ติดตามสถานะการณ์

ด่วน.... เกิดไฟไหม้อย่างกว้างขวางในศูนย์เกษตรกรรมขนาดใหญ่ ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
แหล่งข่าวของสหรัฐฯได้ตีพิมพ์ภาพเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ที่ศูนย์เกษตรกรรมในพิลส์โกรฟรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งผ่านไปแล้วหลายชั่วโมงยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไฟได้



นักดับเพลิงพยายามเข้าไปดับไฟขนาดใหญ่ที่ศูนย์เกษตรกรรมใน ในพิลส์โกรฟ เมือง Salem รัฐนิวเจอร์ซีย์ตั้งแต่วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น
ไฟเริ่มลุกไหม้ในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และอย่างน้อยหนึ่งอาคารถูกทำลายพังเสียหายยับ หน่วยงานดับเพลิงหลายแห่งกำลังพยายามเข้าไปดับไฟ
บีบีซี รายงานว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุของไฟไหม้ครั้งนี้ และตอนนี้ยังไม่สามารถควบคุมได้ และขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รายงานการบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
ข่าวโลกที่3
รออัพเดต
https://fa.alalamtv.net/news/5057201/%D8%A2%D8%AA%D8%B4-%D8%B3%D9%88%D8%B2%DB%8C-%DA%AF%D8%B3%D8%AA%D8%B1%D8%AF%D9%87-%D8%AF%D8%B1-%DB%8C%DA%A9-%D9%85%D8%AC%D8%AA%D9%85%D8%B9-%D8%A8%D8%B2%D8%B1%DA%AF-%DA%A9%D8%B4%D8%A7%D9%88%D8%B1%D8%B2%DB%8C-%D8%AF%D8%B1-%D9%86%DB%8C%D9%88%D8%AC%D8%B1%D8%B3%DB%8C--%D9%81%DB%8C%D9%84%D9%85

 

ขณะที่ทางการยังไม่ออกมายืนยันข่าวการเสียชีวิตของ กษัตริย์ ซัลมาน แต่สื่อต่างๆในซาอุ มีการแพร่คลิปเสียงกราดยิงรอบๆบริเวรวังของกษัตริย์ #เหตุการณ์ นี้ ราวกับว่า MBS บินซัลมาน มกุฎราชกุมารต้องการขึ้นครองราชย์เร็วกว่ากำหนด
รออัพเดต
ข่าวโลกที่3

 

ด่วน....นายกรัฐมนตรีอิรัก พร้อมคณรัฐมนตรีชุดใหญ่อิรัก ได้เดินทางถึงสนามบินนานาชาติเมห์รอบาด แล้ว เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
ซึ่งถือเป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิรัก

 

'โฮป' ยานสำรวจแห่งความหวัง ภารกิจอวกาศแรกของอาหรับ

จรวดนำส่งยานสำรวจที่พัฒนาโดยยูเออี ถูกปล่อยยิงจากศูนย์อวกาศทาเนกะชิมา ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อเวลา 6.58 น.ของวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงตามกำหนดการ
การปล่อยยานโฮป (Hope) หรืออัล อามาล ในภาษาอาหรับ ไปดาวอังคาร ถูกเลื่อนมา 2 ครั้งแล้ว เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้อ แต่การปล่อยยิงวานนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ
เกือบ 1 ชั่วโมงต่อมา ยานสำรวจแยกตัวออกจากจรวดนำส่งได้สำเร็จ ภาพถ่ายทอดสดจากศูนย์อวกาศ เจ้าหน้าที่ประจำฐานปรบมือกันเสียงดังสนั่นในห้องควบคุม
คาดว่ายานโฮป จะเข้าสู่วงโคจรของดาวอังคารในเดือน ก.พ. 2564 ซึ่งจะครบรอบ 50 ปีของการสถาปนา รวมพันธมิตร 7 รัฐของเจ้าผู้ครองนครมาเป็นยูเออี
โฮปแตกต่างจากอีก 2 โครงการที่จะปล่อยในปีนี้ตรงที่ ไม่ได้ลงจอดบนดาวแดง แต่จะอยู่ในวงโครจนเป็นเวลา 1 ปีดาวอังคาร หรือ 687 วัน
แม้วัตถุประสงค์ของยูเออีต้องการเก็บภาพสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปของดาวอังคารอย่างรอบด้าน แต่ยานโฮปจะเป็นรากฐานนำไปสู่เป้าหมายที่ไกลกว่านั้นมาก นั่นคือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์บนดาวอังคารภายใน 100 ปีข้างหน้า
รัฐบาลดูไบว่าจ้างสถาปนิกให้ลองออกแบบเมืองบนดาวอังคาร แล้วสร้างเมืองจำลองนี้ขึ้นในทะเลทราย เรียกว่า “เมืองวิทยาศาสตร์” ใช้งบประมาณราว 135 ล้านดอลลาร์ ไม่เพียงเท่านั้นยูเออียังต้องการใช้โครงการนี้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆและเยาวชนอาหรับ ที่มักมีความขัดแย้งทางเชื้อชาติและวิกฤติเศรษฐกิจอยู่เสมอ
รัฐบาลยูเออีประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า ยานโฮป คือตัวแทนของความภูมิใจ ความหวัง และสันติภาพของภูมิภาคอาหรับที่พวกเขาต้องการรื้อฟื้นยุคทองในการค้นพบของชาติอาหรับและอิสลามอีกครั้ง

https://www.bangkokbiznews.com/news...E9al07KnLnNLwRb1MtGSsci60XVYXceo9gWC9RGteZXq4

 

#ข่าวด่วน (22 ก.ค.) เตรียมประกาศผ่อนปรนรีเอนทรี่ (กลับประเทศ) สำหรับนร. / นศ. และกลุ่ม expat ต่าง ๆ เย็นวันนี้

เฉพาะคนมีวีซ่าและมีรีเอนทรี่แล้ว
รายละเอียดรอฟังประกาศเย็นนี้

เครดิต: https://news.yahoo.co.jp/articles/cf22607ea8f05c22c88e16a0edc4b0ac720942b3

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า

 

ตามที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ได้ขอให้คนไทยในญี่ปุ่นลงทะเบียนแจ้งความประสงค์จะกลับประเทศไทยโดยเร่งด่วน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ใช้ข้อมูลดังกล่าวในการประสานงานกับสายการบินต่างๆ จัด “เที่ยวบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทย”เป็นกรณีพิเศษในช่วงการประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย สำหรับเที่ยวบินในเดือนกรกฎาคม 2563 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ส่งหนังสือรับรองให้ทุกท่านที่ได้รับจัดสรรเรียบร้อยแล้ว (โปรดตรวจสอบทั้งใน inbox และใน junk mail ของอีเมล์) โดยจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2563 ชาวไทยในญี่ปุ่นสามารถเดินทางกลับไทยได้กว่า 2,300 คน

สำหรับเดือนสิงหาคม 2563 เพื่อให้ชาวไทยที่มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับไทยในเดือนสิงหาคมสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอแจ้งแผนการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูตฯ ในการจัด “เที่ยวบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทย” ในวันและเที่ยวบินต่อไปนี้ :
- วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563 (200 ที่) โดยสายการบิน Japan Airlines เที่ยวบิน JL031
- วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2563 (200 ที่) โดยสายการบิน All Nippon Airways เที่ยวบินที่ NH 847
- วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2563 (200 ที่) โดยสายการบิน Japan Airlines เที่ยวบิน JL031
- วันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563 (200 ที่) โดยสายการบิน All Nippon Airways เที่ยวบินที่ NH 847

ในการนี้ ขอให้ผู้ที่ประสงค์และพร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศไทย ลงทะเบียนตามลิงค์ต่อไปนี้
https://forms.gle/MFMvx2427h6tGHq67

(**ชาวต่างชาติที่เป็นคู่สมรสและครอบครัวของคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับในเที่ยวบินเดียวกับคนไทย ขอให้ลงทะเบียนในลิงค์เดียวกันนี้ด้วย โดยดูรายละเอียดที่ท้ายประกาศนี้
***ผู้ที่อยู่ใน waiting list ของเที่ยวบินเดือนกรกฎาคม ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดต่อท่านแล้วว่าถ้ามีผู้ยกเลิกจะติดต่อไปอีกครั้ง ท่านสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเดินทางในเที่ยวบินเดือนสิงหาคมได้ โดยขอให้แจ้งยกเลิก waiting list กับสถานเอกอัครราชทูตฯ ทางอีเมลที่ส่งมาด้วย)

และขอให้ดำเนินการ ดังนี้
1. ท่านที่ไม่มีบัตรโดยสาร ขอให้ซื้อบัตรโดยสารของเดือนกันยายน/ตุลาคมกับสายการบิน JAL หรือ ANA (ตามเที่ยวบินพิเศษที่ต้องการไป) สำหรับท่านที่มีบัตรโดยสารของ JAL หรือ ANA อยู่แล้ว โปรดอย่ายกเลิกบัตรโดยสารที่มีอยู่ (ภายหลังจากลงทะเบียนแล้ว สถานเอกอัครราชทูตฯ จะประสานงานกับสายการบินเพื่อเปลี่ยนวันเดินทางให้ตรงกับวันของเที่ยวบินพิเศษต่อไป (หากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบ))

2. ส่งเอกสารดังนี้
2.1) หนังสือเดินทาง
2.2) บัตรโดยสาร
2.3) ใบมอบตัว (ถ้ามี)
2.4) ใบยินยอมรับการกักตัว (ลิงค์ด้านล่าง) ให้ลงนามส่งมาพร้อมกัน
(ลิงค์ใบยินยอมรับการกักตัว)
https://drive.google.com/file/d/1eqp5Kh5heo0dFulkukQA0RMRPWmxhqVF/view?usp=sharing
มาที่ Email : rtetokyo2020.3@gmail.com
โดยทันที โดยเขียนหัวข้อว่า
“วันที่ประสงค์เดินทาง AUGUST flight-ชื่อ-นามสกุล (ภาษาอังกฤษ)”
เช่น “5 AUGUST flight-KONTHAI JAIDEE”
สำหรับผู้ที่จะเดินทางในเที่ยวบินวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ขอให้ส่งเอกสารทั้งหมดมาในโอกาสแรกภายในวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 เวลา 15.00 น. (เวลาท้องถิ่นญี่ปุ่น)

หมายเหตุ - การลงทะเบียนจะสมบูรณ์ต่อเมื่อลงทะเบียนในลิงค์และสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับเอกสารทั้งหมดทางอีเมล์

- โดยที่โควตาที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับจัดสรรในการนำคนไทยกลับในแต่ละเที่ยวบินมีจำกัด สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาจัดสรรให้ผู้ส่งเอกสารมาครบถ้วน โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและกรณีเร่งด่วนก่อน สำหรับท่านที่ยังไม่มีความเร่งด่วนในการเดินทางกลับประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอให้ชะลอการเดินทางออกไปก่อน ทั้งนี้ เมื่อมีเที่ยวบินถัดไป จะประกาศให้ทราบต่อไป

สำหรับชาวต่างชาติที่เป็นคู่สมรสและครอบครัวของคนไทยที่เป็นประสงค์จะเดินทางกลับในเที่ยวบินเดียวกัน ขอให้ลงทะเบียนในลิงค์ข้างต้นด้วย https://forms.gle/MFMvx2427h6tGHq67
(ชาวต่างชาติที่เป็นคู่สมรสและครอบครัวของคนไทยที่ไม่ได้เดินทางพร้อมคนไทย ขอให้ดูรายละเอียดการลงทะเบียนที่ http://site.thaiembassy.jp/)

ทั้งนี้ คู่สมรสและครอบครัวของคนไทยที่เป็นชาวต่างชาติมีเงื่อนไขและการดำเนินการเพิ่มเติมจากกรณีคนไทยดังนี้
1) ลงทะเบียนที่ (https://forms.gle/MFMvx2427h6tGHq67) ใน ”เหตุผลที่จะต้องเดินทางกลับไทยโดยด่วน”โปรดระบุชื่อคู่สมรสและครอบครัวที่เป็นคนไทย และจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่เดินทางพร้อมกัน
2) ส่งเอกสารต่อไปนี้ ไปที่ Email : rtetokyo2020.3@gmail.com โดยทันที โดยเขียนหัวข้อว่า “วันที่ประสงค์เดินทาง AUGUST flight-ชื่อ-นามสกุล (ภาษาอังกฤษ) –ชื่อของคนไทยที่เป็นครอบครัวที่เดินทางด้วยกัน” เช่น “26 AUGUST flight-SAKURA JAIDEE-Family of Mr. KONTHAI JAIDEE” เพื่อสถานเอกอัครราชทูตออกหนังสือ COE ให้ทางอีเมล์
2.1) หนังสือเดินทาง
2.2) บัตรโดยสาร
2.3) เอกสารยืนยันการจองพื้นที่กักตัว (Alternative State Quarantine – ASQ*) เป็นเวลา 14 วัน โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://hsscovid.com/
2.4) กรมธรรม์ประกันสุขภาพมีวงเงินเอาประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลในไทย ซึ่งรวมถึงค่ารักษาพยาบาลกรณี COVID-19 ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า
2.5) Declaration Form (ดาวน์โหลดได้ที่ http://site.thaiembassy.jp/upload/pdf/covidVISA/20200715%20[DF]%20Non-Thai%20-fillable%20(2).pdf )
2.6) สำเนาการตรวจลงตรา (Visa) หรือ Re-entry permit ที่มีอายุ (โปรดดูรายละเอียดการจองคิว และเอกสารที่ต้องใช้ที่ vabo.thaiembassy.jp)

3) ในวันเดินทาง ผู้โดยสารชาวต่างชาติจะต้องแสดงเอกสารต่อไปนี้ต่อเคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินและต่อเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
3.1) เอกสาร COE (ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ จะพิจารณาออกให้เมื่อได้รับเอกสารในข้อ 2 ครบ)
3.2) Declaration Form ที่ผู้ร้องลงนามรับทราบข้อปฏิบัติ
3.3) ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง (Fit to Fly/Travel Health Certificate) ซึ่งได้รับการออกให้ระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
3.4) ใบรับรองแพทย์ซึ่งยืนยันว่า ปลอดเชื้อ COVID-19 แบบ RT-PCR ซึ่งได้รับการตรวจรับรองหรือออกให้มีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
3.5) แบบฟอร์ม ต. 8 ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว หรือสามารถกรอกข้อมูลแบบออนไลน์ได้ที่ AOT Airports Application
************
タイ人配偶者/家族がいる外国籍で、タイ人配偶者/家族と共に同じ便でタイへ渡航を希望している方は、以下の1～3の手順と必要書類をご確認の上、申請を行って下さい。
（タイ人配偶者/家族がいる外国籍で、タイ人配偶者/家族とは同時に渡航されない方は、http://site.thaiembassy.jp/　から【タイ国籍を有しない者のタイ王国入国への特別便】をご確認下さい。）
タイ人配偶者/家族がいる外国籍の入国必要条件と手続きは以下の通りです。
1. 以下のリンクから情報を登録して下さい。
https://forms.gle/oHQnVZk6WeFD7yMMA　
（記入項目内の「緊急でタイへ渡航/帰国する理由」「เหตุผลที่จะต้องเดินทางกลับไทยโดยด่วน」に必ずタイ国籍の配偶者氏名又は家族の氏名と、同時渡航されるご家族の人数を明記して下さい。）
2. 上記リンクにて必要情報登録後、2.1～2.6の必要書類をrtetokyo2020.3@gmail.comまでお送り下さい。メールを送る際、メールの件名には以下の情報を明記して下さい。
※必要書類を送る際に使用したメールアドレスに対し、大使館はタイ入国の際に必要となる入国許可証（ＣＯＥ）をメールにてお送り致します。
件名:【搭乗を希望している日付―ローマ字表記の氏名―タイへ一緒に渡航されるタイ国籍の配偶者氏名又は家族の氏名】
例 : “26 AUGUST flight-SUKURA JAIDEE-Family of Mr. KONTHAI JAIDEE”

2.1 パスポートの顔写真ページ
2.2 航空券
2.3 タイ国内においての14日間隔離施設 (Alternative State Quarantine – ASQ*) の予約確認書。隔離施設に関しての詳細な情報は、http://hsscovid.com/　からご確認下さい。
2.4 新型コロナウイルス感染症及び関連疾患の治療費を含む10万米ドル以上もしくはそれに相当する治療補償額の英文医療保険証。（海外医療保険証には新型コロナウイルス関連疾病治療費を付保することを明確に記載してあることが必要）
2.5 記入し署名済みの申告書 (Declaration Form)　 (http://site.thaiembassy.jp/upload/pdf/covidVISA/20200715%20[DF]%20Non-Thai%20-fillable%20(2).pdf )からダウンロードできます。
2.6 ビザ又は有効期限のある 再入国許可証
（ビザ申請が必要な方は、vabo.thaiembassy.jp　からご予約下さい。ビザ申請必要書類は、大使館ホームページよりご確認下さい。）
3. 渡航日当日、外国籍の搭乗者は以下の必要書類を空港のチェックインカウンター、又タイ入国管理局にて提示が必要です。
3.1 大使館発行の入国許可証（ＣＯＥ）
※入国許可証は上記2.1～2.6まで必要書類が揃っている方にメールでお送り致します。
3.2 記入し署名済みの申告書 (Declaration Form)
3.3 渡航前72時間以内に発行された英文の診断書で、健康上問題がなく渡航が可能な旨書かれた診断書　（Fit to Fly or Fit to Travel Health Certificate）
3.4 渡航前72時間以内に発行された英文のRT-PCR検査による新型コロナウイルス非感染証明書
3.5 記入済みのT.8 form（T.8 formはタイ空港公社（AOT）の携帯アプリhttps://aot-app.kdlab.ai　にてオンライン登録もできます。新型コロナウイルス感染拡大により、全ての渡航者はタイ入国時にT.8 formを記入しなければなりません。）

 

#ข่าวด่วน #ข่าวสั้น (22 ก.ค.) โตเกียววันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มประมาณ 230 - 240 ราย (อัพเดท: 238 ราย)

ทำให้ “ยอดสะสม” ของผู้ติดเชื้อในโตเกียวน่าจะเกิน 10,000 รายวันนี้ หลังประกาศอย่างเป็นทางการ

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #COVID19 #โควิด19

ภาพ/ข่าว/ข้อมูล : FNN
— แชร์ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโควิด-19.

 

กิ๊ฟจังนั่งเล่า

(22 ก.ค.) ข่าวสำคัญ และ #สรุป ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในญี่ปุ่นของเมื่อวาน (21 ก.ค.) (00:00-24:00 น.)
วันนี้เริ่ม Go To Travel หยุด 4 วันซ้อน ใครไปไหนกันบ้างคะ ส่วนแอดมหาวิทยาลัยไม่ปิดค่า
เมื่อวานสมกับเป็นก่อนหยุด 4 วันซ้อน ข่าวเพียบ... หลายเมืองก็ทุบสถิติกันเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว
ยอดเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ 632 ราย เทียบกับเมื่อวาน ถือว่าจำนวนเพิ่มรายวันเพิ่มมา 213 ราย (419→632)
ถ้าติดตามยอดคนอาการหนัก (แบบต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ) จะเห็นว่าค่อย ๆ เพิ่มทีละนิดอย่างมีนัยสำคัญ
ที่ญี่ปุ่น ปอดบวม ถือว่า อาการปานกลาง ไม่ใช่อาการหนัก
โตเกียวตอนนี้ รพ. และโรงแรมสำหรับคนอาการเบา หรือคนที่ไม่แสดงอาการ เริ่มไม่พอ ดังนั้น ถ้าเป็นช่วงนี้โอกาสต้องรักษาตัวที่บ้านสูงมาก ถ้าอาการทรุดรีบโทรเรียกรถพยาบาล
————
ข่าวสำคัญ
Go to Travel จะคุ้มคือกันยาไปนะคะ เพราะคูปองพิมพ์เสร็จช่วงนั้น ตอนนี้ได้แค่ 35% อยู่
Go to Campaign รัฐบาลเตรียมชดเชยเงินให้คนที่ต้องจ่ายค่าแคนเซิลทริป หลังเอาโตเกียวออกจากกลุ่มเป้าหมาย โดยเป็นคนที่จองระหว่าง วันที่ 10-17 ก.ค. แล้วต้องแคนเซิล // คนที่คาดหวังกับคนโตเกียวและคนอยู่โตเกียวก็ช็อกกันไป
ต่อจาก Go To Travel —-> Go to Eat ไปกิน มีคูปองลด 25% บ้าง หรือ คืน point ให้web สำหรับ คนจองผ่านเว็บสูงสุด 1,000 point บ้าง
> น่าจะเริ่มประมาณปลายสิงหา
วัคซีน Oxford ก้าวไปอีกก้าวหนึ่ง อ่านได้จากโพสต์เมื่อวานนะคะ https://www.facebook.com/106549004058389/posts/310172913695996/
สธ. ญี่ปุ่นแนะนำให้ใช้เดกซาเมทาโซน (dexamethasone) สำหรับรักษาผู้ป่วยโควิดอาการหนัก หลังมีผลการวิจัยจากฝั่งอังกฤษว่า ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ https://www.facebook.com/106549004058389/posts/310583173654970/?d=n
———-
ข่าวติดเชื้อ
ผู้ว่าโตเกียวขอหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านหากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนช่วงหยุด 4 วันซ้อน
จ. อาโอโมริ ปิดแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งเพื่อไม่ให้คนมาเที่ยว
ยอดผู้ติดเชื้อทุบสถิติรายวันสูงสุดไป 2 จังหวัด คือ ไอจิ กับ ฟุกุโอกะ ที่วันละ 53 ราย
ดาราดังอย่าง โยโกฮามะ ริวเซย์ (23) ติดโควิด เป็นข่าวดังของโลกทวิตเมื่อคืน
พบทหารสหรัฐติดเชื้อแล้ว 10 เบส 140 ราย ตั้งแต่ ฐานทัพที่อาโอโมริ คานางาวะ ยามากุจิ และมากสุดที่โอกินาวะ และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ >> คงไม่นำตัวเลขมารวมกับของญี่ปุ่นเช่นเคย ....
โอซาก้า เจอติดเชื้อ 5 รายในค่ายมวย
———
โตเกียว 237 ราย
- อายุ 10-89 ปี
- คนหนุ่มสาวรุ่น 20-39 ปี เกือบ 58% (137 ราย)
- คนรุ่น 40-59 ปี 67 ราย (28%)
จะเห็นว่าเริ่มกระจายมาสู่กลุ่มคนอายุมาก
- 120 ราย หาต้นตอไม่พบ
- 117 ราย เป็นผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ
คลัสเตอร์
ฟิลิปปินส์ผับ 2 แห่งพบผู้ติดเชื้อ 22 ราย ที่เขตอาดาจิ
ชินจูกุ 13 ราย
สถานฟื้นฟูที่เขตเอโดะกาวะ 19 ราย (50-89)
จาก 237 ราย:
- 51 ราย เป็นคนกลางคืน (บาร์โฮสต์ / นั่งดริงก์)
- 13 ราย ติดจากคนในครอบครัว
- 9 ราย ติดจากการไปสังสรรค์ทานอาหารกับเพื่อน
- 13 ราย ติดจากที่ทำงานเดียวกัน
- 5 ราย ติดจากสถานศึกษา
✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼
ยอด 24 ชม. วันที่ 21 ก.ค. 2020
ยอดเฉพาะในประเทศ ไม่รวมผู้โดยสารเรือไดมอนด์ที่การรักษาสิ้นสุดไปแล้ว
ยอดสะสมผู้ติดเชื้อ (+632)
ในประเทศเพิ่ม 419 ราย รวมสะสม 25,844 ราย
เสียชีวิต (+1)
ในประเทศ เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมสะสม 989 ราย
อาการหนัก (ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ)
ในประเทศ 52 ราย (+5)
ออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ในประเทศ 20,155 ราย (+579)
———
จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่
1. โตเกียว 237 ราย
2. โอซาก้า 72 ราย
3. ฟุกุโอกะ / ไอจิ 53 ราย
4. ไซตามะ 47 ราย
5. คานางาวะ 30 ราย
6. เกียวโต 20ราย
7. ชิบะ 15 ราย
8. กิฟุ 14 ราย
9. เฮียวโกะ 12 ราย
10. ฮอกไกโด 10 ราย
11. ฮิโรชิมะ 8 ราย
12. นาระ 7 ราย
13. ชิกะ 6 ราย
14. ชิซุโอกะ 5 ราย
15. ด้านล่างคือ จังหวัดละ 4 ราย
อิบารากิ
16. ด้านล่างคือ จังหวัดละ 3 ราย
นางาซากิ / วาคายามะ / อิชิคาวะ
โทจิกิ
17. ด้านล่างคือ จังหวัดละ 2 ราย
คาโกชิมะ / โอกินาวะ / โทยามะ
กุนมะ /
18. ด้านล่างคือ จังหวัดละ 1 ราย
ซากะ / คุมาโมโตะ / โอคายามะ
ยามานาชิ
สนามบิน 15 ราย
หลีกเลี่ยงพื้นที่ 3 แน่น : แน่นแฟ้น แน่นขนัด แน่นหนา
ดาวน์โหลดแอพเตือนว่า “เคย” เข้าใกล้ผู้ติดเชื้อ หรือ โกโก้ (COCOA = COVID-19 Contact-Confirming Application)
วิธีดาวน์โหลดมีทั้ง iOS และ Android
>> https://www.facebook.com/106549004058389/posts/286883559358265/
เวลาใช้ต้องเปิด Bluetooth เท่านั้น
———
#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #COVID19 #โควิด19
ภาพ/ข่าว/ข้อมูล :
NHK
https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/
Yahoo

 

#ข่าวสั้น (22 ก.ค.) สธ. ญี่ปุ่นแนะนำให้ใช้เดกซาเมทาโซน (dexamethasone) สำหรับรักษาผู้ป่วยโควิดอาการหนัก หลังมีผลการวิจัยจากฝั่งอังกฤษว่า ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้

เดกซาเมทาโซน (dexamethasone) เป็นยากลุ่มสเตียรอยด์ที่ใช้บรรเทาอาการอักเสบ เช่น ปอดบวม ไขข้ออักเสบ ต่าง ๆ อยู่แล้ว

เป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่นอยู่แล้ว สธ. จึงเพิ่มคำแนะนำสำหรับให้ใช้ในผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนัก

เป็นยาชนิดที่สองที่ได้รับการรับรองให้ใช้รักษาโควิด-19 ต่อจาก “เรมเดซิเวียร์”

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #โควิด19 #COVID19

 

กิ๊ฟจังนั่งเล่า

(21 ก.ค.) ว่าด้วยวัคซีน Oxford จากมุมมองสื่อญี่ปุ่น
ข้อมูลพื้นฐาน
- วัคซีนนี้พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดและบริษัทยายักษ์ใหญ่ AstraZeneca
- ผลการทดลองครั้งนี้เป็นผลขั้นแรก จากลำดับการทดลอง clinical trial 3 ขั้น
- ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Lancet
- ชื่อ : ChAdOx1 nCoV-19
ผลการทดลอง
- จากการตรวจสอบพบ 127 คนที่ได้รับวัคซีนมีแอนตี้บอดี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับ
- ค่าแอนตี้บอดี้ขึ้นเยอะสุดในวันที่ 28 หลังได้รับวัคซีน
- นอกจากนี้ หลังได้รับแล้ว 56 วัน ก็ยังคงค่าแอนตี้บอดี้ในระดับสูงอยู่
- กลุ่มที่ฉีดกระตุ้น ค่าสูงกว่า
- ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตรวจกลุ่มทดลองอีก 35 คน พบว่า มี “NAbs (neutralizing antibodies)” ซึ่งจะทำให้การทำงานของไวรัสอ่อนลงถึง 90%
- และพบว่า กระตุ้นการทำงานของ Antibody และ Killer-T Cell อีกด้วย (อ่านเพิ่มเติมในภาพ)
ผลข้างเคียง คือ 70% ของผู้รับวัคซีนมีอาการ ปวดหัว และ อ่อนเพลีย ซึ่งผู้พัฒนาบอกว่าไม่ใช่อาการข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อร่างกายแต่ประการใด
ส่วนญี่ปุ่นจะได้วัคซีนนี้กับเค้าไหม? วัคซีนนี้ทำงานอย่างไร อ่านได้จากภาพและคำบรรยายใต้ภาพเลยค่ะ
#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #วัคซีน #oxford #โควิด19
ภาพ : N star / NHK



แต่ถึงจะผ่านเข้ามากว่าจะเจรจาและดำเนินการภายในประเทศเสร็จก็น่าจะใบไม้ผลิหน้า



ทั่วโลกกำลังพัฒนาวัคซีน 166 ชนิด 24 ชนิดลองในคนแล้ว

ณ ตอนนี้ อังกฤษ อเมริกา จีนนำโด่ง ในเรื่องการพัฒนา



ผลการทดลอง
- จากการตรวจสอบพบ 127 คนที่ได้รับวัคซีนมีแอนตี้บอดี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับ
- ค่าแอนตี้บอดี้ขึ้นเยอะสุดในวันที่ 28 หลังได้รับวัคซีน
- นอกจากนี้ หลังได้รับแล้ว 56 วัน ก็ยังคงค่าแอนตี้บอดี้ในระดับสูงอยู่
- กลุ่มที่ฉีดกระตุ้น ค่าสูงกว่า
- ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตรวจกลุ่มทดลองอีก 35 คน พบว่า มี “NAbs (neutralizing antibodies)” ซึ่งจะทำให้การทำงานของไวรัสอ่อนลงถึง 90%



- และพบว่า กระตุ้นการทำงานของ Antibody และ Killer-T Cell อีกด้วย



โดยปรกติแล้ว antibody เหมือนรถถัง กันไม่ให้ไวรัสเข้าไปในเซลล์



แต่ถ้าเชื้อหลุดเข้าไปในเซลล์ได้



ก็จะมี Killer - T Cell มาฟันฉับ ๆ ใครนึกไม่ออกกรุณาไปอ่าน はたらく細胞 (hataraku-saibou)



ซึ่งวัคซีนของ Oxford กระตุ้นทั้งสองอย่าง



ผลข้างเคียง
และควรฉีดกระตุ้นกี่ครั้ง อยู่นานแค่ไหน อยู่ระหว่างการทดลอง

(หวังว่าคงไม่ใช่ 3 เดือน )


ญี่ปุ่นเน้นเรื่องการผลิตวัคซีนภายในประเทศมาก ทำให้ละเลยการลงทุนและเจรจาระหว่างประเทศไป
อย่างไรก็ดี ทางฝั่งบ. AstraZeneca บ. ยาที่ผลิตร่วมกับ Oxford บอกว่า จะมีส่วนแบ่งวัคซีนให้ญี่ปุ่น 100 ล้านครั้ง (โดส)

(เรายังไม่รู้ว่าต้องฉีดคนละกี่ครั้ง กระตุ้นกี่รอบ 100 ล้านครั้ง (โดส) ไม่เท่ากับ 100 ล้านคน)

เจรจาเสร็จแล้ว
อังกฤษ 100 ล้าน / อเมริกา 300 ล้าน / เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ รวมกัน 400 ล้าน / บราซิล 100 ล้าน



แต่ถึงจะผ่านเข้ามากว่าจะเจรจาและดำเนินการภายในประเทศเสร็จก็น่าจะใบไม้ผลิหน้า

 

เที่ยวบินพาณิชย์พิเศษ สำหรับผู้ประสงค์เดินทางกลับไทย โดยสายการบิน Emirates Airline
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ ร่วมกับหน่วยงานทีมประเทศไทยในออสเตรเลีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและออสเตรเลีย ได้ประสานงานเพื่อให้มีการจัดเที่ยวบินพาณิชย์พิเศษให้คนไทยในออสเตรเลียที่ประสงค์จะกลับประเทศไทย เส้นทางซิดนีย์ – กรุงเทพฯ ในวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563 โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 2510 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• กำหนดการเดินทาง
- ออกเดินทางจากสนามบินซิดนีย์วันที่ 2 สิงหาคม 2563 เวลา 09.20 น.
• ราคาบัตรโดยสาร
- ชั้นประหยัด 1,060 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
- ชั้นธุรกิจ 3,020 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
• จำนวนผู้โดยสาร
- ต้องมีจำนวนอย่างน้อยรวม 150 คน หากมีจำนวนน้อยกว่า 150 คน สายการบิน Emirates จะไม่สามารถจัดเที่ยวบินนี้ได้ (เป็นเงื่อนไขที่สายการบิน Emirates กำหนด)
• คุณสมบัติผู้เดินทางในเที่ยวบินนี้
- เป็นบุคคลสัญชาติไทยที่อยู่ในออสเตรเลีย และมีหนังสือเดินทางไทยที่ยังไม่หมดอายุ
- หากเป็นคนไทยถือสัญชาติออสเตรเลีย หรือเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวร (PR) ด้วย ต้องได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกประเทศจาก Australian Border Force ก่อนลงทะเบียน
- ต้องยินยอมกักตัวเพื่อควบคุมโรคเป็นเวลา 14 วัน เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยในสถานที่ที่รัฐบาลกำหนด
• การลงทะเบียน
- ในวันที่ 22 ก.ค. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ จะส่งอีเมลแจ้งผู้ที่เคยลงทะเบียนไว้แล้วตามลำดับการลงทะเบียน (first come first served) เพื่อให้ท่านยืนยันสิทธิ หากท่านไม่ตอบอีเมลภายในวันที่ 23 ก.ค. ถือว่าท่านสละสิทธิ
- หากท่านยังไม่เคยลงทะเบียน และประสงค์จะเดินทางกลับไทยเพิ่มเติมสามารถลงทะเบียนได้ที่ http://bit.ly/thai2home ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. เป็นต้นไป
- ขอให้ท่านตัดสินใจให้ดีและรอบคอบก่อนลงทะเบียน โปรดหลีกเลี่ยงการลงทะเบียนไว้ก่อน แล้วแจ้งขอยกเลิกในภายหลังเมื่อได้รับสิทธิ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการที่นั่งของผู้โดยสารบนเที่ยวบิน และกระทบสิทธิของผู้โดยสารคนอื่นที่อาจเตรียมตัวไม่ทัน
• หลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก
- จัดสรรสิทธิให้ผู้เดินทางตามลำดับการลงทะเบียน (First come first served) ลงทะเบียนก่อนมีสิทธิก่อนจนครบจำนวน
• ผู้ได้รับสิทธิเดินทาง
- จะมีการแจ้งผลทางอีเมลภายในวันจันทร์ที่ 27 ก.ค. 2563
- หากได้รับสิทธิเดินทาง ท่านไม่สามารถโอนสิทธิให้ผู้อื่นได้
• การคืนเงินค่าบัตรโดยสาร
- เป็นไปตามเงื่อนไขและนโยบายของสายการบิน Emirates ซึ่งใช้เดินทางได้เฉพาะเส้นทาง วัน เวลา และหมายเลขเที่ยวบินที่กำหนดไว้ ไม่สามารถขอคืนเงินได้ (ในส่วนนี้ท่านต้องเจรจากับสายการบินโดยตรงเอง)
• วิธีการจ่ายเงินค่าบัตรโดยสาร
- หากได้รับสิทธิ จะมีการแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดวิธีการจ่ายเงินทางอีเมล
- หากท่านไม่จ่ายเงินภายในเวลาที่กำหนด ท่านจะถูกตัดสิทธิในการเดินทาง
• น้ำหนักกระเป๋า
- กระเป๋าเช็คอิน 35 กิโลกรัม
- สายการบิน Emirates ไม่อนุญาตให้มีกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่อง (cabin baggage) ยกเว้น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค, กระเป๋าถือ (handbag), กระเป๋าเอกสาร หรือของใช้สำหรับเด็กทารกเท่านั้น
• เงื่อนไขการเดินทาง
- หากท่านยกเลิกการเดินทาง หรือไม่สามารถเดินทางได้ด้วยเหตุใดๆ สถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯจะไม่รับผิดชอบต่อค่าเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
• จะมีเที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำกลับไทยครั้งต่อไปอีกเมื่อใด
- ไม่สามารถให้คำยืนยันได้ เนื่องจากขณะนี้ยังคงเป็นช่วงเวลาไม่ปกติ จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีเที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำกลับไทยได้อีกเมื่อใด เนื่องจากไทยและออสเตรเลียยังคงมีข้อจำกัดของการเดินทางระหว่างประเทศ หลักเกณฑ์และระเบียบการเข้าเมือง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตลอดจนความพร้อมของสายการบิน รวมทั้งจำนวนผู้โดยสารที่มากเพียงพอเพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯ จะแจ้งข้อมูลของสายการบินอื่น ๆ ที่อาจให้บริการด้านการบินพาณิชย์ให้ทราบต่อไป (หากมี)
• หากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องกลับประเทศไทย
- ขอแนะนำให้ท่านรีบลงทะเบียนตามลิงก์ข้างต้น
• สำหรับผู้ที่อยู่ในรัฐวิกตอเรีย
โดยที่ทางการรัฐวิกตอเรีย ประกาศห้ามเครื่องบินระหว่างประเทศลงที่ท่าอากาศยานเมลเบิร์นจนถึงวันที่ 8 ส.ค. 63 หากท่านมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องกลับประเทศไทย โปรดลงทะเบียนตามลิงก์ข้างต้น เพื่อเดินทางกลับไทยจากนครซิดนีย์สถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯ ไม่สามารถจัดเที่ยวบินพิเศษรับผู้โดยสารที่นครเมลเบิร์นได้ในช่วงนี้

 

[Breaking] จีนกล่าวว่า #สหรัฐมีคำสั่งให้ทางจีนปิดสถานกงสุลที่ Houston โดยทันทีภายใน 72 ชั่วโมง ! จากความขัดแย้งของทั้งคู่ที่ยังคงบานปลาย

ช่วงนี้เราจะเห็นข่าวความขัดแย้งของทั้งสองประเทศที่เริ่มมาจาก

สัญญาการค้า หรือความขัดแย้งด้านการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
การออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของจีน ที่ให้อำนาจแทรกแซงฮ่องกงมีมากขึ้น
การที่สหรัฐกล่าวหาว่าจีนเป็นผู้ปล่อยไวรัส

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรในตอนนี้ มุมมองของผู้นำทั้ง 2 ประเทศก็ดูจะขัดกันไปหมด ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้เราได้รับรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้สั่งให้จีนปิดสถานกงสุลในฮูสตันโดยทันที เป็นการเพิ่มความตึงเครียด #อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

#รอติดตามการเคลื่อนไหวจากทางจีนต่อไป ในเบื้องต้นนั้น ทางรัฐบาลปักกิ่งกล่าวว่าจะมีการตอบโต้แน่ๆ หากสหรัฐไม่ถอนคำสั่งในครั้งนี้ และจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของสหรัฐ

ความสัมพันธ์ที่แย่ลงของ 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จะเป็นผลลบและเป็นความเสี่ยงต่อตลาดแน่นอนครับ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกก็แดงอ่อนๆกันถ้วนหน้า

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาด แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับนะครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารของทางเพจเรา

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเราฝาก Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

#ทันโลกกับTraderKP
https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-07-22/u-s-asked-china-to-close-houston-consulate-top-editor-hu-says

 

หรรสาระ By Jeans Aroonrat

#ปฏิบัติการณ์ยึดตัวประกันบนรถเมล์ในยูเครน
#ดาร์คฮีโร่นอกจอผู้รักสัตว์
เรื่องสุดแปลก ปนระทึกขวัญนี้ เกิดขึ้นในยูเครน ประเทศที่เพิ่งได้พระเอกซีรียส์หน้ามน มาเป็นประธานาธิบดีนี่เอง
เหตุเกิดเมื่อวันอังคารที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีชายวัยกลางคนขึ้นรถโดยสารประจำทางในเมืองลัทส์ค ประเทศยูเครน ซึ่งในเวลานั้น มีผู้โดยสารร่วมทางด้วยราวๆ 20 คน
รถเมล์ขับไปสักพัก ชายคนนั้นก็ควักปืนไรเฟิล และระเบิดมือออกมาขู่ พร้อมประกาศยึดผู้โดยสาร และคนขับทั้งหมดเป็นตัวประกัน
ก็แตกตื่นสิครับพี่น้อง ทั้งเมืองโกลาหลขึ้นทันใด หรือว่านี่จะเป็นเหตุก่อการร้ายอีกแล้ว ได้แต่ภาวนาในใจว่าจะไม่มีใครต้องเสียชีวิต
ทางรัฐบาลยูเครนไม่รอช้า รีบจัดกำลังตำรวจเข้าล้อมรถเมล์ที่เกิดเหตุ พร้อมชาร์ตทันทีหากมีโอกาส
เบื้องต้น ตำรวจยูเครนสามารถระบุตัวคนร้ายได้ ว่าชื่อนาย Maksym Kryvosh เป็นชาวรัสเซีย อายุ 44 ปี และเคยมีประวัติติดคุกมาแล้วนับ 10 ปี ข้อหาฉ้อโกง และพกพาอาวุธปืนเถื่อน
และในระหว่างที่ตำรวจปล่อยโดรนบังคับ เข้าไปดูสถานการณ์ระยะใกล้ นายมัคซิม คนร้ายก็ใช้ระเบิดมือขว้างไปทำลายโดรนตำรวจ ได้รับความเสียหาย แล้วยังยิงขู่ไม่ให้ตำรวจล้อมวงกระชับพื้นที่ใกล้รถบัสมากเกินไปอีกด้วย ตามรายงานข่าวระบุว่า กระสุนปืนจากคนร้าย เฉียดหัวหน้าทีมตำรวจเฉพาะกิจไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
แสดงว่า คนร้ายใช้ปืนจริง และมีทักษะการใช้อาวุธพอตัว เตรียมการมาอย่างดี ไม่ได้มาเล่นๆ
แต่ก็ยังไม่มีใครทราบว่าคนร้ายต้องการอะไร ถึงได้ก่อเหตุในครั้งนี้
หลังจากที่จับตัวประกันไว้นานหลายชั่วโมง ทางตำรวจก็เจรจาขอให้ปล่อยตัวประกันมาได้ 3 คน เป็นเด็กนักเรียนวัยรุ่น หญิงชรา และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์
โดยคนร้ายได้ฝากให้ตัวประกัน ไปบอกตำรวจ และนักข่าวว่า สิ่งที่เขาต้องการคือ ขอคุยสายตรงกับท่าน
วโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดีพระเอกซีรียส์ของยูเครนนั่นเอง
ตอนแรกทางตำรวจก็ไม่เข้าใจว่าคนร้ายจะขอคุยกันประธานาธิบดีทำไม และเกรงว่าจะไปข่มขู่ประธานาธิบดีอีก เดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่ แต่พอคิดอีกทีว่า แค่คุยโทรศัพท์แป๊บเดียว แลกกับชีวิตตัวประกัน ก็ยอมๆไปเถอะ
ดังนั้นจึงมีการต่อสายตรง ให้นายมัคซิมได้คุยกับประธานาธิบดีเซเลนสกี้ สมใจ
และข้อเรียกร้องของนายมัคซิม ที่ยอมลงทุนยึดรถเมล์ จับผู้โดยสารเป็นตัวประกัน ก็เล่นเอางงกันทั้งบางเคียฟ
เพราะนายมัคซิม ต้องการให้ท่านประธานาธิบดี ให้แนะนำสารคดีเรื่อง Earthlings ภาพยนตร์สารคดี ปี 2005 ที่สะท้อนปัญหามนุษย์ เบียดเบียนสัตว์โลก และธรรมชาติ โดยมีพระเอก ชื่่อดัง วาคีน ฟีนิกซ์ มาอ่านบทบรรยาย
เพราะโดยปกติ ประธานาธิบดีเซเลนสกี้ ดีกรีพระเอกเก่า ก็มักจะแนะนำหนังที่เห็นว่าดี ในหน้าเพจ Facebook ส่วนตัวให้ชาวยูเครนไปลองติดตามชมอยู่เป็นประจำ
แล้วทำไมถึงไม่แนะนำหนังเรื่อง Earthlings บ้างวะครับ! ชาวโลกทุกคนควรได้ดูหนังเรื่องนี้!!
ถึงแม้นายมัคซิม จะเป็นคนหัวรุนแรง ดูเป็นผู้ก่อการร้ายสายเพี้ยน แต่ก็ยังมีอีกบทบาทหนึ่ง คือ เป็นนักเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิสัตว์
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจวางแผนทำอะไรอุกอาจ หวังให้เป็นกระแสสังคม เพื่อให้ทุกคนหันมาสนใจสารคดีเรื่องนี้
พอประธานาธิบดีเซเลนสกี้ ได้ฟังข้อเรียกร้องขอคนร้าย ก็ได้ออก Facebook Live โปรโมทหนังให้มัคซิม ตามคำขอ โดยกล่าวสั้นๆว่า
“The film Earthlings from 2005. Everyone should watch it,”
เมื่อสมใจแล้ว นายมัคซิมก็ยอมปล่อยตัวประกัน และมอบตัวกับตำรวจ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้
ช่างเป็นผู้ก่อการร้ายสายเพี้ยนที่แท้ทรู ไม่รู้ว่าได้รับแรงบันดาลใจ หรือโดนวิญญาณโจ๊คเกอร์เข้าสิง จากหนังเรื่องดังของ วาคีน ฟินิกซ์ หรือเปล่า เลยอยากขอเป็นพระเอกสายดาร์คกับเขาดูบ้าง ช่างไม่กลัวตายเอาซะเลย ถ้าตำรวจยูเครนไม่ใจเย็น มีสิทธิ์โดนส่อง วิสามัญเอาได้ง่ายๆเลยนะท่าน
หลังจบเหตุการณ์ นาย อาร์เซน อวาคอฟ รัฐมนตรีมหาดไทยของยูเครน ได้ออกความเห็นเกี่ยวกับหนังเรื่อง Earthlings เช่นกันว่า จริงๆแล้วหนังเขาดีนะครับ แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำอะไรห่ามๆขนาดนี้เพื่อเรียกร้องให้ใครมาดูหนังก็ได้ เดี๋ยวจะตายก่อนได้อ่านประกาศเจตนารมย์เสียเปล่าๆ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ดูหนังแล้ว อย่าอินมาก นาจ๊า
แหล่งข้อมูล
https://www.theguardian.com/world/2020/jul/21/hostage-siege-ends-after-ukrainian-president-endorses-joaquin-phoenix-film
https://www.bbc.com/news/world-europe-53483585#:~:text=Police%20in%20Ukraine%20are%20involved,of%20the%20hostages%20were%20released.&text=The%20hostages%20are%20said%20to%20be%20unharmed.

 

ปูติน อภิพญามหาผู้ปกครองของรัสเซียออกคำสั่งด่วนถึงพลเอกเซรเก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมให้ปฏิบัติการซ้อมรบด่วน

=AT0onfHYd2ciNLXKDPy4U2wf8x_lgUU6TRaoZHzE2qN7qIIbolbJ9BpkGdN70o85ls3xP0carHCXazvB4v50tthhRN46tPLGPcf7qVhr9fL8xoSsm_otBHj3_sAbLgdO_AzOZsHqaVO04fnI7u_rIdGaALS-YeCufkuo5mewh17JKev4y4ByeCTFwHB-5Qd5Y0xQX4KVj2iQFK-Fh-SfEBCJc_hSH7AkYR6floU']
จังหวัดคาบารอฟสค์ หรือคาบารอฟสค์ไครมี เมืองเอกชื่อคาบารอฟสค์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัสเซีย ท่านที่เคยเดินทางด้วยรถไฟสายทรานไซบีเรียก็ต้องเคยผ่านเมืองคาบารอฟสค์ ที่ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำอามูร์

รัสเซียเรียกแม่น้ำอามูร์ แต่จีนเรียกแม่น้ำเฮย์หลงเจียง ที่แปลเป็นไทยได้ว่าแม่น้ำมังกรดำ ใครไปคาบารอฟสค์ก็คงจะติดใจในผลิตผลทางการเกษตรจากหุบเขาอุสซูรี แถวนั้นจะมีแม่น้ำอุสซูรีที่ต้นน้ำอยู่ในทิวเขาของจังหวัดปรีมอร์สกีย์

พ.ศ.2561 มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าจังหวัดคาบารอฟสค์ พรรคยูไนเต็ดรัสเซียของปูตินหมายมั่นปั้นมือว่า ผู้สมัครของตนจะได้รับเลือกด้วยคะแนนท่วมท้นจากคนคาบารอฟสค์ ทว่า ต้องผิดหวังอย่างแรง เพราะประชาชนคนที่นี่เลือกนายเซรเก อีวาโนวิช เฟอร์กัล อายุ 48 ปี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัณฑิตจากวิทยาลัยแพทย์อามูร์สเตท และปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จากสถาบันการบริการภาครัฐแห่งรัสเซีย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด

ไม่มีใครคิดว่าเฟอร์กัลจะชนะเลือกตั้ง เพราะปูตินซึ่งเป็นประธานาธิบดีนั่งดูแลประเทศอยู่ที่กรุงมอสโกหนุนเด็กของตนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ผลการเลือกตั้งรอบแรก เฟอร์กัลสร้างความประหลาดใจให้กับประชาชนคนทั้งรัสเซีย เพราะได้คะแนนถึงร้อยละ 35.81 ในขณะเด็กของปูตินได้ร้อยละ 35.62

เมื่อไม่มีใครได้คะแนนเกินครึ่งก็ต้องมาแข่งขันกันอีกรอบ คราวนี้เฟอร์กัลชนะถล่มทลาย ได้คะแนนมากถึงร้อยละ 69.57 ประชาชนคนรัสเซียที่ต่อต้านปูตินซึ่งหลบอยู่ตามตรอกซอกมุมต่างๆ ต่างไชโยโห่ร้อง ออกมาแสดงตัวกันอย่างเอิกเกริกเอิ๊กอ๊าก นำความเสียหน้ามหาศาลมาสู่ปูติน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งระดับชาติหรือท้องถิ่นในจังหวัดคาบารอฟสค์ พรรคแอลดีพีอาร์ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับพรรคยูไนเต็ดรัสเซียของปูตินชนะรวดพรวดพราดทั้งสิ้น

1 กรกฎาคม 2563 ประชาชนคนรัสเซียออกมาลงคะแนนแห่งชาติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำให้ปูตินจะกลายเป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในอำนาจนานแสนนาน หลังจากนั้นอีก 8 วัน คือ 9 กรกฎาคม 2563 เฟอร์กัลก็ถูกจับด้วยข้อหาสั่งฆ่านักธุรกิจมากมายหลายคนในคาบารอฟสค์และจังหวัดใกล้เคียงระหว่าง พ.ศ.2547-2548 และถูกนำตัวไปคุมขังยังกรุงมอสโก หากพิสูจน์ว่าผิดจริงก็ต้องติดคุกตลอดชีวิต ไม่มีสิทธิ์ออกมาเล่นการเมืองอีก

คนคาบารอฟสค์รู้สึกว่าการจับกุมครั้งนี้มาจากแรงจูงใจทางการเมืองที่จะตัดตอนความเป็นที่นิยมของนักการเมืองหนุ่ม ที่อาจทำให้อำนาจของปูตินและพรรคยูไนเต็ดรัสเซียสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

ปูตินถือกำเนิดเกิดมาในนครเลนินกราดที่อยู่ในซีกยุโรป ซึ่งมีวิถีชีวิตคนละอย่างกับชาวตะวันออกไกลอย่างคาบารอฟสค์ซึ่งอยู่ติดชายแดนจีน ความผูกพันของประชาชนคนคาบารอฟสค์ที่มีต่อนักการเมืองของตนเองมีสูง หลังจากเฟอร์กัลถูกจับได้ 2 วัน ประชาชนคนคาบารอฟสค์หลายหมื่นคนก็ออกมาประท้วงปูตินกันทุกตรอกซอกมุมของเมือง

17 กรกฎาคม 2563 หน่วยต่อต้านข่าวกรองที่เรารู้จักกันในนาม FSB ก็โผล่หน้าออกมาแถลงว่า อ้า เราจับกุมคุมขังคนเอเชียกลางได้ 1 คน ไอ้นี่น่าจะเตรียมทำการก่อการร้ายโจมตีเมืองคาบารอฟสค์ ไอ้คนนี้มันพกระเบิดขวดมาด้วย 1 ลูก มีมีดดาบ โทรศัพท์มือถือ อ้า และมันมีธงของพวกก่อการร้ายด้วย

ปูติน อภิพญามหาผู้ปกครองของรัสเซียออกคำสั่งด่วนถึงพลเอกเซรเก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมให้ปฏิบัติการซ้อมรบด่วน ด้วยบัดนี้มีการจับผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน มันมีระเบิดขวดและอีดาบด้วย ข้าฯ จึงขอสั่งให้ท่านระดมกำลังพล 1.5 แสนนาย ยานพาหนะ 2.7 หมื่นคัน เครื่องบิน 414 ลำ เรือของกองทัพเรือ 106 ลำ ฝึกเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากการก่อการร้ายโดยด่วน

จับไอ้ปื๊ดได้ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้

แต่ปูตินสั่งซ้อมรบในตะวันตกเฉียงใต้.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
https://www.thairath.co.th/news/for...gio58IQj5C2vYJulvf6vQ6zYLU33B743J20rwGb2Lxl60

 

NEWS: ข้าศึกก็ต้องรบ วีไอพีก็ต้องรับ
รู้จักเครื่องบิน Private Jet ราคาเกือบ 1,400 ล้านบาท
กองทัพบกตั้งงบซื้อในปีหน้า
.
ในยามที่คนในประเทศเริ่ม ‘ไม่มีจะกิน’ กลุ่มคนที่ดูจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดก็คือ ‘ข้าราชการ’ และกลุ่มข้าราชการที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น ‘ข้าราชการทหาร’
.
นอกจากคนกลุ่มนี้จะไม่โดนตัดเงินเดือนแล้ว งบประมาณต่างๆ ในการดำเนินงานก็ยังใช้ได้ตามปกติที่สุด เมื่อเทียบกับข้าราชการกลุ่มอื่นๆ
.
ทหารยังคงสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ได้ตามปกติ ในแง่หนึ่งอาจมีความ ‘จำเป็นต้องใช้’ จริงๆ แต่จะซื้อมากเกินไป หรือซื้อมาในราคาที่เหมาะสมหรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันได้
.
อย่างไรก็ดี ถึงแม้เรื่องกองทัพซื้อรถถังและเรือดำน้ำไปทำไม จะเป็นเรื่องที่ถกเถียงได้ยาก (เพราะในทางความมั่นคง มีคำอธิบายแน่นหนาพอสมควร)
.
แต่เมื่อกองทัพซื้อ ‘ไพรเวทเจ็ท’ หรือเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาใช้ หลายคนเกิดคำถามว่า “จะซื้อไปทำไม?”
.
ยิ่งหน่วยงานที่ซื้อคือ ‘กองทัพบก’ แทนที่จะเป็นกองทัพอากาศ ก็ยิ่งชวนงงปนสงสัยว่ากองทัพบกจะซื้อ ‘เครื่องบิน’ ไปทำไม?

1.
เรื่องกองทัพบกซื้อ ‘ไพรเวทเจ็ท’ นี้แดงขึ้น หลังจากมีคนไปค้นเอกสารงบประมาณกองทัพบกโดยละเอียดแล้วไปเจอการจัดซื้อ ‘เครื่องบินใช้งานทั่วไปขนาดกลาง’ กับบริษัท Gulfstream แล้วพอเอางบประมาณที่ซื้อไปเทียบ ก็พบว่าก็น่าจะตรงกับเครื่องบิน Gulfstream รุ่น G500 (ดูเอกสารได้ที่ https://bit.ly/2ZM4Zum)
.
พอคนเริ่มโวยวาย กองทัพบกได้ออกมาแถลงว่า เป็นการซื้อเครื่องบินใหม่มาแทนเครื่องบินเก่าอย่าง Beechcraft 1900 ใช้งานมากว่า 30 ปีแล้ว เนื่องจากปัจจุบันรุ่นเดิมไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยน
.
ใครที่นึกโมโหโกรธากองทัพบก ใจเย็นๆ เราลองมาดูข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ก่อน

2.
ประการแรก Beechcraft 1900 เป็นเครื่องบินเก่าจริง เริ่มผลิตปลายยุค 1980’s และเลิกผลิตไปเมื่อปี 2002
.
ดังนั้น กองทัพอ้างว่าไม่มีอะไรจะเปลี่ยน ประเด็นนี้ถือว่าฟังขึ้น (ดูข้อมูลเครื่อง Beechcraft 1900 ได้ที่ https://bit.ly/3fQUOdt)

3.
ประการต่อมา การบอกว่าจะซื้อ Gulfstream G500 มาแทน Beechcraft 1900 สมเหตุสมผลหรือไม่?
.
หนึ่ง เราต้องเข้าใจว่าเครื่องบินสองลำนี้มีขนาดเท่าๆ กัน คือเป็นเครื่องบินส่วนตัวจุผู้โดยสารได้เต็มที่ 19 คน
.
Beechcraft 1900 นับว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัวรุ่นคลาสสิคที่ฮิตมากในอดีต ระดับ “ของมันต้องมี” ของพวกเศรษฐีในยุคหนึ่ง และก็ไม่ใช่แค่กองทัพไทย กองทัพหลายๆ ประเทศก็ใช้เครื่องบินรุ่นนี้กันเป็นปกติ
.
แม้เครื่องบินรุ่นนี้ในหลายประเทศจะเป็นของกองทัพอากาศ แต่บางประเทศ เช่น อเมริกา จะเป็นของกองทัพบก และก็ไม่แปลก ถ้าไทยจะใช้ตามอเมริกา เพราะในช่วง 1980’s ความสัมพันธ์ของไทยกับอเมริกันเรียกว่า ‘แนบแน่น’ สุดๆ
.
แต่วันนี้ Beechcraft 1900 กลายเป็นเครื่องบินส่วนตัวแบบใบพัดที่ตกยุคไปแล้ว ขณะที่ทุกวันนี้ ‘แบรนด์’ เครื่องบินส่วนตัวที่เป็นเครื่องเจ็ตรุ่นใหม่มีอยู่เต็มตลาด
.
และแบรนด์หนึ่งที่เป็นแบรนด์มาตรฐานก็คือ Gulfstream

4.
เครื่องบิน Gulfstream รุ่นที่เป็น ‘เรือธง’ คือรุ่น G650ER ซึ่งราคามือหนึ่งน่าจะแพงระยับ เกินงบที่กองทัพบกตั้งไว้ (ราคาน่าจะเกิน 2 พันล้านบาท)
.
มีความเป็นไปได้ ถ้ากองทัพจะเลือกรุ่นที่ถูกกว่าอย่าง Gulfstream G500
.
มองในแง่นี้ เหมือนกองทัพจะ ‘ยอมประหยัด’ แต่ในความเป็นจริง ราคาที่ว่าเป็นราคามือหนึ่ง ฉะนั้นถ้าซื้อมือสองราคาจะถูกลงอีก
.
วิธีซื้อก็ไม่ยาก แค่เข้าเว็บ Gulfstream นั่นแหละ จะพบเครื่องบินมือสองอยู่เต็มลิสต์ และสนราคาอยู่ที่ 500-600 ล้านบาท (ราคาเครื่องบิน ดูได้ที่ https://bit.ly/39iiyEP)
.
ซึ่งเป็นราคาเพียงครึ่งเดียวของราคาเครื่องที่กองทัพตั้งงบซื้อ (คาดว่าน่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่ง)
.
ดังนั้น ข้อสรุปของเรื่องนี้คือ ถ้ากองทัพบกจะมี ‘ไพรเวทเจ็ท’ ไว้ใช้สักลำ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะกองทัพประเทศอื่นก็มีใช้กันปกติ และการบอกว่าจะซื้อมาแทนเครื่องบินส่วนตัวลำเก่า ก็ไม่แปลกเช่นกัน เพราะเครื่องบินรุ่นนั้นเป็นรุ่นที่ผลิตมา 30 กว่าปี และเลิกผลิตไปแล้วเป็นสิบปี
.
แต่ประเด็นที่ทำให้เรื่องนี้ ‘แปลก’ คือทำไมถึงจะมาซื้อตอนนี้???

5.
ทางกองทัพอ้างว่า ความจริงควรจะซื้อปีนี้ แต่โดนตัดงบโน่นนี่ เลยโยกไปปีหน้า เหตุผลนี้เข้าใจได้ แต่คำถามคือกองทัพคิดง่ายไปหรือเปล่า และแน่ใจได้อย่างไรว่าพอปีหน้าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็จะเป็นปกติ และกองทัพจะใช้จ่ายงบกับสิ่ง ‘ฟุ่มเฟือย’ ได้เหมือนเดิม?
.
พูดให้ชัดคือ การทำงบแบบนี้ชี้ว่ากองทัพรู้ว่าปีนี้ต้อง ‘ประหยัด’ แต่ก็คิดอีกเช่นกันว่า ปีหน้าจะไม่ต้องประหยัดเท่าไรแล้ว
.
มองในแง่หนึ่งก็แฟร์ เพราะกองทัพไม่ได้มีหน้าที่คาดการณ์เศรษฐกิจ (และก็ดีแล้วที่กองทัพไม่ต้องทำหน้าที่นี้) แต่อีกด้านหนึ่ง ประชาชนเห็นกองทัพวางงบแบบนี้ในปีที่ประชาชนกำลังลำบากยากเข็ญกันถ้วนหน้า ก็ย่อมทำให้โมโหเป็นธรรมดา
.
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงจะคิดว่า ‘ไพรเวทเจ็ท’ เป็นสิ่งที่ทางกองทัพต้องใช้ แต่อย่างน้อยๆ ทางกองทัพก็น่าจะช่วยประหยัดงบ โดยเลือกใช้เครื่องมือสองก็ยังได้
.
เพราะเวลากองทัพบ้านเราซื้อรถถังหรือเครื่องบินรบส่วนใหญ่ก็ซื้อมือสองทั้งนั้น
.
กล่าวคือ ถ้าพวกยานพาหนะในกองทัพสามารถใช้แบบมือสองได้ ทำไม ‘ไพรเวทเจ็ท’ จะใช้มือสองไม่ได้?
.
หรือว่าจะมี ‘วีไอพี’ บางคนไม่ปลื้ม?

#PrivateJet #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering

 

22 ก.ค.2563 - ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) หรือนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจประชาชน เรื่อง “โควิด - 19 รอบ 2?” ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17 – 18 ก.ค. 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,269 หน่วย

โดยการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงความกังวลว่าประเทศไทยจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 เป็นรอบที่ 2 พบว่า 35.46% ระบุว่า กังวลมาก เพราะประชาชนบางกลุ่มละเลยการป้องกันตนเอง และหากมีการแพร่ระบาดอีกจะทำให้การใช้ชีวิตแย่ลงกว่าเดิม รายได้จะหายไปมากกว่าเดิม 31.05% ระบุว่า ค่อนข้างกังวล เพราะยังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 อยู่ และมาตรการการป้องกันไม่รัดกุม โดยเฉพาะการเปิดให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศ 16.23% ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล เพราะมั่นใจในการทำงานของรัฐบาลว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในขณะที่บางส่วนบอกว่าอาศัยอยู่ในจังหวัดที่ไม่ได้เป็นพื้นที่เสี่ยง และประชาชนส่วนใหญ่ดูแลและป้องกันตนเองดี และ 17.26% ระบุว่า ไม่กังวลเลย เพราะประชาชนส่วนใหญ่ดูแลและป้องกันตนเองดี เชื่อมั่นในมาตรการการป้องกันของรัฐบาล และไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ภายในประเทศติดต่อกันนานมาก

ด้านความคิดเห็นต่อประเทศไทยจะมีการเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ภายในประเทศเป็นรอบที่ 2 จากการสำรวจ พบว่าส่วนใหญ่ 39.79% ระบุว่าจะเกิดขึ้นแน่ เพราะมีการเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศแบบไม่มีการกักตัว ส่วนชาวต่างชาติไม่ค่อยป้องกันตนเอง ประชาชนบางกลุ่มละเลยการป้องกันตนเอง และรัฐบาลขาดความระมัดระวัง ไม่มีการควบคุมที่เข้มงวด รองลงมา 30.89% ระบุว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ได้ และประชาชนส่วนใหญ่มีการป้องกันตนเอง การ์ดยังไม่ตก 29% ระบุว่าไม่มั่นใจ เพราะรัฐบาลการ์ดเริ่มตกและเกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ไว้ได้ และเชื้อไวรัสก็ยังไม่หมดไป 100% และ 0.32% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามกลุ่มผู้ที่ระบุว่าประเทศไทยจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ภายในประเทศเป็นรอบที่ 2 อย่างแน่นอน และกลุ่มที่ระบุว่าไม่มั่นใจพบว่า ส่วนใหญ่ 70.01% ระบุว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้าประเทศได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ รองลงมา 44.93% ระบุว่า ภาครัฐการ์ดตก (ขาดการระมัดระวัง ป้องกัน) 42.53% ระบุว่าการแอบลักลอบเข้าเมืองของคนต่างชาติ 18.24% ระบุว่า ประชาชนการ์ดตก (ขาดการระมัดระวัง ป้องกัน) และ 0.46% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ

https://www.thaipost.net/main/detail/72158

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นายโอลิวิเยร์ เวรอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศส ได้เปิดเผยในวันจันทร์ที่ 20 ก.ค. 2563 ว่า เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานเรื่องการระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อน หรือ ‘คลัสเตอร์’ ของไวรัสโควิด-19 จำนวนถึง 400-500 จุด แต่ยืนยันว่ายังไม่ถึงขั้นการระบาดระลอกที่สอง

ส่วนใหญ่ระบาดในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโรงฆ่าสัตว์ และสถานที่เฉพาะ อย่างบ้านพักคนชรา ขณะที่จุดอื่น ๆ เป็นผลจากการจัดงานรวมญาติของประชาชนในช่วงวันหยุดฤดูร้อน “ณ จุดนี้ เรายังอยู่ห่างไกลจากการระบาดระลอก 2 มาก เป้าหมายที่เราเปิดเผยเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อให้ผู้คนกังวล แต่เพื่อให้พวกเขาระวังตัว”

ทั้งนี้ ตามรายงานของ สำนักงานสุขภาพฝรั่งเศส อัตราการแพร่กระจายของเชื้อทั่วประเทศตอนนี้ อยู่ที่ 1.2 หมายถึง คน 10 คนจะแพร่เชื้อให้คนอื่น ๆ ได้โดยเฉลี่ย 12 คน แต่บางพื้นที่ในประเทศมีอัตราการแพร่เชื้อสูงกว่านี้มาก เช่น ในพื้นที่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งเมืองมาร์แซย์ และนีส มีอัตราอยู่ที่ 1.55 ส่วนที่เมืองบริตทานี ทางตะวันตกของฝรั่งเศส มีอัตราแพร่กระจายของเชื้อถึง 2.6 หมายความว่า คน 10 คนจะสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่น ๆ ได้ถึง 26 คน

นอกจากนี้ นายเวรอง ยังกล่าวด้วยว่า หากแนวโน้มการระบาดยังน่ากังวลแบบนี้ต่อไป รัฐบาลอาจต้องพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์ระดับภูมิภาค หรือถึงขั้นระดับประเทศอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลก็เพิ่งประกาศบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากเวลาอยู่ในสถานที่ปิดต่าง ๆ เช่น ร้านค้า หรืออาคารสำนักงาน เป็นต้น

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา https://www.thairath.co.th/news/foreign/1893852

 

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานถึง การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ตัวทดลองของ AstraZeneca ในสหราชอาณาจักร มีความปลอดภัยและมีการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในการทดลองทางคลินิกขั้นต้นในอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรง จากข้อมูลที่เปิดเผยในวันจันทร์ที่ 20 ก.ค.โดยพบเห็นระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองดีที่สุดในคนที่ได้รับยา 2 โดส ขณะที่ในวันเดียวกันนั้น วัคซีนที่พัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยของกองทัพจีนก็ได้ผลออกมาในแง่ดีเช่นกัน

โดยพบว่า วัคซีนที่เรียกว่า AZD1222 ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมระหว่าง AstraZeneca กับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดแห่งสหราชอาณาจักร ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียงร้ายแรงใด ๆ รวมทั้งเพิ่มระดับแอนติบอดีต่อต้านและทำลายไวรัส และภูมิคุ้มกัน T-cells ที่โจมตีไวรัส จากผลการทดลองที่เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์ The Lancet

ซาราห์ กิลเบิร์ต ผู้พัฒนาวัคซีน กล่าวว่า “ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำ ก่อนที่เราจะสามารถยืนยันได้ว่าวัคซีนของเราจะช่วยจัดการโรคระบาดใหญ่โควิด-19 แต่ผลเบื้องต้นนี้คือสัญญาณที่ดี เรายังไม่รู้ว่าการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งแค่ไหนที่เราจำเป็นต้องกระตุ้นเพื่อป้องกันเชื้อ SARS-CoV-2 อย่างมีประสิทธิผล คณะวิจัยจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโควิด-19 มากกว่านี้และเดินหน้าการทดลองในขั้นท้ายซึ่งได้เริ่มกันไปแล้ว”

การเปิดเผยผลการทดลองมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจาก AstraZeneca ลงนามกับรัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลก ในการจัดหาวัคซีนหากว่าได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิผลและได้รับการอนุมัติเรื่องความปลอดภัย ในขณะที่ทางบริษัทเคยยืนยันว่าจะไม่แสวงหาผลกำไรจากวัคซีนระหว่างโรคระบาดใหญ่

โดยการทดลองครั้งล่าสุดนี้ ประกอบด้วย กลุ่มผู้ทดลองผู้ใหญ่อายุ 18-55 ปี ที่มีสุขภาพแข็งแรง 1,077 คน และไม่มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 “ข้อมูลในวันนี้ เพิ่มความมั่นใจให้เราว่าวัคซีนจะได้ผล และเปิดทางให้เราเดินหน้าแผนผลิตวัคซีนในขอบเขตที่สามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางและเท่าเทียมกันทั่วโลก ” เมเน แพนกาลอส รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์ของ AstraZeneca กล่าว ทั้งนี้ผลข้างเคียงจากวัคซีนมีเพียงเล็กน้อย แต่ผลกระทบบางอย่างสามารถลดได้ โดยการใช้ยาพาราเซตามอล และไม่พบกรณีเกิดกระทบร้ายแรงใด ๆ จากการใช้วัคซีน

ส่วนวัคซีนโควิด-19 ที่ทดลองในจีน ก็ได้รับการเปิดเผยในวันจันทร์ที่ 20 ก.ค. ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดย CanSino Biologics Inc และหน่วยงานวิจัยของกองทัพจีน เผยให้เห็นว่ามีความปลอดภัยและกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ในผู้ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่

ผลการทดสอบของบริษัทจีนแห่งนี้ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ The Lancet เช่นกัน ถึงกระนั้นผู้วิจัยยังเน้นว่ายังไม่มีผู้เข้าร่วมการทดสอบได้สัมผัสกับไวรัส SARS-CoV-2 หลังการฉีดวัคซีนแล้ว ดังนั้น จึงยังสรุปไม่ได้ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อหรือไม่

ทั้งนี้ วัคซีน Ad5-nCOVของ CanSino เป็นหนึ่งในไม่กี่วัคซีนที่แสดงสัญญาณแง่บวกบางอย่างในการทดลองในมนุษย์ และกำลังยกระดับสำหรับการทดลองขั้นสุดท้าย เช่นเดียวกับโครงการวัคซีนของ โมเดอร์นา อิงค์, ไยโอเอ็นเทค, อิโนวิโอ ฟาร์มาซูติคัล และ AstraZeneca

แม้วัคซีนของ CanSino ยังไม่ได้เริ่มการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่ขั้นท้าย เพื่อประเมินผลว่ามันป้องกันผู้คนจากการติดเชื้อได้ดีแค่ไหน แต่ก็ได้รับไฟเขียวให้ใช้ในกองทัพจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน CanSino เปิดเผยว่า การทดลองวัคซีนของบริษัททางคลินิกทั้งเฟส 1 และ 2 บ่งชี้ว่า วัคซีน Ad5-nCoV มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 แต่ทางบริษัทยังไม่สามารถรับประกันความสำเร็จในการจำหน่ายวัคซีนดังกล่าวเพื่อการพาณิชย์

ที่มา https://mgronline.com/around/detail/9630000074500

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

หญิงฮ่องกงซวย! เจ้าหน้าที่แล็บแจ้งผลการตรวจผิด ถูกส่งไปหอผู้ป่วยติดเชื้อฯ กลายเป็นผู้ใกล้ชิดกับผู้ป่วยฯ ด้านเจ้าหน้าที่แล็บครวญงานล้นมือ ผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ มีอย่างน้อย 70 รายแล้ว และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ขณะที่เตียงในหอผู้ป่วยแยกโรคในโรงพยาบาลรัฐใกล้เต็มแล้ว
.
ฮ่องกงกำลังสู้ศึกโควิด-19 รอบที่สามอย่างเครียดจัด ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อฯรายวันผุดมาเป็นสิบๆราย และพีคสุดในวันอาทิตย์ (19 ก.ค.) ซึ่งมีรายงานผู้ติดเชื้อฯ จำนวน 108 ราย โดยเป็นครั้งแรกที่ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อฯแตะตัวเลขสามหลักนับจากเกิดการระบาดในดินแดนจากเดือนม.ค. สำหรับรายงานผู้ติดเชื้อฯในวันจันทร์(20 ก.ค.) เท่ากับ 73 ราย
.
เจ้าหน้าที่แถลงในบ่ายวันนี้ (21 ก.ค.) มีรายงานผู้ติดเชื้อฯรายใหม่อย่างน้อย 70 รายแล้ว และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ดันยอดสะสมผู้ติดเชื้อฯในดินแดนร่วม 2,000 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสม เท่ากับ 14 ราย ทั้งนี้ในสองสัปดาห์มานี้ผู้ป่วยติดเชื้อฯในฮ่องกงพุ่งพรวดกว่า 600 ราย
.
“หากแนวโน้มสถานการณ์ยังเลวร้าย ก็ต้องใช้มาตรการที่เข้มกว่านี้ รวมทั้ง ล็อคดาวน์” ดร. Chuang Shuk-kwan หัวหน้าแผนกโรคติดต่อของศูนย์คุ้มครองสุขภาพแห่งฮ่องกง (communicable disease branch at the Centre for Health Protection) กล่าว
.
ด้านรัฐบาลระดมมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดสารพัด ได้แก่ ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารตามสถานที่สาธารณะต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานจากบ้าน
.
ในวันนี้(21 ก.ค.) หน่วยงานบริหารจัดการบริการของโรงพยาบาลในฮ่องกง Hospital Authority เตือนว่าเตียงในหอผู้ป่วยแยกโรคขั้นต้น (first-tier isolation beds) กำลังเต็มในสัปดาห์นี้แล้ว โดยขณะนี้อัตราเต็มของเตียงฯแตะระดับ 77 เปอร์เซ็นต์
.
นอกจากนี้บริษัทรถไฟใต้ดินฮ่องกง MTR Corporation ยังลดเที่ยวการเดินรถระหว่างช่วงที่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนเนื่องจากจำนวนผู้โดยสารลดลงมากอันเป็นผลจากโควิด-19 กลับมาระบาดในช่วง 10 วันที่ผ่านมาหลังจากที่กรณีผู้ป่วยฯในดินแดนเป็นศูนย์ต่อเนื่องสามสัปดาห์
.
หญิงดวงซวย! ถูกส่งไปหอผู้ป่วยโควิด เหตุห้องแล็บแจ้งผลตรวจผิด
.
กลุ่มเจ้าหน้าที่ห้องแล็บตรวจเชื้อไวรัสยอมรับงานล้นมือจนคีย์ข้อมูลผิดและเกิดเหตุรายงานผลการตรวจผิดพลาดในวันเสาร์(18 ก.ค.) ได้แก่ การแจ้งผลการตรวจของหญิงวัย 47 ปีรายหนึ่งเป็นค่าบวก (มีเชื้อไวรัส) และส่งตัวเธอไปยังวอร์ดกักตัวผู้ป่วยติดเชื้อฯที่โรงพยาบาล Pamela Youde Nethersole Eastern Hospital อยู่กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเป็นเวลานาน 7 ชั่วโมงจนเจ้าหน้าที่พบความผิดพลาด อย่างไรก็ตาม หญิงดวงซวยผู้นี้ก็ถูกขึ้นชื่อในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อฯและต้องถูกกักตัวในโรงพยาบาลต่อไป
.
เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมาโรระบาดแห่งฮ่องกง ดร.หว่อง กาฮิง (Wong Ka-hing) เผยว่ายังมีกรณีรายงานผลตรวจจากห้องแล็บผิดพลาดอีกกรณี คือการรายงานผลตรวจหญิงวัย 34 ปี ซึ่งผลการตรวจออกมาเป็นค่าบวกแต่เจ้าหน้าที่ติดป้ายรายงานผลเป็นค่าลบ เจ้าหน้าที่เผยว่า ตอนแรกสุดเธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล North Lantau Hospital เพราะมีอาการของผู้ติดเชื้อฯ จากนั้นก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลปรินเซส มาร์กาแร็ต (Princess Margaret Hospital) ในวันจันทร์(20 ก.ค.)
.
“ความผิดพลาดดังกล่าวเกิดในวันที่มีผู้ป่วยฯหลายราย ทุกคนงานล้นมือ และเหนื่อยมาก” ดร.โดมีนิค ซัง (Dominic Tsang) ผู้เชี่ยวชาญจุลชีววิทยาประจำสาขาบริการห้องแล็บตรวจสุขภาพ (Public Health Laboratory Services Branch) ของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อฯ แจ้งเหตุผล และกล่าวขอโทษผู้ป่วยฯทั้งสอง
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/china/detail/9630000074833
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่

 

จีน vs สหรัฐ ข่าวร้อน
# รัฐเทกซัส เมืองฮิวสตัน
รัฐบาลสหรัฐฯสั่งให้จีนปิดสถานกงสุลจีนในฮิวสตัน
ภายใน 72 ชั่วโมง
# จากคลิปวีดีโอ ภายในสถานกงสุลจีนมีการเผาเอกสารจำนวนมาก ดับเพลิงเมืองฮิวตันมาที่เกิดเหตุในเวลา 20.00 แต่โดนกันห้ามเข้าพื้นที่
# ล่าสุดจากสื่อจีน จีนยอมปิดสถานกงสุล
และประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนของสหรัฐ แจ้งให้สหรัฐคิดทบทวน จีนพร้อมตอบโต้อย่างรุนแรง