ติดตามสถานะการณ์

ญี่ปุ่นเริ่มแล้ว เลิกพึ่งจีนย้ายฐานผลิตมาไทยและอาเซียน



สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเริ่มให้เงินอุดหนุนแก่บริษัทบางแห่งเพื่อลงทุนในโรงงานในญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการพึ่งพาการผลิตในประเทศจีน
กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (METI) กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า บริษัท 57 แห่งรวมถึงผู้ผลิตหน้ากากอนามัย เช่น Iris Ohyama Inc. และ Sharp Corp จะได้รับเงินอุดหนุนรวม 57,400 ล้านเยนจากรัฐบาลเพื่อลงทุนในการผลิตในญี่ปุ่น
บริษัทอีก 30 แห่งจะได้รับเงินสำหรับการลงทุนในไทย, เวียดนาม, เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเงิน
แม้ว่าในแถลงการณ์ของ METI ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าการช่วยเหลือทางการเงินคือการช่วยย้ายการผลิตออกจากประเทศจีน แต่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะกล่าวในเดือนมีนาคมว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องนำภาคการผลิตกลับบ้านหรือกระจายไปยังประเทศอาเซียน แทนที่จะพึ่งพาประเทศเดียวเช่นจีน
หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินรวม 70,000 ล้านเยนในรอบนี้ โดยงบประมาณส่วนนี้มาจากจากงบประมาณ 243,5000 ล้านเยนที่รัฐบาลจัดสรรในเดือนเมษายนเพื่อลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของจีนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บริษัทย้ายโรงงานกลับบ้านหรือไปยังประเทศอื่น ๆ
เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนเลวร้ายลงและสงครามการค้ายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในสหรัฐและประเทศอื่นๆ เริ่มพูดถึงการลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจและภาคธุรกิจกับจีน และการตัดสินใจของญี่ปุ่นคล้ายกับนโยบายของไต้หวันในปี 2562 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำการลงทุนย้ายจากจีนแผ่นดินใหญ่มายังไต้หวัน
แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดที่มีนโยบายที่ชัดเจนในการย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีน
Source: Posttoday
https://www.posttoday.com/world/628826
เพิ่มเติม
- Japan Starts Paying Firms to Cut Reliance on Chinese Factories :
https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-07-18/japan-to-pay-at-least-536-million-for-companies-to-leave-china

 

Jul 22 , 2020 เลขา สมช. ย้ำต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือนเพื่อควบคุมโควิด พร้อมกับปรับปรุงพ.ร.บ.โรคติดต่อ พร้อมจะไม่ใช้กับห้ามการชุมนุมแล้ว
.
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่าที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ มีมติต่อพ.ร.กฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ และจะเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด19 ทั่วโลกยังคงมีความรุนแรง อีกทั้งมีคนไทยจากต่างประเทศและชาวต่างชาติที่ได้รับการผ่อนผันเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะมีการอนุญาตให้ชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม
.
นอกจากนี้มาตรการผ่อนคลายในประเทศที่ดำเนินการอยู่เป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของโรค
.
อีกทั้งต้องมีการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง // การจัดทำระบบติดตามตัวการกักตัว และการเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย รวมถึงมาตรการควบคุมโรคที่ใช้ได้อย่างครอบคลุม
.
ที่สำคัญขณะนี้ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงพ.ร.บ.โรคติดต่อเพื่อใช้ในการควบคุมโรค และให้ใกล้เคียงกับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ เมื่อยังไม่มีมาตรการที่เหมาะสมจึงต้องคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าจะปรับปรุงพ.ร.บ.โรคติดต่อให้เร็วที่สุด
.
นอกจากนี้จะไม่ใช้มาตรา 9 ในพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อห้ามการชุมนุม เพื่อแสดงความจริงใจในการต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณสุขจริงๆในการกักตัว 14 วันกับผู้เดินทางเข้าประเทศ ส่วนผู้ชุมนุมที่โดนดำเนินคดีในช่วงก่อนหน้านี้จากพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ต้องดำเนินการกันไปตามกฎหมาย และขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อหาในกฎหมายอื่นๆ
.
#ศบค #มาตรา9 #ไม่ห้ามชุมนุม #Misterban

 

Jul 22, 2020 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 6 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 3,261 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม
.
โดยขณะนี้มีผู้ป่วยในโรงพยาบาล 98 ราย รักษาหายแล้ว 3,105 ราย เสียชีวิต 58 ราย
.
โดยผู้ติดเชื้อใหม่ทั้ง 6 ราย เดินกลับจากต่างประเทศ เข้าพักอยู่ในพื้นที่ State Quarantine
.
เดินทางกลับจากอียิปต์ 4 ราย ตรวจหาเชื้อวันที่ 21 ก.ค.ผลตรวจพบเชื้อ
.
เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย ตรวจหาเชื้อวันที่ 20 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
.
เดินทางกลับจากเยอรมัน 1 ราย ตรวจหาเชื้อวันที่ 20 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
.
#โควิด19 #Covid19 #Misterban

 

July 22, 2020 ทรัมป์เตือนสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าทุกวันนี้ ร้องขออเมริกันใส่หน้ากากอนามัย
.
ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาวในคืนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลสหรัฐขอให้ประชาชนชาวอเมริกัน ที่ไม่สามารถรักษาระยะห่างได้ ให้ใส่หน้ากากอนามัย ให้มีหน้ากากอนามัยติดตัว ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ ยังกล่าวว่า คุ้นเคยกับการใส่หน้ากากอนามัย อาจจะใส่เมื่ออยู่ในกลุ่ม หรือเมื่ออยู่ในลิฟท์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตือนชาวอเมริกันว่า สถานการณ์ในสหรัฐจะยิ่งเลวร้ายสุดๆ ก่อนที่จะกลับมาดีขึ้นในระยะต่อไป เป็นอะไรบางอย่างที่ไม่จะพูดถึง แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่เป็นอยู่
.
ผู้นำสูงสุดสหรัฐ กล่าวต่อไปว่า จะไม่มีการประกาศปิดประเทศสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง และนำไปสู่หายนะทางสาธารณสุข การตัดสินใจปิดภาคเศรษฐกิจ และสังคมเพียงบางส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะผู้ป่วยโควิด-19 มีจำนวนมากถึงกับล้นโรงพยาบาล รวมถึงสามารถให้บริการเครื่องช่วยหายใจกับผู้ที่มีความต้องการเท่านั้น
.
สำหรับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐ พบว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (ตามเวลาในสหรัฐ) มีผู้ป่วยเสียชีวิตเกินกว่า 1,000 รายภายใน 1 วัน ส่งผลทำสถิติยอดผู้เสียชีวิตในรอบ 1 วันมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน หรือในรอบ 5 สัปดาห์กว่า ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมในสหรัฐเพิ่มเป็น 144,888 ราย รัฐแคลิฟอร์เนียมีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ที่เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐ โดยในคืนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเสียชีวิตอยู่ที่ 7,873 ราย ขณะที่รัฐนิวยอร์คมีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ในสหรัฐที่ 32,600 ราย
.
#ทรัมป์ #ผู้ติดเชื้อ #หน้ากากอนามัย #Misterban

 

Jul 22 , 2020 ศบค.ชุดใหญ่มีมติต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนถึง 31 ส.ค.นี้
.
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน มีวาระการพิจารณาที่สำคัญคือการผ่อนปรนมาตรการ ระยะ 6 รวมถึงการพิจารณาขยายการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือนถึง 31ส.ค. 2563 จากเดิมจะครบกำหนด 31 ก.ค.นี้
.
ล่าสุดมีรายงานว่า ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ มีมติต่อพรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีกหนึ่งเดือนแล้ว
.
#ศบค #ชุดใหญ่ #พรกฉุกเฉิน #ไวรัสโควิด19 #misterban

 

วุฒิสมาชิกพรรค Republican เสนอชื่อนาง Judy Shelton และ นาย Christopher Waller, Executive vice president and director of research, Federal Reserve Bank of St. Louis เพื่อดำรงตำแหน่งใน Federal Reserve Governor ต่อ Senate Banking Committee อีกครั้งวานนี้



แม้การเสนอชื่อเมื่อต้นปี พรรค Republican ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ภายในพรรคได้ จากองค์ประกอบของกรรมาธิการที่มีวุฒิสมาชิกพรรค Republican และ Democrat ในสัดส่วน 13 ต่อ 12 เสียง แต่ล่าสุด นาย John Kennedy, วุฒิสมาชิกรัฐ Louisiana จากพรรค Republican เปลี่ยนมามีท่าทียอมรับมติพรรคในการเสนอชื่อนาง Judy ในครั้งนี้
กระบวนการต่อไปหากผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมาธิการแล้ว ทั้งสองรายชื่อจะต้องผ่านการลงมติของวุฒิสภา โดยนักวิเคราะห์มองว่าทาง Republican พยายามผลักดันให้มีการแต่งตั้ง Federal Reserve Governor ในตำแหน่งที่ว่างอยู่ให้ครบในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ทาง Republican ยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา เพื่อปูทางให้หากประธานาธิบดี Trump ได้รับเลือกตั้งอีกสมัยจะทำให้มีตัวเลือกเพื่อได้พิจารณาแต่งตั้งเป็น Federal Reserve Chairman เมื่อนาย Jerome Powell หมดวาระลงในปี 2022
อย่างไรก็ดี แนวความคิดเรื่องการสนับสนุนให้ใช้ gold standard ยังเป็นจุดที่อาจทำให้วุฒิสมาชิกไม่เห็นชอบกับการแต่งตั้งนาง Judy Shelton
Source: BoTSS
Key Senate committee approves Shelton, Waller for Fed positions https://www.cnbc.com/2020/07/21/key-senate-committee-approves-shelton-waller-for-fed-positions.html?__source=iosappshare%7Ccom.apple.UIKit.activity.CopyToPasteboard

 

นวัตกรรมพลังงานสีเขียวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า “Winnonie” (วิน No หนี้) สตาร์ทอัพจากกลุ่มบางจากช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตวินมอเตอร์ไซค์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์วันละ 6.75 กิโลกรัม ถ้าเปลี่ยนวินแสนคันทั่ว กทม. เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะลด CO2 ได้กว่า 250,000 ตันต่อปี เทียบเท่าปลูกต้นไม้ 20.5 ล้านต้น
.
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัว “Winnonie” (วิน No หนี้) สตาร์ทอัพภายในกลุ่มบางจากฯ ที่นำนวัตกรรมพลังงานสีเขียวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ
.
โครงการนี้จะนำร่องในพื้นที่รอบสำนักงานใหญ่ ซอยสุขุมวิท 62 และโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64 โดยให้วินมอเตอร์ไซค์เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปขี่ให้บริการวันละ 150 บาท เริ่มต้น 10 คัน โดยจะศึกษาข้อมูลเป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา หากผลออกมาดีก็จะขยายจำนวนเพิ่มมากขึ้นรอบกรุงเทพฯ
.
สำหรับแบตเตอรี่ในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าวิ่งได้ 50-70 กิโลเมตร ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ในรูปแบบ swapping ที่ตู้สำหรับแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก และในอนาคตจะตั้งตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่ตามร้านค้าต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกไม่ให้เกิดปัญหาแบตเตอรี่หมดระหว่างทาง
.
นอกจากนี้จะนำ “Winnonie” รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นนี้ไปนำร่องให้บริการลูกบ้านแสนสิริใน T77 ซึ่งเป็น Community ในซอยสุขุมวิท 77 ได้ใช้บริการผ่าน Sansiri Home Service Application ในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้ด้วย เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้วินมอเตอร์ไซค์ย่านอ่อนนุช
.
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า “Winnonie” เป็นหนึ่งในโครงการส่งเสริมนวัตกรรมภายในองค์กร “The Intrapreneur - ปั้นคนในให้เป็นเถ้าแก่” สนับสนุนให้พนักงานบริษัทนำหลัก design thinking มาใช้ในการคิดแนวการทำธุรกิจ จัดขึ้นโดยสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ หรือ BiiC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนา และแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ ที่ใช้นวัตกรรมต่อยอดขยายธุรกิจพลังงานสีเขียวและธุรกิจด้านชีวภาพทั้งใน และนอกประเทศ
.
โครงการนี้ริเริ่มโดยพนักงานบริษัททำการศึกษาการประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตของผู้ขี่วินมอเตอร์ไซค์ที่มีรายได้เฉลี่ยวันละ 500-600 บาท/วัน แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งกว่า 60% เป็นการผ่อนรถและค่าน้ำมัน ทำให้มีเงินเหลือไม่มาก
.
ดังนั้น “Winnonie” จะช่วยลดภาระหนี้สินซึ่งถือเป็น pain point ของวินมอเตอร์ไซค์ด้วยการนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาให้วินมอเตอร์ไซค์เช่า ลดภาระดอกเบี้ยทบต้นจำนวนมากจากการผ่อนรถที่ต้องซื้อมาประกอบอาชีพ และลดค่าน้ำมันด้วย จากการศึกษาพบว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการใช้น้ำมันประมาณ 10 เท่า
.
ทั้งนี้ วินมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 1 คัน ถ้าวิ่งระยะทาง 150 กม.ต่อ 1 วัน จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยวันละ 6.75 กิโลกรัม ใน กทม.มีมอเตอร์ไซค์จดทะเบียนป้ายเหลืองประมาณ 100,000 คัน
.
อย่างไรก็ตาม ถ้าเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์วิน 1 แสนคันใน กทม. เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้ทั้งหมดจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้กว่า 250,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 20.5 ล้านต้น หรือคิดเป็นพื้นที่ 30,000 ไร่ หรือถ้าเทียบง่ายๆ คือประมาณ 3 เท่าของพื้นที่บางกะเจ้า

#Winnonie #พลังงานสีเขียว #ลดคาร์บอน

 

เมื่อวาน หลังจากที่กองทัพอากาศอิสราเอลโจมตี ภาคใต้ของกรุงดามัสคัส มีข่าวจากผู้สื่อข่าววงในซีเรียว่า

รัฐบาลอิสราเอลสั่งปิดข่าวความเสียหายของฝ่ายอิสราเอลทั้งหมด เพราะแม้เครื่องบินรบอิสราเอลจะระดมยิงขีปนาวุธใส่จำนวนมาก แต่มีลูกเดียวที่โดนเป้า ทำให้ทหารฝั่งซีเรียบาดเจ็บไป ๗ คน ซีเรียสันนิษฐานว่าเครื่องบินรบอิสราเอลบางเครื่องอาจได้รับความเสียหายอย่างหนัก

.อิสราเอลประกาศเขตห้ามบิน ณ ที่ราบสูงโกลัน ซึ่งเป็นจุดที่อิสราเอลส่งเครื่องบินขึ้นไปโจมตีเพราะกลัวรัฐบาลซีเรียจะโจมตีกลับคืน ขณะนี้ ซีเรียกำลังรอความพร้อมเรื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจและอาวุธเพิ่มจากอิหร่าน และกำลังยึดที่มั่นกลุ่มก่อการร้ายแห่งสุดท้ายคือเมืองอิดลิบ

หากดำเนินการเรียบร้อยและมีความพร้อม เป้าหมายต่อไปคือยึดที่ราบสูงโกลันคืนแน่นอน

ศักยภาพในการตอบโต้ของซีเรียตอนนี้ อยู่ในระดับสูสี แต่ถ้ารอจนกระทั่งอิหร่านติดตั้งระบบป้องกันภัยใหม่ให้เสร็จแล้ว (Wait till Iran completes implementation of anti aircraft system) กองทัพซีเรียจะเป็นต่อและสามารถสอยเครื่องบินรบอิสราเอลให้ร่วงได้ทันที

CR: ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

 

LOCALRY
: รู้ไหม ตอนนี้ราชวงศ์อังกฤษเงินไม่พอใช้ จนต้องทำเหล้าขาย


วิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้คนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า และเรียกได้ว่า “ถ้วนหน้า” จริงๆ เพราะไม่ใช่แค่คนทั่วไป เจ้าของร้านค้า มหาเศรษฐี หรือกระทั่งราชวงศ์
.
และกรณีที่เราจะมาเล่าก็คือ ‘ราชวงศ์อังกฤษ’
.
1.
คนจำนวนมากมักจะเข้าใจว่าราชวงศ์คือคนที่ไม่ต้องทำมาหากินอะไร วันๆ กินแต่เงินภาษี แต่ราชวงศ์ส่วนใหญ่ในโลก ไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะรายได้ ‘ส่วนใหญ่’ จะมาจากธุรกิจที่โยงกับสินทรัพย์ของราชวงศ์เอง
.
กรณีของราชวงศ์อังกฤษ ตัวราชวงศ์ไม่ได้เป็น ‘เจ้าของ’ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ด้วยซ้ำ เพราะในศตวรรษที่ 18 พระเจ้าจอร์จที่ 3 ได้ตกลงกับสภาว่า จะนำรายได้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้สภาบริหารเป็นงบประมาณแผ่นดิน โดยแลกกับการที่ราชวงศ์ไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายของแผ่นดินสารพัด ตั้งแต่เงินเดือนข้าราชการ จนถึงหนี้ระดับชาติอื่นๆ โดยสภาเอาสินทรัพย์ตรงนี้ไปบริหาร พร้อมกับรับหนี้สินไปด้วย แล้วต่อจากนี้ทางราชวงศ์ขอแค่ส่วนแบ่งเล็กๆ เท่านั้น
.
พูดง่ายๆ พระเจ้าจอร์จที่ 3 ยกสินทรัพย์ของราชวงศ์ที่เป็นที่ดิน พร้อมหนี้สินของแผ่นดินให้สภาไปบริหารเอง เพราะสภามีอำนาจในการ ‘เก็บภาษี’ หรือหารายได้มากกว่าราชวงศ์อังกฤษในตอนนั้นที่ไม่มีอำนาจในการเก็บภาษีแล้ว
.
และสิ่งที่ราชวงศ์ขอแลกกับการ ‘ปลดหนี้’ ตัวเองทั้งหมดนี้ ก็เป็นแค่ “ส่วนแบ่งเล็กๆ” จากรายได้ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เท่านั้นเอง
.
2.
“ส่วนแบ่งเล็กๆ” ที่ว่าปัจจุบันนี้ก็คือ 25% ของรายได้ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ทั้งหมด และจริงๆ การที่คนอังกฤษบางคนบอกว่าราชวงศ์เป็นเหลือบไรกินเงินภาษีประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่ผิด เพราะไม่มีรายได้ของราชวงศ์ส่วนใดมาจากภาษีประชาชนเลย แม้แต่เงินที่รัฐบาลจ่ายให้ราชวงศ์ทุกปี ก็มาจากข้อตกลงที่ราชวงศ์ทำกับสภา ให้สภาเอาสินทรัพย์ของราชวงศ์ไปบริหารเอง เพื่อให้ราชวงศ์ไม่ต้องมาแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการ ‘บริหารประเทศ’ ดังที่เคยเป็นมาตามโบราณราชประเพณีที่กษัตริย์ต้องรับภาระรายจ่ายในระบบราชการทั้งหมด
.
ถามว่าเงิน 25% ของรายได้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นี่พอใช้ทั้งราชวงศ์ไหม?
.
คำตอบคือ “ไม่”
.
ทั้งนี้ คนในราชวงศ์ก็มีแหล่งรายได้อื่นอีก ซึ่งสรุปง่ายๆ คือรายได้จากสินทรัพย์ส่วนพระองค์ และสินทรัพย์ตามตำแหน่ง หลักๆ ก็คือที่ดินและประสาทต่างๆ ทั่วอังกฤษ รวมถึงคอลเล็คชั่นของสะสมหายากอะไรสารพัด
.
ราชวงศ์อังกฤษหาเงินจากสิ่งเหล่านี้ ผ่านการ “เก็บค่าเข้าชม” เช่น แค่ค่าเข้าชมพระราชวังบัคกิ้งแฮมปีหนึ่งก็ทำรายได้ให้ราชวงศ์ไม่รู้เท่าไร และนั่นคือรายได้เข้าราชวงศ์เต็มๆ นอกจากนี้ พื้นที่ปราสาทและอาคารโบราณต่างๆ รวมถึงคอลเล็คชั่นของเก่าและงานศิลปะที่ราชวงศ์สั่งสมมาและถือครองอยู่นั้น ก็ล้วนให้บุคคลทั่วไปได้ชม และทำการเก็บค่าเข้าชมเอาเงินก็เข้าราชวงศ์ทั้งสิ้น
.
ถึงตรงนี้ คงจะเห็นแล้วว่ารายได้ราชวงศ์อังกฤษโยงกับ “การท่องเที่ยว” อย่างเข้มข้น และเราก็ไม่ต้องแปลกใจว่าเมื่อโควิด-19 ทำนักท่องเที่ยวหายไปทั้งโลก รายได้ของราชวงศ์อังกฤษจึงได้รับผลกระทบ
.
3.
รายได้ราชวงศ์หายไป จะทำอย่างไร?
.
สำหรับบางคน อาจคิดว่า เงินไม่พอ ก็ไปไถเงินสภาสิ จะยากอะไร
.
อย่างไรก็ดี อังกฤษก็เป็นประเทศที่จดจำประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี เพราะกษัตริย์องค์ที่แล้วที่พยายามจะไถเงินสภาดื้อๆ อย่างพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 นั้นพบจุดจบที่ไม่สวยเลย เพราะพระองค์ทำให้เกิดสงครามกลางเมือง ที่จบลงด้วยการที่พระองค์ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตัดคอในความผิดที่พระองค์เป็นฆาตกรทรยศต่อชาติ และเป็นศัตรูของประชาชน
.
ดังนั้น นับตั้งแต่การจบชีวิตของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 เมื่อกลางศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ก็ไม่มีกษัตริย์อังกฤษองค์ใด “กล้าไถเงิน” สภาอีก และราชวงศ์ก็ตระหนักดีว่า หากมีค่าใช้จ่ายหรือก่อหนี้อะไรไว้ ก็ต้องจัดการเองได้ให้หมด
.
4.
ตัดภาพมาปัจจุบัน โควิด-19 ทำนักท่องเที่ยวหายไปพร้อมๆ กับรายได้ของราชวงศ์ ผลก็คือแม้แต่ราชวงศ์เองก็ต้องหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ เพื่อจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้
.
และนี่คือที่มาของราชสำนักอังกฤษที่ออกเหล้ายิน (Gin) แบบลิมิเต็ดอีดิชั่นมาเพื่อขายโดยเฉพาะโดยเหล้ายินสูตรพิเศษนี้จะใส่สมุนไพร 12 ชนิดที่หาได้จากส่วนของพระราชวังบัคกิงแอม โดยสนนราคาประมาณขวดละ 1,500 บาท
.
เหตุที่เป็นเหล้ายิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนี่เป็นเหล้าประจำชาติของอังกฤษ ยินดั้งเดิมคือ ‘เหล้าขาว’ ดีๆ นี่แหละ สมัยช่วงต้นศตวรรษที่ 18 คนจนอังกฤษกินเมาหัวราน้ำจนเป็นปัญหาสังคม แต่ยินก็เหมือน ‘เหล้าประจำชาติ’ อื่นๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และเป็นความภูมิใจของชาติ
.
ยุคหลังๆ เหล้ายินก็ไม่ใช่ “เหล้าคนจน” ของอังกฤษแล้ว เนื่องจากคนจนอังกฤษหันไปดื่มเบียร์แทนและยินที่ผลิตในยุคหลังก็มีความ ‘คราฟต์’ ขึ้น ซึ่งความ ‘คราฟต์’ ของยินนั้นจะต่างจากเหล้าอื่นๆ ที่เน้นการใช้แหล่งน้ำ การบ่ม การกรองสร้างกิมมิค แต่ความ ‘คราฟต์’ ของยินอยู่ที่การใช้ ‘สมุนไพรสูตรพิเศษ’ ผสมในเหล้า
.
เราจะเห็นว่ายินไม่ว่าจะยี่ห้อไหนๆ เขาจะไม่โฆษณาว่าบ่มมากี่ปี แต่จะโฆษณาว่าใช้สมุนไพรกี่ตัว ยิ่งใส่สมุนไพรเยอะ ก็ยิ่งมีรสชาติและกลิ่นซับซ้อน และยินของทางราชวงศ์ตัวล่าสุดนี้ใส่สมุนไพรถึง 12 ตัว
.
5.
เหตุผลที่พื้นฐานกว่านั้นคือ ยินเป็นเหล้าโปรดของพระราชินิอลิซาเบธที่ 2 โดยเป็นเหล้าที่กินกันมาตั้งแต่รุ่นแม่ และแม่ของพระราชินิอลิซาเบธที่ 2 เป็นคนที่ชอบกินยินมากๆ แบบที่รู้กันโดยทั่วไป ตอนที่แม่ของพระราชินิอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์ นอกจากคนจะเอาดอกไม้ไปวางไว้อาลัยแล้ว ยังมีคนเอาเหล้ายินไปไว้อาลัยเธอด้วย
.
สาเหตุที่ราชวงศ์อังกฤษเลือก ‘สินค้าพิเศษ’ ที่จะผลิตมาขายเป็นเหล้ายิน ก็น่าจะเพราะยินเป็นเหล้าประจำชาติอังกฤษที่เป็น ‘เหล้าประจำตระกูล’ ของพระราชินีด้วย
.
นี่ก็คงจะเป็นสินค้าที่เรียกได้ว่า ทั้งเหมาะเจาะและสมศักดิ์ศรี ที่ราชวงศ์จะเอามาขายตอน “เงินไม่พอใช้” เป็นอย่างดี

อ้างอิง: Wikipedia. Crown Estate. https://bit.ly/2WDlIOv
Vox. How the British royal family makes money. https://bit.ly/2CwN02f
Insider. Here's where the royal family gets their money. https://bit.ly/3jhv6RL
MarketWatch. Queen Elizabeth II sells gin made from leaves found at Buckingham Palace after tourist revenues crash. https://on.mktw.net/2CTLS8Q
Harper’s Bazaar. Buckingham Palace Now Has Its Own Official Brand of Small-Batch Gin. https://bit.ly/3hfhDrE
Express. Royal tribute: Why Queen Mother would approve of enterprising new royal project. https://bit.ly/3eLXBTQ

#Localry #England #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

 

LEAF: 'ตัวนิ่ม' สัตว์ที่ถูกล่ามากที่สุดในโลก เพราะเชื่อว่ารักษาโรคได้สารพัด
.
ก่อนหน้านี้ 'ตัวนิ่ม' คงไม่ใช่ชื่อของสัตว์ที่เราคุ้นหูกันมากนัก จนกระทั่งโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก ชื่อของสัตว์ที่ฟังดูน่าจับก็ถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้ง เพราะเชื่อกันว่า ตัวนิ่มเป็นพาหะส่งต่อเชื้อโควิด-19 มาสู่คน
.
แต่เรื่องที่คนไม่ค่อยรู้ก็คือ ตัวนิ่มกำลังครองแชมป์สัตว์ที่ถูกล่ามากที่สุดในปัจจุบัน
.
1.
ตัวนิ่ม หรือเรียกอีกชื่อว่า ตัวลิ่น เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวใหญ่กว่าแมวนิดหน่อย จุดเด่นของพวกมันคือเกล็ดแข็งที่ขึ้นคลุมอยู่ทั่วตัว (ยกเว้นบริเวณท้อง) สำหรับเป็นเครื่องป้องกันตัวจากสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่อย่างเสือหรือสิงโต
.
เวลาเจอภัยแผ้วพาน พวกมันก็จะนอนม้วนเป็นขดกลม ทำตัวแข็งจนสัตว์อื่นทำร้ายไม่ได้
.
ทว่าจุดเด่นของพวกมันกลับเป็นความโชคร้าย เมื่อมนุษย์ดันทะลึ่งค้นพบ (อย่างไรไม่ทราบ) ว่า 'เกล็ด' ที่ขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วตัว นำมาใช้เป็นยารักษาได้สารพัดโรค
.
ตำรับยาแผนโบราณของจีนเชื่อกันว่า รักษาได้ตั้งแต่บรรเทาอาการปวดเมื่อย สลายก้อนในร่างกาย ตั้งแต่สิวจนถึงเนื้องอกมะเร็ง ช่วยหมุนเวียนเลือด ห้ามเลือด ขับประจำเดือน
.
ขณะเดียวกัน วัฒนธรรมการกินเนื้อตัวนิ่มก็ยังคงมีอยู่ และได้รับการยกระดับเป็นเมนูสุดหรู เสิร์ฟในภัตตาคาร ให้ผู้มีรสนิยมสรรหาอาหารแปลกได้ลิ้มลอง
.
เหตุผลหลักๆ ที่ตัวนิ่มถูกล่า มี 2 เรื่องใหญ่ แต่เพียงเท่านี้ก็พอแล้วที่พวกมันจะเป็นสัตว์ที่ถูกล่ามากที่สุดในโลกเวลานี้
.
ประมาณกันอย่างน้อยๆ (เท่าที่มีหลักฐานการจับกุม) พบว่า ตัวนิ่มจากแอฟริกาถูกล่าไม่ต่ำกว่า 400,000 ตัวต่อปี เพื่อขายในตลาดเอเชีย โดยมีประเทศจีนและเวียดนามเป็นลูกค้าปลายทางรายใหญ่
.
2.
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายนักอนุรักษ์พยายามแสดงความเห็นแย้งว่า 'เกล็ด' ของตัวนิ่ม ไม่มีคุณสมบัติการรักษาโรคแต่อย่างใด
.
และได้พิสูจน์ทราบด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าเกล็ดเป็นสสารแบบเดียวกับเล็บและผมของคน (นอแรด ก็เช่นกัน) ไม่มีคุณสมบัติใดที่นำไปใช้รักษาโรคได้อย่างที่เชื่อกัน
.
ทั้งนี้ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ดูเหมือนจะไม่สามารถเอาชนะความเชื่อที่ฝังหัวได้มากนัก เพราะการล่าและค้าตัวนิ่มยังคงเป็นไปอย่างเอิกเกริก แม้ตัวนิ่มจะมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในระดับสากลก็ตาม
.
จนกระทั่งถึงยุคสมัยโควิด-19 นี่ล่ะ ผู้คนถึงจะเริ่มฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง
.
หากจำกันได้ ช่วงที่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดหนัก ทางการจีนได้ลงมติให้ปิดตลาดสัตว์ป่า และออกประกาศห้ามไม่ให้ซื้อขายเนื้อสัตว์ป่าอย่างเด็ดขาด
.
นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการอนุรักษ์สัตว์ต่างๆ ที่กำลังใกล้สูญพันธุ์ จนถึงเหตุการณ์ล่าสุด รัฐบาลจีนตัดสินใจถอด 'ตัวนิ่ม' ออกจากสูตรยาแผนโบราณทั้งหมด ก็พอจะอุปมาได้ว่า เป็นก้าวเล็กๆ ของจีน แต่เป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ของวงการอนุรักษ์
.
3.
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ตัวนิ่มเป็นเพียงสัตว์ชนิดเดียวที่ได้รับความคุ้มครอง ยาแผนโบราณของจีนยังคงประกอบด้วยชิ้นส่วนสัตว์ป่าอีกหลายสายพันธุ์ เช่น ดีหมี นอแรด เลียงผา หรือแม้แต่ชิ้นส่วนอวัยวะของเสือ
.
หากจีนคิดจะขึ้นมาเป็นประเทศนักอนุรักษ์แถวหน้า คงต้องถอดชิ้นส่วนสัตว์ป่าอื่นๆ ออกจากตำราโอสถเสียก่อน
.
รวมถึงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การค้าสัตว์ป่าไม่ว่าจะเป็นจีนหรือที่ไหนบนโลก ล้วนทำกันอย่างผิดกฎหมาย
.
นี่เป็นอีกโจทย์ที่ต้องคิดและแก้ไขในยุควิกฤตการณ์สูญพันธุ์ที่เหลือเวลาน้อยลงทุกที
.
และที่สำคัญ พวกเราทุกคนในฐานะผู้บริโภคต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนจะตัดสินใจเชื่อ ว่าอะไรเป็นอะไร

อ้างอิง: Ben Westcott (CNN) . China removes pangolin scales from traditional medicine list, helping protect world's most trafficked mammal. https://cnn.it/3hBZDIR
Daniel J Ingram. 400,000 African pangolins are hunted for meat every year—why it’ s time to act. https://bit.ly/3daRgk8
Mongabay. Three pangolin species closer to extinction: IUCN. https://bit.ly/2zGQjCB
Rachael Bale. Pangolin scales are not a party drug, say researchers. https://on.natgeo.com/2N3Ruiq
Brandthink. โควิด-19 ทำให้จีนและเวียดนามได้ทบทวนกฎหมายค้าสัตว์ป่า (อีกครั้ง) . https://bit.ly/2Yek3jK

#Armadillo #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

 

HEALTH: โรคนอนไม่หลับมรณะ เมื่อร่างกายตื่นตัวจนหลับไม่ลง และตายภายใน 1 ปี
.
ปัญหาการนอนดูเหมือนจะเป็นปัญหาระดับโลกที่พูดกันไม่มีวันจบ เราอาจจะคุ้นเคยกันมาบ้างกับคำว่า “Insomnia” หรือโรคนอนไม่หลับ แต่วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับอาการของโรคนอนไม่หลับระดับพระกาฬที่จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้เร็วที่สุดภายใน 6 เดือน
.
Fatal Familial Insomnia (FFI) คือชื่อโรคที่ถูกแปลเป็นไทยว่า โรคนอนไม่หลับมรณะ มันเป็นโรคกรรมพันธุ์ที่เกิดอยู่ในวงศ์ครอบครัวประมาณ 40 สายเลือดจากการสำรวจทั่วโลกครั้งล่าสุด ทั่วโลกมีผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้อยู่ประมาณ 100 คน หากพ่อหรือแม่มียีนของโรคนี้อยู่ ลูกมีโอกาสรับเชื้อมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์
.
ความร้ายแรงของโรคนี้สามารถคร่าชีวิตผู้ป่วยได้ไวที่สุดภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี โดยส่วนมากโรคมักจะออกอาการเต็มที่ในช่วงวัยห้าสิบต้นๆ ลักษณะอาการของผู้ป่วยคือร่างกายตื่นตัวในช่วงกลางคืนตลอดเวลา และต่อให้ง่วงแค่ไหนพอถึงเวลาที่ต้องการจะหลับจริงๆ ร่างกายคุณจะไม่หลับ อาการของโรคจะแบ่งเป็น 4 ระยะ
.
ระยะที่ 1 อาการนอนไม่หลับจะเริ่มเกิดขึ้นถี่ๆ จนผู้ป่วยรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ระยะนี้จะกินเวลาประมาณ 4 เดือน โดยช่วงปลายของระยะแรกผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการหวาดวิตกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง
.
ระยะที่ 2 ผู้ป่วยจะเริ่มเห็นภาพหลอนจากการนอนไม่หลับติดต่อกันหลายเดือน ทำให้อาการหวาดวิตกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มนำไปสู่อาการหวาดกลัว และอาการทางจิต
.
ระยะที่ 3 ผู้ป่วยจะเริ่มสูญเสียการควบคุมตัวเอง เช่น เสียการทรงตัว ประสาทสัมผัสทำงานผิดปกติ โดยอาจจะไม่สามารถแยกแยะวัตถุได้จากการสัมผัส สูญเสียความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ระบบอวัยวะภายในทำงานได้ไม่ปกติ
.
ระยะที่ 4 ผู้ป่วยจะเริ่มเผชิญกับกลุ่มอาการสมองเสื่อม (Dementia) ชัดๆ คือจะเริ่มจำอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะความจำระยะสั้น ใช้ความคิดไม่ได้ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ยากลำบาก อาการสมองเสื่อมจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงขั้นลืมวิถีชีวิตประจำวันอย่างการอาบน้ำ กินข้าว พูดคุย ฯลฯ ในอาการที่รุนแรงที่สุดคือผู้ป่วยจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ ภายในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี ผู้ป่วยจะเข้าสู่ภาวะโคม่าและเสียชีวิตในที่สุด
.
ตลอดทั้ง 4 ระยะ บุคลิกของผู้ป่วยจะเปลี่ยนไปในทุกระยะ ความร้ายแรงของอาการที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียวิถีชีวิตประจำ ทั้งการงาน ความสัมพันธ์ รวมถึงการควบคุมร่างกายและความคิด
.
สาเหตุของโรคนี้คือ การกลายพันธุ์ของโปรตีน จากโปรตีนปกติไปเป็น พรีออน (Prion) โปรตีนกลายพันธุ์นี้เพิ่งถูกค้นพบเมื่อประมาณสามสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้เองครับ โรคนอนไม่หลับมรณะนี้จึงเป็นโรคใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบอย่างเป็นทางการไม่นานนี้
“พรีออน” จะสะสมและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสมองของผู้ป่วย และในปริมาณที่มากพอมันจะเข้าไปทำลายการทำงานของสมองส่วน “ไฮโปธารามัส” ซึ่งควบคุมการนอนหลับ
.
ลักษณะสมองของผู้ป่วยที่เป็น โรคนอนไม่หลับมรณะ จะผิดรูปร่างไปจากสมองคนปกติ เพราะ พรีออน จำนวนมากจะแพร่กระจายไปทั่วสมอง เซลล์สมองจะมีลักษณะเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ำ โปรตีนกลายพันธุ์พวกนั้นจะจับกันเป็นร่างแหทำให้เนื้อสมองถูกทำลาย อาการจะคล้ายกับโรคสมองอื่นๆ คือปวดหัว ควบคุมระบบร่างกายไม่ได้ ความจำเสื่อม ฯลฯ แต่จะแสดงอาการช้าเพราะใช้เวลาฟักตัวนาน แต่หากอาการปรากฏแล้วร่างกายผู้ป่วยจะทรุดลงเร็วมาก
.
อาจจะเป็นโรคพันธุกรรมที่ดูไกลตัว แต่ความจริงแล้ว “พรีออน” หรือโปรตีนกลายพันธุ์มันอยู่ใน “โรควัวบ้า” ครับ หลอนมากสำหรับผู้ที่ชอบกินเนื้อวัว โรควัวบ้าเป็นโรคของวัวตามชื่อมันนั่นแหละ แต่หากคนที่กินเนื้อหรือน้ำนมของวัวที่มีเชื้อ คนจะติดโรคมาได้เช่นกัน อาการของโรคส่งผลต่อสมองโดยตรง
.
โรคนี้เคยระบาดรุนแรงในอังกฤษและประเทศใกล้เคียงเมื่อ ปี 1986 จากนอนไม่หลับมาจนถึงวัวบ้าได้ เพราะมันเป็นโรคที่เกิดจากโปรตีนกลายพันธุ์ตัวเดียวกันครับ นั่นหมายความว่าต่อให้เราไม่มียีนของโรคนอนไม่หลับมรณะอยู่เลย แต่มนุษย์ทุกคนมีโอกาสรับ พรีออน หรือโปรตีนกลายพันธุ์มาจากเชื้อวัวบ้าได้เหมือนกัน

อ้างอิง: http://bit.ly/2Y91rOK
http://bit.ly/2Oc5ytD

#Insomnia #Sleep #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering

 

HEALTH: เราจำเป็นต้อง 'อาบน้ำ' ทุกวันจริงเหรอ?
.
ชอบ 'อาบน้ำ' ไหมครับ?
.
ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ (บางคนอาจบอกว่า ขี้เกียจ) ก็คงต้องอาบน้ำกันทั้งนั้น ยิ่งช่วงหน้าร้อนตัวเหนียวๆ ยิ่งต้องอาบ
.
เมืองไทย หลายคนอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง แต่บางคนอาจจะอาบแค่วันละ 1 ครั้ง
.
แต่รู้ไหมว่า ประเทศหลายแห่งในโลก คนไม่ได้อาบน้ำกันทุกวัน

1.
ประเทศ 'เมืองหนาว' ตั้งแต่ชาติยุโรปจนถึงจีน ญี่ปุ่น ไม่ได้อาบน้ำทุกวันจนเป็นปกติ แม้จะมีคนที่อาบน้ำทุกวัน แต่ก็มีไม่มาก
.
ค่าเฉลี่ยการอาบน้ำของประเทศเหล่านี้ ไม่ถึง 7 ครั้งต่อสัปดาห์
.
ข้อเท็จจริงเชิงสถิติระบุว่า คนอเมริกันถึง 1 ใน 3 ไม่ได้อาบน้ำทุกวัน คนจีนเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่อาบน้ำทุกวัน และคนจีนอีกครึ่งประเทศ อาบน้ำราว 2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น
.
ก่อนจะมองว่าคนไทยเป็นชาติรักสะอาด ลองมาดูกันก่อนว่า จริงๆ แล้วใน 'ทางวิทยาศาสตร์' เราควรจะอาบน้ำทุกวันไหม?

2.
ทุกวันนี้ ในทางวิทยาศาสตร์และสาธารณสุข ยังไม่มี 'ข้อสรุป' ว่ามนุษย์ควรจะอาบน้ำกี่ครั้ง หรือกระทั่งวิธีการอาบน้ำที่ถูกต้องคืออะไร
.
นี่คือเรื่องแปลกแต่จริง เราอยู่ในโลกที่มีไกด์ไลน์การล้างมือสู้โควิด-19 แบบ 'มาตรฐานเดียว' ทั่วโลก แต่กลับไม่มีมาตรฐานเดียวกันในการอาบน้ำ
.
และนี่เป็นเหตุผลให้คนทั่วโลกมีการอาบน้ำที่ต่างกันทั้งในเชิงความถี่และวิธีการ จนเป็นเหตุให้การอาบน้ำเป็นเรื่องของวัฒนธรรม จนถึงการเลี้ยงดูในครอบครัว
.
บางคนอาจสงสัยว่า การอาบน้ำเป็นกิจกรรม 'ทำความสะอาด' ร่างกาย ดังนั้น ยิ่งทำบ่อยก็ควรจะยิ่งดีไม่ใช่เหรอ?
.
ถ้าจะพูดสั้นที่สุดคือ "ใช่"
.
การทำความสะอาด โดยพื้นฐานย่อมดี แต่การอาบน้ำหรือการชำระผิวหนังใดๆ หาก 'มากเกินไป' ไม่ดีแน่นอน เพราะความชุ่มชื้นของผิวหนังจะหายไปหมด ทำให้ผิวแห้งและแตกได้
.
พอผิวแตกเป็นแผล พวก 'เชื้อโรค' ก็จะเข้าไปได้ และในด้านหนึ่ง ถ้าสบู่ที่ใช้ เป็นสบู่ฆ่าแบคทีเรีย การอาบน้ำบ่อยเกินไป ก็จะทำให้พวกแบคทีเรียที่ดีตายจากผิวหนังมากเกินไป
.
ดังนั้นการ 'อาบน้ำมากไป' เป็นสิ่งไม่ดีแน่ๆ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ แต่การ 'อาบน้ำน้อยเกินไป' ก็คงจะไม่ดีเช่นกัน ด้วยเหตุผลที่คนทั่วไปเข้าใจได้ไม่ยาก
.
ปัญหาคือโลกนี้ไม่สามารถตกลงกันได้ว่า 'สมดุล' คือตรงไหน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะลักษณะทางภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่นั้นสัมพันธ์โดยตรงกับคำถามที่ว่า เราควรจะอาบน้ำถี่แค่ไหน?

3.
ในกรณีของบ้านเราและเมืองร้อนทั้งหลาย คงจะสมเหตุสมผลที่เราจะอาบน้ำอย่างต่ำวันละครั้ง เพราะไม่อาบก็ 'ตัวเหนียว'
.
ส่วนจะอาบวันละ 2 ครั้งหรือไม่ นี่ก็อาจจะต้องถกเถียงกัน
.
ด้านเมืองหนาวที่ไม่ 'ตัวเหนียว' ก็เป็นอีกกรณี เพราะอากาศแห้งกว่าบ้านเรา และการอาบน้ำบ่อยๆ ทำให้ผิวแห้งแน่นอน
.
ในกรณีนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังย้ำว่า การอาบน้ำสระผมวันเว้นวัน น่าจะเป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพผิวที่สุด และไม่ควรจะอาบน้ำเป็นเวลานาน เรียกว่าแทบจะ “วิ่งผ่านน้ำ” และฟอกสบู่ตรงจุดที่อับ เช่น รักแร้และเป้าก็พอ
.
บางคนอาจรู้สึกพิลึกที่คนมีความรู้มาบอกให้คนไม่ควรจะอาบน้ำทุกวัน แต่ลองไปค้นดูจะพบคำแนะนำแบบนี้เต็มไปหมด แม้ว่าจะต่างกันในรายละเอียด แต่ประเด็นที่เหมือนก็คือ การอาบน้ำ (รวมถึงสระผม) ทุกวัน ไม่ใช่สิ่งที่ดี
.
ส่วนหนึ่งที่ 'ผู้เชี่ยวชาญ' ออกมาพูดแบบนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่าในเมืองหนาว คนอาบน้ำทุกวัน ไม่ใช่เรื่องความพยายามด้านสาธารณสุข แต่เป็นความพยายามของบริษัทที่ผลิตสบู่และแชมพู เพราะคนยิ่งอาบน้ำสระผมบ่อย สินค้าชำระร่างกายก็ยิ่งขายดี
.
ดังนั้นบริษัทผลิตสบู่ยาสระผมจึงโฆษณาให้คนอาบน้ำสระผมทุกวัน
.
เรื่องนี้ดีต่อผลกำไรของบริษัท แต่ไม่ดีต่อสุขภาพผิว

4.
ไม่ใช่ทุกคนบนโลกจะอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง หรือกระทั่งอาบน้ำทุกวัน ทุกพื้นที่ต่างมีวัฒนธรรมการอาบน้ำเป็นของตัวเอง และไม่มี 'มาตรฐานสากล' ในเชิงสาธารณสุข
.
ดังนั้น ในแง่หนึ่ง ก็ไม่ควรไปมองชนชาติที่อาบน้ำน้อยกว่าเราว่า 'สกปรก' นะครับ

อ้างอิง: Euromonitor: https://bit.ly/2OJ162X
Harvard Health Publishing: https://bit.ly/39dr3kK
Business Insider: https://bit.ly/2OISNEf
The Atlantic: https://bit.ly/2BPh4WC

#Bathe #BrandThink
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่

 

Jul 22 ,2020 ศบค.อนุมัติหลักการให้รับแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศกว่า 1 แสนคน พร้อมอนุมัติหลักการคลายล็อกต่างชาติ 4 กลุ่มเดินทางเข้าประเทศตามแผนเฟส 6
.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจัดการทำข้อตกลงพิเศษ และมาตรการสำหรับบุคคลในคณะทูตหรือคณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศหรือผู้แทนรัฐบาล หน่วยงานของรัฐหรือต่างประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญ ที่ประชุมได้สรุปว่า เมื่อเข้ามาแล้วต้องเข้ากระบวนการ State Quarantine ทุกราย
.
ด้านการนำแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติเข้าประเทศได้แก่ เมียนมา ลาว และกัมพูชา เข้ามาในประเทศ ทางกระทรวงแรงงานชี้แจงว่าจำเป็นต้องใช้แรงงานในกลุ่มที่มีใบอนุญาตการทำงานและมีวีซ่าแล้วจำนวน 69,235 คน และกลุ่มที่ไม่มีทั้งใบอนุญาตการทำงานและวีซ่าจำนวน 42,168 คน เพื่อให้เข้ามาทำงานในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน - อุตสาหกรรมอาหาร
.
แต่ผู้ประกอบการบอกว่าถ้าหาเข้ามาแล้วเข้าพื้นที่ State Quarantine และต้องจ่ายเองต้องเสียค่าใช้จ่าย 20,000 บาทต่อแรงงาน 1 คน จึงมีการเสนอมาตรการกักตัวในพื้นที่กักกันสำหรับองค์กร (Organizational Quarantine) ด้วยการจัดพื้นที่ให้แรงงานนอนพักร่วมกันมากกว่า 1 คน เพื่อให้แรงงานอยู่ในพื้นที่องค์กรจัดให้และได้รับการตรวจมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และไม่ออกไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่น และลดค่าใช้จ่าย
.
ที่สำคัญมีการพิจารณาการเตรียมความพร้อมเพื่อผ่อนคลายการบังคับใช้กำหมายในอนาคต ซึ่งมีกลุ่มที่เกี่ยวข้อง 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่เข้ามาจัดงานแสดงสินค้า
.
-ซึ่งในเดือนก.ย.2563 จะมี 1 งานและมีผู้เดินทางเข้าไทย 680 คน
.
-เดือนต.ค.2563 มีจำนวน 8 งานและมีผู้เดินทางเข้าไทยกว่า 400 คน
.
-เดือนพ.ย.2563 มีจำนวน 4 งาน และมีผู้เดินทางเข้าไทยกว่า 4,000 คน
.
-เดือนธ.ค.2563 มีจำนวน 2 งาน และมีผู้เดินทางเข้าไทยกว่า 1,200 คน
.
ที่ประชุมมีข้อปฏิบัติของต่างชาติที่จะเข้ามาจัดงานแสดงสินค้า ต้องอยู่ในพื้นที่โรงแรมกักตัว กระบวนการเดินทางต้องมีเจ้าหน้าที่ 1 คนดูแลชาวต่างชาติ 10 คน // มีการตรวจหาเชื้อโควิดไม่เกิน 3 วันก่อนเดินทาง // ทำประกันตามข้อกำหนดของรัฐบาล USD 100,000 และมีข้อมูลที่ต้องแจ้งกับผู้จัดงานก่อนการเดินทาง รวมถึงการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ เพื่อบันทึกประวัติ รวมถึงมีฉากกั้นระหว่างการเจรจา
.
2) กลุ่มเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ทำให้เกิดรายได้กับไทยอย่างมาก
.
ในปี 2561 มีทั้งหมด 714 เรื่องคิดเป็นรายได้ของไทยกว่า 3,100 ล้านบาท
.
ในปี 2562 มีทั้งหมด 740 เรื่องคิดเป็นรายได้ของไทยกว่า 4,800 ล้านบาท
.
ในปี 2563 มีทั้งหมด 106 เรื่องคิดเป็นรายได้ของไทยกว่า 480 ล้านบาท
.
ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงได้มาแจ้งเงื่อนไขสำหรับชาวต่างชาติที่จะมาถ่ายภาพยนตร์ในประเทศได้แก่ การใบรับรองแพทย์ // ต้องเข้ากักตัวในโรงแรม 14 วัน ( Alternative State Quarantine ) // มีเจ้าหน้าที่ติดตาม // ทีมงานต้องมีประกันคุ้มครองค่ารักษาโควิด // ต้องแจ้งสถานที่ถ่ายทำล่วงหน้า และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตลอดเวลาที่อยู่ไทย
.
3) กลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาในโครงการ Medical & Wellness Program เพื่อเข้ารับบริการทางสุขภาพ และต้องการท่องเที่ยวต่อ แต่มีข้อบังคับว่า ต้องหลังจากอยู่ในโรงพยาบาล 14 วัน เพื่อให้มั่นใจในการควบคุมโรค ซึ่งทำให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศไทย
.
4) กลุ่มผู้ถือบัตรสมาชิกพิเศษกับไทยหรือผู้ถือบัตรไทยแลนด์ อีลิตการ์ด ที่ปัจจุบันมีสมาชิก 10,363 ราย แบ่งเป็นอยู่ในประเทศ 3,108 ราย และอยู่นอกราชอาณาจักรไทย 7,255 ราย ซึ่งกลุ่มนี้จะนำร่องเข้าประเทศ 200 ราย
.
ซึ่งมาตรการที่จะควบคุมตาม State Quarantine เช่นกัน และรายละเอียดทั้งหมดทางกระทรวงท่องเที่ยวฯจะเป็นผู้ชี้แจง แต่ทางศบค.ชุดใหญ่อนุมัติในหลักการกับทั้ง 4 กลุ่มแล้ว
.
#ศบค #1แสนราย #4กลุ่ม #เฟส6 #Misterban

 

ในที่สุด #ทรัมป์ก็ยอมกลับใจเรื่องหน้ากากแล้ว ! วันนี้ประธานาธิบดีสหรัฐได้ทวีตออกมากระตุ้นให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยกัน #เพื่อเป็นการแสดงถึงความรักชาติ หลังจากที่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะใส่เองมาตลอด และไม่ยอมแม้แต่การช่วยสนับสนุนให้ประชาชนคอยใส่หน้ากาก มาโดยตลอดตั้งแต่เกิดการระบาดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นเพราะ...

ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสหรัฐใกล้จะทะลุ 4 ล้านราย และผู้เสียชีวิตใกล้ 1.5 แสนรายแล้ว และตัวเลขต่างๆกำลังพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด

คะแนนโพลล่าสุดที่พบว่า โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตกำลังมีคะแนนนิยมนำทรัมป์ถึง 55% ต่อ 40% จนทรัมป์ต้องหาทางทำอะไรซักอย่าง

หรือการที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของสหรัฐทั้งหมดออกย้ำตลอดว่าให้ทางรัฐบาลช่วยส่งเสริมการใส่หน้ากาก เพราะเพียงทุกคนใส่กัน 3 อาทิตย์ก็จะสามารถควบคุมไวรัสได้

ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใดก็ตาม แต่วันนี้มีบางอย่างที่ #ทำให้ทรัมป์เปลี่ยนใจได้แล้ว และเขาก็ได้ทวีตข้อความนี้ออกมาพร้อมรูปตัวเองสวมหน้ากากว่า

"We are United in our effort to defeat the Invisible China Virus, and many people say that it is Patriotic to wear a face mask when you can’t socially distance. There is nobody more Patriotic than me, your favorite President!" (รูปแนบในคอมเม้นท์)

"พวกเราชาวอเมริกันพร้อมร่วมมือกันต่อสู้และเอาชนะกับ #ไวรัสร้ายจากประเทศจีน และหลายคนอาจกล่าวว่าการสวมหน้ากากอนามัยในช่วงเวลาที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้นั้น ถือเป็นการกระทำที่รักชาติ ไม่มีใครที่จะรักชาติไปมากกว่าผม ประธานาธิบดีที่พวกคุณทุกคนรักที่สุด" ทรัมป์กล่าวผ่านทวีต

การกลับใจอย่างกระทันหันนั้นไม่มีใครตั้งตัวทัน

ทรัมป์ยังได้ประกาศอีกว่าเขาจะกลับมาเป็นผู้แถลงข่าวเรื่องไวรัสจากทำเนียบขาวอีกครั้ง หลังจากที่เขาหยุดแถลงไปตั้งแต่ช่วงเดือนเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากให้ข้อมูลผิดไปหลายครั้ง จนทำให้ประชาชนสับสนและโดนโจมตีอย่างหนักจากนักข่าว #แต่ที่น่าสนใจคือ ทรัมป์กลับให้เหตุผลว่าที่เขาตัดสินใจกลับมาแถลงการร์กับประชาชนอีกครั้ง เพราะประชาชนชาวอเมริกันกำลังได้รับข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง ทำให้การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น....

การทวีตในครั้งนี้นั้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนจุดยืนของทรัมป์ที่สวนทางและกระทันหันมาก ตามที่เราได้อัพเดทไปในช่วงสุดสัปดาห์นี้ว่า ทรัมป์เพิ่งออกมายืนยันว่าเขาจะไม่บังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยเพราะเขาเชื่อว่าประชาชนชาวอเมริกันทุกคนควรจะมีสิทธิเสรีภาพที่จะเลือกได้เอง และตัวทรัมป์เองก็ยังได้ทะเลาะกับนายแพทย์ใหญ่ แอนโธนี เฟาซี ที่คอยให้คำแนะนำประชาชนเรื่องหน้ากากมาโดยตลอด

ทางเราเชื่อว่าการกลับลำครั้งนี้จึงมีเหตุผลโยงโดยตรงกับ #การเลือกตั้งสหรัฐ ที่กำลังจะมีขึ้นภายใน 4 เดือนข้างหน้าอย่างแน่นอน

ทางเพจกำลังเตรียมเขียนบทความเรื่อง #ทรัมป์กำลังใช้ประโยชน์จาก Proportionality Bais และ Conspiracy Theory (ทฤษฎีสมคบคิด) ที่กำลังแพร่กระจายกันอย่างกว้างขวางในอเมริกา มาเป็นส่วนช่วยในการหาคะแนนเสียงเลือกตั้งของเขาอย่างไร

ท่านใดไม่อยากพลาดบทความนี้และข่าวสารในตลาดอื่นๆ แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับนะครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่โชว์อัพเดทจากเราแน่ๆ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเราฝาก Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

ในที่สุดก็ #ตกลงกันได้เรียบร้อย !

กลุ่มสหภาพยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงในการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกันเป็นวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโรได้สำเร็จแล้ว ! #หลังจากตกลงกันไม่ได้มานานหลายวัน ส่งผลให้ตลาดหุ้น Futures ทั่วโลกบวกเขียวกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะดัชนี Euro Stoxx 50 ของยุโรปที่ +1.4% ไปแล้ววันนี้

ผู้นำจาก 27 ชาติของสหภาพยุโรปได้มาร่วมประชุมกันตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้วเพื่อพยายามหาข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจยุโรปจากวิกฤตไวรัสโควิด โดยได้ถกเถียงกันมาตลอดช่วงสุดสัปดาห์ในหลายๆประเด็นไม่ว่าจะเป็น

จำนวนวงเงินโดยรวม
สัดส่วนในการจัดสรรความช่วยเหลือไปสู่ภาคธุรกิจหรือประเทศต่างๆ
หรือบางประเทศก็มีประเด็นเรื่องการให้เงินช่วยเหลือไปเปล่าๆโดยไม่มีสัญญาหรือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชัดเจน

#แต่ในที่สุด ในวันนี้ก็สามารถตกลงกรอบการช่วยเหลือและวงเงินกันได้ที่ 7.5 แสนล้านยูโร

#Deal ! นาย Charles Michel ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (European Council President) ทวีตคำสั้นๆออกมาประกาศให้ทุกคนทราบกันโดยทันทีด้วยความดีใจที่ยุโรปเสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้

ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ทำการจับตามองข้อตกลงดังกล่าวมาตลอดอาทิตย์แล้ว

และทางผู้นำยุโรปก็สามารถตกลงกันได้พร้อมๆกับการที่ข่าวดีของวัคซีนไวรัสในอังกฤษเพิ่งออกมาเมื่อคืน พอประกอบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสในยุโรปที่ยังคงลดลงเรื่อยๆแลัว ทั้งหมดก็รวมกันเป็นสัญญาณที่ดีให้กับ #การฟื้นฟูในยุโรป เป็นอย่างมาก

สรุปตลาดโลกในเวลานี้

ดัชนีหุ้น Dow Jones Future +0.5%
ดัชนีหุ้น S&P500 +0.6%
ยุโรปดัชนี Euro Stoxx +1.4%
ดัชนีหุ้น Nikkei +0.3%
ดัชนีจีน+ฮ่องกง Hang Seng +2.3%
ดัชนี #SET ของไทย +1.3% (+17 จุด)

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาด แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับนะครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารของทางเพจเรา

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเราฝาก Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

ลูกเรือกว่า 200,000 คนทั่วโลก ที่ยังคงติดค้างอยู่บนเรือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรือสินค้าหรือเรือสำราญ ที่ไม่สามารถเข้าฝั่งได้เพราะการระบาดของ #โควิด19

เทจาสวี ดูเซจา ลูกเรือชาวอินเดียบนเรือสินค้าลำหนึ่งของอินเดีย คือหนึ่งในลูกเรือกว่า 200,000 คนทั่วโลกที่ยังคงติดค้างอยู่บนเรือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรือสินค้าหรือเรือสำราญ ที่ไม่สามารถเข้าฝั่งได้เพราะการระบาดของโคโรนาไวรัส
ลูกเรือหลายคนต้องตกค้างอยู่บนเรือที่ลอยลำนอกชายฝั่งมานานหลายเดือน ตั้งแต่วิศวกรบนเรือไปจนถึงพนักงานเสิร์ฟบนเรือสำราญ ทำให้สหประชาชาติต้องออกมาเตือนถึงวิกฤติทางมนุษยธรรมที่กำลังเพิ่มขึ้นบนเรือต่าง ๆ ทั่วโลก ที่อาจนำไปสู่ปัญหาการฆ่าตัวตายของลูกเรือ
ดูเซจา กล่าวกับสำนักข่าว AFP ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเดือน มิ.ย. ขณะที่อยู่บนเรือที่ลอยลำนอกชายฝั่งมาเลเซียว่า แม้ว่าตนรู้สึกเครียดและท้อแท้ แต่ยังคงมีความหวังเพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่
ประเมินว่า ปัจจุบันมีชาวอินเดียราว 30,000 คนที่ตกค้างอยู่บนเรือต่าง ๆ ทั่วโลก
ปกติแล้ว ลูกเรือจะทำงานราว 6-8 เดือนบนเรือ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนลูกเรือชุดใหม่เพื่อให้ลูกเรือชุดเดิมได้เดินทางกลับบ้าน แต่โคโรนาไวรัสทำให้เรือสินค้าและเรือสำราญจำนวนมากไม่ได้รับอนุญาตให้เทียบท่า อีกทั้งลูกเรือที่ลงจากเรือแล้วก็อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางด้วยเครื่องบินกลับบ้านด้วยเหตุผลหลายอย่าง

https://www.sanook.com/news/8212234...pKZTMAe0DuZnulbo61cgw-lCsw#Echobox=1595234735

 

ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งที่ออสเตรเลียทำบ้านหรูกว่า 40 หลังต้องพังครืนลงทะเล

ออสเตรเลียเองก็เหมือนอีกหลายๆประเทศที่ต้องประสบกับภาวะปัญหาโลกร้อนน้ำทะเลมีระดับที่เพิ่มสูงขึ้นและกัดเซาะชายหาด Wamberal ในพื้นที่ทางตอนเหนือของออสเตรเลียจนทำให้บ้านหรูที่ปลูกอยู่ริมชายฝั่งเรานั้นต้องพังทลายลงไปในทะเลกว่า 40 หลัง
สภาวะของน้ำทะเลที่เพิ่มมากขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งส่งผลต่อพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลกทั้งออสเตรเลียรวมถึงในประเทศไทย ที่ปัจจุบันบางหมู่บ้านตอนนี้ก็หายไปกับการกัดเซาะของทะเลแล้ว

https://edition.cnn.com/2020/07/21/...medium=social&utm_source=twCNNi&utm_term=link

 

สถานการณ์ ตะวันออกกลาง2020

ด่วน.... นายกรัฐมนตรี อิรัก เข้า พบ ท่านผู้นำสูงสุดอิหร่าน เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา (ช่วงบ่าย ตามเวลาท้องถิ่น) ....
รออัพเดต
ข่าวโลกที่3
https://fa.alalamtv.net/news/5058321/%D8%AF%DB%8C%D8%AF%D8%A7%D8%B1-%D9%86%D8%AE%D8%B3%D8%AA-%D9%88%D8%B2%DB%8C%D8%B1-%D8%B9%D8%B1%D8%A7%D9%82-%D8%A8%D8%A7-%D8%B1%D9%87%D8%A8%D8%B1-%D9%85%D8%B9%D8%B8%D9%85-%D8%A7%D9%86%D9%82%D9%84%D8%A7%D8%A8

 

กษัตริย์ซัลมาน ซาอุฯ เสียชีวิต จริงหรือ ?



สื่ออย่างไม่เป็นทางการรายงานว่า ภายหลังจากกษัตริย์ ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังมีอาการป่วยอย่างหนัก ก็ได้รายงานข่าวการเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่จนถึงขณะนี้ทางการซาอุดิอาระเบียยังไม่ได้ออกมายืนยันข่าวการเสียชีวิตดังกล่าว
เว็บไซต์ Gaza Post เขียนว่า: ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางคนรายงานการเสียชีวิตของ กษัตริย์ ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส แห่ง ซาอุดิอาระเบีย ในวัย 84 ปี
สื่อทางการของซาอุดิอาระเบียไม่ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว แต่แหล่งข่าวในซาอุดิอาระเบียได้เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียได้ปิดข่าวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์ภายในซาอุดิอาระเบียโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
กษัตริย์ซัลมานเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเฉพาะทางคิงไฟซาลในกรุงริยาดเมื่อวานนี้ (วันจันทร์) เพื่อรักษาอาการป่วยเนื่องจากถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันและติดเชื้อแต่ไม่มีการรายงานถึงรายละเอียดเกี่ยวกับอาการและสภาพร่างกายล่าสุดของเขา
ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า กษัตริย์ซัลมานยังมีชีวิตและอยู่ระหว่างการรักษาตัว
Dalil Al-Watan เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีนักเคลื่อนไหวสื่อโซเชียลจำนวนหนึ่ง รายงานว่า กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ อาลิซาอูด ได้เสียชีวิตแล้ว แต่บางคนก็บอกว่าจนถึงตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเฉพาะทาง King Faisal
แหล่งข่าวอย่างเป็นทางการในซาอุดิอาระเบียกล่าวว่ากษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ กำลังอยู่ระหว่างการรักษาตัวและข่าวที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียนั้นไม่เป็นความจริง
ยังไม่มีแหล่งข่าวอิสระที่ยืนยันหรือปฏิเสธข่าวดังกล่าว
เว็บไซต์ข่าว Anba Al-Youm ของอียิปต์รายงานเมื่อวานนี้ (วันจันทร์) ว่า นาย Osama Naqli เอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำกรุงไคโร เดินทางกลับกรุงริยาดในทันที และยังกล่าวอีกว่าเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียอาจจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
เอกอัครราชทูตซาอุฯประจำอียิปต์กล่าวเพิ่มเติมว่า เที่ยวบินทางการทูตทั้งหมดที่มุ่งหน้าไปยังซาอุดิอาระเบียจะถูกระงับอีกทั้งจะประกาศยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดและกองทัพส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังริยาด
เอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำอียิปต์ยังกล่าวว่า ทางราชสำนักของซาอุดิอาระเบียนั้นได้ประกาศการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่!!??!!
รออัพเดต
ข่าวโลกที่3
https://en.mehrnews.com/news/161272/Contradictory-reports-on-King-Salman-s-death
https://www.yjc.ir/fa/news/7430766/اخبار-ضد-و-نقیض-درباره-مرگ-پادشاه-عربستان
https://anbaaalyoum.com/%d8%a2%d8%ae%d8%b1-%d8%a7%d9%84%d8%aa%d8%b7%d9%88%d8%b1%d8%a7%d8%aa-%d8%b9%d9%86-%d8%b5%d8%ad%d8%a9-%d8%a7%d9%84%d9%85%d9%84%d9%83-%d8%b3%d9%84%d9%85%d8%a7%d9%86-%d8%a8%d9%86-%d8%b9%d8%a8%d8%af-%d8%a7/

 

คลิปไฟไหม้ศูนย์เกษตรกรรมขนาดใหญ่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์สหรัฐอเมริกา