ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประเทศจีนบนปากของหายนะภัยพิบัติ
    ผู้เชี่ยวชาญ: เขื่อนสามโตรกสามารถยุบได้ NTD | เขื่อนสามโตรกแยกออกจากกัน 2020/07/23

    # 7_of_10
    https://poleshift.ning.com/profiles/blogs/7-of-10-sequence
    เขื่อนที่มีความเสี่ยง
    https://poleshift.ning.com/profiles/blogs/crumbling-dams-65-foot-crack-found-in-washington-state-dam
    FB_IMG_1595602469344.jpg
    CHINA on the brink of cataclysmic disaster.
    Expert: Three Gorges Dam Could Collapse | NTD | Three Gorges Dam is breaking apart. 7/23/2020

    #7_of_10
    https://poleshift.ning.com/profiles/blogs/7-of-10-sequence
    Dams at Risk
    https://poleshift.ning.com/profiles/blogs/crumbling-dams-65-foot-crack-found-in-washington-state-dam

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวียดนาม : ดานัง 24 กรฎาคม ชายวัย60 ติดเชื้อโควิดปริศนาไม่รู้ที่มา ไม่เคยเดินทางออกต่างจังหวัด
    # ประวัติชายคนนี้มานอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลในดานังวันที่ 10 ก.ค จากนั้นช่วง 19-20 ก.ค.มีอาการไข้ ไอ เหนื่อยเข้ารักษาใน รพ.วันที่ 23 ตรวจมีไข้ มีอาการผิดปกติในปอด ผลตรวจซ้ำมีผลบวกโควิด 19 ผู้ป่วยได้ทดสอบไวรัส SARS-CoV-2 3 ครั้งใน รพ.ที่ดานังด้วยวิธี RT-PCR ผลยืนยันบวกกับโควิด 19 แต่ทางเวียดนามยังไม่ประกาศเนื่องจากส่งตัวอย่างไปตรวจ CDC ในนาตรัง รอยืนยันผลอีกครั้ง
    # ชายคนดังกล่าวไม่มีประวัติเดินทางออกจาก ดานัง มีสัมผัสคนใกล้ชิดมากกว่า 5 คน และสัมผัสพูดคุย พบปะ 90 คน
    # ทางศูนย์ป้องกันโควิดเวียดนาม กำลังพิจารณาว่าจะหยุดล็อคดาวน์ในดานังหรือไม่ ..? อาทิการเดินทาง สนามบิน กิจกรรมการท่องเที่ยว แอดมินจะแจ้งอีกครั้ง

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิจัยเผย 50% ข้อความ text คุยงาน ‘สื่อสารผิดความหมาย’ Emoji คือทางออก ช่วยสื่ออารมณ์ได้ดีกว่า
    .
    ปัจจุบัน วิธีการสื่อสารระหว่างทีมงานและติดต่องานระหว่างบริษัทกับลูกค้า ไม่ได้เป็นแบบต้องเจอหน้าเพื่อพูดคุยหรือดีลกันเสมอไป เพราะสามารถใช้ช่องทางออนไลน์ได้ โดยหนึ่งในวิธีที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ การส่งข้อความผ่านแอปสนทนาหรือการแชท และการส่งอีเมล เพราะสะดวก และสามารถติดต่อหากันได้ตลอดเวลาแม้ไม่เจอกันโดยตรง
    .
    Nick Morgan ผู้เขียนหนังสือชื่อดัง ‘Can You Hear Me? How to Connect with People in a Virtual World,‘ เผยว่า การส่งข้อความหากันเพียงอย่างเดียวโดยไม่เห็นสีหน้าและไม่ได้ยินเสียงของแต่ละฝ่าย มักทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งตามสถิติระบุ มีผู้เข้าใจความหมายของข้อความที่ส่งออกมาได้ถูกต้องตามความหมายจริงๆ เพียง 50% เท่านั้น
    นั่นหมายความว่า เวลาเราส่งข้อความหากัน มีโอกาสที่ผู้รับข้อความไม่เข้าใจความหมายที่เราต้องการสื่อถึง 50-50 ทีเดียว อย่างเช่นคำว่า Nice job หรือ Great work ที่นิยมส่งหากัน ดูเผินๆเป็นความหมายที่ดี เป็นคำชม ‘ยอดเยี่ยมมาก’ แต่ Morgan เผย 60% ของผู้รับข้อความซึ่งใช้สองคำนี้ มองว่า เป็นความหมายเชิงประชดประชัน ไม่ได้ชมจริง
    .
    สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตีความหมายผิด และโดยส่วนใหญ่ตีความไปในเชิงลบ มาจากมนุษย์มักมีอคติหรือการคิดเชิงลบเอาไว้ก่อนเพื่อเป็นการป้องกันตนเอง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ยังไม่ชัดเจน อย่างการส่งข้อความ เห็นแต่ตัวหนังสือ ไม่สามารถยืนยันถึงเจตนา น้ำเสียง หรืออารมณ์ของผู้ส่ง ผู้รับจึงมักตีความหมายเชิงลบเพื่อเป็นเกราะป้องกันเอาไว้ก่อน เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่ยุคมนุษย์ถ้ำที่ต้องระแวดระวังภัยจากสัตว์ป่าอยู่เสมอ
    .
    เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งข้อความ โดยให้ผู้รับสารเข้าใจความหมายรวมถึงเจตนา น้ำเสียงหรืออารมณ์ของผู้ส่ง ด้วยวิธีการง่ายๆ ‘ใช้ Emoji ‘ สัญลักษณ์หรือรูปภาพเล็กๆใช้แสดงอารมณ์ โดยพบว่า Emoji ยังสามารถยกระดับความสัมพันธ์ของสองฝ่ายให้แนบแน่นมากขึ้น แม้คุยกันผ่านตัวหนังสืออย่างเดียว เนื่องจากพอนำ Emoji เข้ามาอยู่ในข้อความ ต่างฝ่ายต่างสามารถจินตนาการความรู้สึกและอารมณ์ของอีกฝ่ายได้ชัดเจนขึ้น
    .
    โดยตอนนี้ Emoji ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เห็นได้จาก
    ‘ออกซ์ฟอร์ด อิงลิช ดิกชันนารี’ พจนานุกรมภาษาอังกฤษที่ทั่วโลกต่างยอมรับ ทำการจัดอันดับ Word of the Year ศัพท์แห่งปี ประจำปี 2015 ซึ่งในปีนั้น Emoji รูปยิ้มทั้งน้ำตา กลายเป็นศัพท์แห่งปี แทนที่จะเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษทั่วไป
    .
    แม้ Emoji เริ่มถูกใช้ในการสนทนาหรือพูดคุยในการทำงานมากขึ้น แต่ต้องระวังเรื่อง ‘ช่วงวัย’ เพราะกลุ่มคนทำงานวัย Gen X และ Baby Boomer หรือกล่าวได้ว่า ช่วงอายุ 40-45ปีขึ้นไป ยังคงต่อต้านการใช้ Emoji โดยมองว่า ‘ไม่เป็นมืออาชีพ’
    .
    กลุ่มที่นิยมใช้ Emoji ในการพูดคุยทั่วไป รวมถึงการงานและทางธุรกิจ มากที่สุด ได้แก่ Gen Z ที่เริ่มเข้าสู่การทำงาน (18-23ปี) และMillennial (อายุ 24-39) โดย 39%ของ Gen Z ใช้การพิมพ์สัญลักษณ์หรือรูปแทนอารมณ์ ทุกครั้งเวลาคุยผ่านข้อความ และ 58%ของคนเจนนี้ ยังมองว่าการกระทำเช่นนี้มีส่วนให้การสนทนาเข้าถึงอารมณ์ได้จริง ส่วน 48% ของกลุ่ม Millennial เห็นด้วยเช่นกัน
    .
    อ้างอิงจาก

    https://www.entrepreneur.com/amphtml/346802

    #OnUFO #Emoji #Text #Workplace

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่ม EU ใช้ไฟฟ้าพลังงานสีเขียวเพิ่มขึ้น ผลิตมากกว่าพลังงานเดิมเป็นครั้งแรก โปรตุเกสลด 95% หลังปิดรง.ไฟฟ้าถ่านหิน
    .
    การพัฒนาพลังงานทดแทนหรือพลังงานสีเขียวเพื่อใช้แทนพลังงานรูปแบบเดิมที่ปล่อยคาร์บอนปริมาณมหาศาล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน กลายเป็นนโยบายสำคัญของหลายประเทศ อย่าง 27 ประเทศ กลุ่มสหภาคยุโรป หรือ EU เตรียมทุ่มงบประมาณหลายพันล้านยูโร เพื่อฟื้นฟูหลังวิกฤติการระบาด COVID-19 และ เดินหน้าลดปริมาณคาร์บอน หลังมีสัญญาณดีในช่วงล็อคดาวน์หนีโรคระบาด ครึ่งปีแรกของปีนี้ 2020 กลุ่มประเทศ EU ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนมากถึง 40% ซึ่งมากกว่าไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ) ที่ลดลงเหลือ 34%

    โดยถือเป็นครั้งแรกของยุโรปที่การใช้ไฟฟ้าพลังงานทดแทนมีปริมาณมากกว่าแหล่งพลังงานเดิม
    .
    สาเหตุสำคัญที่ไฟฟ้าพลังงานฟอสซิลมีปริมาณลดลง เนื่องจากการล็อคดาวน์ ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดน้อยลงจากภาวะปกติ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทน เช่น ลม โซลาร์เซลล์ และพลังงานน้ำ เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ
    .
    Ember กลุ่มนักคิดนักวิจัยอิสระเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและการใช้พลังงานทดแทน เผยว่า ครึ่งปีที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มประเทศ EU ลดลง 7% โดยการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานฟอสซิลลดน้อยลง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนกลับพุ่งสูงขึ้น 11%
    .
    ในกลุ่มเชื้อเพลิงฟอสซิล ไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงมากที่สุด ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพแวดล้อม อย่างที่ทราบกันดีว่า ถ่านหินเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานปล่อยคาร์บอนและสร้างมลพิษอันดับต้นๆของโลก โดยพลังงานจากถ่านหินในประเทศต่างๆทั่ว EU ลดลง 32% โดยหลายประเทศเริ่มปิดโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน
    .
    การใช้ไฟฟ้าถ่านหินในโปรตุเกสลดลงมากถึง 95% มาจากการปิดโรงงานถ่านหินแทบทั้งประเทศ มีรายงานว่า สองแห่งสุดท้ายกำลังจะถูกปิดภายในเดือนพฤศจิกายน 2021 ด้านออสเตรีย และสวีเดน ปิดแห่งสุดท้ายเรียบร้อยแล้วเมื่อมีนาคมปีนี้
    .
    สำหรับประเทศเยอรมนี และโปแลนด์ ครองอันดับ1และ2 ใช้พลังงานไฟฟ้าถ่านหินมากที่สุดใน EU ครึ่งปีแรก 2019 แต่ เมื่อเยอรมนีซึ่งมีแผนปิดโรงงานไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดในปี 2038 ใช้พลังงานไฟฟ้าถ่านหินครึ่งปีแรก 2020 ลดลงฮวบ จึงทำให้โปแลนด์ที่อัตราการใช้พลังงานถ่านหินลดลงเช่นกันแต่ยังถือว่ามากสุดใน EU ตอนนี้ แซงหน้าขึ้นเบอร์ 1 แทน
    .
    อ้างอิงจาก:
    https://bloom.bg/2WJ8nEc

    https://bit.ly/3jz3W98

    ภาพจาก:
    https://bit.ly/2D3l6KU

    #OnUFO #GreenPower #RenewableEnergy #FossilFuel #EU #Europe

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ธุรกิจเกมอเมริกา’ โตไม่หยุดแม้เจอโควิด ครึ่งปีแรกกวาดเม็ดเงิน 6.6 พันล้านดอลล์ Nintendo Switch ครองแชมป์ขายดี
    .
    ขณะที่หลายธุรกิจ เช่น สายการบิน โรงภาพยนตร์ โรงแรมที่พัก สถานประกอบการในสายท่องเที่ยว และธุรกิจอื่นๆอีกจำนวนไม่น้อย กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติแพร่ระบาด COVID-19 บางแห่งถึงขั้นต้องปิดตัว แต่ก็มีอีกหลายธุรกิจเช่นกันที่ได้รับผลเชิงบวก ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จากวิกฤติครั้งนี้
    .
    NPD บริษัทวิจัยตลาด เผยว่า อุตสาหกรรมเกมเป็นหนึ่งในธุรกิจซึ่งได้รับอานิสงค์ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เม็ดเงินอุตสาหกรรมเกมในอเมริกา ทะลุ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 26% จากปี 2019 และเป็นตัวเลขสูงสุดของเดือนมิถุนายน นับตั้งแต่เดือนเดียวกันในปี 2009 โดยครึ่งปีแรกของ 2020 วงการเกมมีการใช้จ่ายที่ทำให้เงินสะพัดถึง 6,600 ล้านเหรียญ สูงที่สุดเป็นสถิติ หลังจากที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2010 ณ ตอนนั้น ตัวเลขอยู่ที่แตะ 7,000 ล้านดอลลาร์
    .
    ถ้าดูแค่ตลาดซอฟต์แวร์เกมอย่างเดียว เราก็ได้เห็นเม็ดเงินค่อนข้างมหาศาลเช่นกัน โดยทำรายได้ 570 ล้านดอลลาร์ในมิถุนายน เติบโต 49% จาก 2019 ซึ่งเกม The Last of Us: Part II ครองยอดขายสูงสุดประจำเดือน และอันดับ 3 ประจำปี
    .
    Ring Fit Adventure เกมออกกำลังกาย บนแพลตฟอร์มเครื่อง Switch ของ Nintendo ก็สร้างยอดขายแบบก้าวกระโดด ติดอันดับที่ 7 หลังจากอยู่อันดับ 835 ในเดือนพฤษภาคม โดยยอดขายถล่มทลายของ Ring Fit Adventure ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการออกกำลังกายของผู้คน ซึ่งตอนนี้ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถออกนอกบ้านได้ เนื่องจาก COVID-19 และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยทำให้ Nintendo Switch ยังคงครองแชมป์ยอดขายเครื่องเกมคอนโซลอย่างต่อเนื่องในปีนี้
    .
    อ้างอิงจาก:
    https://techcrunch.com/2020/07/17/gaming-sales-had-another-great-month-in-june/

    #OnUFO #Gaming #Industry #Nintendo #Switch #TheLastofUs #NPD #USA #COVID19

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิทย์พบทางรักษา ‘อาการติดยาซ้ำ’ หลังปลูกถ่ายสมองลบความจำ ‘อยากยา’ ประสบความสำเร็จในหนูทดลอง
    .
    อาการเสพติด ไม่ว่าจะเสพติดยา เหล้าเบียร์ บุหรี่ หรือแม้กระทั่งยารักษาอาการเจ็บปวดอย่าง มอร์ฟีน หากต้องการรักษา ให้หายขาด ขั้นตอนที่ยากที่สุด คือ ทำให้หายขาด ไม่กลับมาติดซ้ำ เพราะผู้มีอาการเสพติดจำนวนมากกลับมาติดอีกรอบ
    .
    สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนได้ศึกษาวิจัยและคิดค้นหนทางการรักษาการเสพติดมอร์ฟีนและยาแก้ปวด โดยการเข้าไปขัดขวางเส้นทางการตอบสนองต่อมอร์ฟีน โดยเฉพาะอาการถอนยา ซึ่งเสมือนลบความทรงจำส่วนที่เกี่ยวกับความเคยชินและติดยาเหล่านั้นออกไป
    นักวิจัยทดลองในสมองของหนูที่ถูกทำให้ติดมอร์ฟีน จากนั้นปลูกถ่ายใส่ใยแก้วนำแสงเข้าไป และให้แสงสว่างสมองบริเวณที่เรียกว่า paraventricular thalamus และหยุดอาการถอนยา เนื่องจากนักวิจัยพบว่า การเจ็บปวดและทรมานจากอาการถอนยา ทำให้ผู้ติดยากลับมาเสพยาอีก ไม่เว้นแม้กระทั่งหนูทดลอง
    .
    ผลจากกระบวนการดังกล่าว ช่วยให้หนูทดลองไม่เกิดอาการอยากยาหรือกลับมาใช้ยาซ้ำอีก กล่าวคือไม่มีพฤติกรรมโหยหามอร์ฟีน และแม้ว่าจะนำมอร์ฟีนไปใช้กับหนูทดลองเหล่านั้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบสนอง ราวกับว่าความทรงจำที่มีต่อมอร์ฟีนได้หายไปหมดแล้ว แม้เวลาจะผ่านไป 2 สัปดาห์แล้วก็ตาม แต่ยังไม่ได้มีการทดสอบอีกครั้งสำหรับระยะเวลาที่นานกว่า 2 สัปดาห์
    .
    ก่อนหน้านี้ แพทย์ในจีนและอเมริกาได้ทำการรักษาผู้ป่วยติดยาเสพติดด้วยการผ่าตัดศีรษะและกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้า เพื่อช่วยให้หายจากอาการเสพติด โดยแพทย์เลือกใช้วิธีนี้หลังจากรักษาผู้ป่วยตามวิธีปกติแต่ไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งคล้ายกับการปลูกถ่ายสมองใส่ใยแก้วนำแสงดังที่อ้างถึงในงานวิจัยข้างต้น ดังนั้นจึงอาจนำมาใช้กับมนุษย์จริงๆในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการศึกษาวิจัยถึงประสิทธิภาพเพิ่มเติมอีก
    .
    สามารถอ่านรายละเอียดงานวิจัยชิ้นนี้ ตีพิมพ์ใน วารสาร Neural เมื่อ 16 กรกฎาคม 2020 ได้ที่ https://www.cell.com/neuron/pdf/S0896-6273(20)30482-7.pdf

    อ้างอิงจาก:
    https://futurism.com/neoscope/scientists-hack-mouse-brains-delete-opioid-addiction
    https://scienceblog.com/517390/erasing-memories-to-stop-drug-relapse/
    https://futurism.com/neoscope/new-trial-brain-implants-fight-drug-addiction

    #OnUFO #OpioidAddiction #แก้ปัญหาติดยา

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้หญิงอเมริกันเสี่ยงตกงานช่วงโควิด ทำงาน WFH มีภาระ ‘เลี้ยงลูก’ ‘งานบ้าน’ ประสิทธิภาพการทำงานลดลงกว่าฝ่ายชาย
    .
    วิกฤติการระบาด COVID-19 ที่ทั่วโลกกำลังเจออยู่ในขณะนี้ กำลังส่งผลกระทบกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเศรษฐกิจระดับโลก ระดับประเทศ จนไปถึงระดับเล็กสุด คือตัวครอบครัวและบุคคล โดยเฉพาะวิถีการทำงาน ซึ่งถูกเปลี่ยนมาทำงานแบบ Work from Home หรือ WFH มากขึ้น เราจึงอาจไม่รู้สึกถึงผลกระทบมากนัก เพราะยังมีงานทำอยู่

    แต่สำหรับผู้หญิงที่มีลูกมีครอบครัวในอเมริกา กำลังจะตกงาน ไม่ใช่เพราะบริษัทไปต่อไม่ได้ แต่ ‘การทำงานที่บ้าน ต้องรับผิดชอบภาระงานบ้านและดูแลลูกมากขึ้น เบียดเบียนเวลาทำงานของบริษัท’
    .
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำการศึกษาข้อมูลการทำงานของคู่สามีภรรยา ที่มีลูก ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 60,000 ครอบครัว พบว่า
    ครอบครัวที่ทั้งสามีและภรรยาทำงาน WFH ฝ่ายสามียังคงสามารถทำงานได้ปกติ จำนวนชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมง ขณะที่ภรรยาส่วนใหญ่ ไม่สามารถทำงานได้จำนวนชั่วโมงตามปกติ โดยลดลงประมาณ 5% หรือ 2 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ เนื่องจากต้องรับภาระงานบ้านและดูแลลูกๆ ที่อยู่บ้าน ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ช่วง COVID-19 เช่นกัน ซึ่งกลายเป็นว่า ความไม่เท่าเทียมทางเพศ ได้กลับมาสู่อเมริกันชน ช่วงวิกฤติโรคระบาด
    .
    สำหรับสาเหตุความไม่เท่าเทียมทางเพศ ที่ผู้หญิงต้องรับหน้าที่ดูแลบ้านเพียงอย่างเดียว เหมือนกับสมัยโบราณ ‘ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง’ ยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่ทีมวิจัยวิเคราะห์ว่า อาจเกิดจากภาวะเศรษฐกิจก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการเงิน และส่วนใหญ่สามีเป็นฝ่ายมีรายได้สูงกว่าภรรยา จึงต้องโฟกัสไปที่งานของสามี ขณะที่ภรรยาช่วยแบ่งเบาภาระในบ้านแทน เพื่อรักษารายได้ส่วนใหญ่ของบ้านเอาไว้
    .
    แต่สิ่งที่แน่ชัดตามความเห็นของเจ้าของงานวิจัยชิ้นนี้ ระบุว่า ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของสามีภรรยาที่กำลังเกิดขึ้นในหลายครอบครัวระหว่างการอยู่บ้านหนีการแพร่ระบาด มีความเป็นไปได้สูงที่ส่งผลกระทบระยะยาวต่อหน้าที่การงานของฝ่ายหญิง
    .
    เพราะปัจจุบัน เริ่มมีบริษัทและผู้ประกอบการในอเมริกาจำนวนไม่น้อย หาทางรัดเข็มขัด ลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ โดยจำนวนมากเลือกปลดพนักงาน และจากประสิทธิภาพการทำงานลดลงของเหล่าภรรยา มันก็อาจทำให้บริษัทตัดสินใจปลดพวกเธอออกจากงาน หรือโชคดีหน่อย ยังได้ทำงานต่อ แต่เงินเดือนและการเลื่อนตำแหน่งคงหยุดชะงักไปสักพักใหญ่ๆ
    .
    อ้างอิงจาก:

    https://www.futurity.org/pandemic-gender-gap-working-mothers-2405402-2/
    https://source.wustl.edu/2020/07/mothers-paid-work-suffers-during-pandemic-study-finds/

    ภาพจาก:
    https://bit.ly/30vwJTg

    #OnUFO #USA #Working #Mothers #Inequality #COVID19

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราคาโลหะเงินพุ่ง 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดตั้งแต่ปี 2016 ผลพวงวิกฤติโควิด ฟื้นฟูอุตสาหกรรมต้องการโลหะเงินเพิ่มขึ้น
    .
    ขณะที่ราคาทองคำในไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและกำลังจะไปแตะระดับ บาทละ 30,000 บาท ราคาโลหะ ‘เงิน’ อีกหนึ่งโลหะที่ควบคู่มากับทอง ราคาในตลาดโลกก็สูงขึ้นไปอยู่ที่ 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดตั้งแต่ปี 2016 โดยโลหะเงินเป็นราคาสูงขึ้นในช่วงวิกฤติโรคระบาด เนื่องจากเหมืองส่วนใหญ่ถูกปิด อย่างยิ่งในแถบลาตินอเมริกา ประเทศเม็กซิโก เป็นแหล่งผลิตโลหะเงินรายใหญ่ แต่หลายอุตสาหกรรมยังคงต้องการเงินเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต เช่น อุตสาหกรรมแผงโซลาร์เซลล์
    .
    Morgan Stanley บริษัททางการเงินรายใหญ่ของโลกกล่าวว่า ราคาของโลหะเงินจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยจากราคาทองที่แข็งแกร่ง และภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจได้เห็นสัดส่วนราคาทองคำและเงินค่อยๆ แคบลง
    และยังวิเคราะห์อีกว่า แนวโน้มความต้องการโลหะเงินและการดีดตัวของราคาที่สูงขึ้น จะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ช่วงวิกฤติแพร่ระบาดเช่นนี้ แต่อาจเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพราะโลหะเงินต่างจากทองคำในแง่ของการถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งความต้องการโลหะเงิน 85% มาจากภาคอุตสาหกรรม
    .
    ช่วงนี้ทุกประเทศที่สถานการณ์การระบาดดีขึ้น เริ่มฟื้นฟูอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีใหม่ อย่าง 5G ดังนั้น นักลงทุนบางส่วนจึงหันมาลงทุนโลหะเงินมากขึ้น เพราเห็นช่องทางการเติบโตในอนาคต
    .
    ด้าน Comex ตลาดแลกเปลี่ยนโลหะ เช่น ทอง เงิน และทองแดง ระบุว่า Silver Futures เดือนกันยายน หรือสัญญาการซื้อขายโลหะเงินล่วงหน้า ก็คึกคักเช่นกัน โดยดีดตัว 2.7% ไปแตะที่ 20.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อวันจันทร์ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ตั้งแต่สิ้นไตรมาสแรก
    .
    จากการปรับตัวราคาสูงขึ้นของโลหะเงินและทอง นักลงทุนจำนวนมากหันมาลงทุนในกองทุนประเภท Gold-backed และ Silver-backed มากขึ้น กองทุน ETF Silver-backed สูงขึ้น 21% ในไตรมาสสอง และทำสถิติในเดือนนี้
    .
    อ้างอิงจาก:

    https://www.bloomberg.com/amp/news/...tures-surpass-20-oz-for-first-time-since-2016

    #OnUFO #Silver #Metal #SilverFutures

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ความรุนแรง’ ‘หลงตัวเอง’ ‘เสพดราม่า’ ปัจจัยหลักทำวัยรุ่นอเมริกัน ‘ติดโซเชียล’
    .
    หลายคนอาจเคยสงสัยมาตลอดว่า ทำไมหลายคนรวมถึงตัวเราเองถึงมีอาการ ‘ติดโซเชียล’ พยายามจะเลิกเล่นหรือไม่สนใจที่จะตามอ่านเรื่องราวต่างๆบน Facebook Twitter หรือ Instagram แต่สุดท้ายก็กลับมาอัปเดตสถานะ และอ่านดูเรื่องราวต่างๆบนนั้นอีกครั้ง
    .
    ความสงสัยดังกล่าวเป็นประเด็นที่นักวิจัยจำนวนไม่น้อยสนใจเช่นกัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Michigan State University และ California State University ทำวิจัยร่วมกัน เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย Snapchat และ Facebook ของนักศึกษามหาวิทยาลัยจำนวน 472 คน พบว่า นักศึกษาใช้งาน Snapchat เฉลี่ย 2.64 ขั่วโมงต่อวัน มากกว่า Facebook ซึ่งตัวเลขอยู่ที่ 2.28 ชั่วโมงต่อวัน

    แต่ไม่ว่าจะใช้แพลตฟอร์มใด สิ่งเหมือนกัน คือ กลุ่มที่ใช้งานสองแพลตฟอร์มนี้เป็นเวลานาน เข้าขั้น ‘ติด’ มีพฤติกรรมชอบโพสต์และอ่านเรื่องราวดราม่า และความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องราวที่ทำให้คนอื่นอับอาย หรือโกรธด่าทอ และนี่ยังเป็นสิ่งยืนยันได้ดีถึงความนิยมของข่าวและโพสต์เชิงรุนแรง ดราม่า และเป็นเรื่องราวไม่ดีของผู้อื่นแต่กลายเป็นเรื่องราวสนใจบนโซเชียลอยู่ตลอดเวลา
    .
    โดยอาจกล่าวได้ว่า การรู้สึกเป็นที่ยอมรับผ่านพฤติกรรมเชิงลบ เช่น การแสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรง การ Bullying เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญซึ่งทำให้ผู้ใช้งานโซเชียลยังคงใช้งานต่อไปและแม้จะพยายามเลิกแต่กลับมาใช้อีก อย่างที่มีการระบุเอาไว้ในงานวิจัยชิ้นนี้ ‘ผู้ใช้งาน Facebook มีอัตราพยายามเลิกใช้ หรือหยุดพักไประยะหนึ่ง มากกว่า Snapchat’ เนื่องจากวัยรุ่นอเมริกันจำนวนมาก ต้องการมีตัวตน ได้รับการยอมรับ และเลือกใช้พฤติกรรมทางสังคมเชิงลบเหล่านี้
    .
    พฤติกรรมเชิงลบที่กล่าวมา เข้าข่าย Dark Triad บุคลิกลักษณะนิสัยสามอย่างที่ทำให้สนใจแต่ประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่สนใจคนอื่นหรือสิ่งรอบข้างเลย ซึ่งประกอบไปด้วย 1) หลอกใช้คนอื่นเพื่อให้ตนเองดูดีขึ้น 2)การสนใจแต่ตนเองผ่านการชื่นชมตนเองตลอดเวลา และ 3) หุนหันพันแล่น เจ้าอารมณ์ ไม่นึกถึงผู้อื่น โดยนักวิจัยยังวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจว่า Dark Triad ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้คนใช้งานโซเชียลมีเดีย เพราะสามารถแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ได้ง่ายกว่าบนโลกออฟไลน์หรือโลกความจริง
    .
    อ่านงานวิจัยข้างต้น ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Addictive Behaviors Reports ได้ที่

    https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2352853220301097
    .
    อ้างอิงจาก:

    https://bit.ly/39jwX3M

    http://dailym.ai/39kq3eo

    ภาพจาก: https://bit.ly/2BnY9lq

    #OnUFO #SocialMedia #Addictive #Facebook #Snapchat #USA

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายหางาน ลดพนักงาน 960 คน ทั่วโลก ผลพวง 'บริษัทจ้างงานลดลง' เพราะโควิด
    .
    ภาวะตกงานเป็นผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดและเศรษฐกิจถดถอย ที่หลายคนกลัว และนับว่าเป็นปัญหาระดับชาติที่แต่ละประเทศกำลังเร่งแก้ไข เช่น จีนเร่งเพิ่มตำแหน่งงานสำหรับเด็กจบใหม่ เพราะยิ่งตกงานเยอะ ว่างงานมาก นั่นหมายถึงเศรษฐกิจยิ่งทรุดตัวลงไปอีก ซึ่งการเลิกจ้างงานขององค์กรขนาดใหญ่ มักเป็นสัญญาณถึงความรุนแรงของปัญหาเศรษฐกิจกำลังระอุขึ้น อย่างเช่น LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายนายจ้างและคนหางาน รายใหญ่ประกาศปลดพนักงาน 960 ตำแหน่งทั่วโลก
    .
    การปลดพนักงาน ครั้งนี้ มีผลมาจากบริษัทและองค์กรต่างๆ รับพนักงานน้อยลงในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาด COVID-19 ซึ่งยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะวงการค้าปลีกและธุรกิจการบินที่ปลดพนักงานจำนวนมาก เช่น Mark & Spencer เลิกจ้าง 950 ตำแหน่ง และเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆในสัปดาห์นี้ สายการบินใหญ่ที่สุดในอินเดีย IndiGo ลดพนักงาน 10% ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ล้วนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ LinkedIn ในการหาพนักงานไปร่วมงานด้วย
    .
    Ryan Roslansky ซีอีโอ LinkedIn ยอมรับว่า ‘LinkedIn ไม่รอดพ้นจากผลกระทบ COVID-19’ บริษัทตัดสินใจปรับลดพนักงาน เพราะความต้องการหาพนักงานของบริษัทอื่นๆลดน้อยลง ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง โดยในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน นับตั้งแต่เกิด COVID-19 เมื่อกุมภาพันธ์ มีพนักงานมากถึง 10,000 ตำแหน่งทั่วโลก ถูกเลิกจ้าง
    .
    อย่างไรก็ตาม ซีอีโอ LinkedIn ได้เผยถึงแผนการขยายธุรกิจไปยังส่วนอื่น นอกเหนือจากธุรกิจเครือข่ายหางานเพียงอย่างเดียว เพื่อนำพาบริษัทของเขาผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปได้ และยังทำให้พนักงานในตำแหน่งเดิมที่อาจได้รับผลกระทบ ได้กลับมาทำงานอีกด้วย เพราะแน่นอนว่า เมื่อขยายไปยังธุรกิจใหม่ ก็ต้องมีการสร้างงานตำแหน่งใหม่ตามมาเช่นกัน
    .
    ทั้งนี้ ปัจจุบัน LinkedIn บริษัทในเครือ Microsoft มีสำนักงาน 30 แห่ง ในแต่ละประเทศทั่วโลก โดยมีจำนวนพนักงานราว 16,000 คน ดังนั้นการปลดพนักงานข้างต้น คิดเป็น 6% ของพนักงานทั้งหมด
    .
    อ้างอิงจาก:
    https://www.bbc.com/news/business-53484764

    ภาพจาก:
    https://yhoo.it/2CDsEEp

    #OnUFO #LinkedIn #Layoffs #COVID19

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หมดยุค ‘ฮังโกะ’ เอกสารประทับตรา ธนาคารญี่ปุ่นเตรียมกองทัพเครื่องจักร เปลี่ยนฮังโกะ 300 ล้านหน้า เป็น Digital
    .
    เมื่อเอ่ยถึงประเทศญี่ปุ่น ภาพของประเทศที่รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่สมัยอดีตให้เรายังคงได้เห็นในปัจจุบัน คงผุดมาในความคิดของเรา อย่างวัฒนธรรมการใช้ Hanko หรือภาษาญี่ปุ่นเรียก ฮังโกะ แปลว่าตราปั๊ม อยู่คู่คนญี่ปุ่นมาเป็นร้อยปี ไม่ว่าจะทำธุรกรรมอะไร ต้องใช้ Hanko ในการยืนยันตัวตน เช่น การทำธุรกรรมทางการเงินที่ธนาคาร การลงนามสัญญา เป็นต้น
    .
    แต่หลายปีมานี้ ชาวญี่ปุ่นเริ่มบ่นถึงข้อด้อยของการใช้ Hanko เวลาทำธุรกรรมต่างๆ และคิดว่ากลายเป็นสิ่งล้าหลังเสียแล้ว อย่างในช่วงวิกฤติการระบาด COVID-19 หลายบริษัททำงาน WFH แต่เจอปัญหาความล่าช้าการทำงานที่มาจากพนักงานยังคงต้องไปสำนักงานเพื่อทำเอกสาร Hanko มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถทำธุรกรรมหรือดำเนินงานบางอย่างได้
    .
    มันจึงน่าสนใจไม่น้อย เมื่อ Mitsubishi UFJ Financial Group สถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นประกาศแผนนำพาธนาคารเข้าสู่ยุค Digital และเปลี่ยนเอกสาร Hanko 300 ล้านแผ่น ซึ่งเป็นเอกสารของลูกค้า ให้เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด โดยประกาศออกมาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา และระบุว่า จะใช้เครื่องแปลงเอกสารกระดาษเป็นแบบ Digital ของทาง Ripcord Inc.
    .
    เครื่องของ Ripcord มีแขนจักรกลซึ่งขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ ทำให้สามารถดึงลวดเย็บกระดาษ และเปิดกระดาษแต่ละแผ่นได้โดยอัตโนมัติ ทำให้สแกนเอกสารได้ไวกว่าปกติ โดยธนาคารระบุว่า หากใช้แรงงานคน 4 คน สแกนเอกสาร 300 แผ่น ต้องใช้เวลานานถึง 510 ปี จึงสแกนได้หมด แต่ถ้าใช้เครื่องนี้จำนวนหลายเครื่องรวมกัน และใช้พนักงานราว 30 คน เพื่อควบคุมเครื่อง ใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็สามารถสแกนได้ครบ 300 ล้านแผ่น
    .

    อ้างอิงจาก:
    https://www.bloomberg.com/amp/news/...ys-robots-to-scan-millions-of-hanko-documents

    #OnUFO #Hanko #Document #MitsubishiUFJFinancialGroup #MUFG #Japan

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลายบริษัทเริ่มทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ เหตุเพราะ ‘ลดต้นทุน’ ‘ลดเสี่ยงติดเชื้อ’ ‘ยิ่งผ่อนคลายเยอะ ยิ่งได้งานมาก’
    .
    หลังจากหลายประเทศที่เจอผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาด COVID-19 ได้เปลี่ยนมาทำงาน WFH เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ได้เริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ รวมถึงประเทศไทยเองก็เหมือนกัน แต่ก็มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะที่ต่างประเทศ เปลี่ยนมาทำงานแบบเข้าออฟฟิศ 4 วันต่อสัปดาห์ จากเดิมทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน
    .
    หลายบริษัทระบุว่า การลดเวลาทำงานต่อสัปดาห์ เป็นหนึ่งในวิธีลดค่าใช้จ่ายของบริษัทเพื่อให้ดำเนินกิจการต่อไปได้ในช่วงวิกฤติ เพราะพวกเขาไม่อยากเลย์ออฟพนักงาน หากไม่จำเป็นจริงๆ และการปรับเวลางานเช่นนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้ออีกด้วย ทำให้พนักงานกล้ามาทำงานที่ออฟฟิศ นอกเหนือไปจากนี้ยังมีเวลาผ่อนคลายเพิ่มอีกด้วย
    .
    การทำงานโดยการลดจำนวนชั่วโมงหรือจำนวนวันทำงานแต่ละสัปดาห์ ก็มีจุดที่น่ากังวล เนื่องจาก เวลาทำงานน้อยลง งานก็อาจจะน้อยลงตามไปด้วย

    แต่จากการทดลองให้พนักงาน 2,300 คน ของบริษัทMicrosoft ประเทศญี่ปุ่น ทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน ติดต่อกัน 5 สัปดาห์ ในช่วงเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา (2019) พบว่า

    ประสิทธิภาพการทำงานในแง่ยอดขาย เพิ่มขึ้น 39.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2018 ขณะที่การใช้กระดาษพิมพ์งานยังลดน้อยลงมากถึง 58.7% และการใช้ไฟฟ้าลดลง 23.1% เช่นกัน รวมทั้ง ผลสำรวจความพึงพอใจของพนักงานในการทำงานรูปแบบนี้ พนักงาน 92.1% ตอบ ‘พึงพอใจ’
    .
    ด้านฝั่งอเมริกา ดูเหมือนว่าบริษัทต่างๆปรับเวลาทำงานมาเป็น 4 วัน มากขึ้น โดยข้อมูลจาก ZipRecruiter แพลตฟอร์มหางานในอเมริกา เผย ตอนนี้จำนวนประกาศหางานระบุทำงาน 4 วัน ต่อสัปดาห์ มีจำนวน 69 โพสต์ในทุกๆ 10,000 โพสต์ เพิ่มขึ้นจาก 40 โพสต์ ในปี2019 และถ้าย้อนกลับไประหว่างช่วงปี 2015 ถึง 2018 ณ ขณะนั้น มีจำนวนน้อยกว่า 18 ประกาศในทุกๆ 10,000 โพสต์
    .
    ทั้งนี้ การทำงานน้อยกว่า 5 วันต่อสัปดาห์ ไม่สามารถทำได้ทุกอุตสาหกรรม อย่างเช่น สายงานก่อสร้าง และการดูแลสุขภาพ แต่สำหรับบางประเทศ อาจมีความจำเป็นต้องลดเวลาทำงาน เพื่อลดต้นทุนและลดความเสี่ยงของพนักงาน แม้ประเภทหรือลักษณะของธุรกิจจะไม่เอื้ออำนวย หากสถานการณ์โรคระบาดยังคงไม่ดีขึ้น
    .
    อ้างอิงจาก:

    https://www.inc.com/jessica-stillman/why-more-companies-are-offering-a-four-day-workweek.html

    https://www.inc.com/jessica-stillma...pportunity-to-switch-to-a-4-day-workweek.html

    https://www.inc.com/betsy-mikel/mic...-overwork-results-were-pretty-incredible.html

    #OnUFO #4DayWorkWeek #USA #Japan #COVID19

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หุ้น รง.ถุงมือยางมาเลเซีย ‘Top Glove’ มูลค่าพุ่ง 456% ครองอันดับ 2 บนกระดานหุ้น
    .
    การระบาด COVID-19 ทั่วโลก ณ ขณะนี้ กำลังสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนไปทั่วโลก โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะมองถึงผลกระทบเชิงลบ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า สินค้าและธุรกิจบางประเภทได้รับอานิสงส์ด้านบวกจากการระบาดในครั้งนี้ อย่างเช่น อุปกรณ์ป้องกันตนเองและเครื่องมือแพทย์
    .
    เรื่องนี้พิสูจน์ได้โดยมูลค่าหุ้นบริษัท Top Glove ผู้ผลิตถุงมือยางมาเลเซียในตลาดหุ้นกัวลาลัมเปอร์ พุ่งสูง 456% ผลจากความต้องการถุงมือในการป้องกันโควิด ขณะที่หุ้นธนาคารใหญ่มาเลเซีย Public Bank และ Malayan Banking ลดลง 7.8 % และ 8.8% ตามลำดับ
    .
    และตอนนี้ Top Glove แซงหน้า Public Bank กลายเป็นหุ้นมูลค่ามากสุดเป็นอันดับที่สองในมาเลเซีย โดยเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม Top Glove มีมูลค่าทางตลาด 70,400 ล้านริงกิต (ราว 16,500 ดอลลาร์สหรัฐ) ส่วน Public Bank อยู่ที่ 69,500 ล้านริงกิต สำหรับมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นของ Malayan Banking ด้วยมูลค่า 88,600 ล้านริงกิต
    .
    Top Glove ไม่ใช่บริษัทถุงมือยางในมาเลเซียเพียงบริษัทเดียวที่มูลค่าหุ้นสูงแบบก้าวกระโดดด้วยผลพวงโรคระบาด แต่มูลค่าหุ้นของบริษัทผลิตถุงมือบริษัทอื่นๆต่างพุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกัน เช่น หุ้นบริษัท Supermax อีกหนึ่งบริษัทผลิตถุงมือยางของมาเลเซีย พุ่งมากกว่า 1,200% ในปีนี้ แต่มูลค่าตลาดยังน้อยกว่า Top Glove
    .
    ด้าน Danny Wong ซีอีโอ Areca Capital Sdn บริษัทจัดการกองทุนประเทศมาเลเซีย ระบุว่า Top Glove กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียขณะนี้ในระยะเวลาอันสั้น ด้วยผลกระทบเชิงบวกโดยตรงจากวิกฤติแพร่ระบาด และตอนนี้ขอแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นบริษัทผลิตถุงมือยางเข้าพอร์ตหุ้น
    .
    อ้างอิงจาก:

    https://www.bloomberg.com/amp/news/...ublic-bank-as-malaysia-s-second-biggest-stock

    https://www.bloomberg.com/amp/news/...-glove-maker-stock-mania-outpacing-even-tesla

    #OnUFO #TopGlove #Supermax #PublicBank #MalayanBanking #Malaysia #Stock

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นอนหลับฝันดีครับ
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ [Breaking] ⚠️ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง #สหรัฐและจีนยังคงตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ

    ล่าสุดคืนนี้ตำรวจสหรัฐบุกเข้าจับนักวิจัยจีนที่สหรัฐกล่าวหาว่าแอบปลอมแปลงข้อมูลเพื่อเข้าประเทศ และแอบกบดานตัวในสถานทูตสหรัฐที่ San Francisco

    ทางด้าน Mike Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเลย #แถมยังกลับราดน้ำมันลงบนไฟต่อด้วยคำพูดที่ว่า

    "If we bend the knee now, our children’s children may be at the mercy of the Chinese Communist Party."

    "ถ้าเราก้มลงคุกเข่าให้กับการกระทำของจีนในตอนนี้ ลูกหลานของเราคงต้องตกอยู่บนอำนาจของจีนและต้องขอความเมตตาต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนในอนาคต"

    “If the free world doesn’t change Communist China, Communist China will change us,”

    “ถ้าโลกเสรีไม่ช่วยกันเปลี่ยนระบอบคอมมิวนิสต์ในจีน ทางคอมมิวนิสต์จีนจะมาเปลี่ยนโลกเสรีของเรา” นายไมค์ พอมเพโอกล่าว

    เรียกได้ว่าเวลานี้นั้นทางทรัมป์แทบจะไม่ต้องออกมาทำหน้าที่กดดันจีนอะไรต่อไปทั้งสิ้น เพราะทางมือขวาด้านการทูตอย่างพอมเพโอนั้นกำลังทำให้อย่างเต็มที่

    แม้แต่การเดินทางไปกดดันสหราชอาณาจักรและประเทศต่างๆให้เข้าร่วม #เครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกเพื่อร่วมกันต่อต้านภัยคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่กำลังเข้าครอบงำความอิสระของชาวฮ่องกงนั้น ทั้งหมดนั้นทางมือขวาอย่างพอมเพโอก็กำลังเป็นผู้นำในการเจรจา

    ไม่แปลกใจเลยที่ #ราคาทองคำทะลุ 1,900 เหรียญไปแล้วคืนนี้ และเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่ราคาทองขึ้นมาสูงถึงระดับนี้ โดยทางเราเพิ่งเขียนบทความออกไปก่อนหน้านี้ถึงมุมมองว่า #ควรซื้อเพิ่มหรือถึงเวลาขายทองแล้ว ?!? (อ่านได้ในคอมเมนท์)

    กลับมาที่นักวิจัยจีนที่ทางสหรัฐจับตัวในคืนนี้

    เมื่อเวลา 22.00 น. บ้านเราคืนนี้ ทางตำรวจ FBI ของสหรัฐรายงานว่าได้จับตัว นางสาวถัง จวน นักวิจัยด้านชีววิทยาสัญชาติจีน ที่กำลังกบดานตัวอยู่ในสถานกงสุลจีนที่ San Francisco (ไม่ใช่ที่สถานกงสุลที่ Houston, Texas ที่โดนสั่งให้ปิดไป)

    โดยเจ้าหน้าสหรัฐพบว่าทางถัง จวนได้ตั้งใจปกปิดความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับกองทัพจีนเพื่อขอวีซ่าเข้ามายังสหรัฐ โดยทางถัง จวนนั้นเคยเป็นนักวิจัยของมหาวิทยาลัยการแพทย์ทหารกองทัพอากาศจีน

    ไม่แน่ใจว่าทางสหรัฐพยายามจะโยงเรื่องนี้เข้ามากับเรื่องการระบาดของไวรัสโควิดที่ทางรัฐบาลทรัมป์เชื่อว่าจีนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ? หรือเป็นสายลับหรือไม่ ?

    หากเรื่องทั้งหมดโดนโยงเข้าด้วยกันจริงๆ #ความขัดแย้งของสองมหาอำนาจของโลกคงจะยังเพียงแค่เริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

    ⛔️ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาด แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับนะครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารของทางเพจเรา

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเราฝาก Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เล่าสู่กันฟัง #โควิดในโตเกียว เรื่องเล่าจากน้องนักเรียนไทยติดโควิดกับ 4 ชั่วโมงกว่าบนรถพยาบาล

    ✒แอดขออนุญาตจากเจ้าของเรื่องมาแล้วนะคะ และเป็นความประสงค์ของน้องเจ้าของเรื่องอยากให้มาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนฟังด้วยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ได้ภาษาญี่ปุ่น
    ✒แอดขอปกปิดข้อมูลความเป็นส่วนตัว เช่น ชื่อร้านอาหาร ชื่อ รพ. นะคะ ถามมาก็ขออนุญาตไม่ตอบ

    น้องเจ้าของเรื่อง
    - เพศชาย อายุประมาณ 30 ปี
    - นักศึกษาชาวไทยปรกติศึกษาอยู่ประเทศที่สาม (ไม่ใช่ไทย ใช้ภาษาอังกฤษ)
    - มาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในโตเกียว หออยู่แถวจ.ปริมณฑลค่ะ
    - มาญี่ปุ่นตามโครงการแลกเปลี่ยนแค่ไม่กี่เดือน และกำลังจะเดินทางกลับไปประเทศที่สามซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของตนเองค่ะ
    - เนื่องจากมาระยะสั้น น้องมีประกันเดินทาง ประกันโควิด แต่ไม่มีประกันสุขภาพทั่วหน้า (国民健康保険 หรือ 社会保険) ของญี่ปุ่นค่ะ
    - น้องพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย แอดเลยเป็นล่ามให้ทางโทรศัพท์
    - น้องเป็นน้องชายของเพื่อนแอดเองค่ะ

    ความเป็นมา
    (1) วันศุกร์ที่แล้ว น้องเริ่มปวดหัว แต่ก็คิดว่าคงเหนื่อย เพราะต้องเตรียมแพคของเดินทาง
    (2) วันจันทร์ เริ่มปวดตัว เริ่มจากปวดก้น นั่งแทบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าเพราะต้องหิ้วกระเป๋าเดินทางหนัก ๆ
    ✈(3)วันอังคารเช้า น้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเพื่อเดินทางไปประเทศที่สาม ปรากฏว่ามีไข้ 37.3 - 37.5 องศา สายการบินวัดหลายครั้ง ถ้าเกินแค่ครั้งเดียวก็ไม่ผ่านเลย และปฏิเสธไม่ให้ขึ้น บอกว่าให้ไปหาโรงแรมพัก 14 คืนดูอาการ แล้วค่อยมาขึ้นเครื่องใหม่ ให้ใบมาไว้มีอะไรก็ให้ติดต่อ Hotline

    ✒ซึ่งแน่นอนว่า น้องคืนหอไปหมดแล้วไม่สามารถจะกลับไปหอได้ จึงต้องหาโรงแรม

    (4) น้องไปหาโรงแรมพัก ได้โรงแรมแห่งหนึ่งในโตเกียว เริ่มรู้สึกเหมือนมีไข้ บางทีเหมือนวูบ ๆ หลายรอบ ปวดตัว น้องติดต่อมาหาแอด เพราะอยากโทรหาสายด่วน แต่เนื่องจากประมาณ 3 ทุ่มแล้วสายด่วนหลายแห่งสายไม่ว่างบ้าง ปิดบ้าง เลยบอกน้องไปว่าถ้าไม่ไหวให้โรงแรมเรียกรถพยาบาลเลยอย่าไปรอ

    วันพุธ
    ‍⚕️(5) เช้า น้องมีอาการท้องเสีย จึงไปหาคุณหมอที่คลินิก คุณหมอบอกว่ามีอาการต้องสงสัยโควิด และยื่นเรื่องให้ไปตรวจกับศูนย์ Hotline
    ☎️(6) บ่าย ๆ ศูนย์ Hotline โทรมา เค้าบอกสถานที่มาให้ว่าให้ไปตรวจที่รพ. A ซึ่งจะได้คิววันศุกร์เช้า โดยให้เดินทางไปเองห้ามใช้รถสาธารณะ ก็คิดกันอยู่ว่าน้องจะเดินไปไหวไหมยังไง

    ✖(7) เย็นวันนั้น ทางโรงแรมทราบเรื่องว่าเรามีอาการต้องสงสัย เค้าบอกว่าไม่สามารถจะให้เราอยู่โรงแรมต่อไปได้ เพราะผิดกฎค่ะ ดังนั้น ต้องเชิญเราย้ายออกไป ดังที่กล่าวมาข้างต้นน้องไม่มีที่อยู่แล้ว ไม่รู้จะไปไหนได้ ทางโรงแรมก็พยายามติดต่อ รร. ที่เป็น State Quarantine เค้าก็ไม่รับ เพราะว่าต้องเป็นผลบวกก่อนและศูนย์ฮอทไลน์ต้องติดต่อมา ซึ่งทางรร. ก็พยายามช่วยหาที่อยู่ใหม่เต็มที่แต่ก็ไม่ได้ สุดท้ายทางรร. ตัดสินใจเรียกรถพยาบาลค่ะ เวลาปัจจุบันสามทุ่มกว่า

    (8) สี่ทุ่ม รถพยาบาลมารับ น้องขึ้นบนรถพยาบาล
    รถพยาบาลเค้าก็ขอคุยกับแอด สอบถามข้อมูลประโยคแรกที่เค้าถามเลยก็คือ ที่เรียกรถพยาบาลนี่ด้วยเหตุอะไร ระหว่าง อาการทรุด กับ ไม่มีที่ไป แอดถามน้องแล้วก็เลยตอบไปตามตรงว่า อาการยังทรงอยู่ และโรงแรมเป็นคนเรียกรถพยาบาลเพราะเค้าบอกว่าให้เราอยู่ไม่ได้แล้ว และมีนัดตรวจ PCR แล้ววันศุกร์ คือตอนนี้ต้องหาที่พักเพื่อรอตรวจ PCR และเราก็ไม่ได้ออกจากห้องไปไหนเลย ใส่หน้ากากตลอด แต่ทางโรงแรมบอกว่าเราอยู่ไม่ได้แล้ว ทางรถพยาบาลก็รับทราบ

    (9) รถพยาบาลสอบถามเรื่องประกันสุขภาพ ก็บอกไปตามตรงว่ามีประกันเดินทางกับประกันโควิด เค้าถามมาเงินสดติดตัวไหม (เพราะ PCR ประมาณ 35000 - 50000 เยน ถ้าไม่มีประกัน) ก็บอกว่า ตอนนี้มีเงินสดติดตัว 5 หมื่นและมีเครดิตการ์ด เค้าก็บอกทางรพ.
    ✒สำหรับคนที่ไม่มีประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ คนที่ไม่ยอมจ่าย ช่วงนี้เดินไปสมัคร หรือไปจ่ายเสียเถอะค่ะ ไม่คุ้มนะคะไม่คุ้มเลย เคสของน้องนี่คือ เป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ค่ะ

    วันพฤหัส (เลยเที่ยงคืนวันพุธมาแล้ว)

    (10) ทางรถพยาบาลโทรไปเรื่อย ๆ ก็โดนปฏิเสธมาเรื่อย ๆ เพราะว่าเกือบทุกที่ไม่ยอมตรวจ PCR ให้ บอกว่าถึงไปก็แล้วแต่หมอนะ อาจให้ยาลดไข้แล้วให้กลับบ้านอย่างเดียว ซึ่งน้องก็คงไม่มีที่ไปเหมือนเดิม ทางลุงรถพยาบาลก็โทรต่ออย่างไม่ลดละ ลุงรถพยาบาลบอกให้ช่วยกันคิดทางอื่น เช่น ไปพักบ้านเพื่อนที่รู้จัก แล้วรอไปตรวจ PCR วันศุกร์ ซึ่งบ้านแอดอยู่ไกลมาก บ้านเพื่อนน้องก็ไม่อยู่แถวนั้น (รถพยาบาลคงไม่วิ่งมาส่งถึงไซตามะบ้านแอด) ขึ้นรถสาธารณะก็ไม่ได้ เวลาปัจจุบันจะตี 1 แล้วคงเดินไปไม่ได้ มืดแปดด้านมาก เครียดมากค่ะ จนน้องบอกว่า "พี่กิ๊ฟบอกเค้าปล่อยผมลงก็ได้ เดี๋ยวผมหาที่นอนข้างทางก่อนก็ได้"

    ✒แอดก็แบบ เฮ้ยยย ไม่ได้ ป่วยอยู่.... วันพุธที่ผ่านมาทุกคนคงจำได้ฝนเทลงมาห่าใหญ่พร้อมฟ้าคะนอง...☔ ซึ่งโชคดีลุงรถพยาบาล (กราบงาม ๆ) แกก็เข้าใจแกก็โทร โทรไปอีกที่ก็ปฏิเสธ ๆ ๆ เงินก็มีพร้อมจ่าย แต่รพ. ไม่พร้อมรับ ไม่มีเตียงบ้าง อุปกรณ์ไม่มีบ้าง
    ✒️คาดว่า ถ้าเป็นคนมีบ้านพักคงโดนปล่อยลงบ้านไปเรียบร้อยแล้ว อย่าถามนะคะ ว่าเชื้อกระจายเพราะอะไร Hotline ก็ฮอตมาก โทรไม่ติดเลยยยยยยยยย ขนาดรถพยาบาลก็ยังโทรไม่ติด ชาตินี้คงไม่มีใครโทรติดแล้วล่ะค่ะ (พูดแล้วขึ้น...)

    (10) ลุงถามประวัติต่าง ๆ ซึ่งก็ตอบไปตามตรง เคสของน้องคือ มีแต่ไปมหาวิทยาลัย แล็บ และที่ต้องสงสัยก็คือก่อนหน้านั้น น้องไปทานอาหารไทยที่ร้านอาหารไทยที่ชินจูกุ (ร้านปรกตินะคะไม่ใช่ร้านกลางคืน) และ ไปอิเซตัน เพื่อซื้อของฝากให้อาจารย์ ตัวน้องเอง ใส่หน้ากากล้างมือตลอด เพราะเป็นคนอนามัยจัดมาก ที่แล็บเป็นสายวิทย์ก็ขัดทำความสะอาดตลอดเวลา แต่อาจจะเป็นคนชอบเผลอจับหน้ากากอนามัย ขยี้ตาบางครั้ง อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไปติดตอนไหนยังไงค่ะ

    (11) จะตี 2 ในที่สุดก็เห็นแสงมีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป รับและจะตรวจแอนติเจนให้ (ไม่ใช่ PCR) ลุงบอกว่า ไปตรวจอันนี้ก่อน ถ้าผลเป็นลบก็เอาผลลบไปยื่นให้โรงแรมถัดไป แล้วเราก็เข้าพักได้ตามปรกติ น้องก็หันมาถามแอด "แล้วถ้าเป็นบวกล่ะครับพี่?" แอดก็เลยถามลุงไป ลุงก็เงียบไปแป๊บนึงแล้วบอกว่า "รพ. บอกว่า ถ้าเป็นบวก เค้าจะส่งต่อไปยังรพ.อื่นเฉพาะทาง"

    ✒ในใจแอดคือแบบ...นี่ถ้าเป็น ต้องหาโรงพยาบาลต่ออีกเหรอ....แต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้วต้องตอบตกลงก่อน ได้ยินเสียงไซเรนรถหวอระหว่างวิ่ง น้องก็เปรยมา "พังมากครับพี่" คือสงสารเลยค่ะ ภาษาก็ไม่ได้ นั่งรอบนรถพยาบาลลงก็ไม่ได้ไปไหนก็ไม่ได้ 4 ชั่วโมง...

    (12) ตี 2 กว่า ๆ ถึงอีกโรงพยาบาล เค้าก็มาสอดจมูกเอาสารคัดหลั่งไปตรวจแอนติเจน ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็รู้ผล สักแป๊บน้องส่งข้อความมาว่า "พี่ครับ เค้าวิ่งวุ่นกันใหญ่เลย สงสัยเป็นบวกหรือเปล่า" น้องพูดไม่ทันขาดคำ รถพยาบาลก็ขอคุยด้วยบอกว่า
    ลุง "ผลออกมาแล้วนะครับ เป็นบวกครับ"
    ✒ แอด "บวกเหรอคะ แล้วเราต้องทำยังไงต่อคะ" ในใจแอดคือต้องหารพ. อีกกี่ชั่วโมงหนอ
    ลุง "โรงพยาบาลเค้าบอกว่าจะจัดเตียงให้ได้ บอกน้องว่าให้เดินลงไปเองได้นะ เพราะว่าน้องเดินเองไหว จากนี้ไปจะถูกส่งไปตรวจร่างกายก่อนเข้าห้องพิเศษ"

    ✒แอดก็อธิบายน้องไป น้องขึ้นลิฟต์ไปสัญญาณมีขาด ๆ หาย ๆ บ้าง

    (13) พยาบาลมาขอพูดกับแอดว่า ขอให้ต่อสายยาว ๆ เลยเพราะต้องอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ จากนี้ไปจะตรวจ CT กับ X-ray น้องถามมาบอกว่า พี่ครับผมอยากไปเข้าห้องน้ำ เค้าบอกเหมือนไม่ได้ แอดเลยถามพยาบาลให้ พยาบาลบอกว่า "ห้าม" เพราะว่า น้องห้ามใช้ห้องน้ำร่วมกับคนปรกติ ถ้าน้องอยากเข้าห้องน้ำตอนนี้ ต้องใส่ "แพมเพิร์ส" อย่างเดียว ต้องทนจนกว่าจะเตรียมห้องเสร็จ ... แอดถามน้อง น้องบอก "งั้นผมทนต่อได้ครับพี่"... สรุป น้องน่าจะไปได้ไปปัสสาวะ ตอนตี 4 กว่า

    (14)เค้าก็สอบถามประวัติต่าง ๆ ให้น้องใส่หน้ากากผ่าตัด ซ้อนกับ N95 อีกที ถึงขั้นหายใจไม่ออกทีเดียว แต่ตอนนอนและไม่ได้คุยกับบุคลาการทางการแพทย์ถอดได้ กฎแต่ละรพ. จะแตกต่างกันบ้าง เหมือนกันบ้าง ซักผ้าไม่ได้ ชุดรพ. จะเป็นแบบเช่า ซึ่งก็ไม่แพงมาก พร้อมผ้าเช็ดตัวต่าง ๆ ไม่ถึงพันเยน
    - อาหารวันละ 3 มื้อ
    - มีของขาย มีลิสต์ให้สั่ง ของจะมาส่งทุกเช้าเจ็ดโมงครึ่ง ร้านค้าจะหยุดทุกวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ช่วงหยุดยาว 4 วัน วันศุกร์ และ วันอาทิตย์หยุด
    - ความยากก็คือ น้ำ ไม่มี... จะกินน้ำก๊อก พยาบาลก็ไม่ให้ สรุป น้องต้องอดน้ำจนถึงเกือบเที่ยงของวันพฤหัส........ น้องเลยสั่งน้ำแร่ไป 8 ขวด
    - ห้องนอนเป็นแบบรวม ประมาณ 6 -7 เตียงต่อห้อง เอา 3 ห้องมาเชื่อมกัน โดยรวม ๆ ประมาณ 20 เตียง เพศชายล้วน
    - ทีวี ตู้เย็น ถ้าจะใช้ต้องจ่ายเงินเติมเงินเป็นการ์ด ซึ่งน้องบอกว่าไม่เอา ดังนั้นอันนี้ไม่มี

    (15)ลุงรถพยาบาลบอกให้โทรแจ้งโรงแรมที่ไปพักด้วย เพราะเค้าต้องการรู้ผล แอดจึงโทรไปแจ้งทางโรงแรมว่า ผลเป็นบวก ซึ่งหลังจากนั้น โรงแรมก็โทรมาแอดอีกสองสามครั้ง ซึ่งหลัก ๆ ก็คือ น้องต้องรับผิดชอบจ่ายค่าฆ่าเชื้อห้อง อีกอย่างต่ำ ๆ 5 หมื่น - 1 แสนเยน

    ☎(16)แอดโทรหา Hotline เพื่อจะแจ้งยกเลิกและยกคิว PCR ให้กับคนอื่น โทรไม่ติดเลยยยยยยยยยยยยยยยย กรีดร้องสักร้อยรอบ แอดเลยโทรไปหารพ. A โดยตรง รพ.ก็บอกว่า "ขอบคุณมากเลยนะครับที่โทรมาแจ้ง แต่ตอนนี้ทางเรายังไม่ได้รายชื่อของคนไข้เลยครับ เดี๋ยวทางสาธารณสุขจังหวัดจะส่งแฟกซ์มา คงดึก ๆ หรือพรุ่งนี้ (ศุกร์) เช้า"

    ✒แฟกซ์ กราบบบบบบบ แฟกซ์ค่ะทุกคนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

    (17) ประเมินค่าความเสียหายที่น้องน่าจะต้องโดนในครั้งนี้ เคลมประกันไม่รู้จะได้เท่าไหร่
    คาดว่าน่าจะประมาณ 500,000 เยนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับว่าน้องต้องอยู่รพ. กี่วันด้วย ไหนจะค่าฆ่าเชื้อโรงแรมอีก....

    (18)สำหรับอาการของน้องตอนนี้ เล่าคร่าว ๆ คือ คืนวันพฤหัสมีไข้อีก แต่ไม่ถึง 38 ญี่ปุ่นไม่ให้ยาลดไข้ (และห้ามเรากินพาราเอง) ปวดหัวมาก เค้าให้ยาแก้ปวดมาแทนอย่างเดียว ดีขึ้น
    - วันนี้ (วันศุกร์) ไข้น้องขึ้นอีกเกือบ 39 พยายาลเลยจ่ายยาลดไข้มา (ซึ่งก็คือ พาราเซตามอล 400 mg) ไข้ลงไปหน่อยแต่ก็ขึ้นมาอีก พยาบาลก็ให้พาราเพิ่ม เวลาเดินรู้สึกเหนื่อย รู้สึกแปลก ๆ ในปอด

    ⚠️- น้องฝากบอกทุกคนว่า ใครบอกว่า มันเหมือนหวัด ไม่จริงเลย มันเหนื่อยกว่ามาก ทรมานกว่ามาก น้องปรกติเป็นคนสุขภาพแข็งแรงตลอด ขอให้ทุกคนได้รู้ว่า "มันไม่ใช่หวัด" และอย่าไปพื้นที่เสี่ยง น้องเองขนาดระวังตัวเองดีมากแล้วก็ยังติดได้เลยนะคะ

    ⚠️- อีกอย่างน้องฝากมาเตือนว่า ตั้งแต่วันพฤหัสที่น้องเข้ารพ. ตอนเช้าตรู น้องได้ยินเสียงรถหวอและมีคนโดนขนเข้ามาทุก 2-3 ชั่วโมง เตียงที่เคยว่าง ตอนนี้เหลือแค่เตียงเดียวแล้วค่ะ ห้องมีเกือบทั้งหมด 20 เตียง ดังนั้น ถ้าป่วยตอนนี้อาจไม่มีเตียงให้แล้วนะคะ ต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้านแทน

    ✒แอดขอให้วิทยาทานในการนำข้อมูลนี้มาแชร์ของน้อง ดลบันดาลให้น้องหายป่วยเร็ว ๆ นะคะ แล้วมาเล่าเรื่องต่าง ๆ ในโรงพยาบาลญี่ปุ่นให้ทุกคนฟัง

    ขอบคุณค่ะ

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #เรื่องเล่าโควิด #โควิด #โตเกียว

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ด่วน! #บินรบมะกันข่มขู่สายการบินอิหร่าน! ...

    เครื่องบินรบมะกัน 2 ลำ บินขนาบเครื่องบินพาณิชย์อิหร่าน สายการบินมาฮานแอร์ ที่กำลังบินน่านฟ้าประเทศซีเรีย มุ่งหน้าสู่สนามบินเบรุต เลบานอน

    ทำให้กัปตันต้องพยายามแก้สถานการณ์ จนเป็นเหตุให้โกลาหลทั้งลำ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน รวมถึงเด็กๆ

    อนึ่ง ก่อนหน้านี้ หลายสำนักแจ้งว่าเป็นเครื่องบินรบอิสราเอล

    แต่เชื่อว่าอิสราเอลไม่กล้าเปิดหน้าชกกับอิหร่านตรงๆ แบบนี้แน่ เพราะที่ไปทิ้งระเบิดจนทำให้เฮซบอลเลาะเสียชีวิตคราวก่อน ก็ยังไม่ได้สะสางกันเลย

    น่าจะเป็นมะกันจริงๆ จุดประสงค์คือขู่ว่าอิหร่านต้องยับยั้งไม่ให้เฮซบอลเลาะห์เอาคืนอิสราเอล

    อีกเรื่องคือ เมื่อวันก่อน นายกอิรักเข้าพบผู้นำสูงสุดอิหร่าน ผู้นำฯ กล่าวแก่นายกอิรักว่า "พวกอเมริกันริอาจสังหารแขกบ้านแขกเมืองของคุณในบ้านของคุณ (สังหารนายพลสุลัยมานีในฐานะแขกรัฐบาลอิรักที่สนามบินแบกแดด) เราจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้ และจะ #โจมตีกลับอย่างแน่นอน!!"

    มะกันจึงรู้ทันทีว่า ที่อิหร่านยิงมิสไซล์ถล่มฐานทัพมะกันในอิรักคราวก่อน #ยังไม่ถือเป็นการแก้แค้น แค่รำมวยไหว้ครู อุ่นเครื่องเบาๆ เท่านั้น!

    อีกเรื่องที่อาจเป็นเหตุให้มะกันเล่นสกปรกแบบนี้ก็คือ เพื่อขู่ไม่ให้อิหร่านทำสนธิสัญญายุทธศาสตร์ชาติระยะยาวกับจีน เพราะถ้าสองชาตินี้ดีลกันได้ อิหร่านก็จะไม่แคร์การคว่ำบาตรของมะกัน และจีนก็อาจจะมีบั้งไฟน้อยใหญ่มาอยู่ใกล้ๆ อิสราเอลและฐานทัพมะกันในตะวันออกกลาง ตอบโต้ที่มะกันไปล้อมจีนที่ทะเลจีนใต้
    ................
    อย่างไรก็ดี เชื่อว่าอิหร่านคงไม่นิ่งเฉยต่อการคุกคามพลเรือนของตนแน่ ขั้นแรกอาจเป็นการฟ้องร้องทางกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้าไม่ได้ผล คราวนี้ล่ะครับ คงได้เห็นการจองกฐินสามัคคีโจมตีฐานทัพมะกันในตะวันออกกลาง โดยเด็กๆ ในสังกัดอิหร่าน โดยเฉพาะในอิรัก

    คราวก่อนที่อิหร่านเกิดเหตุไฟไหม้นับสิบแห่งในประเทศในเวลาไล่เลี่ยกัน ผ่านไปไม่ถึงเดือน ก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ในสหรัฐเกือบสิบจุด เอาแค่เหตุเพลิงไหม้เรือรบอย่างเดียวก็ 3 เคสแล้ว...
    .
    ต้องจับตาดูกันต่อไปครับ
    .
    .

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พาดหัวข่าวได้แย่มาก อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเครื่องบินพาณิชย์บินหาเรื่อง พุ่งเข้าหาเครื่องบินรบ

    ทั้งๆ ที่เขาบินตามเส้นทางปกติ แต่เครื่องบินรบมะกัน (ไม่ไช่อิสราเอล) เข้ามาบินขนาบข้างอย่างตั้งใจ เรดาร์ระดับมะกันจะไม่รู้เหรอครับ

    ที่ว่าเป็นเครื่องมะกัน ก็เพราะตอนนั้นอยู่เหนือฐานทัพ Al Tanf ของมะกัน (ที่มาตั้งอย่างผิดกฎหมาย) ในซีเรีย

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อีกคลิปหนึ่ง จากสถานการณ์คุกคามเครื่องบินพาณิชย์อิหร่าน โดยเครื่องบินรบมะกัน

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,824
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ภาพเด็กน้อยผู้บาดเจ็บ เป็นผู้โดยสารสายการบินมาฮาน อิหร่าน ที่ถูกเครื่องบินรบทะกันข่มขู่ด้วยการบินขนาบ 2 ข้าง

     

แชร์หน้านี้

Loading...