ติดตามสถานะการณ์

เตหะรานปล่อย “ลูกเรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีใต้” เป็นอิสระ เว้นกัปตันเรือ อ้างเพื่อมนุษยธรรม
.
.
.
.
เอเอฟพี – อิหร่านแถลงเมื่อวานนี้(2 ก.พ)ว่า จะยอมปล่อยตัวลูกเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติเกาหลีใต้เป็นอิสระหลังได้ยึดไว้ในเดือนมกราคม เว้นแต่ตัวกัปตัน โดยให้เหตุผลด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก
.
เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้(2 ก.พ)ว่า กองกำลังพิทักษ์การปฎิวัติสาธารณรัฐอิสลาม ยึดเรือบรรทุกน้ำมันฮันกุ๊ก เคมี (Hankuk Chemi) ของเกาหลีใต้ไว้ได้ที่บริเวณช่องแคบฮอร์มุซ เมื่อวันที่ 4 ม.ค ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำขึ้น
.
เอเอฟพีชี้ว่า เรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติเกาหลีใต้แต่มีลูกเรือนานาชาติอยู่ราว 20 คน เกิดขึ้นหลังจากที่เตหะรานเรียกร้องให้โซลปล่อยทรัพย์สินอิหร่านมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่โซลได้สั่งห้ามเคลื่อนย้ายตามคำประกาศการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
.
“ด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรมของเตหะราน ลูกเรือบนเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติเกาหลีใต้ที่ถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมของอ่าวเปอร์เซียจะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ” ซาอีด คาทิบซาเดห์ (Saeed Khatibzadeh) โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่านกล่าวผ่านแถลงการณ์
.
และทางโฆษกชี้ว่า การอนุญาตปล่อยตัวนี้มาจากคำร้องขอจากรัฐบาลเกาหลีใต้และในความร่วมมือทางระบบยุติธรรมของอิหร่าน
.
แต่เขาไม่ได้ระบุว่าในเวลานี้ลูกเรือบรรทุกน้ำมันเกาหลีใต้ได้เดินทางออกไปนอกประเทศแล้วหรือไม่
.
สำนักข่าวยอนฮับได้อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ที่เปิดเผยว่า กัปตันเรือบรรทุกน้ำมันจะยังคงอยู่ในอิหร่านต่อไปเพื่อดูแลเรือบรรทุกน้ำมัน และไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทางอิหร่านจะปล่อยให้เรือบรรทุกน้ำมันฮันกุ๊ก เคมีเดินทางออกไปได้เมื่อใด
.
ลูกเรือมาจากเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เวียดนาม และพม่า
.
ทั้งนี้อิหร่านเป็นแหล่งป้อนน้ำมันให้กับเกาหลีใต้จนกระทั่งสหรัฐฯในสมัยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่าน อ้างอิงจากโฆษกรัฐบาลอิหร่านพบว่า อิหร่านมีเงินจำนวน 7 พันล้านดอลลาร์ที่ถูกสั่งห้ามเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้
.
ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่สามารถถูกโอนหรือได้รับดอกเบี้ย แต่เตหะรานยังคงยืนยันที่จะขอเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากเงินก้อนนี้ของอิหร่าน
.
โฆษกรัฐบาลอิหร่านเปิดเผยว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อารากชร( Abbas Araghchi ) ได้รับการแจ้งจากฝั่งเกาหลีใต้ในระหว่างการหารือร่วมกันทางโทรศัพท์ในวันอังคาร(2)ว่า โซลจะพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อจะทำให้เงินอิหร่านถูกสั่งปลดจากการห้ามเคลื่อนไหวโดยเร็วที่สุด

 

หลังรัฐประหารเมียนมา ปชช.แห่โหลดแอปแชตออฟไลน์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านครั้ง
.
.
.
.
รอยเตอร์ – แอปแชตออฟไลน์ "บริดจ์ไฟ" (Bridgefy) ถูกดาวน์โหลดไปไม่ต่ำกว่า 1 ล้านครั้งในพม่า หลังเกิดการทำรัฐประหารในวันจันทร์(1 ก.พ)และมีการสั่งห้ามบริการอินเตอร์เนต
.
รอยเตอร์รายงานวันนี้(3 ก.พ)ว่า แอปแชตออฟไลน์ บริดจ์ไฟ(Bridgefy) ซึ่งเป็นของเม็กซิโกและสร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่เมื่อครั้งการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกงในปี 2020 ทวีตข้อความว่า “ทางบริษัทคาดหวังว่าประชาชนในเมียนมาจะสามารถใช้ประโยชน์จากแอปในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
.
ซึ่งหลังจากผู้นำที่มาจากประชาธิปไตยของพม่าถูกควบคุม ทั้งสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เนตถูกปิดกั้นในเมืองย่างกุ้งและกรุงเนปิดอว์ และบางส่วนของประเทศ
.
การสื่อสารสามารถกลับมาได้ในช่วงดึกของวันจันทร์(1) แต่จากโซเชียลมีเดียที่ถูกโพสต์ขึ้นและทางนักข่าวรอยเตอร์เห็น นักเคลื่อนไหวในเมียนมาต่างออกมาสนับสนุนให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปบริดจ์ไฟ ซึ่งสามารถใช้แบบออฟไลน์เพื่อแก้ปัญหาในกรณีที่อาจมีการสั่งปิดอินเตอร์เนตรอบใหม่
.
ซีอีโอ ฮอร์เก เรียลส์ (Jorge Rios) เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ช่วงระหว่างวันจันทร์(1)และค่ำวันอังคาร(2) แอปบริดจ์ไฟของเขาถูกดาวน์โหลดไปไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านครั้งในประเทศเมียนมาที่คาดว่าจะมีจำนวนยูสเซอร์โซเชียลมีเดียไม่ต่ำกว่า 22 ล้านคน
.
นอกจากนี้แอปบริดจ์ไฟที่มีผู้สนับสนุนรวมไปถึงผู้ก่อตั้งร่วมบริษัททวิตเตอร์ บิซ สโตน (Biz Stone) พบว่าแอปแชตระบบออฟไลน์ตัวนี้ยังถูกใช้ในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลไทยของกลุ่มเยาวชน ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่แอปที่ใช้การเชื่อมโยงผ่านบลูทูชและใช้เทคโนโลยีแบบตาข่าย(mesh network topology)แทนที่จะใช้ผ่านระบบอินเตอร์เนตตามปกติ
.
บริดจ์ไฟเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีชื่อในด้านการปิดกั้นโซเชียลมีเดียและการให้บริการอินเตอร์เนต แต่ทว่าผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า แอปตัวนี้มีปัญหาในด้านความปลอดภัยเพราะอาจถูกเจาะระบบทำให้ผู้ใช้ตกเป็นเป้าถูกสอดแนมได้
.
แต่อย่างไรก็ตาม บริดจ์ไฟได้ตอบในแถลงการณ์ถึงความกังวลในข้อนี้ว่า ทางบริษัทได้ปรับปรุงระบบความปลอดภัยและการเข้ารหัสป้องกันสำหรับการสนทนาของยูสเซอร์

 

ชาวพม่าแห่โหลดแอปแชต Bridgefy กว่าล้านครั้งหลังรัฐประหาร
.
.
.
รอยเตอร์ - แอปพลิเคชั่นส่งข้อความแบบออฟไลน์ Bridgefy เผยว่ามีการดาวน์โหลดมากกว่า 1 ล้านครั้งในพม่า หลังกองทัพเข้ายึดอำนาจในวันจันทร์ (1) และทำให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตขาดหายไปชั่วคราว
.
สตาร์ทอัพจากเม็กซิโกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ได้ทวีตข้อความว่า “หวังให้ชาวพม่าพบว่าแอปพลิเคชั่นนี้มีประโยชน์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
หลังผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของประเทศถูกจับกุมตัว สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในนครย่างกุ้ง กรุงเนปีดอ และพื้นที่บางส่วนของประเทศ ถูกตัด ไม่สามารถใช้งานได้
.
และแม้ว่าการสื่อสารจะกลับคืนสู่ภาวะปกติในช่วงค่ำวันจันทร์ แต่นักเคลื่อนไหวในพม่าได้โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สนับสนุนให้ผู้คนดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Bridgefy ไว้ใช้สื่อสาร หากมีการตัดสัญญาณเกิดขึ้นอีก
.
ซีอีโอของ Bridgefy กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ระหว่างวันจันทร์ถึงเย็นวันอังคาร แอปพลิเคชั่นถูกดาวน์โหลดไปมากกว่า 1.1 ล้านครั้ง
.
แอปพลิเคชั่น Bridgefy ที่ได้รับการสนับสนุนจาก บิซ สโตน ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ทวิตเตอร์ และเคยถูกใช้ในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่แอปพลิเคชั่นที่ใช้บลูทูธเป็นเครือข่ายและทำให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต.
.
.
https://mgronline.com/indochina/detail/9640000010939

 

สื่อนอกรายงาน “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” ขออ.ยจดทะเบียนในไทยแล้ว เทียบชัด วัคซีนโควิด-19จอห์นสันใช้คุมระบาดได้ดี
.
.
.
.
รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันล่าสุดยื่นขอจดทะเบียนวัคซีนโควิด-19กับผู้กำกับยาในไทย หลังเปิดตัวฮือฮาโดสเดียวสามารถใช้รักษาได้ผล 85% กับเคสป่วยหนัก สนนราคาเริ่มต้น 10 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจหลังวันอังคาร(2 ก.พ)ไทยเห็นยอดเสียชีวิตรายวันเพิ่มอีก 2 รายและพบเคสผู้ป่วยโควิด-19อายุน้อยที่สุดในโลกเป็นทารกแรกคลอดอายุแค่ 26 วัน
.
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(2 ก.พ)ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากรัฐบาลไทยเปิดเผยกับรอยเตอร์ในวันอังคาร(2)ว่า ทางบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้ยื่นขอจดทะเบียนวัคซีนโควิด-19กับองค์การอาหารและยา (อ.ย) กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายที่ 3 ที่ทำการยื่นขอตามหลังบริษัทยาจีนซิโนแวก ไบโอเอ็นเทค และบริษัทแอสตราเซเนกาของอังกฤษ
.
ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยได้อนุญาตให้วัคซีนแอสตราเซเนกาสำหรับใช้ฉุกเฉินได้
.
พบว่าบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้เริ่มกระบวนการขอการจดทะเบียนสำหรับวัคซีนมาตั้งแต่เดือนมากราคม แต่เงื่อนเวลาในการอนุมัติขึ้นอยู่กับเมื่อใดที่ทางบริษัทยาได้ยื่นเอกสารตามจำนวนที่กำหนดไว้ให้กับอ.ย นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาชี้
.
เขากล่าวว่า “ทางบริษัทได้ยื่นเอกสารบางส่วนให้ทางเราประเมิน” และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางเราสามารถเริ่มดำเนินการพร้อมกับการอนุมัติได้ภายใน 30 วัน หลังเอกสารทั้งหมดได้ยื่นแล้ว”
.
ข่าวบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยื่นขอจดทะเบียนตรงกับช่วงเวลาที่ไทยในวันอังคาร(2)มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-196เพิ่ม 2 ราย และมีเคสป่วยใหม่เป็นเด็กทารกวัย 26 วันกลายเป็นผู้ป่วยโควิด-19ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกในเวลานี้
.
อ้างอิงจาก clinicaltrialsarena เว็บไซต์เชี่ยวชาญทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ได้รายงานถึงการเปรียบเทียบวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน น้องใหม่มาแรงที่มีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยสูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคเดิมอยู่ก่อน โดยได้ระบุว่าวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันใช้เป็นตัวควบคุมการระบาดได้ดี ส่วนวัคซีนโนวาแวกซ์(Novavax) ของบริษัทยาสหรัฐฯที่มีประสิทธิภาพราว 89.3% สำหรับการฉีด 2 โดสนั้นคุ้่มค่าในการป้องกันโดยรวม
.
ทั้งนี้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันผลิตมาจากไวรัสอะดิโน( adenovirus) มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ย 66% สำหรับ 1 โดสหลังการฉีด 28 วันไปแล้วในการทดลองเฟส 3 ทั่วโลกอาสาสมัคร 43,783 คน
.
อย่างไรก็ตามวัคซีนตัวนี้ที่นักวิทยาศาสตร์จากค่ายวัคซีนโมเดอร์รนาร้องว๊าวออกมาและเรียกว่า “เป็นตัวพลิกเกมส์” เพราะประสิทธิภาพวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มขึ้นเป็น 85% สำหรับการป้องกันในเคสป่วยหนักและมีการแสดงให้เห็นว่าสามารถปกป้องได้อย่างสมบูรณ์ต่อกลุ่มผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและการเสียชีวิต 28 วันหลังการฉีดเพียงโดสเดียว
.
บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้ยื่นขอจดทะเบียนสำหรับวัคซีนใช้ในสหรัฐฯกับองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ และคาดว่าทางบริษัทจะสามารถแจกจ่ายให้กับประชาชนชาวอเมริกันได้ทันทีหลังจากทางFDA เปิดไฟเขียว
.
โดยทางบริษัทมีข้อตกลงส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลสหรัฐฯจำนวน 100 ล้านโดส และกับสหภาพยุโรปจำนวน 200 ล้านโดส แต่ยังไม่มีรายงานว่ารัฐบาลไทยได้สนใจสั่งซื้อไว้หรือไม่ในเวลานี้
.
ซึ่งประสิทธิภาพการรักษาโดยรวมของผู้ป่วยในสหรัฐฯพบว่าอยู่ที่ 72% ในทวีปอเมริกาใต้ 66% และ 57% ในประเทศแอฟริกาใต้ รอยเตอร์ชี้ว่า วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพในการรักษากับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้ดี ซึ่งทางไบโอสเปซรายงานว่า สนนราคาจำหน่ายวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันอยู่ที่ 10 ดอลลาร์/โดสในสหรัฐฯ เทียบกับราคาวัคซีนแอสตราเซเนการาคาจำหน่ายตก 25 ดอลลาร์ – 37 ดอลลาร์ มีประสิทธิภาพราว 70% โดยเฉลี่ยอ้างอิงตัวเลขประสิทธิภาพที่เคยประกาศมาก่อนหน้า ขณะที่วัคซีนซิโนแวคของจีนมีราคาราว 60 ดอลลาร์/โดสภายในจีน แต่ 29.75 ดอลลาร์นอกประเทศ และมีประสิทธิภาพทางการรักษา 50.38% ถึง 91.25% ขึ้นอยู่กับประเทศที่ทำการทดลอง
.
สำหรับแอสตราเซเนกาล่าสุดได้ออกมาเปิดหน้าสู้กับจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยในผลการรายงานรอบใหม่ที่เปิดเผยผ่านหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน วันอังคาร(2) ทางบริษัทชี้ว่าแค่โดสเดียวสามารถตัดการแพร่ระบาดได้ 67% และอีกทั้งการฉีดโดสแรกของแอสตราเซเนกาจะมีประสิทธิภาพการป้องกัน 76 % ยาวนานถึง 12 สัปดาห์ทีเดียว
.
ซึ่งการศึกษาใหม่ที่เพิ่งได้รับการเปิดเผย และทางวารสารทางการแพทย์ชื่อดังของอังกฤษ เดอะ แลนเซต (The Lancet) ยังคงอยู่ในการประเมิน แอสตราเซเนกาชี้ว่า วัคซีนที่ถูกฉีดครบ 2 โดสโดยมีระยะห่างระหว่างโดสแรกและโดสที่ 2 อยู่ 3 เดือนจะมีประสิทธิภาพป้องกันอยู่ที่ 82.4%
.
โดยในการศึกษาระบุว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนเพิ่มจาก 55% เมื่อมีการฉีดเข็มที่ 2 ในระยะไม่เกิน 6 สัปดาห์หลังจากได้รับเข็มแรกแล้ว และประสิทธิภาพเพิ่มมาอยู่ที่ 82.4% หลังจากที่ได้รับเข็มที่ 2 นานกว่า 3 เดือน
.
ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญอังกฤษด้านภูมิคุ้มกัน ศาสตราจารย์ เดโบราห์ ดันน์-วอลเตอร์ส( Deborah Dunn-Walters) และประธานทีมโควิด-19ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์สัน กล่าวแสดงความเห็นถึงการศึกษาครั้งใหม่ของวัคซีนแอสตราเซเนกาว่า “ถือเป็นข่าวที่ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่าแค่โดสเดียวมีประสิทธิภาพ 76% และประสิทธิภาพยังคงเพิ่มขึ้นในดดสที่ 2 ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องทำให้ภูมิคุ้มกันได้รับอย่างครบถ้วน และการคาดการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าการเป็นพาหะไวรัสลดลงนั้นถือเป็นสิ่งดี”

 

สุดชุ่ย! แพทย์อินเดียเผลอหยอด ‘แอลกอฮอล์ล้างมือ’ ใส่ปากเด็กแทน ‘วัคซีนโปลิโอ’
.
เด็กอินเดียอายุไม่ถึง 5 ขวบอย่างน้อย 12 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลในรัฐมหาราษฏระ หลังแพทย์เผลอหยิบ “แอลกอฮอล์ล้างมือ” มาหยอดใส่ปาก แทนที่จะเป็นวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ
.
อุบัติเหตุอันเกิดจากความละเลยนี้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (31 ม.ค.) ที่ศูนย์สุขภาพแห่งหนึ่งในเมืองยาวัตมาล (Yavatmal) ระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอไปฉีดให้แก่เด็กๆ ในชุมชน
.
ศรีกฤษณะ ปันจัล เจ้าหน้าที่อาวุโสจากสภาเขตยาวัตมาล เปิดเผยว่า เรื่องมาแดงขึ้นเมื่อมีเด็กคนหนึ่งบ่นว่ารู้สึกไม่สบายและอาเจียนออกมา
.
เด็กที่ถูกหยอดแอลกอฮอล์ทุกคนถูกนำส่งโรงพยาบาลแห่งวิทยาลัยแพทย์ของรัฐ และเวลานี้มีอาการคงที่
.
ทางการได้มีคำสั่งสอบสวนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3 คน รวมถึงแพทย์คนหนึ่งซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะที่เกิดความผิดพลาดขึ้น
.
เชื้อโปลิโอเคยเป็นไวรัสที่พบได้ทั่วไป และในเด็กเล็กๆ บางคนไวรัสอาจเข้าไปทำลายระบบประสาทจนทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือถึงขั้นเป็นอัมพาต ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีที่จะรักษาโรคนี้ แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน
.
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศรับรองว่าไวรัสโปลิโอถูกกำจัดหมดสิ้นไปจากอินเดียแล้วเมื่อปี 2014 หลังไม่พบผู้ป่วยต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี
.
5 ปีก่อนหน้านั้น อินเดียเคยมีผู้ป่วยโปลิโอเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยทั้งโลก และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่กำจัดเชื้อได้ยากที่สุด เนื่องจากปัญหาด้านสุขอนามัยและความแออัดของประชากร
.
ที่มา: CNN

 

แพทย์ 70 โรงพยาบาลทั่วพม่า ‘นัดหยุดงาน’ ต้านรัฐประหาร ขณะที่ UN เล็งตอบโต้
.
แพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก 70 โรงพยาบาลใน 30 เมืองทั่วพม่านัดหยุดงานประท้วงในวันนี้ (3 ก.พ.) เพื่อแสดงพลังต่อต้านการรัฐประหาร ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการตอบโต้การยึดอำนาจของกองทัพที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยในพม่าก้าวถอยหลัง
.
กลุ่มซึ่งเรียกตัวเองว่า ขบวนการอารยะขัดขืนแห่งพม่า (Myanmar Civil Disobedience Movement) ได้ออกคำแถลงประณามกองทัพว่า “เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน” และไม่คำนึงถึงความทุกข์ยากของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 โดยขณะนี้พม่ามีผู้เสียชีวิตจากไวรัสแล้วมากกว่า 3,100 คน สูงเป็นลำดับต้นๆ ในอาเซียน
.
“เราขอปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งใดๆ ก็ตามจากระบอบทหารที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้สนใจคนป่วยที่ยากไร้เลย” กลุ่มประท้วงระบุ
.
แพทย์ชาวพม่า 4 คนซึ่งไม่ประสงค์ออกนามยืนยันกับรอยเตอร์ว่า พวกเขาตัดสินใจหยุดงานประท้วงจริงๆ
.
“ผมต้องการให้ทหารกลับเข้ากรมกอง และด้วยเหตุนี้พวกเราที่เป็นแพทย์จึงปฏิเสธที่จะไปทำงาน” คุณหมอวัย 29 ปีที่นครย่างกุ้งคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ “เราไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะหยุดงานกันไปถึงเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์”
.
นักเรียนนักศึกษาและกลุ่มเยาวชนพม่าก็ได้เข้าร่วมในปฏิบัติการ “อารยะขัดขืน” ครั้งนี้เช่นกัน
.
กองทัพพม่าประกาศยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันจันทร์ (1) ซึ่งทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยของพม่าต้องมีอันสะดุดล้ม โดยฝ่ายทหารอ้างว่าพบการทุจริตฉ้อโกงขนานใหญ่ในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของ อองซานซูจี คว้าชัยถล่มทลาย
.
การก่อรัฐประหารครั้งนี้เรียกเสียงประณามจากทั้งสหรัฐฯ และชาติตะวันตก ในขณะที่ ซูจี และบุคคลสำคัญอื่นๆ อีกหลายสิบคนถูกกักตัวอยู่ที่กรุงเนปีดอ
.
กองทัพพม่าได้ประกาศจัดตั้งคณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐจำนวน 11 คน นำโดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ซึ่งดูคล้ายกับคณะผู้ปกครองที่เคยกุมอำนาจในพม่ามานานเกือบครึ่งศตวรรษ ก่อนที่จะมีการเปิดประเทศในปี 2011
.
นานาชาติได้ประสานเสียงเรียกร้องให้กองทัพพม่าปล่อยตัวนางซูจี วัย 75 ปี ขณะที่เจ้าหน้าที่พรรค NLD คนหนึ่งให้ข้อมูลว่า ซูจี ถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพักที่กรุงเนปีดอ และยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี
.
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ชาวพม่าในนครย่างกุ้งได้รวมตัวกันเคาะหม้อเคาะกระทะ และเปล่งเสียงขับไล่ “ความชั่วร้ายจงออกไป” เมื่อช่วงค่ำของวันอังคาร (2) ซึ่งถือเป็นการแสดงออกถึงการประท้วงต่อต้านรัฐประหารอย่างกว้างขวางเป็นครั้งแรก
.
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การรัฐประหารที่เกิดขึ้นนี้ได้ทำลายความฝันของชาวพม่า 54 ล้านคนที่หวังว่าประเทศชาติจะได้มีระบอบประชาธิปไตยอันมีเสถียรภาพ
.
คริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ผู้แทนพิเศษยูเอ็นประจำพม่า เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงออกถ้อยแถลงที่เป็นการ “ส่งสัญญาณสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยในพม่า” อย่างชัดเจน
.
นักการทูตเผยว่า คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อออกคำแถลงประณามการรัฐประหาร, เรียกร้องให้กองทัพพม่าเคารพหลักนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงให้ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งการออกคำแถลงในลักษณะนี้จะต้องได้รับมติเอกฉันท์จากสมาชิกคณะมนตรีทั้ง 15 ชาติ
.
อย่างไรก็ดี นักการทูตจีนประจำยูเอ็นคนหนึ่งยอมรับว่า “เป็นเรื่องยาก” ที่คณะมนตรีความมั่นคงจะลงมติเห็นพ้องต่อถ้อยแถลงเช่นนี้ พร้อมเตือนว่ายูเอ็น “ไม่ควรทำอะไรที่จะเป็นการโหมกระพือความตึงเครียดและทำให้สถานการณ์ยุ่งยากยิ่งขึ้น”
.
ที่มา: รอยเตอร์

 

นักวิจัยอังกฤษชี้ผู้ป่วย ‘โควิด-19’ ที่รักษาหายจะมี ‘ภูมิคุ้มกันระดับสูง’ ต่อไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน
.
ทีมนักวิจัยอังกฤษเผยผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่ที่รักษาหายดีแล้ว ร่างกายยังสามารถสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ในระดับสูงต่อไปได้อีกอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งคาดว่าจะช่วยป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
.
ผลการศึกษาชิ้นนี้สรุปจากการเฝ้าติดตามระดับการแพร่เชื้อโควิด-19 ในประชากรทั่วอังกฤษ รวมถึงศึกษาระยะเวลาที่ผู้ป่วยซึ่งหายดีแล้วจะมีภูมิคุ้มกันต่อโรค และถือเป็นข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์มองว่าช่วยให้ “เบาใจ” ได้บ้างว่าการติดเชื้อซ้ำในระยะเวลาอันรวดเร็วมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก
.
“ผู้ป่วยที่หายดีแล้วส่วนใหญ่ยังมีภูมิคุ้มกันในระดับที่ตรวจสอบได้ไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน หลังจากที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา” นาโอมิ แอลเลน อาจารย์และหัวหน้านักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน UK Biobank ซึ่งทำการวิจัย ระบุ
.
งานวิจัยพบว่า ผู้ป่วย 99% ที่เคยมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกยังมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ SARS-CoV-2 ต่อไปเป็นระยะเวลา 3 เดือน และจากการติดตามผลพบว่า 88% ยังรักษาระดับภูมิคุ้มกันขั้นสูงเอาไว้ได้เป็นระยะเวลาถึง 6 เดือนเต็ม
.
“แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันอย่างไร แต่ผลที่ออกมาก็บ่งชี้ว่า ผู้ที่ติดโควิด-19 เองตามธรรมชาติน่าจะยังมีภูมิคุ้มกันโรคไปอีกราวๆ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย” แอลเลน ระบุ
.
ผลการศึกษานี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยอื่นๆ ในสหราชอาณาจักรและไอซ์แลนด์ที่พบว่า ร่างกายของผู้ป่วยที่หายจากโรคแล้วจะสามารถสร้าง “แอนติบอดี” ที่ต่อต้านไวรัสโคโรนาไปได้อีกนานหลายเดือน
.
เมื่อเดือน ธ.ค. มีการเผยแพร่งานวิจัยจากหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษซึ่งพบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 จะมีภูมิคุ้มกันอยู่อย่างน้อย 5 เดือน แต่ระหว่างนี้พวกเขาอาจจะยังสามารถแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่นได้
.
งานวิจัยของ UK Biobank ยังพบด้วยว่า สัดส่วนประชากรสหราชอาณาจักรที่มีเชื้อโควิด-19 เพิ่มจาก 6.6% ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ปีที่แล้ว เป็น 8.8% ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. โดยประชากรในกรุงลอนดอนมีสัดส่วนสูงสุด 12.4% ส่วนพื้นที่ที่เชื้อมีความชุก (seroprevalence)น้อยที่สุดคือสกอตแลนด์ โดยอยู่ที่ 5.5%
.
ที่มา: รอยเตอร์

 

ของจริง!นักวิทย์รับรองวัคซีคโควิด'สปุตนิกไฟว์'ของรัสเซีย มีประสิทธิภาพ92%

พวกนักวิทยาศาสตร์ไฟเขียววัคซีค "สปุตนิกไฟว์" ของรัสเซีย ในวันอังคาร(2ก.พ.) ระบุมีประสิทธิภาพต่อสู้กับโควิด-19 เกือบ 92% บนพื้นฐานของการทดลองกลุ่มใหญ่ที่ผ่านการทบทวนโดยผู้ทรงคุณวุฒิ(peer-reviewed) และเผยแพร่ในเดอะ แลนเซ็ต วารสารด้านการแพทย์ระหว่างประเทศ

บรรดาผู้เชี่ยวชาญบอกว่าจากผลการทดลองขั้น 3 นั่นหมายความว่าโลกจะมีอีกหนึ่งอาวุธสำหรับต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่มรณะ และสนับสนุนความชอบธรรมของมอสโก ที่ตัดสินใจขยายขอบเขตการแจกจ่ายวัคซีน ตั้งแต่ก่อนเผยแพร่ข้อมูลขั้นสุดท้าย

ผลการศึกษาที่เรียบเรียงโดยสถาบันกามาเลยาในมอสโก ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและทดสอบวัคซีน เป็นไปตามกรอบข้อมูลประสิทธิผลที่เคยรายงานก่อนหน้านี้ในช่วงต้นๆของการทดลอง ซึ่งดำเนินการในเมืองหลวงของรัสเซียมาตั้งแต่เดือนกันยายน

เอเยน โจนส์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเรดดิ้ง และ พอลลี รอย ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยลอนดอน กล่าวว่า "การพัฒนาวัคซีนสปุตนิก ไฟว์ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเร่งรีบอย่างไม่อันควร ทำแบบขอไปที และขาดความโปร่งใส"

"อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่รายงานออกมา มีความชัดเจนและพิสูจน์ถึงหลักการทางวิทยาศาสตร์ของวัคซีน" นักวิทยาศาสตร์ทั้ง 2 คน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษา กล่าวแสดงความคิดเห็นที่แชร์โดยวารสารแลนเซ็ต "มันเป็นอีกหนึ่งวัคซีนที่สามารถเข้าร่วมต่อสู้ลดอัตราการเกิดโควิด-19"

พวกนักวิจัยที่นำโดย เดนิส โลกูนอฟ แห่งสถาบันกามาเลยา ระบว่าผลการศึกษานี้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลจากอาสาสมัคร 19,866 คน โดย 1 ใน 4 ได้รับยาหลอก และนับตั้งแต่การทดลองเริ่มต้นขึ้นในกรุงมอสโก พบการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ 16 คนในบรรดากลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนจริง และพบติดเชื้อจำนวน 62 คนในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนหลอก

ผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าวัคซีนที่ใช้ในปริมาณ 2 โดสตัวนี้ ซึ่งฉีดห่างกันเป็นเวลา 21 วัน มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการถึง 91.6%

วัคซีนสปุตนิก ไฟว์ เป็นวัคซีนตัวที่ 4 ของโลก ที่เผยแพร่ผลการทดลองขั้น 3 ที่ผ่านการทบทวนโดยผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ในวารสารด้านการแพทย์ ตามหลังวัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์และไอโอเอ็นเทค, โมเดอร์นาและแอสตราเซเนกา

ทั้งนี้วัคซีนของไฟเซอร์มีอัตราประสิทธิภาพสูงสุดที่ 95% ตามด้วยวัคซีนของโมเดอร์นาและสปุตนิก ไฟว์ ส่วนวัคซีนของแอสตราเซเนกา มีค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพอยู่ที่ราวๆ 70%

ขณะเดียวกันทางวัคซีนสปุตนิก ไฟว์ ยังได้รับการรับรองแล้วว่าสามารถจัดเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาทั่วไป และด้วยที่มันไม่ต้องจัดเก็บในอุณหภูมิเย็นสุดขั้ว ทำให้การขนส่งและแจกจ่ายง่ายขึ้น บรรดานักวิทยาศาสตร์ของกามาเลยากล่าว

รัสเซียอนุมัติวัคซีนตัวนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ก่อนการทดลองกลุ่มใหญ่จะเริ่มขึ้น โดยระบุว่าพวกเขาเป็นประเทศแรกที่ดำเนินการอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ตัวใดตัวหนึ่ง ทั้งนี้สปุตนิก ไฟว์ ตั้งชื่อตามดาวเทียมดวงแรกของโลก ที่ปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยสหภาพโซเวียต

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแถวหน้าจำนวนเล็กๆเริ่มได้รับวัคซีนไม่นานหลังจากนั้น และการทดสอบกลุ่มใหญ่เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม แม้การเข้าถึงยังถูกจำกัดไว้สำหรับกลุ่มอาชีพเฉพาะเจาะจง อาทิพวกครู, บุคคลากรทางการแพทย์และสื่อมวลชน

จากนั้นในเดือนมกราคม วัคซีนตัวนี้ได้รับการอนุมัติให้ใช้กับชาวรัสเซียทุกคน

อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ จำนวนประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในรัสเซียยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเจ้าหน้านี้ชี้ว่าเป็นเพราะประเด็นปัญหาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับกำลังการผลิต ขณะเดียวกันผลสำรวจความคิดเห็นพบว่ามีชาวรัสเซียเพียงเล็กน้อยที่ประสงค์เข้ารับการฉีดวัคซีน

(ที่มา:รอยเตอร์ส)

 

อ้อยเข้าปากช้าง!IMFพลาดเพิ่งส่งเงินนับหมื่นล้านช่วยรบ.พม่าสู้โควิด-19 ก่อนรัฐประหาร หมดสิทธิ์เรียกคืน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) เพิ่งส่งเงิน 350 ล้านดอลลาร์(ราว 10,000ล้านบาท) ในรูปแบบของเงินสด ให้แก่รัฐบาลพม่า ส่วนหนึ่งในแพ็คเกจช่วยเหลือฉุกเฉินแบบไม่มีเงื่อนใดๆ สำหรับช่วยประเทศแห่งนี้ต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ไม่กี่วันต่อมา เหล่าผูุ้นำกองทัพเข้ายุดอำนาจและควบคุม อองซานซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่มาจากการเลือกตั้ง ในความเคลื่อนไหวที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุในวันอังคาร(2ก.พ.) ว่าเข้าองค์ประกอบของรัฐประหาร

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการจ่ายเงินและบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระหว่างประเทศ บอกว่าดูจะมีโอกาสแค่เล็กน้อยที่ทางไอเอ็มเอฟจะเรียกคืนเงินดังกล่าวกลับมา ขณะที่เงินช่วยเหลือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเบิกจ่ายรวดเร็วสนับสนุนทางการเงินสู้โควิด-19 ซึ่งแทบไม่มีเงื่อนไขใดๆ และได้รับความเห็นชอบจากไอเอ็มเอฟเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา

โฆษกของไอเอ็มเอฟระบุในถ้อยแถลงทางอีเมลที่ส่งถึงสำนักข่าวรอยเตอร์สวันอังคาร(2ก.พ.) "เรากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เรารู้สึกกังวลใหญ่หลวงต่อผลกระทบของเหตุการณ์นี้ที่มีต่อเศรษฐกิจและต่อประชาชนชาวพม่า" พร้อมยืนยันว่าได้จ่ายเงินครบถ้วนสมบูรณ์ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ซึ่งต้องเผชิญกับวิกฤตสถานการณ์ระหว่างประเทศครั้งแรก ทั้งที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ขู่คว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานบรรดานายพลของกองทัพหม่า และทางกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาบอกว่าจะทำการทบทวบเงินช่วยเหลือต่างประเทศที่มอบแด่ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้

อย่างไรก็ตามสหรัฐฯคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของไอเอ็มเอฟ ซึ่งมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แก่พม่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ในช่วง 7 เดือนหลังสุด ในนั้นรวมถึงเงิน 350 ล้านดอลลาร์ที่เพิ่งจ่ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแบ่งเป็น 116.6 ล้านดอลลาร์ ผ่านโครงการอาร์ซีเอฟ (Rapid Credit Facility)ของไอเอ็มเอฟ เป็นเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยสำหรับสมาชิกรายได้ต่ำ และอีก 223.4 ล้านดอลลาร์ ผ่านโครงการอาร์เอฟไอ(Rapid Financing Instrument)ที่ปล่อยกู้ให้กับสมาชิกทุกประเทศ

กองทุนระหว่างประเทศระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันที่ 13 มกราคม ว่าเงินนี้จะช่วยพม่ามีดุลการชำระเงินเร่งด่วนที่จำเป็น สำหรับรับมือกับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาตรการฟื้นฟูเยียวยาต่างๆของรัฐบาล เพื่อรับประกันเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและทางการเงิน ขณะที่รัฐบาลพม่าจำเป็นต้องให้การสนับสนุนภาคต่างๆที่ได้รับผลกระทบและกลุ่มคนอ่อนแอ

เงินช่วยเหลือในครั้งนี้ต่างจากโครงการสนับสนุนทางการเงินปกติทั่วไปของไอเอ็มเอฟ โดยมันส่งมอบอย่างรวดเร็วและไม่มีสิทธิ์เรียกคืน "มันไม่ใช่โครงการที่เกิดจากการเจรจาต่อรอง มันไม่มีเงื่อนไข และไม่มีการทบทวนการเบิกจ่าย" สเตฟานี เซกาล อดีตนักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟและเจ้าหน้าประจำกระทรวงการคลังสหรัฐฯกล่าว "ฉันไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า เคยมีเงินก้อนไหนที่ทางไอเอ็มเอฟอนุมัติไปแล้ว แล้วสามารถเรียกคืนได้"

นับตั้งแต่วิกฤตโควิด-19 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายปี 2019 ไอเอ็มเอฟมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ประเทศต่างๆไปแล้วกว่า 80 ชาติ

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการจ่ายเงินระบุว่ากรอบเวลาของการจ่ายเงินล่าสุดแก่พม่าถือเป็นเรื่องเคราะห์ร้ายอย่างมาก และชี้ว่าความเสี่ยงของโครงการช่วยเหลือทางการเงินแบบเร่งด่วนนี้ก็คือ เปิดทางให้รัฐบาลของแต่ละชาติใช้ดุลยพินิจของตนเองอย่างกว้างขวาง ว่าจะนำเงินไปใช้ในรูปแบบใด

กรณีที่ดีที่สุดก็คือ รัฐบาลพม่าที่หลุดพ้นจากวิกฤตการเมืองในปัจจุบัน จะนำเงินไปใช้จ่ายอย่างเหมาะสม เพราะว่าพวกเขายังคงต้องการสานความสัมพันธ์กับไอเอ็มเอฟ แหล่งข่าวระบุ

(ที่มา:รอยเตอร์ส)

 

รวยอื้อซ่า!คาดปีนี้ไฟเซอร์โกยเงิน$1.5หมื่นล้านจากการขายวัคซีนโควิด-19

ยอดขายวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดนไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค อาจแตะระดับ 15,000 ล้านดอลลาร์(ราว4.4แสนล้านบาท)ในปี 2021 และอาจมากกว่านี้หากไฟเซอร์คว้าสัญญาจัดหาวัคซีนได้เพิ่มเติม จากการเปิดเผยของไฟเซอร์ในวันอังคาร(2ก.พ.)

ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ ไฟเซอร์ ประมาณการว่าจะมียอดขายตลอดทั้งปี 2021 อยู่ที่ 59,400 ล้านดอลลาร์ ถึง 61,400 ล้านดอลลาร์ นั่นหมายความว่าราว 1 ใน 4 ของตัวเลขประมาณการยอดขายรวม จะมาจากวัคซีนโควิด-19

ไฟเซอร์ระบุว่าตัวเลขประมาณการดังกล่าวสะท้อน "การฟื้นตัวต่อเนื่องในเศรษฐศาสตร์มหภาคและกิจกรรมดูแลสุขภาพตลอดปี 2021 ในขณะที่มีประชากรจะได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 มากขึ้น"

บริษัทผู้ผลิตยายักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯบอกต่อว่า "ข้อสมมุติฐานเหล่านี้ อยูู่บนพื้นฐานของอัตราการติดเชื้อในปัจจุบันในหลายพื้นที่ทั่วโลก และกรอบเวลาที่คาดการณ์ไว้ สำหรับการเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพอย่างกว้างขวาง"

ไฟเซอร์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของปี 2020 มีกำไรสุทธิ 549 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น ที่ขาดทุนถึง 337 ล้านดอลลาร์

รวมแล้วตลอดปี 2020 ไฟเซอร์ รายงานมีกำไร 9,600 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปี 2019 ราว 41.4% แต่รายได้เพิ่มขึ้น 2% เป็น 41,900 ล้านดอลลาร์

รายได้ไตรมาส 4 ของไฟเซอร์นั้น รวมไปถึงยอดขายวัคซีนโควิด-19 เป็นเงิน 154 ล้านดอลลาร์

วัคซีนของไฟเซอร์เริ่มได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ในช่วงปลายปีที่แล้ว และพวกเขาคาดหมายว่าจะสามารถยกระดับการส่งมอบวัคซีนได้สูงสุด 2,000 ล้านโดสในปี 2021 บนพื้นฐานของปัจจัยหลายๆอย่าง ในนั้นรวมถึงการมีซัพพลายเออร์และผู้ผลิตสัญญาจ้างเพิ่มเติม

(ที่มา:เอเอฟพี)

 

สหรัฐฯฟันธงแล้วกองทัพพม่าก่อ'รัฐประหาร' แกนนำคองเกรสร้อง'คว่ำบาตร'จัดหนักจัดเต็ม
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะดำเนินการทบทวนความช่วยเหลือต่างชาติที่พวกเขามอบให้แก่พม่า หลังสรุปแล้วว่าการเข้ายึดอำนาจของกองทัพในชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เข้าองค์ประกอบของ "รัฐประหาร" ขณะที่แกนนำระดับสูงสุดสภาคองเกรสเรียกร้องให้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบรรดาผู้นำทหารของพม่าหนักหน่วงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขู่คว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานเหล่านายพลที่ยึดอำนาจในพม่า และควบคุมตัวบรรดาผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งหลายคน ในนั้นรวมถึงนางอองซานซูจี อดีตเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อวันจันทร์(1ก.พ.)
ระหว่างแถลงสรุปกับพวกผูุ้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศบอกว่าวอชิงตันยังไม่ได้ติดต่อโดยตรงบรรดาผู้นำรัฐประหารในพม่า หรือเหล่าผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่ถูกขับไล่
ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ คำประเมินว่าเป็น "รัฐประหาร" จะนำมาซึ่งการกำหนดข้อจำกัดด้านการช่วยเหลือของสหรัฐฯโดยอัตโนมัติ แต่พวกเจ้าหน้าที่บอกว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในนั้นรวมถึงที่มอบแด่ชาวมุสลิมโรฮิงญา ชนกลุ่มน้อยไร้รัฐในพม่า และโครงการต่างๆที่สนับสนุนประชาธิปไตยหรือเป็นประโยชน์ต่อภาคประชาสังคม จะเดินหน้าต่อไป
"นอกเหนือจากนี้ เราจะทบทวนอย่างกว้างขวางต่อโครงการช่วยเหลือต่างๆของเรา เพื่อรับประกันว่าพวกมันจะมีความสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อเร็วๆนี้" เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุ
เจ้าหน้าที่เผยด้วยว่าสหรัฐฯจะดำเนินการทวนมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อบรรดาผู้นำทหารของพม่าด้วย เช่นเดียวกับบริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้รายงานสรุปแก่คณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฏรและคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภาในวันจันทร์(1ก.พ.) เกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่า แต่ยังไม่ได้พูดคุยล่วงหน้าเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯบอกกับคณะกรรมาธิการฯด้วยว่ากำลังพยายามทำงานร่วมกันพันธมิตรในยุโรปและเอเชีย ที่สามารถติดต่อพูดคุยกับกองทัพพม่า แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
คำแถลงทบทวนความช่วยเหลือแก่พม่าและความเป็นไปได้ที่จะมีการคว่ำบาตรรอบใหม่ มีขึ้นในขณะที่ มิตช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำของรีพับลิกันในวุฒิสภา ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ ซูจี ระบุในถ้อยแถลงในวันอังคาร(2ก.พ.) เรียกร้องให้สหรัฐฯ หาทางคว่ำบาตรบรรดาผู้นำทหารของพม่าหนักหน่วงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะคว่ำบาตรผ่านสหประชาชาติ
เสียงเรียกร้องของ แม็คคอนเนลล์ สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เร่งเร้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร(2ก.พ.) ให้ร่วมกันส่งสารที่ชัดเจนในการสนับสนุนประชาธิปไตยในพม่า ในขณะที่ 15 ชาติสมาชิกขององค์การกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะออกถ้อยแถลงประณามเหตุรัฐประหารเมื่อวันจันทร์(1ก.พ.)
คริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษสหประชาชาติประจำพม่า กล่าวสรุปต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการประชุมลับ หลังทหารพม่าควบคุมตัวนางอองซานซูตีและคนอื่นๆ ตอบสนองต่อสิ่งที่พวกเขาอ้างว่า "โกงการเลือกตั้ง" และส่งมอบอำนาจแก่นายพลมิน อ่อง หล่าย พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน 1 ปีและให้สัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งใหม่
"ฉันขอประณามอย่างแข็งกร้าวต่อก้าวย่างของกองทัพเมื่อเร็วๆนี้ และเรียกร้องให้พวกคุณทุกคนร่วมกันส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการสนับสนุนประชาธิปไตยในพม่า" ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์กล่าว "จงส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อเร็วๆนี้ คือชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) และไม่ควรเห็นด้วยกับข้อเสนอของกองทัพในการจัดเลือกตั้งอีกครั้ง"
ความเห็นของ ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ มีขึ้นในขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำลังเจรจาเกี่ยวกับการออกถ้อยแถลงที่ร่างโดยสหราชอาณาจักร ซึ่งจะประณามการรัฐประหาร เรียกร้องกองทัพพม่าเคารพหลักนิติรัฐและสิทธิมนุษยชน รวมถึงปล่อยตัวบรรดาผู้ถูกควบคุมตัวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในทันที อย่างไรก็ตามถ้อยแถลงดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์
จีน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย เคยปกป้องพม่าจากความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญใดๆของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หลังเกิดเหตุทหารเข้าปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ในปี 2017 ซึ่งส่งผลให้ชาวมุสลิมโรฮิงญากว่า 700,000 คน ต้องหลบหนีไปยังบังกลาเทศ
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติและชาตะวันตกกล่าวหากองทัพพม่ากำลังฆ่าล้างเผาพันธุ์ แต่พวกเขาปฏิเสธ
(ที่มา:รอยเตอร์ส)

 

เด็ดขาด!ศาลรัสเซียจำคุก'นาวาลนี'คู่ปรับ'ปูติน'3ปีครึ่ง ตะวันตกเรียกร้องปล่อยตัวทันที
ศาลแห่งหนึ่งของรัสเซียในวันอังคาร(2ม.ค.) พิพากษาจำคุก อเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้าน ในคำตัดสินที่ทางนักการเมืองฝายค้านรายนี้กล่าวโทษในสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นความเกลียดชังและความหวาดกลัวที่มีต่อเขาของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
ผู้พิพากษาศาลมอสโกตัดสินจำคุกนาวาลนี 3 ปีครึ่ง แต่ทนายความของเขาบอกว่าบล็อกเกอร์ต่อต้านคอรัปชันรายนี้จะใช้ชีวิตในเรือนจำเพียง 2 ปี 8 เดือน เนื่องจากเขาชดใช้โทษไปแล้วบางส่วน ครั้งที่ถูกภายใต้คำสั่งกักบริเวณ
คำพิพากษาที่เป็นไปตามความคาดหมาย มีขึ้นตามหลังการประท้วงทั่วประเทศเรียกร้องให้ปล่อยตัว นาวาลนี และมีความเป็นไปได้ที่มันจะก่อความตึงเครียดเพิ่มเติมระหว่างรัสเซียกับตะวันตก ซึ่งฝ่ายหลังดูเหมือนกำลังพิจารณากำหนดมาตรการคว่ำบาตรมอสโกต่อแนวทางจัดการกับคดีนี้
สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักรและเยอรมนี เรียกร้องมอสโกให้ปล่อยตัวนาวาลนีในทันที โดย แอนโธนี บลินเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่าวอชิงตันจะประสานงานใกล้ชิดกับพันธมิตร ในความพยายามหาทางลงโทษรัสเซีย
พวกผู้สนับสนุนของนาวาลนี เรียกร้องประชาชนให้รวมตัวกันในย่านใจกลางกรุงมอสโก แม้ตำรวจปราบจลาจลเข้าประจำการในบริเวณดังกล่าวแล้ว ขณะที่ทนายความของเขาบอกว่าจะทำการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาล
นาวาลนี หนึ่งในผู้วิพากษ์วิจารณ์ปูตินตัวยง ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 17 มกราคม ฐานละเมิดเงื่อนไขประกันตัว หลังเดินทางกลับจากเยอรมนี ประเทศที่เขานอนรักษาตัวจากการถูกวางยาพิษด้วยสารทำลายระบบประสาทเกรดทหาร
ผู้นำฝ่ายค้านรายนี้อ้างว่าสายลับรัสเซียวางยาพิษในกางเกงในของเขา คำกล่าวหาที่ทางเครมลินปฏิเสธ ขณะเดียวกันทางรัฐบาลรัสเซียได้กล่าวหา นาวาลนี ทำงานให้กับซีไอเอและบอกตะวันตกอย่ายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายใน แต่ทาง นาวาลนี ปฏิเสธคำครหาดังกล่าว
การพิจารณาคดีในวันอังคาร(2ม.ค.) มุ่งเน้นไปที่คำกล่าวหา นาวาลนี ละเมิดเงื่อนไขทัณฑ์บนที่เขาได้รับการพักโทษในคดียักยอกทรัพย์ในปี 2014 ที่เขาอ้างว่าเป็นอุบายของทางการรัสเซีย และมีแรงจูงใจทางการเมือง
นาวาลนี ตอบโต้อย่างดุเดือดระหว่างให้การกับศาล กล่าวอ้างว่าเขาถูกจำคุกเพราะปูติน กังวลว่าเขาจะเป็นคู่แข่งทางการเมือง ข้อบ่งชี้ทางที่เครมลินหัวเราะขบขัน ระบุว่า นาวาลี เป็นเพียงบล็อกเกอร์ที่ก่อปัญหา ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางใดๆ
ปูตินวัย 68 ปี ซึ่งครอบงำการเมืองของรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2000 มีสิทธิ์ปกครองประเทศแห่งนี้ไปจนถึงปี 2036 ภายใต้การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติเห็นชอบเมื่อปีที่แล้ว
บริเวณด้านนอกศาล ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์พบเห็นตำรวจปราบจลาจลควบคุมตัวบรรดาผู้สนับสนุนของนาวาลนีไปราวๆ 70 คน หลังจากพวกเขามารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจนาวาลนี ขณะที่กลุ่มสังเกตการณ์ OVD-Info รายงานว่ามีผูู้ถูกจับกุมไปทั้งหมด 370 คน
นาวาลนี ใช้คำพิพากษาในวันอังคาร(2ม.ค.) ในความพยายามโจมตี ปูติน แต่ทางวังเคลมลินบอกว่าประธานาธิบดีรายนี้ไม่ได้ติดตามการพิจารณาคดีของนาวาลนีและยุ่งอยู่กับกิจการการงานต่างๆของรัฐ
อย่างไรก็ตาม ปูติน เคยกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม รายงานข่าวที่อ้างว่ารัฐรัสเซียเป็นผู้วางยาพิษนาวาลนีนั้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่มีสหรัฐฯหนุนหลัง ในความพยายามบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของเขา พร้อมระบุว่ามอสโกคงปิดจ็อบไปแล้ว หากว่าพวกเขาต้องการให้ นาวาลนี ตายจริงๆ
(ที่มา:รอยเตอร์)

 

ย่างกุ้งระอุ!! คนพม่าบีบแตรรถ-เคาะหม้อเคาะกระทะ แสดงการประท้วงรัฐประหาร
ทั่วนครย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าและเมืองใหญ่ที่สุดของพม่า มีเสียงอึกทึกจากการเคาะหม้อเคาะกระทะ ตลอดจนเสียง[u[แตรรถยนต์ได้ยินไปทั่ว ในช่วงค่ำคืนวันอังคาร (2 ก.พ.) กลายเป็นหนึ่งในสัญญาณอันชัดเจนที่สุดของสาธารณชน ซึ่งแสดงถึงการปฏิเสธไม่ยอมรับการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของกองทัพ และขับไล่รัฐบาลของนางอองซานซูจี
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายรายพากันไลฟ์สตรีม และโพสต์คลิปวิดีโอที่พวกเขาตลอดจนชาวเมืองคนอื่นๆ ออกมาชุมนุมกันอยู่ตามระเบียงของอพาร์ตเมนต์ แล้วตีหม้อตีกระทะซ้ำแล้วซ้ำอีก บางคนยังตะโกนคำขวัญต่อต้านการรัฐประหาร ขณะที่ แฮชแทก #voiceoutfordemocracy (ส่งเสียงออกมาเพื่อประชาธิปไตย) กลายเป็นแฮชแทกฮิตอันหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว
มีเสียงแตรรถยนต์ดังกระหึ่มขึ้นมาหลังเวลาย่างเข้าช่วงค่ำคืน เมื่อพวกคนขับแสดงการตอบสนองเสียงเรียกร้องผ่านทางสื่อสังคม ให้ร่วมกันรรณรงค์ต่อสู้แบบอารยะขัดขืน
“เพื่อแสดงความสนับสนุนประชาธิปไตยของพม่า จากบ้านเรือนของพวกเราเอง ทำให้เกิดเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการตีอะไรก็ตามที่คุณสามารถหาได้ (หม้อและกระทะ!) และตะโกนก้องเอาหัวใจของเราออกมา” เป็นข้อความที่โพสต์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง
ผู้ใช้คนอื่นๆ บอกว่า พวกเขาใช้วิธีร้องเพลงชาติ หรือตะโกนรับเมื่อได้ยินเสียงแตรรถและเสียงตีหม้อตีกระทะ
ซาน ติน ซึ่งสตรีมฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้บางส่วนทางเฟซบุ๊กไลฟ์ บอกกับรอยเตอร์ว่า จุดมุ่งหมายของการทำเช่นนี้ก็เพื่อขับไล่ปีศาจร้าย
บนเฟซบุ๊ก อันเป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมหลักที่นิยมกันในพม่า ผู้ใช้บางคนเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ของพวกเขามาเป็นภาพของ ซูจี หรือเรียกร้องให้ช่วยกันคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ซึ่งมาจากพวกกิจการที่โยงใยกับธุรกิจของพวกทหาร
มีเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินบางรายขู่ที่จะหยุดงาน ถึงแม้โรคระบาดโควิด-19 กำลังอาละวาดหนักในพม่าก็ตามที
ซูจีได้เตรียมแถลงการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วให้ประชาชนปฏิเสธไม่ยอมรับการทำรัฐประหารยึดอำนาจ ทั้งนี้ตามคำแถลงของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของเธอ ซึ่งชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนด้วยคะแนนถล่มทลาย
ทางด้านฝ่ายทหารออกมาเตือนในวันอังคาร (2) ว่า อย่าได้เผยแพร่คำแถลงเหล่านี้ทางสื่อมวลชนหรือในที่สาธารณะ ตลอดจนอย่าแพร่กระจายข่าวลือต่างๆ ทางสื่อสังคมซึ่งจะเป็นการยุยงให้เกิดการจลาจลและเกิดภาวะไร้เสถียรภาพขึ้นมา

 

วียดนามยืนยันโควิดระบาดระลอกใหม่เกิดจากสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์
.
.
.
รอยเตอร์ - กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามกล่าววันนี้ (2) ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ตรวจพบเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 276 คน และแพร่กระจายไปยัง 10 จังหวัดและนครต่างๆ มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ ที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
.
เป็นเวลา 6 วัน นับตั้งแต่การระบาดปรากฎขึ้นอีกครั้งในจ.หายเซวือง ทางภาคเหนือของประเทศ เหวียน แถ่ง ลอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขระบุในคำแถลงว่า การติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แต่การควบคุมเชื้อไวรัสในกรุงฮานอย ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 20 คน จะใช้เวลานานกว่า
.
“จากการวิเคราะห์ลำดับสารพันธุกรรมพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 12 ใน 276 คน เป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์อังกฤษ แต่อย่างไรก็ตามยังคงไม่ทราบแหล่งที่มาของการระบาดครั้งนี้” เหวียน แถ่ง ลอง กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
.
“เราจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบการสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด” รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าว
.
จากการดำเนินมาตรการตรวจหาเชื้อเชิงรุกในคนจำนวนมากและการกักโรคอย่างเข้มงวด ทำให้เวียดนามสามารถรักษาจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 1,851 คน และมีผู้เสียชีวิต 35 คน ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลกสำหรับการเป็นหนึ่งในประเทศที่ตอบสนองการแพร่ระบาดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
.
“ฮานอยต้องเพิ่มมาตรการสกัดกั้นเชื้อไวรัส กระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนฮานอยในการยกระดับขีดความสามารถในการตรวจหาเชื้อเป็น 40,000 ครั้งต่อวัน” เหวียน แถ่ง ลอง กล่าว
.
กรุงฮานอยได้เก็บตัวอย่างจากประชาชนแล้ว 15,000 ตัวอย่าง นับตั้งแต่เกิดการระบาดครั้งล่าสุด และเวลานี้ขีดความสามารถในการตรวจอยู่ที่ 5,000 ครั้งต่อวัน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสาธารณสุขของกรุงฮานอย กล่าว
.
เวียดนามอนุมัติรับรองวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกาเมื่อวันเสาร์ (30) หลังนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก กล่าวว่า ประเทศต้องมีวัคซีนภายในไตรมาสแรก และก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้กล่าวว่ากำลังการเจรจาจัดหาวัคซีนจำนวน 30 ล้านโดส โดยสื่อของรัฐรายงานว่าวัคซีนชุดแรกจำนวน 50,000 โดส จะมาถึงในเดือนมี.ค. และส่วนที่เหลือจะส่งมอบภายในเดือนมิ.ย.
.
.
https://mgronline.com/indochina/detail/9640000010543

 

“เยอรมัน” เปิดกว้างพร้อมใช้ “วัคซีนจีน-รัสเซีย” แก้ปัญหาวัคซีนขาดในประเทศ
.
.
.
เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – เยนส์ ชพาห์น (Jens Spahn) รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมันกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาที่จะใช้วัคซีนโควิด-19ของจีนและรัสเซียหากว่าEUอนุมัติเพื่อแก้ปัญหาวัคซีนโควิด-19เพียงพอในประเทศ นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ลั่นชาวเมืองเบียร์ทุกคนต้องได้ฉีดภายในสิ้นฤดูร้อนนี้
.
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(1 ก.พ)ว่า ในการแถลงของเยนส์ ชพาห์น (Jens Spahn) รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมันก่อนหน้าการประชุมซัมมิตฉุกเฉินวัคซีนโควิด-19ร่วมกับบริษัทยาผู้ผลิตเพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าในการแจกวัคซีนให้ประชาชน
.
การประชุมที่มีนายกรัฐมนตรีหญิง อังเกลา แมร์เคิล ที่จะนั่งเป็นประธานตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสาธารณะเรียกร้องให้การแจกจ่ายวัคซีนให้เร็วมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนเยอรมันแค่ 2 ล้านคนได้รับวัคซีนเปรียบเทียบกับอังกฤษที่สามารถให้วัคซีนกับประชาชนไปแล้วกว่า 10 ล้านคน แต่ทว่าเยอรมันได้แจกวัคซีนโควิด-19 สำหรับโดสที่ 2 ให้กับประชาชนของตัวเองมากกว่า
.
ชพาห์นชี้ว่า หากว่าวัคซีนได้รับการพิจารณาแล้วว่ามีความปลอดภัยและได้ผล ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญว่าเป็นชาติใดที่ผลิตวัคซีนเหล่านี้ขึ้นมา หากว่ามันได้ผล
.
รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมันชี้ว่า เขารู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเห็นความล่าช้าในการแจกจ่าย ซึ่งบรรดาผู้แสดงความเห็นต่างออกมาชี้ว่า ความกระตือรือล้นของรัฐบาลเยอรมันต่อการแก้ปัญหาเกิดขึ้นไม่กี่วันหลัง EU มีปัญหาความขัดแย้งกับอังกฤษในประเด็นวัคซีนโควิด-19ของบริษัทแอสตราเซเนกาเกี่ยวข้องกับจำนวนวัคซีนที่ทาง EU จะได้รับและการมีส่วนร่วมลงทุนในการคิดค้น
.
ชพาห์นเชื่อว่าในเวลานี้ 70% ของผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราเยอรมันได้รับภูมิคุ้มกันโควิด-19 ซึ่งเกิดขึ้น 1 ปีหลังการระบาดอย่างหนักในยุโรป เขากล่าวว่า “ซึ่งผมคิดว่าพวกเราค่อนข้างโชคดี”
.
ปัญหาโครงการแจกวัคซีนในเยอรมันเกิดขึ้นเนื่องมาจากมีจำนวนโดสไม่เพียงพอทำให้ในหลายภูมิภาคต้องประกาศยกเลิกโครงการฉีดวัคซีนไป ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายของเยอรมันต่างกล่าวโทษไปถึงสัญญาซื้อขายระหว่างบริษัทแอสตราเซเนกาและคณะกรรมาธิการยุโรปว่าข้อตกลงนั้นเลื่อนลอยและไม่สมบูรณ์โดยที่ไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงถึงสิ่งที่จะต้องถูกส่งและจะต้องเกิดขึ้นเมื่อใด
.
รอยเตอร์รายงานว่า แมร์เคิลได้ออกมาให้คำมั่นสัญญาในวันอังคาร(2)ว่า เธอจะต้องทำให้ประชาชนเยอรมันทุกคนได้รับวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ภายในสิ้นฤดูร้อนที่จะถึง
.
ซึ่งถึงแม้ว่าสำนักงานด้านการกำกับยาแห่งสหภาพยุโรป EMA จะอนุมัติการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทว่าผู้กำกับยาเยอรมันยังคงยืนยันที่จะไม่ให้มีการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาในกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 65 ปีขึ้นไปเนื่องมาจากขาดการทดลองในคนกลุ่มนี้
.
สอดคล้องกับโปแลนด์ที่ออกมาประกาศในวันอังคาร(2) โปแลนด์จะแจกวัคซีนแอสตราเซเนกาให้กับประชาชนอายุระหว่าง 18 ปี – 60 ปีเท่านั้น
.
เยอรมันรายงานตัวเลขโควิด-19 วันนี้(2)ว่า เยอรมันมีเคสใหม่เพิ่ม 6,114 คน และเสียชีวิตเพิ่ม 861 คน
.
และในวันเดียวกันนี้(2)สหภาพยุโรปได้ประกาศใช้มาตรการเข้มงวดต่อการเดินทางเข้ามาภายในดินแดนประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปของกลุ่มนักท่องเที่ยวนอกสังกัดอียู โดยชาวต่างชาติที่จะได้รับอนุญาตต้องมาจากประเทศที่มีเคสป่วยโรคโควิด-19น้อยมากหรือแทบไม่มีการระบาดของสายพันธุ์ต่างๆ
.
รอยเตอร์ชี้ว่า เอกอัครราชทูตชาติ EUต่างเห็นชอบต่อมาตรการบังคับใช้ใหม่ในที่ประชุมบรัสเซลส์ ซึ่งชาวต่างชาตินอกสหภาพยุโรปนั้นรวมไปถึง อังกฤษ และสหรัฐฯ
.
โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะได้รับอนุญาตเข้าสหภาพยุโรปต้องเดินทางมาจากประเทศที่ไม่มีเคสป่วยโควิด-19 มากกว่า 25 เคส/ประชากร 100,000 คนภายใน 14 วันของการเดินทาง ซึ่งเป็นอัตราการติดเชื้อที่ต่ำกว่าทุกประเทศในสหภาพยุโรป รอยเตอร์ชี้
.
ซึ่งมีบางชาติเป็นต้นว่า เยอรมัน ได้ออกมาตรการที่เข้มงวดมากกว่านั้น ขณะที่เบลเยียมสั่งห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็นเข้าและออกนอกประเทศไปจนถึงมีนาคม
.
และวันพฤหัสบดี(28 ม.ค)ทางEU ได้ตัด “ญี่ปุ่น” ออกจากกลุ่มประเทศที่สามารถเดินทางเข้ายุโรปโดยปราศจากข้อจำกัดทางโควิด-19
.
และในเวลานี้ทำให้มีแค่ 7 ประเทศเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตเดินทางเข้าสหภาพยุโรปได้แก่ ออสเตรเลีย จีน นิวซีแลนด์ รวันดา สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รวมไทยอยู่ในนั้น
.
ซึ่งภายใต้การเดินทางเข้ายุโรปแบบที่ไม่สำคัญ (non-essential travel) ชาติสมาชิกยุโรปได้รับการร้องขอให้อนุญาตเข้าสู่ประเทศโดยปราศจากการจำกัด เป็นต้นว่า คำสั่งการกักตัวภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด

 

#News1feed : ศบค. เผย มีการตรวจค้นหาเชิงรุกโควิด-19 แรงงาน 32,542 ราย 84 โรงงาน พื้นที่กรุงเทพมหานคร พบติดเชื้อไปแล้ว 46 ราย เขตที่มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดบางขุนเทียน 151 ราย

อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9640000011200
......................................................

 

#news1feed "อนุทิน" เผยจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วไปในเดือนมิถุนายน ทยอยฉีดเดือนละ 5 ล้านโดสไปจนถึงปลายปี ชี้ไม่ได้ถือว่าล่าช้าแต่อย่างใด แต่ตอนนี้ที่ต้องพยายามจัดการวัคซีนโควิด-19 มาก่อนกำหนด ยันครอบคลุมประชาชนจำนวน 50 ล้านคนแน่นอน

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9640000011198
………………………………

 

#News1feed : พบคุณหมอเจ้าของคลิยนิกป่วยติดเชื้อไวรัส-19 เป็นรายที่ 18 ของมหาสารคาม หลังตรวจคนไข้ที่เป็นผู้ติดเชื้อยืนยันตั้ง 3 รายที่มาตรวจไข้ขณะที่ยังไม่ค่อยมีอาการ ล้วนเป็นคลัสเตอร์โต๊ะแชร์ ซึ่งคลินิกของคุณหมอปิดตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค

อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9640000010945

 

#News1feed : ท่าขี้เหล็กกลับคืนภาวะปกติ การค้าไทย-พม่า คึกคักแล้ว..ขณะที่พม่าปล่อยตัวเครือข่าย NLD รัฐฉานเกือบหมด หลังล็อกตัวชั่วคราวระหว่างกองทัพพม่าปฏิวัติ

อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9640000010859
......................................................

 

04.02.21

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายประเทศ แสดงความกังวลเกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์ครั้งใหม่ ในขณะเดียวกันจำนวนผู้ติดเชื้อในหลายประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัด - ผช.ผอ FHI Espen Rostrup Nakstad มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้

1.ในขณะที่ นอร์เวย์ กำลังต่อสู้กับ ไวรัสกลายพันธุ์จากสหราชอณาจักร เดนมาร์ก และ สวีเดน แสดงความกังวลว่าอัตราการแพร่กระจายของไวรัสฯกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ ลดลงในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น นอร์เวย์ สวีเดน และ เดนมาร์ก รวมถึง สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เช่นกัน

2.ผช.ผอ FHI Nakstad อธิบายว่า กราฟที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ ทำให้เราเราคาดหวังว่ามันอาจจะเป็นจุดสิ้นสุดของการระบาดที่เรากำลังเผชิญอยู่ แต่เหตุผลที่สำคัฐที่สุดคือ อัตราการติดเชื้อที่ลดลงในหลายประเทศ เกิดขึ้นหลังจากนำ มาตรการควบคุมการติดเชื้อที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพ มาใช้เป็นเวลานานหลายสัปดาห์ ในบางประเทศถึงกับปิดสังคม/ปิดประเทศ

3.ก่อนวันคริสต์มาสปีที่แล้ว เดนมาร์ก มีผู้ติดเชื้อกว่า 3,000 รายต่อวันติดต่อกันหลายวัน โดยมีขุดสูงสุดคือวันที่ 16 ธันวาคม ถายใน 24 ชม. ชาวเดนมาร์กทั้งหมด 4,349 คน ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ แตหลังจากผ่านช่วงพีคไปแล้ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงต่ำกว่า 500 ราย ต่อวัน โดยมีผู้ติดเชื้อ 397 รายเมื่อวันที่ 02.01.21 ที่ผ่านมา

4.เช่นเดียวกับ ประเทศสวีเดน ที่มีอัตราการติดเชื้อลดลงในระดับประเทศ ทั้งใน สวีเดน และ เดนมาร์ก มีการนำมาตรการควบคุมการติดเชื้อใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้นมาใช้ก่อนวันคริสต์มาส
ทางด้าน สหราชอาณาจักร ปิดประเทศในระยะยาวเพื่อควบคุมอัตราการแพร่ระบาด

5.ผช.ผอ Nakstad กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงใน สวีเดน อาจคลาดเคลื่อนเนื่องจากความล่าช้าในการลงทะเบียนจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วง คริสต์มาสปีที่แล้ว แต่ถึงกระนั้น จำนวนผู้ติดเชื้อก็ยังลดลงไม่มากนัก และ จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงที่ จากข้อมูลการสุ่มตรวจของ Expressen พบว่าราว 11% ของตัวอย่างที่เป็นบวกใน สวีเดน ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ เนื่องจาก ไวรัสชนิดนี้ติดต่อกันได้ง่ายกว่ารุ่นเก่า มีการประมาณการว่า ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป จะมีผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นจำนวนมาก

6.เนื่องจากความสามารถในการแพร่กระจายได้เร็วกกว่า จำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นและเป็นการยากมากที่มาตรการใดจะสามารถควบคุมได้ ที่ผ่านมา ประเทศไอร์แลนด์ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเคสตัวอย่างหลายครั้ง จากประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำที่สุดในยุโรป และ มีการควบคุมดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แต่เนื่องจากเปิดประเทศในช่วงคริสต์มาส และมีบางอย่างผิดปรกติเกิดขึ้น ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนทวีคูณ จนในที่สุดกลายมาเป็นประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อสูงที่สุดประเทศหนึ่งของยุโรปในขณะนี้

7.นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ อธิบายสถานการณ์นี้ว่า มันคือ "คลื่นสึนามิของการติดเชื้อ" เช่นเดียวกับ สถานการณ์บนเกาะ Isle of Wight ของอังกฤษซึ่งพบว่ามี ผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ หลังการเฉลิมฉลองคริสต์มาส ซ้ำร้าย ได้มีการค้นพบไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาไต้ใน ประเทศอังกฤษ โดยที่ผู้ติดเชื้อไม่ได้เดินทางมาจาก แอฟริกาไต้ อีกด้วย

8.ในสหรัฐอเมริกา มีความกลัวว่า ไวรัสฯอังกฤษ จะส่งผลกระทบกับประเทศอย่างรุนแรงในช่วงฤดูหนาว และในเวลาเดียวกันมีการระบุผู้ติดเชื้อไวรัสฯแอฟริกาใต้ ใน เมืองลอสแองเจลิส มีการค้นพบไวรัสชนิดใหม่ซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า CAL 20C ผช.ผอ Nakstad กล่าวว่า หลายประเทศกำลังกลัวการระบาดระลอกที่ 3 ในช่วงที่ยังรอความสำเร็จของวัคซีน หากมีการค้นพบ ไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ มากขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ จะทำให้สถานการณ์รุนแรงเกินความควบคุมอย่างแน่นอน

....................................

อ่านรวมข่าว & มาตรการโคโรนา ของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

อ่าน คำคมข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/norgeutrykk


#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway


ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Ingunn Dorholt
Kjell Erik Berg (Grafikk)

ข่าวต้นฉบับ Dagbladet :
https://www.dagbladet.no/nyheter/smitten-stuper/73359913