต้นสีเขียว มองเห็นข้อปล้องชัดเจน มีลักษณะเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใบหอกปลายแหลม ขอบเรียบ โคนสอบ ผิวใบค่อนข้างสาก มีสีเขียวสลับกับแถบสีขาวแนวยาว

ปลูกได้ในดินทุกชนิด ด้วยวิธีการปักชำ แยกเหง้า ฝังกอ ดูแลด้วยการให้น้ำทุกวันและนำออกแดดจัดสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง


นอกจากจะเป็นไม้ประดับสไตล์ไผ่แคระขนาดเล็ก ปัจจุบันกลุ่มผู้เลี้ยงแมว สุนัข และกระต่าย นิยมนำมาให้สัตว์กลุ่มนี้แทะเล็มใบ เพราะในไผ่เงินอุดมด้วยเอนไซม์ วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสัตว์เหล่านี้

และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการขย้อนสำรอก ช่วยขจัดก้อนขนในกระเพาะทางเดินอาหารของแมวออกมาได้ง่าย... ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาก้อนขนอุดตันลำไส้ ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ลดการอักเสบ บาดแผลในกระเพาะ ลำไส้ ป้องกันก้อนขนที่อาจอุดตันในลำไส้ และยังช่วยลดอาการท้องอืด ทำให้รู้สึกสบายตัวไม่อึดอัด

ความสากของใบไผ่เงินยังมีส่วนช่วยทำความสะอาดฟัน ขัดสิ่งสกปรกที่ติดตามฟันของแมว หมา สามารถลดปัญหากลิ่นปากได้ด้วย

เมื่อถูกแทะเล็มกระทั่งใบโกร๋นเหลือแต่ตอ หากต้องการให้แตกยอดใหม่ ต้องตัดเล็มปลายยอดที่เหลือจากสัตว์กัดกิน รดน้ำให้ชุ่มแล้วนำไปไว้บริเวณที่รับแสงแดด จะกระตุ้นให้ใบอ่อนผลิออกมาใหม่ได้อีกครั้ง

นอกจากจะมีสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อสัตว์เลี้ยงแล้ว...ชาวจีนมีทัศนคติความเชื่อว่าการมีไผ่เงินไว้ในบ้าน จะช่วยเสริมสิริมงคลด้านโชคลาภ เงินไม่ขาดมือ ทำให้ บ้านร่มเย็น.

https://www.thairath.co.th/news/local/1874224

 

เมื่อวันที่ 10 ก.พ.64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าทหารเนปิดอร์ ประเทศเมียนมา มีการเคลื่อนย้ายคลินิกแห่งหนึ่ง ที่ทำการรักษาและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี และผู้นำพรรค NLD หลังจากถูกจับกุมตัว ในข้อหานำเข้าเครื่องมืออุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมายและมีข้อสงสยเกี่ยวกับเรื่องการโกงการเลือกตั้ง
.
ทั้งนี้ หลังจากมีคำสั่งออกมา ทางจนท.ทหารได้ทำการย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ของคลินิกแห่งนี้ ขึ้นรถบรรทุกของกองทัพและย้ายไปยังคลินิกแห่งใหม่
.
เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลให้กับประชาชน และมองว่าการทำเช่นนี้เพราะต้องการขัดขวางการชุมนุม
.
#รัฐประหาร #เมียนมา #SaveMyanmar #WhatsHappeningInMyanmar #รัฐประหารเมียนมา #อองซานซูจี #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว เตรียมส่งคืนกลับไทย!!! เมื่อวันที่ 10 ก.พ.64 (ตามเวลาท้องถิ่น) แถลงการณ์ของสำนักอัยการเขตแคลิฟอร์เนียเหนือ กระทรวงยุติธรรม สหรัฐอเมริการายงานว่า นายเดวิด แอล. แอนเดอร์สัน (David L. Anderson) เจ้าหน้าที่พิเศษของสำนักงานสืบสวนกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิซึ่งเป็นอัยการผู้ฟ้องร้องพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย (Asian Art Museum) ระบุว่า สหรัฐฯ ได้ข้อยุติการฟ้องร้องคดียึดทวงคืนทับหลังของไทยจำนวน 2 ชิ้นในวันนี้ โดยทางแคลิฟอร์เนียยินยอมให้ริบคืนทับหลังจากพิพิธภัณฑ์หลังมีหลักฐานหนาแน่นว่าเป็นวัตถุโบราณที่ถูกขโมยมาจากประเทศไทยเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว

** ในแถลงการณ์ของสำนักอัยการเขตแคลิฟอร์เนียเหนือ ระบุว่า ทับหลังทั้ง 2 ชิ้นถูกส่งออกจากประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายเมื่อ 50 ปีที่แล้ว จากนั้น เอเวอรี่ บรุนเดจ (Avery Brundage) อดีตประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ซึ่งเป็นผู้ครอบครองได้บริจาคทับหลังทั้ง 2 ชิ้นให้ซานฟรานซิสโกและถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชีย

“ผมอยากขอบคุณซานฟรานซิสโกและพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอเชียสำหรับข้อตกลงในการยึดคืนสมบัติเหล่านี้เพื่อที่ทับหลังทั้ง 2 ชิ้นจะได้ถูกส่งกลับประเทศไทย สหรัฐอเมริกามุ่งมั่นที่จะส่งคืนโบราณวัตถุที่ถูกขโมยไปให้กับประเทศต่างๆ ที่ต้องการรักษามรดกของตนเอง เราจะใช้อำนาจทั้งหมดของเรา รวมถึงอำนาจการริบคืนทางแพ่งเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งของทางวัฒนธรรมที่ถูกยักยอกไปจะถูกส่งคืนให้กับเจ้าของที่ถูกต้อง” นายเดวิด แอล แอนเดอร์สัน อัยการสหรัฐฯ กล่าว

ด้าน ทาทัม คิง (Tatum King) เจ้าหน้าที่พิเศษที่รับผิดชอบคดีนี้กล่าวว่า การขโมยและค้าวัตถุทางวัฒนธรรมเป็นประเพณีที่เก่าแก่พอๆ กันกับความเก่าแก่ทางวัฒนธรรมของตัวโบราณวัตถุ การส่งคืนโบราณวัตถุซึ่งมีความล้ำค่าทางวัฒนธรรมจะช่วยส่งเสริมความปรารถนาดีระหว่างรัฐบาลต่างชาติและพลเมืองประเทศนั้นๆ ในขณะเดียวกันก็ช่วยปกป้องประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมของโลกและความรู้เกี่ยวกับอารยธรรมในอดีต การทำงานสืบสวนของเราครั้งนี้โดยร่วมมือกับสำนักงานอัยการสหรัฐฯ ในเขตแคลิฟอร์เนียเหนือ พวกเราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยยังธำรงไว้ด้วยความเคารพและความนับถือซึ่งกันและกัน

** ตามข้อตกลงระบุว่า ทับหลังทั้ง 2 ชิ้นจะถูกส่งกลับประเทศไทยผ่านกระทรวงยุติธรรม สหรัฐฯ โดยมีกำหนดการณ์เดิมคือภายในเดือน มี.ค.นี้ แต่กระบวนการส่งกลับอาจล่าช้าไปจากเดิมเล็กน้อยจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19.

 

เกิดอาฟเตอร์ช็อคที่รุนแรงนับร้อยครั้งตามมา ที่ Southeast Of The Loyalty Island หลังแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.9 ในคืนที่ผ่านมา
ก่อนหน้าที่จะเกิดแผนดินไหวรุนแรง มีการสั่นไหวขนาด 5-6 + ในหลายพื้น

## ข้อความเหตุในคืนที่ผ่านมา ##
แผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 7.9
เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.9 ลึก 33 กม.ทางตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่เกาะลอยัลตี้ใกล้นิวแคลิโดเนียและวานูอาตู วันที่ 10 ก.พ. 2564 เวลา 20:19 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

รัสเซีย :โนริลสค์ ในวันนี้อุณหภูมิ-30 องศา โนริลสค์ตั้งอยู่เหนือ Arctic Circle
เมืองที่มีแร่นิกเกิลแพลเลเดียมแพลทินัมและทองแดงจำนวนมากทางตอนเหนือของภูมิภาคครัสโนยาสค์ มีประชากร 1.7 แสนคน เมืองนี้จะหาแสงอาทิตย์ยากในช่วงฤดูหนาว
Demyan Bulavinets

 

สหรัฐ : ชาวคิวบา 3 คนติดเกาะร้าง 33 วัน รอดตายเพราะกิน มะพร้าว-หนู-หอยสังข์ ประทังชีวิตมก่อนที่พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ขณะใช้เฮลิคอปเตอร์บินลาดตระเวนเหนือเกาะร้าง พวกเขาใช้ธงผ้าโบกเพื่อขอความช่วยเหลือ 3 คน เป็นชาย 2 คน และหญิง 1 คน ติดบนเกาะแองกัวลาคีย์ เกาะไร้คนอยู่อาศัยของ บาฮามาส ทั้งสามคนประสบเหตุเรือล่มนอกชายฝั่งคิวบา จึงพากันว่ายน้ำขึ้นเกาะที่อยู่ใกล้สุดและติดอยู่บนเกาะดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. ประทังชีวิตด้วยการกินมะพร้าว หนู หอยสังข์ ตอนนี้ทั้งสามคนถูกส่งตัวไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

 

สหรัฐ : รัฐเท็กซัส มีรถชนกันมากกว่า 100 คันในตอนนี้
มีรายงานอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในพื้นที่เมืองฟอร์ตเวิร์ธ รัฐเท็กซัส เช้านี้มีรถชนกันกว่า 100 คัน เบื้องต้นเสียชีวิต 3 ราย
เจ้าหน้าที่กำลังกู้ภัย จุดเกิดเหตุยาวประมาณ 4 กิโลเมตร สาเหตุมาจากพื้นถนนลื่น มีน้ำแข็ง หลังจากฝนเยือกแข็งและลูกเห็บที่ตกลงมา

 

ฟิลิปปินส์ : พบควันจากใต้ดิน
ผู้อยู่อาศัยบางคนในเขตตำบลเลควูดในบารังไกย์ตาดลักในลอสบาโนสลากูน่ากังวลว่าควันไฟมาจากภูเขา Makiling พบควันมาจากใต้ดิน ชาวบ้านกลัวเป็นภูเขาไฟ ในบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขาไฟเก่า และปัจจุบันมีเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง

 

เมื่อวานนี้ องค์การเภสัชกรรม (GPO) กระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวผลวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 "NDV LaSota-S Hexapro COVID-19 vaccine( NDV-HXP-S )" ชนิดเชื้อตาย
.
ด้วยเทคโนโลยีฟักในไข่ไก่ ที่เตรียมศึกษาวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ระยะที่ 1 เดือนมีนาคม 2564 หากเสร็จสิ้นกระบวนการทุกอย่าง และขึ้นทะเบียนตำรับกับทาง อย. คาดจะสามารถผลิตวัคซีนได้ถึงปีละประมาณ 25-30 ล้านโดส
.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญในการวิจัยพัฒนาวัคซีนขึ้นมาใช้เองในประเทศ เพื่อความมั่นคง ยั่งยืน และพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด โดยความคืบหน้าในการวิจัย และพัฒนาวัคซีนจากเทคโนโลยีไข่ไก่ฟัก
.
โดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตวัคซีนหลายชนิด รวมทั้งวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกแสดงให้เห็นว่าปริมาณวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ทั่วโลกในปี 2019 จำนวนกว่า 1.48 พันล้านโดส
.
กว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นวัคซีนที่ผลิตโดยเทคโนโลยีการใช้ไข่ไก่ฟัก ซึ่งมีความปลอดภัยสูง มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพที่ดีเช่นเดียวกับการผลิตด้วยเทคโนโลยีอื่น และเป็นไปตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก
.
อีกทั้งต้นทุนการผลิตต่ำ และมีกระบวนการผลิตไม่ซับซ้อนมากนัก และยังพบว่ามีบริษัทอื่นในต่างประเทศใช้เทคโนโลยีนี้สำหรับการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยเช่นกัน เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการพัฒนาวัคซีนทั้ง 3 ระยะ
.
ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนตำรับ (Rolling Submissions) กับทางคณะกรรมการอาหาร และยา(อย.) และคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนเพื่อใช้ในประเทศได้ประมาณ 25-30 ล้านโดสต่อปี รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการวิจัยพัฒนา และผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
.
โดยใช้เทคโนโลยีการใช้ไข่ไก่ฟักนี้ เป็นอีกหนึ่งแนวทางของการสร้างความมั่นคง และการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนของประเทศไทย
.
"หากในอนาคตวัคซีนได้ผลดี เป็นที่ต้องการมาก เชื่อว่าจะสามารถขยายกำลังการผลิตได้ โดยอาจจะมีภาคีเครือข่ายมาให้การสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย ซึ่งความก้าวหน้านี้สะท้อนว่าไทยไม่ได้ขี่ม้าตัวเดียว แต่มีการพัฒนาถึงขั้นเป็นเจ้าของคอกม้าร่วมกับคนไทยทุกคน โดยมีเป้าหมายจะผลิตวัคซีนเพื่อให้ประเทศปลอดภัย รวมทั้งยังสามารถดูแลประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการวัคซีนอีกด้วย" นายอนุทินกล่าว
.
ด้าน นายแพทย์ วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า องค์การฯ ได้ส่งวัคซีน NDV-HXP-S ไปทำการทดสอบความเป็นพิษในหนู ที่ประเทศอินเดีย พบว่าวัคซีนมีความปลอดภัย และทดสอบประสิทธิภาพ (Challenge study) ในหนูแฮมสเตอร์ (Hamsters) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
.
โดยผลเบื้องต้นพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 สอดคล้องกับผลการศึกษาความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่พบว่าวัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนหนามของไวรัสโคโรนาได้ดี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์
.
ด้านศ.พญ.พรรณี ปิติสุทธิธรรม หัวหน้าศูนย์วัคซีน และหัวหน้าโครงการวิจัย และพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 NDV-HXP-S ที่ได้ทำการศึกษาวิจัยมี ข้อดี คือ
.
เป็นการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีไข่ไก่ฟักที่ จีพีโอ มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจัดเก็บได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศา ซึ่งเป็นองศาที่มีความเสถียรค่อนข้างสูง ที่สำคัญคือการผลิตวัคซีนนี้ ใช้เชื้อไวรัสที่ไม่ก่อโรคในคน และก่อโรคน้อยมากในนก
.
เรียกว่าไวรัสนิวคาสเซิล พร้อมกับใส่ชิ้นส่วนโปรตีนส่วนหนาม (Spike protein) และใส่สารโปรตีนอะมิโนแอซิด เพื่อให้มีความคงที่ เสถียร และมีภูมิคุ้มกันที่กว้างขึ้น ต่อสายพันธุ์ที่จะมีการกลายพันธุ์ในอนาคต
.
หัวหน้าโครงการฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 จะเริ่มมีการทดสอบในเดือนมีนาคม จำนวนอาสาสมัคร 210 คน และระยะที่ 2 ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม ในอาสาสมัครอีก 250 คน โดยในการศึกษาระยะที่ 1 และ 2 จะเป็นการประเมินความปลอดภัยความทนทาน และความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันของวัคซีน
.
ทั้งนี้ในช่วงของระดับ S-antigen ที่หลากหลายบางตัวมีการใช้ CpG 1018 เป็นตัวเสริมในการวิจัยทางคลินิกระยะแรก และในการวิจัยทางคลินิกระยะที่ 2 มีจุดมุ่งหมายในการคัดเลือกวัคซีนเพียงตัวเดียวเพื่อให้เข้าสู่การวิจัยระยะที่ 3
.
โดยคาดว่าในปี 2565 จะสามารถเริ่มการยื่นขอรับทะเบียนตำรับ และจะทำการผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่โรงงานผลิต (วัคซีน) ชีววัตถุ ขององค์การฯ ที่ จ.สระบุรี ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีเทคโนโลยีไข่ไก่ฟักที่ใช้ผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว พร้อมปรับมาใช้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ทันที
.
นายแพทย์วีรพงษ์ ภูมิรัตนประพิณ กล่าวเสริมว่า การทดสอบวัคซีน NDV-HXP-S ในระยะที่ 1 และ 2 จะทดสอบในอาสาสมัครที่เป็นคนไทย เพื่อผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการแบ่งการทดสอบในกลุ่มอาสาสมัคร 3 ระยะ
.
ในระยะที่ 1 กลุ่มอาสาสมัครจะได้รับวัคซีน ในกลุ่มวัคซีนหลอก และวัคซีนจริง และในบางกลุ่มที่จะการฉีดสารเสริมเร่งวัคซีน เพื่อประเมินประสิทธิภาพ และคัดเลือกกลุ่มที่ดีที่สุดเข้าสู่การทดลองระยะที่ 2 ในส่วนระยะที่ 3 หากในประเทศมีจำนวนผู้ป่วยน้อย ก็อาจต้องมีการทดสอบในต่างประเทศ

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.thaipost.net/main/detail/92612
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

11 ก.พ. 2564 นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีของคนไทย เมื่อ Nature Communications วารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เผยแพร่ผลงานนักวิจัยวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง “Rapid Electrochemical Detection of Coronavirus SARS-Cov-2” และความสำเร็จในการคิดค้นนวัตกรรมชุดตรวจวิเคราะห์โควิด-19 โดยใช้ไบโอเทคโนโลยีการนำดีเอ็นเอเซ็นเซอร์ทางเคมีไฟฟ้า (Electrochemical DNA Sensor) ตรวจหาเชื้อที่ให้ผลถูกต้องแม่นยำ 100% รู้ผลภายใน 2 ชม. พกพาสะดวกและต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคสนามและการตรวจผลแบบเรียลไทม์

รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า สงครามระหว่างมนุษย์และไวรัสยังไม่สิ้นสุด อัตราการแพร่ระบาดยังทวีความรุนแรงและเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่หลายพื้นที่ของภูมิภาคโลกยังมีประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเครื่องตรวจมีราคาสูง ต้องมีห้องปฏิบัติการและผู้เชี่ยวชาญ หรือการตรวจหาทาง Serology เพื่อตรวจหาภูมิคุ้มกันซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่มีความคลาดเคลื่อน

ดังนั้น เป็นเรื่องน่ายินดีและภาคภูมิใจของคนไทยที่ผลงานวิจัยพัฒนาชุดตรวจวิเคราะห์โควิด-19 ด้วยดีเอ็นเอเซ็นเซอร์ทางเคมีไฟฟ้า โดยทีมวิจัย 10 คน นำโดย ผศ.ดร.เบญจพร เลิศอนันตวงศ์ นักวิจัยและอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวะมหิดล สามารถตอบโจทย์ความท้าทายทำให้รู้ผลการตรวจวิเคราะห์เชื้อโควิด-19 อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จนได้รับการยอมรับจากวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก และเผยแพร่ไปยังนานาประเทศ นำองค์ความรู้ไปถ่ายทอดแก่องค์กรผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจจำแนกเชื้อ เพื่อใช้ประโยชน์ได้

ด้าน ผศ.ดร.เบญจพร เลิศอนันตวงศ์ นักวิจัยและอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า นวัตกรรมใหม่ ดีเอ็นเอเซ็นเซอร์ทางเคมีไฟฟ้า เป็นการตรวจวัดปริมาณดีเอ็นเอ หรือ อาร์เอ็นเอ ที่สกัดได้จากตัวอย่างเชื้อก่อโรค แม้จะมีเชื้อโควิดในร่างกายปริมาณน้อยก็สามารถตรวจพบได้อย่างแม่นยำ อาศัยหลักการไฮบริไดเซชั่นของเบสบนดีเอ็นเอสายสั้น (15-20 เบส) ที่ถูกออกแบบและสังเคราะห์ขึ้นให้เฉพาะเจาะจงกับดีเอ็นเอ หรือ อาร์เอ็นเอเป้าหมาย ช่วยให้ตรวจคัดกรองและวัดปริมาณเชื้อก่อโรคเป้าหมายจากตัวอย่างได้

ทั้งนี้ ปกติการติดฉลากบนสายดีเอ็นเอ เพื่อติดตามการไฮบริไดเซชั่นของดีเอ็นเอ หรืออาร์เอ็นเอเป้าหมาย เป็นสิ่งจำเป็น โดยฉลากที่นิยมใช้กับดีเทคเตอร์ที่ใช้หลักการทางเคมีไฟฟ้า คือ สารรีดอกซ์, Fluorescent Dye และอนุภาคนาโน (Nanoparticles) เช่น อนุภาคทองนาโน ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกให้การรับรองวิธีการ RNA ในการคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิดได้รวดเร็วและแม่นยำที่สุด และไม่แนะนำวิธีตรวจภูมิต้านทานมาใช้เป็นมาตรฐาน เนื่องจากหากผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ หรือกรณีที่มีเชื้อโควิดในร่างกายน้อยอาจตรวจไม่พบ

ขั้นตอนดำเนินการวิเคราะห์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.การเตรียมดีเอ็นเอ 2.การไฮบริไดเซชั่น และ 3.ตรวจวัดสัญญาณไฟฟ้า โครงการวิจัยนี้ทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับความร่วมมือจากทีม ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งสิ้น 106 ตัวอย่าง ผลสรุปการทดลองได้ผลดียิ่ง ถูกต้องแม่นยำ 100% สามารถรู้ผลภายใน 2 ชม. ซึ่งเร็วกว่าเทคนิควิธีอื่น ๆ ที่ต้องใช้เวลานาน

สำหรับชุดตรวจวิเคราะห์โควิด-19 ด้วยดีเอ็นเอเซ็นเซอร์ทางเคมีไฟฟ้า บนสมาร์ทการ์ด หรือชิพวัดสัญญาณไฟฟ้าและเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนนั้น เป็นชุดตรวจที่ใช้งานง่ายให้ผลการวัดรวดเร็ว สามารถเก็บข้อมูลและส่งทางอินเทอร์เน็ตได้ ราคาประหยัด เป็นชุดตรวจที่ทำงานรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือที่มีความซับซ้อนหรือราคาแพง

และในอนาคตสามารถนำไปออกแบบพัฒนา Portable Device ที่สามารถพกพาและนำไปใช้งานคัดกรองผู้ติดเชื้อในภาคสนามได้ทุกที่ทุกเวลา ลดความคลาดเคลื่อนจากการเปลี่ยนแปลงพยาธิสภาพของตัวอย่างที่เก็บมา ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งตัวอย่างที่ได้จากผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลหลักอีกด้วย

ที่มา https://www.dailynews.co.th/bangkok/824620

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

เกิดแผ่นดินไหว 64 ครั้งในแปซิฟิกใต้ ขนาด 4.7 หรือสูงกว่าในช่วง 29 ชั่วโมงที่ผ่านมาและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อันล่าสุดคือ ขนาด 5.2 หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว

Foreshocks

6.0
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 07:24:21 (UTC-05:00)
10.0 km

5.7
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 07:32:11 (UTC-05:00)
10.0 km

6.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 08:02:00 (UTC-05:00)
10.0 km

__________________________________

7.7
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 08:19:55 (UTC-05:00)
10.0 km
__________________________________

Aftershocks

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 08:57:18 (UTC-05:00)
10.0 km

5.6
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 09:18:20 (UTC-05:00)
10.0 km

5.0
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 09:30:24 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 09:37:22 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 09:49:57 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 09:59:37 (UTC-05:00)
10.0 km

4.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 10:44:30 (UTC-05:00)
10.0 km

4.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 11:19:36 (UTC-05:00)
10.0 km

6.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 11:35:23 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 11:47:08 (UTC-05:00)
10.0 km

4.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 11:52:21 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 11:53:54 (UTC-05:00)
10.0 km

5.0
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 12:00:50 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 12:24:35 (UTC-05:00)
10.0 km

5.6
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 12:25:50 (UTC-05:00)
10.0 km

6.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 13:36:41 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 14:00:14 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 14:13:58 (UTC-05:00)
10.0 km

5.3
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 14:56:15 (UTC-05:00)
10.0 km

4.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 15:10:35 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 15:41:39 (UTC-05:00)
10.0 km

5.3
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 15:45:14 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 16:17:51 (UTC-05:00)
10.0 km

6.4
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 16:23:59 (UTC-05:00)
10.0 km

5.5
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 16:36:03 (UTC-05:00)
10.0 km

5.6
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 16:40:35 (UTC-05:00)
10.0 km

5.3
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 16:50:00 (UTC-05:00)
10.0 km

5.3
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 16:57:12 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 17:03:44 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 17:38:02 (UTC-05:00)
10.0 km

5.4
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 17:54:18 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 18:26:27 (UTC-05:00)
10.0 km

5.3
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 18:32:47 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 18:43:21 (UTC-05:00)
10.0 km

5.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 18:45:15 (UTC-05:00)
10.0 km

4.7
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 19:13:20 (UTC-05:00)
10.0 km

5.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 19:14:47 (UTC-05:00)
10.0 km

5.4
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 20:02:04 (UTC-05:00)
10.0 km

5.4
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 20:24:39 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 21:24:20 (UTC-05:00)
10.0 km

5.6
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 23:15:16 (UTC-05:00)
6.0 km

4.8
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-10 23:58:51 (UTC-05:00)
10.0 km

6.0
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 01:52:28 (UTC-05:00)
10.0 km

5.5
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 02:18:40 (UTC-05:00)
10.0 km

5.5
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 02:23:06 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 02:56:05 (UTC-05:00)
10.0 km

5.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 03:22:10 (UTC-05:00)
10.0 km

5.7
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 03:39:13 (UTC-05:00)
10.0 km

5.0
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 04:27:53 (UTC-05:00)
10.0 km

5.0
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 04:39:52 (UTC-05:00)
10.0 km

5.6
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 06:19:26 (UTC-05:00)
10.0 km

4.7
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 06:46:08 (UTC-05:00)
10.0 km

5.0
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 07:16:38 (UTC-05:00)
10.0 km

4.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 07:44:25 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 09:55:08 (UTC-05:00)
10.0 km

4.9
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 11:13:54 (UTC-05:00)
10.0 km

5.0
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 11:43:55 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 11:52:32 (UTC-05:00)
10.0 km

5.1
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 12:21:09 (UTC-05:00)
10.0 km

5.2
southeast of the Loyalty Islands
2021-02-11 13:04:56 (UTC-05:00)
10.0 km

 

1 > วิทยุต โมหัน เป็นวิศวกรชาวอินเดียเขามองเห็นปัญหาอย่างหนึ่งในประเทศตัวเอง นั่นคือฝุ่นควันที่เลวร้ายติดอันดับโลก เขาเติบโตมาในกรุงนิวเดลีซึ่งถูกปกคลุมด้วยหมอกควันมลพิษอย่างหนักในช่วงฤดูหนาว และตัวการมาจากการจราจรที่แน่นขนัดในเมือง แต่ตัวการใหญ่ๆ ยังมาจากคนที่อยู่รอบๆ เมืองหลวงด้วย

2 > อีกส่วนของปัญหามาจากเกษตรกรมักเผาเศษวัสดุทางการเกษตรที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวในไร่นาซึ่งไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสุขภาพ เช่น โรคหอบหืดและโรคหัวใจ แต่ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยการปล่อยอนุภาคคาร์บอนสีดำขนาดเล็กสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย

3 > มันเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อสุขภาพของชาวเมืองทุกคน รวมถึงเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวของเขา วิทยุตในฐานะที่เป็นซีอีโอของบริษัท Takachar ซึ่งเป็นบริษัทที่มีพันธกิจในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน รวมถึงการหยุดมลพิษในประเทศของเขา เพราะมันกำลังฆ่าคนใกล้ตัวแบบผ่อนส่ง

4 > เขายังมองทะลุไปถึงมูลค่าของเหลือจากภาคเกษตรที่ถูกทิ้งขว้างหลังการเก็บเกี่ยว มันไม่ใช่แค่ตัวปัญหาที่ก่อให้เกิด PM2.5 หรือมลพิษอื่นๆ แต่เปรียบเสมือนเป็นการเผาเงินทิ้ง เพราะของเหลือจากภาคเกษตรทั่วโลกรวมกันมีมูลค่าถึง 120,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยถึง 3,584,400 ล้านบาท

6 > เขาจึงบุกเบิกเครื่องจักรแบบเคลื่อนย้ายได้มาใช้เผาขยะทางการเกษตรโดยไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นอันตรายสู่ชั้นบรรยากาศ แต่เปลี่ยนเป็นถ่านและปุ๋ยซึ่งเกษตรกรในอินเดียสามารถใช้งานได้ง่ายๆ ด้วยขนาดของเครื่องแปรรูปที่ไม่ใหญ่เกินไปและกลไกไม่ซับซ้อนเกินไปจนไม่อยากใช้งานมัน

7 > กลไกง่ายๆ ของเครื่องนี้คือการเปลี่ยนของเหลือจากภาคเกษตร เช่น กะลามะพร้าวให้กลายเป็นคาร์บอนเข้มข้นหรือถ่านผ่านการเผาไหม้ในระบบ Torrefaction นั่นคือการรีดความชื้นออกจากชีวมวลด้วยการเผาที่ความร้อนสูง 200 - 350 องศา คาร์บอนเข้มข้นที่ได้จะให้พลังงานเชื้อเพลิงสูง

8 > ถ่านที่เป็นคาร์บอนเข้มข้นจะถูกนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงก็ได้ เป็นวัตถุดิบในการทำปุ๋ยก็ได้ ฟังแล้วอาจจะธรรมดา แต่นวัตกรรมนี้มีความลึกล้ำกว่าเตาเผาถ่านทั่วๆ ไป มันเผาไปด้วยแต่ลดคาร์บอนมอนอกไซด์ไปด้วยโดยลดมันลงได้ถึง 95% และยังมีมลพิษจำพวกอื่นๆ อีกที่ถูกอุปกรณ์นี้กำจัดให้เหลือน้อยลงมาก

9 > ด้วยวิธีการของ "วิทยุต" ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 40% แต่มันยังอยู่เพียงขั้นตอนการทดสอบ การทดสอบกับเกษตรกรที่ร่วมโครงการจะเริ่มต้นในช่วงต้นปี 2564 โดยมีเป้าที่จะแปรรูปของเหลือจากการเก็บเกี่ยวภาคเกษตรถึงวันละ 10 ตันต่อวัน

10 > ถึงแม้ว่าเส้นทางการผลักดันนวัตกรรมนี้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่มีคนเห็นแววของวิทยุต โมหัน แล้วนั่นคือ UNEP ขององค์การสหประชาชาติ จากที่เขาพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งไม่เพียงแต่ผลิตพลังงานเท่าได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้อากาศสะอาดและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เขาจึงได้รับรางวัล Young Champion of the Earth 2020 สาขา Asia/Pacific

11 > รางวัล Young Champions of the Earth เป็นโครงการริเริ่มชั้นนำของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เพื่อดึงดูดเยาวชนในการจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วนที่สุดของโลก มีการประกาศผู้ชนะ 7 คน เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ผู้ชนะจะได้รับเงินทุนและการให้คำปรึกษาเพื่อสนับสนุนการริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมของพวกเขา

12 > วิทยุต โมหันบอกว่ารางวัลนี้มีความหมายอย่างมากกับพวกเขา มันช่วยทำให้ผลงานของพวกเขาได้รับความสนใจไปทั่วโลก และทำให้ปัญหาที่พวกเขากำลังมุ่งแก้ไขได้รับความสนใจในวงกว้าง

13 > เขาบอกว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมก็คือปัญหาสังคมอย่างหนึ่ง และจำเป็นต้องทำงานร่วมกันชุมชนต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าอะไรที่เป็นพฤติกรรมที่ทำให้เกิดปัญหา เมื่อรู้ต้นเหตุแล้วจึงค่อยย้อนกลับไปที่ต้นเหตุ เพื่อหาทางออก แทนที่จะหาทางออกแล้วโยนทางออกโครมลงไปที่ปัญหา

ข้อมูลจาก
"Tech against air pollution in India - VIDYUT MOHAN - Young Champion of the Earth 2020, Asia/Pacific". UN Environment Programme

 

การปรับปรุงคุณภาพเชื้อเพลิงชีวมวลด้วยกระบวนการทอร์ริแฟคชัน

• พฤศจิกายน 2, 2020
  
• Posted by Megatech_mng

19ก.ย.

Article by: Panida Thepkhun (Ph.D.), Researcher Thailand Institute of Scientific and Technological Research

ชีวมวลได้รับการส่งเสริมเพื่อเป็นแหล่งพลังงานทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตความร้อนและไฟฟ้า เพื่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงทางพลังงาน การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ชีวมวลในกลุ่มไม้ เช่น ไม้สับ ขี้เลื่อย เศษใบไม้ ฯลฯ เป็นเชื้อเพลิงที่สามารถหาได้ทั่วไปในท้องถิ่น มีราคาถูก แต่มีคุณภาพต่ำเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล นั่นคือ ความชื้นสูง ความหนาแน่นต่ำ ค่าความร้อนต่ำ และควันมากระหว่างการเผา ซึ่งข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลต่อการนำชีวมวลมาใช้เป็นพลังงานทดแทน

โดยที่ลิกโนเซลล์ลูโลส (Lignocelluloses) เป็นส่วนเส้นใยในไม้ โดยทั่วไปประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ เฮมิเซลลูโลสต์ (Hemicelluloses), เซลลูโลสต์ (Celluloses), และ ลิกนิน (Lignin) ในอัตราส่วนร้อยละ 20 – 40, 40 – 60 และ10 – 25 ตามลำดับ ซึ่งมีค่าการย่อยสลายทางความร้อน (Decomposition temperature, TDT) ที่อุณหภูมิต่างกัน เฮมิเซลลูโลสต์และเซลลูโลสต์ มีค่า TDT อยู่ที่ 130 – 260 และ 240 – 350 องศาเซลเซียส ตามลำดับ ส่วนลิกนิน มีค่า TDT อยู่ที่ 280 – 500 องศาเซลเซียส


18420566 – burning wood chip pellets a renewable source of energy becoming popular as a green environmentally friendly fuel for stoves which provide household heating
เทคโนโลยีการเปลี่ยนชีวมวลเป็นแหล่งพลังงานด้วยกระบวนการทางความร้อน (Thermalchemical Process) ประกอบด้วย 3 เทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีแก๊สซิฟิเคชัน (Gasification) เพื่อผลิตก๊าซเชื้อเพลิง ได้แก่ H2, CO, CO2 และ CH4, เทคโนโลยีไพโรไลซิส (Pyrolysis) เพื่อผลิตไบโอออยล์ (Bio-oil) และเทคโนโลยีผลิตเชื้อเพลิงแข็งที่มีคุณสมบัติเหมือนถ่านหิน เช่น คาร์บอนไนเซชัน (Carbonization) และทอร์ริแฟคชัน (Torrefaction)


Resource. Pellets on the table
กระบวนการทอร์ริแฟคชัน (Torrefaction process) เป็นหนึ่งในกระบวนการปรับปรุงคุณภาพชีวมวลให้มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิง ด้วยการให้ความร้อนแก่ชีวมวลอย่างช้าๆ ที่ช่วงอุณหภูมิระหว่าง 200 – 300 องศาเซลเซียส ในสภาวะอับอากาศ ระยะเวลาประมาณ 10 – 30 นาที ด้วยอุณหภูมิดังกล่าว จะส่งผลให้เกิดการสลายตัวของโครงสร้างเส้นใยชีวมวลบางส่วน โดยทั่วไปกระบวนการทอร์ริแฟคชันประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ กระบวนการอบแห้ง (Drying), กระบวนการทอร์ริแฟคชัน (Torrefaction) และกระบวนการทำให้เย็นลง (Cooling) ชีวมวลที่ผ่านการทอร์ริไฟด์แล้วหรือทอร์ริไฟด์ไบโอแมส (Torrefied biomass) จะมีคุณสมบัติต่างๆ ที่ดีขึ้นดังต่อไปนี้

1. อัตราส่วนของคาร์บอนต่อออกซิเจน และคาร์บอนต่อไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นมีค่าใกล้เคียงกับถ่านหิน อันเป็นผลมาจากการกำจัดออกซิเจนและไฮโดรเจนออกจากชีวมวล จึงทำให้ทอร์ริไฟด์ไบโอแมสบดเป็นผงได้ง่าย โดยผงที่ได้จะมีขนาดเล็กและสม่ำเสมอกว่าเมื่อเทียบกับชีวมวล ส่งผลให้ค่าประสิทธิภาพการเผาไหม้สูงขึ้น

2. ค่าความหนาแน่นและค่าความร้อนต่อน้ำหนักของทอร์ริไฟด์ไบโอแมสมีค่าสูงขึ้น เนื่องจากสภาวะอุณหภูมิของกระบวนการทอร์ริแฟคชันทำให้เกิดการแตกตัวของเฮมิเซลลูโลสต์และเซลลูโลสต์บางส่วน ส่งผลให้เกิดรูพรุนและการเปลี่ยนแปลงความหนาแน่น ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นขึ้นอยู่กับชนิดของชีวมวลและสภาวะในกระบวนการทอร์ริแฟคชัน

3. ทอร์ริไฟด์ไบโอแมสมีการดูดความชื้นลดลง เนื่องจากการทำลายพันธะ O-H ในโครงสร้างของชีวมวลทำให้ความสามารถในการเก็บความชื้นลดลง และการที่คุณสมบัติของทอร์ริไฟด์ไบโอแมสที่ไม่กักเก็บความชื้น จึงทำให้การเก็บรักษาทำได้ง่ายขึ้น ไม่เกิดเชื้อรา หรือการผุกร่อนจากความชื้น

ตารางด้านล่างแสดงการเปรียบเทียบคุณสมบัติของชีวมวล ทอร์ริไฟด์ไบโอแมส และถ่านหิน จะเห็นได้ว่าทอร์ริไฟด์ไบโอแมสมีความเหมาะสมต่อการเป็นเชื้อเพลิงมากกว่าชีวมวล แต่ยังมีความท้าทายในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีในระดับอุตสาหกรรม เนื่องจากสภาวะในการทอร์ริไฟด์ชีวมวลแต่ละชนิดจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามคุณสมบัติของชีวมวลแต่ละประเภทที่มีความแตกต่างกัน จึงส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของระบบทอร์ริแฟคชันเพื่อรองรับความหลากหลายของวัตถุดิบชีวมวล อย่างไรก็ดี แม้ว่าต้นทุนการผลิตทอร์ริไฟด์ไบโอแมสยังคงมีราคาสูงกว่าชีวมวลแบบดั้งเดิมมากในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ราคาถูกลงและมีความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ เพราะฉะนั้นในแง่มุมของภาคอุตสาหกรรมและการลงทุน การพัฒนาองค์ความรู้เพื่อรองรับเทคโนโลยีการผลิตดังกล่าวจะสามารถช่วยให้มีความพร้อมต่อการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว



https://megatechthailand.com/saving...ภาพเชื้อเพลิงชีวมวลด้วยกระบวนการทอร์ริแฟคชัน/

 

ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2020 ยานสำรวจอวกาศจูโนที่โคจรรอบดาวพฤหัสบดีได้สังเกตเห็นฟ้าผ่าที่จุดที่สูงจนเป็นไปไม่ได้ในชั้นบรรยากาศ สิ่งที่น่าสังเกตคือพายุไฟฟ้าเหล่านี้มีความสูงเพียงใด

NASA ตรวจพบพายุฟ้าผ่าที่ไม่คาดคิดในบรรยากาศชั้นบนของดาวพฤหัสบดี

สัปดาห์นี้ Juno สามารถเพิ่มการค้นพบอีกครั้งในชื่อของมันด้วยการค้นพบฟ้าผ่าที่ไม่คาดคิดในชั้นบรรยากาศชั้นบนของดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ

การค้นพบนี้อธิบายไว้ในการศึกษา "ฟ้าแลบขนาดเล็กจากพายุไฟฟ้าตื้นบนดาวพฤหัสบดี" ซึ่งตีพิมพ์ใน Nature ภารกิจก่อนหน้านี้ไปยังดาวพฤหัสบดีรวมถึงยานโวเอเจอร์ 1 กาลิเลโอและนิวฮอไรซันส์ต่างก็สังเกตเห็นฟ้าแลบ แต่ไม่มีประโยชน์ของอุปกรณ์บนจูโนหรือการพัฒนาล่าสุดในแบบจำลองของบรรยากาศของ Jovian

ในกรณีนี้แสงจะสังเกตได้จากความสูงที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศ ในขณะที่การสังเกตก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่ามีฟ้าแลบในเมฆที่มีน้ำอยู่ลึกเข้าไปในดาวเคราะห์ก๊าซข้อมูลใหม่แสดงให้เห็นว่าฟ้าผ่ามีอยู่ในบรรยากาศชั้นบนในกลุ่มเมฆน้ำและแอมโมเนีย ฟ้าผ่านี้ถูกขนานนามว่า "ฟ้าผ่าตื้น"

ตามข่าวประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยคอร์แนลแอมโมเนียมีความสำคัญในการสร้างสายฟ้าแลบเนื่องจากทำหน้าที่เป็น "สารป้องกันการแข็งตัว" เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำในเมฆเป็นน้ำแข็ง การชนกันของหยดแอมโมเนียผสมกับน้ำกับอนุภาคน้ำน้ำแข็งทำให้เกิดประจุไฟฟ้าที่จำเป็นสำหรับการเกิดฟ้าผ่า

ซึ่งแตกต่างจากกระบวนการใด ๆ ที่สร้างฟ้าผ่าบนโลก

นั่นไม่ใช่ความแปลกประหลาดเพียงเล็กน้อยที่ผู้ตรวจพบสังเกตเห็น ในขณะที่จูโนเห็นแอมโมเนียจำนวนมากใกล้เส้นศูนย์สูตรและในระดับล่างของชั้นบรรยากาศ แต่ก็ยากที่จะหาได้จากที่อื่น เพื่ออธิบายสิ่งนี้นักวิจัยได้พัฒนารูปแบบใหม่ของการผสมในบรรยากาศ พวกเขาแนะนำว่าแอมโมเนียที่ระดับต่ำกว่าของชั้นบรรยากาศจะเพิ่มขึ้นเป็นเมฆพายุทำปฏิกิริยากับน้ำเพื่อทำให้เกิดฟ้าผ่าดังกล่าวข้างต้นจากนั้นตกลงมาในรูปของลูกเห็บ

นักวิทยาศาสตร์ให้ชื่อแอมโมเนียและลูกเห็บน้ำแข็งเหล่านี้ว่า "Mushballs"

แบบจำลองนี้อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างรวมถึงสาเหตุที่ Juno ไม่สามารถตรวจจับแอมโมเนียในที่ที่คาดว่าจะเป็นได้: Mushballs จะตรวจจับได้ยากกว่าแอมโมเนียหรือไอน้ำ นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์เพิ่มเติมว่าน้ำหนักของข้าวต้มจะดึงแอมโมเนียไปที่ระดับล่างของชั้นบรรยากาศที่ตรวจพบในปริมาณที่มีนัยสำคัญมากขึ้น



ภาพกราฟิกที่ออกแบบโดย NASA ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระบบสภาพอากาศตามทฤษฎีเพื่อสร้าง "Mushballs" น้ำเหลวและแอมโมเนียลอยขึ้นในเมฆพายุจนกว่าจะถึงจุดที่อุณหภูมิต่ำมากทำให้พวกมันแข็งตัว การแช่แข็งเป็น "ข้าวต้ม" กึ่งแข็งทำให้พวกมันตกลงมาซึ่งจะกระจายแอมโมเนียไปทั่วบรรยากาศชั้นล่าง

เครดิต: NASA / JPL-Caltech / SwRI / CNRS

เราจะรู้ทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?

จูโนอาศัยอุปกรณ์หลายชิ้น สิ่งที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในกรณีนี้คือเครื่องวัดรังสีไมโครเวฟ อุปกรณ์นี้ใช้ไมโครเวฟเพื่อวัดองค์ประกอบของบรรยากาศ Jovian เมื่อไมโครเวฟโดนน้ำหรืออนุภาคแอมโมเนียก็จะเริ่มร้อนขึ้น การตีดาวเคราะห์ด้วยไมโครเวฟจากนั้นมองหาความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่สังเกตได้ของอนุภาคหัววัดสามารถระบุได้ว่ามีสารเคมีใดบ้าง

ผลการศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีมีความซับซ้อนมากกว่าที่เคยคิดไว้ เมื่อพิจารณาถึงวิธีที่เรารู้เกี่ยวกับพายุที่ใหญ่กว่าโลกอุณหภูมิที่แกว่งไปมาระหว่างสุดขั้วในชั้นบรรยากาศต่างๆและลมที่พัดด้วยความเร็ว 100 เมตรต่อวินาทีนั่นกำลังบอกอะไรบางอย่าง

https://bigthink.com/surprising-sci...ltitem=2#rebelltitem2?xrs=RebelMouse_fb#ea706

 

DISCOVERY: นักวิทย์เป่าแตรหอยสังข์ ยุคโบราณ 18,000 ปี อัดเสียงมาให้ทุกคนเปิดฟังได้
.
หอยสังข์โบราณอายุ 18,000 ปีก้องกังวาลอีกครั้ง นักโบราณคดีทดลองเป่าเสียงหอยสังข์อายุก่อนประวัติศาสตร์ อัดเสียงออกมาให้ทุกคนได้ฟัง
.
หอยสังข์นี้ถูกพบในถ้ำ Marsoulas ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ทางเทือกเขา Pyrenees ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างฝรั่งเศสและสเปน เดินมันเป็นที่อยู่อาศัยของชาว Magdalenian
.
การค้นพบครั้งนี้ถูกบันทึกไว้ในวารสาร Science Advances ทีมวิจัยเชื่อว่ามันเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ลมและทำจากหอยสังข์ใหญ่จากยุค Paleolithic ที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา
.
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของหอยสังข์นี้คือ ด้านในของหอยที่แมทช์กับงานจิตรกรรมฝาผนังในถ้ำที่ขุดพบเมื่อปี 1931 พอดี มันเป็นการใช้ผงสีไอเอิร์นออกไซด์ในการวาดให้เป็นสีแดงสดด้วยนิ้วมือ
.
Gilles Tosello จาก University of Toulouse เผยว่า “สำหรับพวกเรา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราสามารถเชื่อมโยงหลักฐานระหว่างเสียงดนตรีกับจิตรกรรมฝาผนังของยุโรปยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้”
.
หอยสังข์นี้มีความยาว 31 เซนติเมตร และกว้าง 18 เซนติเมตร คาดว่าน่าจะเคยเป็นบ้านของหอยทากที่อาศัยอยู่ในน้ำเย็นในมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีชื่อว่า Charonia lampas และเป็นของล้ำค่า อาจถูกครอบครองด้วยการแลกเปลี่ยนกัน หรือการให้เป็นรางวัล เพราะแนวชายฝั่งในสมัยนั้นอยู่ห่างออกไปมากกว่า 200 กม.
.
ตอนแรก ทีมวิจัยที่เจอนึกว่ามันน่าจะเป็นถ้วยสำหรับดื่มน้ำ แต่พอเห็นลักษณะบางอย่างของมัน พวกเขาก็คิดว่ามันน่าจะใช้เป็นแตรสังข์ได้
.
ลักษณะที่ว่าคือ ทางปลายของหอยจะมีรูที่สามารถใช้ปากหรืออะไรสักอย่างสอดเข้าไปเพื่อเป่าได้ และก็มีช่องตรงอีกปลายที่กว้างพอที่จะเอามือสอดเข้าไปได้ เหมือนสำหรับทำให้คนจับ
.
หลังจากที่วิเคราะห์ได้สักพัก พวกเขานำมันไปให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีเป่า จนสามารถสร้างเสียงให้ใกล้เคียงกับโน๊ต C, C-sharp และ D ได้
.
ตอนนี้ทางทีมได้สร้างแตรสังข์จำลองแตรอันนี้ไว้ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ต่อไป และไม่ทำลายหอยสังข์อันเก่าที่เจอ
.
เป็นที่รู้กันดีว่า ชาว Magdalenian ที่อาศัยอยู่ในเทือกเขา Pyrenees ในฝรั่งเศส มักจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่อาศัยใน Cantabria ชายฝั่งทางตอนเหนือของสเปน ดังนั้นหอยสังข์นี้อาจเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย
.
ซึ่งพอผลมันออกมาเป็นอย่างนี้ หลายคนคงอยากจะฟังเสียงของแตรสังข์อายุ 18,000 นี้กัน ทีมวิจัยจึงอัดเสียงแตรสังข์นี้ลง Soundcloud ใครสนใจก็ไปลองฟังกันดูได้เลย
.
Source:
1. https://www.bbc.com/news/science-environment-56017967

2. https://advances.sciencemag.org/con...totSB1ekz_APEw9uo44GWm5fvcPOUNydZtG-sY5fjL_uQ

3. https://www.vice.com/en/article/qjp...znOL-NMFCMpNYd5W7_bt0P0YP8er9QCvYyQnWoDEJB3HM

แบ่งปันจาก Environman

 

"Angela Merkel เตือนให้ระวังคลื่นลูกที่สาม"

นี่คือคำพูดของผู้นำเยอรมนีที่ได้พูดในช่วงท้ายของการแถลงว่าของเมื่อวาน ว่าให้ระวังถึงคลื่นลูกที่สาม อันที่จะมาจากการกลายพันธุ์ จึงทำให้พ่อบ้านกลับมานั่งคิดๆ ดูแล้วทำให้คิดได้ว่านี่น่าจะเป็นสัญญาณใน 2 เรื่องก็คือ

1. ความกังวลของการที่เยอรมนีกำลังผ่อนคลายมาตรการของรัฐบาล

ซึ่งจากที่หลายๆ คนได้รับทราบถึงการประกาศมาตรการของรัฐบาลเยอรมันเมื่อวานแล้วจะเห็นได้ว่า ถึงแม้ระยะเวลาจะนานขึ้น แต่ก็ได้มีการผ่อนคลายมาตรการลง โดยร้านทำผมจะสามารถเปิดทำการได้ตั้งแต่วันที่ 01.03.2021 ทั่วประเทศ และร้านค้าที่อยู่ในเมืองที่ค่าของผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 35 ต่อประชากร 100,000 คน ติดต่อกัน 7 วัน

ซึ่งก็น่าพอจะทำให้เห็นทางสว่างในระดับนึงของธุรกิจต่างๆ ถึงแม้ว่าถ้าเอาจริงๆ แล้วธุรกิจมัน

"ไม่สามารถรอได้"

เพราะด้วยระยะเวลาที่ถูกสั่งปิดมานานหลายเดือน แต่ค่าใช้จ่ายมันไม่ได้หยุดลงไปด้วย ถึงแม้ว่าจะมีเงินสนับสนุนจากภาครัฐเองก็ตามแต่ก็ติดปัญหาความล่าช้า และสำหรับบางกิจการก็ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอจนต้องปิดตัวไปก็ไม่น้อย

ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือการกดดันให้รัฐบาลนั้นต้องตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่า

"มีความจำเป็นต้องผ่อนคลาย ไม่งั้นพวกเค้าก็จะตาย"

เพราะถ้ามองย้อนหลังไปพ่อบ้านมองว่าการแพร่ระบาดที่กลับมาหนักๆ อย่างรอบที่สองนั้นเกิดจากความประมาทของหลายๆ ฝ่าย ทั้งจากการที่ปล่อยให้ท่องเที่ยวกันแบบค่อนข้างอิสระ โดยที่ภาครัฐเองก็ไม่ได้มีมาตรการควบคุมที่ดีเท่าที่ควร จนต้องมากำหนดเขตพื้นที่เสี่ยงและมาตรการอื่นๆ ตามหลังเหมือนที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน

และแน่นอนครับนี่ยังไม่นับกับปัญหาที่เกิดจากการปิดโรงเรียน เพราะมีเด็กหลายคนที่เรียนออนไลน์แล้วไม่ถนัดเท่ากับเรียนจริงๆ กับคุณครู และแน่นอนครับว่าผู้ปกครองก็เครียดไม่น้อยเลยด้วยกับการเรียนรูปแบบนี้

แต่อย่างไรก็ตามก็มีเสียงอีกไม่น้อยที่ยังอยากให้มาตรการต่ออายุออกไปอีกนิดอย่างที่เราเคยได้ยินอยู่ว่า "ยอมเจ็บแต่จบ" หรือทำอย่างไรก็ได้ว่าต้องไม่ให้เกิดคลื่นลูกที่สามขึ้น

2. ความกังวลเรื่องของวัคซีนและการกลายพันธุ์

อย่างที่เห็นและได้ข่าวเป็นระยะๆ ก็คือวัคซีนที่ล่าช้า ทั้งมาในรูปแบบของกำลังการผลิตที่ไม่ทันต่อความต้องการ, การที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง หรือแม้แต่การถูกรบกวนการจัดส่งวัคซีนจากภัยธรรมชาติอย่างพายุหิมะอย่างในสัปดาห์นี้ ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลเยอรมันต้องรับภาระหนักเป็นอย่างยิ่ง

และยิ่งไปกว่านั้นทั้งในเยอรมนี และประเทศรอบข้างต่างก็มีการพบกรณีของการระบาดของเชื้อตัวใหม่ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆ คน ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กันน่าดูว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบไหน

ซึ่งสิ่งพ่อบ้านวิเคราะห์ได้ในเบื้องต้นว่าสิ่งที่ท้าทายให้รัฐบาลเยอรมันต้องรับมือหลังจากนี้คือ

1. จะผ่อนคลายมาตรการอย่างไรที่ต้องประคับประคองภาคธุรกิจแต่ต้องหยุดการแพร่ระบาดให้ได้

2. การแก้ไขปัญหาการชดเชยภาคธุรกิจทั้งในรูปแบบของเงินสนับสนุนที่ล่าช้า

3. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากการ Lockdown

4. การแก้ปัญหาเรื่องของปริมาณวัคซีนที่ล่าช้ากว่ากำหนดไปพอสมควรและจะสามารถทำได้อย่างที่เคยประกาศเอาไว้ล่วงหน้าหรือไม่ว่าจะมีปริมาณเพียงพอสำหรับประชากรทุกคนภายในหน้าร้อนนี้

และสิ่งที่ท้าทายที่สุดก็คือทำอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้เกิด "คลื่นลูกที่สาม" อย่างที่เตือนเอาไว้

"ซึ่งเป็นอะไรที่เราคงต้องจับตาดูกัน และอย่างไรก็ตามพ่อบ้านก็ขอเป็นกำลังใจให้กับภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบทุกท่าน"

"แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้รับข้อมูลมาในวันนี้พบว่าโรงเรียนในบางรับก็เตรียมเปิดการเรียนการสอนปกติ และในบางเมืองที่อยู่ในเกณฑ์ผ่อนคลายก็กำลังเตรียมอนุญาตให้ทำธุรกิจตามปกติได้ดังเดิม หากแต่ว่าพ่อบ้านก็ขอให้ทุกคนอย่าประมาท และก็รักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ"

#พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #เยอรมนี #Germany #German

ที่มาของข้อมูล :

ข้อมูลการแถลงเมื่อวาน
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=255335412825489&id=100050470960651

การแจ้งเตือนของ Merkel (อยู่ในช่วงท้ายๆ ของการตอบคำถามนะครับ)
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3705865256117533&id=768905426534529

คำสัญญาของรัฐบาลเยอรมัน
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=255335412825489&id=100050470960651
ดูน้อยลง

 

#ข่าวด่วน วัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกมาถึงสนามบินนาริตะเรียบร้อยแล้ว

วัคซีนนี้จะถูกนำไปฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ 10,000 ราย ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #วัคซีนโควิด

ภาพ: https://twitter.com/tv.../status/1360048863512432640...

 

Mission to Mar
ต้องยอมรับว่าจีนเขาแน่จริงๆ หลังจากประกาศความสำเร็จในการส่งยานอวกาศไปลงจอดบนดวงจันทร์ และควักเอาดินบนดวงจันทร์กลับมาบ้านไปแล้วเมื่อ 16 December 2020, 17:59 เวลา UTC ในทะเลทรายมองโกเลียใน ภายใต้โครงการ ฉางเอ๋อ 5
เมื่อวานที่ 10 กุมภาพันธ์ 2021 จีนก็ได้ประกาศความสำเร็จ ในโครงการสำรวจดาวอังคาร ได้ครึ่งทางแล้ว คือโครงการ Tianwen 1
โครงการ Tianwen 1 เป็นโครงการส่ง Robotic Spacecraft ไปสำรวจดาวอังคาร (ดาวที่ต้องการซื้อยางพาราจากประเทศไทย) โครงการนี้ ประกอบด้วย เดินทาง-โคจรรอบดาวอังคาร-ลงจอด-วิ่งสำรวจพื้นที่บนดาวอังคาร และปล่อยดาวเทียมขนาดเล็ก เพื่อรับสัญญาณ WIFI จากยาน Rover ที่วิ่งสำรวจพื้นที่บนดาวอังคาร ตัวยานทั้งหมดมีน้ำหนัก 5 ตัน จรวดส่งยานเป็น Long March 5, ยาน Orbiter โคจรรอบดาวอังคาร, Lander ยานลงจอด และ Rover ยานวิ่งสำรวจบนดาวอังคาร ซึ่งจีนได้ส่งออกไปจาก Wonchang Spacecraft Launch Site เมื่อ 23 กรกฎาคม 2020 เวลา ตี 4 กับ 41 นาที เวลากรุงปักกิ่ง ใช้เวลา 7 เดือนเศษ ในการเดินทางจากโลก ไปยังดาวอังคาร (โดยไม่ต้องแวะให้เด็กปั้มเช็ดกระจกเลย)
ได้เข้าถึงวงโคจรรอบดาวอังคารเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2021 (วันตรุษจีน) เมื่อเวลา 19.52 น. เวลากรุงปักกิ่ง เนื่องจากขณะเดินทางยาน Tianwen 1 ใช้ความเร็วสูงมาก จึงต้องติดเครื่องยนต์ 3000N เบรคอากาศ เพื่อลดความเร็วลงให้เหลือต่ำกว่า ความเร็วหลุดพ้นของดาวอังคาร ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตอนนี้ Tianwen 1 อยู่ในวงโคจรรอบดาวอังคารแล้ว และเตรียมการที่จะดำเนินการขั้นตอนการปล่อยยาน Lander และ Rover ลงไปสู่พื้นผิวดาวอังคาร และการโคจรรอบดาวอังคาร 1 รอบ Tianwen 1 ต้องใช้เวลา 10 วัน