มีผู้กล่าวว่า ถ้าจิต เกิดความคิดอะไรขึ้นมา เกิดความรู้อะไรขึ้นมา ให้พิจารณา สิ่งนั้น

ไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ย่อมมีจิตอยู่ จะพิมพ์จะพูดอะไร ทุกพิมพ์ของคุณ

 

มันไม่มีอะไรที่ มากไปกว่า ความเป็นกลางแล้ว

สติตัวแรก หรือ สติสัมโพชฌงค์ หรือ สัมมาสติ
จะเป้นต้นแบบ ให้ได้รู้จัก
สภาวะ ที่เรียกว่า ความเป็นกลางของจิต แค่ชั่วขณะ

ต้นทางของการภาวนา
ต้นทางของการเจริญปัญญา
ต้นทางของการพ้นทุกข์
ต้นทางของการรู้เท่าทันทุกข์ รู้เท่าทันอารมณ์จิตหรือรู้เท่าทันจิต

 

อรหันต์ไม่มีจิต?..ธาตุรู้ตัวนี้คือจิตมั้ย ตามความหมายหลวงพ่อเยื้อน จิตอวิชชาคือจิตอัตตา อรหันต์ไม่มีจิตคือจิตอัตตา(จิตอวิชชา) หรือป่าวหล่ะ

 

ลองฟังเทศน์ หลวงพ่อสงบ ดูครับ พระอรหันต์ไม่มีจิต

http://www.sa-ngob.com/search?keyword=พระอรหันต์ไม่มีจิต

พระอรหันต์ไม่มีจิต ถ้ามีจิตก็มีภพ มีภพก็มีที่ตั้ง มีที่ตั้งก็มีอวิชชา พระอรหันต์ถึงไม่มีจิต

 

ไม่เข้าใจ แรงเฉื่อย หรอ

ถ้าเข้าใจ แรงเฉื่อย จะ อ๋อ ไม่มีจิก ตั้งแต่ โซดาปะติดมัด แล้ว

ยกตัวอย่างชัด Super แรงเฉื่อยไม่มีใดเกิน "นางวิสาขา"
พอใจจะ อธิษฐาน ขอมี แรงเฉื่อยครบ7แซบ ก็เลยต้อง
เวียนมาร้องไห้เป็นเผาเต่าหลานรักเสีย ทุกแซบ พาหลาน
แซบไปด้วย หากหลานภาวนาเป็นก็ดีไป แต่ถ้าไม่ มิต้าทำ

 

ลองฟังเทศน์ หลวงพ่อสงบ ดูครับ พระอรหันต์ไม่มีจิต

http://www.sa-ngob.com/search?keyword=พระอรหันต์ไม่มีจิต

พระอรหันต์ไม่มีจิต ถ้ามีจิตก็มีภพ มีภพก็มีที่ตั้ง มีที่ตั้งก็มีอวิชชา พระอรหันต์ถึงไม่มีจิต

 

ลพ.เยื้อนก็ตอบเคลียร์แล้วค่ะ ไม่มีจิตในที่นี้คือจิตอวิชชา ถ้าวางจิตอวิชชายังไม่ได้ ภพชาติก็ต้องมีแน่นอน

 

ให้ สาวก อธิบายธรรม โดยที่ เป็นบุคคล ละ นิสัย ได้ไม่หมด

อธิบายไป ก็ไม่พ้น สัจจ อาการที่ละนิสัยไม่หมด

เอะอะ เดี๋ยวก็ คุณหนู วันยันค่ำ ทำกว่านี้ไม่ได้ เพราะ ผิดสัจจ ต้นขั้วเช็ค !!!

มีจิต หรือไม่มีจิต หรือ มีก็ไม่ใช่ไม่มีก็ไม่เชิง

เป็น คำที่ไม่ใช่ เบื้องต้นพรหมจรรย์ เป็นการพอกพูล
ความลำบากเปล่าแก่ผู้ทำสิกขา พยักหน้าโลด

 

จิตงอกลับ/ล่วงส่วน/วิราคะ/ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า

กล่าวสิ่งนี้ให้มันปรากฏได้ก่อน

เซเบลอ ค่อย พยักหน้า

 

ขนาด อินทรีย์ยอดเยี่ยม สองวัน ผั๊วะ

สุดท้าย


คุณหนู คุณหนู <------

 

พระอรหันต์ทั้งหลายจิตไม่มี

พระอรหันต์ทั้งหลาย
จิตไม่มี มีแต่สติ
เพราะจิตสังขารมันเป็นตัวสังขาร
สังขารไม่มีในจิตพระอรหันต์
#หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

 

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๓
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี​

ฉะนั้นเวลาเราพูดไปนะเราพูดเอง เขาบอกว่า “จิตพระอรหันต์เป็นอย่างนั้น จิตพระอรหันต์เป็นอย่างนี้” เราบอกว่า “พระอรหันต์ไม่มีจิตหรอก” หลวงตาบอกว่า “เป็นธรรมธาตุ”

ถ้ามีจิตก็คือมีภพ มีภพก็มีสถานที่ เหมือนเรายังมีบ้านอยู่ แล้วเราบอกว่าเราเป็นคนปราศจากบ้านได้ไหม ถ้าเราเป็นคนปราศจากบ้าน เราต้องทำลายบ้านเราก่อน หรือบ้านเราโอนให้คนอื่นเขาไปซะ เราถึงจะเป็นคนไม่มีบ้าน แต่ถ้าเรายังมีบ้านอยู่ อย่างโยมมานั่งอยู่นี่โยมมีบ้านไหม ทุกคนต้องกลับบ้าน แต่ถ้าคนที่เขาทำลายบ้าน หรือบ้านเรานี่ไม่ทำลายก็ได้ แต่โอนให้คนอื่นไปหมดแล้ว ให้คนอื่นเข้าไปอยู่อาศัยหมดแล้ว เราไม่มีที่อยู่แล้ว เราถึงว่าเราไม่มีบ้าน

แล้วที่เขาถามว่า “พระอรหันต์ไม่มีจิต หมายถึงว่าทำลายจิตหมดแล้ว ทำลายกิเลสอาสวะหมดสิ้น”

ถ้าพระอรหันต์ยังมีบ้านอยู่ พระอรหันต์ยังมีจิตอยู่ แสดงว่าพระอรหันต์ต้องกลับที่บ้านนั้นใช่ไหม ถ้าเรายังมีบ้านอยู่ใช่ไหม เรามีบ้านอยู่เรามีสมบัติอยู่ที่บ้านนั้น เราจะต้องกลับไปรักษาสมบัติเราไหม เราต้องกลับไปรักษาสมบัติของเรา แต่ถ้าบ้านเรานี้ เราโอนให้คนอื่นหมดแล้ว เสียสละให้คนอื่นหมดเลย ยกให้คนอื่นหมดเลย เราเป็นคนที่ไม่มีบ้านแล้ว เราออกมาอยู่ในที่แจ้ง เราจะอยู่ตามประสาเรา

นี่ไงมันไม่มีบ้านก็คือไม่มีจิต ฉะนั้นเวลาพูดอย่างนี้ นี่คือพูดเปรียบเทียบ

แต่ถ้าไม่มีจิต เวลาหลวงตาท่านบอกว่า “จิตพระอรหันต์เป็นอย่างนั้น จิตพระอรหันต์เป็นอย่างนี้” คำว่าจิตพระอรหันต์เป็นอย่างนั้น คือมันเป็นสมมุติ มันเป็นภาษา.. ภาษาที่เราจะสื่อสอนกับเด็กๆ ภาษาที่เราจะสอนกับผู้ที่เป็นผู้วางรากฐานให้อนุชนรุ่นหลัง

ให้อนุชนรุ่นหลังนะ ว่า “จิตพระอรหันต์เป็นอย่างนั้นๆ” เป็นประเด็นเป็นเป้าหมายที่จะให้เราจับต้อง ที่เราเอามาวิเคราะห์วิจัยกันได้ เพราะพระอรหันต์ไม่มีจิต ไม่มีสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น แต่บอกว่าเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ เพื่อให้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติเขามีเป้าหมายของเขา พอเขามีเป้าหมายของเขา เขาก็จับของเขา

นี่พูดถึงเวลาอธิบายให้กับอนุชนรุ่นหลัง อธิบายให้ศาสนทายาท เพื่อที่เขาจะมีเครื่องดำเนินให้เข้าไปสู่เป้าหมาย “มีเป้าหมาย แล้วดำเนินเข้าไปสู่เป้าหมาย” ฟังแล้วงงไหม

ฉะนั้นเราจะบอกว่า นี่ผู้ที่มีเป้าหมาย เวลาครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า “จิตเป็นพระอรหันต์เป็นอย่างนั้นๆนะ” คือท่านพูดเป็นอุบาย พูดเป็นการสมมุติ.. สมมุติให้เห็นว่า สิ่งใดเป็นเป้าหมายที่เราจะเข้าไปสู้เป้าหมายนั้น ถ้าพวกเราไม่มีเป้าหมายที่จะเข้าไปสู่จุดนั้นเลย แล้วเราจะไปอยู่ไหนกัน

ฉะนั้นเวลาท่านพูดนะ ท่านไม่ได้พูดว่าพระอรหันต์มีจิตจริงๆ ท่านพูดถึงเพื่อเป้าหมาย เป็นวิธีการให้คนเข้าไปสู่เป้าหมายนั้น

แต่เวลาเราพูดถึงครูบาอาจารย์กับผู้ที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา นี่ท่านบอกว่า “เป็นธรรมธาตุ” พระอรหันต์ไม่มี ไม่มีอะไรเลย.. เป็นธรรมหมด ! เป็นธรรมหมดเลย เป็นธรรมทั้งสิ้น ! เป็นสัจธรรมทั้งสิ้น ! ไม่มีอะไรเลย ไม่มีสิ่งใดจับต้องได้เลย อันนี้ถึงจะเป็นความจริง

แต่คนที่ไม่มีหลักมีเกณฑ์ใช่ไหม พอบอกจิตพระอรหันต์เป็นอย่างนั้น มันก็เลยยึดเลยว่าจิตพระอรหันต์เป็นอย่างนั้น

http://www.sa-ngob.com/sermon-morning-detail/2599

อ่านต่อได้ในลิ้งครับ

 

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ไม่ คุณหนู ก็ <-- การ้อง คลิกหน่อยจิ๊

 

เอาง่ายๆ เอา เอาพระสูตรมา อรหันต์ไม่มีจิต จบ

 

คุณsaber เข้าใจคำว่ามีแต่สติของ ลป.มั่นยังไงละคะ

และรวมบทความ ลพ.สงบ ด้วย
ท่านก็หมายถึงไม่มีจิตอวิชชา

ถ้าให้นิยามตามคำสมมุติที่พูดให้คนพอเข้าใจกันได้ ก็ธาตุรู้ เป็นรู้แบบอิสระเสรีไม่อยู่ในอำนาจจิตอวิชชา ไม่มีใครบงการจิตผ่านลูกกรง แต่เป็นรู้อิสระเสรี รู้ที่ไม่หยิบฉวยอะไรขึ้นมาเป็นเราเป็นของเรา

 

เดี๋ยว สีทะนนชัย

ก็มาเอามาเป็นประเด็นไปเรื่อย

เช่น ไม่มีบ้านก็เป็นคน เร่ร่อน
ค่ำไหนนอนนั่น จิตค่ำไหนนอนนั่น ใต้สะพานลอยเอย
ใต้ต้นไม้เอย ริมฟุตบาทเอย

 

โควิด ไม่ได้ระบาดรอบสองนะจ๊ะ
เราเรียกว่า ระบาด ระรอกใหม่
น้ำท่วมไม่มีนะจ๊ะ มีแต่น้ำรอการระบาย
แบบนี้ก็ได้หรอ

 

โควิดระบาดไปอีสานหลายที่แล้ว คงจะทั่ว ปท.เร็วๆ นี้อย่าลืมซื้อแมส แอลกอฮอล์ เก็บตุนไว้กันนะ

 

[๓๔๙] ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน
อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในที่ไหน
นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในที่ไหน ดังนี้.
ในปัญหานั้น มีพยากรณ์ดังต่อไปนี้
[๓๕๐] ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใส โดยประการทั้งปวง
ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้.
อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ใน
ธรรมชาตินี้.
นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้.
เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ ดังนี้.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว. เกวัฏฏ์ คฤหบดีบุตรมีใจชื่นชม เพลิดเพลิน
ภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.


อ่านดีๆ นะฮับ

อย่าอ่านแล้ว เข้าใจว่า ทรงกล่าวเป็น บัญญัติ ให้พยักหน้า

ต้องเข้าใจสำนวนโบราณที่เขียนว่า ....

" ในปัญหานั้น มีพยากรณ์ดังต่อไปนี้ "

มันเป็น ภาษา ท้าทายให้ พิสูจน์ ลงมือทำ

" หาให้เจอ สิ่งที่มหาภูตรูปดับใน .... นี้
แล้ว ... นั้น ย่อมไม่มี ............ "

พอเข้าใจ ลักษณะ คำสอน นวสัตถุศาสน์ ไหมฮับ

ถ้าไม่เข้าใจ ก็จะทำแบบ สาวกทั่วๆไป พอกล่าว
ไม่ได้ ก็ คุณหนู ไม่ก็ กระติก <--- " การ้อง คลิกซิจ๊ะ อ่ววววมมมม "

 

ธรรมธาตุ” ครับ ไม่มีจิต